วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ที่มาของวันฮาโลวีน

วันฮาโลวีน (อังกฤษ : Halloween)

เป็น งานฉลองในคืนวันที่ 31 ตุลาคม ในประเทศทางตะวันตก

เด็กๆ จะแต่งกายเป็นภูตผีปีศาจพากันชักชวนเพื่อนฝูงออกไปงานฉลอง

มีการประดับประดาแสงไฟ และที่สำคัญคือแกะสลักฟักทองเป็นโคมไฟ

เรียกว่า แจ๊ก-โอ-แลนเทิร์น (jack-o'-lantern)

การฉลองวันฮาโลวีนนิยมจัดกันใน สหรัฐอเมริกา ไอร์แลนด์ สหราชอาณาจัก แคนาดา

และยังมีในออสเตรเลีย กับ นิวซีแลนด์ด้วย

รวมถึงประเทศอื่นในทวีปยุโรปก็นิยมจัดงานวันฮาโลวีนเพื่อความสนุกสนาน




ประวัติวันฮาโลวีน

วัน ที่ 31 ต.ค. เป็นวันที่ชาว เคลต์(Celt) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในไอร์แลนด์

ถือกันว่า เป็นวันสิ้นสุดของฤดูร้อน และวันต่อมา คือ วันที่ 1 พ.ย. เป็นวันขึ้นปีใหม่

ซึ่งในวันที่ 31 ต.ค. นี่เองที่ชาวเคลต์เชื่อว่า

เป็นวันที่มิติคนตาย และคนเป็นจะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน

และวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในปีที่ผ่านมาจะเที่ยวหาร่างของคนเป็นเพื่อสิงสู่

เพื่อที่จะได้มีชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

เดือดร้อนถึงคนเป็น ต้องหาทุกวิถีทางที่จะไม่ให้วิญญาณมาสิงสู่ร่างตน

ชาวเคลต์จึงปิดไฟทุกดวงในบ้าน ให้อากาศหนาวเย็น

และไม่เป็นที่พึงปรารถนาของบรรดาผีร้าย

นอกจากนี้ยังพยายามแต่งกายให้แปลกประหลาด ปลอมตัวเป็นผีร้าย

และส่งเสียงดังอึกทึก เพื่อให้ผีตัวจริงตกใจหนีหายสาบสูญไป


บางตำนานยังเล่าถึงขนาดว่า


มีการเผา "คนที่คิดว่าถูกผีร้ายสิง" เป็นการเชือดไก่ให้ผีกลัวอีกต่างหาก

แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนคริสต์กาล

ที่ความคิดเรื่องผีสางยังฝังรากลึกในจิตใจมนุษย์

ต่อมาในศตวรรษแรกแห่งคริสต์กาล

ชาวโรมันรับประเพณีฮาโลวีนมาจากชาวเคลต์แต่ได้ตัดการเผาร่างคนที่ถูกผีสิงออก

เปลี่ยนเป็นการเผาหุ่นแทน กาลเวลาผ่านไป

ความเชื่อเรื่องผีจะสิงสูร่างมนุษย์เสื่อมถอยลงตามลำดับ

ฮาโลวีนกลายเป็นเพียงพิธีการ การแต่งตัวเป็นผี แม่มด สั

ตว์ประหลาดตามแต่จะสร้างสรรค์กันไป

ประเพณีฮาโลวีนเดินทางมาถึงอเมริกาในทศวรรษที่ 1840

โดยชาวไอริชที่อพยพมายังอเมริกา สำหรับประเพณี

ทริกออร์ทรีต (Trick or Treat แปลว่า หลอกหรือเลี้ยง) นั้น

เริ่มขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 9 โดยชาวยุโรป ซึ่งถือว่า

วัน ที่ 2 พ.ย. เป็นวัน 'All Souls' พวกเขาจะเดินร้องขอ

'ขนมสำหรับวิญญาณ' (soul cake) จากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง

โดยเชื่อว่า ยิ่งให้ขนมเค้ก มากเท่าไร วิญญาณของญาติผู้บริจาคก็ได้รับผลบุญ

ทำให้มีโอกาสขึ้นสวรรค์ได้มากเท่านั้น




ส่วนตำนานที่เกี่ยวกับฟักทองนั้น

เป็นตำนานพื้นบ้านของชาวไอริช ที่กล่าวถึง แจ๊คจอมตืด

ซึ่งเป็นนักเล่นกลจอมขี้เมา วันหนึ่งเขาหลอกล่อปีศาจขึ้นไปบนต้นไม้

และเขียนกากบาทไว้ที่โคนต้นไม้ ทำให้ปีศาจลงมาไม่ได้

จากนั้นเขาได้ทำข้อตกลงกับปีศาจ 'ห้ามนำสิ่งไม่ดีมาหลอกล่อเขาอีก'

แล้วเขาจะปล่อยปีศาจลงจากต้นไม้ เมื่อแจ็คตายลง

เขาปฏิเสธที่จะขึ้นสวรรค์ ขณะเดียวกันปฏิเสธที่จะลงนรก

ปีศาจจึงให้ถ่านที่กำลังคุแก่เขา

เพื่อเอาไว้ปัดเป่าความหนาวเย็นท่ามกลางความมืดมิด

และแจ็คได้นำถ่านนี้ใส่ไว้ในหัวผักกาดเทอนิพที่ถูกเจาะให้กลวง

เพื่อให้ไฟลุกโชติช่วงได้นานขึ้น

ชาวไอริชจึงแกะสลักหัวผักกาดเทอนิพ และใส่ไฟในด้านใน

อันเป็นอีกสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีน

เพื่อระลึกถึง 'การหยุดยั้งความชั่ว' Trick or Treat

เพื่อส่งผลบุญให้กับญาติผู้ล่วงลับ และพิธีทางศาสนาเพื่อทำบุญวันปีใหม่

แต่เมื่อมีการฉลองฮาโลวีนในสหรัฐอเมริกา

ชาวอเมริกาพบว่า ฟักทองหาง่ายกว่าหัวผักกาดมาก

จึงเปลี่ยนมาใช้ฟักทองแทน หัวผักกาดจึงกลายเป็นฟักทองด้วยเหตุผลฉะนี้


ประเพณีทริกออร์ทรีต

ใน สหรัฐอเมริกาคือการละเล่นอย่างหนึ่งที่เด็กๆ เฝ้ารอคอย

ในวันฮาโลวีนตามบ้านเรือนจะตกแต่งด้วยโคมไฟฟักทองและตุ๊กตาหุ่นฟางที่เป็น

ส่วนหนึ่งของเทศกาลประเพณีเก็บเกี่ยว (Harvest) ในช่วงเดียวกันนั้น

แต่ละบ้านจะเตรียมขนมหวานที่ทำเป็นรูปเม็ดข้าวโพดสีขาวเหลืองส้มในเม็ดเดียวกัน

เรียกว่า Corn Candy และขนมอื่นๆไว้เตรียมคอยท่า ส่วนเด็กๆ

ในละแวกบ้านก็จะแต่งตัวแฟนซีเป็นภูตผีมาเคาะตามประตูบ้าน

โดยเน้นบ้านที่มีโคมไฟฟักทองประดับ (เพราะมีความหมายโดยนัยว่าต้อนรับพวกเขา)

พร้อมกับถามว่า "Trick or treat?" เจ้าของบ้านมีสิทธิที่จะตอบ treat

ด้วยการยอมแพ้ มอบขนมหวานให้ภูตผี(เด็ก)เหล่านั้น

ราวกับว่าช่างน่ากลัวเหลือเกิน หรือเลือกตอบ trick เพื่อท้าทายให้ภูตผีเหล่านั้นอาละวาด

ซึ่งก็อาจเป็นอะไรได้ ตั้งแต่แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกหลอน

ไปจนถึงขั้นทำลายข้าวของเล็กๆ น้อยๆ แล้วอาจจบลงด้วยการ treat เด็กๆ ด้วยขนมในที่สุด


http://variety.teenee.com/foodforbrain/11356.html

วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ดินเนื้อทอง ตอนที่4

ตอนที่ 3 (ต่อ)
หลังฟังเรื่องราวจากมุกหอมแล้ว สงกรานต์จึงชวนมุกหอมไปซื้อของเพื่อให้มีทันขายส้มตำในวันพรุ่งนี้ ขณะช่วยกันเลือกของอยู่ในห้างสรรพสินค้า ทวยเทพบังเอิญมาเห็นสองคนใกล้ชิดสนิทสนม จึงใช้โทรศัพท์มือถือแอบถ่ายเอาไว้หลายภาพ
พอเช้าขึ้น สงกรานต์เข้าออฟฟิศและพบว่าทุกคนกำลัง ดูภาพของเขากับมุกหอมและเม้าท์กันน้ำลายแตกฟอง สงกรานต์ ไม่ชอบใจ กระชากรูปคืนมา แล้วบอกว่า เมื่อวานมุกหอมโดนพังร้าน ที่เขาไปช่วยซื้อของก็เพราะมนุษยธรรม...มุกหอมกำลังจะเอาข้าวเหนียวหมูทอดมาตอบแทนสงกรานต์ ได้ยินคำพูดนี้เข้าถึงหน้าสลดด้วยความผิดหวัง
"เห็นเขาเดินเป๋อๆ ไม่มีที่พึ่ง ใครมาเจอสภาพมุกหอมเมื่อวาน ก็ต้องทำเหมือนผม"
ยิ่งฟังมุกหอมก็ยิ่งผิดหวัง ทิ้งถุงข้าวเหนียวหมูทอด หันหลังวิ่งออกไปยืนร้องไห้อยู่มุมหนึ่งในตึก อีกครู่สงกรานต์ ออกมาเห็น มุกหอมจึงประชด ขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเมื่อวาน เธอซึ้งในความเมตตาของเขามาก แต่วันหลังช่วยเอาความหวังดีเก็บไว้กับตัวเอง...ว่าแล้ววิ่งออกไป สงกรานต์ยังงงๆ แต่ก็
รีบตามไปเรียก และจะมอบซองเงินค่ารักษายายแคให้
เมื่อมุกหอมข้องใจว่าเจ้าของเงินเป็นใคร สงกรานต์บอกทันทีว่า เป็นคนที่เห็นใจมุกหอม ขอให้รับเงินไป ยายแคคงได้ อยู่โรงพยาบาลดีๆที่มุกดาหาร
"ตกลงว่านี่คุณอยากไล่ฉันกลับ" สงกรานต์ไม่ตอบ แต่เร่งให้รับเงินไป "ฉันไม่รับ ถึงฉันจะจน แต่ฉันก็ไม่ใช่คนหน้าเงิน ฉันเจ็บแล้วจำ จำไปถึงหัวใจ ว่าอยู่ที่นี่อย่าได้รับความช่วยเหลือจากใครอีก เพราะมันไม่ใช่ความจริงใจที่เขาหยิบยื่นให้ มันก็แค่เรื่องสนุกๆให้เขาเอามาหัวเราะเยาะ"
สงกรานต์หน้าเสีย เดินมายัดเงินใส่มือมุกหอม "เอาไปเถอะน่า"
"อยากไล่ฉันนักใช่มั้ย...ได้ ฉันจะไม่หนี ฉันจะอยู่ที่นี่ แล้วก็ทำให้คุณต้องกินส้มตำมุกหอม" มุกหอมยัดเงินใส่มือคืนสงกรานต์ แล้ววิ่งออกไป สงกรานต์วิ่งตาม แต่มุกหอมเข้าลิฟต์ ไปแล้ว จึงได้แต่ยืนพึมพำขอโทษมุกหอม...

หยาดพิรุณมาดักพบมุกหอม ซักถามมุกหอมว่าเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับยายแค หรือว่ายายแคสั่งให้มุกหอมมาหาเธอที่บ้าน...เมื่อไม่ได้คำตอบ หยาดพิรุณยิ่งร้อนใจ
"ฉันขอร้องนะมุกหอม ครอบครัวฉันมีความสุขมาตลอด ยายแคก็รู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมามันเป็นความผิดพลาด ทั้งฉัน ยายแค แล้วก็เธอ เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน"
"ที่จริงคุณรู้จักยาย แล้วทำไมวันก่อนถึงปฏิเสธว่าไม่รู้จัก"
"ฉันมีเหตุผล"
"เหตุผลคนหน้าไหว้หลังหลอก"
"มุกหอม เธอไม่ควรก้าวร้าวผู้ใหญ่"
"แล้วทำไมผู้ใหญ่มาทำร้ายเด็กล่ะคะ"
"ฉันกำลังขอร้องเธอดีๆ ให้เธอไปจากที่นี่ อยากได้ อะไรเพิ่ม บอกผ่านสงกรานต์ก็ได้"
"อ๋อ คุณนี่เองเจ้าของเงิน มิน่า ถึงได้ยกขบวนกันมาไล่ฉันทั้งแม่ยาย ลูกเขย ดีค่ะ ถ้าฉันมันเหมือนหนามตำใจนักล่ะก้อ ฉันก็จะไม่ไปไหน"
"เธอยังสาว จะทำอะไรก็คิดมากๆหน่อย ตวงใจเป็นลูกสาวคนเดียวของฉัน ไม่มีแม่คนไหนจะทนเห็นน้ำตาของลูก" หยาดพิรุณมองแหวนเพชรในนิ้ว แล้วดึงออกมายื่นให้ "พอมั้ยที่จะทำให้เธอยอมไปจากครอบครัวฉัน"
"ขอบคุณค่ะที่อุตส่าห์ลดตัวลงมาเตือนแม่ค้าอย่างฉัน แต่ช่วยจำไว้ด้วยว่า ทั้งเงินทั้งแหวนเพชรของคุณ มันไม่มีความหมายกับเราเลยสักบาท แล้วถ้าคุณจะไล่เราสองยายหลาน ออกไปจากชีวิตคุณ เราก็จะไป ขอแค่คุณกล้าไปหายาย"
"ฉันไม่ไป"
"งั้นคุณก็ไม่มีวันไล่เราได้ เพราะคุณไม่เคยมีบุญคุณ ไม่เคยมีความผูกพันอะไรกับเรา"
หยาดพิรุณโกรธจัด หันหลังเดินเร็วไป มุกหอมตัวชา ได้แต่มองแหวนในมือ ปล่อยให้น้ำตารินไหลออกมา
"แม่ใจร้าย ถ้าแม่ไม่รักยาย มุกหอมก็รักแม่ไม่ได้ เหมือนกัน"
เมื่อกลับมาที่ร้านส้มตำ มุกหอมเจอพีรพลกับสงกรานต์ รออยู่ พีรพลเห็นมุกหอมร้องไห้กลับมา จึงถามด้วยความเป็นห่วง นึกว่าถูกพวกเล้งคุกคามอีก พูดพลางก็ช่วยเช็ดน้ำตาให้ สงกรานต์ เห็นแล้วทั้งแอบหึงทั้งหมั่นไส้ ประชดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
"ดีนะ ได้คนงานใหม่เพิ่มขึ้นอีกคน"
"ผู้ชายซื่อๆ จริงใจขนาดนี้ ใครจะยอมให้เป็นแค่คนงาน ล่ะค่ะ พีรพลน่ะเขาเหมาะจะเป็น..."
"เจ้าของหัวใจ" สงกรานต์ต่อให้
"คุณสงกรานต์นี่คิดเก่งจังเลย คำนี้น่าใช้กับพีรพลมาก ค่ะ...เจ้าของหัวใจมุกหอม" มุกหอมประชดกลับ สงกรานต์ไม่ อยากทนฟัง รีบเดินออกไป มุกหอมมองตาม แววตาเสียใจไม่ น้อยกว่ากัน...

ooooooo

ตอนที่ 4
สงกรานต์หน้าตูมกลับออฟฟิศ แล้วเจอทวยเทพ กับวีณาแขวะเรื่องมุกหอม ยิ่งทำให้สงกรานต์หงุดหงิดมากขึ้น ศอกกลับสองคนนั้นก่อนผลุนผลันออกจากออฟฟิศไปอีก...สงกรานต์ตัดสินใจนำเงินไปคืนหยาด-พิรุณ และบอกว่ามุกหอมไม่ขอพึ่งเงินคนอื่น
"เด็กคนนี้หยิ่งยโส ไม่เห็นหัวผู้ใหญ่"
"ถ้าผมเป็นมุกหอม ผมก็คงไม่อยากรับเงินช่วยเหลือจากใครเหมือนกัน โดยเฉพาะถ้าเงินมันจะมาผูกมัดอนาคตเรา"
"สงกรานต์ เรื่องเธอกับมุกหอมไม่เหมือนกันนะ น้าไม่เคยคิดจะเอาเรื่องหนี้สินที่คุณทิพยงค์กู้ไปลงทุนมาบังคับให้เธอต้องแต่งงานกับลูกสาวน้า แต่น้าเห็นเธอเป็นผู้ชายที่อนาคตไกล แล้วเธอกับตวงใจก็รักกันมานาน"
"ผมกับตวง เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน"
"เธอพูดเหมือนไม่ได้รักลูกสาวน้า แล้วเธอรักใคร... มุกหอม?"
"มุกหอมไม่เกี่ยว ผมไม่ได้รักมุกหอม ผมขอร้องนะครับ เรื่องผมกับตวงมันไม่เกี่ยวกับมุกหอม ถ้าผมจะมีครอบครัว ผมก็อยากแน่ใจว่ามันไปตลอดรอดฝั่ง คุณน้าคงเข้าใจผม" สงกรานต์ เอ่ยเกรงใจ หยาดพิรุณจนด้วยเหตุผล เงียบไปอย่างหนักใจ
ด้านมุกหอมที่ได้แหวนของหยาดพิรุณกลับมาบ้านเช่า ใบคูณเห็นแหวนนี้เข้าก็ตื่นเต้น ซักว่าแหวนของใคร สวยจัง
"ผู้หญิงใจดำเขาเอามาฟาดหัวพี่...ใบคูณ ถ้าใบคูณมีแม่แล้วแม่ไม่ยอมรับว่าใบคูณเป็นลูก ใบคูณจะทำยังไง"
"ก็คงร้องไห้ไม่หยุด ทำไมจ๊ะ พี่มุกหอมทะเลาะกับแม่มาเหรอ"
"ใช่ พี่อยากให้แม่มาเยี่ยมยาย แต่เขาไม่มา"
"พี่มุกหอมขยันทำมาหากินอย่างนี้ ใบคูณว่าวันนึงพี่จะต้องรวยจนแม่พี่ตะลึง แล้วก็รีบกลับมาหายายกับพี่"
"สมพรปากนะจ๊ะ ขอให้รวย...ขอให้รวย"
"ใบคูณพอจะทำขนมได้ ให้ใบคูณลองทำไปขายนะ ร้านเราจะได้มีทั้งของคาวของหวาน"
"เอาสิ ใบคูณจะทำอะไรล่ะ"
มะเดื่อยืนลับๆล่อๆแอบฟังอยู่ด้านนอก พอได้ยินชัดว่า ใบคูณทำจริง และช่วยกันกับมุกหอมเตรียมของทำขนมขาย มะเดื่อจึงกลับไปรายงานคำปลิวที่นั่งลอยหน้าอยู่กับเล้งที่ร้านคาราโอเกะ คำปลิวโกรธจี๊ดที่มุกหอมจะมีของขายเพิ่ม ทั้งที่ส้มตำอย่างเดียวก็ทำให้ร้านของตนแทบจะต้องปิดร้าน เล้งเอาใจแฟนรีบอาสาไปจัดการให้ แต่คำปลิวบอกไม่ต้องถึงมือพี่เล้งหรอก แค่มะเดื่อคนเดียวก็พอ
ครั้นรุ่งเช้า มะเดื่อก็ไปด้อมๆมองๆที่บ้านเช่ามุกหอม พอเห็นมุกหอมเข็นรถส้มตำออกไปก่อน แล้วให้ใบคูณเอาขนมตามไปทีหลัง มะเดื่อรีบเข้ามาก่อกวนใบคูณจนหม้อสาคูเปียกหล่นจากมือหกเหลือแค่ก้นหม้อ

ขณะที่มุกหอมกำลังจัดร้าน สงกรานต์แกล้งเดินผ่าน มุกหอมเห็นแล้วแต่ทำเป็นไม่สนใจ จนสงกรานต์เดินกลับมาอีกรอบ มุกหอมจึงหยิบมีดมาลับกับครก พร้อมกับร้องบอก
"ถ้าจะมาสั่ง ร้านยังไม่เปิด แต่ถ้าจะมาจี๊ดสมอง เชิญไปห่างๆก่อน เช้านี้ไม่มีอารมณ์"
"เข้าข้างตัวเองตลอด คิดว่าฉันสนใจส้มตำโป๊กๆทึ่กของเธอตายล่ะ"
"ก็ถ้าไม่สนใจส้มตำ แต่ยังป้วนเปี้ยนแถวนี้ แสดงว่าสนใจแม่ค้า"
"หนุ่มออฟฟิศอย่างฉันน่ะนะ จะมาสนใจแม่ค้าอาภัพความสูง"
"คุณสงกรานต์! ฉันไม่มีความสุขเลยนะที่ต้องมาคอย ลับฝีปากกับผู้ชายเพี้ยน ประหลาด ประสาท ชอบหาเรื่องอย่างคุณ"
"อ๋อ ชอบแบบนุ่มนวลชวนฝัน ขยัน ขายของเก่งแบบเซลส์แมน วันนี้ไปไหนซะล่ะ หรือว่ามัวไปปีนต้นมะละกอ"
มุกหอมมองเคืองๆ อีกด้านใบคูณวิ่งมา เนื้อตัวยังเลอะเทอะสาคูเปียก...พอมุกหอมรู้ว่าใบคูณถูกมะเดื่อแกล้ง จึงลุยไปถึงบ้านคำปลิวที่มะเดื่ออาศัยอยู่ด้วย สงกรานต์วิ่งตามมาเตือน อยากให้คุยกันดีๆ มาลุยถึงถิ่นแบบนี้ เดี๋ยวได้เละเป็นโจ๊ก
"ฉันไม่ยอมปล่อยให้เขารังแกเหมือนเราไม่มีมือมีเท้า กลัวมีเรื่องก็กลับออฟฟิศไปเลย"
มุกหอมคว้ามือใบคูณตรงไป คำปลิวกำลังทาเล็บ มะเดื่อเห็นมุกหอมมาก็สะกิดบอกลูกพี่ว่าโจทก์มา
"คำปลิว...มีอะไรอีกที่เธอจะสรรหามาแกล้งฉันกับใบคูณ" มุกหอมตะโกนอยู่หน้าบ้าน คำปลิวเดินออกมา มะเดื่อตามหลัง ชาวบ้านเริ่มพากันมามุง
"มาถึงก็ใส่ร้ายกันฉอดๆ ฉันไปทำอะไรเธอจ๊ะ แม่ส้มตำมุกหอม ฉันก็นั่งบิวตี้อยู่ที่บ้านตั้งกะเช้า ชาวบ้านแถวนี้เขาก็เห็น เป็นพยานได้"
"แต่ลูกน้องเธอเทขนมใบคูณทิ้ง"
"ก็แค่ขนมถูกๆ เทให้หมากินสักหม้อสองหม้อ จะเป็นอะไรไป" คำปลิวลอยหน้าเถียง
"อ๋อ...แสดงว่านังดำนังด่างแถวนี้มันอยากกินขนมเธอนะใบคูณ ฉันกะแล้วว่ามันคงไม่มีปัญญาขอกินดีๆ ก็เลยเอาขนมมาฝากพวกหมาลอบกัด" ขาดคำ มุกหอมล้วงขนมเค้ก ก้อนขนาดพอมือออกจากถุงโปะหน้าคำปลิวเต็มๆ คำปลิวกรี๊ดกระจาย สงกรานต์รีบเข้ามาต่อว่ามุกหอม จะแซบไปถึงไหน มุกหอมกลับย้อนว่า "นี่มันเรื่องของแม่ค้า หนุ่มออฟฟิศอย่ายุ่ง"
ว่าแล้วมุกหอมพุ่งเข้าใส่คำปลิวกับมะเดื่อที่จะเล่นงานใบคูณ ชาวบ้านเลยลุ้นกันใหญ่ แต่มีคนหนึ่งร้องบอกให้ตามตำรวจมาเร็ว จากนั้นไม่นาน สองฝ่ายถูกตำรวจรวบตัวไปโรงพัก แต่คำปลิวกับมะเดื่อมีเล้งมาประกันตัว ขณะที่มุกหอมกับใบคูณทำท่าจะถูกยัดเข้าห้องขัง
ส่วนชมพูพ่อค้าขนมจีนก็ถูกจับมาโรงพักเหมือนกัน เพราะหาบขนมจีนไปวางในที่ห้ามขาย พอชมพูเห็นสงกรานต์ มาประกันตัวมุกหอมกับใบคูณ จึงอ้อนวอนขอความเห็นใจช่วยประกันตัวเขาออกไปด้วย
สงกรานต์ทำฟอร์มว่าที่มาประกันตัวเพราะสงสารใบคูณที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่กับความบ้าเลือดของมุกหอม ส่วนพีรพลที่เพิ่งมาถึงรีบตามมุกหอมกลับไปที่บ้านเช่า ชมพูยังติดสอยห้อยตามพวกมุกหอมมาขออยู่ร่วมชายคา มุกหอมคิดๆ เห็นว่าดีเหมือนกันที่จะมีตัวหารค่าเช่าห้องเพิ่มอีกคน จึงตอบตกลง แถมมีทำเลให้ขายขนมจีน แต่ไม่ได้ให้ฟรีๆ ต้องมีของแลกเปลี่ยนกันหน่อย

ooooooo

เช้ามืดวันใหม่ มุกหอม ใบคูณ และชมพู ออกไปจ่ายตลาด เจอลิลลี่แซวเรื่องเมื่อวานที่เกือบไปนอนตบยุงในคุก มุกหอมไม่ตอบโต้ แต่ให้ชมพูทำเหี้ยมข่มขู่ ชมพูเลยสนองซะมันสะใจ ทำตัวเป็นนักเลงปล้นฆ่าและข่มขืน เพิ่งถูกปล่อยจากคุกมาสดๆร้อนๆ ลิลลี่ได้ฟังก็กลัวจัด ถอยร่นไม่เป็นท่า
เมื่อสามคนร่วมแรงร่วมใจออกมาขายของ พีรพลกับสงกรานต์วิ่งหน้าตั้งมาก่อนลูกค้า พีรพลเป็นห่วงสองสาว กลัวชมพูที่เป็นชายหนุ่มจะทำรุ่มร่าม แต่ชมพูยืนยันว่า ถึงหน้าไม่หล่อ แต่เขาก็เป็นสุภาพบุรุษ
"ชมพูเขาเป็นองครักษ์พิทักษ์ร้านเรา" มุกหอมเสริมทันที
พีรพลเหล่ไปทางสงกรานต์ แล้วแขวะ "สงสัยจะมีคนกลืนน้ำลายตัวเองซะแล้ว เกลียดนักเกลียดหนา เกลียดเหลือ เกิน...ส้มตำ"
สงกรานต์ไม่พอใจ ตอบโต้พีรพลแบบนิ่มๆ ก่อนหันไปสั่งขนมจีนของชมพูมากิน พลางบรรยายสรรพคุณของขนมจีนว่า กินกับผักสดได้สารอาหารเต็มเปี่ยม ดีต่อสุขภาพ ถ่ายง่าย สบายอารมณ์
"งั้นก็กินเยอะๆนะคะ" มุกหอมโยนถาดผักมาตรงหน้าดังโครม "กินให้หมดทั้งถาดนี่แหละ อิ่มแล้วจะได้รีบไป"
"อย่าไปไล่เลยมุกหอม ใจจริงคงอยากชิมฝีมือมุกหอม แต่วางฟอร์มมากินขนมจีนชมพู"
สงกรานต์ขวางหูขวางตาพีรพลเหลือเกิน ชมพูเอาขนมจีนมาวาง และบอกว่าจานนี้ไม่คิดตังค์ ตอบแทนที่คุณสงกรานต์ช่วยประกันตัว
"ดีมากไอ้น้อง คนไทยมันต้องมีน้ำใจกันแบบนี้ ไม่เหมือนบางคน...สองคนเลยก็ได้ ใจจืดใจดำเหมือนกันเปี๊ยบ"
มุกหอมหมั่นไส้เดินมายกจานขนมจีนที่สงกรานต์กำลังจะตักกินออกไป สงกรานต์เหวอร้องขึ้นว่า ขนมจีนของผม...
"แต่นี่โต๊ะฉัน ร้านฉัน มาด่าฉันกับพีรพล ฉันก็เลยเปลี่ยนใจไม่ขาย"
"กลับไปกินแซนด์วิช พิซซ่าเถอะคู้ณ รสชาติมันคงแซบไฮโซกว่าอาหารร้านนี้"
"จำไว้เลย มุกหอม"
"ไม่จำค่ะ วันๆ ฉันก็มีเรื่องต้องคิดว่าจะทำยังไงถึงจะขายดิบขายดี เรื่องขี้ปะติ๋วของคุณมันก็เหมือนเห็บเหมือนหมัดคอยเกาะกวนรำคาญใจ แล้วจะจำทำไมให้เปลืองสมอง"
พีรพลเคาะโต๊ะรัว เป่าปากทำเสียงสะใจ สงกรานต์หน้ามุ่ยสะพายกระเป๋าเดินออกไป ใบคูณมองตามหน้าจ๋อย บ่นพี่มุกหอมรุนแรงเกินไปหรือเปล่า มุกหอมเลยประชดใส่ ให้ตามไปปลอบเขาซะ
ถึงตอนเที่ยง เพื่อนร่วมงานพากันออกไปกินส้มตำหน้าตึก สงกรานต์อยากไปแต่กลัวเสียฟอร์ม จึงนั่งทำงานต่อ อยากจะสั่งพิซซ่ามากินก็กลัวจะกินไม่หมด ทันใดตวงใจโผล่เข้ามา สองคนจึงพากันออกไปกินอาหารข้างนอก แต่แล้วสงกรานต์กลับนั่งคิดถึงแต่ส้มตำของมุกหอม จนเผลอพูดออกมา ทำให้ตวงใจเขม่นมองอย่างแปลกใจ
แล้วจู่ๆ วันรุ่งขึ้น ตวงใจก็จัดแจงซื้อข้าวของมาทำส้มตำแล้วเอาไปส่งให้สงกรานต์และเพื่อนๆถึงออฟฟิศ วีณากระเหี้ยนกระหือรือลองชิมก่อนใคร คิดว่าต้องอร่อยแน่เพราะส้มตำไฮโซหน้าตาดีดี๊ แต่พอเข้าปากคำแรกก็แทบจะคายทิ้ง ติงว่านี่มันส้มตำหรือว่ามะละกอล้างน้ำ
หลังจากนั้น วีณากับเพื่อนๆออกไปโซ้ยส้มตำของมุกหอมตามเดิม พอมุกหอมได้ยินวีณาเล่าว่าตวงใจทำส้มตำมาให้สงกรานต์กิน มุกหอมหน้าคว่ำ สะบัดพรืดกลับไปที่ครก วีณาเลยเม้าท์กับเพื่อนว่า หน้าตามุกหอมเหมือนคนอกหัก

ตกตอนบ่าย ทวยเทพเอางานที่ได้รับมอบหมายมาเสนอแนนนี่ ปรากฏว่ามันทั้งเชยทั้งเก่า แนนนี่ติแล้วติอีก ก่อนจะโยนงานโฆษณาเครื่องดื่มชูกำลังชิ้นนี้ไปให้สงกรานต์ทำต่อ
พีรพลยังแวะเวียนมาช่วยมุกหอมขายส้มตำ พอใกล้ค่ำก็ช่วยขนของกลับบ้านเช่า ระหว่างนี้เองพีรพลได้ยินมุกหอมคุยกับใบคูณกับชมพูว่า ตรงหน้าตึกที่ขายส้มตำจะปรับเปลี่ยนเป็นร้านค้าติดแอร์ พีรพลจึงเกิดไอเดีย จะพลิกวิกฤติเป็นโอกาส หาที่ขายใหม่ในห้าง ให้พวกเล้งกับคำปลิวตามขึ้นไปไม่ได้ หรือจะเปิดร้านใหญ่ๆ ทำแฟรนไชส์ประเดิมสักห้าสาขา
มุกหอมฟังแล้วกลับหาว่าพีรพลเพ้อเจ้อ พีรพลเถียงว่าไม่เพ้อ เขาจะเป็นนายทุนให้เอง
"เซลส์ขายรถจะมาออกทุนให้แม่ค้าส้มตำ?"
"ก็ผมอยากค้าขายไง ถ้ากล้าเสี่ยงลงทุน มุกหอมจะมีเงินเยอะๆไว้รักษายาย"
"แล้วถ้าขาดทุน เจ๊งล่ะ"
"มะเดื่ออาจจะหลอกเราก็ได้ อาจจะเป็นแผนของคำปลิว รอดูอีกสักพักดีกว่านะพี่" ใบคูณยังไม่ไว้ใจมะเดื่อที่มาป่าวประกาศ ชมพูจึงประชดทันที
"รอให้เขามาไล่ วิ่งหาร้านไม่ทันชาวบ้าน ต้องไปแย่งที่กับคนอื่น วิ่งหนีเทศกิจตับแลบ"
"ไม่เอาน่าชมพู อย่ายั่วใบคูณสิ" มุกหอมปราม
"ก็ซื่อเหลือเกิน ซื่อจนน่ารำคาญ ต้องรอให้อดตายไส้ขาดก่อน ถึงจะคิดออก"
ใบคูณมองค้อนชมพู เดินออกไปอย่างโมโห พีรพลยังปรารถนาดี ถ้ามุกหอมสนใจเรื่องลงทุน เขาพอจะช่วยได้
"ขอบใจนะ เก็บเงินไว้เถอะ แค่ที่พีรพลมาช่วยทุกวันนี้ ก็มีค่ามากกว่าเงินทองหลายเท่า"
มุกหอมพูดจากใจจริง พีรพลถึงกับยิ้มหน้าบาน พอ
กลับไปพบพ่อจึงเลียบเคียงเรื่องเงินลงทุน พิชญะเตือนลูกที่ชักจะเป็นเอามาก ให้เลิกคิดดีกว่า ต่อให้มุกหอมเป็นรักแท้ที่ลูกตามหา พ่อก็ไม่มีวันยอมรับลูกสะใภ้เป็นแม่ค้า
"มุกหอมไม่ใช่แม่ค้าธรรมดานะพ่อ เขาขยัน ซื่อสัตย์ รักยาย เป็นคนดี"
"แต่ลูกสะใภ้ฉันต้องสวย รวย เก่ง"
"มุกหอมก็เริ่มจากสวย ขายของเก่ง อีกหน่อยก็รวย"
"การศึกษาต้องสูงมาก"

"อ๋อ แน่นอน สูงอยู่แล้ว" พีรพลยักคิ้วมั่นใจ ยิ้มให้พ่ออย่างไม่ยอมแพ้
มุกหอมกำลังเรียนในระดับปริญญาตรี เธอใช้เวลาเรียนรอบค่ำหลังจากเลิกขายส้มตำ...ค่ำนี้เอง หลังจากเรียนเสร็จ มุกหอมเอาตำรามานั่งอ่านหน้าตึกออฟฟิศของแนนนี่ สงกรานต์ ออกมาเจอ เพิ่งรู้ว่ามุกหอมเรียนด้วยค้าขายด้วย ก็รู้สึกทึ่งไม่น้อย
สองคนเริ่มคุยกันดีขึ้น แต่บางครั้งก็ยังมีกวนๆใส่กันบ้าง สงกรานต์แนะนำที่แห่งหนึ่งซึ่งสงบเงียบให้มุกหอมเอาไว้อ่านหนังสือ ปรากฏว่ามุกหอมชอบมาก และคุยเล่นกับเขาอย่างสนิทใจมากขึ้น
สงกรานต์กลับเข้าบ้านค่อนข้างดึก เจอแม่หลับพับคาแก้วไวน์อยู่ที่โซฟา จึงประคองพาเข้าห้องนอน ก่อนจะออกมาคุยกับพ่อ ถึงรู้ว่าแม่กลุ้มใจเพราะหุ้นตก หาเงินหมุนไม่ทัน หนี้ทบต้นทบดอก จนแม่ต้องไปยืมเงินหยาดพิรุณมาอีก
"คราวนี้มันจำเป็นจริงๆ เจ้าหนี้เขาทวงมา พ่อก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปโป๊ะ"
สงกรานต์หน้าเครียด ราชาเดินมาแตะไหล่ลูก
"พ่อรู้ว่าแกรู้สึกยังไง แต่ถ้าพ่อกับแม่มีทางออกที่ดีกว่านี้ พ่อก็คงไม่ต้องขอร้องให้แกทำดีกับหนูตวงใจเขาบ้าง"
"ผมไม่ลำบากใจที่จะทำดีกับตวง แต่ถ้าจะให้ผมรักตวง ผมคงฝืนตัวเองไม่ไหว"
"แกรักใครอยู่ แม่ค้าส้มตำคนนั้นหรือเปล่า"
สงกรานต์ไม่ตอบ ราชามองแววตาลูกแล้วหวั่นใจ
"แกเรียนเก่ง ฉลาด หวังว่าคงจะเลือกเป็น ว่าผู้หญิงแบบไหนที่เหมาะจะแต่งงานด้วย" ราชาทิ้งท้ายก่อนจะผละไป สงกรานต์มองตาม แล้วหันกลับมาพึมพำหน้าเศร้า
"ผมรู้ว่าไม่ควรรักคนอื่น...ใจผมมันก็กำลังห้ามตัวเอง อยู่"

ooooooo

เมื่อแว่วข่าวว่าอาจจะไม่มีที่ทำมาหากิน เช้านี้มุกหอมกับใบคูณและชมพูไปเดินตลาดของหยาดพิรุณ ชมพูเห็นว่าตลาดนี้สะอาด กว้างขวาง และคนมาเดินเยอะ จึงเสนอให้มุกหอมเลือกที่นี่ แต่มุกหอมสวนทันทีว่า เธอไม่ชอบตลาดนี้
"แม่คุณตวงใจเป็นเจ้าของตลาด" ใบคูณรีบกระซิบบอกชมพู มุกหอมย้ำว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตวงใจ มันเป็นเรื่องของตนกับหยาดพิรุณ
ระหว่างนี้เอง กลุ่มของเล้งเดินเฉียดมา คำปลิวทำปากยื่น "จะมาหาแผงว่างล่ะสิ ที่นี่ไม่มีที่ให้แกขายหรอก โน่น... อยากขายไปขายหน้าส้วม"
"ฉันจะได้ขาย หรือไม่ได้ขาย ไม่ใช่พวกเธอที่จะมาชี้นิ้วสั่ง" มุกหอมโต้
"มันคิดจะเกาะบารมีคุณนายหยาดพิรุณ" ลิลลี่โพล่งขึ้น
"คุณนายก็ไม่เกี่ยว เพราะถ้าพวกฉันมีเงินจ่ายค่าแผง ฉันก็มีสิทธิ์ขายของที่นี่"
"ก็ลองมาสิ" คำปลิวทำก๋า ใบคูณไม่อยากมีเรื่อง ดึงมือมุกหอมให้ไปหาตลาดอื่น ชมพูจำต้องเดินตาม ทั้งที่ขัดใจจะแย่...

ดินเนื้อทอง ตอนที่3

ตอนที่2 (ต่อ)
สงกรานต์เบื่อหน่าย แต่สุดท้ายก็ต้องตามใจตวงใจ พาไปร้องคาราโอเกะ
โดยชวนเพื่อนพ้องที่ออฟฟิศของเขาไปด้วย แต่แล้วตวงใจกลับทำเซอร์ไพรส์ ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า เธอกำลังจะแต่งงานกับสงกรานต์ คืนนี้ขอเธอเป็นเจ้ามือเอง ถือว่าฉลองล่วงหน้า
สงกรานต์ไม่พอใจ ลุกพรวดหนีออกไปทันที ตวงใจทิ้งไมค์วิ่งตามไปถึงลานจอดรถ
"สงกรานต์...โกรธตวงใจทำไมคะ เรารักกัน วันนึงก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว"

"ขอให้ผมเป“นคนพูดคำนั้นได้มั้ยตวง ผมอยากขอแต่งงานกับคุณ ไม่ใช่ถูกผู้หญิงมัดมือชก" พูดจบสงกรานต์ก็ขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งตวงใจที่ไม่ทันตั้งตัว ได้แต่ร้องกรี๊ดๆอยู่ตรงนั้น
ด้านมุกหอมที่ไม่ยอมให้พีรพลเข้าไปส่งถึงบ้านเช่า...
พอมุกหอมเข้าบ้าน ถูกยายซักถามว่าหายไปไหนมาทั้งวัน มุกหอมจึงเล่าเรื่องเจอแม่และช่วยแม่ ทำให้ยายแคไม่พอใจ ขึ้นเสียงสั่งให้ลืมเรื่องแม่ซะ
"ทำไมล่ะจ๊ะยาย แม่ยังไม่ตาย ยายคิดถึงแม่ มุกหอมเคยเห็นยายแอบร้องไห้ วันนี้เราเจอแม่แล้ว ทำไมเราไม่วิ่งเข้าไปกอดแม่ให้หายคิดถึง"
"ข้าบอกว่าอย่าไปยุ่งกับเค้า อย่าเอาชีวิตเราไปทำให้คุณหยาดพิรุณมัวหมอง" ยายแคพูดได้เท่านั้นก็โงนเงนทรุดลง มุกหอมตกใจรีบพายายออกไปหาหมอ เผอิญระหว่างทางสงกรานต์ขับรถผ่านมาเจอ สงกรานต์กำลังหงุดหงิดเรื่องตวงใจ บวกกับมุกหอมเคยทำไม่ดีกับเขาหลายครั้ง จึงแล่นรถเลยไป ทิ้งสองยายหลานพยุงกันทุลักทุเลอยู่ริมถนน...


ooooooo

ตอนที่ 3
เช้าแล้ว ยายแคยังนอนไม่รู้สึกตัวในห้องคนไข้รวมของโรงพยาบาล ซึ่งพยาบาลก็ยังให้คำตอบแก่มุกหอมไม่ได้ว่ายายแคจะ้ฟื้นเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้มุกหอมต้องไปพบฝ่ายการเงินก่อน
หลังจากไปติดต่อฝ่ายการเงินเสร็จแล้ว มุกหอมกลับออกจากโรงพยาบาลด้วยความหนักใจ เพราะค่ารักษาค่ายาของยายเป“นหมื่น ขณะเดินคิดจนกลุ้มไม่รู้จะไปหาเงินจากไหน มุกหอมมองไปเห็นวัยรุ่นขี้ยากำลังเอามีดจี้หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเธออยู่ในพงหญ้าข้างทาง มุกหอมคว้าไม้แถวนั้นไปซัดไอ้หนุ่มขี้ยาจนมีดหลุดจากมือ วิ่งแจ้นจากไป
ขณะที่มุกหอมช่วยใบคูณที่ยังหวาดกลัวตัวเนื้อสั่น ชมพู พ่อค้าขนมจีนผ่านมาเห็น ชมพูเข้าใจผิดคิดว่ามุกหอมกำลังจี้ปล้นใบคูณ จึงวางหาบขนมจีนเอาไม้คานมาฟาดมุกหอม มุกหอมตกใจรีบหลบ แต่ไม้คานก็เฉี่ยวโดนหางคิ้วเป“นรอยแดง
ชมพูรีบดึงใบคูณลุกขึ้นให้วิ่งหนี แต่ใบคูณกลับขัดขืนไม่ไป ร้องบอกว่าเขามาช่วย ไม่ใช่คนร้าย ชมพูตกใจ เห็นมุกหอมกำลังโซเซลุกไม่ขึ้น
"เอาแล้วไอ้ชมพู ช่วยไม่ดูตาม้าตาเรือ โทษทีนะน้อง บังเอิญเข้าใจผิด" ว่าแล้วชมพูก็รีบหาบขนมจีนวิ่งหนีตัวปลิว
"อย่าให้เจออีกนะ ไอ้พ่อค้าขนมจีน" มุกหอมตะโกนไล่หลังอย่างเจ็บใจ
จากนั้น ใบคูณตามมุกหอมไปถึงบ้านเช่า พอเห็นอุปกรณ์ขายส้มตำ ใบคูณจึงเอ่ยปากขออยู่ช่วยมุกหอมขายส้มตำ เพราะใบคูณเพิ่งเข้ามาหางานทำ แต่ตอนนี้ถูกจี้ไม่เหลือเงินสักบาท...

มุกหอมนิ่งคิด ถ้ามีคนช่วยก็ตำได้หลายครก หลายครกก็มีกำไรไปเป“นค่ารักษายาย
"ได้ แต่ใบคูณต้องช่วยค่าห้องด้วยนะ หรือว่าจะให้พี่หักจากค่าแรง"

"หักเลยจ้ะ ยังไงใบคูณก็ขอแค่มีที่อยู่ มีงานทำ"
"งั้นไปทดลองงานวันแรกเลย"
พอใบคูณไปเริ่มงาน มะเดื่อก็เร่เข้ามาเจ๊าะแจ๊ะ แต่เจอมุกหอมควงสากสกัด ระหว่างนี้เอง ชิบกับลิลลี่เดินกร่างเข้ามาถามหามุกหอม แล้วบอกให้รีบไปพบลูกพี่ของตนโดยด่วน มุกหอมสงสัยว่าลูกพี่ของสองคนนี้เป็นใคร และมีอะไรจะคุยด้วย จึงเดินตามออกไป
ริมถนนหน้าร้านกาแฟ เล้งยืนเก๊กท่ารออยู่ มุกหอมพอเห็นว่าเป“นเล้งก็ไม่สบอารมณ์นัก
"ฉันขอเตือนว่าหน้าใหม่อย่างเธอ อย่าเที่ยวได้เจ๋อไปเข้าข้างคุณนายหยาดพิรุณ ไม่งั้นหน้าขาวๆ มือสวยๆ จะต้องเลือดสาด" เล้งไม่พูดเปล่า ชักมีดที่เอวออกมาขู่ด้วย แต่มุกหอมกลัวซะที่ไหน คว้ามีดสนิมเขรอะมาหน้าตาเฉย ทำเอาเล้ง
ร้องเฮ้ยตกใจ ชิบกับลิลลี่ก็พลอยสะดุ้ง
สงกรานต์นั่งมองผ่านกระจกอยู่ในร้านกาแฟ แต่พอทั้งกลุ่มหันมองมา สงกรานต์ทำเป“นเก๊กไม่มอง ก้มหน้าก้มตาอ่านแมกกาซีน ดูดกาแฟ ทำให้มุกหอมหมั่นไส้ พอพวกเล้งแยกย้ายกันไป สงกรานต์จึงออกมาต่อว่ามุกหอม ทั้งที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
"ทะเลาะกับเขาไปทั่ว ระวังจะอยู่ได้ไม่นาน"
"เป็นห่วงแม่ค้าล่ะสิ" มุกหอมพูดลอยๆ แล้วเดินหนี
"ห่วงเธอ จะห่วงทำไม เธอทำชีวิตฉันเจ๊งเป็นโดมิโน ถูกพี่แนนนี่ด่า ทวยเทพฉกงานไปเห็นๆ โดนบังคับแต่งงาน เครียดจนต่อมสร้างสรรค์อุดตัน"
มุกหอมหันขวับกลับมา สงกรานต์เบรกไม่ทัน สองคนประจันหน้ากัน

"ร้านฉันโดนไล่ มาเฟียยกพวกมาขู่ มีแม่ก็เหมือนไม่มี ยายก็มานอนเจ็บ"
"ยายแคเป“นอะไร"
"เป็นลม ไม่ฟื้น นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ที่โรงพยาบาล"
"เมื่อคืนหรือเปล่า"
"ใช่ แล้วก็มีสุภาพบุรุษจ๋า พลเมืองดีสุดๆ ใส่เกียร์สุนัขขับรถหายไปต่อหน้าต่อตา"
"ขอโทษที่ไม่ได้ช่วย แล้วเธอจะทำยังไงต่อ มุกหอม"
"แม่ค้าอย่างฉันจะทำไงได้ล่ะ ไม่ดิ้นก็ตาย ยังไงก็ต้องตำส้มตำหาเงินค่ายา แต่ถ้าสู้ไม่ไหว ฉันก็จะพายายกลับบ้าน" พูดจบมุกหอมก็หันหลังเดินออกไป สงกรานต์มองตามด้วยความเห็นใจ


ooooooo


เล้งกลับไปที่เขียงหมูในตลาด มุ่งมั่นลับมีดให้คมกริบ...เฮียตู้ผู้พ่อนั่งใช้ความคิดอยู่ใกล้ๆ ส่วนชิบกับลิลลี่ก็ยังเกาะติดสองพ่อลูก
"สวยก็งั้นๆ ดันทำหยิ่ง...
แหม เห็นแล้วลิลลี่อยากจะโดดตบให้ลืมทางกลับร้าน"
"จัดการให้แฟนผมด้วยนะเฮียตู้ พี่เล้ง" ชิบรีบเอาใจลิลลี่
"ไม่มีปัญหา คราวหน้าฉันจะกะซวกไส้มันมาทำพะโล้"

"พี่เล้งรับปากแล้ว ลิลลี่ก็สบายใจ ต่อไปนี้คงไม่มีใครสวยเกินลิลลี่ ไปค่ะพี่ชิบ พาลิลลี่ไปทำเล็บ ทรีตเมนต์หน้า ลบตีนกา ฉีดผิวขาว" ลิลลี่จูงมือชิบเดินออกไป เฮียตู้หันมาทางเล้ง
"แน่ใจนะว่านังแม่ค้าส้มตำจะไม่มาสอดรู้สอดเห็นเรื่องที่เราโกงคุณนาย"
"มันไม่กล้าแล้วล่ะพ่อ ระวังก็แต่มือไม้ของเราอย่างไอ้ชิบกับนังลิลลี่ดีกว่า ต้องเป่าหูมันให้เกลียดคุณนายเข้าไว้ เราจะได้มีพวกเป“นพ่อค้าแม่ค้าทั้งตลาด"
"ทั้งโกงตาชั่ง ทั้งกินหัวคิวค่าเช่าแผง กว่านังคุณนายมันจะรู้ เราก็มีกินมีใช้เหลือเฟือ" สองพ่อลูกหัวเราะ แตะมือกันอย่างเจ้าเล่ห์...


เมื่อตอนเช้าหยาดพิรุณแอบไปหายายแคที่ร้านส้มตำแต่ไม่เจอ ถามมะเดื่อก็ไม่ได้คำตอบว่ายายแคไปไหน พอตกบ่ายมุกหอมมาปรากฏตัวที่หน้าบ้าน
ตวงใจทำท่าจะมาไล่อีกตามเคย แต่หยาดพิรุณขอไปคุยกับมุกหอมเอง ให้ตวงใจรอแม่อยู่ตรงนี้ อย่าออกไป
มุกหอมถามหยาดพิรุณว่ารู้จักยายแคหรือเปล่า หยาดพิรุณมีสีหน้าตกใจ
ไม่ทันพูดอะไร ตวงใจก็เดินรี่ออกมา หยาดพิรุณจึงตอบมุกหอมไปว่า ไม่รู้จักยายแค และไม่เคยได้ยินชื่อนี้ มุกหอมเสียใจ สวนทันควันว่า "คุณโกหก"
หยาดพิรุณเหลือบมองตวงใจที่ตรงเข้ามา
แล้วรีบไล่ มุกหอมกลับไป อย่ามารบกวนครอบครัวของเธออีก
"ตอนนี้ยายไม่สบาย คุณไปเยี่ยมยายหน่อยนะคะ"
"ฉันไม่ไป ฉันไม่รู้จักคนที่หนูพูดถึง ยาม ไล่เด็กคนนี้ออกไป...

ตวงใจ เข้าบ้าน"
"คุณแม่คะ ปล่อยมันไว้ไม่ได้แล้วนะคะ"
"เข้าบ้านเถอะลูก อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ"
มุกหอมอึ้ง น้ำตาคลอ จำต้องถอยออกมา
ส่วนสองแม่ลูกที่กลับเข้าไปในบ้าน ตวงใจรู้สึกแปลกใจ เมื่อเห็นแม่เดินไปเดินมา
"ตวงเคยคุยอะไรกับมุกหอมหรือเปล่า"
"ไม่ค่ะ ตวงดูตาก็รู้แล้วว่ามันเป็นพวกตะกายดาว มาทำตัวเจ๊าะแจ๊ะที่ตึกเพราะหวังจะมีคนดัน แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ ผู้หญิงพรรค์นี้ ตวงใจรับมือได้อยู่แล้ว"
"ตวง ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะมาพูดอะไร ลูกอย่าฟังนะ ลูกต้องเชื่อแม่คนเดียว"

"ค่ะ แม่ไม่ต้องกลัวนะคะ ตวงจะไม่ยอมให้มุกหอมเข้าใกล้แม่เลยค่ะ"
หยาดพิรุณกอดลูกไว้อย่างหวงแหน...ขณะเดียวกัน มุกหอมย้อนกลับไปโรงพยาบาล นั่งกุมมือยายแคที่ยังนอนไม่ได้สติ รำพันด้วยความเศร้าใจ
"ชีวิตเราไม่มีความหมายกับเขา แม่ไม่ต้องเรียกมุกหอมว่าลูกก็ได้ ขอแค่มาเยี่ยมยายสักครั้ง ขอแค่แม่มากอดยาย เผื่อยายจะฟื้นขึ้นมา..."พีรพลมาคอยมุกหอมอยู่ที่ร้านส้มตำ สอบถามใบคูณว่ายายของมุกหอมป่วยนอนอยู่โรงพยาบาลไหน
ใบคูณก็เอาแต่ส่ายหน้าลูกเดียวอย่างไม่ไว้ใจ จนเมื่อใบคูณเก็บร้านแล้วกลับไปบ้าน เล่าให้มุกหอมฟัง ถึงรู้ว่าพีรพลเป“นเพื่อนมุกหอมเอง เป“นคนใจดี ชอบช่วยเหลือคน ไม่มีพิษไม่มีภัย
"งั้นวันหลังถ้าเขาถามเรื่องพี่มุกหอม ใบคูณจะบอก แล้ววันนี้ไปเยี่ยมยาย เป“นยังไงบ้างพี่"

ตอนที่ 3
"ยังไม่ฟื้นเลย...ใบคูณ ถ้าพี่พายายกลับบ้าน ใบคูณจะเช่าห้องต่อมั้ย"
"ใบคูณไม่มีญาติพี่น้องที่นี่สักคน"
"พี่ก็ไม่มีใครเหมือนกัน หรือถึงมี ก็เหมือนไม่มี...ใบคูณจะไปหางานก็ได้นะ พรุ่งนี้พี่จะไปขายอีกวัน แล้วก็เตรียมเก็บของกลับมุกดาหาร"
ใบคูณฟังแล้วหน้าจ๋อยทันที...เวลาเดียวกันนี้ พีรพลยังอยู่ที่โชว์รูมรถ นั่งบ่นเป“นห่วงมุกหอมไปไหนทำไมไม่บอก... พิชญะได้ยินถึงกับออกปาก
"ไอ้นี่ เป“นเอามาก อยากรู้ว่าเขาอยู่ไหน ก็ไปตามถึงบ้านสิวะ"
"รู้จักบ้านก็ไปนานแล้ว ไม่มายืนให้พ่อสอนหรอก"
"เอาน่า ยังไงแกก็ไปดักรอเขาที่ตลาดทุกเช้าอยู่แล้วนี่ สนุกมั้ยวะ ตื่นตีสามไปช่วยแม่ค้าซื้อของตอนตีสี่"
"ไม่เคยได้ยินเหรอพ่อ ความรักชนะทุกสิ่ง" พิชญะหัวเราะฮึๆ ที่เห็นหน้าตาลูกชายจริงจังมาก...

ooooooo

ขณะที่มุกหอมกำลังเตรียมร้านในเช้าวันนี้ สงกรานต์เดินมาด้อมๆมองๆ พอมุกหอมเหลือบเห็น จึงควงสากไปซักถาม สงกรานต์กลับบอกว่า ตรงนี้ถนนสาธารณะ ไม่ใช่ของใครคนเดียว และตนก็ต้องผ่านทางนี้ไปขึ้นตึก
"นึกว่าผ่านมาเพราะอยากกินส้มตำ"
"ผมไม่ชอบส้มตำ มันไม่มีประโยชน์"
"คนอย่างคุณนี่ การศึกษาไม่ได้ช่วยอะไรจริงๆ
ส้มตำน่ะมีวิตามินจากผักสด ของสด แต่พอเห็นเป“นอาหารไทย กินอิ่มแต่ไม่เท่ ก็เลยต้องทำเป“นพวกตัวไทยใจฝรั่ง กินให้แปลก กินให้เปลืองเข้าไว้ จะได้เหนือกว่าชาวบ้าน"
"เธอคิดว่าส้มตำของเธอสุดยอดแล้วเหรอ"
"แน่นอน ไม่เชื่อก็ลองไปถามพนักงานในตึกดูสิคะ ส้มตำยายแค 20 บาท อิ่มทน อิ่มนาน"
"ส้มตำน่ะ มันไม่ใช่ที่สุดของอาหารหรอก"
"ก็เหมือนกันนั่นแหละ สุดยอดครีเอทีฟก็ไม่ใช่คุณ"
"เธอดูถูกผิดคนแล้วล่ะมุกหอม ฉันจะทำให้เธอเห็นว่าสุดยอดครีเอทีฟเขาเป“นกันยังไง มันไม่ได้ง่ายๆเหมือนตำส้มตำ"
"มาแข่งกันมั้ยล่ะ ว่าฉันจะทำให้ส้มตำเป“นอาหาร
สุดยอดได้เร็วกว่าที่คุณคิดงานซะอีก ฉันท้าเลยก็ได้ ให้พวกพนักงานออฟฟ”ศมาเป“นกรรมการ"
"ได้...ฉันรับคำท้า" หนุ่มสาวจ้องหน้าประสานสายตาอย่างไม่ยอมแพ้กัน
หลังจากนั้นไม่นาน มุกหอมเริ่มป่าวร้องและขึ้นป้ายส้มตำร้อยครก ครกละสิบบาท อิ่มไม่อั้น วันนี้วันเดียวเท่านั้น...

ฝ่ายสงกรานต์ก็เข้าออฟฟ”ศ รีบคิดงานชิ้นใหม่เพื่อแข่งขัน แต่ทำไปทำมาทั้งเจ้านายและเพื่อนพ้องน้องพี่กลับหายจ้อยออกจากห้องประชุมไปโซ้ยส้มตำราคาถูกของมุกหอม สงกรานต์
ฉุนกึก ตามออกไปเห็นมุกหอมกำลังขายดี ก็ยิ่งไม่พอใจ
คำปลิวเป“นอีกคนที่หมั่นไส้มุกหอมที่ขายดีแย่งลูกค้าไปหมด จึงสั่งมะเดื่อแอบฉกมะละกอของมุกหอมไป
ทำให้ส้มตำทำท่าจะไม่ครบร้อยครกอย่างที่ป่าวประกาศ สงกรานต์ได้ทีเยาะยั่วมุกหอมจนเกิดมีปากเสียงกันขึ้น
แต่แล้วพีรพลมาทันเวลา เพราะก่อนหน้านี้มุกหอมโทร.ไปบอกว่าเธอกำลังแข่งขันกับสงกรานต์ ส่วนตวงใจที่พ่อพาไปดูรถที่โชว์รูมของพีรพล เกิดได้ยินพีรพลคุยโทรศัพท์ กับมุกหอม จึงรีบตามมาเหมือนกัน
พีรพลมาถึงก็รีบอาสาไปซื้อมะละกอให้มุกหอม ขณะที่ตวงใจไม่พอใจสงกรานต์ที่ลงมาอยู่ร้านส้มตำ เริ่มซักฟอกด้วยความหึงหวง...
ที่ตลาด ชิบกับลิลลี่รู้เห็นว่าพีรพลมาซื้อมะละกอ สองคนเกิดระแวงว่าพีรพลอาจเป“นสายของมุกหอมที่เข้ามาสืบความลับเรื่องเฮียตู้คิดคดโกงตลาด จึงรีบไปรายงานให้รู้ตัว เฮียตู้กับเล้งได้ฟังก็พลอยตื่นตูมไปกับชิบและลิลลี่ด้วย กลัวมุกหอมจะคาบข่าวไปรายงานหยาดพิรุณ จึงจ้องหาทางจัดการทั้งมุกหอมและสายสืบหน้าหล่อให้เลิกสาระแน
เมื่อมะละกอได้มาแล้ว มุกหอมกับใบคูณเร่งมือกันใหญ่ มีพีรพลช่วยเต็มที่ แต่แล้วเกิดปัญหาขึ้นมาอีก จานหมดไม่มีจะใส่ส้มตำ ตวงใจชิงสมน้ำหน้ามุกหอมว่าไม่มีทางทำสำเร็จครบร้อยครกแน่ เช่นเดียวกับสงกรานต์ที่บอกให้มุกหอมยอมแพ้เขาซะ แต่มุกหอมงัดไม้เด็ด โชว์จานกระทงใบตองที่เตรียมไว้แล้ว ทำเอาหลายคนอึ้งและทึ่งในไอเดียของมุกหอม
และแล้วส้มตำร้อยครกของมุกหอมก็สำเร็จเสร็จลง ท่ามกลางเสียงปรบมือของลูกค้าที่เบียดเสียด คำปลิวเห็นแล้วโกรธแทบเต้น เพราะแม้แต่มะเดื่อก็ยังลืมตัวเสนอหน้าไปร่วมยินดีกับมุกหอม
"ขอบคุณจ้ะ ขอบคุณทุกๆคนที่มาอุดหนุนส้มตำยายแค ที่จะขายวันนี้เป“นวันสุดท้าย" เสียงมุกหอมประกาศ พีรพลหันขวับไปถามหาเหตุผล เช่นเดียวกับลูกค้าที่พากันถามเสียงเซ็งแซ่ มุกหอมสะเทือนใจ ตอบเสียงเศร้า "ยายแค เจ้าของสูตรส้มตำที่ทุกๆคนกิน กำลังนอนป่วย ไม่รู้อีกนานแค่ไหนถึงจะฟื้น"
"เย้...ยายแคจะตายแล้ว" คำปลิวตะโกนออกมาด้วยความดีใจ แต่พอเจอสายตาพิฆาตของทุกคน ก็ก้มหน้าจ๋อยสนิท
เมื่อรู้ว่ามุกหอมเดือดร้อนไม่มีค่ายาค่ารักษายายแค ลูกค้าทุกคนต่างหยิบยื่นเงินให้คนละเล็กละน้อย ไม่เว้นแม้แต่แนนนี่ที่ไม่เคยรู้จักยายแค ก็ยังอดสงสารไม่ได้ ยัดแบงก์
ร้อยใส่มือมุกหอมที่ถือเงินเต็มสองมือ
"ฉันก็ไม่รู้จักยายเธอหรอกนะ ส้มตำเธอ ฉันก็เพิ่งมากินครั้งแรก แต่ฉันว่ารสมือเธอดี๊ดี คงเพราะคนตำจิตใจใสสะอาด"
"ขอบคุณทุกคนนะคะ แต่มุกหอมตั้งใจแล้วว่าจะพายายกลับบ้าน อยู่กรุงเทพฯมันเหนื่อยเกินไป ถึงเมืองจะใหญ่ แต่ใจคนคับแคบเหลือเกิน ที่บ้านมุกหอม ถึงจะจนแค่ไหน เราก็ไม่เคยดูถูกเหยียดหยามกันเอง แต่อย่างน้อยวันนี้ ทุกคนที่นี่ก็ทำให้มุกหอมซึ้งว่าคนน้ำใจดีๆยังเหลืออยู่ ขอบคุณค่ะ มุกหอมขอขอบคุณลูกค้าทุกคน"
มุกหอมยกมือไหว้ลูกค้า แล้วเดินออกไป ทุกคนมองตามเงียบกริบ สงกรานต์แอบถอยจากกลุ่มไปเงียบๆ ตวงใจมัวแต่ยิ้มสะใจเลยไม่ทันมอง
สงกรานต์รู้สึกใจหายเหมือนกันถ้ามุกหอมจะเลิกขายส้มตำแล้วกลับต่างจังหวัด เขาเดินตามไปทักท้วงอย่างมีฟอร์ม

"ถ้าไม่ลำบากเกินไปก็กัดฟันอยู่ต่อสิ หรือแม่ค้าอย่างเธอจะไม่คิดถึงปากท้องลูกค้า...ที่แข่งเมื่อกี๊ ผมยอมให้คุณชนะก็ได้"
"พูดสิว่า คุณยอมแพ้แม่ค้าส้มตำ"
สงกรานต์ยึกยักไม่ยอมพูด แต่ยังพยายามโน้มน้าวมุกหอมให้อยู่ต่อ แต่เผลอพูดแรงไปหน่อย เลยโดนหมัดมุกหอมกระแทกหน้าถึงเซ
"สิ้นคิดแล้วยังซาดิสต์ ชอบความรุนแรง"
"ฉันก็เป“นแบบนี้ อย่ามายุ่ง ถ้าไม่อยากเจ็บตัว"
"ฉันแค่เจ็บตัว แต่ยายเธอจะตาย ถ้าอยู่ห่างหมอ ที่พูดเนี่ยเพราะห่วงยายเธอ ยายคนเดียว หลานไม่เกี่ยว อย่างน้อยวันนั้นถ้าฉันช่วยรับยายเธอขึ้นรถ ยายแคก็คงไม่อาการหนัก"
"อ๋อ คิดจะมาทำดีชดใช้ความผิด"
"ฉันทำดี ไม่สนใจว่าใครจะด่า แต่เธอน่ะสิ มีโอกาสทำดีกับยาย แต่ดันไม่ทำ คิดเอาเองแล้วกัน พูดมากเดี๋ยวจะเข้าใจผิดคิดว่าฉันเป“นห่วงเธอ"
สงกรานต์ผละไปแล้ว มุกหอมมองตามอย่างครุ่นคิด...
ตวงใจหงุดหงิดกลับไปบ้าน บอกเล่าให้แม่ฟังถึงเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น พอหยาดพิรุณได้ยินว่ายายแคไม่สบาย ก็ตกใจอยากรู้ว่ายายแคเป“นอะไร จึงแอบไปดูถึงโรงพยาบาล และเห็นสภาพยายแคอาการน่าเป“นห่วง
ออกจากโรงพยาบาลปุ๊บ หยาดพิรุณโทร.ตามสงกรานต์ มาพบทันที เพื่อมอบหมายให้นำเงินค่ารักษายายแคไปให้มุกหอม
"น้าอยากช่วยค่ารักษายายของมุกหอม คงพอถ้าเขาจะพากันกลับไปรักษาที่บ้านเกิด"
"ยายแคน่าจะอยู่รักษาที่กรุงเทพฯมากกว่าครับ"
"น้าพูดตรงๆนะ การที่มุกหอมยังอยู่ที่นี่ จะทำให้
ลูกสาวน้าไม่สบายใจ"
"ผมกับมุกหอมเหมือนน้ำกับน้ำมัน เรื่องที่ตวงใจกลัว มันไม่มีทางเกิดขึ้นง่ายๆหรอกครับ"
"ถ้าสงกรานต์รับปาก น้าก็สบายใจ...สงกรานต์ช่วยเอาเงินนี่ให้มุกหอมหน่อยนะ ไม่ต้องบอกหรอกว่าเป“นเงินน้า เพราะน้าอยากช่วยมุกหอมจากใจจริง"
สงกรานต์รับซองเงินนั้นมา แต่ไม่รับปากว่ามุกหอมจะยอมรับหรือไม่

ooooooo

เย็นนั้น พีรพลตามมาให้กำลังใจมุกหอมถึงบ้านเช่า อยากให้มุกหอมเป”ดร้านต่อ เขาพร้อมจะสู้กับมุกหอมด้วย มุกหอมจึงคิดทบทวนใหม่ สุดท้ายก็สรุปว่าจะสู้ต่อ ยังความดีใจให้ใบคูณ รีบอาสาออกไปซื้อของมาเตรียมไว้ขายพรุ่งนี้ พีรพลกำลังจะกลับ จึงให้ใบคูณออกไปพร้อมกัน
สองคนออกไปได้ไม่นาน พวกเล้งก็ดอดเข้ามาทำลายอุปกรณ์ทำมาหากินของมุกหอม ทั้งรถเข็น ครก และจานชามพังพินาศ มุกหอมทานพวกมันไม่ไหวได้แต่ร้องไห้เสียดายครกเก่าแก่ของยาย แถมก่อนพากันกลับไป พวกเล้งยังผลัก
มุกหอมล้มลงทับเศษครกที่แตกเป“นเสี่ยง จนมือที่เท้าลงไปถูกบาดเลือดไหล
ขณะที่มุกหอมเดินร้องไห้จะไปหายายที่โรงพยาบาล สงกรานต์กำลังออกจากออฟฟ”ศจะนำเงินของหยาดพิรุณไปให้ สองคนเจอกันกลางทาง สงกรานต์ตกใจรีบพามุกหอมกลับเข้าไปในออฟฟ”ศ แล้วทำแผลให้อย่างเบามือ

ถ้ากินผักไม่ได้ ดื่มน้ำคั้นผักก็พอกัน


แม้ ว่าในปัจจุบันนี้จะมีการรณรงค์ให้ประชาชนหันมาใส่ใจสุขภาพ

ด้วยการทานผักผล ไม้เยอะ ๆ ก็ตาม แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ

คนที่ค่อนข้างทำใจลำบากเนื่องจากว่า ไม่ค่อยชอบทานผัก



วันนี้ เลยเอาข้อมูลสุขภาพเกี่ยวกับการรับประทานผัก

เพื่อให้ได้ประโยชน์แม้ว่าในแต่ละวันคุณอาจจะทานผักได้ไม่เพียงพอเท่าที่

ร่างกายต้องการมาฝากกันค่ะ






ศาสตราจารย์วิชาโภชนาการและอายุรเวชศาสตร์

มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ

ได้ศึกษาพบว่า ผู้ที่กิน อาหารที่เป็นพืชผักเป็นประจำวันไม่พอ

อาจจะใช้ดื่มน้ำผักคั้นแทนก็ได้



ศาสตราจารย์คาร์ล คีน

ได้ศึกษากับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ใหญ่ 10 คน

ซึ่งกินพืชผักในอาหารประจำวันน้อยกว่าคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ

โดยให้ลองกินน้ำผักคั้นเสริม ได้เปิดเผยว่า

" การดื่มน้ำผักคั้นยังมีคุณประโยชน์

ช่วยแก้อุปสรรคของการกินผักโดยตรงลงได้หลายอย่าง

ตั้งแต่ความไม่สะดวก การนำติดตัวไป และเกลียดรสชาติ

จึงทำให้คนเหล่านั้นชอบใจจะดื่มน้ำผักคั้นกัน"






อาจารย์ คีนแจ้งต่อไปว่า หลังจากให้ประพฤติมาได้เป็นเวลาเดือนครึ่ง

พวกเขาต่างเล่าว่ารู้สึกพอใจ ในความสะดวกของการดื่มน้ำคั้นผัก

ทั้งน้ำคั้นผักยังอุดมด้วยวิตามินและเกลือแร่ต่าง ๆ ตามธรรมชาติไปด้วย



เพราะ ฉะนั้นเพื่อน ๆ ที่นี่คนไหนที่คิดว่าตัวเองรับทานผักน้อยเกินไป
ก็สามารถดื่มน้ำผักทดแทนได้ ค่ะ ส่วนใครที่ไม่ค่อยชอบทานผัก
ก็ลองหันมาลองดื่มน้ำผักดูนะคะ เผื่อว่าจะชอบมากกว่า
ร่างกายจะได้รับสารอาหารจากผักได้เพียงพอค่ะ






ที่มา : ไทยรัฐ

http://variety.teenee.com/foodforbrain/11336.html

วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2551

บันทึกรัก คิมชูซอน สุภาพบุรุษมหาขันที



ด้วยอนุภาพแห่งรัก...จึงยอมสละ...แม้ศักดิ์ศรีความเป็นชาย

“เพราะรักนี้มิอาจลืม” (ALONE IN LOVE)





ภาพยนตร์ซีรีส์เกาหลีชุด “เพราะรักนี้มิอาจลืม” (ALONE IN LOVE)

นำแสดงโดย : กัม วูซุง / ซอน เยจิน
วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ.2551 09:15

เมื่อ มีการเริ่มต้น...ย่อมมีการลาจาก หากแต่การจากลาในครั้งนี้
กลับกลายจุดเริ่มต้นของความรักครั้งใหม่ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม
ช่อง 7 สี เตรียมเปิดประตูหัวใจของคอซีรีส์ทั่วประเทศ
กับภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์
ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศเกาหลีมาแล้ว
“เพราะรักนี้ มิอาจลืม” (ALONE IN LOVE)
การหวนคืนจอแก้วอีกครั้งของ 2 นักแสดงยอดนิยม
กัม วูซุง และ ซอน เยจิน ยอดภาพยนตร์นานาชาติ
วันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 09.15 น. เริ่มสัมผัสกลิ่นอาย แห่งความรัก

“เพราะรักนี้มิอาจลืม” (ALONE IN LOVE)
ดัดแปลงมาจากบทประพันธ์ดั้งเดิมของนักเขียนชื่อดังชาวญี่ปุ่น
โนซาวะ ฮิซาชิ ที่ถ่ายทอดเนื้อหาไว้อย่างเข้มข้นครบทุกรสชาติความสนุก
จนสามารถคว้ารางวัล “นิยายรักชิมาเซอิ ครั้งที่ 4”
มาครองได้เป็นผลสำเร็จ
โดยได้ ฮาน จีซึง ผู้กำกับชื่อดังมาควบคุมการผลิตในทุกขั้นตอน

ลี ดองจิน ทำงานเป็นผู้จัดการอยู่ที่ร้านหนังสือแห่งหนึ่ง
ในขณะที่ ยู อึนโฮ ทำงานเป็นผู้จัดการและครูฝึก
ประจำสถานออกกำลังกาย
ทั้งสองเป็นคู่สามีภรรยาที่เคยรักกันอย่างดูดดื่ม
แต่เส้นทางความรักกลับต้องจบลง

ภายหลังจากที่พวกเขาสูญเสียลูกชายซึ่งเกิดใหม่ได้ไม่นาน
โดยมี จุนเปียว สูตินารีแพทย์ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของทั้งสอง
และ จิโฮ น้องสาวของ อึนโฮ คอยเป็นกาวใจให้ความรัก
กลับมาประสานให้แนบแน่นเหมือนเดิม
แต่...ความพยายามกลับไม่มีวี่แววที่จะสำเร็จ





ถึง แม้ว่าทั้งสองจะหย่าขาดกันมานานถึง 2 ปี
แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพวกเขายังคงนัดเจอกันเป็นประจำ
แม้ว่าการพบกันแต่ละครั้งจะนำมาซึ่งการค่อนขอด หยิกแกมหยอก
ไปจนถึงทะเลาะเบาะแว้ง ราวกับคนที่ไม่ลงรอยกันเลยก็ตาม


แท้ จริงแล้วความรู้สึกลึกๆ ในใจของ อึนโฮ และ ดองจิน
ยังคงรักและต้องการ จะกลับไปคืนดีกันอยู่ตลอดเวลา
แต่ด้วยทิฐิและความต้องการเอาชนะ ทำให้ เขา และ เธอ
ไม่สามารถแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาได้


จนวันหนึ่ง อึนโฮ ตัดสินใจจะขอกลับมาคืนดีและเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่
กับอดีตสามีอีกครั้ง แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นใจ
เมื่อ ดองจิน ทำตัวเป็นพ่อสื่อพา มิน ฮุนจุง มาแนะนำให้ อึนโฮ รู้จัก

ดองจิน รู้สึกว่าตนเองกำลังทำผิดพลาดครั้งสำคัญ
สาเหตุที่เขาตัดสินใจเลือกแนะนำ ฮุนจุง ให้รู้จักกับ อึนโฮ
เพราะมั่นใจว่า ฮุนจุง ไม่ใช่ผู้ชายในสเปคของเธอ
แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตร อึนโฮ ยอมที่จะคบหาดูใจกับ ฮุนจุง
เพื่อประชด ดองจิน ที่พยายามผลักไสให้ เธอ ออกไปจากชีวิต

จากการที่ได้พูดคุยกันทำให้ อึนโฮ รู้ว่า ฮุนจุง
คือเด็กหนุ่มที่แอบหลงรักเธอ
มาตั้งแต่ตอนที่เธอเข้าพิธีแต่งงานกับ ดองจิน
เมื่อหลายปีก่อน ในวันที่ ฮุนจุง กำลังรู้สึกเศร้าสุดๆ
อึนโฮ ได้แบ่งปันความสุขและกำลังใจจาก เธอ อย่างอ่อนโยน

นั่นคือจุดเริ่มต้นของความประทับใจที่ ฮุนจุง
มีต่อ อึนโฮ และแปรผันมาเป็นความรักในที่สุด
แต่...ด้วยพฤติกรรมบางอย่างที่ ฮุนจุง แสดงออกมาทำให้
อึนโฮ จีโฮ และ จุนเปียว ต่างลงความเห็นว่าเขาเข้าข่ายพวกโรคจิต...


อึนโฮ ไม่คิดที่จะปล่อยให้ความสัมพันธ์ระหว่าง เธอ กับ ฮุนจุง
ไปไกลเกินกว่านี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนละครฉากหนึ่งที่
เธอพยายามสร้างขึ้นมาเพื่อให้ ดองจิน เข้าใจว่า
เธอกำลังสานสัมพันธ์รักกับ ฮุนจุง เท่านั้น
อึนโฮ เอ่ยปากบอก ฮุนจุง ตามตรงเกี่ยวกับความรู้สึกของเธอ
ที่มีต่อเขา จนทำให้ ฮุนจุง เข้าใจ...ทั้งสองจบความสัมพันธ์กันด้วยดี






ในขณะเดียวกัน ดองจิน ได้สานสัมพันธ์กับ คิม มียอน
แม่หม้ายลูกติดซึ่งเป็นลูกค้าในสถานออกกำลังกายของอึนโฮ
เพียงเพื่อหวังที่จะประชดประชันและเอาชนะ อึนโฮ
เขาประกาศให้ทุกคนรู้ว่ากำลังคบหากับ มียอน ในฐานะคนรัก

อึนโฮ ต้องซ่อนความรู้สึกที่เจ็บช้ำไว้ เมื่อรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างดองจิน
และ มียอน ก้าวไปไกลเกินกว่าคำว่าเพื่อน

ถึงขนาดที่ มียอน ลงทุนย้ายไปอยู่ใกล้ๆ กับบ้านของ ดองจิน
โดยมี อึนซอล ลูกสาวของ มียอน
ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมรักระหว่างคนทั้งสอง

ใน ขณะที่ดอกรักกำลัง เบ่งบาน ยูริ เพื่อนสาวคนสนิทของ อึนโฮ
กลับมาสารภาพต่อ มียอน ว่า เธอมีใจให้กับ ดองจิน
ทั้งสองทะเลาะกันใหญ่โตจน ยูริ หลุดปากออกมาว่า
แม้ ดองจิน จะหย่าขาดกับ อึนโฮ แล้วก็ตาม
แต่คนทั้งสองยังคงมีความรักให้แก่กันและกันอย่างเหนียวแน่น


จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้ มียอน ตัดสินใจพา อึนซอล
เดินออกจากชีวิตของ ดองจิน
เมื่อความรู้สึกที่ซ่อนเร้นทำให้หัวใจของ อึนโฮ
ต้องเจ็บช้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ทางเดียวที่เธอจะทำได้คือ
ต้องตัดใจจาก ดองจิน...
ช่วงเวลานั้นมีชายหนุ่มผ่านเข้ามาในชีวิตของ อึนโฮ
มากหน้าหลายตา หนึ่งในนั้นคือ จุน ยุนซู
ลูกค้าที่เข้ามาเรียนว่ายน้ำในสถานออกกำลังกาย ยุนซู
สัมผัสได้ถึงความโดดเดี่ยว และความเศร้าหมองที่ อึนโฮ
แบกรับไว้อยู่เต็มหัวใจ ซึ่งถูกฉาบเคลือบไว้ด้วยท่าที
ที่แข็งแกร่งเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะมี ยุนซู สารภาพความในใจที่มีต่อ อึนโฮ
พร้อมขอคบหา เธอ อย่างจริงจัง น่าเสียดายที่ ยุนซู มีภรรยาอยู่แล้ว
ถึงแม้จะแยกกันอยู่หลายปี แต่ก็ยังไม่หย่าขาดกัน
อึนโฮ ม่ต้องการที่จะเป็นมือที่สามในชีวิตรักของใคร
และที่สำคัญเธอไม่ได้รัก ยุนซู

จิโฮ ทนเห็นพี่สาวต้องทนทุกข์ทรมานกับความปวดร้าว
ในจิตใจไม่ได้อีกต่อไป ในขณะเดียวกัน
เธอรู้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ดองจิน
รักและเทิดทูน อึนโฮ เพียงคนเดียวเท่านั้น


แต่ด้วยคำว่า...ทิฐิ และ ความต้องการเอาชนะ...
ทำให้ทั้งสองต้องซ่อนเร้นความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อ กันและกัน


ดอง จิน แทบจะคลั่งเมื่อได้รับข่าวจาก จิโฮ
ว่าอึนโฮกำลังอยู่ในอาการซึมเศร้า และคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย
เขาจึงรีบออกตามหา อึนโฮ ความกลัวที่จะต้องสูญเสียคนรัก
ผุดขึ้นมาในหัวของเขาตลอดเวลา...ถึงเวลานี้
ทำให้ ดองจิน เริ่มเข้าใจแล้วว่า เขา จะอยู่ไม่ได้หากปราศจาก อึนโฮ
















ขอขอบคุณที่มา จาก: ch7.com

http://entertain.teenee.com/series/26218.html

วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2551

10 วิธีลดเสี่ยง ห่างภัยมะเร็งร้าย

10 วิธีลดเสี่ยง ห่างภัยมะเร็งร้าย



10 วิธีลดเสี่ยง ห่างภัยมะเร็งร้าย

10 วิธีลดเสี่ยง ห่างภัยมะเร็งร้าย


มะเร็งเป็นโรคที่เกิดกับใครก็ได้ ไม่ว่าเด็ก คนแก่ ผู้หญิงหรือผู้ชาย จะร่ำรวยหรือยากจน มะเร็งยังคงเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของผู้คนทั้งในประเทศที่ พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา แต่ข่าวดีก็ยังมีอยู่ นั่นคือองค์ความรู้เกี่ยวกับสาเหตุของโรคมะเร็งได้รับการพัฒนาไปมากพอจนเรา เรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเองจากโรคมะเร็งได้

ในงานเปิดตัว บัตร Healthy Living Club บัตรรักษาสุขภาพของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีการให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องสุขภาพหลายอย่างที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง คือ เรื่องโรคมะเร็ง พร้อมคำแนะนำ 10 ประการ ที่ปฏิบัติได้เพื่อชีวิตห่างไกลโรคมะเร็ง

1. ลด หรือเลิกบุหรี่

การเลิกสูบ บุหรี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมครั้งสำคัญที่สุดที่จะลดความเสี่ยงจาก มะเร็งปอดและโรคอื่นๆ ที่มีสาเหตุมาจากบุหรี่ เลิกบุหรี่อาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ขอคำปรึกษาถึงวิธีการเลิกแบบต่างๆ จากแพทย์ได้ ทั้งการรักษาด้วยยาหรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

2. กินอาหารที่มีประโยชน์

ตอนเด็กๆ หลายคนอาจเซ็งที่ถูกบังคับให้กินผัก แต่เมื่อโตขึ้นจะรู้ว่าผักเป็นประโยชน์มากต่อตัวเราเอง ผักจำพวกบร็อกโคลี่ กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี และกะหล่ำขาว อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นในการต่อสู้กับมะเร็ง รวมทั้งเป็นส่วนประกอบสำคัญในตำรับอาหารต้านมะเร็ง นอกจากนี้ ผลเบอร์รี่ ถั่วแดง และชาเขียว ก็อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นเดียวกับไวน์แดง ช็อกโกแลต และถั่วพีแกน สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ช่วยร่างกายต่อต้านปฏิกิริยาเคมีที่ส่งผลร้ายต่อ เซลล์ปกติซึ่งในท้ายที่สุดอาจกลายเป็นเซลล์มะเร็ง อย่างไรก็ตาม ควรกินแต่พอประมาณ

3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การออกกำลังกาย นานครั้งละ 30 นาที 3-5 วัน ต่อสัปดาห์ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งหลายชนิด อาทิ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ การออกกำลังกายในที่นี้ไม่จำเป็นต้องเป็นการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงแบบ นักกีฬา แต่การเล่นโยคะ เดิน หรือเต้นแอโรบิกก็ถือเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งได้ดีที่ สุดเช่นกัน นอกจากนี้การออกกำลังกายยังช่วยไม่ให้เป็นโรคอ้วน ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งหลายชนิด

4. ตรวจสุขภาพประจำปี

มีหลักฐานยืน ยันว่าการตรวจสุขภาพประจำปีและการตรวจพบมะเร็งแต่เนิ่นๆ ทำให้โอกาสที่จะรักษาจนหายมีมากขึ้นเท่านั้น และยังช่วยให้การรักษาฟื้นฟูทำได้เร็วขึ้นโดยมีผลข้างเคียงลดลง ดังนั้น ควรตรวจร่างกายสม่ำเสมอและขอคำแนะนำจากแพทย์เรื่องการตรวจคัดกรองมะเร็งที่ เหมาะกับวัย เช่น ผู้หญิงในวัย 40 ปีขึ้นไปควรทำแมมโมแกรมเพื่อตรวจหามะเร็งเต้านม หรือชายในวัย 40 ปีขึ้นไปควรตรวจหามะเร็งต่อมลูกหมาก โดยที่มะเร็งบางชนิดอาจไม่แสดงอาการในระยะเริ่มแรก

5. ดื่มแต่พอดี

การดื่ม แอลกอฮอล์ที่มากเกินไปอาจเป็นผลร้ายต่อตับมากเป็นพิเศษ แม้แพทย์จะแนะนำให้ผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่ พอเหมาะ (ไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน)

6. สืบสาวเรื่องราวครอบครัว

มะเร็งหลายชนิด มักเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์ หรือพูดง่ายๆ มะเร็งสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้ ดังนั้นการได้ทราบว่าคนในครอบครัวของคุณมีประวัติเจ็บป่วยด้วยมะเร็งชนิดใด ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการป้องกันมะเร็ง โดยการพยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง และควรแจ้งประวัติการเจ็บป่วยของคนในครอบครัวให้แพทย์ทราบ เพื่อแพทย์จะให้คำแนะนำและดูแลได้เหมาะสม

7. หลีกเลี่ยงแสงแดด

รังสีอัลตรา ไวโอเลต (ยูวี) ในแสงแดดเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งผิวหนังซึ่งส่วนมากสามารถป้องกันได้ง่ายๆ 2 วิธีคือ ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไปเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง และพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดโดยตรงในช่วงเวลา 10.00-16.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่รังสียูวีมีความเข้มสูงสุด

8. มีเพศสัมพันธ์ปลอดภัย

เพศสัมพันธ์ที่ ปลอดภัยไม่เพียงช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เท่านั้น แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกซึ่งเป็น สาเหตุสำคัญในการเสียชีวิตของผู้หญิงไทยและผู้หญิงทั่วโลก เชื่อกันว่าประมาณร้อยละ 70 ของมะเร็งปากมดลูกมีสาเหตุมาจาก Human Papillomavirus (HPV) ที่สำคัญ เชื้อ HPV นี้ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งที่ทวารหนัก และอวัยวะเพศอีกด้วย แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาวัคซีนชนิดใหม่ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อ HPV ได้ในระดับหนึ่ง โดยต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์

9. นอนหลับให้สนิท

จากการศึกษาพบ ว่า การนอนหลับสนิทจะมีผลไม่ทำให้เป็นมะเร็ง เนื่องจากสารเมลาโทนินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สมองผลิตในระหว่างการนอนหลับมี คุณสมบัติต่อสู้กับมะเร็ง แต่เมลาโทนินจะช่วยป้องกันมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อการนอนนั้น เป็นการ นอนหลับสนิทต่อเนื่องในห้องมืดเท่านั้น

10. หลีกเลี่ยงการเผชิญกับสารเคมีอันตราย

สารจำพวกยาฆ่า แมลง น้ำยาทำความสะอาด น้ำมันเบนซินนั้น เต็มไปด้วยสารเคมีอันตรายที่เกี่ยวโยงกับการเกิดมะเร็ง แม้การควบคุมสิ่งแวดล้อมรอบตัวจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การจำกัดหรือหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีเหล่านี้ในบ้านหรือที่ทำงานย่อมเป็น การลดโอกาสในการสัมผัสกับสารก่อมะเร็ง นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารกันไฟ หรือ PBDE ซึ่งมักจะใช้กับผ้า เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ด้วยเช่นกัน



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก


ที่มา
http://hilight.kapook.com/view/30349

วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เรื่องย่อละคร ดินเนื้ิอทอง


บทประพันธ์ : เรียมโสฬส
บทโทรทัศน์ : วยัญชนะ
กำกับการแสดงโดย : สมพร เชื้อบุญอุ้ม
ดำเนินการผลิต : บริษัท ฮั้ง มโนก้า จำกัด
ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์ — อาทิตย์ เวลา 20.30 — 22.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 เริ่ม 31 ตุลาคม 2551


มุกหอม แม่ค้าส้มตำฝีมือเลื่องลือประจำมุกดาหาร โตมาได้เพราะแม่ค้าส้มตำอย่าง ยายแค เก็บมาเลี้ยง มุกหอมเข้ากรุงเทพมาวันแรก ก็จับพลัดจับพลูเจอเข้ากับ สงกรานต์ หนุ่มครีเอทีฟสุดเจ๋ง ในงานเลี้ยงฉลอง 5 ปี ของบริษัทโฆษณา คิซซี่ คิซซี่ ของสาวใหญ่วัยโหนคานอย่าง แนนนี่ มุกหอมได้เดินแบบด้วยความเข้าใจผิดของสาวออฟฟิศจอมอิจฉาอย่าง วีณา สงกรานต์เลยเข้าใจไปเองว่า มุกหอมคือคุณมุกหอม ผู้คู่ควรมาเป็นนางแบบโฆษณาใหม่ ท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนานในออฟฟิศ มีคลื่นใต้น้ำของสงครามแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้า ระหว่างสงกรานต์ กับ ทวยเทพ ขณะที่มุกหอมต้องปะทะกับการรังควานของแม่ค้าส้มตำเจ้าข้างๆอย่าง คำปลิว และ มะเดื่อ

ศึกไหนจะหนักเท่าศึกหัวใจ เมื่อ ตวงใจ ต้องการแต่งงานกับแฟนหนุ่มอย่าง สงกรานต์ แต่สงกรานต์ไม่อยากได้ชื่อว่าอาศัยความรวยของแฟน ที่เป็นถึงลูกสาวเจ้าของตึก คือ กรณ์ และ หยาดพิรุณ เจ้าของตลาดสดไทไท

พีรพล นักเรียนนอก ลูกชาย พิชญะ เจ้าของโชว์รูมรถหรูที่ซึ้งน้ำใจของมุกหอมตั้งแต่แรก แต่พีรพล ถูกเข้าใจว่าเป็นเซลล์ขายรถ ก็เลยปล่อยเลยตามเลย เพราะที่จริงเขาก็ชอบผู้หญิงที่สนใจตัวตนของเขามากกว่านามสกุลหรือสมบัติมหาศาล อีกด้าน หยาดพิรุณ ก็แอบมาดูรถเข็นส้มตำยายแค แต่หลายครั้งก็คลาดไม่ได้เจอมุกหอม

เย็นหนึ่งขณะเข็นรถกลับบ้าน มุกหอมเจอ ใบคูณ แม่ค้าขายขนมคนซื่อที่กำลังโดนตกทอง มุกหอมอาสาเป็นพลเมืองดีเข้าช่วย แต่ใบคูณนึกว่าเธอเป็นหน้าม้าเลยเอาหาบไล่ตี มุกหอมเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ แต่สุดท้ายก็ไล่จับพวกต้มตุ๋นได้ ใบคูณรู้ความจริงก็ซึ้งน้ำใจคนจน ขออยู่กับมุกหอมด้วย

มุกหอมกับใบคูณเลยเปิดร้านใกล้กัน คำปลิวฉุนจัดเพราะใบคูณมาแย่งลูกค้าไปอีก รุ่งขึ้นคำปลิวทำเลียนแบบ มุกหอมมาเอาเรื่องจนพ่อค้า แม่ค้าตีกันเละเทะไปทั้งถนน ตำรวจมาจับทั้งหมดไปเข้าห้องขัง ในห้องขังมุกหอมกับใบคูณได้เจอกับ ชมพู พ่อค้าหาบขนมจีนที่ติดร่างแหมาด้วย ชมพูขอหารค่าเช่าห้องกับสองสาว พีรพลไม่เห็นด้วยเพราะห่วงมุกหอม แต่มุกหอมเห็นแก่คนจนเหมือนกัน เลยให้ชมพูอยู่ด้วย พีรพลเลยป้วนเปี้ยนมารับส่งมุกหอมบ่อยกว่าปกติ

มุกหอมเปิดร้านกับเพื่อนทั้งสอง เป็นร้านส้มตำ ขนมจีน ถั่วดำ — ข้าวเหนียวเปียก แก้วฟ้า เพื่อนชายใจสาวจากบ้านนอก ขอตามมุกหอมมาช่วยล้างจานอีกแรง ทั้งหมดเปิดร้านด้วยกัน มีลูกค้าแน่นทุกวัน ขณะที่ตวงใจอยากให้มุกหอมกระเด็นออกไปจากใจสงกรานต์ เลยสั่งวีณาไปตามคำปลิวมาขายแข่งใกล้ๆ กัน

สงกรานต์ใจลอย คิดแต่เรื่องมุกหอม จนพลาดตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายให้ทวยเทพคู่แข่งทั้งๆ ที่แนนนี่ก็ลุ้นสงกรานต์ตัวโก่ง ตวงใจฟูมฟายที่สงกรานต์จะยื้อการแต่งงาน เพราะยังไม่ได้เป็นหัวหน้า ตวงใจเร่งให้แม่พูดกับสงกรานต์ หยาดพิรุณเอ่ยปาก สงกรานต์อ้ำอึ้ง แต่พอมาเห็นมุกหอม สงกรานต์รู้แล้วว่าในใจเขามีใคร

เสก ลูกชายคนแรกของยายแค ได้โอกาสปลุกปล้ำหลานสาว มุกหอมจึงวิ่งหนีมาชนเข้ากับแท็กซี่ที่ เจียม แม่นมของตวงใจนั่งมาหาเสก ชาวบ้านเรียกตำรวจมาจับแต่เสกหนีไปได้ มุกหอมไม่เข้าใจว่าทำไมเจียมถึงมองเธอด้วยสายตาเกลียดชัง

เมื่อเสกกลับมา มุกหอมขอให้เสกทำมาหากิน แต่เสกคาดคั้นถามเรื่องเจียม จนมุกหอมสงสัย สะกดรอยตามไปเจอเสกกับเจียมนัดพบกัน เสกขอเงินค่าปิดปาก เจียมย้ำเสกไม่ให้พูดว่ามุกหอมคือลูกสาวหยาดพิรุณ มุกหอมอึ้งไปเมื่อรู้ว่าแม่ที่ทิ้งตัวเองตั้งแต่เกิดคือหยาดพิรุณจริงๆ มุกหอมเสียใจมากที่ถูกแม่ทิ้ง

มุกหอมกระทบกระเทียบหยาดพิรุณทุกครั้งที่เจอกัน แต่หยาดพิรุณคิดว่ามุกหอมเจ็บใจแทนยาย เพราะเข้าใจว่ามุกหอมคือเด็กที่ยายแคเก็บมาเลี้ยง
มุกหอมมาหายายแคเพื่อขอรู้ความจริง แต่ยายแคป่วยหนัก พูดไม่ได้ มุกหอมจึงตามหาเสก เพื่อหาความจริง โดยมอมเหล้าเสกจนเพลอบอกความจริงว่า หยาดพิรุณคือลูกสาวยายแค ที่เกิดตอนยายแคเป็นคนงานในตระกูลพ่อของหยาดพิรุณ ยายแคมีเขาเป็นลูกคนแรกและคลอดหยาดพิรุณมาอีกคน

แต่พ่อของหยาดพิรุณให้ยายแคเป็นแค่แม่นม ยายแคเห็นแก่อนาคตของลูก จึงยอมทนจนหยาดพิรุณพลาดไปตั้งท้องกับสุภาพ พนักงานห้องสมุดในมหาวิทยาลัย ยายแคโทษตัวเองว่าดูแลหยาดพิรุณไม่ดี หยาดพิรุณโดนไล่ออกจากบ้าน ยายแคในฐานะแม่นม จึงพาหยาดพิรุณไปคลอด แต่เจียมจ้างเสกขโมยลูก โดยไม่รู้ว่าเสกคือลูกชายยายแค พ่อแม่หยาดพิรุณเห็นแก่หลาย จึงรับหยาดพิรุณกลับไป จากนั้นยายแคจึงตามหาเอามุกหอมมาเลี้ยง ส่วนหยาดพิรุณแต่งงานกับกรณ์ชายแสนดีและเลี้ยงตวงใจมาเพราะคิดว่าเป็นลูก ส่วนยายแคก็เลี้ยงมุกหอมมาด้วยความรู้สึกว่านี่คือเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวที่เป็นของตัวเองจริงๆ

สงกรานต์ตัดสินใจสารภาพรักแม่ค้าส้มตำและยกเลิกงานหมั้นกับสาวไฮโซ มุกหอมรับปากโดยดี ช่วงฮันนีมูน มุกหอมหาทางหลบหลีก ไม่นอนห้องเดียวกับสงกรานต์ สงกรานต์ประชดประชันมุกหอมก็ยั่วเรื่องตวงใจ จนสงกรานต์ระงับใจไม่อยู่ มุกหอมตกเป็นของสงกรานต์จนได้สงกรานต์แลกแหวนแต่งงานและสัญญาจะไม่คาดคั้นความในใจจนกว่ามุกหอมจะบอกเอง มุกหอมรู้ว่าสงกรานต์เป็นคนดีแต่ไม่ยอมรับที่สงกรานต์ยกย่องหยาดพิรุณ ด้านพีรพลอกหักจนเปลี่ยนไป ออกเที่ยว ไม่เอาการเอางานเหมือนเคย


คำปลิว ทำอาหารสกปรกจนตลาดถูกโจมตี พ่อค้าแม่ค้าที่ขายของไม่ได้จึงมารวมตัวกันและขอให้มุกหอมเปิดร้านเรียกลูกค้า สงกรานต์เสนอว่าน่าจะมีการแข่งขันส้มตำไทยกู้ชื่อเสียงตลาดในโครงการใหญ่ “ตลาดสด ถูกอนามัย อาหารไทย ที่หนึ่งในโลก” วันแข่งขัน มุกหอมชนะใจคนทั้งตลาด หยาดพิรุณจะมอบรางวัล แต่มุกหอมไม่ยอมรับ สงกรานต์บังคับจนมุกหอมหลุดปากเรื่องที่หยาดพิรุณทิ้งแม่ทิ้งลูก ทุกคนตะลึง มุกหอมคาดคั้นให้หยาดพิรุณยอมรับ เจียมขัดขวางจนเหตุการณ์ชุลมุน ตวงใจโกรธมากที่มุกหอมแย่งทุกอย่างไป จึงอาละวาดคว้าครกกับสากเจวี้ยงโดนหยาดพิรุณอาหารสาหัส

ที่โรงพยาบาล เสกยอมเล่าทุกอย่าง หยาดพิรุณช้ำหนักที่รู้ว่ายายแคคือแม่ที่แท้จริง พีรพลรับยายแคมาทัน หยาดพิรุณได้กราบแม่ ยายแคน้ำตาซึมก่อนหมดลมหายใจจากไปอย่างสงบ
มุกหอมแค่จับมือและเรียกหยาดพิรุณว่าแม่ก่อนหยาดพิรุณสิ้นใจ สงกรานต์เค้นถามคนบงการ เสกไม่ทันตอบก็ถูกมือปืนที่เจียมจ้างมายิงตาย มุกหอมเป็นลมที่เข้าใจแม่ผิดมาตลอด หมอตรวจและบอกว่ามุกหอมท้อง

ตวงใจคลั่งที่ตัวเองไม่ใช่ลูกคุณหนูสูงส่ง จึงคลุ้มคลั่ง เอามีดไล่ฟันทุกคนในบ้าน สงกรานต์เข้าห้าม แต่ถูกมีดในมือตวงใจกรีดลงไปที่หน้า จึงมีรอยแผลเป็นบนหน้า ถูกตัดญาติขาดมิตร สงกรานต์แอบมาหามุกหอม เจียมยอมเล่าความจริงทุกอย่างและติดคุกชดใช้บาป มุกหอมรับมรดกในฐานะทายาทที่แท้จริงของหยาดพิรุณ แต่เธอก็ไม่ทิ้งตวงใจให้ตกอับ ตวงใจต้องทำงานในร้าน

ไม่มีใครรู้ว่าสงกรานต์ปลอมตัวเป็นขอทานมาเฝ้าดูมุกหอมที่เดินตรวจตลาดทุกวัน จนวันครบรอบ 50 ปีของตลาด มุกหอมจัดงานส้มตำมหากุศลบริจาคเงินคนยากไร้ วินาทีสำคัญของการประมูลเริ่มต้น ท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ ขอทานคนหนึ่งยกมือขึ้นมุกหอมจำแหวนในนิ้วขอทานได้ ก็รีบเดินผ่านเศรษฐีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่

เศรษฐีนีมุกหอมเปิดหมวกขอทานและจูบลงที่แผลลางๆ บนใบหน้าหนวดเคราครึ้ม ทุกคนประทับใจกับภาพความรักของเศรษฐีนีกับขอทาน สงกรานต์น้ำตาริน ตื้นตันใจที่มุกหอมไม่รังเกียจ มุกหอมสวมกอดสงกรานต์ไว้แนบแน่น เพื่อพิสูจน์ว่า.........

ในความรักไม่มีสูงต่ำ
ไม่มีชนชั้นใดใดจะแยกหัวใจผูกพันออกจากกันได้เลย

รายชื่อนักแสดง

ธนา สุทธิกมล.............รับบท.........สงกรานต์
บัวชมพู ฟอร์ด.............รับบท.........มุกหอม
สุพจน์ จันทร์เจริญ..........รับบท.........พีรพล
เจนสุดา ปานโต...........รับบท.........ตวงใจ
ณัฏฐนันท์ เกียรติดาฐนิต......รับบท.........ใบคูณ
วรฤทธิ์ เสาวรส .........รับบท.........ชมพู
วัทนพร พึ่งเพียร .........รับบท.........ทวยเทพ
ปณิตา พัฒนาหิรัญ ..........รับบท.........วีณา
มณฑกาญจน์ บุญเสม .........รับบท.........คำ
สาวิตรี สามิภักดิ์ ..........รับบท ........หยาดพิรุณ

ขอขอบคุณ : ไทยทีวีสี ช่อง 3

ดินเนื้อทอง ตอนที่2 (ต่อ)

ตอนที่ 2 (ต่อ) "คุณแม่ก็เห็นนี่คะ ตวงใจไม่เคยรักผู้ชายคนอื่นนอกจากสงกรานต์"
"แม่จะรีบคุยกับคุณทิพยงค์ให้"
ตวงใจดีใจรีบบอกแม่ว่า หมั้นและแต่งวันเดียวกันก็ได้... แต่พอสงกรานต์ได้ฟังทิพยงค์มาเจรจาเรื่องนี้ เขาบอกแม่ทันทีว่า
"ผมยังไม่หมั้น ไม่แต่ง ผมอยากทำงาน"
"แล้วมันมีกฎหมายข้อไหนห้ามผู้ชายมีเมีย ทำงาน ฮึ"
"แต่ถ้าผมมีครอบครัว ผมก็ต้องแบ่งเวลาไปดูแลลูกเมีย"
"ผมว่าให้ลูกตัดสินใจเรื่องคู่ชีวิตเองดีกว่า" ราชาติงภรรยา
"ได้ค่ะ ถ้าเราไม่เป็นหนี้แบงก์ยี่สิบ สามสิบล้าน สงกรานต์จะแต่งกับผู้หญิงตัวดำฟันเหยินยากจนข่นแค้นแค่ไหน ฉันก็จะเอาหูไปนา เอาตาไปไร่"
"แม่จะให้ผมแต่งล้างหนี้?" สงกรานต์ตกใจ
"ใช่ ได้ทำหน้าที่ลูกกตัญญู แถมมีเมียรวย อย่าคิดมากนักเลยน่า หนูตวงใจไม่เหมาะกับแกตรงไหน ก็เห็นควงกันมาตั้งแต่มหาวิทยาลัย หรือว่าแกไม่รักหนูตวง"
"ผมไม่แน่ใจว่ารัก แต่ผมรู้ว่าผมเป็นหนี้ชีวิตเค้า"
ทิพยงค์กับราชาชะงัก แปลกใจ สงกรานต์เบือนหน้าหนี นึกถึงอดีตช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย...
วันนั้น...สงกรานต์ถูกโจรวัยรุ่นคนหนึ่งใช้มีดจี้เพื่อชิงโทรศัพท์มือถือ แต่สงกรานต์ขัดขืน โจรจึงแทงสวนเข้าที่ท้องจนทรุดก่อนวิ่งหนีไป ทิ้งร่างสงกรานต์อาบเลือดเดินโซซัดโซเซขอความช่วยเหลือจากรถที่แล่นผ่าน แต่คันแล้วคันเล่าก็ไม่มีใครจอด จนกระทั่งตวงใจผ่านมาเห็น เธอจอดรถลงมาช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนโทร.แจ้งตำรวจ และขอรถพยาบาล...
หลังจากทบทวนความหลังให้พ่อกับแม่ฟัง สงกรานต์ ลุกขึ้นถอนใจ ก่อนเปรยออกมาอย่างไม่สบายใจนัก
"ผมไม่คิดว่าตวงจะเปลี่ยนไปจากวันแรกที่รู้จักกันมากถึงขนาดนี้"
"เปลี่ยนอะไร ฉันก็เห็นว่าหนูตวงสวย รวย เริ่ด อย่างนี้ มาตั้งแต่แรกแล้ว แกก็หล่อ เท่ ฉลาด เพอร์เฟกต์ สมกันกว่านี้มีที่ไหน เลือกๆ แต่งๆ เข้าไปเถอะน่า"
"ความรักไม่ใช่ข้อสอบนะแม่ ถึงจะให้ผมกาส่งๆ ดูหน้าตาผมทันสมัย แต่เรื่องมีครอบครัว ผมขอเชื่อแบบโบราณดีกว่า ผมอยากแต่งงานครั้งเดียว"
"ใครสั่งใครสอนมาวะ แต่งหลายครั้ง เมียหลายคนสิ กำไรชีวิต"
"คุณราชา..." ทิพยงค์แว้ดสามี แล้วตั้งท่าจะเกิดอภิปรายนอกสภา สงกรานต์จึงรีบประกาศเจตนารมณ์
"เอาล่ะครับ ยังไงเรื่องตวงใจ ผมก็ขอเวลา ผมอยากให้ ครอบครัวตวงเค้ามั่นใจด้วยว่า ผมมีอาชีพที่มั่นคงพอจะเลี้ยงดูลูกสาวเค้าได้ ไม่ใช่ให้ผมไปกอบโกยสมบัติเมียกิน"
ooooooo
เช้าตรู่ พีรพลอาสามาช่วยมุกหอมจ่ายตลาด ขณะ เดินแบกถุงมะละกอและมะนาวตามหลังมุกหอม พีรพลหาวบ่อยครั้ง เพราะไม่เคยตื่นเช้าขนาดนี้...
พอของเต็มมือ ทั้งสองคนหยุดพักกินกาแฟ ระหว่างนี้เองเฮียตู้และลูกเมียเดินเข้ามานั่งในร้าน มุกหอมตาไวรีบหันหลังให้ทันที พลางก็จุ๊ปากห้ามพีรพลเสียงดัง...พวกเฮียตู้กำลังวางแผนโกงตลาด และจะชักจูงให้พ่อค้าแม่ค้าเกลียดเจ้าของตลาดอย่างหยาดพิรุณ แต่ถ้าหยาดพิรุณเกิดระแคะระคายขึ้นมา เล้งอาจจัดการถึงขั้นปางตาย
มุกหอมฟังแล้วตกใจ รีบลุกเดินออกไป พีรพลแบกของเดินตามอย่างไม่เข้าใจ...มุกหอมจ้ำอ้าวเพราะเป็นห่วงหยาดพิรุณที่วันนี้จะมาตรวจตลาด ซึ่งหยาดพิรุณมาพร้อมตวงใจและสงกรานต์ที่อาสาขับรถมาส่ง พอไปเห็นหยาดพิรุณ มุกหอมรีบบอกให้ออกไปจากที่นี่ก่อน สงกรานต์กลับเข้าใจผิดว่ามุกหอมจะมาป่วนอีก จึงตั้งท่าจะตำหนิ แต่พอดีพวกเฮียตู้ เดินอาดๆเข้ามาวางก้าม
มุกหอมกางแขนกั้นพวกเฮียตู้ ห้ามไม่ให้ทำอะไรคุณหยาดพิรุณ เล้งกลัวแผนแตก ร้องด่ามุกหอมทันที "เฮ้ย พูดหมาๆ ฉันจะไปทำอะไรคุณนาย"
"แกบอกว่าจะฆ่าคุณนาย"
ทุกคนตกใจ โดยเฉพาะตวงใจ ด่ากราดว่าพวกเลว พวกแกมีที่ทำมาหากินก็เพราะแม่ฉัน...เฮียตู้ไม่พอใจ จะเล่นงานตวงใจ ขณะที่เล้งกับเจ๊สว่างผู้เป็นแม่ก็รุมต่อว่าหยาดพิรุณงก หน้าเลือด พ่อค้าแม่ค้าที่มามุงเริ่มฮือฮา ท่าทางคล้อยตามพวกเฮียตู้ สงกรานต์ขอร้องทุกคนใจเย็น แต่เล้งไม่เย็น เหวี่ยงหมัดใส่หน้าสงกรานต์หน้าหงาย
เท่านั้นเอง เหตุการณ์ก็ชุลมุน มุกหอมเร่งหยาดพิรุณให้หนีไป ตวงใจจึงคว้ามือแม่วิ่งทันที พีรพลช่วยสกัดพวกเฮียตู้ เลยเจอเข่งเฮียตู้ซะหงายหลัง สงกรานต์เข้าช่วย และฉุดมือมุกหอมวิ่งหนี ส่วนพีรพลเกือบโดนยำ ถ้าไม่รีบวิ่งหนีไปอีกทาง
มุกหอมเป็นห่วงพีรพล จะวิ่งย้อนกลับไป สงกรานต์จึงประชดให้รีบตามไป เดี๋ยวแฟนจะหาย มุกหอมฉุน ศอกกลับเรื่องตวงใจ...จึงเกิดทุ่มเถียงกันจนต่างฝ่ายต่างโมโห สุดท้ายมุกหอมเลยแทงเข่าเข้าหว่างขาโดยที่สงกรานต์ไม่ทันตั้งตัว ถึงกับทรุด กุมเป้าร้องโอดโอย
"มุกหอม...นี่เธอกำลังจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์...โอย..."
"คราวนี้ทีเดียว แต่ถ้ายังปากดี คราวหน้ามีเบิ้ล" มุกหอม ยืนเท้าเอวจังก้า สงกรานต์เงยมอง หน้าตาจุกจนพูดไม่ออก
ครั้นหยาดพิรุณกับตวงใจพาสงกรานต์กลับไปส่งบ้าน ทิพยงค์รู้เรื่องเข้าก็เดือดดาล จะเอาเรื่องพวกชาวตลาด ที่ทำลูกชายของเธอเจ็บจนเกือบสูญพันธุ์...สงกรานต์ได้ยินก็ปิ๊งไอเดีย บอกทุกคนว่าเจ็บมาก เจ็บจนหมั้นไม่ได้ ฝ่ายราชาผู้พ่อก็เห็นด้วย อยากให้เลื่อนไปก่อน เพราะเริ่มต้นก็ลางไม่ค่อยดี แต่ตวงใจไม่เชื่อเรื่องโชคลาง ยืนยันจะหมั้นให้ได้
"แต่ผมไม่พร้อม" สงกรานต์โพล่งขึ้น
"สงกรานต์ลำบากใจมากหรือเปล่า" หยาดพิรุณถามอย่างอาทร
สงกรานต์เหลือบมองตวงใจที่ตาแดงๆ และมองหยาดพิรุณ ด้วยความเกรงใจ
"ที่ผมขอเวลา เพราะผมอยากให้ตัวเองประสบความสำเร็จเรื่องงาน ถึงวันนั้น ผมคงเป็นเจ้าบ่าวที่ดีพอสำหรับตวงใจ"
"ฉันว่าสงกรานต์เค้าคิดถูกนะคะ ผู้ชายทุกคนก็อยากมีศักดิ์ศรีของตัวเอง งั้นเรารอไปอีกสักพักดีมั้ยคะลูก" หยาดพิรุณสรุป สงกรานต์ยิ้มสมใจ แต่คนอื่นๆ สีหน้าเซ็งมาก
เมื่อกลับไปถึงบ้าน ตวงใจหน้าบูดบึ้งไม่หาย ลงจากรถปิดประตูดังปัง ก่อนเดินอ้อมไปทางแม่
"ตวงใจรอมาสี่ปีแล้ว ต้องรออีกแค่ไหนคะ แล้วถ้าเกิดสงกรานต์ไม่ได้เป็นครีเอทีฟอันดับหนึ่ง ตวงใจก็คงไม่ได้ แต่งงาน"
"หรือว่าลูกอยากแต่งงานกับผู้ชายชาวเกาะ เกาะเงินเมีย เกาะชื่อเสียงเมียไปวันๆ ทำงานไม่เป็นชิ้นเป็นอัน สงกรานต์เค้าเป็นคนเก่ง แม่รู้ว่าอีกไม่นานเค้าจะทำให้ทุกคนภูมิใจในตัวเค้ายิ่งกว่านี้ เชื่อแม่นะตวง รออีกนิด ยังไงสงกรานต์ก็เกิดมาเพื่อตวงใจของแม่"
ที่นอกรั้ว มุกหอมโผล่หน้าแอบมอง ด้านหลังคือพีรพลที่บ่นไม่เข้าใจมุกหอมจะมาแอบดูเขาทำไม แต่พอมุกหอมไล่ให้กลับไปก่อน พีรพลก็เงียบเสียงลงได้
มุกหอมหันไปมองสองแม่ลูกเดินโอบกันเข้าไปในบ้านด้วยแววตาเศร้าสร้อย พีรพลสงสัยแต่ไม่กล้าถาม ได้แต่เดินตามมุกหอมที่หันหลังเดินออกไปเงียบๆ พอเห็นมุกหอมยังเศร้าไม่พูดไม่จา จึงเกริ่นว่า มีอะไรอยากระบายบ้างไหม?
"ไม่มีค่ะ ไม่ต้องห่วงมุกหอมหรอก"
"ไม่ให้ห่วงเนี่ย คงยาก เพราะนิสัยผม ชอบผู้หญิงสู้ชีวิต"
"ไม่กลัวเข่งหล่นใส่หัวอีกเหรอ"
"ไม่กลัวครับ ถ้าได้ปกป้องมุกหอม ผมอยากให้มุกหอม รู้ว่าผู้ชายบางคนก็ไม่สนใจเรื่องความรวยความจน"
"ไม่มีหรอกค่ะ ผู้ชายรวยๆจะมารักผู้หญิงจนๆ"
"มีครับ ผมยืนยันว่ามี แล้วก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลมุกหอม ด้วย" พีรพลส่งสายตาซึ้ง มุกหอมดูออก รีบทำกลบเกลื่อนว่า แดดร้อนมาก พีรพลเลยได้โอกาส ชวนไปหาอะไรเย็นๆกินกัน
ขณะที่สองคนกินไปคุยไปในร้านกาแฟ สงกรานต์ที่ถูกพ่อกับแม่บังคับให้เอาอกเอาใจตวงใจเพราะอยากได้เป็นสะใภ้ ใจจะขาด ได้พาเธอมาที่นี่เช่นกัน ตวงใจเหม็นหน้ามุกหอมที่ชอบวุ่นวายกับครอบครัวของเธอ จึงเกิดปะทะฝีปากกันอุตลุด ส่วนสองหนุ่มอย่างพีรพลกับสงกรานต์ต่างก็ปกป้องคนของตัวเอง จนแทบจะวางมวยกัน...
สงกรานต์ลากตวงใจที่จะเอาเรื่องมุกหอมออกไปหน้าร้าน แล้วยืนทะเลาะกันเอง เพราะตวงใจฮัดฮัดขัดขืน จะไม่ยอมถูกมุกหอมด่าฟรีๆ
"ทะเลาะกันไปก็ไม่มีใครชนะ มันคุ้มเหรอตวง ที่จะเอาชื่อเสียงไปแลก"
มุกหอมออกมาได้ยินคำพูดสงกรานต์พอดี ยิ่งเจ็บใจ กระแทกเสียงใส่
"เก็บความเป็นผู้ดีของคุณไว้เถอะค่ะ"
"แน่ล่ะย่ะ ฉันไม่หน้าหนาทนทานเป็นกระเบื้องหลังคาบ้านอย่างเธอ ครอบครัวฉัน วงศ์ตระกูลฉันสั่งสอนมาดี"
"จำไว้นะคะคุณตวงใจ ทุกครั้งที่คุณด่าฉัน มันจะย้อน กลับไปหาคนที่สั่งสอนคุณ"
"นี่แกเล่นถึงแม่ฉัน ปล่อยค่ะ ตวงจะสั่งสอนนังแม่ค้าปากตลาด"
"พอแล้ว ตวง อายคนบ้างสิ"
"พาหมาบ้าของคุณไปฉีดยาซะบ้างนะ เที่ยวไล่กัดคนอื่นอย่างนี้ ระวังจะเจอของแข็ง ไม่ทันมีผัวก่อนตาย...ไปเถอะ มุกหอม" ว่าแล้วพีรพลคว้ามือมุกหอมออกไป สงกรานต์มองตาม ตวงใจหันมาฟูมฟาย
"ดูสิ มันด่าเอา ด่าเอา แล้วก็วิ่งหนี สงกรานต์ต้องปลอบใจตวงนะคะ ไม่งั้นคืนนี้ตวงใจต้องบ้าแน่ๆ"
(อ่านต่อพรุ่งนี้)

ที่มา

ดินเนื้อทอง ตอนที่2

ตอนที่ 1 (ต่อ) ตวงใจต้องกลับมาบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เพราะชุดเดิมเลอะและเหม็นไปด้วยกลิ่นส้มตำปลาร้าของมุกหอม เสร็จแล้วรีบโทร.หาสงกรานต์ให้มารับ
ที่บ้าน และย้ำกับเขาว่าเธอต้องเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้นั่งรถใหม่ของเขา
ขณะที่ตวงใจนั่งรอสงกรานต์ หยาดพิรุณที่เพิ่งไปเห็นยายแคกับมุกหอมที่หน้าตึกและกลับมาพร้อมสามีได้เลียบเคียงถามตวงใจว่า เด็กคนที่ทำเสื้อลูกเลอะ มาจากร้านส้มตำหน้าตึกของพ่อหรือเปล่า ตวงใจไม่ตอบ แต่กลับย้อนถามด้วยความสงสัยว่า แม่ถามทำไม?
หยาดพิรุณรีบกลบเกลื่อนว่าเปล่า กรณ์สังเกตเห็นสีหน้าภรรยาไม่สู้ดี จึงเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากให้ลูกซักอะไรมากนัก พอลูกเดินพ้นไป กรณ์ก็อดถามหยาดพิรุณไม่ได้ว่าเป็นอะไร ทำไมดูเครียดๆ
"เหรอคะ ฉันไม่รู้ตัวเลย"
"ห่วงเรื่องลูกมีแฟนล่ะสิ" กรณ์พูดยิ้มๆ ก่อนลุกออกไปอีกคน ทิ้งหยาดพิรุณนั่งพึมพำถึงยายแคที่มาอยู่กรุงเทพฯ แถมยังอยู่หน้าตึกของกรณ์เสียด้วย...พลางก็มองไปที่รูปครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูกบนผนัง ด้วยสีหน้าเป็นกังวลกับความหลัง...
ขณะเดียวกัน มุกหอมที่ค่อนข้างมั่นใจว่าหยาดพิรุณคือแม่ของตน และเป็นลูกของยายแค...กำลังสอบถามเจ๊สว่างอยู่ที่ตลาดว่าคุณหยาดพิรุณเจ้าของตลาดบ้านอยู่ไหน บ้านเลขที่เท่าไหร่ เจ๊สว่างฟังแล้วสงสัย ถามมุกหอมว่าอยากรู้มากไปหรือเปล่า มุกหอมเลยอ้างอยากถามเขาเรื่องแผงขายของ เจ๊สว่างจึงให้รอวันพุธซึ่งคุณหยาดพิรุณจะมาตรวจตลาดเป็นประจำ มุกหอมจำยอม แต่ไม่วายแอบบ่น...อีกตั้งหลายวัน
ส่วนที่บริษัทโฆษณาของแนนนี่ แม้จะค่ำแล้ว สงกรานต์ ยังคงนั่งสเกตช์งาน มีแนนนี่นั่งโต๊ะตรงข้าม พลิกแมกกาซีนอ่านสลับกับมองลูกน้องหนุ่มอยู่บ่อยครั้ง
"โทษทีนะจ๊ะ ที่ทำให้แฟนเธอต้องรอ ป่านนี้คุณตวงใจคงโทร.มาตามแย่แล้ว"
"ไม่โทร.หรอกครับ" สงกรานต์โกหก ทั้งที่ตวงใจโทร. ถี่ยิบ แต่เขาปิดเสียงมือถือเอาไว้
แนนนี่ปิดหนังสือแล้วลุกขึ้นสยายผม เดินนวยนาดเข้ามาหา สงกรานต์กลัวไม่รอด รีบคว้าโปสเตอร์ขึ้นมา บอกว่าจะเอาไปซีร็อกซ์ พูดจบก็เผ่นแผล็ว ไม่ทันให้แนนนี่ได้ตั้งตัว
คำปลิวอิจฉาและหมั่นไส้มุกหอมที่สวยกว่าเด่นกว่า ค่ำนี้จึงให้เล้งพาลูกน้องไปดักทำร้าย แต่โชคดีสงกรานต์กลับออกจากบริษัทมาเจอ จึงขับรถพามุกหอมหนีพวกเล้ง จนเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย แต่ถึงกระนั้นรถคันใหม่ของสงกรานต์ก็ได้รับความเสียหาย ต้องรีบส่งซ่อม
เช้าขึ้นสงกรานต์จึงต้องพึ่งบริการรถแท็กซี่มาทำงาน แต่แอร์รถดันเสียกลางทาง ทำให้สงกรานต์เหงื่อแฉะ เดินหน้ามุ่ยเข้ามาโยนแฟ้มงานลงบนโต๊ะดังโครม จนเพื่อนร่วมงานหันมอง
"รถใหม่แอร์เสียเหรอคะ ท่าทางยังกะโหนรถเมล์มา"
สงกรานต์ยังไม่ทันตอบคำถามของวีณา ตวงใจก็เดินเร็วจี๋เข้ามาตั้งคำถามด้วยสีหน้าบึ้งตึง
"เมื่อคืนทำไมไม่รับสายตวงใจ ปล่อยให้ตวงใจรอ ไหนว่าจะไปรับ"
"รถผมชน มือถือผมก็ลืมไว้ที่ออฟฟิศ"
"โกหก"
ทุกคนมองกันอึ้งๆ สงกรานต์พยายามใจเย็น บอกตวงใจว่า ขอเวลาทำงานก่อน
"ทำทำไมคะ เรารวย เงินเหลือกินเหลือใช้ ไม่ต้อง
ทำงานหรอก"
"แต่คนรวยที่งอมืองอเท้า ไม่มีคนนับถือหรอกครับ"
วีณากับพวกแอบหัวเราะ ตวงใจหันขวับมาด่า
"ญาติผู้ใหญ่เสียเหรอ"
"อ๋อ ตอนญาติคุณตวงใจเสีย คุณตวงใจหัวเราะเหรอคะ" ถูกวีณาศอกกลับเข้าแบบนี้ ตวงใจแทบเต้น จะเอาเรื่อง สงกรานต์ ต้องรีบคว้ามือตวงใจออกไปคุยข้างนอก
"ผมไม่ได้โกหกคุณ รถผมอยู่ในอู่" สงกรานต์ยืนยัน
"พาตวงใจไปดูสิคะ"
"ถ้าไม่เชื่อใจกัน ผมก็หมดคำอธิบาย ผมนั่งแท็กซี่มาทำงาน แท็กซี่ก็แอร์เสีย รถติด ผมร้อน เหนื่อย วันนี้ผมต้องขายงานลูกค้า งานผมก็ยังไม่เรียบร้อย"
"งานๆๆ เอะอะก็อ้างงาน ไม่ยอมหมั้นกับตวงใจก็เพราะงาน"
"เพราะงานจะเป็นสิ่งพิสูจน์ตัวผม ถ้าผมยังเป็นครีเอทีฟมือเปล่า ไม่มีชื่อเสียง ไม่มีรางวัล ผมจะไม่คิดเรื่องมีครอบครัว"
"แต่พ่อแม่คุณอยากได้ตวงใจเป็นลูกสะใภ้นะคะ"
"อ๋อ...นึกว่าคุณอยากแต่งงานกับผม" สงกรานต์รำคาญเดินกลับไปทันที
"ตวงใจไม่ง้อแล้ว ง้อมาตั้งแต่ปี 1 ยันปี 4 เรียนจบก็ยังต้องง้อ คราวนี้จะไม่ง้อ ไม่ง้อจริงๆ"
ตวงใจเดินสะบัดสะโบกออกไปอย่างขัดใจ จนไปชนมุกหอมเต็มๆ ยิ่งอารมณ์เสีย ร้องเรียกยามให้มาจับมันออกไป อย่าให้ขึ้นไปเพ่นพ่านบนตึก
"คุณคะ บ้านคุณอยู่ไหน" ตวงใจถามพรวด ไม่สนยามที่กำลังวิ่งมา
"แกจะปล้นบ้านฉันเหรอ เป็นแม่ค้ารวยช้า เลยต้องริเป็นโจรอีกจ็อบล่ะสิ ยาม ลากมันไปโรงพักเลย"
ยามเข้าจับกุม มุกหอมสะบัดหนี ปากก็ร้องถามตวงใจว่า คุณหยาดพิรุณเป็นลูกสาวยายแคหรือเปล่า แต่ตวงใจไม่ได้ยิน พรวดพราดขึ้นรถขับพรืดออกไป...
เที่ยงแล้ว พนักงานจะแยกย้ายกันไปกินข้าว สงกรานต์ ไม่ลืมกำชับให้ทุกคนตรงเวลา บ่ายโมงต้องพรีเซ็นต์งานต่อลูกค้า...วีณานำพรรคพวกไปกินส้มตำยายแคอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่รู้ว่าคำปลิวแอบเอาผักเหลือๆที่ร้านมาแอบวางให้กิน พอทุกคนกลับไปเข้าห้องประชุมได้ไม่นานนักจึงมีอาการท้องเสีย วิ่งเข้าห้องน้ำกันทางเป็นมัน เสียงาน และเสียลูกค้าที่ทนไม่ไหวกับความโกลาหล
สงกรานต์โกรธจัด บุกไปร้านส้มตำยายแค แล้วไปเจอมุกหอมกำลังก้มหน้าก้มตาตำส้มตำ เกิดซักกันไปมา โดยมีคำปลิวกับมะเดื่อเข้ามาแทรก สงกรานต์จึงรู้ความจริงว่ามุกหอมไม่ใช่ลูกหลานไฮโซอย่างที่เขาเข้าใจ แต่เป็นหลานของยายแค แม่ค้าส้มตำ...ความตั้งใจที่จะเอามุกหอมมาเป็นนางแบบโฆษณาจึงดับวูบ...
"ขอบใจมาก มุกหอม ที่ทำให้ฉันเห็นตัวจริงของเธอ"
"คุณสงกรานต์ มุกหอมไม่ได้ตั้งใจ มุกหอมขอโทษ"
มุกหอมจะวิ่งตามสงกรานต์ แต่ถูกมะเดื่อกับคำปลิวยื่นขามาขัดจนล้มลง จึงเกิดโต้วาทีกันอีกรอบ เพราะมุกหอมรู้แล้วว่าที่พวกพนักงานในตึกท้องเสีย เป็นเพราะฝีมือของคำปลิว
ooooooo
ตอนที่ 2
เมื่อกลับเข้ามาเผชิญหน้ากับทั้งเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน สงกรานต์ต้องหัวเสียหนักไปอีก เพราะแนนนี่ได้เอางานของเขามอบหมายให้ทวยเทพไปทำต่อ...
ตกเย็น ขณะมุกหอมกำลังเก็บกวาดพื้นบริเวณร้าน ส่วนยายแคกลับไปก่อนแล้ว เล้งได้มาตอแยก่อกวนมุกหอมอีก สงกรานต์ตั้งใจจะมาคิดบัญชีกับมุกหอม พอมาเห็นเหตุการณ์จึงเข้าช่วย แล้วดึงมุกหอมหนีเข้าไปในตึก
"วันๆนึงเนี่ย เคยจดสถิติบ้างหรือเปล่าว่าเที่ยวไปก่อเรื่องกับใครเค้ามั่ง"
"ไม่จดแล้วก็ไม่จำด้วย" มุกหอมเริ่มฉุน
"สนุกมากมั้ย ทำคนอื่นเค้าเดือดร้อน"
"มุกหอมไม่ใช่พวกซาดิสม์ เห็นความทุกข์ชาวบ้านเป็นเรื่องสนุก เรื่องคุณสงกรานต์ มุกหอมก็ไม่ได้ตั้งใจ มุกหอมขอโทษจริงๆ"
"ขอโทษไปก็ไม่มีประโยชน์ คนอย่างเธอน่ะ ไม่รู้หรอกว่าโฆษณาชิ้นนี้มันสำคัญแค่ไหน ไอเดียเจ๋ง แจ๋วขนาดนี้ รางวัลเมืองคานส์ลอยมาเห็นๆ"
"งั้นจะให้มุกหอมทำอะไรชดใช้ บอกมาเลยค่ะ มุกหอมช่วยอะไรคุณสงกรานต์ได้ มุกหอมจะช่วย" มุกหอมดึงเสื้อสงกรานต์เขย่าอย่างจริงจัง ปากยังพูดไม่หยุดว่ายอมทุกอย่าง บอกมาเลย...วีณาแอบมองอยู่ ตาโตยิ่งกว่าไข่ห่าน
"ปล่อยคอเสื้อก่อน หายใจไม่ออก" สงกรานต์ร้องขึ้น มุกหอมตกใจรีบปล่อย "อย่างเธอจะช่วยอะไรได้ เราน่ะมันทำงานคนละอย่าง ความสามารถคนละชั้น"
"ถึงความสามารถฉันจะไม่สูงส่งเหมือนอาชีพคุณ แต่ แม่ค้าส้มตำก็มีน้ำใจนะคะ"
"เผอิญฉันยังไม่อยากรับน้ำใจแม่ค้า"
"แล้ววันนึงคุณจะเสียใจที่ดูถูกมุกหอม"
"วันไหนล่ะ เร็วๆนี้หรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็ไม่รอนะ เพราะตอนนี้คนซวยคือฉัน แล้วต้นเหตุที่ทำให้ฉันซวย...คือเธอ...ถ้าจะช่วยนะ ช่วยอยู่ให้ไกลๆฉันหน่อย"
"ใครอยากอยู่ใกล้คุณ ผู้ชายหลงตัวเอง" มุกหอมว่าให้ แล้ววิ่งปร๋อออกไป สงกรานต์หงุดหงิด ตะโกนไล่หลัง
"ใครว่าฉันหลงตัวเอง ยายแม่ค้าปูปลาร้าหน้าฝรั่ง ดูวิ่งเข้า นึกว่าสวยตายแล้ว"
มุกหอมกลับไปถึงบ้าน ยังเคืองสงกรานต์ไม่หาย บ่นไปล้างจานชามไป จนยายแคสงสัย ถามว่าโกรธใครมา
"โกรธคนรวย โกรธคนทำงานในตึกสูงๆ คอยดูนะยาย วันไหนถ้าคุณสงกรานต์โผล่มาสั่งส้มตำ มุกหอมจะใส่พริกทั้งกำ เอาให้ปากอ้ายิ่งกว่าจระเข้"
"ตกลงเอ็งอยากให้เค้ามากิน หรือไม่มากันแน่"
"ไม่อยาก...แต่ที่จริง ถ้ามุกหอมทำให้เค้าเปลี่ยนใจมากินส้มตำได้ มุกหอมก็จะหัวเราะทีหลังดังกว่า"
"ตกลงว่าทั้งรักทั้งชัง"
"ชังจ้ะยาย ชังอย่างเดียว...รักไม่เกี่ยว" มุกหอมยืนยันหน้าง้ำ

ดินเนื้อทอง ตอนที่1

ตอนที่ 1 ในงานปาร์ตี้ครบรอบ 5 ปี บริษัทคิซซี่ คิซซี่... แนนนี่ เจ้าของบริษัทสาวใหญ่วัยเคาะคานได้มอบหมาย ให้สงกรานต์ ครีเอทีฟหนุ่มหน้ามนเป็นคนจัดการเรื่อง อาหาร ซึ่งสงกรานต์ได้สั่งอาหารอีสานรสเด็ดของยายแคที่ขายอยู่หน้าบริษัทเอาไว้ แต่เมื่อเขาโทร.ไปตาม ยายแคกลับบอกว่ายังไม่มีคนส่ง เพื่อนฝูงในบริษัท ที่ยังไม่รู้ว่าอาหารเป็นอะไร แต่ก็บ่นกันขรมที่ป่านนี้อาหารยังไม่มาขึ้นโต๊ะ


ขณะที่ยายแคกำลังกลุ้มใจ หลังวางสายจากสงกรานต์ที่โทร.มาเร่ง...มุกหอม สาวบ้านนาจากมุกดาหารก็นั่งมอเตอร์ไซค์ รับจ้างแบกครกกับสากขนาดใหญ่มาจอดพรืดที่หน้ารถเข็นของยายแค
"ยายจ๋า..." มุกหอมตะโกนพร้อมกับโดดลงมอเตอร์ไซค์
คำปลิว...แม่ค้าส้มตำคู่แข่งเห็นเข้าก็แตกตื่นด้วยความอิจฉา ทำปากยื่นปากยาวทันที
"แม่เจ้าโว้ย ครกยักษ์ สากยักษ์ ใหญ่ขนาดนี้จะเอามาทิ่มปากใคร"
"ก็ต้องปากเจ๊น่ะสิ เข้ากั๊น เข้ากัน" มะเดื่อโพล่งทันควัน จนเกือบจะโดนสากของคำปลิวกระแทกหน้า
"ปากแกก่อนแล้วกันไอ้มะเดื่อ...นังสากยักษ์นั่นมันใครวะ"
"มุกหอม มาแล้วจ้า" มุกหอมส่งเสียง แบกครกวิ่งมาจะกอดยาย
"เฮ้ย...ครกๆๆ"
"อุ๊ยลืม" มุกหอมรีบวางครกลงก่อน แล้วกอดยาย หอมซ้ายขวาด้วยความคิดถึง
"เอ็งมาก็ดีแล้ว ยายมีเรื่องสำคัญให้เอ็งทำ"
"มีอะไรสำคัญกว่าแบกครกยักษ์ สากยักษ์มาจากมุกดาหารอีกเหรอจ๊ะ"

จากนั้นไม่นาน มุกหอมก็หอบหิ้วกล่องอาหารในถุงขนาดใหญ่เต็มสองมือเข้าไปในบริษัทคิซซี่ คิซซี่ แต่เธอไม่รู้ว่าห้องไหนที่จัดงาน สุ่มหาอยู่พักหนึ่ง กว่าจะไปเจอห้องที่มี เสียงเพลงดังอึกทึก ซึ่งภายในห้อง แนนนี่กำลังยืนจังก้าหน้าโต๊ะอาหารที่ไม่เหลืออะไร แม้แต่ของกินเล่น
"สงกรานต์จ๋า มัวไปมุดหัวอยู่ที่ไหนจ้ะ" เสียงแนนนี่เพรียกหา สงกรานต์หน้าเจื่อนจ๋อยหลบอยู่ใต้โต๊ะ รีบเอาจานกระดาษปิดหน้า ค่อยๆคลานหนีออกจากห้อง
มุกหอมเงี่ยหูฟัง กำลังจะเอาตัวกระแทกประตูให้เปิด สงกรานต์เปิดประตูมาพอดี มุกหอมเลยเซ สงกรานต์ตกใจจึงรวบตัวเธอไว้ สองคนจึงอยู่ในสภาพกอดกัน จมูกเกือบชนจมูก มุกหอมตกใจและประหม่า ปล่อยมือจากถุงอาหาร ทำให้ถุงหล่นใส่เท้าสงกรานต์ ถึงร้องโอ๊ย...

"ตายแล้ว ตายๆ" มุกหอมร้องลั่น มองกล่องอาหารที่หกเลอะเทอะบนพื้น
"ผมสิตาย" สงกรานต์เสียววาบ นึกถึงว่าเจ้านายและเพื่อนๆรออาหารอยู่ มุกหอมทำท่าจะหยิบมันขึ้นมา แต่สงกรานต์ ร้องห้ามเสียงหลง "หยุด อย่าแตะต้องอาหารพวกนี้"
"คือว่าฉัน..."
"ไม่ต้อง ไม่ต้อง ผมไม่ชอบฟังคำแก้ตัว เสร็จงาน แล้วเดี๋ยวค่อยมาเก็บตังค์ อ้อ แต่ผมจ่ายแค่ครึ่งเดียวนะ เพราะส่งของไม่ตรงเวลา" ชายหนุ่มพูดรวดเดียว แล้วหอบหิ้วกล่องอาหารกลับเข้าไปในงานทันที ทิ้งมุกหอมยืนละเมอ ชะเง้อมองเข้าไปอย่างสนใจพ่อหนุ่มรูปหล่อ พอเอาหน้าแนบกระจกเห็นงานเลี้ยงสนุกสนาน ยิ่งอยากรู้ว่าข้างในเขามีงานอะไรกัน
ด้วยความอยากรู้ทำให้มุกหอมยังป้วนเปี้ยนอยู่หน้าห้อง แอบมองเข้าไปเห็นสงกรานต์จัดคิวงาน สั่งคนโน้นคนนี้...ยิ่งเพิ่มความประทับใจ
"คนอะไร ทั้งเก่งทั้งหล่อ"
ทันใดนั้นประตูเปิดออก มุกหอมผงะถอย วีณาเดินออกมามองตั้งแต่ตัวจดเท้า
"หน้าตาไม่คุ้น ท่าทางไม่ใช่พนักงานคิซซี่ คิซซี่"
มุกหอมยิ้มกลบเกลื่อน อ้อมแอ้มว่า "มางานนี้เหมือนกันจ้ะ"
วีณาคิดนิดเดียว แล้วร้องอ๋อ รู้แล้ว...จากนั้นก็เข้าคว้ามือมุกหอมไป โดยไม่พูดไม่จาว่าจะพาไปไหน...
วีณาพามุกหอมไปในห้องแต่งตัวหลังเวที จับให้นั่งลงที่หน้าโต๊ะ ได้ยินเสียงคนคุมคิวดังลอดมาว่า
"อีกสิบนาที นางแบบทุกคนสแตนด์บายหลังเวที"
มุกหอมเหวองง ทำท่าจะลุก วีณารีบกดบ่าให้นั่งลง
"มาสายแล้วยังมาทำหน้ามึนใส่ฉันอีกเหรอยะ...มาจัดการคนนี้หน่อย" วีณาหันไปเรียกช่างแต่งหน้า แล้วผละไปทันที มุกหอมจะลุก แต่ช่างแต่งหน้าปราดมาดัก แล้วจัดการแต่งหน้าอย่างรวดเร็ว

ooooooo

ด้านหน้าเวที พนักงานยืนออรอดูนางแบบวัยเอ๊าะ พอสงกรานต์สั่งคิวดับไฟ เสียงเพลงดังขึ้นทันที ทุกคนมองนางแบบเดินออกมาในชุดคอนเซปต์ปาร์ตี้หลังบ้าน ทั้งถือลูกบอล ลูกบาส แก้วแชมเปญ และปืนฉีดน้ำมาฉีดคนดู
ทุกคนตบมือสนุกสนาน พอนางแบบเดินเข้าไปจนหมด สงกรานต์มองเวทีว่าง แล้วบ่น
"ชุดฟินาเล่ล่ะ"
ทันใด มุกหอมถูกคนคุมคิวผลักออกมา มุกหอมในชุดสีขาวหรูฟูฟ่องเหมือนเจ้าหญิง ใส่มงกุฎเก๋ๆอันเล็ก ทุกคนตะลึงในความสวย นึกว่าลูกหลานไฮโซ...สงกรานต์เพ่งมอง แล้วจำได้ เมื่อมุกหอมมาหยุดยืนกลางเวที
"ตายแล้ว ตายๆ โธ่ ไอ้สงกรานต์เอ๊ย เค้าจะพูดก็ดันไม่ให้พูด เกิดเป็นลูกหลานหุ้นส่วนบริษัท...แกจบอนาคตแน่"
"น้องนางแบบคนนี้หน้าตาไม่คุ้น เคยเมมเบอร์ไว้หรือเปล่า" ทวยเทพ พนักงานอีกคนของบริษัทรีบเปิดโทรศัพท์มือถือดูรูปผู้หญิงที่ถ่ายไว้ สงกรานต์เดินไปเบียดหน้าทวยเทพ จะขอดูคิว ทวยเทพหมั่นไส้ ว่าให้ "ดูคิวหรือดูขานางแบบกันแน่"
พนักงานหนุ่มๆส่งเสียงเชียร์ชื่นชอบ มุกหอมฝืนยิ้ม หันมาเจอสงกรานต์ยิ้มให้ พร้อมกับโบกมือ ทวยเทพแกล้งขัดขาสงกรานต์จนล้มลง ผู้คนวี้ดว้าย มุกหอมพลอยตกใจโดดลงจากเวที ฝ่าคนมาที่สงกรานต์ ยื่นมือให้เขาจับ และช่วยดึงเขาลุกขึ้น
"ผมต้องขอโทษที่เมื่อกี๊เข้าใจคุณผิด ผมสงกรานต์ครับ แล้วคุณ..."
"มุกหอมจ้ะ"
"คุณมุกหอมมากับคุณพ่อคุณแม่ใช่ไหมครับ ท่านนั่งตรงไหนครับ เดี๋ยวผมเดินไปส่งที่โต๊ะท่าน"
"คือว่า..."
"คราวนี้ไม่ต้องกลัวผมแย่งพูดนะครับ ไหนครับ มากับใครเอ่ย"
"มาคนเดียวจ้ะ กำลังจะกลับพอดี" มุกหอมหันหลัง วิ่งฝ่าคนออกไป สงกรานต์รีบตาม วีณาวิ่งสวนมาบอกทุกคนว่า นางแบบชุดฟินาเล่ท้องเสียอยู่ในห้องน้ำ สงกรานต์ชะงัก แปลกใจว่ามุกหอมมาเดินชุดนี้ได้อย่างไร แต่ก็ไม่ใส่ใจนัก รีบวิ่งต่อไป
มุกหอมถกกระโปรงวิ่งลงบันไดหน้าตึกมา ได้ยินเสียงสงกรานต์วิ่งตามหลัง
"คุณมุกหอม รอด้วยครับ คุณมุกหอม อย่าเพิ่งไป"
มุกหอมหันไปมอง เลยพลาดล้มกลิ้ง รีบมุดหลบข้างบันไดอย่างรวดเร็ว ก่อนที่สงกรานต์จะวิ่งมาหยุด ยืนมองหาในความมืด
"คุณมุกหอม นี่มงกุฎ มงกุฎของคุณมุกหอม...คุณมุกหอม เจ้าหญิงของผม เมื่อไหร่เราจะได้เจอกันอีก"
มุกหอมได้ยินทุกคำ ยิ้มเขินอยู่ในมุดมืด แล้วรีบคลานออกไปจากตรงนั้น ทิ้งให้สงกรานต์ยืนเพ้อ ฝันหวาน...

ooooooo

มุกหอมในชุดสุดหรูวิ่งมาถึงรถเข็นส้มตำของยายแค ไม่ทันที่ยายจะทักถาม มุกหอมก็โผมากอดรัดยาย พร่ำบอกว่า มุกหอมเจอเจ้าชายแล้ว...
"เจ้าชงเจ้าชายที่ไหน แล้วนี่แต่งตัวบ้าอะไร ไปขโมยชุดใครมา"
"ยายจ๋า เรื่องมันยาวเหมือนนั่งรถทัวร์จากมุกดาหารถึงกรุงเทพฯ แต่ยาวแค่ไหน มุกหอมก็เต็มใจเล่า เรื่องมันก็มีอยู่ว่า..."
ไม่ทันได้เล่า คำปลิวกับมะเดื่อเดินเร่เข้ามาแขวะหาเรื่อง ด้วยนึกว่ายายแคหัวใสให้หลานสาวแต่งชุดสวยมาแย่งลูกค้า...สองคนไม่พูดเปล่า ยังทำลายข้าวของด้วย มุกหอมไม่ยอม ทำท่าจะตอบโต้ แต่ยายแคสั่งห้าม คำปลิวฉวยโอกาสตอนมุกหอมเผลอ ผลักซะล้มก้นกระแทก
มุกหอมโกรธ ลุกขึ้นจะเอาคืน ยายแคกระชากแขนมาทันที
"ข้าบอกให้หยุด"
"เค้ารังแกยายนะ รังแกมากี่ครั้งแล้ว"
"กี่ครั้งก็ช่าง เก็บของ กลับบ้าน" ยายแคสั่งเฉียบ มุกหอมจำใจก้มเก็บจานที่แตก
"ถ้าข้องใจ ตามไปเอาคืนได้นะจ๊ะ แม่มุกหอม มุกเหม็น" คำปลิวหัวเราะ เดินเชิดไป มะเดื่อเข็นรถตาม มุกหอมเก็บจาน พลางชำเลืองมองยายด้วยความน้อยใจ
กลับถึงหน้าบ้านเช่าในชุมชน มุกหอมยังบ่นกระปอด กระแปด "ยอมเค้าง่ายๆ เสียชื่อยายแค เมืองมุก"
แล้วยายหลานต้องตกใจ ที่บ้านเช่าฝั่งตรงข้าม พวกเล้งกำลังโยนหมอนมุ้งออกมาจุดไฟเผา เพียงเพราะเจ้าของห้องดันปากไวไปวิจารณ์ส้มตำร้านคำปลิวว่ารสชาติไม่ได้เรื่อง กินแล้วท้องเสียเข้าโรงพยาบาล
เล้งทำตัวเป็นมาเฟียก็ไม่ปาน โกรธแทนคำปลิวซึ่งเป็นแฟน มุกหอมเลยถึงบางอ้อที่ยายไม่อยากตอบโต้คำปลิว ก็เพราะแบบนี้นี่เอง...

เมื่อพากันเข้าบ้าน มุกหอมจัดแจงล้างอุปกรณ์ค้าขายของยาย ส่วนยายนั่งนับเงินอยู่ใกล้ๆ
"ยายจ๋า ไหนๆก็มากรุงเทพฯทั้งที ยายพามุกหอมไปหาแม่หน่อยนะจ๊ะ มุกหอมอยากเจอหน้าแม่สักครั้ง"
ยายแคชะงัก หน้าตึง "อยากเจอทำไม หรือว่าอยู่กับข้า เอ็งไม่มีความสุข"
มุกหอมหน้าจ๋อย มองยายแล้วนึกถึงอดีตตอนเรียนมัธยมปลาย มุกหอมไปประกวดร้องเพลงในหมู่บ้าน แล้วถูกกลุ่มวัยรุ่นล้อว่ามุกหอมเป็นลูกไม่มีพ่อมีแม่ มุกหอมโกรธเลยใช้ไมค์ไล่ฟาดปากพวกนั้น ขณะที่ยายแคก็ไม่พอใจ ยกเก้าอี้ทุ่มใส่ทั้งกลุ่มจนวิ่งกระเจิง...
"ยายบอกว่าพ่อตายไปแล้ว แต่แม่ยังมีชีวิตอยู่ มุกหอมก็อยากรู้ว่าแม่บังเกิดเกล้า หน้าตาท่าทางเป็นยังไง มุกหอมจะได้จำไปจนวันตาย"
"ไม่ต้องจำ แล้วก็ไม่ต้องเจอ รีบนอนซะ พรุ่งนี้เช้ามืดต้องไปซื้อของ" ยายแครีบเอาเงินใส่กระเป๋าวางไว้ มุกหอมเหลือบตาเห็นรูปรูปหนึ่งสอดอยู่ รับคำยายเสียงแจ้ว แต่พอยายหันหลังเดินไปตรงฟูกนอน มุกหอมก็ย่องมาแอบหยิบกระเป๋าเงินยาย เอาไปเปิดดู เห็นภาพของแม่ยิ้มสดชื่น ด้านหลังสอดไว้อีกภาพ เป็นรูปคู่ยายกับแม่ในช่วงวัยรุ่น
"โธ่ยาย ทำเป็นปากแข็ง ที่จริงก็คิดถึงแม่เหมือนกัน... ดีล่ะ ยายไม่ยอมเจอแม่ งั้นมุกหอมนี่แหละจะพาแม่มาเจอยายเอง"

ooooooo

เช้าวันใหม่ รถคันหรูของหยาดพิรุณแล่นมาจอดหน้าตลาด คนขับลงมาเปิดประตูให้หยาดพิรุณ ส่วนอีกด้าน ตวงใจลูกสาวลงจากรถในหมวกปีกกว้าง มีผ้าลูกไม้คลุมหน้า ทำเอาพ่อค้าแม่ค้าพากันมอง
"คุณแม่อ่ะ จะพาตวงใจมาตลาดทำไมไม่รู้ ทั้งเฉอะแฉะ แถมมีแต่พวกพ่อค้าแม่ค้าจนๆ"
"เบาๆสิตวงใจ เราเป็นเจ้าของตลาดนะลูก"
"น่าภูมิใจมากค่ะ ทำมาหากินกับชนชั้นล่าง"
เจ๊สว่างได้ยิน เดินรี่เข้ามา "เอ้า คุณหนูไฮโซ วันนี้มาดูกิจการถึงนี่เลยเหรอคะ"
ตวงใจเอาผ้าเช็ดหน้าปิดจมูก สะบัดหน้า หยาดพิรุณรีบทักทายเจ๊สว่างว่า ขายดีไหม?
เฮียตู้เดินมายืนข้างเมีย ตอบแทน "จะขายดีอะไรคุณนาย เศรษฐกิจดิ่งลงนรก แถมค่าเช่าแผงยังแพงหูฉี่ คุณนายรู้มั่งมั้ยครับ ว่าพวกคนรวยมันจะซ้ำเติมคนจนไปถึงไหน"
เล้งก้าวมาอีกคน ถามเหย้าคุณหนูตวงใจว่ารู้บ้างไหมครับ ตวงใจตอบสะบัดเสียงอย่างรังเกียจว่า "ฉันไม่รู้เรื่องคนจน"
หยาดพิรุณเห็นท่าไม่ดี รีบดึงตวงใจหลีกพวกเฮียตู้ "งั้นเดี๋ยวฉันขอไปดูด้านในหน่อยนะ"
"หมั่นไส้ อยากตบนังคุณหนูนั่นจริงๆ" เจ๊สว่างมองตาม
"ตบไปก็เจ็บมือเรา สู้เล่นให้มันขายขี้หน้าคนทั้งตลาดดีกว่า ไป ไอ้เล้งลูกพ่อ"
สามคนพ่อแม่ลูกพากันเดินออกไป ยิ้มกริ่มในหน้าอย่าง มีแผน
หยาดพิรุณพาตวงใจที่เดินปิดจมูกทักทายแม่ค้าพ่อค้าตามแผงต่างๆ อีกด้านเล้งอยู่ตรงแผงหมู ยิ้มเจ้าเล่ห์ หยิบถุงน้ำมันหมูออกมาเทลงตรงทางเดิน ตวงใจสะบัดสะบิ้งเดินแซงแม่มา เหยียบไปบนน้ำมันหมู ร้องวี้ดว้ายจะล้ม มุกหอมกับยายแคมาจ่ายตลาด หันมาตามเสียง มุกหอมทิ้งถุงมะละกอในมือวิ่งพรวดมาช่วยตวงใจ แต่ตวงใจรังเกียจสะบัดมือออก ตวงใจเลยเซกลิ้งลงไปนั่งในรถเข็นผัก เฮียตู้ได้ทีแกล้งถีบรถเข็นลื่นไปตามทาง หยาดพิรุณเห็นสภาพลูกสาวถึงกับร้องลั่น
"ตวงใจ ลูกแม่"
ยายแคหันขวับไปตามเสียง แล้วอุทานตกใจ "คุณหยาดพิรุณ"
มุกหอมได้ยินยายเรียกชื่อผู้หญิงคนนั้น หันมองตาม จำได้ว่าเธอคือผู้หญิงในรูปที่เห็นเมื่อคืนในกระเป๋าเงินยาย
"มุกหอม กลับบ้าน" เสียงยายแคตะโกนเรียก แทนที่มุกหอมจะไปหายาย กลับวิ่งตามหยาดพิรุณที่วิ่งตามตวงใจไป
ตวงใจส่งเสียงแปดหลอด เพราะรถเข็นยังลื่นไหลไม่หยุด กระทั่งมุกหอมเอาลูกฟักทองโยนสกัด รถถึงหยุด แต่ตวงใจหน้าทิ่ม พุ่งออกมาล้มลงบนกองผัก ชาวตลาดถึงกับหัวเราะสนั่น หยาดพิรุณวิ่งมาดึงลูกที่กรี๊ดไม่หยุด
"พวกแกแกล้งฉัน ไล่มันค่ะ คุณแม่ ไล่มัน"
"เลอะหมดแล้ว กลับบ้านก่อนเถอะ ลูกตวง"
"ไม่ค่ะ คุณแม่ต้องหาคนผิดให้ตวงใจก่อน"
หยาดพิรุณมองไปเห็นพ่อค้าแม่ค้ามองมาก็ยิ่งอาย อีกด้านยายแคหลบมองมาที่หยาดพิรุณ
"เร็วๆสิคะคุณแม่ หรือคุณแม่จะให้ลูกสาวคนเดียวอับอายขายขี้หน้าพ่อค้าแม่ค้าจนๆพวกนี้"
"คำก็จน สองคำก็จน แหม...คนจนทั้งตลาดอยากมีเมียเป็นนางฟ้าจังเลยเว้ย" สิ้นเสียงของเล้ง พ่อค้าแม่ค้าร้องเฮสนับสนุน โดยเฉพาะเฮียตู้ สั่งลูกชายสมนาคุณคุณหนูไฮโซเขาหน่อย หยาดพิรุณกลัวๆ สั่งคนขับรถไปเอารถมาเร็ว พร้อมๆกับดึงลูกสาว ผ่านหน้ามุกหอมไป
"แม่" เสียงเรียกของมุกหอมทำให้หยาดพิรุณหยุดชะงัก หันมายิ้มอย่างคนใจดี
"หนูเรียกฉันเหรอจ๊ะ"


"คุณแม่...ตวงใจไม่ยอมนะ" ตวงใจกระชากแขนแม่ "ไม่ยอมจริงๆด้วย ไล่ค่ะ ไล่มันให้หมดตลาด"
พวกเฮียตู้ดาหน้าเข้ามา หยาดพิรุณรีบดันตวงใจขึ้นรถออกไปทันที มุกหอมแสนเสียดาย หันมาทางเจ๊สว่าง ซักว่าผู้หญิงสวยๆคนนั้นชื่ออะไร?
"หยาดพิรุณ เจ้าของตลาดนี้ไงล่ะ ส่วนนังลูกสาว ดีดดิ้นเป็นปลาช่อนโดนทุบหัวน่ะชื่อตวงใจ"
"คุณหยาดพิรุณเค้าเป็นใคร มาจากไหน เป็นคนมุกดาหารหรือเปล่า"
ไม่ทันเจ๊สว่างจะพูดอะไรอีก ยายแควิ่งพรวดมาดึงมุกหอม สั่งให้หยุดถาม ทำให้เจ๊สว่างสงสัย ถามเร็วจี๋
"มีอะไรกันหรือเปล่า อยากรู้อยากเห็นเรื่องอะไร เจ๊สว่างช่วยได้นะ ไม่คิดเงิน"
ยายแคหน้าตูมใส่ ลากมุกหอมออกห่าง "ถ้าเอ็ง
ยังไม่หยุดเรื่องตามหาแม่ ก็กลับมุกดาหารไปเลย" ยายแคขัดใจเดินออกไป มุกหอมมองตาม แล้วพึมพำกับตัวเอง
"มุกหอมไม่กลับ มุกหอมจะอยู่พิสูจน์ความจริงว่าคุณหยาดพิรุณคือลูกของยาย คือแม่ของมุกหอม..."

ooooooo

สายแล้ว ร้านส้มตำรถเข็นเริ่มเดินเครื่อง มีลูกค้าทยอยมาสั่งมาซื้อ รวมทั้งสงกรานต์ที่ออกจากตึกเดินตรงมา มุกหอมตาไวเห็นสงกรานต์ก่อน รีบทิ้งสากหลบวูบลงข้างรถเข็น จนยายแคแปลกใจ ถามว่าเป็นอะไร?
"มดกัด ยาย มดกัดขา"
คำปลิวชะเง้อคอยาวก่อนวิ่งมาเบียด ทักสงกรานต์ "วันนี้ทำงานเหนื่อยมั้ยคะ ตั้งแต่เช้าเพิ่งเห็นลงมาซื้อกาแฟแก้ว เดียวเอง"
สงกรานต์ถอยห่าง ทักแบบเสียไม่ได้ "ขายดีมั้ย"
"ดีค่ะ ดีมากเลย ดีกว่าร้านยายแค"
มุกหอมหลบไปหลบมาหลังรถเข็น กลัวสงกรานต์เห็น สงกรานต์มองเห็นแต่ยายแค แล้วเดินเลยไป มุกหอมลุกพรวดหัวชนรถ ลุกขึ้นคลำป้อย คำปลิวเดินเชิดมาคุยอวด
"หล่อนคงไม่รู้จัก คนเมื่อกี๊น่ะแฟนตัวจริงของฉัน คุณสงกรานต์ สุดยอดครีเอทีฟของคิซซี่ คิซซี่"
"อ๋อเหรอ ท่าทางเค้ายังไม่รู้ตัวนะ ว่าเป็นแฟนเธอ"
"นังมุกหอม นังสากยักษ์"
"ทำไมเหรอ คำปลิว สักป๊อกมั้ยจ๊ะ" มุกหอมยกสากเงื้อง่าอย่างไม่กลัว ยายแคต้องปราม ก่อนจะเร่งให้เอาของไปส่งคนบนตึก
สงกรานต์กลับขึ้นไปทำงานได้สักพัก ตวงใจก็โทร.เข้ามาหา วีณากับพวกสาวๆทำท่าหูยื่นหูยาวอยากรู้
"ครับ ตวง ผมรออยู่...ไม่ลืมครับ ว่าต้องไปเอารถที่จองไว้ แล้วตวงถึงไหนแล้วครับ"
"ไม่บอกค่ะ อยู่ไกลสงกรานต์ อีกเป็นชั่วโมงเลยค่ะ กว่าจะถึง เดี๋ยวเจอกันนะคะ"

ตวงใจวางสาย ยิ้มแย้มมีความสุขที่ได้อำสงกรานต์ เธอก้าวลงจากรถที่จอดอยู่หน้าตึก โดยไม่ทันมองว่ามีรถสปอร์ต คันหรูแล่นมา...ตวงใจผงะตกใจ ขณะที่ชายหนุ่มในรถคันนั้นก็เบรกตัวโก่ง แล้วรีบลงมาถาม
"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
"ขับรถประสาอะไร" ตวงใจมองเขาหัวจดเท้า
"ก็ผมไม่คิดว่าคุณจะพรวดพราดลงจากรถ"
"อ๋อ โทษว่าฉันผิด รู้หรือเปล่าว่าฉันลูกใคร? ไม่รู้ล่ะสิ งั้นฟังดีๆ ฉันลูกสาวคนเดียวของคุณกรณ์ เจ้าของตึก ฉันจะจอดรถตรงนี้ ลงตรงนี้ มันก็เป็นสิทธิ์ของฉัน"
"อ๋อ ลูกสาวเจ้าของตึก"
"อย่ามาทำเสียงล้อเลียน"
"เอาเป็นว่าผมขอโทษแล้วกันครับ คือผมมีธุระ ต้องรีบไปส่งของลูกค้า"
"มาส่งรถใช่มั้ย...รถของสงกรานต์"
พอชายหนุ่มตอบรับ สาวเจ้าก็ขอกุญแจทันที บอกว่ารถคันนี้ของแฟนที่ชื่อสงกรานต์...มุกหอมที่หิ้วอาหารมาส่ง แอบดูแอบได้ยินสองคนทุ่มเถียงกัน ถึงกับรำพึงออกมา
"คุณสงกรานต์เป็นแฟนคุณตวงใจ ลูกแม่หยาดพิรุณ"
"คงไม่ได้นะครับ ยังไงผมก็ต้องเอากุญแจให้ถึงมือลูกค้า" พีรพลไม่ยอม แล้วประชดต่อไปเมื่อตวงใจบอกว่า เธอกำลังจะไปเจอสงกรานต์ "งั้นผมตามคุณไปดีมั้ยครับ กุญแจรถมันหนัก ผมถือให้ดีกว่า เดี๋ยวจะเสียเกียรติลูกสาวเจ้าของตึก"
"ก็ดี" ตวงใจเชิดหน้าเดินเข้าไป พีรพลแอบยิ้มกับมาดนางพญาของเธอ แล้วเดินตาม มุกหอมค่อยๆตามหลัง
สงกรานต์กำลังง่วนกับงาน พอพวกวีณาเห็นตวงใจเดินเข้ามาก็ฉีกยิ้มต้อนรับ วีณารี่มาชมตวงใจประสาคนขี้ประจบ ตวงใจไม่ชอบนัก และพูดดักคอจนวีณาหน้าม้าน...
"นี่ไง สงกรานต์ แฟนฉัน เอามาสิ กุญแจรถน่ะ" ตวงใจ หันไปพูดกับพีรพล สงกรานต์เพิ่งเห็น
"ผมบอกว่า ผมจะไปรับเอง"
"ตอนนี้ทางโชว์รูมเรามีโปรโมชั่นพิเศษครับ สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการช่วงนี้ เราจะส่งรถถึงที่ แล้วยังแถมคูปองสำหรับเช็กเครื่องรถฟรี 5 ปี"
"พอแล้ว กุญแจรถ ที่ฉันต้องการคือกุญแจรถ" ตวงใจ ขัดขึ้น พีรพลส่งมอบกุญแจรถให้สงกรานต์ แต่ตวงใจรีบดึงมา "อย่าลืมนะคะ ที่ตวงใจบอกว่าตวงใจต้องเป็นผู้หญิงคนแรก ที่ได้นั่งรถคันนี้"
"มีปัญหาอะไร ติดต่อผม...พีรพล"
"พอๆ หมดหน้าที่เซลล์แล้ว" ตวงใจทำท่าเหม็นหน้าเซลส์หนุ่ม แล้วหันไปยิ้มหวานกับสงกรานต์ พีรพลจึงถอยออกไป...ตวงใจตื๊อสงกรานต์ จะให้พาออกไปนั่งรถคันใหม่ แต่สงกรานต์บอกว่างานยังไม่เสร็จ ตวงใจกลับทำท่าเอาแต่ใจ เดินมาเก็บของบนโต๊ะ
"ไม่เอาค่ะ ตวงไม่ให้ทำแล้ว...เอ๊ะ นี่รูปใครคะ"
มุกหอมยืนชะเง้อมาเห็นรูปตัวเองที่ตวงใจถืออยู่ ทวยเทพแถมาดูรูป แล้วบอกตวงใจว่า เธอคือนางแบบใหม่ของสงกรานต์ กำลังปลื้มสุดๆ
"นางแบบคนนี้ชื่ออะไร" ตวงใจถามยิก
เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะขึ้นขัดจังหวะ วีณารีบกดสปีกเกอร์ ทุกคนจึงได้ยินเสียงแนนนี่
"สงกรานต์จ๋า หลับอยู่หรือเปล่า ถ้าตื่นแล้ว รีบเข้ามาให้พี่เห็นหน้าหน่อยจ้ะ คิดถึง"
พนักงานแอบหัวเราะ สงกรานต์ได้โอกาส บอกตวงใจ ว่าเจ้านายเรียก สงสัยจะคุยเรื่องโฆษณาตัวใหม่ ให้ตวงใจไปรอที่ร้านกาแฟก่อน...ว่าแล้วชิ่งไปทันที
ตวงใจจำใจต้องไป มุกหอมแอบเดินตามตวงใจ สักครู่ ตวงใจรู้สึกแปลกๆ หันขวับมา...ครั้งแรกไม่เจอ แต่พอครั้งสอง เจอมุกหอมเต็มๆ ตวงใจกระชากแขน ถามเอาเรื่อง
"แกตามฉันมาทำไม"
พีรพลเพิ่งออกจากห้องน้ำ เห็นตวงใจกำลังคาดคั้นมุกหอม...มุกหอมบอกว่ามาส่งส้มตำ ตวงใจผงะ ที่รู้ว่ามุกหอม เป็นแม่ค้า รีบปล่อยมือทันที
"ใครปล่อยให้แม่ค้าส้มตำมาเดินเพ่นพ่านในตึกหรูของพ่อฉันเนี่ย ยามๆ"
"มีเรื่องอะไรกัน" พีรพลวิ่งเข้ามา

"แกอีกแล้ว ฉันเรียกยาม ไม่ใช่เซลส์ขายรถ หรือว่า แกเป็นพวกนางนกต่อ สะกดรอยตามคนรวย เรียกค่าไถ่"
"โห...คุณ ผมว่ามันเว่อร์ไปนะ คิดมากไปหรือเปล่า น้องเค้าก็แค่มาส่งของ"
"ฉันมีสิทธิ์คิดเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ฉันเป็นลูกสาวเศรษฐีรวยพันล้าน พ่อฉันก็เป็นเจ้าของตึกนี้"
"แล้วแม่คุณล่ะ แม่คุณชื่อหยาดพิรุณใช่ไหมคะ"
"ใช่ เจ้าของตลาดทรัพย์มหาศาล ตลาดใหญ่อันดับหนึ่ง เอ๊ะ นี่ถามเอาชื่อแม่ฉันไปล้อใช่มั้ย...ยามๆ มาจับตัวมันไป"
มุกหอมดิ้นหนีมือตวงใจจนถุงส้มตำฟาดไปเลอะเนื้อตัว ตวงใจถึงกับกรี๊ดลั่น พีรพลรีบดึงมุกหอมออกไป แต่มุกหอมยังไม่วายร้องถามตวงใจว่า บ้านคุณอยู่ไหน?
"จะตามไปจ่ายค่าชุดฉันหรือไง ถามอยู่ได้ แกนะแก...อี๋ จำไว้เลย อย่าให้ฉันเห็นหน้าในตึกนี้อีก"
พีรพลลากมุกหอมออกมาหน้าตึก บอกให้รู้ว่าถ้าเขาเรียกตำรวจมาจับ ได้ติดคุกหัวโตแน่ มุกหอมเถียงว่า คนแค่อยากรู้ ถึงกับติดคุกด้วยเหรอ...พอพีรพลถามว่าอยากรู้อะไร มุกหอมก็สะบัดหนี บอกว่าเรื่องของเธอ คนอื่นไม่เกี่ยว...
มุกหอมกลับมาตำส้มตำ พีรพลยังตามมายืนมอง เห็นท่าทีหญิงสาวคล่องแคล่ว ให้นึกอยากกิน และอยากคุย เดินมาถามๆ แต่กลัวเผ็ด มุกหอมเลยบอก
"ไม่เผ็ดก็ได้ หน้าตาจืดๆแบบคุณ พริกเม็ดเดียวแล้วกัน ถือว่าเลี้ยงที่พาฉันวิ่งจนลิ้นห้อย"
"เอ้า ลองดู"
ไม่นานนัก มุกหอมก็วางจานส้มตำตรงหน้าพีรพล พอได้ชิมแค่คำเดียว พีรพลแทบร้องจ๊าก...กลับไปโชว์รูมรถยังซี๊ดปากไม่หาย
"นี่ถ้าท่านประธานรู้ว่าคุณพีรพลขับรถไปส่งลูกค้าเอง มีหวังเซลส์อย่างพวกผมตกงานกันหมด" ลูกน้องคนหนึ่งเดินมาทัก
"ผมไม่ใช่นักเรียนนอกประเภทเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ถ้าผมต้องมาดูแลที่นี่ต่อจากพ่อ ผมก็อยากเริ่มเรียนรู้เหมือนพวกคุณ ไปทำงานเถอะ อย่าซีเรียส"
ลูกน้องมองพีรพลอย่างชื่นชม พีรพลเดินเลยไปด้านในได้สักครู่ พิญชะก็ตามเข้ามา
"ไหนว่าวันนี้จะไปออกรอบกับก๊วนไงครับ"
"แวะมาดูลูกน้องคนใหม่ เป็นไง ทำงานวันแรก"
"สบายมากครับพ่อ เพิ่งไปเจออะไรแปลกๆมา"
"สวยแปลกน่ะเหรอ...ถ่ายรูป ขอเบอร์มาป่ะ"
"ฮื้อ พ่อ...ไม่ใช่หยั่งงั้น ผมเพิ่งมีเพื่อนเป็นแม่ค้าส้มตำ"
"เดี๋ยวๆ ไอ้พีรพลลูกรัก กลับมาจากเมืองนอกได้ไม่ถึงอาทิตย์ มีเพื่อนเป็นแม่ค้าส้มตำ เพื่อนแกคนนี้เป็นลูกหลานไฮโซ ไฮซิ้ม ไฮซ้อคนไหนเล่นพิเรนทร์อีกล่ะ"
"แม่ค้าส้มตำจริงๆพ่อ แล้วก็เป็นแม่ค้าส้มตำที่น่ารัก ที่สุดด้วย" พีรพลพูดยิ้มๆ ทำเอาพ่อเหล่มองแปลกใจ...

ooooooo

ที่มา
http://variety.mcot.net/inside_novel.php?novell_id=145202526