วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2551

วิธีตรวจสอบว่า บัญชี Gmail ถูก Hack หรือเปล่า?



ใน ยุคปัจจุบันนี้ ปัญหาความปลอดภัยบน Internet มีปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้หลายๆ คน เริ่มกลัวว่าจะมีใครบางคนเข้ามาขโมยข้อมูลจาก webmail ของเรา แต่สำหรับพวกเราที่ใฃ้ Gmail ของ Google สามารถตรวจสอบดูได้ว่ามีคนอื่นแอบ Log in เข้ามาในบัญชีของเราหรือเปล่า

ถ้าพวกเราเป็นคนหนึ่งที่อยากรู้ว่าใครแอบเข้ามา hack ข้อมูลของเราเหรือเปล่า สามารถเช็คดูได้ โดยทำตามขั้นตอนนี้ครับ

1. Log In บัญชี Gmail ของเรา และ scroll ไปจนถึงด้านล่างสุดของหน้า web ลองอ่านดูพวกเราก็จะพบประโยคที่เขียนว่า "Last account activity" พร้อมแจ้งเวลาครั้งสุดท้ายก่อนครั้งนี้ ที่พวกเราใช้ Gmail คือเมื่อไร (ตามภาพตัวอย่าง)

2. ในกรณีที่มีผู้ Log In บัญชี Gmail ของเราในเวลาเดียวกับที่เรากำลังใช้งานอยู่ Gmail ก็จะแจ้งให้เราทราบพรอ้ม IP Address

3. ถ้าพวกเราต้องการรายละเอียดที่มากกว่านี้ ให้ click ที่ "Details" Gmail ก็จะแสดง ข้อมูลทั้งหมดรวมถึงวิธีการ Log in บัญชี Gmail ของเรา ไม่ว่าจะเป็น Browser, POP3, IMAP, หรือ Google Toolbar พร้อมทั้ง IP addresses (ตามภาพตัวอย่าง)

4. ถ้าพบว่ามีผู้ Log In บัญชี Gmail ของเรา โดยที่เราไม่รู้จักว่าเป็นใคร สิ่งแรกที่ต้องทำทันทีก็คือ Click ที่ปุ่ม Sign out all other sessions ในหน้า "Details" และรีบเปลี่ยน Password ทันที

5. ในกรณีที่พบความผิดปกติของ IP Address ในหน้า "Details" พวกเราสามารถตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าเป็น IP Address ที่มีปัญหาหรือไม่ หรือเป็นเพียง IP Address ของเครื่องอื่นที่เราใช้ Log In บัญชี Gmail ถ้าพวกเราไม่ทราบว่าจะตรวจสอบ IP Address จากที่ไหน ก็ Click Link ต่อไปนี้ แล้ว Bookmark ไว้ใช้ได้เลยครับ
http://www.geobytes.com/iplocator.htm

6. ถ้าพบว่า IP Address ที่สงสัยเป็นของผู้อื่น ก็ให้ click ที่ปุ่ม Sign out all other sessions และรีบเปลี่ยน Password ทันที

หวังว่า post นี้จะเป็นประโยชน์สำหรับพวกเราที่ใช้ Gmail ครับ

เขียนโดย Mr. Megamisc

FW

เสียงเพลงบำรุงหัวใจ



เสียงเพลงไม่ได้เดินทางเข้าไปถึงแค่ในหูของเราเท่านั้น แต่ยังไปไกลถึงหัวใจด้วย

นักวิจัยในสหรัฐพบว่า เมื่อคนเราฟังเพลงโปรด หลอดเลือดของเราจะขยายเช่นเดียวกับตอนที่เราหัวเราะ หรือกินยาบางชนิด

ดร.ไมเคิล มิลเลอร์ หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันด้านโรคหัวใจ ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ ในเมืองบัลติมอร์ บอกว่า เสียงเพลงส่งผลให้หลอดเลือดของคนเราขยายตัวได้ เหมือนเมื่อเราเล่นกีฬา

เมื่อ หลอดเลือดขยาย โลหิตก็จะไหลเวียนได้สะดวกขึ้น และมีโอกาสน้อยลงที่จะจับตัวเป็นลิ่มเลือด ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการหัวใจวายหรือเส้นเลือดสมองตีบได้ หลอดเลือดที่ยืดหยุ่นยังช่วยป้องกันโรคท่อเลือดแดงและหลอดเลือดแดงแข็งได้ ด้วย

"เราไม่ได้บอกให้หยุดใช้ยา หรือไม่ต้องออกกำลังกาย แต่ควรเพิ่มการฟังเพลงเข้าไปอีกอย่างหนึ่งด้วย" มิลเลอร์นำเสนอผลการศึกษาต่อที่ประชุมของสมาคมโรคหัวใจอเมริกันในนิ วออร์ลีนส์

ทีม วิจัยของมิลเลอร์ได้ตรวจร่างกายของชายหญิง 10 คนที่มีสุขภาพดีและไม่สูบบุหรี่ หลังจากฟังเพลงที่ชอบนานครึ่งชั่วโมง และที่ไม่ชอบนานครึ่งชั่วโมง โดยใช้อัลตราซาวด์ส่องดูการทำงานของหลอดเลือด

ปรากฏว่า การได้ฟังเพลงที่ชอบทำให้ขนาดของหลอดเลือดขยายตัว 26% และเพลงที่ไม่ชอบ เช่นพวกเฮฟวีเมทัลได้ทำให้หลอดเลือดตีบลง 6%

มิ ลเลอร์ได้ไอเดียนี้หลังจากพบว่า การหัวเราะทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น "ผมถามตัวเองว่ามีอะไรอีกที่ทำให้คนเรารู้สึกดี แล้วผมก็นึกถึงเสียงเพลง" อาสาสมัครส่วนใหญ่เลือกเพลงแนวคันทรี แต่มิลเลอร์บอกว่า แนวเพลงไม่สำคัญเท่ากับว่าเพลงนั้นเป็นเพลงโปรดหรือไม่

เสียงเพลงนั้นมีประโยชน์ นอกจากจะให้เราเพลิดเพลินแล้ว ยังช่วยให้สุขภาพเราดีด้วย แต่ก็ไม่ใช่เปิดจนดังมากเกินไปนะคะ เพราะอาจทำให้เราเสียสุขภาพแทนได้






ขอขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

ใจร้าว ตอนที่12

เอยลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เห็นกรวิกนั่งมองเธออยู่แล้ว เขาบอกว่าตื่นนานแล้ว
ยังไม่ไปไหน ขอนั่งมองเอยอย่างนี้มีความสุขที่สุดแล้ว...
เสียงป้าสวยมาเคาะประตูเรียกไปทานอาหารเช้า พร้อมกับเสียงภัทรโทร.
มาตามกรวิกให้ไปซ้อมร้องเพลง...
กรวิกรีบทำจมูกฟุดฟิดบอกว่าหวัดกินจนไม่ไหวแล้ว ภัทรฟังแล้วเต้นผาง
ขอให้มาทั้งๆเสียงแหบก็ได้ แต่ถูกตัดสายก่อน...กรวิกหันมามอง
เอยเตือนว่าควรไปทำงาน แต่กรวิกเปิดหัวใจว่า เขาไม่อยากจากคนที่เขารัก
จากสิ่งที่ให้ความสุข เขาทนไม่ได้ ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าคนที่อยู่ข้างๆเรา
ได้จากเราไปในตอนเช้า
"พี่จะไม่ยอมเสียเธอไปไหนอีก สัญญานะเอย"
"บางครั้งชีวิตก็ขึ้นกับพรหมลิขิตและโชคชะตา แต่วันข้างหน้าจะเป็นยังไง
เอยไม่สัญญาอะไรทั้งนั้น แต่เวลานี้ ตราบที่เอยยังมีลมหายใจ เอยจะมีชีวิตอยู่เพื่อพี่วิก...
เอยจะรักพี่วิกคนเดียว"
"พี่วิกก็จะรอ จะรักเอยคนเดียว...จนตาย" กรวิกทั้งหอมทั้งจูบ กอดเอยอย่างรักใคร่สุดหัวใจ
เอยกลับน้ำตาไหลทั้งๆที่กำลังอยู่ในความสุข เมื่อนึกถึงโรคร้ายและชีวิตแสนสั้นของเธอ...

ooooooo

เมนี่มาที่มิชชั่น พอสสิเบิล พบภัทรกับทีมงานที่กำลังอลเวง
เพราะกรวิกไม่มาซ้อมเพลงให้หลายส่วนทางด้านเพลงมาดูการซ้อม
แล้วถกกันว่า กรวิกพยายามหลบเร้นจนน่าเชื่อว่าจะมีใครที่มีเสน่ห์ยิ่งกว่าเมนี่มาฉุดหัวใจกรวิกไว้...
เมนี่ฟังยิ่งคิดหนักส่วนหมอลักษณ์ ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าจะออกจากโรงพยาบาล
มองมือถือที่ทิ้งไว้หลายวัน กลับเห็นมิสคอลซ้ำหลายครั้งจึงกดกลับไป
ลักษณ์ตื่นเต้นมาก เมื่อหมอสิริอรรับสาย บอกว่าคนไข้ชื่อช่อลดายืมโทรศัพท์...
เขารีบถามที่ตั้งคลินิก พอรู้แล้วรีบขอบคุณ แล้วรวบรวมของจะออกจากห้องคนไข้ไป...
แซนดี้มายืนขวางไว้ พร้อมเสนอให้หมอลักษณ์ไปตกลงกับทนาย
เธอจะหย่าให้สิ้นเรื่องไปเสียที แม้ลักษณ์จะไม่ไว้ใจ แต่ก็จำต้องตามแซนดี้ไป...
เมื่อลักษณ์ตามขึ้นรถไปกับแซนดี้นั้น เธอขับพาเขาออกนอกเมือง ลักษณ์สงสัย
ถามว่าทำไมมาคุยกันไกลขนาดนี้ แซนดี้ไม่ตอบ จอดรถหน้าบ้านหลังหนึ่ง
แซนดี้ปากคอสั่นจนลักษณ์สงสัย แต่แล้วมีชายฉกรรจ์สามคนมาประกบ
แล้วลักษณ์ ก็ถูกไม้สับต้นคอสลบไปทันที แซนดี้ช็อกพูดไม่ออก
ก่อนที่หนึ่งในสามคนของมันชักปืนออกมาจะยิงลักษณ์...
ปรัชญาก็โผล่มาห้ามไว้...พร้อมสั่งให้เอาตัวมันไปเก็บที่ไหนก็ได้
อย่าให้เหลือซากให้ตำรวจแกะรอยได้...
ลูกน้องทั้งสามจึงหามร่างสลบของลักษณ์ไปใส่กระโปรงหลังรถ
แล้วพวกมันพากันขึ้นรถขับออกไป
"แซนดี้...ไม่ได้รักเขา แต่อย่าให้ถึงตายได้ไหม" แซนดี้ปากสั่นบอก
ปรัชญาหันมาคำรามใส่
"อย่าปอดแหก จะให้มันกลับมาลากคอคุณเข้าคุกเรอะ คุณเจอข้อหา
เป็นนางนกต่อ วางแผนฆ่าสามีตัวเองแล้ว...อย่ากลัว ทุกอย่างจะดีเอง"
แซนดี้ฟังแล้วหนาวสั่นเป็นลูกนก...
ด้วยการถูกกระแทกขณะรถวิ่ง ลักษณ์จึงรู้สึกตัว แล้วก็รู้ว่าเขาถูกยัดกระโปรงหลังรถ

ตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตแน่... จึงดึงเครื่องมือท้ายรถมากระชับในมือไว้
แม้มืออีกข้างยังใช้การไม่ได้...
เมื่อปรัชญากลับไปที่โรงพยาบาล ก็เห็นพ่อปราชญ์
กำลังสั่งตามหาหมอลักษณ์ให้วุ่นวาย และสั่งประชุมด่วน ทำให้ปรัชญาแอบยิ้มอย่างสะใจ

ooooooo

หลังจากเอยยืนยันให้กรวิกมาทำงาน โดยเธอยอมมากับเขา
จะแอบรอไม่ให้ใครเห็น กรวิกจึงยอม
ขับเรือมาจอดสะพานริมฝั่งและขับรถมากรุงเทพฯ กว่าจะถึงก็ตอนบ่ายแล้ว
เขาแอบจอดรถในมุมมิดชิดที่สุด บริเวณหน้าห้องอัด...เอยเตือนให้เขารีบไป
เขายังหลับตายื่นแก้มให้จูบเป็นกำลังใจทำงาน เอยจูบตามใจเขา
แต่พอเหลือบเห็นภัทรเดินอ้าวมา เอยวูบมาหลบตอนหลัง...
กรวิกลืมตาขึ้น เห็นหน้าภัทรถึงสะดุ้ง ภัทรร้องว่า
มาทำเซอร์ไพรส์ใช่ไหม กรวิกยิ้มเรี่ยราดบอกว่า พอค่อยยังชั่วเลยมา
ไม่อยากเสียงาน ภัทรเปิดประตู ดึงชายหนุ่มไปทำงาน...เอยจึงยิ้มอย่างโล่งใจ...

ooooooo

ไอ้ขามพาสองสมุนขับรถที่มีร่างของลักษณ์ อยู่กระโปรงท้าย ขับเข้ามาแวะที่ปั๊ม
ปตท.เขตชะอำ มันทั้งสามคนจอดรถเข้าห้องน้ำ
เป็นเวลาที่ลักษณ์ซึ่งพยายามกระแทกหลายครั้ง กระทั่งฝากระโปรงหลุดจากล็อก...
แล้วมีมือผ้าพันแผลของลักษณ์เผยอขึ้นเล็กน้อย...
ที่หน้าห้องน้ำ เมนี่ใต้แว่นดำใหญ่พรางหน้าไว้ ถือถ้วยกาแฟจากซุปเปอร์ผ่านมา
พอมือถือดังจึงรับ รีบบอกเมื่อภัทรโทร.มารายงานว่ากรวิกมาแล้ว
เมนี่จึงให้ล็อกตัวไว้ เธอจะรีบไป มีเรื่องสำคัญพูดกัน...
พอแบตฯหมด เมนี่จึงเดินกลับ ผ่านหน้าไอ้ขามกับพวกอีกสองคนที่ออกมา
จากห้องน้ำไอ้ขามกับพวกมาขึ้นรถ แต่แล้วลูกน้องมันคนหนึ่งลงไปดูทางท้ายรถ
ร้องบอกว่าเกิดเรื่องแล้ว เพราะไม่มีเชลยอยู่ที่ท้ายรถแล้ว
ไอ้ขามสั่งแยกย้ายตามลากคอมันมา มันคงไปไม่ไกลนัก...

ooooooo

ตอนที่ 12

ขณะที่เมนี่ขึ้นนั่งที่คนขับจะกลับกรุงเทพฯไปพบกรวิก ได้ยินเสียงขอไปด้วยคน
แล้วมีมือพันผ้าปิดปากไม่ให้ร้อง เมนี่กัดมือทันที จนเจ้าของมือร้องลั่น...
เมนี่หันมามองเจ้าของมือ แล้วต้องร้องขึ้นอย่างดีใจ เมื่อเห็นว่าเขาคือหมอลักษณ์...
หลังจากซักถามอย่างดีใจหลายคำ อยากรู้ว่าเขาไปยังไงมายังไง
ลักษณ์ตอบไม่ไหว เร่งให้เธอรีบออกรถไปโดยเร็วที่สุด แล้วจะบอกทีหลัง
เมนี่จึงออกรถ...ไอ้ขามกับลูกน้องพากันวิ่งมาแต่ไม่ทัน
ไอ้ขามสั่งลูกน้องรีบขึ้นรถ ขับตามรถคันนั้นไปทันที...
เมนี่ซักถามโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอฟังว่าเขาถูกตามล่า
ยังเห็นเป็นเรื่องตลก คิดว่าเมียเบอร์หนึ่งของเขาตามมากกว่า
ลักษณ์บอกว่าแซนดี้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ป่านนี้จะเป็นยังไงก็ไม่รู้
พวกมันจะเอาตัวเขาไปฆ่า เมนี่ยังสงสัย จึงซักว่าเขาไปมีเรื่องกับใคร ใครตามล่า

"เป็นกลุ่มเดียวที่เคยทำร้ายผมหน้าบ้านคุณ ผมเห็นหน้ามันในปั๊มเมื่อกี้นี้...
แล้วตอนนี้ยิ่งชัด มันกำลังขับรถตามคุณมาแล้ว" สิ้นเสียงลักษณ์
เมนี่มองกระจกหลัง เห็นมีรถพวกมันขับไล่ตามมา ไอ้ขามสั่งคนขับเร่งให้ทัน
แล้วสั่งให้ชนท้ายมันเลย...รถมันจี้เข้ามาเต็มที...เมนี่ชักฉุน
ด้วยแรงของรถที่เหนือกว่า เมนี่จึงเหยียบน้ำมัน โชว์ฝีมือขับรถของเธอทันที
วืดเดียวทิ้งรถมันห่างไกล...แล้วทำท่าจะจอด บอกว่าจะลงไปด่ามัน
เพราะเมนี่ยังคิดว่าขับแข่งด้วยอารมณ์ ไม่เห็นอันตรายอันใด พอจอดรถ
รถของพวกมันจอดขวางหน้า วิ่งลงมาเขารีบให้ออกรถ เมนี่ถึงเห็นท่าทางไม่ดี
รีบออกรถปร๊าดเดียว พวกมันโดดกระเจิง วิ่งไปยังรถของมันเพื่อไล่ตาม
เมนี่ถึงได้ยอมรับว่า พวกมันตามฆ่าเขาจริงๆ
เมนี่จึงเอาฝีมือและความเร็วรถของเธอเข้าสู้ จนทิ้งพวกมันห่างกันลิบๆเมื่อไม่ทัน
ไอ้ขามโทร.รายงานปรัชญาว่าเชลยหนีไปได้ ปรัชญาโกรธจนหัวสั่น
สั่งให้มันตามเอาตัวมาให้ได้ ไม่งั้นจะไม่ได้เงินแม้แต่แดงเดียว...
ไอ้ขามระบายใส่ลูกน้องที่มีญาติอยู่แถวปราณบุรี
ช่วยดูให้ว่าพวกมันขับรถมาหลบแถวนี้ไหม ให้บอกมาด่วน...

ooooooo

ขณะเดียวกัน กรวิกกำลังอยู่ในอารมณ์หวาน พอเข้าห้องอัด
ซ้อมบทเพลงแห่งความเศร้าเมื่อความรักร้าวราน...เขากลับร้องไปยิ้มไป
จนคนในห้องอัดปวดหัว...ขอร้องให้เขาเก็บความสุขไว้ ให้คิดใหม่ว่า
ถ้าความสุขนี้มันเกิดดับสลายโดยไม่รู้ตัว เราจะรู้สึกยังไง?
กรวิกจึงเริ่มร้องใหม่ ร้องไปคิดไปว่า ถ้าเกิดความรักสลายไป
คงเศร้าไปกับเนื้อเพลงที่เขากำลังร้องและปล่อยอารมณ์ไปตามเนื้อเพลง
จนคนฟังรอบๆเริ่มถูกดึงความรู้สึกไปกับเนื้อเพลง กรวิกนึกได้ ร้องไป
หยิบมือถือมาเปิดให้เอยฟัง...
เอยหลบรอในรถ ได้ยินเสียงมือถือดัง จึงรีบรับ เอยได้ยินกรวิกร้องเพลง
จึงนิ่งฟังแล้วยิ้มอย่างมีความสุข...กระทั่งเพลงจบ คุณดวงแก้วกับทีมงาน
ปรบมือชมเปาะว่ากรวิกร้องได้เยี่ยม ถึงขั้นจะให้อัดจริงไปเลย...
เอยฟังแล้วปลื้มแทนพี่วิกของเธอ...
เมื่อซ้อมเพลงจนจบ ทุกคนปรบมือชม เขาดีใจจะได้หลบไปหาเอย
แต่ดวงแก้วนัดถ่ายมิวสิกพรุ่งนี้ต่อเลย เพราะเป็นคิวอัดด้วย กรวิกรับคำ วิ่งหนีไปทันที...
นึกว่าจะรีบไปพาเอยขับหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
ภัทรกลับหอบชุดเสื้อผ้ามาจนหลังแอ้ ขอติดรถไป รถเขาเกิดเสีย
พอกรวิกบอกนัดเพื่อนไว้ ภัทรไม่รบกวน แต่ขอติดรถออกไปเรียกแท็กซี่
กรวิกหัวปั่น รีบขอโทร.บอกเพื่อน แต่เขาบอกเอยได้เพียงว่า
เขาเสร็จงานแล้วนะ...เอยตอบมาว่าเห็นแล้ว กรวิกบอกเอยว่า
ถึงเวลาที่จะพูดความจริงเมื่อภัทรไปด้วย เอยไม่ยอม
คนเขาจะหาว่าเอยเป็นมือที่สาม เมื่อคนเขารู้ว่าพี่วิกกับเมนี่รักกัน
เอยขอจัดการเรื่องนี้เอง...กรวิกจึงตามใจ...ภัทรฟังแว่วๆ
ถามว่ามีอะไรกับเพื่อนหรือ เขารีบปัดไม่มีอะไร
เดี๋ยวเขาจะไปส่งพี่ภัทรถึงอพาร์ตเมนต์เลย...

เมื่อไปถึงรถ เขารีบไปเปิดกระโปรงหลังให้ใส่เสื้อ
แต่ภัทรเปิดประตูโยนเสื้อหนักลงเบาะหลัง เอยตกใจร้องโอ๊ย...
ภัทรมองกรวิก เขารู้แล้วว่าความแตก แต่บอกว่าเขาไม่เห็นมีอะไร
รีบบอกว่าเสื้อผ้านี่ไว้หลังรถดีกว่า ว่าแล้วรีบดึงกลับไปหลังรถ
แต่ภัทรยังขนลุก บอกว่าเสียงเมื่อกี้มันเหมือนเสียงผู้หญิงร้องแบบเจ็บๆนะ
เสียงกรวิกปิดประตูรถทำท่าจะไป ภัทรร้องให้รอ แล้วรีบเปิดประตูเข้านั่ง...

กรวิกรีบออกรถทันที ในรถภัทรโทร.หาเมนี่ พบแต่แม่บอกว่าเมนี่ไปชะอำ
ภัทรจึงเริ่มเชียร์เมนี่เต็มที่ว่า เธอไปตามหาเขาถึงชะอำ นี่เพราะรักกรวิกมาก
แล้วชมเมนี่ว่าเป็นคนดี มีคนจีบเป็นคิวยาว แต่รักกรวิกคนเดียว
กรวิกจุกจนหน้าเขียวเสียวแทน เพราะเอยนอนซุกตัวฟังอยู่ด้านหลัง
และเขาแน่ใจว่าเอยหายใจไม่ทั่วท้องแน่นอน...

ooooooo

เมนี่ขับรถมายาวไกลมากแล้ว...เวลาก็ผ่านไป ขับไปวนไป
มีทางที่ไหนก็ไปมันเรื่อย จึงถามว่าลักษณ์จะเอายังไง
เขาขอลงเพราะไม่อยากให้เธอเดือดร้อน พวกมันต้องการชีวิตเขาคนเดียว
เมนี่บอกว่าตอนนี้ก็เดือดร้อนแล้ว พวกมันก็รู้ว่าเธอคือใคร
ดังแค่ไหน...ลักษณ์จึงตกลงไปด้วยกัน เมนี่บอกว่าตอนนี้เธอเหนื่อย
อยากจะซุกหัวนอน... ลักษณ์เห็นไฟส่องป้ายรีสอร์ตหราอยู่ข้างหน้า
จึงให้เมนี่เลี้ยวซ้าย...เธอดีใจรีบพุ่งรถไปทันที แล้วซุกเข้าไปจอดในพงหญ้า
บอกลักษณ์ว่า ขืนเอารถเข้าไปจอดหน้ารีสอร์ต พวกมันตามเจี๋ยนได้ทันที...
นี่จำมาจากละครที่เล่น รับรองพวกมันตามไม่ทันแน่ ลักษณ์ย้อนว่า
ถ้าพวกมันดูละครฉากนี้ด้วยล่ะ เมนี่ตัดบท เอาไว้คิดพรุ่งนี้ ตอนนี้ตาเธอจะปิดอยู่แล้ว
ลักษณ์ทำหน้าที่เข้าไปขอเช่าห้อง กลับมาหาเมนี่ที่หลบอยู่
กลัวคนเห็นจะเป็นเรื่อง เมนี่คิ้วขมวด เมื่อรู้ว่ามีเหลือห้องเดียวเตียงเดียว
เมนี่สั่งทันทีว่า เธอพักในห้อง แต่เขาไปนอนที่รถ...

เมนี่เข้าห้อง เริ่มล้างหน้า มองกระจกเห็นหน้าตาแล้ว จะทาครีม กำลังค้นหา
ยุงไม่รู้มาจากไหนตอมหึ่งจึงตบไปหลายที แล้วนึกถึงลักษณ์ที่นอนในรถ
มิถูกยุงหามตายแล้วหรือ?
ไม่นาน เมนี่ย่องไปที่รถในพงหญ้า เห็นลักษณ์นอนหลับตา
แต่มือตบยุงเปาะแปะตลอด จึงเขย่าเรียกให้ขึ้นไปนอนบนห้อง
เขาถามว่ากลัวพวกมันหรือกลัวผี จิ้งจก ตุ๊กแก แมงสาบ เมนี่จึงบอกว่า
กลัวยุงสูบเลือดเขาจนมาลาเลียขึ้นสมองตายก่อนพวกนั้นลงมือ ลักษณ์ยิ้ม หยอดเข้าให้

"อธิบายซะยาว...พูดสั้นๆก็ได้ว่า ห่วงผม"
"จะไปไม่ไป ไม่ไปก็ตามใจ"
เมนี่สะบัดก้นเดินหนี ลักษณ์ยิ้มขำ ก่อนตามไปต้อยๆ
ปัญหาที่ตามมาคือเมนี่รับลักษณ์เข้ามาในห้องแล้ว
เธอเอาหมอนข้างมาคั่นกลางเตียง สั่งห้ามรุกล้ำเด็ดขาด
เธอบอกตามตรงว่าไม่ไว้ใจผู้ชายทุกคน เขารีบอธิบายว่า สำหรับเขา
หมอนข้างร้อยใบก็ไม่หวั่น ถ้าเขาต้องการทำอะไรเธอแต่ถ้าไม่ต้องการ
ก็รู้สึกเหมือนมีกำแพงหนามากั้นเราไว้เอง โดยคุณไม่จำเป็นต้องเอาหมอนข้างมากั้น...
ลักษณ์ให้เก็บแรงไว้ หนีพวกนั้นดีกว่า ว่าแล้วล้มตัวลงนอน
เมนี่หน้าแตกรีบนอนหันหลังให้เขาทันที...
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครรู้ รู้แต่ว่าเมนี่พลิกมา ครึ่งหลับครึ่งตื่น
คว้าหมอนข้างไปกอดหันหลังให้ หลับใหลไม่รู้ตัว เมื่อหันมาก็พอดีกับลักษณ์หันมา
นอนท่านั้นนานเป็นชั่วโมง จึงต่างหันมาหน้าทั้งสองห่างกันครึ่งนิ้ว...
แล้วต่างลืมตาขึ้น มองตากันเขม็ง...แล้วรีบขยับหนี แต่ขายังเกี่ยวกัน
ทั้งสองจึงรีบขยับหนี หันหลังให้กันตามเดิม...

ooooooo

หลังจากกรวิกขับรถไปส่งภัทรถึงอพาร์ตเมนต์ แล้ว
ขับรถพาเอยออกมาอย่างโล่งใจ แต่ปัญหาใหม่เกิดขึ้น
นั่นคือที่ภัทรบอกถึงเมนี่ตามหากรวิกถึงชะอำ จนป่านนี้ยังไม่กลับบ้าน
กรวิกบอกเอยว่า เขาพยายามลืมเอย รักใครสักคนก็คือเมนี่ แต่ไม่สำเร็จ
"คุณเมนี่คงรักพี่วิกมาก" เอยเปรยขึ้น
"แล้วเราจะทำยังไง เมนี่จะรู้สึกยังไง ถ้ารู้เรื่องนี้"
"พี่วิกจะพูดกับเมนี่เอง เขาอาจโกรธเกลียด แต่ถ้าเขารู้ความจริงทั้งหมด
เขาต้องเข้าใจน้องเอยสบายใจเถอะ"
เอยโผกอดเขาไว้ เขาจูบแผ่วที่หน้าผากเธอ แล้วกอดให้อุ่นใจว่า
ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี กรวิกพาเอยไปยังเพนท์เฮาส์ของเขา...
เอยฟื้นความจำว่า เคยมาที่นี่แต่คิดว่าพี่วิกเกลียดเธอมาก จึงคิดกลับอเมริกา
กรวิกบอกว่า เขาอยากขอโทษเอยใจจะขาด แต่ไม่มีโอกาส ถ้าไม่เจอเอยที่สนามบิน
คงไม่มีวันนี้ ต่อไปนี้ วันนี้และวันต่อๆไป สำหรับเราสองคนจะต้องเป็นวันที่ดีที่สุดในโลก...
ช่วงหนึ่งที่กรวิกออกจากห้องน้ำมาเห็นเอยกินยา เอยตกใจเพราะไม่อยากให้เขาเห็นเธอกินยา
แต่กรวิกบอกว่าเขามียาดีกว่า ว่าแล้วเข้ามากอดเธอไว้ว่า
นี่คือยาหมอกรวิกจะรักษาให้เลือดลมสูบฉีด แก้อาการซูบซีดได้...
แล้วบอกเอยอย่างดีใจว่า เขาอยากได้ลูกสองคนจะดีไหม
ชายหรือหญิงก็ได้ เอยซุกหน้ากับอกของเขา
อบอุ่นและอาบอิ่มด้วยความรัก...แต่กรวิกไม่รู้ว่า
ในความอิ่มอาบด้วยความรักนั้น เอยซ่อนความกังวลที่ฝังลึกในใจไว้อย่างมิดชิด...

ขณะที่ปรัชญาโทรศัพท์เดินพล่านไปมาในอพาร์ตเมนต์ ของเขา
ยิ่งโกรธจนมือไม้สั่น ที่ไอ้ขามกับพวกโทรศัพท์มาขอโทษเขา
ที่ยังตามหาลักษณ์กับเมนี่ไม่พบ ปรัชญาสั่งเฉียบขาดว่า
พวกมันจะจับเป็นหรือตายแม่ดาราคนนั้นเขาไม่สนใจ
แต่พวกมันต้องกุดหัวไอ้หมอลักษณ์ให้ได้ พวกมันต้องพลิก
แผ่นดินหามันให้พบ เจอที่ไหนฆ่าที่นั่น เขาจะเอาเงินไปจ่ายต่อหน้าศพมันทันที

"ถ้าไม่สำเร็จตามนั้นล่ะคะ" แซนดี้หน้าตาเครียด ปรัชญาตะคอกใส่ทันที
"คุณก็เป็นผู้ต้องหาน่ะสิ เพราะคุณอยู่ในเหตุการณ์ มันซัดทอดคุณแน่"
"ไม่..." แซนดี้ร้องไห้โฮ
"ไม่นะ ไม่เอา ฉันไม่อยากติดคุก คุณต้องช่วยฉันนะ คุณปรัชญา"
"คุณจะต้องติดคุก ในเมื่อไอ้ลักษณ์มีทางเดียวคือตาย" เขาเขย่าตัวแซนดี้
"มันต้องตายสถานเดียว เข้าใจไหมอย่าประสาทอ่อนนัก เก็บน้ำตาไว้หน้าศพมันดีกว่า"
แซนดี้ร้องไห้โฮใหญ่
"เงียบ หนวกหู" ปรัชญาตวาดอีกครั้ง ก่อนหนีไปทุ่มตัวลงนอน ฟังเสียงร้องของแซนดี้ไม่เลิกรา...

ooooooo

เมนี่นอนหลับบนเตียง ลักษณ์รีบมาปลุกให้ตื่นได้แล้ว
เมื่อเธอขอล้างหน้าล้างตา เขาจึงดึงเธอมาที่หน้าต่างแหวกม่านให้ดู
พวกไอ้ขามมาถึงที่นี่แล้ว ทั้งยังเดินไปดูรถของเธอด้วย
แต่เขารีบดึงเธอออกจากห้องเพื่อความปลอดภัยไปก่อน
จะออกทางหน้าไม่ได้ ต้องออกทางหนีไฟ ลักษณ์เดินมาทางหนีไฟ
เรียกคนของรีสอร์ตมาถามว่า ขับรถเป็นไหม พอรู้ว่าขับเป็น
เขาจึงขอกุญแจรถจากเมนี่ ให้พนักงานคนนั้นไปจัดการแทนทันที...
คล้อยหลังเล็กน้อย ทั้งสองได้ยินเสียงพวกมันร้องบอกกันว่า
มันอยู่ที่ห้อง 599 ลักษณ์พาเมนี่ออกทางหลัง ได้ยินมันร้องบอกกันว่า
มันขับรถหนีไปแล้ว พวกมันวิ่งไปทางด้านหน้าทันที...
เปิดโอกาสให้ลักษณ์พาเมนี่หนีออกไปทางด้านหลัง
ไอ้ขามพาพวกขึ้นรถขับตามรถเมนี่ไปทันที...
คนขับรถเมนี่ขับตามสบายไม่รู้เรื่อง ขณะที่พวกมันขับเร่งตามจี้อย่างเอาเป็นเอาตาย
พร้อมปืนในมือ เมื่อจี้เข้าไปทัน ขับปาดหน้า รถเมนี่ต้องจอดลง
ไอ้ขามถือปืนวิ่งไป ทุบกระจกรถเมนี่ คนของรีสอร์ตตกใจ รีบยกมือไหว้ท่วมหัว
ขอชีวิตไว้... พวกมันค้นในรถกลับไม่มีใครอีก...ซักถามได้ความว่า
เจ้าของรถให้มันขับไปให้ช่างดูแอร์รถ ทำไมไม่เย็น พวกมันจึงรู้ว่าถูกหลอก
คนของรีสอร์ตตอบคำถามมันว่า ทางด้านหลังไม่มีถนน
กว่าจะออกไปถึงถนนก็ไกลมาก...พวกมันยิ้มหันไปขึ้นรถ
ด้วยความหวังว่า คราวนี้ทั้งสองไม่รอดแน่ส่วนลักษณ์กับเมนี่
พากันเดินลุยป่าลุยทุ่งไปหาถนนใหญ่ เมนี่บ่นเสียดายรถใหม่ของเธอ
ลักษณ์ตัดบท จะซื้อคันใหม่ให้เลย ระหว่างทางเมนี่ทำมือถือหล่นโดยไม่รู้ตัว...

ooooooo

กรวิกไปยังโลเกชั่นที่จะถ่ายมิวสิกวีดิโอ โดยให้เอยไปหาที่จะไปเตร็ดเตร่รอเขาทำงาน
เอยจึงขอไปดูหนังสือตามที่เธอชอบ...เมื่อกรวิกไปถึง คุณดวงแก้วถามหาเมนี่ทันที
เมื่อกรวิก ไม่รู้เรื่อง คุณดวงแก้วจึงบอกว่า ตามหาเมนี่ไม่พบ
จึงเปลี่ยนตัวนางเอกใหม่ที่มาเล่นคู่กรวิก กำลังแต่งหน้า
กรวิกไม่ว่าอะไร แล้วเดินไปยังห้องแต่งตัว ทีมงานทักทาย
เป้รีบไปชงกาแฟ ภัทรจะแนะนำนางเอกใหม่ให้...กรวิกเดินไปหา
แล้วถึงกับแทบช็อก เพราะนางเอกใหม่คนนั้นคือทอปัดนั่นเอง
ทอปัดไหว้ แล้วฉีกยิ้มให้กรวิก เอ่ยเอื้อนขึ้น

"สวัสดีค่ะคุณกรวิก" กิริยาและน้ำเสียงของทอปัดเหมือนคนแปลกหน้า
เหมือนไม่เคยรู้จักพี่กรวิก
การแสดงออกของทอปัดทำให้กรวิกตกใจและแปลกใจ
จนพูดไม่ออกว่าอะไรทำให้ทอปัดที่เขาดูแลมาอย่างดี
กลายเป็นคนละคนอย่างนี้ แม้กรวิกมานั่งให้ช่างแต่งหน้ารองพื้นให้หนาก่อน
จะถ่ายฉากกลางแจ้ง เขากลับมองไปทางทอปัดที่กำลังให้เป้
แต่งตัวก่อนเข้าฉากเช่นกัน จนภัทรต่อว่ากรวิก หาว่าเห็นเด็กใหม่มอง
ไม่วางตา เมื่อต่างแต่งตัวเสร็จถูกเรียกไปเข้าฉาก ทอปัดเดินมายิ้มให้กรวิก
เหมือนตัวละครที่แสดงร่วมกันและเท่าเทียมกัน
"ปัดเป็นเด็กใหม่ในวงการ พี่วิกมีอะไรก็บอกก็สอนได้นะคะ ปัดขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ"
ยกมือไหว้นอบน้อม ก่อนเดินผ่านไป...กรวิกมองตามสลดใจที่ทอปัดทำเหมือนคนแปลกหน้า

วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ใจร้าว ตอนที่11

ตอนที่ 11
หลังจากประไพวิ่งไปบอกเมนี่ในบ้านว่าเพื่อนคนที่ขับรถตามมาส่งเธอถูกรุมทำร้าย
เมนี่รีบวิ่งออกจากบ้านมา...เห็นผู้ชายสองคนกำลังรุมทำร้ายลักษณ์
มันสั่งให้ทุบมือทั้งสองข้างจนลักษณ์ร้องอย่างเจ็บปวด เมนี่กรี๊ดขึ้นสุดเสียง
ประไพเองช่วยร้องไฟไหม้เพื่อให้คนตกใจมาช่วย...
พวกมันจึงร้องบอกกันให้เผ่นหนีด้วยมอเตอร์ไซค์ทันที เมนี่ดึงหมอขึ้น
ถามด้วยความเป็นห่วง...จะดึงแขน ลักษณ์รีบห้ามอย่าดึง กระดูกจะหัก
ทั้งสอนให้รู้วิธีช่วยกระดูกที่บาดเจ็บ เขาขอนอนนิ่งๆ ให้เธอโทร.
เรียกรถพยาบาลมาด่วน เมนี่จัดการโทร.ทันที
"พวกมันรุมทำร้ายคุณทำไม มันปล้นเหรอ มันเอาอะไรไป" เมนี่ซักขณะรอรถพยาบาล
"เขาไม่ต้องการเงิน แต่ผมไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร"
ลักษณ์พูดได้แค่นั้นก็หมดสติตรงนั้นเอง...เมนี่ถึงกับร้องคราง
เพราะเริ่มเป็นห่วงว่าลักษณ์จะถึงตายหรือไม่?
ส่วนพวกวายร้าย ทำงานรุมทำร้ายหมอลักษณ์แล้ว...
พวกมันมาพบปรัชญาที่กำลังซดไวน์อารมณ์ดี...พวกมันมารายงานว่า
เรียบร้อยตามคำสั่งแล้ว
"ดีมาก..." โยนถุงเงินที่เตรียมไว้แล้วใส่อกลูกน้อง "สามแสน จะนับก่อนก็ได้"
ช่วงนี้คุณปราชญ์เดินมาจะเข้าห้อง แล้วต้องชะงักถอยเข้าที่กำบัง
เมื่อได้ยินการพูดจากัน
"ไม่ต้องนับครับ ผมไว้ใจนาย...เสียดายมีคนมาเห็นก่อน ไม่งั้นน่วม
แต่แค่นี้ก็หยอดน้ำข้าวต้มหลายวัน...โดยเฉพาะมือ ผมตีซะเละตามนายสั่ง"
"ดี...ให้มันพิการไปตลอดชีวิตเลยยิ่งดี พวกแกกลับไป ไว้วันหลังฉัน
จะเรียกใช้บริการพวกแกอีก"
พวกมันยิ้มถือถุงเงินออกไป...หลังผ่านคุณปราชญ์ที่แอบเสาไปแล้ว...
ปราชญ์จึงเข้าไปหาลูกชายที่กำลังรินไวน์ซดอย่างสุโขสโมสร....แล้วงึมงำสะใจ
"เป็นคุณหมออนาคตไกลจากนอก ต้องมาเป็นหมอมือกุดเมืองไทย
ถึงมีมรดกมหาศาลแต่มือกุด จะทำอะไรได้...โถๆๆ ทำไมถึงน่าสมเพชยังงี้
หา...ไอ้คุณหมอลักษณ์" ว่าแล้วระเบิดหัวเราะลั่นห้อง แล้วอุทาน "พ่อ..."
เมื่อหันมาเห็นคุณปราชญ์... แล้วหน้าปรัชญาก็เจอฝ่ามือของพ่อซัดซะหน้าหัน
"แกรู้ตัวรึเปล่า ว่าแกทำอะไรลงไป" ปราชญ์โกรธจนมือไม้เนื้อตัวสั่น
"แกทำแบบนี้ทำไม แกแกล้งทำดีกับหมอลักษณ์ เพื่อตบตาฉันเท่านั้น
ถ้าฉันไม่มาที่นี่ ฉันคงไม่รู้ความจริง คงเป็นควายที่แกจะสนตะพายไปมาได้ยังงั้นรึ"
"แล้วพ่อกลับมาที่นี่ทำไม มาสารภาพว่าเป็นพ่อมันใช่ไหม มากราบกราน
ให้มันอภัยในความผิดที่ผ่านมา หรือมาเพื่อจะยกมรดกทั้งหมดให้มันล่ะ"
"เพราะในสมองแกมีแต่เรื่องเงินๆ ถึงได้ทำกรรมชั่ว อย่างนี้"
สองพ่อลูกส่งเสียงเถียงกันไปมา ปรัชญาแค้นพ่อที่ไม่เห็นหัวลูกที่อยู่กับพ่อมานาน
สมบัติควรเป็นของเขาทั้งหมด จู่ๆไอ้หมอคนนี้กลับมาแย่งไป
"เห็นไหม พ่อเห็นลูกเมียน้อยดีกว่าผม พ่อรักแม่มันมากกว่าแม่ผม
พ่อเห็นผู้หญิงชั้นต่ำยอมเป็นเมียน้อยคนอื่น ดีกว่าคุณหญิงอย่างแม่ผม
พ่อถึงได้รักไอ้ลูกนอกคอกนั่นมากกว่าผม"
"แกหยุดด่าลูกฉันเดี๋ยวนี้นะ"
"แล้วไอ้คนที่ยืนอยู่ตรงนี้ มันไม่ใช่ลูกพ่อรึไง หรือว่าลูกผู้หญิงหากินอย่าง
ไอ้หมอลักษณ์ มันเป็นลูกพ่อคนเดียว"
"ใช่..." คุณปราชญ์โกรธจนลืมตัว "หมอลักษณ์เป็นลูกฉันคนเดียว"
"หมายความว่ายังไง" ปรัชญาเริ่มจะชาไปทั้งตัวแล้ว
"ฉันรักกับแม่หมอลักษณ์ และมีหมอลักษณ์ตั้งแต่ก่อน
จะแต่งงานกับแม่แกเพราะ...ความจำเป็น" ปรัชญารุกว่าจำเป็นอะไร
"ความจำเป็นที่แม่แกมาขอร้องให้ฉันรับเป็นพ่อเด็กที่อยู่ในท้องเขาน่ะสิ
ฉันสงสารเลยยอมแต่งงานด้วย แม่หมอลักษณ์ รู้เข้า เลยพาลูกหนีไป
โดยฉันไม่มีโอกาสอธิบายความจริงให้ เขาฟัง...จนเขาตายจากไป..."
"พ่อกำลังจะบอกว่า..." ปรัชญาเสียงแหบแห้งลงฉับพลัน
"ผมเป็นลูกติดแม่มาอย่างนั้นเหรอ" คุณปราชญ์ยืนนิ่ง เริ่มได้ คิดว่า...
เขาไม่ควรพูด เขาพลาดไปแล้ว...ปรัชญาระเบิดความ รู้สึกออกมา
"ผมไม่ใช่ลูกพ่อ" ปรัชญาเดินจากไปเหมือนหุ่นยนต์ ไร้ชีวิต...
ไม่สนใจที่ปราชญ์จะตามเรียกไว้...ปราชญ์เสียใจ อุตส่าห์
เก็บไว้อย่างมิดชิดไม่ให้ใครรู้ แม้ตัวเขาเองก็ยังไม่อยากรู้แล้ว...
แต่มันกลับมาระเบิดเอาวันนี้...

ooooooo

เมื่อเอยตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เธอมองกรวิกอย่างซึ้งใจ เมื่อเห็นเขาหลับข้างเตียง
มือยังจับมือเอยไว้ พอป้าสวยเข้ามาทัก พร้อมน้ำอุ่นและผ้ามาเช็ดตัว
กรวิกจึงลืมตาตื่นขึ้น เขารีบถามเอยทันทีว่า เป็นยังไงบ้าง ไข้ลดลงแล้วนี่...
พอเอยเรียก "พี่วิก" เท่านั้น เขาหัวใจพองโตที่เอยจำเขาได้แล้วเขาถามย้ำหลายครั้ง
ป้าสวยจึงตอบแทนว่า งูกัดนะคะ ไม่ใช่มะพร้าวหล่นใส่หัว จะได้จำอะไรไม่ได้...
เขาจะพาไปหาหมอ เอยให้พี่วิกไปทำงานก่อน เขาไม่ยอม ไม่งั้นเขาจะไม่ไปทำงาน
กรวิกจึงพาเอยไปหาหมอที่คลินิกบนฝั่ง เขาให้เงินเอยเข้าไปหาหมอ
เขาจะรอข้างนอก เพราะตอนนี้พรางตัวหน้าตา ทั้งแว่นดำและหมวกช่วย...
เอยได้รับการตรวจจากหมออย่างดี ทุกอย่างไม่มีปัญหา หมอให้ยามากินเพิ่ม
เอยขอยืมมือถือหมอโทร.ไปหาลักษณ์ ซึ่งตอนนี้นอนอยู่โรงพยาบาลของคุณปราชญ์
มือทั้งสองข้างถูกทั้งเข้าเฝือก อีกข้างพันผ้าไว้...โทรศัพท์ของเขาวางข้างเตียง
มันมีแต่การสั่น...ไม่มีเสียงเรียก ลักษณ์จึงไม่ได้ยิน เอยจึงได้แต่คืนมือถือให้หมอ
จากนั้นรับยาแล้วออกจากคลินิกไป
อย่างไรก็ตาม แม้หมอลักษณ์จะไม่ได้รับโทรศัพท์จากเอยก็ตาม
ตลอดเวลาที่เขาฟื้นขึ้นมานั้น เขาได้รับฟังจากพยาบาลว่า
ดาราสาวเมลานีเป็นคนมาส่งเขาและเฝ้าอยู่ เพิ่งไปเมื่อตอนตีห้า...
ยังความซึ้งในน้ำใจเมนี่มาก ไม่คิดว่าเธอจะเอื้ออาทรเขามากขนาดนี้...
เมื่อกรวิกพาเอยกลับเกาะนั้น เขาซื้อของสำหรับเอยมาเต็มบ่า
มีเสื้อผ้าหลายถุง อาหารเสริมถุงใหญ่ เครื่องดื่มบำรุงอีกมากมาย
แล้วกำชับให้ป้าสวยช่วยดูแลให้เอยกินตามหมอสั่ง ส่วนยาจากคลนิก
เอยบอกว่ายาบำรุงเลือด...เอยเร่งให้เขาไปทำงาน เขายังอ้อยอิ่งห่วงเอยจนเดินพล่านไปมา
กรวิกดึงลุงส่งไปกระซิบกันอีกทาง เอามือถือซื้อมาใหม่ ให้ไว้
สอนวิธีใช้ วิธีรับ เวลาเขาโทร.มาถามอาการเอย แล้วห้ามบอกเรื่องมือถือให้เอยรู้....
ก่อนจะผละไป ยังกำชับดูแลเอย ลุงส่งมองตามหลังกรวิกไป งึมงำถามตัวเอง
"ใครอาการป่วยหนักกว่ากันวะเนี่ย"
แม้เวลาเดินอ้าวไปที่ท่าเรือแล้ว...จู่ๆยังวิ่งกลับมา บอกเอยให้ไปส่งหน่อย
เขามีเรื่องจะสารภาพกับเอยหลายเรื่องนะ เอยได้แต่เร่งให้เขาไปทำงาน
ทีมงานคงรอตาตั้งอยู่แล้ว...อาการสุดท้ายคือ ยังไงก็ให้เอยยืนส่งตรงสะพานนี้
เขายังไม่อยากขับเรือไปแล้วหันซ้ายหันขวามากนัก แล้วกำชับสุดท้าย คือ
ห้ามหนีเขาไปไหนอีก เอยต้องรับปากจนปากแทบแฉะ เขาจึงยอมไป...
ความรู้สึกของเธอขณะนี้...เหมือนกับความหอมหวานเมื่อวันวาน
ได้ถูกลมหวนทวนกลับมา ให้รู้สึกเหมือนลอยบนวิมานอีกครั้ง...

ooooooo

เมื่อคุณปราชญ์ตามเข้าไปในห้อง ปรัชญากำลังเก็บข้าวของ
พ่อถามว่าจะไปไหน ปรัชญาบอกว่าไม่รู้ แต่เขาหมดหน้าที่
หมดความชอบธรรมที่จะอยู่ที่นี่แล้ว แล้วยกมือไหว้ลาพ่อ
"อย่าไปได้ไหม พ่อขอร้อง ถึงแกจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของ พ่อ
แต่พ่อก็รักแกเหมือนลูกในไส้"
จากนั้นระบายความรู้สึกว่า ที่เขาสร้างตัวขึ้นมาเพราะ ต้องการให้
ลูกทุกคนมีต้นทุนไว้ทำกิน

"พ่อไม่เคยคิดจะยกทุกอย่างให้หมอลักษณ์ แล้วปล่อยให้แกไปปาก
กัดตีนถีบข้างนอกอย่างที่แกเข้าใจ...แค่อยากเห็นแกสองคนช่วยกัน
ทำมาหากินสานต่องานพ่อที่ทำไว้ พ่อผิดที่ไม่บอกความจริงแต่แรก"
ปรัชญาตีอกชกหัวตัวเอง ด่าตัวเองว่าเลว ชั่ว เอาแต่ได้ ไม่คิดถึงความรู้สึกของพ่อ
ก่อเรื่องเลวชั่วจนไม่น่าให้อภัย ทั้งเตะโต๊ะชกกำแพงเลือดสาด
คุณปราชญ์ยื้อยุดฉุดลูกชาย ห้ามไม่ให้ทำ ให้ไปช่วยดูแลพี่ลักษณ์ดีกว่า
พ่อจะลืมเรื่องทั้งหมด ปรัชญาก้มกราบพ่อ ร้องไห้เหมือนเด็กๆ
ขอโทษพ่อสาบานจะไม่ทำชั่วอีก
"ถ้าคิดชั่วๆแบบนั้นอีกเมื่อไหร่ ขอให้ผมมีอันเป็นไปเมื่อนั้น"
คุณปราชญ์ดึงปรัชญามาลูบหลังไหล่ปลอบใจ...ปรัชญาร้องไห้ตัวโยน
แต่แววตานั้นซ่อนความกร้าวไว้เต็มข้างในอย่างลึกซึ้ง...
แน่นอน เมื่อปรัชญาเพียงแค่บีบน้ำตาแสดงละครให้คุณปราชญ์เห็นว่าเขาสำนึกผิดแล้ว
ปรัชญาตามคุณปราชญ์มาที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมลักษณ์
ลูกชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ปรัชญาเห็นแล้วยิ่งแค้นหนัก...
คุณปราชญ์มาสอบถามอาการของลักษณ์ จึงได้รับรู้ว่าตอนแรกอาการหนัก
แต่หลังเยียวยาแล้วอาการดีขึ้น แต่ที่มือนั้นถอดเฝือกแล้วจะดูอีกที
อาจเป็นพังผืด จนทำให้หมอจับมีดผ่าตัดไม่ได้อีกหรือเปล่า
คุณปราชญ์มองลูกชายแล้วยอมรับว่าเขาผิดเอง เขาเห็นแก่ตัวยื้อลูกไว้
จนต้องมาเจ็บอย่างนี้ แล้วต้องขอโทษลูก แม้ตอนนี้ยังไม่ฟื้นก็ตาม
ปรัชญาเองเริ่มเดินเครื่อง โทร.ไปใส่ไฟแซนดี้คู่ขาทันที
โดยแจ้งข่าวหมอลักษณ์ถูกทำร้ายบาดเจ็บ คนที่พามาส่งคือเมนี่
ดาราดังคนนั้นนั่นเอง นักข่าวซักกันให้วุ่นว่าทั้งสองมีอะไรกันรึเปล่า...
แซนดี้ทนฟังมาแค่นี้ ของขึ้น เต้นผางลงจากเตียงทันที...
ooooooo
ลักษณ์เพิ่งจะเริ่มตื่นสะลึมสะลือ เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เมนี่หิ้วปิ่นโตเข้ามา ทักถามอาการลักษณ์ แล้วจัดของคาวหวานใส่จาน
เขาขอบคุณที่เธอพาเขามาส่ง และอยู่จนเช้า ตามที่พยาบาลเล่าให้ฟัง
...แล้วเอาผลไม้ป้อนใส่ปาก ออกตัวว่าที่ป้อนเพราะเห็นมือเจ็บ
ขณะที่เมนี่ป้อนใส่ปากลักษณ์...แซนดี้ก็เปิดประตูห้องผางทันที...
แล้วตอกหน้าเมนี่ว่า นึกแล้วว่าแกต้องมีอะไรกับหมอลักษณ์
เมนี่ถามว่ามีอะไรรึ แซนดี้ด่าเมนี่ว่า จะมีอะไรกับใครให้ดูว่าเขามีเมียแล้วหรือยัง?
ลักษณ์ทนไม่ไหว สั่งแซนดี้หุบปาก แซนดี้กลับประกาศ
เธอเป็นเมียถูกต้องตามกฎหมายของลักษณ์ และไล่เมนี่กลับไป
ยังด่าซ้ำว่าหมอลักษณ์เจ็บจะตาย ยังมาป้อนของหวานถึงเตียง...
เมนี่ไม่ยอม ยิ้มก่อนตอบ
"ตอนนี้ต้องเติมพลังของหวานก่อน มีแรงเมื่อไหร่เติมพลังช้างหนักขึ้น
เมนี่ป้อนได้ 3 เวลา ไม่ต้องห่วง นอกจากวันละ 3 เวลาแล้ว ยังแถมมื้อดึก
ก่อนนอนให้หลับเป็นตายไปเลย"
"แก...จะจับผัวฉันให้ได้ใช่ไหม" หันไปทางลักษณ์ "มีนังเอยคนเดียวยังไม่พอ
ริจะเอานังนี่เป็นเมียน้อยอีกคนเรอะ"
"แหม..." เมนี่ร้องเสียงยาวเฟื้อย "เมนี่ว่าจะขอคิดนานกว่านี้หน่อย
แต่เมื่อมาเจอเมียหมอตัวเป็นๆแล้ว...เอ้อ...ไม่คิดดีกว่า จะให้เป็นเบอร์ 3
รองเอยก็ได้ค่ะ เมนี่ยอม เพราะสงสารคุณหมอมาก
ที่เมียเบอร์หนึ่งนิสัยคล้ายไพร่แบบนี้..." เมนี่หันมา หลบไม่ทันจึงเจอ
ฝ่ามือมรณะของแซนดี้หนึ่งเปรี้ยง
"แสงฉาย ทำไมทำบ้าๆแบบนี้...หา" ลักษณ์ร้องต่อว่า
"นี่มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ" หันไปหาเมนี่ "อย่ามายุ่งกับผัวฉันอีก"
แซนดี้หันมา จึงไม่เห็นฝ่ามือสายฟ้าแลบของเมนี่ ตบจนหน้าสะบัดไปมาสองทีซ้อน
พร้อมสำทับ...อย่าคิดว่าคนอื่นมือกุดตีนกุด ต้องเจอคืนดับเบิ้ล..
.เมนี่คว้ากระเป๋าเดินหย่งๆออกไป แซนดี้อ้าปากหวอแล้วกรี๊ดไม่ออก..
.หมอลักษณ์ ปวดหัว อยากยกเท้ากุมขมับแทนมือเจ็บ...
ที่กองถ่ายวันนี้ ทีมงานที่รอพระเอกนางเอกมาหลายวันจึงได้เฮ
เมื่อกรวิกเดินเข้ามา ทำให้ทีมงานฮือฮา...คุณดวงแก้วกับภัทรหน้าบาน
แต่พอซักกันไปมา กรวิกเพิ่งรู้ว่าเมนี่ตามไปหาเขาถึงชะอำ
คนอื่นจึงคิดว่าเมนี่ไปรับกรวิกมา แต่ทำเป็นว่ามาคนละที
จนพี่ปุ๋ยผู้กำกับฯ สั่งทำงานทันที จะได้ปิดกล้องและเลี้ยงฉลองกันให้สนุก...
ขณะเดียวกันที่บนเกาะ ลุงส่งกับป้าสวยที่ติดใจชื่อที่กรวิกเรียกช่อลดาว่า "เอย"
จึงช่วยกันถามเอย เธอก็ยอมรับว่าเธอชื่อเล่นเอยอย่างที่กรวิกเรียก
สองผัวเมียจึงตบเข่าฉาด เล่าให้เอยฟังว่า ตอนที่กรวิกตกลงซื้อเกาะนี้
ให้สองผัวเมียเป็นพยาน ส่วนคนซื้อกลับเป็นผู้หญิง คุณกรวิกบอกว่า
เขาซื้อเกาะนี้ให้คนรักของเขาที่ชื่อคุณเอย...เอยฟังแล้วแทบไม่หายใจ.
..ทนฟังสองผัวเมียเล่าต่อไป...บ้านที่พักนี้ เขาก็สร้างไว้ให้คุณเอย เรียกว่า
"บ้านรักเอย" คุณวิกเทียวมาค้างที่นี่ จนหลายปีผ่าน...
ป้าถามว่าเมื่อไหร่จะพาคุณเอยมาอยู่ คุณวิกเงียบไป จากนั้นก็ไม่ได้
ถามอีก...
เอยตื้นตันใจ พยายามกลั้นน้ำตาไว้ ลุงส่งถามว่าคุณไม่รู้เรื่องเลยหรือ
เอยได้แต่สั่นหน้า ลุงส่งร้อนตัว สงสัยคุณวิกอยากบอกเอง เขาสองผัวเมียมาปูดเสียก่อน
กลัวคุณวิกเล่นงานตายแน่...จึงขอคุณเอยอย่าบอกเรื่องนี้คุณวิก...
เอยรีบพยักหน้ารับรอง...เมื่อพาเอยเดินลงมาที่ลานบ้าน ป้าชี้ให้ดู
เขาสร้างบ้านไว้สามหลัง...ส่วนตึกสร้างใหม่มี 3 ห้อง
ไว้ให้คุณเอยและลูกที่คิดว่าจะมี 2 คน...เอยปลื้มเมื่อรู้ความจริงว่าแปดปีที่ผ่านไป
กรวิกคนนี้ ไม่ได้ลืมเธอเลย
ooooooo
กรวิกให้ภัทรไปบอกเมนี่ให้มาพบเขาที่มุมหนึ่งของกองถ่าย กรวิกพบเมนี่
เขารีบขอโทษเธอที่ไม่นึกว่าจะไปหาเขาถึงชะอำ กรวิกจะสารภาพความจริง
แต่เมนี่ดักทันทีว่า กรวิกอย่าบอกนะว่ามีคนใหม่ ที่จะทำความรักของเราเปลี่ยนไป
"เมนี่...ผมรักและนับถือน้ำใจของคุณมากนะ แต่มันเป็นความรักแบบ...
" กรวิกไม่ทันพูดจบ เมนี่ขัดขึ้นเสียก่อน
"ถ้าระหว่างเรา เคยมีเรื่องไม่เข้าใจและไม่ชอบใจกัน ก็ขอให้เมนี่ปรับตัวก่อนได้ไหม...
ถ้าเรื่องที่วิกจะพูดมันรุนแรงต่อความรู้สึก อย่างน้อยเมนี่จะได้ตั้งหลักได้"
กรวิกอยากจะพูดอีกมากมาย แต่ได้ฟังเมนี่แล้ว ความสงสารทำให้เขาจำกลืนคำพูดลงคอ
เมื่อกรวิกกับเมนี่จำต้องเข้าฉาก...ทั้งสองพระนางเดินไปตามบท
โดยเฉพาะเมื่อถึงบทเลิฟซีน แฮปปี้เอ็นดิ้ง...พระเอกจูบมือนางเอก
อย่างแผ่วเบาและสุดซึ้งตรึงใจ จนเมนี่ถึงกับเคลิ้มไปตามบทนั้นอย่างสุดซึ้งตรึงใจ...
หลังสั่งตัดจบฉากสุดท้ายแล้ว คณะละครทุกคนไชโยโห่ร้องอึงคะนึง
สั่งเตรียมตัวเดินทางไปเลี้ยงฉลองให้ถึงระดับ ไม่เมาไม่เลิกรา..
.กรวิกกำลังเตรียมหาทางหนีทีไล่ จะแอบซิ่งรถกลับไปยัง
เกาะสวาทหาดสวรรค์ของเขา แต่เมนี่ถลามาบอกว่า
เธอไม่ได้เอารถมา ขอไปเลี้ยงฉลองกับกรวิก...เขาแอบถอนใจที่หนีไม่ทัน...
ถึงยังไงกรวิกก็แอบโทร.ถามลุงส่งถึงสภาพของเอย
ลุงส่งจึงรายงานมาว่าทุกอย่างปกติ กรวิกจึงให้บอก...
โดยไม่รู้ว่าเมนี่เดินมาฟังข้างหลัง...ว่าเขากลับดึก ถ้าดึกมากให้เอยเข้านอนก่อนเลย...
กรวิกปิดเครื่อง...หันมาเชิญเมนี่ขึ้นรถ เดินทางไปงานเลี้ยงปิดกล้องทันที...
การเลี้ยงฉลอง...ดื่มและกินอย่างมีความสุขในผับหรูแห่งนี้...
ทำให้ทีมงานละครของคุณดวงแก้วดำเนินไปอย่างสนุกครึกครื้น
มีทั้งดนตรีบรรเลง มีทั้งการพูดจาและร้องเพลงและเต้นหางเครื่องแบบกันเอง
กรวิกถูกดึงขึ้นร้องเพลงบนเวที เมนี่จับตาเขาตลอดเวลา
รู้ว่าเขามักชำเลืองมองนาฬิกาตลอดเวลา... พอหลุดจากเวทีได้
เขาบอกดวงแก้วที่ทักทายว่า จะเข้าห้องน้ำ แต่เขารีบเลี่ยงออก
ไปยังลานจอดรถที่ซุ่มไว้ กรวิกจะขึ้นรถ หมอลักษณ์โผล่มาทักทาย
เมนี่รีบหลบบังต้นไม้ กรวิกถามแปลกใจว่าหมอไปโดนอะไรมา
แต่หมอกลับถามว่า เขาเอาเอยไปไว้ไหน กรวิกรีบย้อนถามว่า
เขาควรถามหมอ ที่พาเอยกลับอเมริกา แล้วเกิดอะไรขึ้น?
"คุณเองน่าจะรู้แก่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น" ลักษณ์รุก แล้วย้ำเอาเรื่อง
"คุณเอาเอยไปไว้ที่ไหน" พอกรวิกเสียงแข็งว่า จะถามกี่ร้อยหน
ก็ตอบได้คำเดียวว่าผมไม่รู้...
"ไอ้ผู้ร้ายปากแข็ง" ลักษณ์ยัดกำปั้นเข้าเลาะฟันกรวิกทันที
สำทับต่อว่า เอาเธอไปขังแบบนั้น เป็นการฆ่าเธอให้ตายทั้งเป็น
"ทำไม...เอยต้องอยู่กับคุณเท่านั้นเรอะ เธอถึงจะปลอดภัย...หา"
กรวิกยื่นหน้าท้าทาย ก่อนจะขึ้นรถขับออกไป...ลักษณ์ที่ยังทรงตัวไม่ดี
เริ่มเจ็บปวดไปทั้งร่าง เขาค่อยๆทรุดลง...แล้วก็เห็นเมนี่เข้ามาประคองไว้
เมนี่ติงลักษณ์ไม่ควรออกมาขณะป่วยหนักขนาดนี้
เขาบอกว่าต้องออกมาพูดกับกรวิกให้ได้
เมนี่เองไม่รู้ว่าจะสงสารเขา หรือสงสารตัวเองดี?
ไม่นานเมนี่ก็หิ้วปีกลักษณ์กลับขึ้นไปที่ห้องพิเศษของเขา
แซนดี้มายืนจังก้า สาดน้ำลายใส่อย่างถนัดปากว่า
ไปโซ้ยอาหารมื้อค่ำหนักไปรึ ถึงหิ้วปีกมา
ลักษณ์ขอให้แซนดี้กลับไปก่อน เขาไม่อยากทะเลาะกับเธอ แซนดี้ยังแขวะว่า
จะกินข้าวต้มรอบดึกกันอีกรึ เมนี่จึงสวมรอยชวนแซนดี้กินข้าวต้มตอนดึก
ด้วยกันสามคนผัวเมียไปเลย...ไม้นี้แซนดี้ถึงสะอึก เมื่อถูกชวนเซ็กซ์หมู่
ได้แต่ด่าหน้าด้าน
แล้วสงครามน้ำลายก็กลายเป็นสงครามฟ้อนเล็บ ทั้งจิกทั้งตี
ทั้งด่ากันด้วยสำนวนสุดหยาบและหยิว...ห้ามก็ไม่มีใครฟัง
เกมต่อไปจนถึงใช้ฝรั่งรำเท้า ลักษณ์รวมพลังฉุดแซนดี้ ดึงออกไปนอกห้อง
เมนี่ทรุดลงนั่งหอบ....
ลักษณ์ทั้งเหนื่อยกายและใจ กระชากแซนดี้ออกมาหน้าห้อง..
.โดยไม่เห็นปรัชญาที่ผ่านมาและหลบฟัง...
"ผมจะฟ้องหย่าคุณ" สิ้นเสียงลักษณ์ แซนดี้ซีดและสั่นไปทั้งตัว
"ผมปล่อยเวลาผ่านไป คิดว่าจะตกลงกันด้วยดี แต่มันสูญเปล่า ผมหมดความอดทนแล้ว"


แซนดี้ย้อนถามว่า หย่าเพื่อมีเมียใหม่หรือ เขาย้อนว่า เหตุผลการหย่า

เธอก็รู้แก่ใจ อย่าให้เขาประจาน แซนดี้ท้า เอาอะไรมาประจานเธอ?
"แปดปีที่ผ่านมา ผมจ้างนักสืบตามคุณตลอด จะให้บอกไหมคุณคบผู้ชายพวกนั้นมากี่คน

ใคร ชื่ออะไร...ที่ไหนบ้าง...คุณอยากให้ทนายขนรูปคุณกับชายชู้พวกนั้นมาให้ศาลดูไหม

ถ้ายังมีสติ คุณน่าจะรู้ว่าศาลจะตัดสินยังไง" แซนดี้ด่าเธอถูกแบล็กเมล์ เขายันกลับทันทีว่า

เธอบังคับให้เขาต้องทำอย่างนี้
ลักษณ์มองแซนดี้อย่างสมเพช ก่อนจะเดินกลับเข้าห้อง... ส่วนแซนดี้ยืนเซ่อ

ทำท่าจะลมใส่ ปรัชญาเร่เข้ามาแสดงความเห็นใจ...แซนดี้เห็น รีบทำให้เหมือนเป็นลมจริงๆ

ก่อนจะพากลับไป
จากนั้นเมนี่กลับเข้ามาหาลักษณ์ที่ห้องด้วยความเป็นห่วง..

.แล้วก็นั่งนิ่งเพราะต่างมีเรื่องขบคิดจนล้นอก แต่ลักษณ์ก็ขอโทษเมนี่แทนแซนดี้

เมนี่ได้แต่แสดงความเห็นใจที่เขามีเมีย แบบนี้และเห็นใจเอยไปด้วย..

.เมนี่ถอนใจก่อนลากลับ ลักษณ์ อาสาไปส่ง เมนี่บอกกลัวเธอต้องมาส่งเขาอีกที...

ลักษณ์แสดงความห่วงใย เพราะรู้ว่าเธอนั่งแท็กซี่มา เมนี่ฟังแล้วน้ำตาซึม

เพราะอย่างน้อยยังมีลักษณ์ที่เป็นห่วงเธอ...แต่ลักษณ์กลับรู้สึกได้ว่า

เมนี่ต้องมีความทุกข์บางอย่างท่วมหัวใจ...

ส่วนแซนดี้ ปรัชญาพาเธอมาที่ห้องทำงานในโรงพยาบาล นั้น รินไวน์ให้ดื่มพออุ่นใจ

และยิ่งดื่มรวดเดียวหมดแก้ว เมื่อรู้ว่าปรัชญารู้แล้วว่าเธอเป็นเมียหมอลักษณ์

ปรัชญาปากหวานว่า รู้มานานแต่ไม่แคร์เพราะเขารักแซนดี้ แซนดี้หลงกล

รีบบอกว่าจะหย่าหมอ แล้วมาแต่งกับเขา ปรัชญารีบบอกว่าเขาพร้อม

แต่ตอนนี้มันมาสะดุดขาเขาก่อน พ่อเขารักมันจนให้เป็นบุตรบุญธรรม

มันจะมาแย่งสมบัติส่วนของเขา มันได้มากกว่าที่เขาจะได้

มันจึงไม่ยุติธรรม เขาแค้นมาก และยิ่งเห็นมันหักหลัง

แซนดี้ มันทำร้ายแซนดี้
"มันทำร้ายคุณกับผม ในเวลาเดียวกัน" ปรัชญาปลุกใจเสือป่าหญิง
"ฉันไม่รู้จะช่วยคุณยังไง ฉันเองแทบเอาตัวไม่รอดแล้ว" แซนดี้อ้อน
"เราจะรอด ถ้าเราร่วมมือกัน" ปรัชญาคำรามเสียงกร้าวให้แซนดี้ศรัทธา

"ถ้ามันมีชีวิตอยู่ หย่าแล้วคุณเป็นม่าย ไม่ได้ แม้แต่บาทเดียว

เราแต่งงานกันก็ต้องกัดก้อนเกลือกิน...แต่ถ้ามันตาย เราสองคนรอด

มีลมหายใจอยู่ดูความไฉไลของโลกนี้ไปอีกนาน"
แซนดี้ฟังแล้วยิ่งเมา สาดไวน์เข้าคออีกที...ดับความเครียด อีกตาหนึ่ง...


ooooooo


ทันทีที่กรวิกจอดเรือที่ท่า เขาวิ่งไปบ้าน แต่ต้องหยุด

มองไปเห็นเอยนั่งหลังพิงเสาสะพาน เขาอดสงสารไม่ได้

เขย่าแขนเรียกเอย ตำหนิที่มานอนตากยุง เอยบอกว่าเธอจะรอพี่วิกที่นี่

ให้เขากลับมาบ้านแล้วเห็นเธอเป็นคนแรก...กรวิกฟังแล้วซึ้งในคำว่าบ้าน..

.มีความหมายยิ่งใหญ่ก็วันนี้เอง...
เมื่อเข้ามาในบ้าน...เขาเห็นทุกอย่างแปลกไป มีการ ตบแต่งจัดวางดอกไม้..

.มีเทียนลอยน้ำส่องแสงวอมแวมน่ารักตามจุดต่างๆ มองไปที่โต๊ะอาหาร

ป้าสวยบอกว่าคุณเอยทำกับข้าว เองทั้งหมด แม้ปอกหอมจนน้ำตาเล็ดน้ำตาไหล...

ซึ่งเรื่องนี้ในอดีตนั้น กรวิกเคยแกล้งเอาหอมป้ายตาจนวิ่งหนีน้ำตา

เล็ดแล้วถูกเอยป้ายกลับฟูมฟายตามๆกัน...กรวิกยิ่งซึ้งใจยิ่งขึ้น
กรวิกนั่งลงทานอาหารฝีมือเอยอย่างอร่อย...เอยมองเขาทานอาหารอย่างมีความสุข...
หลังอาหาร เขาตามหาเอย จนมาเห็นนั่งมองพระจันทร์ ดวงโตที่บนฟ้าดวงหนึ่ง

กับอีกดวงในน้ำ...เขานั่งลงข้างๆ แล้วเอ่ยขอโทษ ที่พาลอารมณ์เสีย เย็นชา

คิดเองเออเอง เขาเสียใจจริงๆ เอยเองก็เสียใจยอมรับว่า เอยเองก็เคยก่อเรื่อง
"แปดปีที่เอยจากไป ใจของพี่อัดแน่นไปด้วยความแค้น คิดเพียงแต่ว่า เมื่อไหร่กลับมา

จะเอาคืนให้สาสมที่สุด...แต่เอยคงไม่รู้...การที่เราทำให้คนที่เรารักเจ็บปวด

มันทำให้เราเจ็บปวดมากกว่าหลายร้อยพันเท่า"
"ทำไมเอยจะไม่รู้ เอยรู้ซึ้งถึงความรู้สึกนั้นดี

เพราะเอยเคยเจอเหตุการณ์เลวร้ายนั้นมาแล้ว...วันที่เอยไปอเมริกา

เอยเสียใจที่ไม่ได้บอกลาพี่วิก เอยอยู่ที่สนามบินเหมือนคนไม่มีชีวิตจิตใจ...

เอยเห็นพี่วิกที่นั่นด้วย" แล้วเอยนึกถึงวันที่กรวิกวิ่งไปหาเธอ

ขณะที่เดินไปยังประตูผู้โดยสารขาออก ขณะที่กรวิกตามมองหน้าผู้หญิงผมดำทุกคน

...เอยฝืนใจเดินเข้าไปจนได้...เสียงเรียก "น้องเอย..."

ยังแว่วอยู่ในหู ขณะเข้าไปนั่งเช็ดน้ำตาเหมือนคนไม่มีหัวใจ

ในที่สุดเอยก็ตัดสินใจเดินเข้าไปข้างใน ด้วยความคิด...ให้เขาพบสิ่งที่ดีกว่าในชีวิต...
เอยนึกถึงวันนั้นแล้วอดน้ำตาไหลไม่ได้ เอยมองกรวิก แล้วสารภาพถึงความรู้สึกตอนนั้น
"พี่วิกไม่รู้หรอกว่า ที่เอยทำเป็นไม่เห็น ไม่ได้ยินเสียง พี่วิกในวันนั้น...

อยากวิ่งไปกอดพี่วิก แต่ต้องห้ามใจ...ใจที่เหมือนถูกทิ่มแทงซ้ำๆ

คนที่แทงก็คือตัวเอยเอง"
"แล้วเอยรู้จักหมอลักษณ์ยังไง ทำไมถึงตัดสินใจไปอเมริกา"
"เอยไม่ได้ไปกับพี่ลักษณ์ เอยไปเจอ ไปรู้จักพี่ลักษณ์ที่อเมริกา"
"งั้นเกิดอะไรขึ้น เอยมีเหตุผลอะไร ที่ต้องหนีพี่ไปอเมริกา"
"ถ้าเอยตอบได้ เอยคงตอบพี่วิกไปตั้งแต่นาทีแรก ที่เรากลับมาเจอกันแล้ว

แต่นี่เพราะ...เอยตอบไม่ได้ เอยตอบไม่ได้ จริงๆ" เอยบอกแล้วเดินหนีไป

กรวิกตามติดไปถึงชายหาด จับมือเอยไว้
"พี่ขอโทษที่ทำให้เอยไม่สบายใจ ถ้าไม่อยากพูด พี่วิก จะไม่ถาม ไม่พูดถึงมันอีก"
"พี่วิก...คงมีสักวันที่พี่วิกจะได้รู้ความจริง"
กรวิกเช็ดน้ำตาให้เอย แล้วปลอบ "ช่างมัน ไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว

ตอนนี้สำคัญที่สุดในชีวิตพี่วิกคือดูแลเอย...เอยรู้ไหม ตอนเอยถูกงูกัด

ยังไม่แน่จะอยู่รอด พี่รู้สึกว่านาทีนั้นยาวนานเหลือเกิน

ถ้าวันนั้นไม่มีเอยชีวิตพี่จะเป็นยังไง ทำไมเราจนวินาทีสุดท้าย

ไม่บอกรักใครที่เรารักที่สุด ในเมื่อเราสามารถ บอกเขาได้เดี๋ยวนี้ วินาทีนี้..."

เขาจับมือเอยไว้แน่น "พี่วิกรักน้องเอย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหน

พี่วิกยังรักน้องเอย"
เอยโผกอดเขาไว้แน่น กอดอย่างมีความเอิบอิ่มสุดซึ้งใจที่สุด

"เอยก็ไม่เคยหยุดรักพี่วิก เอยรักพี่วิก รักมากที่สุด มากกว่าชีวิตของเอย ได้ยินไหมคะ"
เอยสะอื้น...เมื่อนึกถึงชีวิตที่ผ่านมา กรวิกเช็ดน้ำตาให้เธออย่างนุ่มนวล..

.แล้วค่อยประคองแก้มของเอยขึ้น จูบอย่างทะนุถนอม...

เอยเองก็ปล่อยให้ใจลอยล่องไปในห้วงแห่งความรัก..

.แต่แล้วเอยกลับผลักเขาออก
"พี่วิก เรากำลังทำผิดกับคนอื่นเขารึเปล่าคะ"
"เอยกลัวหมอลักษณ์จะเสียใจงั้นหรือ"
"เอยไม่อยากทำร้ายคุณเมนี่ ไม่อยากทำร้ายพี่ลักษณ์

เอยไม่อยากเห็นใครต้องเสียใจเพราะเรา"
เอยมองเขานิ่ง...แล้วตัดสินใจเดินหนีไปทันที...กรวิกจะตาม

แต่แล้วหักใจ ยืนนิ่งคิด...

เอยวิ่งหนีเข้าห้องนอนในบ้านรักเอย รังรักบนเกาะของกรวิก

เอยถูกบีบคั้นด้วยจิตใต้สำนึกที่มีมโนธรรม ที่ทำไม่ได้ตามที่ใจปรารถนา..

.แล้วอนาคตของกรวิกจะเป็นอย่างไร นอนก็ไม่ได้ ลุกไปที่หน้าต่าง..

.เห็นกรวิกเดินที่ชายหาด แล้วทรุดนั่งกอดเข่า แน่นอนเขาคงปวดร้าวรานใจที่สุด
เอยลงจากบ้านไปหาเขา แล้วค่อยๆเอาผ้าห่มให้ บอกว่าอากาศเย็นมากแล้ว

เอยกลัวพี่จะหนาว กรวิกบอกเธอว่า ผ้าห่มแค่นี้ไม่พอแน่ แล้วคว้าตัวเอยมากอด

กระซิบข้างหู
"อยู่อย่างนี้แป๊บได้ไหม...วันนี้หมอลักษณ์มาหาพี่วิก..." เอยผละออกทันที "

เขาบอกว่าพี่ซ่อนเอยไว้ เท่ากับฆ่าเอยให้ตายทั้งเป็น พี่ขอบอกว่าถึงพี่ไม่ใช่หมอ

แต่พร้อมดูแลเอยอย่างดีที่สุด ดีกว่าหมออย่างเขาก็แล้วกัน พี่ไม่รู้ว่าเขาคนนั้น

รักเอยมากกว่าพี่หรือเปล่า แต่พี่ไม่ได้รักเอยน้อยกว่าเขา"
"แล้วคุณเมนี่ล่ะคะ เขารักพี่มากนะคะ"
"เราควบคุมความรักได้อย่างนั้นหรือ หัวใจควบคุมไม่ได้เหมือนสมอง

ถ้าหัวใจพี่รักใคร พี่จะรักคนนั้น พี่ควบคุมมันไม่ได้หรอก พี่รักเอยคนเดียว เข้าใจไหม"

เขาซุกหน้าลงบนซอกคอเอย ซุกหาความอบอุ่นที่โหยหามาแสนนาน...


ooooooo


เอยเพิ่งได้ยินเสียงไก่ขัน...พอลืมตาขึ้นก็เช้าแล้ว...คิดถึงสิ่งที่ผ่านมาเมื่อคืน

...เห็นกรวิกยังนอนหลับอยู่ข้างๆ มองด้วยสายตาแห่งความรักและภักดี..

.ผู้ชายที่ทอดแขนให้เธอนอนหลับทั้งคืนคนนี้ เขาเป็นทั้งพ่อ ทั้งพี่

ทั้งเพื่อน เป็นสามีของเธอ...เอยยิ้มอย่างมีความสุข
"ยิ้มหวานจัง..." เสียงเขาดังขึ้น เอยหันมามอง อุทานเขินสุดๆ ลุกขึ้นจะหนี

เขาดึงตัวลงมากอด เอยสั่งให้ปล่อย มันเช้าแล้วเดี๋ยวลุงกับป้ามาเห็นเข้า

กรวิกบอกทันทีว่าดีสิ จะได้จูบโชว์เสียเลย...แล้วกดจูบทันที เอยเบี่ยงตัววิ่งหนี

เขามองตามอย่างคนที่หัวใจอัดอิ่มจนล้นอก...
เอยกลับเข้าบ้านด้วยความสุข...แล้วก็ถูกกรวิกตามเข้ามาจูบเติมความสุขอีกครั้ง

จนเธอประท้วงด้วยสายตา เขาจึงบอกอยู่ในห้องนี้ไม่มีใครเห็นแล้ว

เขาจูบอีกจนเอยท้วงว่า เดี๋ยวจะเบื่อ
"น้องเอยคือหัวใจของพี่ ถ้าพี่วิกเบื่อหัวใจตัวเอง จะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง"

กรวิกไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าอีก เขาระดมจูบ กระทั่งปิดปากเอยในที่สุด..

.แล้วทรุดตัวลงบนที่นอนอันนุ่มสบายในห้องแสนสุขนั้น
ที่โต๊ะอาหารในตอนสาย ลุงส่งป้าสวยจัดอาหารรอ บ่นหาทั้งสองที่เห็นเดิน

คุยกันตั้งแต่ชายหาดจนมานอนในตอนเช้า จึงน่าจะอดนอนอย่างมีความสุข

ป้าสวยไม่เข้าใจ อดนอนมันจะสุขอย่างไร ลุงส่งจึงชวนป้าอดนอนสักตั้งดูไหม

จะได้รู้ว่ามันมีความสุขยังไง
"ไอ้บ้าส่ง หง่อมขนาดนี้มีหน้าชวนขึ้นเตียง เดี๋ยวได้ขึ้นโลงซะก่อน...เจ้าบ๊อง"

ป้าสวยสะบัดบั้นท้ายเหี่ยวๆหนี ลุงส่งมองแล้วปลงว่า...หนังยานแล้ว...เคี้ยวให้ฟันหักก็โง่...

ว่าแล้วหัวร่อฮ่าๆ


ooooooo

ใจร้าว ตอนที่10

ตอนที่ 10

แซนดี้นั่งแปรงผมหน้ากระจกในห้องนอนของปรัชญา
เธอชำเลืองมองเขาที่กำลังนอนมือก่ายหน้าผากบนเตียง
จึงคิดจะช่วยปลอบใจ เข้าไปลูบไล้และอาสาจะคลายเครียดให้
เขาห้ามไว้ เพราะกำลังใช้ความคิด... แซนดี้หมดอารมณ์
"ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหมอลักษณ์ถึงเปลี่ยนใจกลับไปกลับมาแบบนี้"
แซนดี้หัวเราะ เห็นเป็นเรื่องไร้สาระ เขาย้ำให้แซนดี้รู้
"ทีแรกหมอจะคืนห้องหรูให้พ่อ แล้วจะบินไปแต่งงานที่อเมริกา
แต่บ่ายเมื่อกี้ไปดูยังเห็นอยู่ที่ห้อง สงสัยจะเปลี่ยนมาแต่งงานในไทย..."
แซนดี้ฟังแล้วของขึ้นทันที ปรัชญาเห็นท่า จึงสาดเบนซินใส่
"ลาออกจากโรงพยาบาลแล้วยังเปลี่ยนใจ...จะแต่งที่ไหนไม่สำคัญ
มันอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์ กะจะพาคุณไปอยู่ ถูกตัดหน้าซะนี่...
ไม่รู้กล่อมพ่อท่าไหน ท่านอนุญาตให้เป็นเรือนหอชั่วคราวได้เลย"
ปรัชญาลุกมาโอบกอดแซนดี้ด้านหลัง
"ไม่เป็นไร ผมจะหาเพนท์เฮ้าส์ใหม่ให้ เรือนหอหมอลักษณ์จะสู้เรือนหอเราได้ไง
จริงไหมครับ"ว่าแล้วจูบไซ้เอาใจ แต่รู้ว่าตอนนี้ไฟราคะหน้ามืดของเธอวูบหายไปแล้ว...
เหลือแต่ความแค้นลักษณ์...

ooooooo

หลังจากกรวิกอาบน้ำแล้ว เดินออกมาหาเอยที่นั่งเงียบอยู่มุมห้อง...
ขณะที่ป้าสวยกำลังดึงผ้าปูที่นอนให้ตึงอย่างอ้อยอิ่ง
ยิ้มอย่างรู้ทันฮันนีมูนอย่างกรวิกว่า แล้วลุงส่งก็หอบหมอนผ้าห่มมาให้อีกหนึ่งชุด
กลัวคุณเอยจะหนาว ป้าสวยตัวดีรีบบอกผัว
"ไม่ต้องเอามาก็ได้ ถึงหนาว เธอก็มีคุณวิกให้กอดอยู่แล้วทั้งคน...จริงไหมค้า"
เอยยิ้มจืดเต็มหน้า กรวิกกลับรีบพยักหน้ารับคำ แล้วถือโอกาสกอดเอยทันที
ป้าหัวเราะคิกๆ กรวิกทำหาวหวังจะไล่สองผัวเมียไปเสียที
แต่ลุงส่งตอบคำถามหน้าตาเฉยว่า เขายังไม่ง่วง จึงถูกป้าตีหนึ่งเพี๊ยะ
บอกว่าง่วงแล้วทั้งบอกลา จิกสามีให้รีบไป ยืนนิ่งอยู่ได้...
เมื่อสองผัวเมียไปแล้ว...เอยรีบบอกว่าลุงป้าไปแล้ว
ปล่อยเอยเถอะ เขาจึงปล่อยมือ แล้วสั่งแก้เก้อให้เอยไปอาบน้ำ..
.แล้วสำทับเร่งว่า ถ้าไม่อาบ จะรอให้เขาอาบให้หรือ...พอเขาเดินมาหา เอยรีบบอก
"อาบ...เอยอาบเองได้...แต่เอยไม่มีเสื้อผ้าติดมาเลย" กรวิกเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ตู้
มีเสื้อเชิ้ตกับผ้าขนหนูมาให้ บอกว่าใช้ไปก่อน พรุ่งนี้จะให้ป้าไปซื้อมาให้...
เขามองตามหลังเอยที่ไปเข้าห้องน้ำ แล้วเอนตัวลงเหมือนตอนนี้เขาอยู่ในความฝัน...
คิดว่าจะจากกันชั่วชีวิตแล้ว กลับได้มาอยู่ห้องเดียวกันบนเกาะที่ไม่มีใครมาวุ่นวายได้อีก...
กรวิกหารู้ไม่ว่า...ในเวลาเดียวกันนี้
ทอปัดก็มาเปลือยร่างอยู่บนเตียงกับเจษฎาที่คอนโดฯของเขา
หลังจากนาทีความรักสุดยอดผ่านไป เจษฎาก็นอนยิ้มอย่างสะใจ
แต่ทอปัดกลับต้องทวงให้เจษฎารีบทำตามสัญญา เขาจึงรับรองให้ความหวังเธออีกครั้ง
"อีกไม่นาน ปัดได้ขึ้นปกแน่...ตอนนี้ขอดูคนเดียวก่อน
ยังไม่อยากให้ผู้ชายที่ไหนเห็น ผมหวง"
"แหม...มันแค่รูปบนปกหนังสือ ใครจะทำอะไรได้คะ"
"นั่นละ ผมไม่อยากให้ใครลามเลียทางสายตา ผมหึง
เซ็กซี่น่าฟัดไปทั้งตัวอย่างนี้ เป็นใคร ใครจะไม่หึง"
ว่าแล้วดึงตัวทอปัดมาฟัดอีกรอบ ทอปัดก็ยอมให้ฟัด
มีความฝันอันบรรเจิดเพริศแพร้วในฐานะนางเอกชื่อดัง ลอยมาอะร้าอร่ามตรงหน้า...
ในค่ำคืนเดียวกันนี้ เมนี่นอนไม่หลับ เดินวนเกือบแปดรอบ
จึงตัดสินใจโทร.หากรวิก...ขณะที่กรวิกนอนฝันหวานบนเกาะ
เอยกำลังอาบในห้องน้ำ เสียงมือถือดังขึ้น พอมองดูก็รู้ว่าเมนี่โทร.มา
จึงตัดสินใจรับ แล้วเดินออกไปนอกห้อง...บอกเมนี่ว่าเขามาทำธุระต่างจังหวัด
ขอโทษที่ยุ่งทั้งวัน ไม่มีเวลารับโทรศัพท์จากใคร เมนี่บอกว่าไม่เป็นไร
รู้ว่าเขาปลอดภัยก็โล่งใจ ทีแรกใจไม่ดี คิดว่าเขาจะมีอันตราย
"แล้วนี่คุณทราบไหมคะว่า เอยหายตัวไป" กรวิกทำเป็นสนใจย้อนถามว่าเกิดอะไรขึ้น
"เมนี่ก็ไม่รู้ บังเอิญเจอหมอลักษณ์จึงรู้ว่าเอยหายตัวไป
เลยคิดว่าเอยอาจติดต่อกับวิกบ้าง"
"ไม่นี่ครับ...ผมจะกลับราวเที่ยงพรุ่งนี้...อ๋อ ได้แล้วครับ
พี่ภัทรให้คิวผมมาแล้ว...แล้วเจอกันครับ"
เมนี่เตือนให้ขับรถดีๆ ย้ำว่าห่วงเขามาก...แล้วเมนี่ก็ยืนมองพระจันทร์ดวงโต...
แล้วยิ้มอย่างมีความสุข ส่วนกรวิกยืนมองไปยังท้องทะเลอย่างไม่สบายใจ...
เมื่อได้ยินเสียงห้องน้ำเปิด เขาเดินกลับห้อง พอเห็นเอยใส่เสื้อเชิ้ต
สระผมมาหมาดๆ จ้องจนเธอหวาดๆ เขาชมว่าเธอแต่งแบบนี้น่ารัก
เซ็กซี่อีกต่างหาก เอยทำใจดีสู้เสือ แล้วเอ่ยขึ้นว่า
ที่นี่มีบ้านพักสองหลัง พอเขารับ จึงบอกทันที
"ถ้างั้นเอยขอไปนอน..."
"ถ้ากลัวฉันนัก...ก็ตามใจ อยากจะไปนอนที่อื่นก็ได้ แต่เธอแน่ใจหรือ"
เอยรับคำ แต่ท่าทียังระวังตัวแจ...ส่วนกรวิก ยังมองเอยแล้วคิดวนไปมา
จากนั้นเขาพาเอยไปยังห้องที่มีสองเตียง เอยชวนคุยว่า
เขาคงพาแขกมาพักที่นี่บ่อย เขาปัดทันทีว่า เขาไม่ได้ทำไว้รับแขก
"เอยนอนเตียงนี้แล้วกันนะคะ เอยไม่รบกวนพี่วิกแล้ว"
"จะไล่ฉันให้กลับไปนอนที่ห้องว่างั้นเถอะ...แต่ฉันยังกลับไม่ได้
จนกว่า...จะจัดการภารกิจบางอย่างก่อน" ว่าแล้วค่อยๆย่างเข้าหาเธอ
เอยใจเต้นระทึก ภารกิจอันใดทำให้เอยใจหวาดผวา
"พี่วิกจะทำอะไร" เอยค่อยถอยทีละก้าว จนติดข้างฝา
เขาเดินมาจนชิดรู้สึกด้วยลมหายใจ เธอถามเสียงสั่นพร่า
"พี่วิก...จะทำอะไร...อย่าทำอะไรเอยนะคะ เอยขอร้อง"
"อยู่นิ่งๆ..." เขาสั่งเฉียบ
"ขอร้องให้อยู่นิ่งๆ อย่าเพิ่งหันไปทางขวาเด็ดขาด"
ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เอยค่อยๆหันไปมอง...แล้วแทบช็อก
เมื่อเจอตุ๊กแกเข้า เอยกรี๊ดสุดเสียง ผวาเข้ากอดกรวิกแน่น หลับตาปี๋ปากร้อง
"พี่วิก...ช่วยด้วย"
"นิสัยเหมือนเดิมไม่มีผิด" กรวิกขำและรู้สึกเอยกอดเขาแน่นหนึบ อุ่นไปถึงหัวใจ...
ไม่นาน...ลุงส่งก็วิ่งมาหน้าตาตื่น จากเสียงร้องของเอย กรวิกส่งถุงใส่ตุ๊กแกให้
ลุงส่งยิ้มอย่างเห็นขำ...ยิ่งเห็นท่าสยองไม่หายของเอย
ลุงบอกว่าได้ยินเสียงร้องลั่น นึกว่าอะไร ที่แท้ก็ไอ้นี่เองที่ก่อเรื่อง
แล้วยังถามว่าไม่รู้ตัวไหนนะเนี่ย เอยฟังยิ่งหนาวแกมสงสัย จึงถาม
"หมายความว่า...ไม่มีแค่ตัวนี้ตัวเดียวหรือคะ"
ลุงส่งอธิบายยาวยืด ทีแรกก็ตัวเดียว พอมีตัวเมียมาอยู่ด้วย
ก็มีลูกคลานตามกันมาอีกสอง ลุงส่งเรียกชื่อล้วนตุ๊ดตู่ ตุ๊ดติ่ง
สารพัดตุ๊ด...แล้วก็มีการผสมผสานกันจนแตกลูกตามมาอีกยั้วเยี้ย
จนเอยขอร้องหยุดเล่าได้แล้ว กรวิกจึงบอกว่า พวกมันอยู่กันพร้อมหน้าที่นี่ไปก่อน
เขาย้ายมา ค่อยให้พวกมันอพยพพาลูกหลานไปอยู่ที่อื่น ให้ลุงกลับไปพักผ่อนได้แล้ว
"เธอก็เหมือนกัน พักผ่อนได้แล้ว" กรวิกสั่งเอย แล้วทำท่าจะเดินกลับห้องของเขา
เอยรีบคว้ามือเขาหมับทันที
"พี่วิกคะ...ให้เอยไปนอนห้องพี่วิกด้วยคนได้ไหมคะ"
"จะเอายังไงกันแน่" กรวิกถามอย่างเจ้าเล่ห์ ทำท่าเหมือนไม่พอใจ
แต่ที่แท้อยากจะหัวเราะให้ฟันหักด้วยความชื่นมื่น สมใจ...
เมื่อเข้าไปในห้อง กรวิกให้เอยนอนบนเตียง เขานอนที่โซฟา
เอยจะนอนโซฟา เขาดุอย่ามากเรื่อง จึงจำยอม เขามองเอยแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู
แล้วจึงหลับตาลง...เอยเองก็นอนหลับตา แต่อดลืมตามองไม่ได้
เห็นเขานอนขดตัวคงหนาวมาก จึงมาห่มผ้าให้ เขาลืมตาทันที
"นึกว่าเธอจะไม่ห่วงฉันซะอีก แล้วเธอล่ะ ที่นี่ยังหนาวนะ"
"เอยนอนบนเตียง ยังไงก็อุ่นกว่า"
กรวิกยิ้ม นอนอย่างสบายใจที่สุดเป็นครั้งแรกในหลายเดือนที่ผ่านมา
เขาสั่งเธอปิดประตู จะได้กันลมด้วย...ทั้งสองมองกันอย่างเข้าใจ ก่อนจะต่างคนต่างนอน...

ooooooo

คืนนี้เวลาสำหรับลักษณ์ช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า แม้ว่าจะใกล้รุ่งแล้ว
ลักษณ์อยากเร่งให้สว่างเร็วๆ แล้วเสียงออดก็ดังขึ้น...พอเปิดออกมา
กลับเป็นแสงฉาย หรือแม่แซนดี้ภรรยาสาวแสบตัวดี มาอาละวาดด่า
ช่อลดาหรือนังเอยที่ถือว่าหน้าด้านมาแย่งสามีชาวบ้าน
หมอปรามอย่าหยาบคาย แซนดี้ยิ่งด่าหนัก ด่าว่าจะแอบพากันไปแต่งงานที่อเมริกา
แล้วตะโกนเรียกเอยให้ออกมา ลักษณ์บอกว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่
ยิ่งทำให้แซนดี้เดือดดาล คาดคั้นให้บอกว่ามันอยู่ไหน

"ถ้าผมรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ผมจะคุกเข่าขอแต่งงาน
จะไม่รอช้าเหมือนที่ผ่านมาแม้วินาทีเดียว"
"ก็เอาสิ...ถ้าคุณกล้าแหกหน้า กล้าทำให้แซนดี้เจ็บ แซนดี้ก็จะทำให้คุณกับ
แม่นั่นเจ็บหนักกว่าแซนดี้ร้อยเท่าพันเท่า...คอยดู"
แซนดี้ระบายแค้น แล้วสะบัดก้นหนีไป ลักษณ์ทรุดลงอย่างสิ้นเรี่ยวแรง

ooooooo

เอยตื่นขึ้นมาในตอนเช้า มองไปที่โซฟาไม่เห็นกรวิก จึงลุกขึ้นเดินมาที่ระเบียง
เห็นเขาขี่จักรยานวนไปมาเป็นการออกกำลัง เอยนึกถึงความหลังที่เคยซ้อน
ท้ายจักรยานไปตามชายหาด จนถูกเขาแกล้งยกล้อให้หวาดเสียว...
เช้านี้จึงมองเขาเพลิน กรวิกหันมามอง เอยรีบหันหนีทันทีลุงส่งถือถาด
ข้าวต้มและถ้วยชามพร้อมเครื่องดื่มมาวางที่โต๊ะ ลุงส่งถามว่าไม่ลงไป
ขี่จักรยานอย่างคุณวิกหรือ เอยบอกไม่ดีกว่า พี่วิกชอบขี่โลดโผนมานานแล้ว
ป้าได้ยิน จึงถามขึ้น
"คุณช่อลดา ท่าจะคบหาคุณวิกมานานแล้วนะคะ เอ... แล้วคุณรู้จักกับคุณ..."
"ไม่เอาน่า" ลุงส่งตัดบทเมียทันที
"แกจะพูดถึงคุณคนนั้นทำไม ในเมื่อคุณวิกเลือกคุณช่อลดาเป็นภรรยาแล้ว"
"ลุงกับป้าหมายถึงคุณเมนี่หรือคะ" เอยทนนิ่งไม่ไหวถามขึ้น
"พี่วิกพาคุณเมนี่มาที่นี่บ่อยหรือคะ"
ลุงส่งเห็นท่าไม่ดี รีบบอกเอยว่า คุณหนูอย่าไปสนใจคำพูดยายสวยเลย
แล้วรีบเสนอรายการข้าวต้ม ขนมปังกาแฟ อยากได้อะไรสั่งได้
ป้าสวยบอกคุณวิกสั่งให้เอาไข่ลวกสองฟอง สงสัยอยากมีลูกเร็วๆ
แล้วถามเอยว่าอยากได้ลูกกี่คน หญิงหรือชาย เอยได้แต่ยิ้มห่อเหี่ยวลงทันที
ป้าสวยยังว่าต่อ พูดถึงถ้ามีลูกคงสวยหล่อเหมือนแม่กับพ่อ แล้วยังเปรยต่อไปว่า
คุณวิกหล่อสุดหลุดโลก ไม่เห็นมีใครมาเอาไปเป็นพระเอกละครบ้าง
เอยจึงรู้ว่าที่นี่คงไม่เคยดูละครทีวี จึงไม่รู้ว่ากรวิกคือพระเอกดัง...
แล้วเอยก็รู้ว่า ที่นี่สองผัวเมียไม่มีทีวีดูเลย...
หลังจากกรวิกกลับมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ มาที่โต๊ะอาหาร กินไข่ลวก
ขณะเอยกินข้าวต้ม ป้าเสนอรายการไข่มาอีก กรวิกจึงบอกพอแล้ว
เดี๋ยวจะไปทำงานแล้ว ลุงติงว่า น่าจะอยู่สองสามวัน ตามประสาข้าวใหม่ปลามัน
เล่นเอาเอยหน้าม้านตั้งตัวไม่ติด...กรวิกส่งเงินให้ป้าข้ามไปเกาะข้างๆ
ซื้อเสื้อผ้ามาให้เอย สี่ห้าชุดเพราะเธอไม่ได้เอากระเป๋าเสื้อผ้ามาด้วย...
สองผัวเมียพากันกลับบ้านแล้ว เอยยกน้ำส้มที่กรวิกปั่นไว้เอง
ดื่มจนหมดแก้ว กรวิกมองแล้วทวงทันที
"อร่อยละสิ ดื่มซะเกลี้ยง มีแรงแล้วอย่าทรยศคนทำ ด้วยการหนีเขาไปล่ะ"
เอยวางแก้วลงเก้อๆ อยากจะบอกให้ช้ำว่า คิดหาทางหนีตั้งแต่ยังไม่ถึงเกาะอยู่แล้ว...
หลังอาหารแล้ว กรวิกคิดว่าเขาจะต้องไปทำงานเสียที
จึงแต่งตัวเดินไปลงเรือ กำลังล้วงกุญแจออกมาสตาร์ต
ก่อนจะออกเรือ เขานึกถึงบทละครที่จำเป็นที่ต้องเอาไปด้วย
จึงค้นในเรือกลับไม่พบ จึงโดดลงเรือกลับเข้าไปหาในบ้าน...
ส่วนเอยคิดว่าเมื่อกรวิกไปแล้ว...เธอจึงถามป้าสวยว่าบ้านนี้มีโทรศัพท์ไหม
ป้าบอกไม่มีเลย อยากได้ของต้องเอาเรือไปเกาะข้างๆ ที่เอาของบนฝั่งมาขาย
แต่ก็ไม่มีโทรศัพท์ เพราะแม้แต่ไฟฟ้ายังไม่มี เวลาจะติดต่อชาวบ้าน
ต้องเอาเรือออกโต้คลื่นไปหาเครื่องโทรศัพท์สาธารณะที่ตลาดบนฝั่งโน้น
"แล้วตลาดที่ว่าเนี่ย อยู่ไกลไหม"
"ไกลมาก แล้วเสี่ยงฉลามรับประทานด้วย แต่ถ้าไม่อยากเสี่ยงก็ใช้เครื่องนี้"
กรวิกมาได้ยินพอดี บอกแล้วเดินไปหยิบมือถือที่ลืมวางไว้บนโต๊ะให้
ซึ่งเอยเสียดายที่มองไม่เห็น กรวิกแนะ
"อยากโทร.หาใครก็ออกไปข้างนอก ข้างในสัญญาณมันไม่ดี"
แล้วกรวิกมาคว้าข้อมือหญิงสาวพาเดินออกไป...
"บอกมาซิ เธอมีแผนอะไรในใจ" เอยงงคำถาม "
เธอจะให้ลุงส่งขึ้นฝั่ง แล้วโทร.ให้หมอนั่นมารับกลับไปอยู่ด้วยกันใช่ไหม"
เอยถามคืนว่า ทำไมคิดยังงั้น
"เธอรักเขาไม่ใช่เหรอ เธอต้องทำทุกทางเพื่อกลับไปหาคนรักน่ะสิ แต่เสียใจ
พระเจ้าไม่เข้าข้างเธอ"
"พี่วิก เอยแค่จะโทร.ไปบอกพี่ลักษณ์ว่า..."
"ฉันเสียใจจริงๆเมื่อขอร้องดีๆแล้วเธอไม่ทำตาม คิดแต่จะหนีตลอดเวลาฉัน
ต้องงัดมาตรการ เด็ดขาดมากำราบเธอ"
"พี่วิกจะทำอะไรเอย"
เขาไม่ตอบแต่หลังจากนั้น เขาเดินตามเอย ไม่ว่าจะไปไหนเขาไม่ยอมให้ทิ้งห่างเด็ดขาด
แม้จะเข้าห้องน้ำ ก็ยังไม่วางใจ...

ooooooo

ปรัชญาเดินมาตามทางในโรงพยาบาล เห็นทนายกำลังจะไปหาคุณปราชญ์
พอทักทายรู้ว่ามีเอกสารไปให้คุณพ่อ เขาจึงขอเอกสารมา เขาจะเอาไปให้เอง
ทนายไม่ยอม แต่ถูกคาดคั้นจนต้องยอมให้ ปรัชญาเปิดซองเอกสารดู
เห็นหัวกระดาษเป็นเรื่องพินัยกรรมฉบับใหม่ อ่านไปมือสั่น
เพราะมันมีบัญชีรายการทรัพย์สินที่พ่อปราชญ์จะยกให้ลักษณ์ยาวเหยียด
ปรัชญามือไม้สั่นด้วยความโกรธและแค้น จึงคำรามลั่น

"ไอ้หมอลักษณ์ กูให้โอกาสมึงแล้ว แต่มึงยังวนกลับมาหาที่ตายจนได้"
ก่อนจะเดินไป พ่อปราชญ์กับทนายเดินมาหา ปรัชญาตกใจมาก
ปราชญ์ให้ทนายเดินไปก่อน ปรัชญาจึงเล่นละครกับพ่อว่า เขาคิดว่าเป็นเรื่อง
โรงพยาบาลจึงเปิดอ่าน ขอโทษที่เสียมารยาท
"ผมไม่ตั้งใจก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวพ่อ แต่ผมมีสิทธิ์ที่จะรู้ไม่ใช่เหรอว่าผมมีพี่ชาย"
ปราชญ์อุทานว่า แกรู้แล้ว? "หมอลักษณ์เป็นพี่ชายผม"
"ความจริง พ่อไม่อยากปิดแกหรอกนะ เพียงแต่พ่อรอโอกาสที่จะอธิบาย
พ่อไม่แน่ใจว่า ถ้าแกรู้ความจริงแล้ว แกจะรับได้หรือเปล่า"
"ทำไมพ่อคิดยังงั้นล่ะ ผมควรจะดีใจด้วยซ้ำไป ที่รู้ว่ามีพี่ชายอยู่อีกคน"
"แกรู้สึกอย่างนั้นจริงๆหรือ" คุณปราชญ์รู้สึกผิดคาด
ไม่นึกว่าลูกคนนี้จะมีน้ำใจได้อย่างนี้
"ครับ...เสียดายอย่างเดียวที่รู้ช้าเกินไป ถ้าผมรู้แต่แรก ผมคงไม่เสีย
มารยาทกับพี่ลักษณ์อย่างนั้น"
คุณปราชญ์รู้สึกโล่งใจและดีใจจนยิ้มออกมาได้...ปรัชญาบอกอยากรู้ว่า
ถ้าพี่ลักษณ์รู้ จะตื่นเต้นดีใจเหมือนเขาไหม คุณปราชญ์ขอร้องว่า
อย่าเพิ่งบอกลักษณ์ พ่อจะบอกเอง ปรัชญารับคำ ขอให้พ่อบอก
เขาพร้อมทำให้พ่อสบายใจ ปราชญ์รีบขอบใจปรัชญาทันที
ทั้งกอดลูกชายอย่างรักใคร่ แต่หารู้ไม่ว่า ปรัชญากอดพ่อ แต่ซ่อนความแค้นไว้เต็มอก...
ปราชญ์พาลูกชายมาที่ห้อง เห็นลักษณ์นั่งรอที่หน้าห้อง
ปรัชญาโทร.นัดลักษณ์ให้มาเอง แล้วพูดอย่างคนอโหสิกรรมกัน
ว่าที่เขาล่วงเกินไป อย่าถือสา เขารู้สึกผิด ขอให้ยกโทษ ให้ด้วย
ลักษณ์บอกไม่เคยถือสาปรัชญา แล้วถามนอกจากเรื่องนี้ มีเรื่องอื่นไหม
ปรัชญาตอบทันทีว่าเขาไม่มี แต่พ่อมีคุณปราชญ์อึ้งไปทันที
เมื่อปรัชญาไม่ทำตามที่ตกลงกัน ปรัชญารีบบอกว่า ถ้าพ่อไม่อยากบอก
เขาจะบอกเอง แล้วเสไปบอกว่า พ่ออยากให้ลักษณ์กลับมาเป็นบอร์ด
ลักษณ์จึงปฏิเสธว่า เขาต้องทำธุระส่วนตัว ไม่มีเวลาไปทำงานให้
ปรัชญากลับเสนอให้เป็นที่ปรึกษา ลักษณ์จึงปฏิเสธไม่ได้
ปราชญ์เห็นท่าทีปรัชญา จึงมั่นใจวางใจว่าเขาเปลี่ยนนิสัยได้เพราะ
พี่ชายแสนดีอย่างลักษณ์นี่เอง...

ooooooo

ทางกองถ่าย พี่ปุ๋ยคุมกองถ่ายมารอกรวิก จนหลายชั่วโมงก็ยังไม่เห็นหัว
โทรศัพท์ก็ไม่ได้รับ จึงระดมโทร.กันจนมือหงิก กรวิกก็ไม่รับสาย
พอทุกคนเห็นเมนี่เดินมา จึงขอให้เธอโทร.หาเขา...
คราวนี้ได้ผล เมนี่กดฉับๆไม่กี่ครั้ง กรวิกรับสายทันที เธอกรอกเสียงบอก
ว่าทุกคนกำลังรอเขาคนเดียว กรวิกแก้ตัวเกิดอุบัติเหตุยางระเบิด
กำลังรอซ่อมรถอยู่ที่อู่ปั๊ม ปตท. เลยชะอำมาหน่อย...
เขาไม่เป็นไร แต่วันนี้คงไปไม่ทันแล้ว...ทำให้ทั้งกองถ่ายตกใจตามๆกัน
พี่ปุ๋ยขอพูดเอง ซักกรวิกหนัก แล้วโล่งใจขึ้นมาบ้าง กรวิกรีบบอกว่าขอโทษ
จะไม่มีอย่างนี้อีก ค่าเสียหายวันนี้เขารับจะจ่ายให้ แล้วกรวิกก็บอกไปว่า
เขารับปากจะเดินทางมาแน่นอนพรุ่งนี้...
ภัทรกำชับการ์ดทั้งสองคนให้เอารถมารอล็อกตัวกรวิกที่เพนท์เฮ้าส์
คุมตัวมาให้ได้...
เมนี่รู้แล้วว่ากรวิกอยู่ที่ไหน...
กรวิกที่เกาะ ปิดมือถือด้วยความไม่สบายใจที่ต้องโกหกทุกคน
เอยเดินมาหาเขาจากด้านหลัง เพราะได้ยินหมดแล้ว
ตำหนิที่เขาทำตัวเป็นเด็กไม่ไปโรงเรียน แต่ผู้ใหญ่ทำเป็นเด็ก
ทำให้คนอื่นเดือดร้อนเสียหาย...เขายืนยันว่าเขาบอกไปแล้ว
เขารับค่าใช้จ่ายกองวันนี้เอง เอยบอกเงินซื้อความรู้สึกดีๆของคนไม่ได้
"เอยไม่เข้าใจที่พี่วิกมาทำอะไรเสียเวลาไร้สาระ เดินตามเอยทั้งวันทำไม"
"ก็เพราะเธอคิดไม่ซื่อ คอยจ้องแต่จะหนีฉันไง ถ้าฉันกลับมาไม่ทันได้
ยินที่เธอคุยกับลุงส่ง ป่านนี้เธอคงบีบน้ำตาให้ลุงส่งพาขึ้นฝั่งหนีฉันไปแล้ว
แล้วจะให้ฉันไว้ใจเธอ ไม่ตามเธอทุกฝีก้าวได้ยังไง"
"ถ้าเหตุผลพี่วิกมีแค่นี้ ก็เลิกตามเอยเถอะค่ะ"
"ทำไม รำคาญฉันงั้นสิ"
"ไม่ได้รำคาญ แต่ไม่ต้องตาม เพราะเอยไม่คิดจะหนี"
"คิดว่าฉันจะเชื่องั้นเหรอ"
"ไม่เชื่อก็ตามใจ อยากจะเดินตามทั้งวันก็เชิญเถอะค่ะ"
เอยพูดจบ เดินหนี กรวิกตามทันที

ขณะที่กรวิกตามติดเอยอย่างไม่ไว้ใจ ตามไปไม่ยอมให้คลาดสายตาที่เกาะนั้น...เมนี่เอง
ขณะที่ไมค์ กับชนม์กำลังจะพากันขึ้นรถไปตามกรวิกตามที่ดวง-แก้วสั่ง

เมนี่ดักสั่งทั้งสองการ์ดไม่ต้องไป เมนี่จะเป็นคนไปรับเขากลับมาเอง...
แล้วเมนี่ก็ขับรถออกไปทันที
เมนี่ขับรถห้อตะบึงไปเหมือนไก่จะบิน...และทำเวลาไม่เลว...
ในที่สุดเมนี่ก็ขับรถเลี้ยวเข้าปั๊ม ปตท. แล้วจอดลงไปเมื่อเห็นอู่ซ่อมรถตั้งอยู่

คิดว่าจ๊ะเอ๋กันแน่
แต่แล้วมองยังไงก็ไม่เห็นรถกรวิกและตัวเขา พอพนักงานเข้ามาทัก

จึงถามถึงรถที่ยางระเบิดมาซ่อมหรือเปล่า
คำตอบคือมีแต่มอเตอร์ไซค์ยางแตก เมนี่ผิดหวังถามถึงปั๊ม ปตท.ที่มีอยู่แถวนี้

จึงได้รู้ว่าแถวนี้ไม่มีอีก จะมีก็แต่ที่เมืองเพชรบุรี
แต่ไม่มีอู่ เมนี่ถอดแว่น แล้วก็เกิดเรื่อง เมื่อพวกนั้นเห็นดาราสาว

ก็ฮือกันมาแทบจะยกก้นขึ้นมามอง เมนี่ถามหารถดาราดังกรวิก
ยิ่งทำให้พวกนั้นแตกตื่น บอกทันทีว่า ถ้ามาก็เมืองแตกทั้งจังหวัดแล้ว

จากนั้นรุมขอลายเซ็น รุมขอถ่ายรูปจนรับหน้าไม่ไหว...
เมนี่ได้แต่แค้นที่กรวิกหลอก
เมนี่ขับรถกลับ ความเครียดเกาะติดสมองมาจนยุ่งเหยิง แล้วสรุปได้ทันทีว่า..

.มันต้องมีอะไรซ่อนอยู่ใต้พรมกองโตทีเดียว...


ooooooo


ในคืนเพ็ญเดือนเด่นลอยคว้างกลางเวหา...บนเฉลียงบ้านพักบนเกาะของกรวิก

เขากำลังนั่งอ่านบทละคร เอยนั่งอ่านหนังสืออยู่อีกมุม
ทั้งสองสมมติเอาเองว่า เขาทั้งสองไม่ยี่หระกัน แต่แล้วก็อดชำเลืองมองอีกฝ่ายไม่ได้...
แล้วทั้งสองก็จ๊ะเอ๋มองกันลั่นเปรี้ยง...
ต่างก็รีบหลบเหมือนพวกเสื้อเหลืองหลบแก๊สน้ำตาเบอร์ 79...แล้วไฟจากเครื่อง

ปั่นก็ดับวูบลง มีแต่แสงจันทร์นวลส่องมารางๆ เขาสั่งให้เธอ นั่งนิ่งๆ
"ที่นี่ นอกจากตุ๊กแกแล้วยังมีสัตว์มีพิษสารพัดชนิด มืดอย่างนี้มันแยกไม่

ออกตรงไหนภูเขา ตรงไหนบ้านคน"
"คุณวิกครับ..." ลุงส่งถือตะเกียงมาบอก "สะพานเครื่องปั่นไฟมันไหม้ ผมกำลังซ่อม

คงอยู่มืดไปอีกสักพัก"
กรวิกบอกไม่เป็นไร ให้รีบซ่อม หลังจากลุงส่งไปแล้ว ทั้งสองจึงนั่งมองตากัน...
"เธอคงอึดอัดที่นั่งกับฉันตามลำพังนะ" เอยเงียบ "ไป ฉันพาไปสูดอากาศข้างนอก"

ว่าแล้วไม่รีรอดึงมือเอยมา แล้วอุ้มไปทันที
เอยร้องลั่นว่า เธอไปเองก็ได้
"ฉันบอกแล้วไงที่นี่มีงูสารพัด ฉันอุ้มเธอไป ปลอดภัยกว่า" กรวิกเดินหน้า

เอยดิ้นกระแด่วไป...


ooooooo


ลักษณ์มานั่งใช้สมองวกวนไปมาเป็นตัวยึกยืออยู่คนเดียวในร้านกาแฟ

แล้วรับรายงานจากผู้กองที่เจรจาขอร้องให้ช่วยตามหาหญิงสาวชื่อช่อลดา

ว่าตาม ทุกแห่งแล้วไม่พบเลย ลักษณ์แนะให้ประสานงานไปยังโรงพักต่างจังหวัดให้เขาด้วย

เจอแล้วขอให้รีบบอกด้วยจากนั้น ลักษณ์กำลังคิดจะโทร.หาเมนี่ แล้วเมนี่ก็โทร. มาก่อน
"คุณลักษณ์ ฉันมาคิดดูแล้ว การนั่งขบปัญหาคนเดียว
นอกจากจะคิดไม่ออกแล้วยังทำให้ปัญหามันเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก คุณอยู่ไหน เดี๋ยวฉันไปหาคุณ"
ต่างคนต่างใจร้อนจะเป็นฝ่ายไปหา เมนี่เตรียมเช็กบิลจะไป
พอดีมีคนมาชนขอบโต๊ะ พอมองหน้ากัน เมนี่ยิ้มออกมาได้ เขาคือลักษณ์นั่นเอง

และกำลังหัวอกเดียวกันด้วย...
ทั้งตกใจ และดีใจ จากนั้นก็ต้องสั่งกาแฟเย็นมาสองแก้ว...

เริ่มต้นใหม่ ทั้งสองดูดหลอดพร้อมกัน แล้วก็ถามพร้อมกันว่า

คุณมาที่นี่บ่อยหรือ คำว่าครับกับค่ะพร้อมกันอีก...
ความบังเอิญทำให้ทั้งสอง ต้องยิ้มขำๆให้กัน อันเป็นไมตรีต่อกันเป็นครั้งแรก
"ครับ...ผมชอบที่นี่ เวลาเขาเปิดเพลงไลท์มิวสิกให้ฟัง
หลังผ่าตัดเคสซีเรียส มันผ่อนคลายดี"

"สำหรับฉัน ที่นี่และโต๊ะนี้ ที่ประจำของฉันเลยค่ะ แล้วฉันชอบไม่พลุกพล่าน"
พอเธอว่ากาแฟที่นี่...เขาต่อทันทีว่าอร่อยมาก เข้ากันเป็นปี่ขลุ่ย
ลักษณ์ชมว่าคุณเมนี่ดีนะ ขนาดมีปัญหายังทานได้ดี เมนี่บอกเธอเคยอ่าน

น้ำตาลทำให้ต่อมในสมองสดชื่น
ฉันจึงสั่งเค้กสองชิ้น ให้คิดอะไรออก
"แต่กินจนหมดแล้ว ยังคิดไม่ออก จึงต้องพึ่งคุณไง"
"คุณมีปัญหาอะไร"

"ฉันอยากรู้...เรื่องระหว่างวิกกับเอย มีอะไรที่ฉันไม่รู้ และควรต้องรู้หรือเปล่าคะ"

ลักษณ์ถึงกับอึ้ง
เมนี่จึงว่าต่อ "คุณรู้แต่คุณไม่พูด" เมนี่เริ่มตัวร้อนขึ้น "ที่คุณเงียบ

คุณต้องการปิดเรื่องนี้ไว้ มันไม่แฟร์นะ ฉันควรรู้เรื่องทั้งหมดเท่ากับคุณสามคน"
"ทุกวันนี้ คุณยังรักเขาไม่ใช่หรือ"
"ก็ใช่ แต่ฉันไม่ชอบมีเงื่อนงำ"
"อดีตของกรวิกนั่นหรือคือเงื่อนงำ...ผมเองไม่ทราบ เขา อาจรู้จักกันมาก่อน

อาจสนิทกันมาก
ผมไม่สน ผมไม่เคยยึดติดอดีตของคนที่ผมรัก ผมสนใจแค่ปัจจุบัน

ที่เอยเป็นคู่หมั้นผม และผมก็รักเธอ"
คำตอบของลักษณ์ทำเอาเมนี่ต้องคิดหนัก...
แล้วพอจะเดาความคิดของเขาได้จากร้านนั้น...
ทั้งสองออกไปหาที่คุยกัน เพราะยังไงเมนี่ก็อยากแกะรอยความรู้สึก

นึกคิดของเขาเพื่อจะให้เขาดึงเอยกลับมาให้ชิดใกล้ปักใจยิ่งกว่า

ความเป็นคู่หมั้นที่ยังเป็นปัญหา...
"ฉันเข้าใจสิ่งที่คุณพูด...แต่มันยากที่เราจะรักใคร โดยไม่สนใจอดีตของเขา"

เมนี่เดินบนสวนสงบเงียบริมฝั่งน้ำ
"คุณสนใจได้ แต่อย่าใส่ใจ มันจะเป็นเรื่องที่ทำให้ ไม่สบายใจ"
"คุณคงรักเอยมาก อะไรคือความรักของคุณ คุณรักเอยตรงไหน"
"แล้วคุณล่ะ รักกรวิกตรงไหน"
"ฉันอยากเห็นเขามีความสุข ตลอดเวลา"
"ในความสุขนั้น ต้องมีคุณอยู่ด้วยรึเปล่า...คุณพร้อมจะเห็นเขา

อยู่อย่างมีความสุขกับใครก็ได้ที่ไม่ใช่คุณรึเปล่า...
ความรักของผมที่มีต่อเอยเป็นแบบนั้น"
เมนี่อึ้ง นึกไม่ถึงว่าลักษณ์จะทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กอมมือสำหรับความรัก
เมนี่นั่งมองสายน้ำนิ่งเงียบ เขาถามว่า ตอนนี้สบายใจรึยัง?
"ขอบคุณที่สอนให้รู้จักความรักมากขึ้น แต่ฉันคงรักใครแบบคุณไม่ได้หรอก
ฉันยังกิเลสหนา ถ้ารักใครโดยไม่ ครอบครอง ไปบวชชีดีกว่า ไม่รู้จะรักไปทำแมวอะไร"
ลักษณ์อดขำไม่ได้ แต่ก็บอก "ลงทุนพูดตั้งนาน นึกว่าคุณจะซึ้ง"
"ฉันซึ้งมาก แต่ทำไม่ได้ มันเป็นความรักในอุดมคติ...
แต่เพื่อไม่ให้คุณเสียใจ ฉันจะพยายามเปลี่ยนทัศนคติ ไม่ใช่จะรับอย่างเดียว

จะมีให้แล้วก็ให้ด้วยก็แล้วกัน"
"ความรักไม่ยุ่งยาก ถ้าคุณเจอคนที่ใช่ ที่เบื้องบนส่งมา คุณจะรู้ว่ามันง่ายกว่าที่คุณคิด

วิกอาจจะใช่หรือไม่ใช่ของคุณ
แต่สักวันคุณจะรู้เอง...ปัญหาคุณมีแค่นี้ใช่ไหม ทีนี้ปัญหาของผมบ้าง

คุณจะเจอกรวิกอีกเมื่อใด" เมื่อเมนี่บอกว่า "พรุ่งนี้" ลักษณ์จึงสรุปว่า

เราทั้งสองคนมีเรื่องคุยกับพวกเขาเยอะพอกัน


ooooooo


กรวิกและเอยยืนรับลมอยู่ชายน้ำ เบื้องหน้าท้อง ทะเลเวิ้งว้าง

ท่ามกลางแสงนวลใยจากพระจันทร์ดวงโต...
เอยมองพระจันทร์สองดวงเบื้องหน้าอย่างดื่มด่ำตะลึงลาน เขาถามเอยว่า

ไม่เคยเห็นมาก่อนใช่ไหม เอยรับคำ
"สวยงามมากจนบอกไม่ถูกว่า ดวงบนฟ้าหรือดวงที่ทอดเงาลงในน้ำ ว่าดวงไหนจะสวยกว่ากัน"
"ฉันก็ไม่เคยเห็นว่าพระจันทร์ที่นี่จะสวยเท่าวันนี้ วันที่ฉันมีเธอมาดูอยู่ข้างๆ"
ถ้อยคำของกรวิกทำให้เอยถึงกับอึ้ง...
และยิ่งจับจ้องมองเขาไม่วางตา เมื่อเห็นสายตาของเขามองมา...

สายตาทั้งสองฝ่ายประสานกัน...นิ่งนานเหมือนไม่เคยเห็นกันมาก่อน
เป็นนาน
เอยจึงชวนเขากลับเข้าบ้าน อ้างว่าลมแรง เอยหนาว เอยกอดอกห่อไหล่
"เธอกลัวจะอยู่ใกล้ฉันมากใช่ไหม" เอยสั่นหัว เขาจับมือแล้วกอดเธอทันที
"ฉันกอดเธอได้ไหม"
เอยตกใจ แต่ก็ได้แต่เรียกชื่อเขาเป็นการเตือน...กรวิกกอดเธอนิ่งนาน...

แล้วเสียงป้าสวยดังขึ้น ร้องหาคุณวิก คุณหนู อยู่แถวนี้รึเปล่า...

ป้ามาพร้อมตะเกียง
เอยกำลังจะร้องบอก กรวิกรีบคว้าข้อมือ บอกให้หลบมาทางนี้

แล้วดึงเอยเข้าหลังพุ่มไม้ ป้าสวยร้องบอกว่า ทำไข่หวาน ไว้ให้แล้ว

ทั้งบ่นสามีที่ตามหลังมา ที่ปล่อยให้ไฟดับ....เอยให้ออกไปหา เดี๋ยวป้ากับลุงจะห่วง...
เมื่อลุงกับป้าหาไม่เจอ จึงเดินไปหาทางอื่น
เอยเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งหนีหวังจะกลับบ้าน แต่กรวิกวิ่งตาม ร้องเตือนระวังงู
เอยคิดว่าเขาจะหลอก แต่ไม่กี่ก้าว เอยถึงกับร้อง ตกใจเมื่อเจองูฉกเข้าให้

เอยทรุดลงกับพื้นทราย เขาวิ่งมาดู แล้วร้องเรียกลุงส่งป้าสวยดังลั่นไป...
เขาเห็นเอยซวนเซ จึงตัดสินใจก้มลงดูดพิษงูที่ข้อเท้าให้...

เอยมองเขาด้วยสายตาพร่าพราย จนเป็นลมพับไป...เขาร้องเตือนอย่าหลับ...
ช้อนร่างเธออุ้มพาวิ่งไปทันที...
หลังจากกรวิกมีลุงส่งกับป้าสวยช่วยดูแล ลุงส่งให้ป้าไปปรุงสมุนไพรมา

หลังขันชะเนาะรัดไว้ จากแสงไฟทำให้รู้ว่าเป็นแผลจากงูกะปะ
ป้าปรุงยามาให้ กรวิกประคองเอยแล้วป้อนยาให้จนหมด

ป้าบอกค่อยยังชั่วที่ตาส่งเรียนเรื่องยาแก้ พิษงูจากพ่อมา

ไม่งั้นไกลฝั่งไกลหมออย่างนี้น่ากลัวมาก ลุงส่งบอกอย่าวิตก
คืนนี้ให้ดื่มยาสมุนไพรทุกชั่วโมงตลอดคืน มันจะขับพิษงูออกมา

ถ้าพ้นคืนนี้ไปได้ ไม่มีอาการแทรกซ้อน ทุกอย่างน่าจะดีขึ้น...

จากนั้นป้าสวยออกไปจัดการต้มยาให้เอยได้ดื่มทุกชั่วโมงตลอดคืน


ดึกมากแล้ว...กรวิกยังไม่ยอมหลับ เสียงเอยละเมอขึ้นด้วยพิษไข้

ขณะที่เขาลูบเหงื่อให้ เธอร้องเรียกหาพี่วิกตลอดเวลา
"เอย...รู้สึกตัวแล้วเหรอ...เอย ได้ยินพี่พูดไหม" เขาก้มลงถามชิดหูเอย
"ฮือ...เอยหนาว...หนาวเหลือเกิน หนาว" เขารีบห่มผ้าให้ กุมมือเอยไว้

"เอยไม่หนีพี่วิกแล้ว เอยอยากบอกพี่ลักษณ์ เอยยังมีชีวิตอยู่ เอยไม่หนีพี่วิกแล้ว..

.เอยสงสารพี่วิก...เอยไม่ไป..." เสียงแผ่วลง
"น้องเอย" กรวิกเพิ่งรู้ เสียใจจนน้ำตาซึม ที่เขาเข้าใจเอยผิดมาตลอด

"น้องเอยลืมตามาคุยกับพี่ พี่จะขอโทษเอยมากมาย...ได้โปรดเถอะนะ"

เขาดึงมือเธอมากอดแล้วจูบทั้งแนบไว้กับหน้าตัวเอง
ป้าสวยกลับมาวางกาต้มยาลง กรวิกขอบใจ แล้วบอกให้ป้าไปนอนได้แล้ว

เขาจะจัดการเอง...ป้ามองการประคองให้ เอยดื่มยา แล้วกลับออกไป

ป้าเพิ่งได้รู้ว่าเธอชื่อเล่น...คุณเอย

ooooooo

หลังจากลักษณ์ขับรถตามรถเมนี่มาส่งเธอถึงหน้าประตูบ้าน ร่ำลากันด้วยไมตรี...

เมื่อเมนี่ขับเข้าบ้าน ไปแล้ว ประไพที่มาปิดประตู เห็นรถลักษณ์ที่ขับออกไป

เกิดมีคนวิ่งตัดหน้า เขาต้องเบรกอย่างแรง ลดกระจกลง เห็นชายคนนั้นฟุบลง

แล้วค่อยๆลุกขึ้น
ลักษณ์รีบลงไปถามว่าเป็นอะไรมากไหม จะไปโรงพยาบาลรึเปล่า

เขาเป็นหมอ เดี๋ยวจะดูแลเอง...ชายคนนั้นถาม เป็นหมอด้วย งั้นก็ไม่ผิดตัว..

.ลักษณ์ถูกถีบจากข้างหลัง แล้วไอ้โม่งอีกสามคนมารุมยำจนล้มลุกคลุกคลาน

ประไพรีบวิ่งเข้าบ้านไปบอกเมนี่ทันที...

ooooooo

ใจร้าว ตอนที่9

หลังจากกินปิ่นโตแทนกรวิกแล้ว ลักษณ์ก็พาเมนี่ไปส่งบ้าน

เธอขอบใจด้วยมารยาท...แล้วต่อว่า อุตส่าห์ติอาหาร ที่เธอทำแต่กินซะเกลี้ยง...

แล้วเมนี่คว้าปิ่นโตลงรถไป
แม่โสภิตาวิ่งมารับลูกถามว่าใครมาส่ง...พอเห็นหมอลักษณ์ โสภิตาจำคุณหมอได้

หมอบอกที่มาส่งเมนี่เพราะรถเธอเสีย แม่ร้องดีใจเชิญไปทานกาแฟ

เมนี่ขวางไว้ เขาจะรีบไปรับคู่หมั้น ลักษณ์บอกเขาไม่ไปรับแต่จะกลับบ้านเลย

แม่จึงเชิญเข้าไปกินกาแฟ บอกลูกสาวว่าเป็นการขอบคุณหมอ...
แม่ให้เมนี่เอากาแฟไปเสิร์ฟแขกที่นั่งรอ แล้วเขายัง บังคับให้เธออยู่คุยด้วย

เมนี่จำต้องคุยไปโกรธไป ลักษณ์จี้ใจ เมนี่ว่าหน้าตายิ้มแย้ม

แต่ในใจกำลังร้องไห้...ให้เมนี่ลอง
ถอดหน้ากากที่แสดงเป็นตัวละครคนนี้คนนั้นออก แล้วมาเป็น
ตัวเองบ้าง
"แล้วคุณอยากร้องไห้ ระบายความรู้สึกกับใครก็ทำได้

เพราะคิดว่าเราเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง มันสบายกว่าไหมครับ"
เมนี่เดินมาส่งเขาที่รถ เขาเอ่ยขึ้น "คุณคิดว่ามันอัศจรรย์ ไหม

ที่คนสองคนมาพบกันและรักกัน...คุณมีอะไรคาใจกับกรวิก

อย่าปล่อยทิ้งไว้ให้มันกร่อนใจคุณ" เมนี่ตอกกลับว่าเราสองคนรักกันและเข้าใจกันดี

เขาทิ้งท้าย "วันไหนคุณมีปัญหา การคุยกันจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด"
ลักษณ์ขับรถไปแล้ว เมนี่ด่า "อีตาบ้า" ตามหลัง...

แต่รู้สึกว่าคำพูดของเขามีเหตุผลน่าคิด...

ooooooo

ตอนที่ 9
หลังจากจัดกระเป๋าเดินทางอีกครั้ง เอยนั่งเขียนจดหมายอย่างพิถีพิถัน

อันเป็นจดหมายที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ...เวลาผ่านไปเนิ่นนาน

จนเสร็จจึงวางปากกา หลับตาลงอย่างว้าวุ่น

ที่สายใยความผูกพันมันยังรัดรึงแน่นหนา...เหมือนเดิม...
เสียงออดดังขึ้น...เอยคิดว่าพี่ลักษณ์คงมีธุระด่วน

จึงรีบไปเปิดประตูรับ เอยตกใจ เพราะคนที่มายืนอยู่ตรงหน้าคือกรวิก...

เขาก้าวเข้ามาในห้อง เปิดฉากถาม
"เธอไม่ตั้งใจจะพาฉันไปเลี้ยงข้าวอย่างเดียว มันมีอะไรมากกว่านั้น

แต่เธอไม่กล้าบอกฉันใช่ไหม"
"เรื่องอะไรคะ ที่พี่วิกคิดว่าเอยไม่กล้าบอก" เอยหยั่ง

เสียงว่าเขาจะรู้ไหม กรวิกเดาทันที
"ก็เรื่อง...เธอกับหมอนั่น อาจเหม็นขี้หน้าฉันเต็มทน

ทำให้คิดจะแต่งงานกันเร็วขึ้น"
"ถ้าเป็นเรื่องนั้น..." เอยโล่งที่เขาเดาผิด "เอยต้องปิด
พี่วิกทำไม เมื่อเรื่องแต่งงานเป็นสิ่งที่ทุกคนต้อง

แสดงความยินดีต่อกันไม่ใช่หรือคะ นอกนั้นเอยไม่มีอะไรในใจเลย"
"ช่อลดา...อย่ายั่วโมโหฉันให้มากนักนะ ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบขี้หน้าฉันเท่าไหร่

ฉันหยาบคายเอาแต่ใจตัว ผิดกับคู่หมั้นเธอ...แล้วเธอมาทำดีกับฉันทำไม

เพื่ออะไร หรือต้องการมายั่ว ปั่นหัวฉันเล่นไปวันๆ"

"เอยทำทุกอย่างด้วยความจริงใจ...แม้จะนึกน้อยใจกับการกระทำของพี่วิก

แต่ไม่เคยเกลียดพี่วิก ความรู้สึกของเอยที่เคยมีต่อพี่วิกอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น

ไม่เปลี่ยนแปลง"
"การที่เธอกลับมาพร้อมคู่หมั้น มันเหยียบย่ำหัวใจที่ร้าวรานมา 8 ปีของฉัน

ให้เจ็บปวดขึ้นไปอีก เธอรู้ไหม เธอกลับมาฆ่าฉัน กลับมากลบซากฝังร่างของฉัน ใ

ห้ยิ่งกว่าตายทั้งเป็น"
"เอยไม่ได้ตั้งใจ เอยอยากชดใช้ให้พี่วิกจริงๆ

ถ้ามีทางไหนเอยจะชดใช้พี่วิกได้ เอยจะทำ"
"ได้...ในเมื่อเธอทำให้ผู้ชายคนนี้ทุกข์ทรมานเพราะความรัก

ฉันก็จะทำให้เธอช้ำใจเพราะความรักที่มีกับผู้ชายอีกคน"

เขามองเธอแล้วยิ่งเจ็บปวด เมื่อเอยยังยืนนิ่งไม่ยอมเปิดปาก...

เขาพลุ่งพล่านจนขยับเข้าไปหา ดึงเธอเข้ามากอด...

แล้วจูบที่ปากเต็มรัก จูบอย่างแนบแน่นนิ่งนาน...

แล้วจึงรู้สึกมีน้ำตาของเธอไหลออกมา...เขาค่อยคลายมือออก

คอยรับการตบอย่างแรงด้วยความโกรธและเกลียด...

แต่แล้วเอยกลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ...

ไร้แววแห่งความโกรธแค้นแต่ อย่างใด
"ไม่ว่าพี่วิกจะทำอย่างนี้กับเอยเพื่อต้องการแก้แค้น เพื่อความสะใจ

หรือเพื่ออะไรก็แล้วแต่ เอยจะไม่หนีอีกต่อไปแล้ว พี่วิกอยากทำอะไรเอย

ก็เชิญเถอะค่ะ ถ้ามันเป็นความสุขของพี่วิก เอยยินดี"
คำพูดของเอยเหมือนมีดกรีดซ้ำแผล แล้วน้ำเกลือราด ชายหนุ่มเจ็บช้ำทั่วทั้งตัว...

เพราะหักห้ามใจตัวเองไม่ได้

"ทำไมเธอต้องทำแบบนี้ รู้ไหม มันยิ่งทำร้ายมากเท่าไหร่

เธอทำให้ฉันมีแต่ความเคียดแค้นชิงชัง ทำให้ฉันต้องทำร้ายเธอ

จนฉันแทบไม่เหลือความเป็นคนอยู่แล้ว ช่อลดา"
"พี่วิก...ที่เอยทำ มีแต่ความจริงใจจริงๆ เอยรู้ว่าเอยผิด เอยอยากชดใช้ให้พี่วิก"
"หยุดพูดคำนี้เสียที ไม่มีอะไรชดเชยความเจ็บปวดของฉัน

ให้กลับมาเหมือนเดิมได้หรอก ตราบใดที่ใจเธอยังมีผู้ชายคนนั้น

เธอก็ไม่ใช่น้องเอยของฉันอีกต่อไป"
กรวิกเดินหนีเอย เอยวิ่งตามจนถึงหน้าลิฟต์ ยื้อยุดกรวิกไว้ ทั้งอ้อนวอน
"พี่วิก...ฟังเอยก่อน เอยยังเป็นน้องเอยคนเดิมของ
พี่วิก หัวใจของเอยยังเป็นของพี่วิกคนเดียว"
กรวิกรีบเข้าไปในลิฟต์...และประตูลิฟต์ปิดลง...

เอยทรุดตัวลงร้องไห้อย่างไม่อายใคร...
"ฉันขอโทษ ที่ทำให้เธอผิดหวัง" กรวิกร่ำร้องออก มาคนเดียวในลิฟต์

"แต่ที่ฉันทำ เพราะความรู้สึกที่ฉันมีต่อเธอมันมากมายเหลือเกิน...

ฉันต้องการเธอ ช่อลดา แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า ความรักไม่ใช่การครอบครอง

ถ้าเธอยังยืนยันความรู้สึกของเธอที่มีต่อกันไม่เปลี่ยนแปลง

ฉันก็จะไม่ฝืนใจเธออีกต่อไป...เธอจะอยู่หรือแต่งงานกับใครก็ได้

ขอแค่ เธอยังอยู่ใกล้ๆฉัน หัวใจของเธอ ยังมีให้ฉันตลอดไป"
นี่คือสิ่งที่กรวิกคิดและสามารถแปลงความชอกช้ำเป็นความสุขในนาทีนี้...

ooooooo

กลางดึกคืนนี้ ทอปัดกับเจื้อยเพื่อนรัก มาดื่มที่ผับแห่งนี้เหมือนจะประชดโลก
จนทอปัดขึ้นไปยักย้ายส่ายสะโพกบนฟลอร์ด้วยลีลาร้อนฉ่า ต่อสายตาโต๊ะรอบข้าง...
เจื้อยถือแก้วไวน์เร่มาบอกว่า มีผู้ชายคนหนึ่งเขาเหล่ เธออยู่
ทอปัดปรือตาถามว่าใคร พอเปิดตาก็เห็นเจษฎา
คู่แค้นของพี่วิกของเธอมายืนยิ้มเผล่ทำเท่ แนะนำตัวว่าชื่อเจษฎา
ทำข่าวสายบันเทิง ทอปัดนึกได้ ใส่ไปทันทีว่า
ไอ้นักข่าวที่ชอบเขียนข่าวดารามั่วกันเหรอ เจื้อยรีบปรามพร้อมบอกว่าเป็น
บก.ปาปาราซซี่นะ ไม่ใช่นักข่าวธรรมดา เจษฎาล่อเหยื่อทันที
ว่าเขาสามารถปั้นเด็กใหม่เป็นดาราดังได้...ทอปัดรีบเสนอตัวว่าอย่างเธอพอไหวไหม?
"คุณทอปัดมีผลงานมาก่อนรึเปล่า ถ้าไม่มี ผมต้องสัมภาษณ์
และสำรวจบางอย่างละเอียดหน่อย"
"ปัดไม่มีค่ะ มีแต่พี่ชายที่ชื่อกรวิก ซุปเปอร์สตาร์เมืองไทย
ไม่ทราบว่าพอจะทำให้ประวัติปัดดูน่าสนใจบ้างไหมคะ" สิ้นเสียงแจ้วๆของทอปัด
ทำให้เจษฎาหูผึ่ง ตาวาว ถึงวาระที่ต้อง เอาคืนกรวิกแล้ว
จึงรีบรวบรัดยกย่องทันทีว่า น่าสนใจที่สุดเลย...
ทอปัดหรี่ตาที่ทำให้เยิ้มเซ็กซี่ขึ้นทันที...เจษฎามองสำรวจร่างทอปัด
เหมือนเสือที่เห็นลูกสมันตัวน้อยจนน้ำลายสอ...
แล้วทอปัดก็กลายเป็นเนื้อสมันของเจษฎา...เมื่อทอปัด
มาตกเป็นเหยื่อเจษฎาบนเตียงในคอนโดฯของเขา...หลังจากนั้น
เจษฎาก็เก็บภาพทุกภาพที่คิดว่าจะถ่ายไว้ได้ ไม่ว่าจะเปลือยเปล่า
หรือมีผ้าปิดตัวมากน้อยแค่ไหนก็ตาม...เป็นที่เรียบร้อย...
ตอนสายวันรุ่งขึ้น กรวิกเดินมาทางหน้าบ้าน ทอปัด เดินกลับบ้าน
ด้วยท่าทางอิดโรดเหมือนอดนอนมาทั้งคืน จึงถามว่าผับปิดสองยาม
แล้วไปไหนถึงกลับมาป่านนี้ ทอปัดตัดพ้อว่าสนใจด้วยเหรอว่าปัดไปเที่ยว
แล้วหลังจากนั้นไปไหนต่อ
"เธอไม่ใช่เด็กอมมือ แต่ไม่ใช่ผู้ที่บรรลุนิติภาวะ ฉะนั้น จะไปไหนมาไหน
ต้องขออนุญาตฉันซึ่งเป็นผู้ปกครองเธอ"
"จะมาใส่ใจกัน ก็ต่อเมื่อมันสายไปแล้ว" เขาซักว่าหมายความว่ายังไง?
"ก็...หมายความว่าปัดรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว
คิดและตัดสินใจอะไรเองได้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วสิคะ พี่วิกขา"
ทอปัดส่งยิ้มเย้ยหยันใส่กรวิก แล้วเดินส่ายไหล่เข้าบ้านไป...
กรวิกรับเสียงจากมือถือ...ตอบไปว่า เขากำลังรอไมค์กับชนม์มารับไปกองถ่าย...
เสียงเมนี่ยังดังมาอีก
"เลิกงานแล้ว คุณมีธุระไปไหนหรือเปล่า เมนี่มีเรื่องไม่สบายใจอะไรบางอย่าง
เมนี่อยากคุยกับคุณน่ะค่ะ"
"ได้ครับ เลิกงานแล้วผมไปรับคุณที่สตูดิโอนะครับ แล้วเราค่อยไปทานข้าวเย็นด้วยกันครับ"
ooooooo
กรวิกพาสองลูกน้องมาที่วิชั่น พอสสิเบิล ภัทรถามหาเอย กรวิกจึงบอกว่า
ไม่ได้เจอกันตั้งแต่เช้า เขาโทร.มาบอกว่าจะไปกองถ่ายเอง จนกองถ่ายเลิกยังไม่พบ
โทร.หาก็ไม่รับสาย...กรวิกหัวเสีย กำลังจะเดินไป มีคนมายื่นจดหมายให้
บอกถึงคุณกรวิกกับคุณดวงแก้ว จากคุณช่อลดา ภัทรดึงเอาฉบับหนึ่ง
ให้คนเอาไปให้พี่ดวงแก้ว...กรวิกคลี่ออกอ่าน
"ถึง...พี่วิกที่รักของเอย กว่าพี่วิกจะได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ก็คงจะเป็นเวลาพลบค่ำ
และเอยคงไม่ได้อยู่เมืองไทยแล้ว..."
กรวิกมือตก...กระดาษในมือพลอยสั่นไปด้วย...เขาพยายาม
ตั้งสติว่ามันเป็นความจริงหรือความฝัน ตัวเองอ่านผิดไปหรือเปล่า..
.จนคุณดวงแก้ว ที่เดินถือจดหมายรี่มาหากรวิก แล้วถามอย่างจริงจัง
"เกิดอะไรขึ้นน่ะวิก ทำไมเอยถึงได้ส่งจดหมายลาออกมา ให้พี่ล่ะ"
กรวิกยังไม่มีสมองปกติพอจะตอบได้...เขายืนตัวเย็นเฉียบ นิ่งเป็นก้อนน้ำแข็งไปแล้ว...
พอตั้งหลักได้ สูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่ แล้วออกวิ่งไปเหมือนคนกำลังดิ้นตาย
ภัทรร้องสั่งไมค์ให้วิ่งตาม คุณดวงแก้วห้ามไว้...ให้เขาไป เขาอาจมีธุระสำคัญต้องจัดการ...
ooooooo
หมอลักษณ์มารับเอยที่อพาร์ตเมนต์ของเธอ เขาหิ้วกระเป๋าเดินทางให้เอย
เอยขอโทษที่เมื่อวานไม่ได้ บอกว่าเอยจะไปไหน เขาบอกทันทีว่า ไม่เป็นไร เอย
กลับถามอีก
"พี่ลักษณ์ไม่อยากรู้หรือว่าเอยไปไหน เอยไปทานข้าวกับพี่วิกมาค่ะ"
"เรื่องระหว่างเอยกับวิก" หมอวางกระเป๋าลง "พี่ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว
เอยอาจจะอยากใช้เวลาในคืนสุดท้ายกับเขา พี่เข้าใจ" เอยอุทานตัดพ้อพี่ลักษณ์
ลักษณ์ยืนยันหนักแน่น "พี่รู้ว่าเอยเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ อีกอย่าง
ความสำคัญ มันไม่ได้อยู่แค่คืนวานคืนเดียว แต่มันอยู่ที่ทุกคืนต่อจากนี้ไป
เอยเลือกที่จะอยู่กับพี่ แค่นี้พี่ก็ถือว่าเอยให้เกียรติพี่ที่สุดแล้ว"
เอยมองลักษณ์อย่างซึ้งใจ จะหาผู้ชายที่เข้าใจเธอทุกอย่างแบบเขาคนนี้
ไม่มีอีกแล้ว
ขณะเดียวกัน กรวิกขับรถพยายามหาช่องวิ่งให้ทันใจ แต่กลับเจอรถติดอย่างหนัก
เขาจึงคว้ามือถือขึ้นมาโทร.หาเอย แต่เอยกำลังจะเดินจากห้องมา
มีเสียงมือถือดังขึ้น...ลักษณ์ บอกเอยให้ไปรับ บอกลากรวิกเสีย
เอยบอกหมอว่า พี่วิกไม่รู้ว่าเอยจะกลับอเมริกา จะรู้ก็ตอนค่ำที่เลิกงานแล้ว
เอยไปดูที่มือถือ บอกหมอว่าพี่ภัทรโทร.มา...นั่นหมายถึงกรวิกที่โทร.มาแต่ไม่ติด
จึงได้แต่หัวเสีย เอยตัดสินใจ เมื่อไม่ใช้แล้ว จึงดึงซิมออก หมอถามทำอะไร?
"เอยไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้อีก"
แล้วกรวิกก็หมดหวัง แม้จะโทร.ซ้ำหลายครั้ง...กรวิกคิดหนัก แล้วกดโทร.ไปหาชาติ...
พอชาติรับ เขาสั่งการด่วน
"ชาติ เรามีธุระด่วน นายช่วยเช็ก มีสายการบินไหนไปอเมริกาบ่ายนี้...นอร์ธเวสต์เหรอ
กี่โมง..." กรวิกมองนาฬิกาข้อมือ...แล้วขอบใจชาติ...
จากนั้นเหยียบน้ำมันแซงรถคันอื่น ขึ้นทางด่วนทันที...
ooooooo
เอยลงรถที่หน้าสนามบิน เธอเหมือนร่างของหุ่นยนต์
ปล่อยให้ลักษณ์ทำหน้าที่ดูแลกระเป๋า และชี้ทางให้เดิน
เอยนึกถึงกรวิก นึกถึงข้อความในจดหมาย...
"....เอยเดาไม่ถูกว่าพี่วิกจะนึกตำหนิเอยหรือเปล่า ที่จากไปโดยไม่ล่ำลา
ที่แน่ๆ เอยรู้ว่าพี่วิกคงสบายใจที่ไม่มีเอย อยู่ขวางหูขวางตา
ให้ต้องหงุดหงิดอีกต่อไป เอยยอมรับว่าผิดสัญญาที่จะรับใช้พี่วิกหนึ่งปี
คิดว่าหนึ่งปีมันนานเกินไป มันนานเกินไปสำหรับพี่วิก
ที่ต้องทนกับผู้หญิงที่พี่วิกแสนจะเกลียดชัง...การแยกกันชั่วชีวิต
จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แม้จะทำใจยาก...เอยขอบคุณในสิ่งที่ดีๆที่พี่วิกมอบให้
อาหารมื้อค่ำเมื่อคืนนี้ เป็นมื้อที่อร่อย และมีความหมายที่สุดในชีวิตเอย..."

เอยเดินตามลักษณ์ผ่านกรรมวิธีต่างๆ ตลอดจนผู้คนมากมาย
แต่ในใจของเอยกลับเงียบเหงาวังเวงที่สุด...เอยนึกถึงข้อความในจดหมายอีก...
"...มันเป็นความฝันลมๆแล้งๆของเอย เอยรู้ว่าระหว่างเรา
พี่วิกไม่เหลือความทรงจำอะไรดีๆไว้อีกแล้ว แล้วเอยก็หมดหนทาง
ไม่รู้ว่าจะทำให้พี่วิกรู้สึกดีขึ้นได้อย่างไร..."
เอยนึกถึงการพูดโต้ตอบอย่างถึงแก่นหัวใจของกันและกันเมื่อคืนนั้น...
เอยไปโบสถ์ก็เพื่ออธิษฐานขอพรพระเจ้าคุ้มครองพี่วิกให้พ้นอันตราย
ให้มีสุขภาพแข็งแรง เป็นที่รักของทุกคน...
ที่สำคัญให้พี่วิกมีความสุขกับคนที่พี่วิกรัก...คุณเมนี่เป็นคนน่ารัก
เหมาะสมกับพี่วิกทุกอย่าง เอยดีใจที่พี่วิกมีผู้หญิงดีๆอย่างคุณเมนี่คอยดูแล
และยืนเคียงข้างพี่วิกไปตลอดชีวิต...
ขณะที่กรวิกขับรถมาถึงสนามบิน เขาโดดลงรถได้ วิ่งไม่คิดชีวิตมายังผู้โดยสารขาออก...
ในขณะที่ลักษณ์กำลังไปที่เช็กเอาต์ ส่งเอกสารของทั้งสองคนให้เจ้าหน้าที่...
ทั้งสองยิ้มให้กัน แต่ใจของเอยยังอยู่ที่จดหมายถึงกรวิก ท่อนสุดท้าย
"...คืนสุดท้ายสำหรับเรา อาจไม่น่าจดจำสำหรับพี่วิก แต่มันเป็นคืนที่เอยประทับใจ
ถึงแม้เอยจะเจ็บปวดแค่ไหนเอยจะเก็บความทรงจำนั้นไว้ ไม่ว่าสุขหรือทุกข์
พี่วิกจะอยู่ในความทรงจำของเอยเสมอ..."

ooooooo

กรวิกวิ่งมายืนหอบอยู่หน้าเคาน์เตอร์นอร์ธเวสต์ มองหาเอย ไม่เห็นแม้แต่เงา
พอเดินไปถามพนักงานสาว กลับถูกกรี๊ดเรียกกรวิกดังลั่น หลายคนหันมามอง
เขาขอให้ช่วยเช็กชื่อช่อลดากับหมอลักษณ์มาเช็กอินหรือยัง
พนักงานกดคีย์คอมพ์ไม่กี่ที หันมาบอกว่า เช็กอินไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว
ใกล้เวลาเครื่องออกแล้ว...กรวิกใจหายวาบ...กรวิกยืนแทบเข่าอ่อน
เสียใจและชิงชังตัวเองที่ทำให้เอยต้องจากไป ทั้งๆที่เธอมาหาเขาแล้ว
กรวิกนั่งที่เก้าอี้อย่างหมดแรง...เขาพยายามทำตัวให้เข้มแข็งต่อหน้าผู้คนไว้...
เขาสะบัดหัวไปมา หนีภาพและเสียงเอยที่พูดกับเขาคืนนั้น...

กรวิกหนีสายตาคนเข้าห้องน้ำ ไปกัดฟันหันหน้าเข้ากำแพง
สะกดเสียงร้องไห้ออกมา เขาปล่อยให้ความรู้สึกผ่านจุดเครียดไป
แล้วค่อยหันหลังพิงกำแพง แล้วค่อยเปิดน้ำล้างหน้าตา...หันไปเช็ดหน้า
เห็นนักท่องเที่ยวยืนมองสองสามคน เขาจึงเลี่ยงออกมา...
พอออกมาพ้นห้องน้ำ ได้ยินเสียงผู้หญิงขอเข้าห้องน้ำ
ฝ่ายชายให้รอเขาจะไปซื้อหนังสือ เสียงนั้นคุ้น พอมองไป เอยเดินผ่านไป...
กรวิกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่...ยืนแข็งทื่ออยู่อึดใจ...
หลังจากเอยเดินออกมาจากห้องน้ำ กรวิกจึงจับข้อมือเธอไว้
เขากำข้อมือเธอไว้แน่นที่สุด...เอยหันมา ถึงกับช็อก ตกใจสุดขีด
อุทานแตกตื่น "พี่วิก" เท่านั้นเอยถูกดึงตัวหนีไปทันที
แล้วมีลักษณ์มายืนคอยที่หน้าห้องน้ำแทน...

ooooooo

กรวิกดันตัวเอยเข้าไปในรถของเขา แล้ววิ่งไปนั่งที่คนขับ กดล็อกทันที...เอยว้าวุ่นใจ
ขอให้เขาเปิดประตูให้เธอลง ป่านนี้พี่ลักษณ์คอยแย่แล้ว
"เอยขอโทษที่เอยผิดสัญญา แต่เอยทนเห็นพี่วิก..."
เอยไม่ได้พูดต่อไปว่า ทนเห็นพี่วิกเกลียดเธอมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว แต่เขาสวนขึ้นทันที
"เธอจะเดินไปจากฉัน ทำซ้ำรอยเดิมเหมือนที่เคยทำเมื่อ 8 ปี ก่อนหรือ
เธอเลือดเย็นกับฉันขนาดนั้นเชียวหรือ ช่อลดา" ถ้อยคำช้ำชอกของเขา
สะกดให้เอยมือเท้าอ่อนล้า พูดไม่ออกไปทันที...

ขณะเดียวกัน ลักษณ์รอจนมีเสียงเรียกให้ขึ้นเครื่องครั้งสุดท้ายดังขึ้น
ลักษณ์ทนไม่ไหว เอะใจว่าเอยอาจเกิดเป็นอะไรในห้องน้ำ
จึงวิ่งเข้าไปห้องน้ำหญิง เสียงคนร้องวี้ดว้าย เขาเรียกหาเอยไป
แก้ตัวกับผู้หญิงในห้องน้ำไป...ดันเปิดประตูห้องน้ำ เจอหญิงสูงวัยด่า
หาว่าเป็นกะเทย ลักษณ์หมดปัญญา วิ่งออกมาสวนกับผู้หญิงที่ตกใจ
เห็นผู้ชายในห้องน้ำหญิง...แล้วเขาก็วิ่งพล่านไปเหมือนคนบ้าแล้วก็ยืน
นิ่งเมื่อเสียงเรียกช่อลดากับหมอลักษณ์ขึ้นเครื่องด่วน...
หมอลักษณ์ยืนเคว้งเหมือนอยู่ในเรือที่ผจญคลื่นยักษ์ ขณะเดียวกัน
กรวิกพาเอยนั่งมาในรถ...เธอถามว่าจะพาเธอไปไหน
กรวิกเองก็อึกอักตอบไม่ถูก เพราะไม่เคยคิดเรื่องนี้...

ไม่นานกรวิกขับพาเอยไปตามถนนในจังหวัดชายทะเลไม่ห่างกรุงเทพฯนัก...
เขารีบกดปิดมือถือที่ถูกโทร.ตามล่าไม่หยุด แล้วหันมามองเอยที่นั่งนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้ง
"นี่จะไม่พูดกับฉันตลอดชีวิตใช่ไหม"
"เอยไม่เข้าใจ เรื่องมันจะจบลงด้วยดีอยู่แล้ว เอยไปตามทางของเอย
พี่ก็มีคุณเมนี่ดูแลอยู่แล้ว...แล้วทำไมเรื่องมันถึงไม่จบเสียที"
"เพราะฉันไม่ต้องการให้มันจบแบบนี้ไง"
"แล้วพี่วิกต้องการให้มันจบยังไง พี่วิกรั้งเอยไว้เพื่อแก้แค้นเอย
ให้ครบตามสัญญาแค่นั้นใช่ไหม"
"ไม่ใช่...ที่ฉันไม่อยากให้เธอไปเพราะ..." เขาอุบคำว่ารักไว้ทัน
พร้อมกับเบรกรถเพื่อผ่อนอารมณ์
"เพราะเธอ...เพราะจดหมายของเธอนี่ไง"
เขาโยนจดหมายลงตรงหน้าแล้วคำพูดพรั่งพรูออกมา
"เธอบอกมาสิว่าเธอเขียนข้อความพวกนี้ ด้วยความรู้สึกอะไร
รักและหวังดีฉันอย่างเพื่อน หรืออย่างคนที่รักกัน บอกสิว่าเรื่องระหว่างเรา
มันแค่อดีต แค่เธอบอกฉันมาคำเดียวว่าเธอไม่ได้รักฉันแล้ว
ฉันจะพาไปส่งหมอนั่นทันที และสัญญาว่าจะไม่ยุ่งวุ่นวายเธออีก
พูดมาสิ ช่อลดา พูดมา"
ช่อลดาหรือเอยกลายเป็นจำเลยของเขา เพราะจนด้วยคำตอบ...
ถ้าบอกว่าไม่รักก็ทรยศหัวใจตัวเอง บอกว่ารักคงไม่ได้
เพราะมีพันธะกับหมอลักษณ์ และกรวิกก็มีเมนี่อยู่แล้วทั้งคน...จะทำฉันใด?

ooooooo

ลักษณ์ทรุดนั่งลงที่ม้านั่ง ไม่สนใจว่ามันจะเป็นที่ไหนมุมใดของสนามบิน
นั่งในสภาพที่ยังเซ่อ ไม่รู้ที่จะคิดอีกต่อไปว่าเอยหายไปไหน
เธอเปลี่ยนใจหรือมีใครลักพาตัวไปคุณปราชญ์เดินนำเลขาฯที่หิ้วกระเป๋าเดินตามมา
...แล้วปราชญ์กลับชะงัก หันไปมองลักษณ์เต็มตา เรียกหมออย่างแปลกใจ...
ลักษณ์หันมาสวัสดี
"นึกว่าคุณหมอเดินทางไปตั้งแต่บ่ายแล้ว เลื่อนไฟล์ท หรือครับ แล้วหนูเอยล่ะ"
"เอ่อ...เราไม่ได้เลื่อนไฟล์ทครับ แต่เรามีปัญหากันนิดหน่อย..."
ปราชญ์ยืนงง ไม่รู้ว่าเกิดปัญหาอะไร แต่ไม่กล้าซอกแซกถามต่อ...
นอกจากคุณปราชญ์จะอึ้งย้งงงงวยแล้ว...เมนี่ก็ไปตามหากรวิกถึงบ้าน
เจอทอปัดเข้าพอดี ทั้งสองคนจึงแผงคอกางจังก้า
พร้อมจะกัดจิกตีกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ทอปัดตาขวางใส่เมนี่ที่มาถามหากรวิก
ทอปัดกัดทันทีว่าเป็นดาราดัง ยังตามหาผู้ชายถึงบ้าน
ควรทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีกับเยาวชนเสียบ้าง...เมนี่จึงเริ่มจิกตีโต้ว่า
ที่เธอตามหากรวิก เพราะมีธุระจะคุยกับเขา
ไม่ได้มีอะไรน่าเกลียดอย่างที่เด็กอย่างคุณเข้าใจ
"ถูกต้อง...ฉันเป็นดารามีชื่อเสียง ดังนั้น
ฉันไม่เอาชื่อเสียงไปแลกกับการทำอะไรโง่ๆเด็ดขาด ให้สบายใจได้...
อย่างน้อยจะได้รู้ว่า ว่าที่พี่สะใภ้ของคุณ ไม่มีนิสัยมั่วซั่วแบบเจอใคร
ก็นอนกับเขาไปทั่ว รับรองไม่ใช่เมนี่คนนี้แน่...ไปก่อนนะ วันหลังค่อยคุยกันใหม่"
เมนี่เดินยิ้มออกไป...ทอปัดเลือดสาดทั้งถูกแทงใจดำจนเกิดแผลเหวอะหวะ...
ส่วนลักษณ์ เมื่อตั้งสติได้ เผ่นออกจากสนามบิน..
.ตรงไปยังอพาร์ตเมนต์ของช่อลดา คิดว่าเธอจะกลับมาที่นั่น
แต่แล้วโอปะเรเตอร์บอกว่า ช่อลดาไปนอก...
พร้อมโชว์การ์ดที่เธอคืนเจ้าของห้องด้วย...ลักษณ์จึงก้มหน้าเดินคอตกกลับออกไป...
แล้วลักษณ์กับเมนี่ก็ไปตามหากรวิกที่เพนท์เฮ้าส์ของเขา...
เจอกันจนได้...เมนี่สารภาพว่า เธอมาหากรวิก แต่ไม่พบเขา...
ส่วนลักษณ์ตอบคำถามเมนี่ว่า พอไปถึงสนามบินเอยกลับหายตัวไป
ลักษณ์บ่นพึมว่า เขานึกแล้ว มันจะเป็นไปแบบนี้ เมนี่ถามทันที
"นายคิดว่าวิกพาเอยหนีงั้นเหรอ เขาอาจเป็นนายกับลูกน้องที่สนิทกัน
แต่เขาไม่มีวันทำอะไรบ้าๆแบบนั้นเด็ดขาด"
"เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคุณมองโลกในแง่ดี"
"นายนี่เขาเรียกว่าพาล คู่หมั้นตัวเองหายไปกลับโทษแฟนคนอื่น
ใช้ไม่ได้เป็นผู้ชายแบบไหน"
"ผมยังไม่พูดสักคำ คุณพูดเองเออเอง หรือลึกๆแล้วคุณก็คิดอย่างผม
ถึงชิงด่าผมก่อน"
ลักษณ์เดินหนีไปทันที เมนี่หน้าร้อนผ่าว...เริ่มสังหรณ์ใจขึ้นมาแล้ว...

ooooooo

ส่วนกรวิก...ขับรถไปหน้านิ่วคิ้วขมวด...ทั้งสองไม่พูดจากันเป็นนานสองนาน
เอยทนไม่ไหวจึงถามว่าเขาจะพาเธอไปไหน เขาไม่ยอมตอบ เอยจึงสรุปทันทีว่า
เขาเองก็ยังไม่รู้จะไปไหน แต่จะปิดเรื่องนี้ไม่มิด เขาไม่ใช่คนที่ใครๆจะไม่รู้จัก
แล้วคิดจะปิดคุณเมนี่ได้หรือ อีกอย่างพี่ลักษณ์ก็ต้องตามหาเอยจนได้...
กรวิกฟังแล้วร้องขึ้นทันที
"ถ้างั้น ต้องไปในที่ที่เขาไม่มีวันหาเราได้เจอ ขอบใจนะ ที่ชี้ทางสว่างให้"
กรวิกยิ้มให้ เอยกลับอึ้ง พูดแค่นี้จะชี้ทางสว่างให้เขาแบบไหน? จากนั้น...
กว่าเขาจะห้อตะบึงพาเธอไปถึงท่าเรือแห่งหนึ่งที่เอยไม่เคยรู้จักก็ค่ำมืดแล้ว...
เขาจอดรถแล้วดึงเอยลงมา เอยขัดขืน ถามว่าจะพาเธอไปไหน
เขาตอบทันทีว่า ไปที่ที่ไม่มีใครหาเธอเจอ...รีบลงมา...
เขาดึงเธอลงจากรถ หิ้วพาลงไปยังท่าเรือ ดันลงไปนั่งในเรือ ควานหากุญแจ...
เอยนึกถึงลักษณ์ที่แสนดีกับเอย ป่านนี้คงจะร้อนรนพลุ่งพล่าน
ชอกช้ำสุดประมาณ
กรวิกเริ่มสตาร์ตเครื่องเรือ...แต่ก่อนจะออกเรือ
เอยตัดสินใจทะลึ่งพรวดขึ้นจากเรือ วิ่งอ้าวไปทันที...กรวิกร้องลั่นเรียกไว้
แล้วกระโดดขึ้น วิ่งตามเอยไป...พอทันดึงกลับมาอย่างแรง...
เอยร้องขอให้ปล่อย บอกว่าเธอสงสารพี่ลักษณ์ ไม่อยากทำร้ายจิตใจเขา
กรวิกจึงตั้งคำถามอย่างคาดคั้น
"งั้นเธอพูดออกมาสิ ตะโกนออกมาเลยว่าเธอไม่ได้รักฉัน...ว่าไง"
เขาเห็นเอยร้องไห้โฮ
"พี่วิกจะคาดคั้นเอาคำตอบทำไม อยากแก้แค้นเอยก็ลงมือเลย
อย่าบังคับให้เอยพูดในสิ่งที่ไม่อยากพูด"
"ฉันบังคับอะไรเธอ ฉันแค่ต้องการพูดในสิ่งที่ใจเธอรู้สึก
ถ้าเธอรักผู้ชายคนนั้นก็บอกมา"
"เอยจะรักใครไม่รักใคร มันสำคัญกับพี่วิกด้วยหรือ ในเมื่อพี่มีพี่เมนี่อยู่ทั้งคน"
"เลิกพูดเรื่องคนอื่น...ฉันอยากรู้เรื่องของเรา
ความรู้สึกเธอเหมือนอย่างที่เขียนไว้ในจดหมายหรือเปล่า
หรือเป็นแค่คำพูดสวยหรู ที่ทิ้งให้คนข้างหลังเคลิ้มฝันไปวันๆ"
เอยรู้สึกในความอ่อนไหวของเขา คล้ายพี่วิกคนเดิม เขายังคาดคั้นต่อ "
ถ้าเธอไม่รักฉัน ตะโกนดังๆออกมา ฉันจะได้เข้าใจจะได้ทำใจ
แล้วปล่อยเธอเป็นอิสระ เธอจะได้อยู่กับคนที่เธอรักสมใจซักที"
"เอยบอกพี่วิกตั้งแต่ครั้งแรกที่เรากลับมาเจอกันไม่ใช่หรือว่า
ความรู้สึกที่เอยเคยมีต่อพี่วิกอย่างไร วันนี้ยังเป็นอย่างนั้น
ไม่เปลี่ยนแปลง"
"หมายความว่าเธอยังรักฉัน" เอยอึกอัก เขาตอกย้ำ
"เธอยังยืนยันว่าเธอยังรักฉันใช่ไหม...ได้...ในเมื่อเธอไม่พูดในสิ่งที่ฉันท้าให้พูด
ฉันก็จะถือว่าเธอยังรัก แล้วอยากอยู่กับฉัน เพราะฉะนั้น
มานี่เลยเธอหมดโอกาสที่จะมาต่อรองอะไรอีกแล้ว...ช่อลดา"
ว่าแล้วกรวิกก็ออกแรงฉุดเอยกลับไปที่เรือ...แล้วออกเรือจากท่าไปในความมืดนั้นทันที...

ooooooo

ปรัชญาหน้ามืด คว้าตัวโคโยตี้สุดเซ็กซี่เข้าไปยังห้องหรู
ที่ปราชญ์เป็นคนให้หมอลักษณ์เข้าพัก...เพราะคิดว่าตอนนี้
ลักษณ์กลับไปอเมริกากับคู่หมั้นแล้ว แต่ก็ตงิดๆที่เห็นยังเปิดไฟ
จึงบ่นพวกทำห้องว่าไม่รู้จักประหยัด แล้วฉุดอีสาวมากอด
ตะโบมลงไปบนโซฟาอย่างกระหายหน้ามืด กำลังจะปลดเปลื้องสิ่งที่เกาะอยู่กับอก
แม่สาวน้อยกรี๊ดขึ้นทันที เมื่อเห็นลักษณ์เปิดประตูออกมาจากห้องนอน
"อ้าว...ไหนว่ากลับอเมริกาแล้วไงคุณหมอ" ปรัชญาคำรามใส่
เดือดปุดๆหมอบอกมีเรื่องบังเอิญที่ต้องกลับไม่ได้
"บังเอิญอีกแล้ว...ทำไมไม่หาที่อยู่กำจัดการบังเอิญให้หมดไปซะ...
แล้วใครอนุญาตให้กลับมาใช้ห้องนี้อีก"
"พ่อเอง..." คุณปราชญ์เดินเข้ามาตอบแทนหมอ
แล้วหันไปสั่งสาวโคโยตี้ให้กลับไป ปรัชญาตาขวางใส่พ่อ
ถามว่าจะยกห้องนี้ให้ตนหรือคุณหมอ พ่อขอตัวดึงลูกชาย
ออกไปพูดนอกห้องปรัชญาไม่ฟังพ่อ หาว่าเกรงใจลักษณ์
เห็นคนอื่นดีกว่าลูกในไส้...ปราชญ์บอกลูกชายทันทีว่า
ถ้าแกยังทำตัวอย่างนี้ พ่อยินดียกห้องให้คนที่ช่วยต่อลมหายใจให้คนอื่น
ดีกว่ายกให้แกที่เห็นที่นี่เป็นโรงแรมม่านรูด ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าแบบนี้
แล้วสำทับ
"กลับบ้านไป แล้วอย่ามาวุ่นวายกับห้องส่วนตัวพ่ออีก
ในเมื่อพ่อเองได้ให้แกมาเยอะแล้ว"
ลูกชายถอยกลับด้วยท่าทางฉุนเต็มพิกัด...ปราชญ์กลับเข้าไปหาลักษณ์ในห้อง
พร้อมขอโทษลักษณ์ เขากลับบอกว่า เพื่อความสบายใจทุกฝ่าย
เขาขอไปหาที่พักเอง เพราะไม่อยากมีปัญหากับปรัชญา
แล้วเกรงใจท่านจริงๆ และเขาต้องอยู่ในเมืองไทยจนกว่าจะตามหาเอยพบ
ซึ่งไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่...แต่ปราชญ์ไม่ยอม
ลูกชายท่านมีที่อยู่หลายแห่งแล้ว สั่งไม่ให้มาวุ่นวายคุณหมออีก
เลิกกังวลและไม่อยากให้คุณหมอไม่สบายใจ ทั้งๆที่หมอมีเรื่องต้องคิดเยอะแล้ว...
ปราชญ์รวบรัด แล้วยืนยันเรื่องหนูเอย ท่านจะหานักสืบดีๆช่วยตามหา
หรืออยากพึ่งตำรวจก็ให้บอกท่านทันที
"อย่าเลยครับ ผมอยากตามหาดูเองก่อน...ถ้าเอยอยู่กับคนที่ผมคิดไว้
เธอต้องปลอดภัย เพียงแต่จะอยู่ที่ไหนเท่านั้น...ขอบคุณท่านที่กรุณาผมทุกอย่าง"
ลักษณ์ไหว้ปราชญ์ยืนยันว่าท่านยินดีช่วยลักษณ์เสมอ..
.ปราชญ์แตะไหล่ลักษณ์ให้กำลังใจ... ปราชญ์เองดีใจจนบอก
ไม่ถูกที่ได้อยู่กับลูกชายอีกครั้ง...
เมื่อเรือกรวิกแล่นมาจอดเทียบท่าสะพานไม้ชายเกาะ ลุงส่ง
และป้าสวยถือไฟฉายมาต้อนรับ ร้องทักดีใจที่เป็นคุณวิกมา...
กรวิกโดดขึ้นจากเรือ หันไปเรียกและดึงมือเอยขึ้นมา
ขณะที่ป้ากับลุงทักทายกับกรวิกอย่างดีใจและคิดถึงเพราะเขาไม่ได้มานานแล้ว กรวิกแนะนำเอยว่า
ป้ากับลุงเป็นคนดูแลเกาะนี้ให้เขา แล้วบอกป้าว่า เอยจะมาอยู่ที่นี่
"อยู่กับคุณวิกเหรอคะ" ป้าถามตาโต
"ผมคงต้องไปๆมาๆ เพราะมีงานค้างที่กรุงเทพฯ
แต่ก็คงกลับมาที่นี่บ่อยหน่อยช่วงฮันนีมูนอย่างนี้จะทิ้งภรรยาไว้ คนเดียวได้ยังไงล่ะครับ" เอยฟังแล้วมึน
ไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงใคร ลุงส่งรีบถาม
"หมายความว่า คุณหนูนี่เป็น..."
"ภรรยาผมเองครับ" กรวิกยิ้มหลังตอบอย่างภาคภูมิใจ...
ไม่พูดเปล่า โอบกอดเอยเป็นการยืนยัน ในขณะที่เอยได้แต่นิ่งเมื่อเกิดอาการใบ้กิน...

ooooooo