วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ใจร้าว ตอนที่9

หลังจากกินปิ่นโตแทนกรวิกแล้ว ลักษณ์ก็พาเมนี่ไปส่งบ้าน

เธอขอบใจด้วยมารยาท...แล้วต่อว่า อุตส่าห์ติอาหาร ที่เธอทำแต่กินซะเกลี้ยง...

แล้วเมนี่คว้าปิ่นโตลงรถไป
แม่โสภิตาวิ่งมารับลูกถามว่าใครมาส่ง...พอเห็นหมอลักษณ์ โสภิตาจำคุณหมอได้

หมอบอกที่มาส่งเมนี่เพราะรถเธอเสีย แม่ร้องดีใจเชิญไปทานกาแฟ

เมนี่ขวางไว้ เขาจะรีบไปรับคู่หมั้น ลักษณ์บอกเขาไม่ไปรับแต่จะกลับบ้านเลย

แม่จึงเชิญเข้าไปกินกาแฟ บอกลูกสาวว่าเป็นการขอบคุณหมอ...
แม่ให้เมนี่เอากาแฟไปเสิร์ฟแขกที่นั่งรอ แล้วเขายัง บังคับให้เธออยู่คุยด้วย

เมนี่จำต้องคุยไปโกรธไป ลักษณ์จี้ใจ เมนี่ว่าหน้าตายิ้มแย้ม

แต่ในใจกำลังร้องไห้...ให้เมนี่ลอง
ถอดหน้ากากที่แสดงเป็นตัวละครคนนี้คนนั้นออก แล้วมาเป็น
ตัวเองบ้าง
"แล้วคุณอยากร้องไห้ ระบายความรู้สึกกับใครก็ทำได้

เพราะคิดว่าเราเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง มันสบายกว่าไหมครับ"
เมนี่เดินมาส่งเขาที่รถ เขาเอ่ยขึ้น "คุณคิดว่ามันอัศจรรย์ ไหม

ที่คนสองคนมาพบกันและรักกัน...คุณมีอะไรคาใจกับกรวิก

อย่าปล่อยทิ้งไว้ให้มันกร่อนใจคุณ" เมนี่ตอกกลับว่าเราสองคนรักกันและเข้าใจกันดี

เขาทิ้งท้าย "วันไหนคุณมีปัญหา การคุยกันจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด"
ลักษณ์ขับรถไปแล้ว เมนี่ด่า "อีตาบ้า" ตามหลัง...

แต่รู้สึกว่าคำพูดของเขามีเหตุผลน่าคิด...

ooooooo

ตอนที่ 9
หลังจากจัดกระเป๋าเดินทางอีกครั้ง เอยนั่งเขียนจดหมายอย่างพิถีพิถัน

อันเป็นจดหมายที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ...เวลาผ่านไปเนิ่นนาน

จนเสร็จจึงวางปากกา หลับตาลงอย่างว้าวุ่น

ที่สายใยความผูกพันมันยังรัดรึงแน่นหนา...เหมือนเดิม...
เสียงออดดังขึ้น...เอยคิดว่าพี่ลักษณ์คงมีธุระด่วน

จึงรีบไปเปิดประตูรับ เอยตกใจ เพราะคนที่มายืนอยู่ตรงหน้าคือกรวิก...

เขาก้าวเข้ามาในห้อง เปิดฉากถาม
"เธอไม่ตั้งใจจะพาฉันไปเลี้ยงข้าวอย่างเดียว มันมีอะไรมากกว่านั้น

แต่เธอไม่กล้าบอกฉันใช่ไหม"
"เรื่องอะไรคะ ที่พี่วิกคิดว่าเอยไม่กล้าบอก" เอยหยั่ง

เสียงว่าเขาจะรู้ไหม กรวิกเดาทันที
"ก็เรื่อง...เธอกับหมอนั่น อาจเหม็นขี้หน้าฉันเต็มทน

ทำให้คิดจะแต่งงานกันเร็วขึ้น"
"ถ้าเป็นเรื่องนั้น..." เอยโล่งที่เขาเดาผิด "เอยต้องปิด
พี่วิกทำไม เมื่อเรื่องแต่งงานเป็นสิ่งที่ทุกคนต้อง

แสดงความยินดีต่อกันไม่ใช่หรือคะ นอกนั้นเอยไม่มีอะไรในใจเลย"
"ช่อลดา...อย่ายั่วโมโหฉันให้มากนักนะ ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบขี้หน้าฉันเท่าไหร่

ฉันหยาบคายเอาแต่ใจตัว ผิดกับคู่หมั้นเธอ...แล้วเธอมาทำดีกับฉันทำไม

เพื่ออะไร หรือต้องการมายั่ว ปั่นหัวฉันเล่นไปวันๆ"

"เอยทำทุกอย่างด้วยความจริงใจ...แม้จะนึกน้อยใจกับการกระทำของพี่วิก

แต่ไม่เคยเกลียดพี่วิก ความรู้สึกของเอยที่เคยมีต่อพี่วิกอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น

ไม่เปลี่ยนแปลง"
"การที่เธอกลับมาพร้อมคู่หมั้น มันเหยียบย่ำหัวใจที่ร้าวรานมา 8 ปีของฉัน

ให้เจ็บปวดขึ้นไปอีก เธอรู้ไหม เธอกลับมาฆ่าฉัน กลับมากลบซากฝังร่างของฉัน ใ

ห้ยิ่งกว่าตายทั้งเป็น"
"เอยไม่ได้ตั้งใจ เอยอยากชดใช้ให้พี่วิกจริงๆ

ถ้ามีทางไหนเอยจะชดใช้พี่วิกได้ เอยจะทำ"
"ได้...ในเมื่อเธอทำให้ผู้ชายคนนี้ทุกข์ทรมานเพราะความรัก

ฉันก็จะทำให้เธอช้ำใจเพราะความรักที่มีกับผู้ชายอีกคน"

เขามองเธอแล้วยิ่งเจ็บปวด เมื่อเอยยังยืนนิ่งไม่ยอมเปิดปาก...

เขาพลุ่งพล่านจนขยับเข้าไปหา ดึงเธอเข้ามากอด...

แล้วจูบที่ปากเต็มรัก จูบอย่างแนบแน่นนิ่งนาน...

แล้วจึงรู้สึกมีน้ำตาของเธอไหลออกมา...เขาค่อยคลายมือออก

คอยรับการตบอย่างแรงด้วยความโกรธและเกลียด...

แต่แล้วเอยกลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ...

ไร้แววแห่งความโกรธแค้นแต่ อย่างใด
"ไม่ว่าพี่วิกจะทำอย่างนี้กับเอยเพื่อต้องการแก้แค้น เพื่อความสะใจ

หรือเพื่ออะไรก็แล้วแต่ เอยจะไม่หนีอีกต่อไปแล้ว พี่วิกอยากทำอะไรเอย

ก็เชิญเถอะค่ะ ถ้ามันเป็นความสุขของพี่วิก เอยยินดี"
คำพูดของเอยเหมือนมีดกรีดซ้ำแผล แล้วน้ำเกลือราด ชายหนุ่มเจ็บช้ำทั่วทั้งตัว...

เพราะหักห้ามใจตัวเองไม่ได้

"ทำไมเธอต้องทำแบบนี้ รู้ไหม มันยิ่งทำร้ายมากเท่าไหร่

เธอทำให้ฉันมีแต่ความเคียดแค้นชิงชัง ทำให้ฉันต้องทำร้ายเธอ

จนฉันแทบไม่เหลือความเป็นคนอยู่แล้ว ช่อลดา"
"พี่วิก...ที่เอยทำ มีแต่ความจริงใจจริงๆ เอยรู้ว่าเอยผิด เอยอยากชดใช้ให้พี่วิก"
"หยุดพูดคำนี้เสียที ไม่มีอะไรชดเชยความเจ็บปวดของฉัน

ให้กลับมาเหมือนเดิมได้หรอก ตราบใดที่ใจเธอยังมีผู้ชายคนนั้น

เธอก็ไม่ใช่น้องเอยของฉันอีกต่อไป"
กรวิกเดินหนีเอย เอยวิ่งตามจนถึงหน้าลิฟต์ ยื้อยุดกรวิกไว้ ทั้งอ้อนวอน
"พี่วิก...ฟังเอยก่อน เอยยังเป็นน้องเอยคนเดิมของ
พี่วิก หัวใจของเอยยังเป็นของพี่วิกคนเดียว"
กรวิกรีบเข้าไปในลิฟต์...และประตูลิฟต์ปิดลง...

เอยทรุดตัวลงร้องไห้อย่างไม่อายใคร...
"ฉันขอโทษ ที่ทำให้เธอผิดหวัง" กรวิกร่ำร้องออก มาคนเดียวในลิฟต์

"แต่ที่ฉันทำ เพราะความรู้สึกที่ฉันมีต่อเธอมันมากมายเหลือเกิน...

ฉันต้องการเธอ ช่อลดา แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า ความรักไม่ใช่การครอบครอง

ถ้าเธอยังยืนยันความรู้สึกของเธอที่มีต่อกันไม่เปลี่ยนแปลง

ฉันก็จะไม่ฝืนใจเธออีกต่อไป...เธอจะอยู่หรือแต่งงานกับใครก็ได้

ขอแค่ เธอยังอยู่ใกล้ๆฉัน หัวใจของเธอ ยังมีให้ฉันตลอดไป"
นี่คือสิ่งที่กรวิกคิดและสามารถแปลงความชอกช้ำเป็นความสุขในนาทีนี้...

ooooooo

กลางดึกคืนนี้ ทอปัดกับเจื้อยเพื่อนรัก มาดื่มที่ผับแห่งนี้เหมือนจะประชดโลก
จนทอปัดขึ้นไปยักย้ายส่ายสะโพกบนฟลอร์ด้วยลีลาร้อนฉ่า ต่อสายตาโต๊ะรอบข้าง...
เจื้อยถือแก้วไวน์เร่มาบอกว่า มีผู้ชายคนหนึ่งเขาเหล่ เธออยู่
ทอปัดปรือตาถามว่าใคร พอเปิดตาก็เห็นเจษฎา
คู่แค้นของพี่วิกของเธอมายืนยิ้มเผล่ทำเท่ แนะนำตัวว่าชื่อเจษฎา
ทำข่าวสายบันเทิง ทอปัดนึกได้ ใส่ไปทันทีว่า
ไอ้นักข่าวที่ชอบเขียนข่าวดารามั่วกันเหรอ เจื้อยรีบปรามพร้อมบอกว่าเป็น
บก.ปาปาราซซี่นะ ไม่ใช่นักข่าวธรรมดา เจษฎาล่อเหยื่อทันที
ว่าเขาสามารถปั้นเด็กใหม่เป็นดาราดังได้...ทอปัดรีบเสนอตัวว่าอย่างเธอพอไหวไหม?
"คุณทอปัดมีผลงานมาก่อนรึเปล่า ถ้าไม่มี ผมต้องสัมภาษณ์
และสำรวจบางอย่างละเอียดหน่อย"
"ปัดไม่มีค่ะ มีแต่พี่ชายที่ชื่อกรวิก ซุปเปอร์สตาร์เมืองไทย
ไม่ทราบว่าพอจะทำให้ประวัติปัดดูน่าสนใจบ้างไหมคะ" สิ้นเสียงแจ้วๆของทอปัด
ทำให้เจษฎาหูผึ่ง ตาวาว ถึงวาระที่ต้อง เอาคืนกรวิกแล้ว
จึงรีบรวบรัดยกย่องทันทีว่า น่าสนใจที่สุดเลย...
ทอปัดหรี่ตาที่ทำให้เยิ้มเซ็กซี่ขึ้นทันที...เจษฎามองสำรวจร่างทอปัด
เหมือนเสือที่เห็นลูกสมันตัวน้อยจนน้ำลายสอ...
แล้วทอปัดก็กลายเป็นเนื้อสมันของเจษฎา...เมื่อทอปัด
มาตกเป็นเหยื่อเจษฎาบนเตียงในคอนโดฯของเขา...หลังจากนั้น
เจษฎาก็เก็บภาพทุกภาพที่คิดว่าจะถ่ายไว้ได้ ไม่ว่าจะเปลือยเปล่า
หรือมีผ้าปิดตัวมากน้อยแค่ไหนก็ตาม...เป็นที่เรียบร้อย...
ตอนสายวันรุ่งขึ้น กรวิกเดินมาทางหน้าบ้าน ทอปัด เดินกลับบ้าน
ด้วยท่าทางอิดโรดเหมือนอดนอนมาทั้งคืน จึงถามว่าผับปิดสองยาม
แล้วไปไหนถึงกลับมาป่านนี้ ทอปัดตัดพ้อว่าสนใจด้วยเหรอว่าปัดไปเที่ยว
แล้วหลังจากนั้นไปไหนต่อ
"เธอไม่ใช่เด็กอมมือ แต่ไม่ใช่ผู้ที่บรรลุนิติภาวะ ฉะนั้น จะไปไหนมาไหน
ต้องขออนุญาตฉันซึ่งเป็นผู้ปกครองเธอ"
"จะมาใส่ใจกัน ก็ต่อเมื่อมันสายไปแล้ว" เขาซักว่าหมายความว่ายังไง?
"ก็...หมายความว่าปัดรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว
คิดและตัดสินใจอะไรเองได้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วสิคะ พี่วิกขา"
ทอปัดส่งยิ้มเย้ยหยันใส่กรวิก แล้วเดินส่ายไหล่เข้าบ้านไป...
กรวิกรับเสียงจากมือถือ...ตอบไปว่า เขากำลังรอไมค์กับชนม์มารับไปกองถ่าย...
เสียงเมนี่ยังดังมาอีก
"เลิกงานแล้ว คุณมีธุระไปไหนหรือเปล่า เมนี่มีเรื่องไม่สบายใจอะไรบางอย่าง
เมนี่อยากคุยกับคุณน่ะค่ะ"
"ได้ครับ เลิกงานแล้วผมไปรับคุณที่สตูดิโอนะครับ แล้วเราค่อยไปทานข้าวเย็นด้วยกันครับ"
ooooooo
กรวิกพาสองลูกน้องมาที่วิชั่น พอสสิเบิล ภัทรถามหาเอย กรวิกจึงบอกว่า
ไม่ได้เจอกันตั้งแต่เช้า เขาโทร.มาบอกว่าจะไปกองถ่ายเอง จนกองถ่ายเลิกยังไม่พบ
โทร.หาก็ไม่รับสาย...กรวิกหัวเสีย กำลังจะเดินไป มีคนมายื่นจดหมายให้
บอกถึงคุณกรวิกกับคุณดวงแก้ว จากคุณช่อลดา ภัทรดึงเอาฉบับหนึ่ง
ให้คนเอาไปให้พี่ดวงแก้ว...กรวิกคลี่ออกอ่าน
"ถึง...พี่วิกที่รักของเอย กว่าพี่วิกจะได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ก็คงจะเป็นเวลาพลบค่ำ
และเอยคงไม่ได้อยู่เมืองไทยแล้ว..."
กรวิกมือตก...กระดาษในมือพลอยสั่นไปด้วย...เขาพยายาม
ตั้งสติว่ามันเป็นความจริงหรือความฝัน ตัวเองอ่านผิดไปหรือเปล่า..
.จนคุณดวงแก้ว ที่เดินถือจดหมายรี่มาหากรวิก แล้วถามอย่างจริงจัง
"เกิดอะไรขึ้นน่ะวิก ทำไมเอยถึงได้ส่งจดหมายลาออกมา ให้พี่ล่ะ"
กรวิกยังไม่มีสมองปกติพอจะตอบได้...เขายืนตัวเย็นเฉียบ นิ่งเป็นก้อนน้ำแข็งไปแล้ว...
พอตั้งหลักได้ สูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่ แล้วออกวิ่งไปเหมือนคนกำลังดิ้นตาย
ภัทรร้องสั่งไมค์ให้วิ่งตาม คุณดวงแก้วห้ามไว้...ให้เขาไป เขาอาจมีธุระสำคัญต้องจัดการ...
ooooooo
หมอลักษณ์มารับเอยที่อพาร์ตเมนต์ของเธอ เขาหิ้วกระเป๋าเดินทางให้เอย
เอยขอโทษที่เมื่อวานไม่ได้ บอกว่าเอยจะไปไหน เขาบอกทันทีว่า ไม่เป็นไร เอย
กลับถามอีก
"พี่ลักษณ์ไม่อยากรู้หรือว่าเอยไปไหน เอยไปทานข้าวกับพี่วิกมาค่ะ"
"เรื่องระหว่างเอยกับวิก" หมอวางกระเป๋าลง "พี่ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว
เอยอาจจะอยากใช้เวลาในคืนสุดท้ายกับเขา พี่เข้าใจ" เอยอุทานตัดพ้อพี่ลักษณ์
ลักษณ์ยืนยันหนักแน่น "พี่รู้ว่าเอยเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ อีกอย่าง
ความสำคัญ มันไม่ได้อยู่แค่คืนวานคืนเดียว แต่มันอยู่ที่ทุกคืนต่อจากนี้ไป
เอยเลือกที่จะอยู่กับพี่ แค่นี้พี่ก็ถือว่าเอยให้เกียรติพี่ที่สุดแล้ว"
เอยมองลักษณ์อย่างซึ้งใจ จะหาผู้ชายที่เข้าใจเธอทุกอย่างแบบเขาคนนี้
ไม่มีอีกแล้ว
ขณะเดียวกัน กรวิกขับรถพยายามหาช่องวิ่งให้ทันใจ แต่กลับเจอรถติดอย่างหนัก
เขาจึงคว้ามือถือขึ้นมาโทร.หาเอย แต่เอยกำลังจะเดินจากห้องมา
มีเสียงมือถือดังขึ้น...ลักษณ์ บอกเอยให้ไปรับ บอกลากรวิกเสีย
เอยบอกหมอว่า พี่วิกไม่รู้ว่าเอยจะกลับอเมริกา จะรู้ก็ตอนค่ำที่เลิกงานแล้ว
เอยไปดูที่มือถือ บอกหมอว่าพี่ภัทรโทร.มา...นั่นหมายถึงกรวิกที่โทร.มาแต่ไม่ติด
จึงได้แต่หัวเสีย เอยตัดสินใจ เมื่อไม่ใช้แล้ว จึงดึงซิมออก หมอถามทำอะไร?
"เอยไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้อีก"
แล้วกรวิกก็หมดหวัง แม้จะโทร.ซ้ำหลายครั้ง...กรวิกคิดหนัก แล้วกดโทร.ไปหาชาติ...
พอชาติรับ เขาสั่งการด่วน
"ชาติ เรามีธุระด่วน นายช่วยเช็ก มีสายการบินไหนไปอเมริกาบ่ายนี้...นอร์ธเวสต์เหรอ
กี่โมง..." กรวิกมองนาฬิกาข้อมือ...แล้วขอบใจชาติ...
จากนั้นเหยียบน้ำมันแซงรถคันอื่น ขึ้นทางด่วนทันที...
ooooooo
เอยลงรถที่หน้าสนามบิน เธอเหมือนร่างของหุ่นยนต์
ปล่อยให้ลักษณ์ทำหน้าที่ดูแลกระเป๋า และชี้ทางให้เดิน
เอยนึกถึงกรวิก นึกถึงข้อความในจดหมาย...
"....เอยเดาไม่ถูกว่าพี่วิกจะนึกตำหนิเอยหรือเปล่า ที่จากไปโดยไม่ล่ำลา
ที่แน่ๆ เอยรู้ว่าพี่วิกคงสบายใจที่ไม่มีเอย อยู่ขวางหูขวางตา
ให้ต้องหงุดหงิดอีกต่อไป เอยยอมรับว่าผิดสัญญาที่จะรับใช้พี่วิกหนึ่งปี
คิดว่าหนึ่งปีมันนานเกินไป มันนานเกินไปสำหรับพี่วิก
ที่ต้องทนกับผู้หญิงที่พี่วิกแสนจะเกลียดชัง...การแยกกันชั่วชีวิต
จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แม้จะทำใจยาก...เอยขอบคุณในสิ่งที่ดีๆที่พี่วิกมอบให้
อาหารมื้อค่ำเมื่อคืนนี้ เป็นมื้อที่อร่อย และมีความหมายที่สุดในชีวิตเอย..."

เอยเดินตามลักษณ์ผ่านกรรมวิธีต่างๆ ตลอดจนผู้คนมากมาย
แต่ในใจของเอยกลับเงียบเหงาวังเวงที่สุด...เอยนึกถึงข้อความในจดหมายอีก...
"...มันเป็นความฝันลมๆแล้งๆของเอย เอยรู้ว่าระหว่างเรา
พี่วิกไม่เหลือความทรงจำอะไรดีๆไว้อีกแล้ว แล้วเอยก็หมดหนทาง
ไม่รู้ว่าจะทำให้พี่วิกรู้สึกดีขึ้นได้อย่างไร..."
เอยนึกถึงการพูดโต้ตอบอย่างถึงแก่นหัวใจของกันและกันเมื่อคืนนั้น...
เอยไปโบสถ์ก็เพื่ออธิษฐานขอพรพระเจ้าคุ้มครองพี่วิกให้พ้นอันตราย
ให้มีสุขภาพแข็งแรง เป็นที่รักของทุกคน...
ที่สำคัญให้พี่วิกมีความสุขกับคนที่พี่วิกรัก...คุณเมนี่เป็นคนน่ารัก
เหมาะสมกับพี่วิกทุกอย่าง เอยดีใจที่พี่วิกมีผู้หญิงดีๆอย่างคุณเมนี่คอยดูแล
และยืนเคียงข้างพี่วิกไปตลอดชีวิต...
ขณะที่กรวิกขับรถมาถึงสนามบิน เขาโดดลงรถได้ วิ่งไม่คิดชีวิตมายังผู้โดยสารขาออก...
ในขณะที่ลักษณ์กำลังไปที่เช็กเอาต์ ส่งเอกสารของทั้งสองคนให้เจ้าหน้าที่...
ทั้งสองยิ้มให้กัน แต่ใจของเอยยังอยู่ที่จดหมายถึงกรวิก ท่อนสุดท้าย
"...คืนสุดท้ายสำหรับเรา อาจไม่น่าจดจำสำหรับพี่วิก แต่มันเป็นคืนที่เอยประทับใจ
ถึงแม้เอยจะเจ็บปวดแค่ไหนเอยจะเก็บความทรงจำนั้นไว้ ไม่ว่าสุขหรือทุกข์
พี่วิกจะอยู่ในความทรงจำของเอยเสมอ..."

ooooooo

กรวิกวิ่งมายืนหอบอยู่หน้าเคาน์เตอร์นอร์ธเวสต์ มองหาเอย ไม่เห็นแม้แต่เงา
พอเดินไปถามพนักงานสาว กลับถูกกรี๊ดเรียกกรวิกดังลั่น หลายคนหันมามอง
เขาขอให้ช่วยเช็กชื่อช่อลดากับหมอลักษณ์มาเช็กอินหรือยัง
พนักงานกดคีย์คอมพ์ไม่กี่ที หันมาบอกว่า เช็กอินไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว
ใกล้เวลาเครื่องออกแล้ว...กรวิกใจหายวาบ...กรวิกยืนแทบเข่าอ่อน
เสียใจและชิงชังตัวเองที่ทำให้เอยต้องจากไป ทั้งๆที่เธอมาหาเขาแล้ว
กรวิกนั่งที่เก้าอี้อย่างหมดแรง...เขาพยายามทำตัวให้เข้มแข็งต่อหน้าผู้คนไว้...
เขาสะบัดหัวไปมา หนีภาพและเสียงเอยที่พูดกับเขาคืนนั้น...

กรวิกหนีสายตาคนเข้าห้องน้ำ ไปกัดฟันหันหน้าเข้ากำแพง
สะกดเสียงร้องไห้ออกมา เขาปล่อยให้ความรู้สึกผ่านจุดเครียดไป
แล้วค่อยหันหลังพิงกำแพง แล้วค่อยเปิดน้ำล้างหน้าตา...หันไปเช็ดหน้า
เห็นนักท่องเที่ยวยืนมองสองสามคน เขาจึงเลี่ยงออกมา...
พอออกมาพ้นห้องน้ำ ได้ยินเสียงผู้หญิงขอเข้าห้องน้ำ
ฝ่ายชายให้รอเขาจะไปซื้อหนังสือ เสียงนั้นคุ้น พอมองไป เอยเดินผ่านไป...
กรวิกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่...ยืนแข็งทื่ออยู่อึดใจ...
หลังจากเอยเดินออกมาจากห้องน้ำ กรวิกจึงจับข้อมือเธอไว้
เขากำข้อมือเธอไว้แน่นที่สุด...เอยหันมา ถึงกับช็อก ตกใจสุดขีด
อุทานแตกตื่น "พี่วิก" เท่านั้นเอยถูกดึงตัวหนีไปทันที
แล้วมีลักษณ์มายืนคอยที่หน้าห้องน้ำแทน...

ooooooo

กรวิกดันตัวเอยเข้าไปในรถของเขา แล้ววิ่งไปนั่งที่คนขับ กดล็อกทันที...เอยว้าวุ่นใจ
ขอให้เขาเปิดประตูให้เธอลง ป่านนี้พี่ลักษณ์คอยแย่แล้ว
"เอยขอโทษที่เอยผิดสัญญา แต่เอยทนเห็นพี่วิก..."
เอยไม่ได้พูดต่อไปว่า ทนเห็นพี่วิกเกลียดเธอมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว แต่เขาสวนขึ้นทันที
"เธอจะเดินไปจากฉัน ทำซ้ำรอยเดิมเหมือนที่เคยทำเมื่อ 8 ปี ก่อนหรือ
เธอเลือดเย็นกับฉันขนาดนั้นเชียวหรือ ช่อลดา" ถ้อยคำช้ำชอกของเขา
สะกดให้เอยมือเท้าอ่อนล้า พูดไม่ออกไปทันที...

ขณะเดียวกัน ลักษณ์รอจนมีเสียงเรียกให้ขึ้นเครื่องครั้งสุดท้ายดังขึ้น
ลักษณ์ทนไม่ไหว เอะใจว่าเอยอาจเกิดเป็นอะไรในห้องน้ำ
จึงวิ่งเข้าไปห้องน้ำหญิง เสียงคนร้องวี้ดว้าย เขาเรียกหาเอยไป
แก้ตัวกับผู้หญิงในห้องน้ำไป...ดันเปิดประตูห้องน้ำ เจอหญิงสูงวัยด่า
หาว่าเป็นกะเทย ลักษณ์หมดปัญญา วิ่งออกมาสวนกับผู้หญิงที่ตกใจ
เห็นผู้ชายในห้องน้ำหญิง...แล้วเขาก็วิ่งพล่านไปเหมือนคนบ้าแล้วก็ยืน
นิ่งเมื่อเสียงเรียกช่อลดากับหมอลักษณ์ขึ้นเครื่องด่วน...
หมอลักษณ์ยืนเคว้งเหมือนอยู่ในเรือที่ผจญคลื่นยักษ์ ขณะเดียวกัน
กรวิกพาเอยนั่งมาในรถ...เธอถามว่าจะพาเธอไปไหน
กรวิกเองก็อึกอักตอบไม่ถูก เพราะไม่เคยคิดเรื่องนี้...

ไม่นานกรวิกขับพาเอยไปตามถนนในจังหวัดชายทะเลไม่ห่างกรุงเทพฯนัก...
เขารีบกดปิดมือถือที่ถูกโทร.ตามล่าไม่หยุด แล้วหันมามองเอยที่นั่งนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้ง
"นี่จะไม่พูดกับฉันตลอดชีวิตใช่ไหม"
"เอยไม่เข้าใจ เรื่องมันจะจบลงด้วยดีอยู่แล้ว เอยไปตามทางของเอย
พี่ก็มีคุณเมนี่ดูแลอยู่แล้ว...แล้วทำไมเรื่องมันถึงไม่จบเสียที"
"เพราะฉันไม่ต้องการให้มันจบแบบนี้ไง"
"แล้วพี่วิกต้องการให้มันจบยังไง พี่วิกรั้งเอยไว้เพื่อแก้แค้นเอย
ให้ครบตามสัญญาแค่นั้นใช่ไหม"
"ไม่ใช่...ที่ฉันไม่อยากให้เธอไปเพราะ..." เขาอุบคำว่ารักไว้ทัน
พร้อมกับเบรกรถเพื่อผ่อนอารมณ์
"เพราะเธอ...เพราะจดหมายของเธอนี่ไง"
เขาโยนจดหมายลงตรงหน้าแล้วคำพูดพรั่งพรูออกมา
"เธอบอกมาสิว่าเธอเขียนข้อความพวกนี้ ด้วยความรู้สึกอะไร
รักและหวังดีฉันอย่างเพื่อน หรืออย่างคนที่รักกัน บอกสิว่าเรื่องระหว่างเรา
มันแค่อดีต แค่เธอบอกฉันมาคำเดียวว่าเธอไม่ได้รักฉันแล้ว
ฉันจะพาไปส่งหมอนั่นทันที และสัญญาว่าจะไม่ยุ่งวุ่นวายเธออีก
พูดมาสิ ช่อลดา พูดมา"
ช่อลดาหรือเอยกลายเป็นจำเลยของเขา เพราะจนด้วยคำตอบ...
ถ้าบอกว่าไม่รักก็ทรยศหัวใจตัวเอง บอกว่ารักคงไม่ได้
เพราะมีพันธะกับหมอลักษณ์ และกรวิกก็มีเมนี่อยู่แล้วทั้งคน...จะทำฉันใด?

ooooooo

ลักษณ์ทรุดนั่งลงที่ม้านั่ง ไม่สนใจว่ามันจะเป็นที่ไหนมุมใดของสนามบิน
นั่งในสภาพที่ยังเซ่อ ไม่รู้ที่จะคิดอีกต่อไปว่าเอยหายไปไหน
เธอเปลี่ยนใจหรือมีใครลักพาตัวไปคุณปราชญ์เดินนำเลขาฯที่หิ้วกระเป๋าเดินตามมา
...แล้วปราชญ์กลับชะงัก หันไปมองลักษณ์เต็มตา เรียกหมออย่างแปลกใจ...
ลักษณ์หันมาสวัสดี
"นึกว่าคุณหมอเดินทางไปตั้งแต่บ่ายแล้ว เลื่อนไฟล์ท หรือครับ แล้วหนูเอยล่ะ"
"เอ่อ...เราไม่ได้เลื่อนไฟล์ทครับ แต่เรามีปัญหากันนิดหน่อย..."
ปราชญ์ยืนงง ไม่รู้ว่าเกิดปัญหาอะไร แต่ไม่กล้าซอกแซกถามต่อ...
นอกจากคุณปราชญ์จะอึ้งย้งงงงวยแล้ว...เมนี่ก็ไปตามหากรวิกถึงบ้าน
เจอทอปัดเข้าพอดี ทั้งสองคนจึงแผงคอกางจังก้า
พร้อมจะกัดจิกตีกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ทอปัดตาขวางใส่เมนี่ที่มาถามหากรวิก
ทอปัดกัดทันทีว่าเป็นดาราดัง ยังตามหาผู้ชายถึงบ้าน
ควรทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีกับเยาวชนเสียบ้าง...เมนี่จึงเริ่มจิกตีโต้ว่า
ที่เธอตามหากรวิก เพราะมีธุระจะคุยกับเขา
ไม่ได้มีอะไรน่าเกลียดอย่างที่เด็กอย่างคุณเข้าใจ
"ถูกต้อง...ฉันเป็นดารามีชื่อเสียง ดังนั้น
ฉันไม่เอาชื่อเสียงไปแลกกับการทำอะไรโง่ๆเด็ดขาด ให้สบายใจได้...
อย่างน้อยจะได้รู้ว่า ว่าที่พี่สะใภ้ของคุณ ไม่มีนิสัยมั่วซั่วแบบเจอใคร
ก็นอนกับเขาไปทั่ว รับรองไม่ใช่เมนี่คนนี้แน่...ไปก่อนนะ วันหลังค่อยคุยกันใหม่"
เมนี่เดินยิ้มออกไป...ทอปัดเลือดสาดทั้งถูกแทงใจดำจนเกิดแผลเหวอะหวะ...
ส่วนลักษณ์ เมื่อตั้งสติได้ เผ่นออกจากสนามบิน..
.ตรงไปยังอพาร์ตเมนต์ของช่อลดา คิดว่าเธอจะกลับมาที่นั่น
แต่แล้วโอปะเรเตอร์บอกว่า ช่อลดาไปนอก...
พร้อมโชว์การ์ดที่เธอคืนเจ้าของห้องด้วย...ลักษณ์จึงก้มหน้าเดินคอตกกลับออกไป...
แล้วลักษณ์กับเมนี่ก็ไปตามหากรวิกที่เพนท์เฮ้าส์ของเขา...
เจอกันจนได้...เมนี่สารภาพว่า เธอมาหากรวิก แต่ไม่พบเขา...
ส่วนลักษณ์ตอบคำถามเมนี่ว่า พอไปถึงสนามบินเอยกลับหายตัวไป
ลักษณ์บ่นพึมว่า เขานึกแล้ว มันจะเป็นไปแบบนี้ เมนี่ถามทันที
"นายคิดว่าวิกพาเอยหนีงั้นเหรอ เขาอาจเป็นนายกับลูกน้องที่สนิทกัน
แต่เขาไม่มีวันทำอะไรบ้าๆแบบนั้นเด็ดขาด"
"เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคุณมองโลกในแง่ดี"
"นายนี่เขาเรียกว่าพาล คู่หมั้นตัวเองหายไปกลับโทษแฟนคนอื่น
ใช้ไม่ได้เป็นผู้ชายแบบไหน"
"ผมยังไม่พูดสักคำ คุณพูดเองเออเอง หรือลึกๆแล้วคุณก็คิดอย่างผม
ถึงชิงด่าผมก่อน"
ลักษณ์เดินหนีไปทันที เมนี่หน้าร้อนผ่าว...เริ่มสังหรณ์ใจขึ้นมาแล้ว...

ooooooo

ส่วนกรวิก...ขับรถไปหน้านิ่วคิ้วขมวด...ทั้งสองไม่พูดจากันเป็นนานสองนาน
เอยทนไม่ไหวจึงถามว่าเขาจะพาเธอไปไหน เขาไม่ยอมตอบ เอยจึงสรุปทันทีว่า
เขาเองก็ยังไม่รู้จะไปไหน แต่จะปิดเรื่องนี้ไม่มิด เขาไม่ใช่คนที่ใครๆจะไม่รู้จัก
แล้วคิดจะปิดคุณเมนี่ได้หรือ อีกอย่างพี่ลักษณ์ก็ต้องตามหาเอยจนได้...
กรวิกฟังแล้วร้องขึ้นทันที
"ถ้างั้น ต้องไปในที่ที่เขาไม่มีวันหาเราได้เจอ ขอบใจนะ ที่ชี้ทางสว่างให้"
กรวิกยิ้มให้ เอยกลับอึ้ง พูดแค่นี้จะชี้ทางสว่างให้เขาแบบไหน? จากนั้น...
กว่าเขาจะห้อตะบึงพาเธอไปถึงท่าเรือแห่งหนึ่งที่เอยไม่เคยรู้จักก็ค่ำมืดแล้ว...
เขาจอดรถแล้วดึงเอยลงมา เอยขัดขืน ถามว่าจะพาเธอไปไหน
เขาตอบทันทีว่า ไปที่ที่ไม่มีใครหาเธอเจอ...รีบลงมา...
เขาดึงเธอลงจากรถ หิ้วพาลงไปยังท่าเรือ ดันลงไปนั่งในเรือ ควานหากุญแจ...
เอยนึกถึงลักษณ์ที่แสนดีกับเอย ป่านนี้คงจะร้อนรนพลุ่งพล่าน
ชอกช้ำสุดประมาณ
กรวิกเริ่มสตาร์ตเครื่องเรือ...แต่ก่อนจะออกเรือ
เอยตัดสินใจทะลึ่งพรวดขึ้นจากเรือ วิ่งอ้าวไปทันที...กรวิกร้องลั่นเรียกไว้
แล้วกระโดดขึ้น วิ่งตามเอยไป...พอทันดึงกลับมาอย่างแรง...
เอยร้องขอให้ปล่อย บอกว่าเธอสงสารพี่ลักษณ์ ไม่อยากทำร้ายจิตใจเขา
กรวิกจึงตั้งคำถามอย่างคาดคั้น
"งั้นเธอพูดออกมาสิ ตะโกนออกมาเลยว่าเธอไม่ได้รักฉัน...ว่าไง"
เขาเห็นเอยร้องไห้โฮ
"พี่วิกจะคาดคั้นเอาคำตอบทำไม อยากแก้แค้นเอยก็ลงมือเลย
อย่าบังคับให้เอยพูดในสิ่งที่ไม่อยากพูด"
"ฉันบังคับอะไรเธอ ฉันแค่ต้องการพูดในสิ่งที่ใจเธอรู้สึก
ถ้าเธอรักผู้ชายคนนั้นก็บอกมา"
"เอยจะรักใครไม่รักใคร มันสำคัญกับพี่วิกด้วยหรือ ในเมื่อพี่มีพี่เมนี่อยู่ทั้งคน"
"เลิกพูดเรื่องคนอื่น...ฉันอยากรู้เรื่องของเรา
ความรู้สึกเธอเหมือนอย่างที่เขียนไว้ในจดหมายหรือเปล่า
หรือเป็นแค่คำพูดสวยหรู ที่ทิ้งให้คนข้างหลังเคลิ้มฝันไปวันๆ"
เอยรู้สึกในความอ่อนไหวของเขา คล้ายพี่วิกคนเดิม เขายังคาดคั้นต่อ "
ถ้าเธอไม่รักฉัน ตะโกนดังๆออกมา ฉันจะได้เข้าใจจะได้ทำใจ
แล้วปล่อยเธอเป็นอิสระ เธอจะได้อยู่กับคนที่เธอรักสมใจซักที"
"เอยบอกพี่วิกตั้งแต่ครั้งแรกที่เรากลับมาเจอกันไม่ใช่หรือว่า
ความรู้สึกที่เอยเคยมีต่อพี่วิกอย่างไร วันนี้ยังเป็นอย่างนั้น
ไม่เปลี่ยนแปลง"
"หมายความว่าเธอยังรักฉัน" เอยอึกอัก เขาตอกย้ำ
"เธอยังยืนยันว่าเธอยังรักฉันใช่ไหม...ได้...ในเมื่อเธอไม่พูดในสิ่งที่ฉันท้าให้พูด
ฉันก็จะถือว่าเธอยังรัก แล้วอยากอยู่กับฉัน เพราะฉะนั้น
มานี่เลยเธอหมดโอกาสที่จะมาต่อรองอะไรอีกแล้ว...ช่อลดา"
ว่าแล้วกรวิกก็ออกแรงฉุดเอยกลับไปที่เรือ...แล้วออกเรือจากท่าไปในความมืดนั้นทันที...

ooooooo

ปรัชญาหน้ามืด คว้าตัวโคโยตี้สุดเซ็กซี่เข้าไปยังห้องหรู
ที่ปราชญ์เป็นคนให้หมอลักษณ์เข้าพัก...เพราะคิดว่าตอนนี้
ลักษณ์กลับไปอเมริกากับคู่หมั้นแล้ว แต่ก็ตงิดๆที่เห็นยังเปิดไฟ
จึงบ่นพวกทำห้องว่าไม่รู้จักประหยัด แล้วฉุดอีสาวมากอด
ตะโบมลงไปบนโซฟาอย่างกระหายหน้ามืด กำลังจะปลดเปลื้องสิ่งที่เกาะอยู่กับอก
แม่สาวน้อยกรี๊ดขึ้นทันที เมื่อเห็นลักษณ์เปิดประตูออกมาจากห้องนอน
"อ้าว...ไหนว่ากลับอเมริกาแล้วไงคุณหมอ" ปรัชญาคำรามใส่
เดือดปุดๆหมอบอกมีเรื่องบังเอิญที่ต้องกลับไม่ได้
"บังเอิญอีกแล้ว...ทำไมไม่หาที่อยู่กำจัดการบังเอิญให้หมดไปซะ...
แล้วใครอนุญาตให้กลับมาใช้ห้องนี้อีก"
"พ่อเอง..." คุณปราชญ์เดินเข้ามาตอบแทนหมอ
แล้วหันไปสั่งสาวโคโยตี้ให้กลับไป ปรัชญาตาขวางใส่พ่อ
ถามว่าจะยกห้องนี้ให้ตนหรือคุณหมอ พ่อขอตัวดึงลูกชาย
ออกไปพูดนอกห้องปรัชญาไม่ฟังพ่อ หาว่าเกรงใจลักษณ์
เห็นคนอื่นดีกว่าลูกในไส้...ปราชญ์บอกลูกชายทันทีว่า
ถ้าแกยังทำตัวอย่างนี้ พ่อยินดียกห้องให้คนที่ช่วยต่อลมหายใจให้คนอื่น
ดีกว่ายกให้แกที่เห็นที่นี่เป็นโรงแรมม่านรูด ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าแบบนี้
แล้วสำทับ
"กลับบ้านไป แล้วอย่ามาวุ่นวายกับห้องส่วนตัวพ่ออีก
ในเมื่อพ่อเองได้ให้แกมาเยอะแล้ว"
ลูกชายถอยกลับด้วยท่าทางฉุนเต็มพิกัด...ปราชญ์กลับเข้าไปหาลักษณ์ในห้อง
พร้อมขอโทษลักษณ์ เขากลับบอกว่า เพื่อความสบายใจทุกฝ่าย
เขาขอไปหาที่พักเอง เพราะไม่อยากมีปัญหากับปรัชญา
แล้วเกรงใจท่านจริงๆ และเขาต้องอยู่ในเมืองไทยจนกว่าจะตามหาเอยพบ
ซึ่งไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่...แต่ปราชญ์ไม่ยอม
ลูกชายท่านมีที่อยู่หลายแห่งแล้ว สั่งไม่ให้มาวุ่นวายคุณหมออีก
เลิกกังวลและไม่อยากให้คุณหมอไม่สบายใจ ทั้งๆที่หมอมีเรื่องต้องคิดเยอะแล้ว...
ปราชญ์รวบรัด แล้วยืนยันเรื่องหนูเอย ท่านจะหานักสืบดีๆช่วยตามหา
หรืออยากพึ่งตำรวจก็ให้บอกท่านทันที
"อย่าเลยครับ ผมอยากตามหาดูเองก่อน...ถ้าเอยอยู่กับคนที่ผมคิดไว้
เธอต้องปลอดภัย เพียงแต่จะอยู่ที่ไหนเท่านั้น...ขอบคุณท่านที่กรุณาผมทุกอย่าง"
ลักษณ์ไหว้ปราชญ์ยืนยันว่าท่านยินดีช่วยลักษณ์เสมอ..
.ปราชญ์แตะไหล่ลักษณ์ให้กำลังใจ... ปราชญ์เองดีใจจนบอก
ไม่ถูกที่ได้อยู่กับลูกชายอีกครั้ง...
เมื่อเรือกรวิกแล่นมาจอดเทียบท่าสะพานไม้ชายเกาะ ลุงส่ง
และป้าสวยถือไฟฉายมาต้อนรับ ร้องทักดีใจที่เป็นคุณวิกมา...
กรวิกโดดขึ้นจากเรือ หันไปเรียกและดึงมือเอยขึ้นมา
ขณะที่ป้ากับลุงทักทายกับกรวิกอย่างดีใจและคิดถึงเพราะเขาไม่ได้มานานแล้ว กรวิกแนะนำเอยว่า
ป้ากับลุงเป็นคนดูแลเกาะนี้ให้เขา แล้วบอกป้าว่า เอยจะมาอยู่ที่นี่
"อยู่กับคุณวิกเหรอคะ" ป้าถามตาโต
"ผมคงต้องไปๆมาๆ เพราะมีงานค้างที่กรุงเทพฯ
แต่ก็คงกลับมาที่นี่บ่อยหน่อยช่วงฮันนีมูนอย่างนี้จะทิ้งภรรยาไว้ คนเดียวได้ยังไงล่ะครับ" เอยฟังแล้วมึน
ไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงใคร ลุงส่งรีบถาม
"หมายความว่า คุณหนูนี่เป็น..."
"ภรรยาผมเองครับ" กรวิกยิ้มหลังตอบอย่างภาคภูมิใจ...
ไม่พูดเปล่า โอบกอดเอยเป็นการยืนยัน ในขณะที่เอยได้แต่นิ่งเมื่อเกิดอาการใบ้กิน...

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น: