วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ทนพิษบาดแผลไม่ไหว

เมื่อความรักที่เคยหวาน กลายเป็นความขม
เมื่อฉันกลายเป็นแค่ลม ในสายตาเธอ
วันนี้ไม่มีแรงเหลือ เมื่อคนที่เคยไว้ใจทำร้ายกันได้ลง
เกิดเป็นแผลที่ตรงจิตใจ ก็ไม่ระวัง
กว่าจะรู้ว่าโดนหักหลัง ก็ทิ้งกันไป
ผิดที่ฉันเป็นคนอ่อนแอ
แต่ไม่ได้แปลว่าขอให้เธอกลับมารักฉันเข้าใจไหม

*แค่หัวใจมันไม่เคยเจ็บขนาดนี้
ก็หัวใจมันไม่เคยรักใครเท่าเธอมาก่อน
ที่ฉันตอนนี้ บ้าบอไม่มีเหตุผล
ว่าหัวใจมันไม่เคย โดนกีดเป็นแผล
แต่ฉันอยากให้เธอรู้ สิ้งเดียวที่ฉันแคร์
คือหัวใจฉัน เพราะมันเป็นหนึ่งคนที่ดูความจริงไม่ไหว

ต่อให้รักเธอแค่ไหน แต่ในวันนี้
จะลืมเรื่องราวที่มีชีวิตช่วงที่เลวร้าย
กอดตัวเองไว้ ยิ่งนานฉันยอมให้ใจ มันรักใครเข้ามา
อยู่กับแผลที่ตรงจิตใจ ก็แค่ลำพัง
อยู่กับแผลที่โดนหักหลัง และไม่มีใคร
ต่อให้ฉันจะดูอ่อนแอ
แต่ไม่ได้แปลว่า ขอให้เธอกลับมารักกัน เข้าใจไหม


หัวใจมันไม่เคยเจ็บขนาดนี้
ก็หัวใจมันไม่เคยรักใครเท่าเธอมาก่อน
ที่ฉันตอนนี้ อ่อนแอก็เพียงแค่
ฉันทนพิษบาดแผลไม่ไหว




ทนพิษบาดแผลไม่ไหว - PoTaTo

วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

รักเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ

ฉันรู้ดีว่ายังไม่ดีพร้อม ฉันก็ทำได้ดีแค่เท่านั้น
ฉันแค่ยอมทำทุกอย่าง ที่เธอจะไม่ต้องเสียใจ
คิดทบทวนคนเดียวอยู่บ่อยครั้ง รักเธอจนลืมตัวมากไปไหม
ทำเพื่อเธอแล้วยังไง แต่สุดท้ายเธอก็ทิ้งกัน

ยิ่งมันรักมากเท่าไหร่ ดีแค่ไหนไม่สำคัญ
เมื่อสุดท้ายไม่รักกัน แล้วฉัน ไม่มีความหมาย
อยากจะเห็นคนดีของเธอ คนแบบไหนที่เธอรักจิง
ที่เธอจะ ไม่ทอดทิ้ง ไม่ทำให้เค้าเสียใจ
หากว่าฉันรักเธอไม่พอ ดีไม่พอจะไม่โทษใคร
โทษตัวเองโทษหัวใจ รักเท่าไหร่ ก็คงไม่พอ

รักฉันมีให้เธอเพียงเท่านี้ ทั้งหมดใจที่มีก็เท่านั้น
ถ้าไม่พอที่ต้องการ ก็ยังไม่รู้ต้องทำไง
ขอวอนเธอแค่สักอย่างได้ไหม ถ้าเธอมีน้ำใจครั้งสุดท้าย
ช่วยบอกฉันช่วยอธิบาย บอกให้ทำใจซะที

ยิ่งมันรักมากเท่าไหร่ ดีแค่ไหนไม่สำคัญ
เมื่อสุดท้ายไม่รักกัน แล้วฉัน ไม่มีความหมาย
อยากจะเห็นคนดีของเธอ คนแบบไหนที่เธอรักจิง
ที่เธอจะ ไม่ทอดทิ้ง ไม่ทำให้เค้าเสียใจ
หากว่าฉันรักเธอไม่พอ ดีไม่พอจะไม่โทษใคร
โทษตัวเองโทษหัวใจ รักเท่าไหร่ ก็คงไม่พอ

อยากจะเห็นคนดีของเธอ คนแบบไหนที่เธอรักจิง
ที่เธอจะ ไม่ทอดทิ้ง ไม่ทำให้เค้าเสียใจ
หากว่าฉันรักเธอไม่พอ ดีไม่พอจะไม่โทษใคร
โทษตัวเองโทษหัวใจ รักเท่าไหร่ ก็คงไม่พอ รักเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ


รักเท่าไรก็ยังไม่พอ - ลูกปัด

วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เมียหลวง 6

ปิ่น
เดินประคองคุณหญิงมยุรีที่เกิดปวดท้องขึ้นมากระทันหันกลับมาที่โรงแรม
และทั้งคู่ก็ได้พบกับอนิรุทธิ์ที่ประคองอรเดินออกมาจากลิฟท์
โดยที่อรอินทร์ทำเป็นซับน้ำตาเสียอกเสียใจ "นั่นด็อกเตอร์อนิรุทธิ์นี่คะ
ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร" คุณหญิงมยุรีกระซิบกระซาบ ปิ่น
รีบจูงคุณหญิงเข้าไปทักอนิรุทธิ์เพราะอยากรู้ไม่แพ้กัน
อนิรุทธิ์ชะงักเมื่อเห็นทั้งคู่ แต่ก็รีบส่งยิ้มแบบเนียนๆ เอ่ยทักทาย
แล้วแตะข้อศอกพาอรอินทร์ที่ทำอ่อนระทวยเดินออกไป
เพราะเห็นคุณหญิงมยุรีกับปิ่นมองมาที่อรอินทร์บ่อยครั้ง ปิ่นหันมาถามคุณหญิง
"ใครน่ะ แล้วคุณวิรู้หรือเปล่า" "เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น เล่นเอาพี่หายปวดท้องเลย"
คุณหญิงว่าแล้วชวนปิ่นไปหาวิกันดาที่ห้อง วิ
กันดาบอกกับคุณหญิงมยุรีและปิ่นที่มาฟ้องเรื่องอนิรุทธิ์กับอรอินทร์ว่า
อรอินทร์เป็นน้องสาวของถาวรเพื่อนสนิทของอนิรุทธิ์ ทั้งสองร้อง อ๋อ พร้อมกัน
แต่สีหน้ายังสงสัยเตรียมจะซักต่อ วิกันดารีบตัดบท
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วดิฉันคงต้องขอตัวพักผ่อน" "อุ๊ย พวกเราซิคะที่ต้องขอโทษที่มารบกวน
แต่ก็เป็นความหวังดีที่พอเห็นอะไรไม่ชอบมาพากลเลยต้องรีบมาบอก ไป คุณปิ่น
คุณวิรู้เรื่องแล้วก็ไป" คุณหญิงมยุรีชวนปิ่น วิกันดาเดินมาเปิดประตูให้ทั้งคู่
ปิ่นหันมาย้ำ " ยังไงคุณวิต้องระวังไว้บ้างก็ดีนะคะ
ผู้หญิงสมัยนี้ไว้ใจได้เสียเมื่อไหร่ เผลอเป็นฉกดิฉันน่ะเห็นมามาก
บางคู่อยู่กันมาดี ดี๊ พอเผลอแป๊บเดียว ผัวถูกฉกไปโน่นแล้ว
เผลอไม่ได้ค่ะเผลอเป็นฉก" วิกันดายิ้มอ่อนๆ มยุรีดึงปิ่นออกไป
วิกันดาปิดประตูแล้วถอนใจยาว ปิ่นแปลกกับท่าทางของวิกันดาจึงแอบถามคุณหญิงว่า
"ทำไมด็อกเตอร์วิกันดายังทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่นะคะ" "ร้อนค่ะ แต่ร้อนอยู่ข้างใน
แกกลัวเสียหน้าไงคะ" คุณหญิงตอบแล้วชวนปิ่นไปเม้าท์กันต่อที่ห้อง อร
อินทร์แกล้งไม่สบายอ้อนให้อนิรุทธิ์อยู่เป็นเพื่อนที่ห้องพัก
เพราะวรนารีต้องออกไปทำงาน อนิรุทธิ์หลงกลอยู่กับอรอินทร์
อรอินทร์ทำหวังดีขอให้อนิรุทธิ์โทรไปบอกวิกันดาเพื่อที่เธอจะได้ไม่รอเก้อ อนิรุทธิ์
ลังเล แต่สุดท้ายก็ยอมเชื่ออรอินทร์
เขาโทรไปบอกวิกันดาว่าต้องอยู่เป็นเพื่อนอรอินทร์เพราะเธอไม่สบาย
และรับปากว่าพรุ่งนี้จะไปหาวสิกันดาแต่เช้า วิกันดาสุดเจ็บช้ำรีบปิดโทรศัพท์
"คุณพี่ว่าอะไรหรือเปล่าคะ" อรอินทร์เล่นละครต่อ "ก็ไม่เห็นว่าอะไรนี่"
อนิรุทธิ์ตอบ "คุณพี่เธอเป็นผู้หญิงที่ประเสริฐที่สุด อรทั้งรักทั้งเคารพเธอ"
อรอินทร์ทำซาบซึ้ง "วิเขาโชคดีที่มีแต่คนรัก" อนิรุทธิ์ว่า อรอินทร์ลอบเบ้ปาก เช้า
วันใหม่ วิกันดาลงมาจากห้องพักก็พบอนิรุทธิ์ยืนคุยอยู่กับท่านผู้หญิงและคณะ
อนิรุทธิ์รีบเดินมารับด้วยการโอบไหล่อย่างอ่อนโยน วิกันดาฝืนตัวสั่งอนิรุทธิ์ว่า
เลิกเสแสร้งเสียที "เสแสร้งที่ไหน ผมอุตส่าห์รีบมาแต่เช้า โน่น
คณะของคุณเขาคงสงสัยกันใหญ่แล้วว่าเราพูดอะไรกัน"
อนิรุทธิ์ยิ้มแล้วพาวิกันดาเดินไปหาท่านผู้หญิง วิกันดาขอโทษทุกคนที่มาสาย
"ไม่สายหรอกค่ะ" ท่านผู้หญิงว่า "น่าอิจฉาคุณวิกันดาจัง สามีทั้งรักทั้งเอาใจ"
มยุรีแอบจิก บรรยากาศ เริ่มอึดอัด ท่านผู้หญิงจึงเปลี่ยนเรื่องชวนทุกคนออกเดินทาง
แล้วพยายามเปิดโอกาสให้อนิรุทธิ์กับวิกันดาได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเพื่อปรับ
ความเข้าใจกัน อนิรุทธิ์แอบบ่นกับวิกันดาว่าน่าเสียดายที่ลูกไม่ได้มาด้วย
"ไว้คราวหน้าเราจะมากัน 4 คนพ่อแม่ลูกนะครับ" อนิรุทธิ์ชวน
วิกันดาเมินหน้ามองไปทางอื่นแล้วตอบว่า "คงไม่มีคราวหน้าแล้วละค่ะ"
"ที่จริงเราน่าจะตามพี่รุทธิ์ไปด้วยนะ อยากเห็นน้ำตาเมียหลวง"
วรนารีเอ่ยชวนอรอินทร์ที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่ด้วยกัน อรอินทร์ยักไหล่ตอบว่า "
ฮู้ย ยัยนั่นเขาไม่ร้องไห้ให้ใครเห็นหรอกย่ะ ผู้ดีเขาต้องรู้จัก สะกดกลั้น
กลั้นเอาไว้มากๆ เดี๋ยวก็อกแตกตายไปเอง ที่จริง ฉันก็เวทนาเขานะ
ไม่อย่างนั้นไม่ปล่อยพี่รุทธิ์ไปหรอก" "โอ๊ย แม่พระ พระเพลิง
ไม่ไช่เพลิงธรรมดาด้วยนะ แต่เป็นเพลิงบัลลัยกัลป์"
วรนารีประชดแล้วสองสาวก็หัวเราะให้กัน ท่าน ผู้หญิงพาคณะทัวร์ไปเที่ยวที่ ฟูจิ
ซึ่งวิกันดากับอนิรุทธิ์เคยมาฮันนีมูลด้วยกัน ภาพเก่าๆ
ในอดีตแว่บเข้าในความคิดทำให้วิกันดามีท่าทีอ่อนลง ท่านผู้หญิงแอบเอาใจช่วยทั้งคู่
ส่วนอรอินทร์หลังจากทานอาหารเสร็จก็โทรหาอนิรุทธิ์แต่ติดต่อไม่ได้
เพราะเขาปิดมือถือเธอโกรธจนลืมตัวจะบุกไปด่าวิกันดาที่กักตัวอนิรุทธิ์ไว้
วรนารีรีบดึงไว้พร้อมเตือนสติ "คุณรุทธิ์เขาจะคิดยังไง แกบอกเองไม่ใช่หรือว่า
ผัวเมียคู่นั้นเขาเป็นผู้ดี พี่รุทธิ์คงไม่คุ้นกับคำด่าทออะไรอย่างนั้นหรอก
ถ้าแกขืนสติแตกไปชี้หน้าด่าเมียเขาเข้า มีหวังได้ตีตัวออกห่างแน่
ถ้าแกไม่อยากเสียเขาไป ก็ต้องใช้วิธีแทรกเข้าไปเนียนๆ อย่างที่ทำอยู่นี่แหละ
ดีที่สุด" วรนารีหยุดมองอรอินทร์ เห็นเธอเม้มปากน้ำตาคลอ
วิกันดากำลังดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สวยงาม
อนิรุทธิ์เบือนหน้ามามองวิกันดาแล้วโอบไหล่วิกันดาเข้ากอดพลางเอ่ยว่า
"เห็นหรือยังว่า ถ้าผมไม่มาด้วย วิจะต้องเสียดายมากธรรมชาติแบบนี้มาคนเดียวเหงาแย่"
วิกันดาหันมามองอนิรุทธิ์แล้วจะขยับตัวหนี แต่อนิรุธิ์ไม่ยอม "ไม่เอาน่า
อย่าฝืนใจตัวเองเลย เวลานี้เรามีความสุขก็ปล่อยไปให้เต็มที่ดีกว่า"
"ฉันไม่ได้มีความสุข" "นี่แหละรสชาติของชีวิต
สุขบ้างทุกข์บ้างสลับกันไปเหมือนอาหารไง ต้องมีหลายๆ รสถึงจะอร่อย" "มิน่า
เพราะฉันเป็นอาหารรสเดียวนี่เอง คุณถึงต้องดิ้นรนคอยหารสอื่นๆ มาเติมอยู่เรื่อย"
"เห็นไหม คุณเริ่มเข้าใจผมแล้ว" เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
วิเปิดกระเป๋าหยิบมือถือขึ้นมา "ขอโทษนะคะ" วิกันดาเดินห่างอนิรุทธิ์ไปรับโทรศัพท์
อนิรุทธิ์ มองตามพลางนิ่วหน้า แต่พอเห็นวิกันดาพูดโทรศัพท์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
เสียงเบาๆ ราวกับไม่อยากให้ใครได้ยิน ก็ยิ่งไม่พอใจจึงเดินเข้าไปหา "ค่ะ
พรุ่งนี้พบกัน" วิกันดาปิดโทรศัพท์ "นายเจนจบใช่ไหม" อนิรุทธิ์ยิงคำถาม
วิกันดาสวนว่า จะต้องสนใจอะไร "คุณเป็นเมียผมนะวิ" "อ้อ หรือคะ"
วิกันดายิ้มแล้วขอตัวไปหาท่านผู้หญิง อนิรุทธิ์มองตามหงุดหงิดสุดๆ เมื่อ
กลับมาถึงโรงแรมในตอนค่ำ ทุกคนก็ต้องอึ้งเพราะอรอินทร์มาดักรออนิรุทธิ์
เธอเข้ามาทักทายทุกคนอย่างเนียนๆ
แล้วตรงไปเกาะแขนอนิรุทธิ์ชวนพูคุยราวกับว่ามีกันอยู่แค่สองคน คุณหญิงกับเพื่อนๆ
พูดไม่ออก ส่วนวิกันดาสีหน้าเรียบเฉย อนิรุทธิ์ชวนอรอินทร์ทานอาหารด้วยกัน
แล้วขอตัวขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน
"งั้นอรขึ้นไปด้วยนะคะขี้เกียจนั่งรอแถวนี้" อรอินทร์จึงมืออนิรุทธิ์เดินออกไป ท่าน
ผู้หญิงตามวิกันดามาที่ห้องและพูดให้กำลังใจว่า อย่ายอมแพ้
เพราะท่านดูออกว่าอนิรุทธิ์ยังรักวิกันดาอยู่
วิกันดาที่ก้มหน้านิ่งเงยขึ้นตาถึงจะเศร้าแต่ก็มีแววตัดสินใจ เอ่ยว่า
"ดิฉันไม่แน่ใจค่ะ" "วิกันดา" ท่านผู้หญิงเรียก อร
อินทร์บอกกับอนิรุทธิ์ว่าจะไปคุยกับวิกันดาที่ห้องเพราะขี้เกียจนั่งรอ
อนิรุทธิ์อาบน้ำ แต่อนิรุทธิ์ลังเลเพราะกลัวมีปัญหากันอีก อรอินทร์รีบอ้อนว่า
"อรอยากให้คุณพี่เข้าใจอรว่าไม่ได้มีเจตนาจะแย่งพี่รุทธิ์เลย" อนิรุทธิ์
คล้อยตามจึงยอมตกลง อรอินทร์ยิ้มร้ายเดินไปเคาะประตูห้องวิกันดา
และเมื่อวิกันดาออกมาเปิด เธอก็เห็นท่านผู้หญิงนั่งคุยอยู่กับวิกันดา
ท่านผู้หญิงเหลือบมองอรอินทร์แล้วเอ่ยว่า "ดิฉันกำลังจะกลับพอดี
เดี๋ยวพบกันนะคะคุณวิกันดา" "ค่ะ" วิกันดาเดินไปส่งท่านผู้หญิงที่ประตู
ท่านผู้หญิงแตะแขนวิกันดาเป็นเชิงปลอบใจแล้วเดินออกไป วิกันดาหันมาถามอรอินทร์ว่า
มีธุระอะไร "อรมาอาศัยนั่งรอพี่รุทธิ์น่ะค่ะ พี่รุทธิ์จะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
ถ้าอรเข้าไปรอในห้องมันจะดูน่าเกลียด" อรอินทร์กรีดกรายทรุดตัวลงนั่ง
วิกันดายิ้มเยาะสวนว่า "รู้จักคำว่าน่าเกลียดเหมือนกันหรือ" "
คุณพี่นี่ช่างประชดประชันนะคะ อรจะบอกให้ว่า พวกผู้ชายเขาไม่ชอบหรอก มันไม่น่ารัก
นี่แสดงว่าคุณพี่ไม่มีเสน่ห์ คุณพี่เคยนับไหมคะว่าตั้งแต่แต่งงานกันมา
พี่รุทธิ์มีกิ๊กไปกี่คนแล้ว" "คุณอร" " เวลาอยู่ต่อหน้าคุณพี่
พี่รุทธิ์จะมาหวานบอกว่ารักคุณพี่คนเดียว
ผู้หญิงอื่นหมื่นแสนไม่มีวันจะเทียบเท่าคุณพี่ได้
ผู้ชายที่กำลังนอกใจเมียเขาก็พูดอย่างนี้กันทุกคนนั่นแหละค่ะ แล้วก็แปลกนะคะ
พวกเมียหน้าโง่ก็มักจะเชื่อเสียด้วย" "ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้"
วิกันดาชักหมดความอดทน "ถ้าอรไม่ออก คุณพี่จะทำอะไรอรหรือคะ หรือว่าจะตบอร"
อรอินทร์ลุกขึ้นท้าทาย วิ กันดากำมือแน่น อรอินทร์ยิ้มเยาะแล้วพูดต่อ
"ถ้าอรเป็นคุณพี่ละก็ อรหย่ากับพี่รุทธิ์ไปแล้ว
คิดดูซิคะว่าคนอื่นเขาจะมองคุณพี่ยังไง เพราะพี่รุทธิ์ไม่ได้เกรงใจคุณพี่เลย
เขากล้าพาอรมาที่นี่ทั้งๆ ที่เพื่อนๆ ไฮโซของคุณพี่อยู่กันเยอะแยะ
คุณพี่ไม่อายหรือคะ อรถาม จริงๆ เถอะ" "ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ออกไป" " ทำไมคะ
คุณพี่จะตบอรหรือ คุณพี่ทำไม่ได้หรอก เชิญคุณพี่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เถอะค่ะ
อรจะไปรอในห้องพี่รุทธิ์ อ้อ ถ้าคุณพี่เปลี่ยนใจไม่ยอมไปทานข้าว คนอื่นๆ
เขาต้องคิดแน่เลยค่ะว่าคุณพี่ชอกช้ำระกำใจ เดี๋ยวพบกันนะคะ" อรอินทร์กรีดกรายออกไป
วิกันดากำมือแน่น อรอินทร์มาร่วมโต๊ะอาหารกับทุก คนอย่างไม่สะทกสะท้าน
แถมยังชวนพูดคุยไม่หยุด
และคอยดูแลเอาใจวิกันดาอย่างแนบเนียนท่ามกลางสีหน้าที่พยายามทำให้เป็นปกติ
ที่สุดของวิกันดา ทุกคนในโต๊ะอึดอัดใจ เพราะไม่รู้ว่าวิกันดาคิดอะไรอยู่กันแน่
และหลังจากทานอาหารเสร็จ อรอินทร์ก็ขอตัวกลับโรมแรม เธอรีบไปเม้าท์ให้วรนารีฟังว่า
"อยากให้แกเห็นหน้านังเมียหลวงจัง เหมือนนักมวยถูกน็อคยังไงยังงั้น
จุกจนพูดอะไรไม่ออกเลย สมน้ำหน้า" "แกไม่ได้ไปกรี๊ดกร๊าดอาละวาดนะ" วรนารีย้ำ
"เปล๊า ก็แกบอกเองว่า ริจะแย่งผัวผู้ดีก็ต้องแย่งแบบผู้ดี
ไอ้ที่จะตบตีกันแบบโลโซไม่มีแน่" "ดีจ้า แต่อย่าให้หลุดเป็นอันขาดเชียวนะ"
วรนารีนึกขำ "เออ ไม่ให้หลุดหรอกน่ะ" อรอินทร์หัวเราะร่วน
อนิรุทธิ์ตามมาง้อวิกันดาถึงในห้องพัก
และอ้างว่าที่อรอินทร์ทำลงไปก็เพื่อแสดงความบริสุทธิ์
"ความบริสุทธิ์ใจที่แย่งสามีคนอื่นน่ะหรือคะ" วิกันดาแค่นหัวเราะ "
หึงอีกแล้วซินั่น ไม่ดีใจหรือที่สามีของคุณดีจนมีผู้หญิงมารุมรัก วะตาชิวะ
อะนาตะโอ๊ะ ไอชิมาสึ แต่ผมรักคุณนะวิ รักมากกว่าใครทั้งหมด"
อนิรุทธิ์เข้ามากอดแล้วจะก้มลงจูบวิกันดา
แต่วิกันดาเบี่ยงหน้าหลบแล้วผลักอนิรุทธิ์ออกห่างอย่างรังเกียจ "คุณออกไปได้แล้ว
ฉันจะนอน" "ก็นอนไปซิครับ" อนิรุทธฺทำไม่รู้ไม่ชี้ "คุณอนิรุทธิ์ กรุณาออกไปค่ะ"
วิกันดาเสียงเข้ม "ผมง้อคุณมากแล้วนะวิ คุณจะใจแข็งไปถึงไหน" " ฉันไม่ได้ใจแข็ง
แต่มันสุดจะทนกับความมักง่ายของคุณกับความหน้าด้าน ของผู้หญิงคนนั้นอีกต่อ ไป
ฉันเคยบอกแล้วนี่ว่า ความอดทนของมนุษย์มันมีขีดจำกัด" "นี่คุณพูดจริงๆ ใช่ไหมวิ"
อนิรุทธิ์อึ้ง "ใช่ค่ะ แล้วยังจะมีที่จริงกว่านี้อีก คุณคอยดูไปก็แล้วกัน"
วิกันดาตอบชัด อนิรุทธิ์มองวิกันดาราวกับจะค้นหาเยื่อใย
แต่พบเพียงความว่างเปล่าในดวงตาของเธอ อนิรุทธิ์ กลับมาที่ห้องพักก็โทรหาอรอินทร์
อรอินทร์รีบอ้อนออดออเซาะเพราะรู้ดีว่าอนิรุทธ์ต้องทะเลาะกับวิกันดาแน่
อนิรุทธิ์ขอร้องอรอินทร์ว่าอย่ามาที่โรงแรมอีก
และรับปากว่าเขาจะไปเป็นฝ่ายไปหาเธอเอง อรอินทร์รับคำอย่างว่าง่าย
อนิรุทธิ์วางสายบอกกับตัวเองว่า "ยังดีที่อีกคนพูดง่าย" แล้วอนิ
รุทธิ์ก็โทรกลับไปหาลูกๆ ที่เมืองไทยพร้อมกับฟ้องว่าวิกันดายังงอนไม่หาย
และขอให้ลูกๆ ช่วยคุยกับแม่ให้หน่อย สองพี่น้องรับคำ
อนิรุทธิ์จึงขอคุยกับอนงค์นารถที่มาอยู่แลพวกเด็กต่อ แต่ก็โดนอนงค์นารถว่าแขวะ
จนพูดไม่ออกจึงต้องวางสาย เช่นเดียวกับอรอินทร์ที่โทรหานิ่ม
แต่กลับโดนบัวสั่งสอนจนต้องปิดโทรศัพท์ เจน
จบกับเค็นมาพบวิกันดาที่ห้องอาหารในโรงแรม ทั้งสามพูดคุยกันอย่างถูกคอ
อนิรุทธิ์ลงมาเห็นก็ไม่พอใจจึงเข้าไปพาลหาเรื่อง
แต่ก็โดนเจนจบว่าสวนกลับเรื่องอรอินทร์ "อรอินทร์เป็นอดีตภรรยาของคุณ
แต่วิกับผมยังเป็นสามีภรรยากันอยู่" อรนิรุทธิ์อ้าง "ครับ คุณเป็นคนโชคดี
ใครที่ได้แต่งงานกับผู้หญิงอย่างคุณวิกันดา ผมถือว่าเป็นคนที่โชคดีที่สุด" "
อย่าลืมว่า คนดีเกินไปมันก็น่าเบื่อเหมือนกันนะคะ เหมือนอาหารที่ต้องมีหลายๆ
รสถึงจะทานได้ไม่เบื่อ จริงไหมคะ รุทธิ์" วิกันดาแขวะ อนิรุทธิ์พยายามข่มอารมณ์สุดๆ
อนิรุทธิ์ตามวิกันดาและกลุ่ม ของท่านผู้หญิงมาเที่ยวด้วย
แต่ดูท่าทางเขาไม่มีความสุขนักเพราะวรนารีโทรมาตามอ้างว่าอรอินทร์ไม่สบาย
ไม่มีคนดูแล อนิรุทธิ์เข้ามาบอกเรื่องนี้กับวิกันดา "คุณจะไปไหนก็เชิญตามสบาย
พรุ่งนี้ฉันจะไปแล้ว" วิกันดาตอบ อนิรุทธิ์รีบซักว่าจะไปไหน "โอซากาค่ะ
เพราะจะไปเกียวโตนาราด้วย หลังจากนั้นก็จะกลับบ้าน ส่วนคนอื่นเขาจะแวะฮ่องกง"
อนิรุทธิ์ต่อรองให้วิกันดารอกลับพร้อมกัน แต่วิกันดาปฏิเสธ เธอบอกว่าคิดถึงลูก
"แล้วพ่อของลูกล่ะไม่คิดถึงหรือ" อนิรุทธิ์อ้อน "ทำไมจะต้องคิดถึง" "เดี๋ยวนี้
คุณไม่มีเยื่อใยกับผมเลยไม่มีจริงๆ" " ฉันไม่คิดจะมีเยื่อใยกับใครแล้วนอกจากลูก
ฉันเชื่อว่าฉันเป็นทั้งพ่อและแม่ให้เขาได้
และเราจะพูดเรื่องนี้กันอีกทีเมื่อคุณกลับบ้าน ลาก่อนค่ะ
แล้วก็ไม่ต้องรักษาหน้าด้วยการไปส่งฉันหรอก ทุกคนเขารู้กันหมดแล้วว่าอะไรเป็นอะไร"
วิกันดาเดินจากไป อนิรุทธิ์ยืนอึ้ง0000000000000000 วัน ต่อมา
ท่านผู้หญิงพาวิกันดากับเพื่อนๆ ในกลุ่มไปเที่ยวที่ พลับพลาทองกิงกากุจิ
และมีเจนจบกับเค็นร่วมคณะไปด้วย วิกันดาเข้าไปเสี่ยงเซียมซีได้ใบหนึ่ง
เธอขอให้เค็นช่วยแปลให้ฟัง "ด้วย ความยินดีครับ เวลานี้ กำลังอยู่ในฤดูใบไม้ร่วง
รอฤดูใบไม้ผลิที่ใกล้จะมาถึงชีวิตมีครึ่งเดียวจงอดทนเบิกบานสิ่งที่เต็มตื้น
มาไม่รู้ตัวโชคลาภ และคนที่รักเป็นของเรา" เค็นแปล วิกันดายิ้มรับพร้อม กับคำขอบคุณ
แล้วเดินเลี่ยงออกมา
เพราะเพื่อนๆของท่านผู้หญิงเข้ามารุมให้เค็นช่วยแปลเซียมซีของพวกเธอ
เจนจบเดินตามวิกันดาออกมาพร้อมเปรยว่า "คล้ายๆ กับคำพังเพยของเราที่ว่า
หลังฝนตกท้องฟ้าย่อมแจ่ม ใสนะครับ คุณเป็นคนดี คนดีย่อมได้รับผลดีตอบแทน"
"ไม่เสมอไปหรอกค่ะ คุณเจนจบจะกลับเมืองไทยเมื่อไหร่คะ" วิกันดาเปลี่ยนเรื่อง
"ก็คงหลังคุณประมาณวันสองวันนั่นแหละครับ พรุ่งนี้ผมจะไปส่งคุณที่สนามบิน"
"ขอบคุณมากค่ะ แล้วพบกันที่เมืองไทย" "ครับ อีกไม่กี่วันเท่านั้น"
สีหน้าแววตาเจนจบบอกความในใจชัดแจ้ง วิกันดารีบเบือนหน้าหนี วิ
กันดาโทรมาบอกอนงค์นารถที่กำลังจะพาเด็กๆ ขึ้นนอนว่า
เธอมาถึงสนามบินแล้วและกำลังจะเรียกแท็ซี่กลับบ้าน พร้อมกับย้ำว่า ถ้าเด็กๆ
เข้านอนแล้วก็ไม่ต้องไปปลุก อนงค์นารถนึกสงสัยที่วิกัน
ดากลับมาเร็วกว่ากำหนดจึงชวนเตื้องออกไปรอรับที่หน้าบ้าน
และเมื่อวิกันดามาถึงเธอก็ยิงคำถามที่คาใจใส่ทันที แต่วิกันดาเลี่ยงที่จะตอบ
เธอชวนอนงค์นารถนอนค้างด้วยกันอีกคืน เช้าวัน ต่อมา หลังจากส่งลูกๆ ไปโรงเรียนแล้ว
วิกันดาก็ชวนอนงค์นารถไปหาฉวีเพ็ญที่บ้านเพื่อนำของฝากไปให้และปรับทุกข์
เรื่องอนิรุทธิ์กับอรอินทร์ ฉวีเพ็ญเป็นเดือดเป็นแค้นออกปากว่า
ถ้าอรอินทร์กลับมาเมื่อไหร่ให้บอกด้วยเพราะจะไปตบ วิกันดารีบห้าม แล้ว
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วิกันดาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วนิ่วหน้า
ฉวีเพ็ญกับอนงค์นารถยื่นหน้าเข้ามาดูแล้วฉวีเพ็ญก็ดึงโทรศัพท์มากดรับสายเอง
เสียงอรอินทร์ทักทายมาตามสายพร้อมกับถามหาด็อกเตอร์วิกันดา
"ด็อกเตอร์วิกันดาไม่ว่างพูด แต่ด็อกเตอร์ฉวีเพ็ญพูดแทนได้"
"หน้าอย่างแกน่ะเรอะด็อกเตอร์" อรอินทร์ว่า "เออ ด็อกเตอร์ด่าไง
แกก็ด็อกเตอร์เหมือนกันนี่ ด็อกเตอร์ด้านไงด็อกเตอร์ด่ากับด็อกเตอร์ด้าน
รับรองว่าเจอกันมันส์หยด" " มันแน่ คราวก่อนฉันยังไม่ทันระวังตัว
ต่อไปอย่าได้หวังว่าจะตบฉันฟรี
สุดท้ายนี้ฝากบอกคุณพี่วิกันดาสุดที่รักของฉันด้วยว่า สามีของเธอนี่สุดยอด
กลับไปนี่ชักจะไม่อยากคืนให้แล้ว" อรอินทร์รีบปิดโทรศัพท์ทันทีก่อนที่เพ็ญจะตอบ
ฉวีเพ็ญฉุนจัดหันมาฟ้องอนงค์นารถ "วิ ตัวเองทนได้ยังไง" อนงค์นารถไม่เข้าใจ
"ไม่รู้เหมือนกัน แต่ต่อไปนี้จะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว" วิกันดาสีหน้าเด็ดเดี่ยว อนงค์
นารถกับฉวีเพ็ญนำเรื่องวิกันดากับอนิรุทธิ์ไปปรึกษาสามีของพวกเธอเพื่อหาทาง
ช่วยเพื่อน พลเวทย์แนะนำอนงค์นารถว่า เป็นเพราะกรรมและสอนให้
อนงค์นารถรู้จักปล่อยวาง ส่วนสีหนาทก็บอกกับฉวีเพ็ญว่า
เรื่องพวกนี้มันอยู่นอกเหนือความสามารถที่จะไปช่วย แล้วไล่ฉวีเพ็ญไปล้างรถ
อนิรุทธิ์ อยู่เที่ยวต่อกับอรอินทร์อย่างไม่มีความสุขนัก
เพราะหึงเจนจบกับเค็นที่เข้ามาสนิทสนมกับวิกันดา
อรอินทร์พอจะเดาออกจึงเข้ามาอ้อนชวนอนิรุทธิ์กลับเมืองไทยอ้างว่า
เธอก็คิดถึงลูกเหมือนกัน อนิรุทธิ์สบายใจขึ้นรีบพาอรอินทร์กลับเมืองไทย ถาวร
มาพบวิกันดาที่บ้าน เพราะไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เขาขอโทษวิกันดาจากใจจริงและยอมรับว่าเป็นความผิดของเขาเองที่ชวนอนิรุทธิ์
ไปรับอรอินทร์ที่สนามบินในวันนั้น "เขาก็คงพบกันวันอื่นอยู่ดี อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ"
วิกันดาว่า " คุณวิ ผมรู้จักอนิรุทธิ์ดี
เขาไม่คิดจะจริงจังกับใครหรอกแม้กระทั่งน้องสาวของผม ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็รักคุณ
ผู้ชายเจ้าชู้อย่างเขาไม่หยุดอยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่งหรอก แม้แต่น้องสาวของผม
ถ้าคุณทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น" ถาวรหาทางออก "พูดน่ะ พูดง่าย แต่ทำยาก
ยากมากแต่ถึงอย่างไรก็ต้องขอบคุณที่คุณถาวรหวังดี
วันนี้เขาคงกลับแล้วและดิฉันคิดว่าคงจะต้องพูดเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียที"
สีหน้าวิกันดาดูเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ถาวรเห็นแล้วก็ใจหาย จึงแอบกระซิบบอกกับบัวว่า
"ผมสังหรณ์ว่า คุณวิไม่ให้อภัยอนิรุทธ์อีกต่อไป" วิ กันมาทำงานวันแรก
ท่านผู้หญิงก็เรียกไปพบแล้วแนะนำให้เธอรู้จักกับคุณหญิงแวววรรณเพื่อนนัก
เรียนสมัยมัธยมและนุดีหลานสาวของคุณหญิง เพราะจะฝากให้นุดีไปทำงานกับวิกันดา
วิกันดามองนุดีอย่างใคร่ครวญและนึกถูกชะตา
เธอพานุดีมาที่ห้องทำงานและฝากให้นพวรรณเลขาฯช่วยดูแล "ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ
หนูจะช่วยดูแลเต็มที่" นพวรรณรีบเอาใจ ใน
ตอนเที่ยงท่านผู้หญิงชวนวิกันดาไปทานอาหารด้วยกันและคุยเรื่องนุดีให้ฟังว่า
เธอเป็นเด็กที่น่าสงสารเพราะสามีของแวววรรณคิดจะรวบหัวรวบหางจนถึงกับเอ่ย ปากขอ
วิกันดาฟังแล้วก็เศร้าเปรยว่า "ผู้ชายนี่ไม่รู้จักพอจริงๆ"
ท่านผู้หญิงนิ่งไปนิดแล้วถามต่อ "ได้ข่าวว่า
ผู้หญิงคนนั้นเข้านอกออกในบ้านคุณวิกันดา โดยไม่มีเกรงใจเลยหรือ" "ค่ะ
แต่จะโทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก ของอย่างนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกค่ะ"
"แล้วนี่จะเป็นยังไงต่อไป" "ดิฉันก็ยังไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่คิดว่า
คงจะทนได้อีกไม่นาน" วิกันดาตอบ ท่านผู้หญิงถอนใจ
อนิรุทธิ์กลับมาถึงเมืองไทยพร้อมกับกุหลาบแดงช่อใหญ่มาเซอร์ไพรส์วิกันดา
แต่วิกันดาไม่ใยดี เธอบอกกับเขาว่า "อย่าว่าแต่ของขวัญของคุณเลยค่ะ แม้แต่ตัวคุณ
ฉันก็ไม่ยินดียินร้ายเหมือนกัน" " ผมรู้ว่าผมผิดที่ให้คุณกลับมาก่อนหลายวัน
ความจริงผมกับอรก็จะกลับตั้งแต่ 2-3 วันที่แล้ว แต่ก็อย่างที่คุณรู้ อรน่ะไม่สบาย"
อนิรุทธิ์ตามง้อ "ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยค่ะ แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย" " วิ
ผมอยากให้คุณรู้ว่า คุณเป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับผม ของทุกอย่างที่ผมให้คุณ
ผมจะต้องเลือกที่ดีที่สุด สวยที่สุด เหมือนดอกกุหลาบที่..." อนิรุทธิ์พูดไม่ทันจบ
วิกันดาก็สวนว่า "ฉันไม่เคยต้องการสิ่งปรุงแต่ง
สำหรับฉันค่าของสิ่งของขึ้นอยู่กับจิตใจ ถ้าจิตใจไม่มีค่า
ของเหล่านั้นก็พลอยไม่มีค่าไปด้วย ตรงกันข้ามถ้าคุณมีความจริงใจกับฉัน
แม้แต่ดอกหญ้าเพียงดอกเดียวก็มีค่าที่สุดแล้ว" วิกันดาเดินหนี "วิ
ถ้าคุณไม่ต้องการมันก็ขยี้ทิ้งเสียเลยก็ได้" อนิรุทธิ์เดินออกไป
วิกันดายืนนิ่งครู่หนึ่งแล้วเดินต่อ
อรอินทร์ทำเป็นทอดถอนใจเมื่อได้ฟังเรื่องราวที่อนิรุทธิ์เล่า
แล้วแสร้งทำฟูมฟายโทษตัวเอง " เป็นความผิดของอรเองค่ะ
ถ้าอรเกิดไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา คุณพี่ก็คงไม่โกรธพี่รุทธิ์ขนาดนี้ เธอคิดว่า
อรแกล้งไม่สบายให้พี่รุทธิ์อยู่ต่อน่ะค่ะ ถ้าเป็นอร อรก็ต้องคิดอย่างนั้น
พี่รุทธิ์อย่าโทษเธอเลยนะคะ" "ถ้าวิเข้าใจอะไรง่ายๆ เหมือนอร ทุกอย่างก็คงจะดีขึ้น"
"เป็นธรรมดาค่ะ คุณพี่เธอเป็นเมียหลวง ส่วนอร
อรเป็นเมียน้อยแล้วอรก็รักพี่รุทธิ์มากเหลือเกิน"
อรอินทร์บีบน้ำตาอาสาจะไปอธิบายให้วิกันดาเข้าใจ
อนิรุทธิ์รีบห้ามเพราะกลัววิกันดาจะยิ่งเข้าใจผิด อรอินทร์ตีหน้าซื่อรับคำ วัน
ต่อมา อรอินทร์ไปหาวิกันดาที่สำนักงานและหลอกนพวรรณว่า เธอเป็นน้องสาวของวิกันดา
นพวรรณเป็นปลื้มรีบพาไปพบ เพราะจำได้ว่าอรอินทร์เป็นนางแบบ
อรอินทร์มาพูดเย้ยวิกนดาเรื่องดอกกุหลาบที่อนิรุทธิ์สั่งจากเนเธอร์แลนด์มา
ให้ว่าเป็นไอเดียของเธอเอง "โอ๊ะ อย่าเพิ่งกระอักเป็นเลือดจนกว่าจะฟังให้จบก่อนค่ะ
เรื่องก็มีอยู่ว่าพี่รุทธิ์ปรึกษาอรว่าจะซื้ออะไรมาง้อคุณพี่ดีที่ไปเที่ยว
ญี่ปุ่นกับอรนานเกินไปหน่อย
อรเลยบอกว่าน่าจะเป็นดอกกุหลาบแล้วก็ต้องจากเนเธอร์แลนด์ด้วย เพราะสีสด ดอกใหญ่
ก้านแข็งแรง ทนทานเหมือนคุณพี่ เครื่องประดับน่ะคุณพี่มีเยอะแยะ
คงไม่อยากได้เท่าไหร่หรอก อรน่ะทั้งรักทั้งหวังดีกับคุณพี่จริงๆ นะคะ
ตอนที่อยู่ญี่ปุ่นนั้นก็เหมือนกัน
บรรดาคุณหญิงคุณนายไฮโซเพื่อนคุณพี่คงนินทากันปากมันไปเลย ก็ผู้หญิงเราน่ะ
เวลาจับกลุ่มกันก็มีอยู่ 2 อย่าง ไม่กินก็นินทาแต่อย่างหลังนี่น่าจะมันกว่า"
"เธอจะมานั่งพล่ามเรื่องพวกนี้ทำไม ถ้าไม่ออกไปเดี๋ยวนี้ ฉันจะเรียก ร.ป.ภ.
มาลากออกไป" "ถ้าทำอย่างนั้น ก็เท่ากับคุณพี่ประจานตัวเอง"
"เธอต่างหากที่ประจานตัวเอง ประจานที่ญี่ปุ่นไม่พอ ยังกลับมาประจานที่นี่อีก
ใครที่ไม่รู้ก็จะได้รู้ ถามจริงๆ คุณไม่อายบ้างหรือ" "
ความรักทำให้อรกลายเป็นผู้หญิงหน้าด้านอย่างที่คุณพี่กำลังด่าอรอยู่ในใจค่ะ
อรรักพี่รุทธิ์มากเหลือเกิน รักจริงๆ มันเป็นกรรมของอรที่เลิกรักพี่รุทธิ์ไม่ได้
เหมือนกับคุณพี่ที่เลิกรักเขาไม่ได้นั่นแหละค่ะ เฮ้อ เราสองคนนี่หัวอกเดียวกันแท้ๆ
เลย นี่อรพูดแบบเปิดอกเลยนะคะ" อรอินทร์ทำตาละห้อย "ไม่ต้องมานั่งพล่ามอยู่หรอก
ถ้าอยากได้เขาก็เอาไปเลย เอาไป" วิกันดาลุกขึ้น "แน่นะคะ
ให้แล้วเอาคืนมะรืนนี้ตายด้วย แล้วจะหาว่าน้องไม่เตือน"
อรอินทร์ยกนิ้วส่ายไปมาทำสุ้มทำเสียงแล้วเดินออกไป วิกันดากำมือแน่น
พยายามระงับอกระงับใจ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งช้าๆ ใน ตอนเย็น
วิกันดาเห็นนุดีเดินอยู่ข้างทางก็จอดรถรับให้ไปด้วยกันและเมื่อรู้ว่านุดี
พักอยู่ที่คอนโดแถวลาดพร้าวซึ่งเป็นทางผ่านก็จะไปส่ง นุดีเกรงใจขอลงที่ป้ายรถเมล์
แต่วิกันดาก็ยืนยันว่าเป็นทางผ่านจริงๆ และเมื่อมาถึงที่หน้าคอนโด
นุดีก็ชวนวิกันดาขึ้นไปบนห้องเธอก่อน "เอาไว้วันหลังดีกว่า
วันนี้สัญญากับลูกว่าจะไปรับ" วิกันดาว่า นุดียกมือไหว้ขอบคุณ
วิกันดาขับรถออกไปเห็นยุทธการเดินสวนออกมารับนุดี ยุทธการ
ปรึกษากับนุดีว่าอยากหางานทำเพราะอีกไม่กี่เดือนก็จะเรียนจบแล้ว
แต่นุดีแนะนำว่าควรจะเรียนโทต่อเพราะตอนนี้หางานยากและคนตกงานก็เยอะ
"เรียนโทต้องใช้เงินเยอะ ยังไงผมก็คงทำงานไปด้วย นุดี สัญญากับผมได้ไหม"
ยุทธการจ้องหน้านุดี " นุดีไม่อยากสัญญากับใคร เพราะอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน
อย่าว่าแต่ปีหน้าหรือปีโน้นเลย แม้แต่พรุ่งนี้ก็ยังเอาแน่ไม่ได้
นุดียังไม่อยากผูกมัดตัวเอง ยุทธก็เหมือนกัน เราสองคนมีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะ
ยังต้องเจอใครต่อใครอีกมากมาย ถ้าหากถึงวันที่เราทั้งสองคนพร้อม
และที่สำคัญเรายังไม่มีใคร ค่อยมาพูดกันอีกครั้ง
ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันไปก่อนเถอะนะ" นุดีรีบออกตัว "นุดีพูดเหมือนมีใครอยู่" "โอ๊ย
นุดีไม่มีใครเลย แม้แต่ตัวเองยังเอาไม่รอด แล้วจะไปหาห่วงทำไม
อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย ปวดหัว" นุดีจิ้มแตงโมใส่ปากยุทธซึ่งกำลังจะพูด ทั้ง 2
หัวเราะกันสนุกสนาน อนิรุทธิ์ กลับมาถึงบ้านตอนตีหนึ่ง และพบว่าวิกันดารออยู่
เธอบอกกับเขาว่า มีเรื่องจะคุยด้วยแล้วเดินนำมาที่ห้องรับแขก
อนิรุทธิ์ทิ้งลงนั่งถามว่า "เรื่องสำคัญอะไรหนักหนา ถึงต้องมาพูดกันตอนตี 1" "
ก็เพราะคุณกลับมาตี 1 ฉันคิดว่าเราควรจะหย่ากันเสียที
ฉันใคร่ครวญเรื่องนี้มาสักพักใหญ่ๆ แล้ว" วิกันดาตัดสินใจแน่วแน่
อนิรุทธิ์อึ้งไปนิดแล้วอ้างถึงลูก "ก็เพราะฉันเห็นแกลูกน่ะซิคะ ถึงต้องขอหย่า"
"ผมไม่หย่า คุณอยากหย่าก็หย่าไปคนเดียว"
"แล้วคุณจะถ่วงไว้ทำไมในเมื่อเราไม่ได้รักกันแล้ว" " ผมรักคุณ จะให้บอกกี่ครั้งๆ
ผมก็ขอยืนยันว่าผมรักคุณ
ทำไมคุณไม่ยอมเข้าใจบ้างว่าสันดานผู้ชายมันก็เป็นอย่างนี้แหละ
คุณอยากได้สามีแบบพลเวทย์ที่ทิ้งเมียไปอยู่วัด
หรือจะเอาอย่างสีหนาทที่ใช้เมียจนไม่ลืมหูลืมตา คุณจะเอาอย่างนั้นหรือวิ"
"อย่างน้อยสองคนนั้นเขาก็ไม่ทำให้เมียเขาต้องช้ำใจ และเพ็ญกับนารถก็มีความสุขดี
ฉันต้องการหย่า" "ผมไม่หย่า ยังไงๆ ก็ไม่หย่า" อนิรุทธิ์เดินหงุดหงิดออกไป
ในขณะที่วิกันดาเองก็หงุดหงิดเช่นกัน อนิรุทธิ์
ลงมาเตรียมอาหารเช้าให้วิกันดาและลูกๆ เพราะหวังให้วิกันดาหายโกรธ
แต่วิกันดาปฏิเสธที่ที่จะทานอาหารฝีมืออนิรุทธิ์ เธอบอกกับลูกๆ
ว่าจะออกไปรอที่รถแล้วลุกเดินออกไปทันที นวลมองตามอย่างตำหนิ
แล้วแอบไปบ่นกับเตื้องที่ในครัว "หมั้นไส้คุณผู้หญิง
พอคุณผู้ชายง้อก็ทำเป็นเล่นตัว" " แกไม่รู้อะไรก็อย่าพูด
คุณผู้หญิงเธอเจ็บช้ำระกำใจมาตั้งนาน
แค่ข้าวต้มปลากระพงกับน้ำส้มคั้นคงไม่ได้ทำให้หายเจ็บง่ายๆ หรอก" เตื้องสวน วิ
กันดาเดินเข้ามาในห้องทำงานก็กุหลาบสีแดงปักแจกันสวยงามวางอยู่
เธอหันมาถามนพวรรณว่าใครส่งมา แต่นพวรรณไม่ทราบ แล้วอนิรุทธิ์ก็โทรเข้ามา
เขาเอ่ยถามวิกันดาว่า กุหลาบสวยถูกใจไหมและชวนเธอไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน
วิกันดาปฏิเสธ แล้วทิ้งท้ายว่า "ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้วค่ะ คุณอนิรุทธิ์"
วิกันดาปิดโทรศัพท์มองแจกันกุหลาบอย่างปวดร้าว ในขณะที่อนิรุทธิ์ก็ถอนใจเฮือก วิ
กันดารับนุดีมาส่งที่คอนโดด้วยในตอนเย็น และในระหว่างทาง
วิกันดาก็ถามนุดีเรื่องยุทธการ เพราะเข้าใจว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน นุดีปฏิเสธว่า
ยุทธการเป็นเพื่อนผู้ชายที่สนิทที่สุดของเธอ
"การที่เราจะยอมรับใครสักคนต้องดูกันนานๆ" วิกันดาสอนต่อ "ค่ะ
หนูก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เอ้อ คุณกับสามีดูกันนานกี่ปีคะ" นุดีทำท่าเกรงใจ
วิกันดายิ้มขมๆ ตอบว่า "สามปี แต่ อาจจะยังไม่นานพอก็ได้" วิกันดาพึมพำกับตัวเอง
นุดีลอบมองอย่างครุ่นคิด วิกันดากลับมาถึงบ้านก็พบอนิรุทธิ์กำลังเล่นอยู่กับลูกๆ
เธอนึกแปลกใจ แล้วนุ่นกับโหน่งก็วิ่งเข้ามาสวัสดี
"คุณขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วค่อยลงมาทานของว่างด้วยกัน"
อนิรุทธิ์เอ่ยทัก วิกันดาจะปฏิเสธ แต่อนิรุทธิ์รีบพูดต่อ
"หรือถ้าคุณหิวจะทานเดี๋ยวนี้ก็ได้" วิ กันดาขยับจะเดินเข้าบ้าน เสียงแตรรถดังขึ้น
ทุกคนหันไปมอง เห็นรถของอรอินทร์แล่นเข้ามาจอด
อรอินทร์ก้าวลงมาจากรถพร้อมด้วยบัวและนิ่ม
วิกันดาเม้มปากสบตาอรอินทร์ที่ส่งสายตาท้าทาย

เมียหลวง 5

วิกันดาเดินกลับเข้ามาในห้อง
เธอทรุดตัวลงนั่งสีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความกล้ำกลืนฝืนทน อรอินทร์มาเคาะประตูเรียก
วิกันดาพยายามอดกลั้นสุดลุกมาเปิดประตู
ก็เห็นอรอินทร์มีสีหน้าเย้ยหยันแล้วแกล้งทำเป็นตกใจทักว่า "อุ๊ยตาย
นั่นคุณพี่คงไม่ได้กำลังร้องไห้หรอกนะคะ
อรน่ะเป็นห่วงกลัวคุณพี่จะร้องไห้เศร้าโศกเสียใจ"
"แล้วทำไมพี่ถึงจะต้องเศร้าโศกเสียใจด้วยล่ะคะ" วิกนดาเลิกคิ้ว "ก็นั่นน่ะซีคะ
คุณพี่น่ะทำหน้าชื่นอกตรมเก่งจะตาย
อย่างเช่นตอนนี้อรรู้นะว่าหัวใจของคุณพี่กำลังร้องไห้" อรอินทร์แหย่
วิกันดายิ้มเยาะบอกว่า น้ำเน่าไปหน่อย อรอินทร์มองวิกันดาครู่หนึ่ง
แล้วพยักหน้าช้าๆ " โอเค ค่ะ อรยอมรับว่าคุณพี่เก่ง
เก่งจนแทบหาร่องรอยชอกช้ำระกำใจแทบไม่เจอ นี่ถ้าคุณพี่ไม่หลบมาอยู่ในห้องอย่างนี้
อรต้องเชื่อแน่ๆ เลยว่า คุณพี่ไม่ได้รู้สึกรู้สมอะไร" "หมดธุระหรือยังคะ
พี่จะได้ทำงานต่อ"


วิกันดาไล่ "หมดแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่ใจดียอมให้อรมาค้าง"
อรอินทร์เดินออกไปท่าทางราวกับเป็นเจ้าของบ้าน วิกันดามองตามเม้มปาก มือกำแน่น อร
อินทร์ลงมาออเซาะอนิรุทธิ์ที่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องบอกว่าวิกันดา
ยินดีให้เธอมาอยู่ที่นี้ด้วยความเต็มใจ แล้วเลื่อนมือมาลูบตรงหัวใจอนิรุทธิ์ถามว่า
ที่ของเธออยู่ตรงนี้หรือเปล่า
อนิรุทธิ์จับมือข้างนั้นของอรอินทร์แล้วก้มหน้าลงทำท่าจะหอม
นวลเดินถือถาดแก้วน้ำเข้ามาเห็นจึงแกล้งปล่อยถาดตกจากมือแก้วน้ำแตกกระจาย อนิรุทธิ์
กับอรอินทร์สะดุ้งหันมามอง นวลรีบขอโทษ อรอินทร์ตำหนิว่าซุ่มซ่าม
นวลหันไปมองจึงโดนเศษแก้วบาดมือ เลือดออกเยอะมาก
อนิรุทธิ์ตกใจรีบเดินมาจับมือที่แก้วบาดของนวลดู นวลบีบน้ำตาออเซาะ
อรอินทร์ไม่พอใจแต่ก็ยิ้มได้เมื่อได้ยินอนิรุทธิ์เรียกให้เตื้องพานวลไปทำ แผล
เธอรีบเข้าไปอ้อนให้อนิรุทธิ์พาออกไปข้างนอกอ้างว่า เห็นเลือดแล้วจะเป็นลม
นวลแค้นมองตามอนิอรุทธิ์ที่พาอรอินทร์เดินออก ไป เตื้องชวนนวลไปทำแผล
นวลไม่ยอมเธอเดินขึ้นไปหาวิกันดาที่ห้องและฟ้องเรื่องอรอินทร์
เพราะหวังให้วิกันดาลงไปจัดการ วิกันดามองหน้านวลแล้วตอบกลับนิ่งๆ ว่า
"ขอบใจนะที่มาบอก ฉันจะอาบน้ำแล้ว"
นวลมองวิกันดาเหมือนจะเห็นสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ผุดขึ้นตรงหน้า วิกันดาปิดประตู
ยืนสงบใจ ใน ตอนค่ำ วิกันดาเข้าไปดูลูกที่ห้องนอนเห็นบัวกำลังอ่านนิทานให้พวกเด็กๆ
ฟัง บัวมองหน้าวิกันดาอย่างเห็นใจแต่พูดอะไรไม่ได้ วิกันดาก้มลงจูบลูกๆ
และนิ่มก่อนเข้านอน แล้วเดินออกไป บัวมองตามพลางถอนใจยาว วิกันดาลงมา ที่ห้องรับแขก
เห็นอนิรุทธิ์กำลังจูบอรอินทร์แล้วประคองกันลุกขึ้นเตรียมจะเข้าห้อง
อรอินทร์หันมาเห็นวิกันดาก็แสร้งทำเป็นตกใจ "อุ๊ย คุณพี่" "วิ ยังไม่นอนหรือ"
อนิรุทธิ์ตกใจมากสีหน้าเก้อเขิน วิ กันดาค่อยๆ ระงับอารมณ์
เธอเดินเข้ามานั่งในห้องด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แล้วบอกกับอนิรุทธิ์มีเรื่องจะคุยด้วย อรอินทร์รีบแทรกขออยู่ฟังด้วย
วิกันดาสวนว่าเป็นเรื่องของสามีภรรยา แต่อรอินทร์น์ก็แย้งว่า เธอไม่ใช่คนอื่นคนไกล
อนิรุทธิ์ขอร้องให้อรอินทร์ขึ้นไปนอนก่อน แต่อรอินทร์ก็ไม่ยอม
เธอเข้าไปกอดวิกันทำเหมือนรักใครนักหนา "นะคะ คุณพี่ขา คุณพี่ใจดี๊ ใจดี
ขออรฟังด้วยคนนะคะ" "ถ้าคุณอรคิดว่าจะฟังได้ก็เชิญค่ะ" วิกันดาสรุป
แล้วหันไปถามอนิรุทธ์ "ฉันอยากรู้ว่า คุณอนุญาตให้คุณอรมาพักที่บ้านของเรา
กี่วันคะ" อรอินทร์รีบตอบแทนว่าไม่มีกำหนด อนิรุทธิ์ลำบากใจอ้างว่า
อรอินทร์กำลังลำบากเพราะเจนจบตามรังควาน "คุณพี่ขา
นายเจนจบเขาไม่ได้เป็นอย่างที่คุณพี่เห็นหรอกนะคะเขาเข้ามาตีสนิทกับ
คุณพี่เพื่อแกล้งอร" อรอินทร์อ้อนวิกันดา "ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่น่ะซีคะ
เพราะคุณเจนจบมาที่นี่บ่อยๆ" วิกันดาสวน "คุณก็อย่าให้เขามาซิ" อรอินทร์ว่า "
ทำไมฉันจะต้องทำอย่างนั้นล่ะคะ คุณเจนจบเขาไม่ได้ทำอะไรเสียหายสักหน่อย ตรงกันข้าม
เขาเป็นเพื่อนที่ดีของฉันคนหนึ่งด้วยซ้ำ" วิกันดาย้ำชัด อนิอรุธิ์ทำหน้าไม่พอใจ
อรอินทร์สบตาอนิรุทธิ์เรียกคะแนนสงสารที่วิกันดาไม่ยอมเข้าใจ เช้า วันใหม่
วิกันดาเดินลงมาที่ห้องอาหารก็พบอรอินทร์นั่งบัญชาการเตื้องที่กำลังดูแลพวก เด็กๆ
ราวกับว่าเธอเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง
และเมื่อเตื้องเห็นวิกันดาเดินเข้ามาก็รีบชวนเด็กออกไปเล่นข้างนอกทันที
อรอินทร์เข้ามาเอาใจวิกันดาและปรึกษาเรื่องจะย้ายนิ่มมาเรียนโรงเรียนเดียว
กับนุ่นและโหน่ง แต่วิกันดาบอกว่า เธอไม่มีความเห็น อรอินทร์ทำสีหน้า เหมือนน้อยใจ
หันไปมองอนิรุทธิ์ อนิรุทธิ์จึงเปรยว่า
อรอินทร์มีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากวิกันดา วิกันดาสวนกลับทันควัน "
ขอความช่วยเหลือฉันน่ะหรือคะ โอย แม้แต่ฉันเองยังเอาตัวไม่ค่อยจะรอดเลยค่ะ
แล้วจะมีปัญญาไปช่วยใครได้ ทำไมคุณอรไม่ขอให้พี่รุทธิ์ของคุณช่วยล่ะคะ" "เขาขอแล้ว
แต่ผมบอกให้ขออนุญาตคุณดีกว่า" อนิรุทธิ์รีบบอก วิกันดามองมาที่อรอินทร์ "คือ
อรขออนุญาตคุณพี่จัดงานวันเกิดที่นี่" วิ กันดาวางแก้วน้ำส้มแล้วเดินกลับห้องทันที
อนิรุทธิ์รีบตาม วิกันดาสวนกับบัวที่บันได
บัวเห็นสีหน้าวิกันดาก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
บัวเข้าไปเตือนอรอินทร์เรื่องวิกันดาที่กำลังเสียใจเพราะการกระทำของอรอินทร์
แต่อรอินทร์สวนกลับว่า " อรก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนเหมือนกัน
ชีวิตคนเราก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้
ไม่มีอะไรที่เพอร์เฟคหรอก ด็อกเตอร์วิกันดาก็เหมือนคนอื่นๆ เหมือนกัน" "คุณอรใจดำ
ใจร้าย" บัวว่า อรอินทร์มองบัวอย่างไม่พอใจ แล้วลุกเดินออกไป
อนิรุทธิ์ตามมาเกลี่ยกล่อมให้วิกันดายอมอนุญาตให้อรอินทร์จัดงานวันเกิดที่
บ้านแต่วิกันดาไม่ยอมเธอแย้งว่า "แค่คุณพาเขามาค้างที่นี่มันก็ทุเรศพอแล้ว
นี่ยังจะมีหน้าให้จัดงานวันเกิดอีก คุณไม่ได้นึกถึงหน้าฉันบ้างเลยหรือคะ"
"ผมไม่เห็นว่าคุณจะเสียหน้าอะไรในเมื่อ แขกที่มาก็เป็นเพื่อนของอรเขา
ไม่ใช่คนในแวดวงคุณสักหน่อย" " อ๋อ คุณคิดได้แค่นั้นเองหรือคะ
ฝากไปบอกคุณอรอินทร์คนดีของคุณด้วยว่า
ฉันไม่อนุญาตให้ใครมาจัดงานที่บ้านของฉันโดยเด็ดขาด
ไม่ว่าจะเป็นเมียน้อยหรือนางบำเรอหน้าไหนทั้งนั้น" ขณะที่วิกันดาพูด
อรอินทร์ก็เดินเข้ามาอยู่ข้างหลังอนิรุทธิ์พอดี
อรอินทร์สีหน้าเย็นชาเม้มปากตามองวิกันดาเขม็ง "อ้อ คงไม่ต้องบอกแล้วละค่ะ" วิ
กันดาจ้องกลับอรอินทร์ อนิรุทธิ์หันไปมอง อรอินทร์รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นปากสั่น
น้ำตาคลอ เหมือนสะเทือนใจสุดขอร้องให้อนิรุทธิ์
พาเธอไปข้างนอกเพราะทนอยู่ที่นี้ไม่ไหวแล้ว อนิรุทธิ์มองวิกันดาแว่บหนึ่ง
แล้วแตะหลังอรอินทร์พาออกไป วิกันดาปิดประตู
แล้วยืนกล้ำกลืนน้ำตาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปล่อยให้ไหลออกมาอย่างเจ็บปวด วิ
กันดาไปปรับทุกข์กับอนงค์นารถและฉวีเพ็ญเรื่องอนิรุทธิ์กับอรอินทร์
สองสาวแนะวิกันกันดาว่าให้ไล่อรอินท์ออกไปจากบ้านหรือจะให้ฉวีเพ็ญไปตบไล่ก็ ยังได้
"ถ้าให้ไล่เขาออกไป ฉันก็จะเป็นฝ่ายแพ้ เขาจงใจจะยั่วโมโห
ฉันไม่ยอมเล่นตามเกมของเขาเด็ดขาด" วิกันดาว่า ฉวี
เพ็ญพยักหน้าเข้าใจแล้วแนะนำต่อว่า "ของอย่างนี้ขึ้นอยู่กับความอึด
ใครอึดได้นานกว่ากัน คนนั้นก็เป็นผู้ชนะ อย่างคุณรุทธิ์ต้องปล่อยให้เขาไปจนสุดทาง
ไปจนสาแก่ใจ แล้วเขาก็กลับมาเอง เป็นไง" ตลอดเวลาที่ฉวีเพ็ญพูด
วิกันดามีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด และเมื่อวิกันดากลับไปแล้ว
ฉวีเพ็ญกับอนงค์ก็นำเรื่องนิรุทธิ์กับอรอินทร์ไปบ่นให้สามีของพวกเธอฟัง
เพราะหวังจะได้ยินคำแนะนำว่าจะช่วยวิกันดาได้อย่างไร สีหนาทบอกกับฉวีเพ็ญว่า
เรื่องของผัวเมียเขาจะไปยุ่งทำไมแล้วไล่ฉวีเพ็ญออกไปล้างรถจะได้หายฟุ้งซ่าน
ส่วนพลเวทย์ก็บอกกับอนงค์นารถว่า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่เป็นอนิจจัง
ต้องใช้ธรรมะเข้าช่วย0000000000000000000 อนิรุทธิ์พาอรอินทร์ไป
ปลอบใจที่โรงแรมและหลังจากมีความสุขด้วยกันแล้ว อรอินทร์ก็แอบโทรมาเย้ยวิกันดา
วิกันดาสุดทนเธอโยนโทรศัพท์ไปที่เตียงราวกับมันเกิดร้อนเป็นไฟขึ้นมา
แล้วทรุดตัวลงร้องไห้
ในขณะที่อรอินทร์ส่งยิ้มอย่างผู้ชนะแล้วเข้ามาอ้อนอนุรุทธิ์ต่อ หลังจาก
ร้องไห้อยู่พักใหญ่วิกันดาก็ลงมาข้างล่างเพื่อหายาแก้ปวดหัวทาน
แล้วเธอก็ทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง นวลเข้ามาเห็นก็ร้องเรียกพร้อมเข้าประคอง
วิกันดาพึมพำเรียกชื่อนวลแล้วก็หมดสติไป นวลร้องลั่น
เตื้องวิ่งเข้ามาดูแล้วช่วยนวลพาวิกันดาไปพักที่ห้องรับแขก วิกันดา
รู้สึกตัวก็เห็นเตื้องกับนวลอยู่ดูแล เธอบอกกับทั้งคู่ว่าจะกลับห้อง
เตื้องกับนวลเข้าพยุงเตื้องก็อาสานอนเป็นเพื่อนเพราะกลัววิกันดาจะไม่สบาย
อีกในตอนดึก นวลเตรียมจะฟ้องเรื่องอนุรุทธิ์ แต่เตื้องปรามไว้
เมื่อกลับขึ้นมาบนห้องวิกันดาก็ยังคงได้ยินเสียงอรอินทร์เย้ยหยันเรื่องอนิ รุทธิ์
เธอพยามข่มตาให้หลับ แต่เมื่อหลับก็ฝันร้ายอีก วิกันดาตะโกน
เรียกหาอนิรุทธิ์ที่หายไปกับอรอินทร์เสียงลั่น
นุ่นกับโหน่งได้ยินเสียงแม่ก็มาเคาะประตูเรียกด้วยความเป็นห่วง
วิกันดาบอกกับลูกว่าเธอฝันร้าย แล้วไล่ให้ลูกๆ ออกไปเตรียมตัวไปโรงเรียน
โหน่งอ้อนให้วิกันดาไปส่ง วิกันดารับคำแล้วลุกเข้าห้องน้ำ อรอินทร์เข้า
มาอ้อนอนิรุทธ์ให้พาไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วกลับมาหาความสุขที่โรงแรมด้วย กันต่อ
แต่อนิรุทธ์แย้งว่า เขาต้องไปทำงาน
ส่วนอรอินทร์จะอยู่ที่โรงแรมต่อหรือจะกลับบ้านก็ตามใจ
อรอินทร์สีหน้าไม่พอใจแว่บหนึ่ง แล้วปรับเป็นหน้าสลดออเซาะว่า "อรก็อยากกลับบ้าน
แต่อรกลัวคุณพี่ กลัวมากเลยค่ะ อรทำผิด
อรทรยศต่อความไว้วางใจของคุณพี่แล้วยังจะมีหน้ากลับไปหาเธอได้ยังไง" "
วิเขาไม่ใช่อย่างที่อรคิด เขาไม่ด่าไม่ว่า ไม่อะไรทั้งนั้น เขาไม่แคร์หรอกว่า
ผมจะไปมีใครที่ไหน แม้แต่เปลี่ยนงานใหม่ เขายังไม่บอกผมเลย"
อนิรุทธิ์ประชดเพราะน้อยใจ
อรอินทร์ลอบมองอนิรุทธิ์รู้ว่าเขายังรักและแคร์วิกันดาอยู่มาก บัว
รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้
เธอคิดช่วยวิกันดาด้วยการพานิ่มกลับบ้านและขนข้าวของอรอินทร์กลับมาด้วยแล้ว
โทรบอกอรอินทร์ที่กำลังทานอาหารเช้าอยู่กับอนิรุทธิ์ในโรงแรม "คุณอร
พี่กลับมาบ้านแล้วนะคะ เอาเสื้อผ้าของคุณกลับมาด้วย" "ใครเป็นคนสั่งพี่บัวคะ
หรือว่ารู้ดีเอง" อรอินทร์ตวาด "พี่ปรึกษากับคุณถาแล้วค่ะ" บัวว่า
อรอินทร์ปิดโทรศัพท์สีหน้าหงุดหงิดบ่นกับอนิรุทธิ์ว่า "อรละเกลียดนัก
พวกที่ชอบล้ำเส้นนี่" อร อินทร์กลับมาที่บ้านและต่อว่าบัวที่ทำเกินหน้าที่
บัวพยายามเกลี่ยกล่อมให้อรอินทร์ได้คิดรู้จักผิดชอบชั่วดี
และเตือนให้นึกถึงนิ่มให้มากๆ แต่อรอินทร์ก็สวนว่า "พี่บัว อรก็จะตอบจริงๆ
เป็นครั้งสุดท้าย แล้วไม่ต้องมาถามกันอีก เพราะอรรักและสงสารลูก
อรถึงต้องพยายามหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก" "แล้วลูกเมียของเขาล่ะ
ผู้ชายดีๆไม่ใช่มีแต่คุณรุทธิ์คนเดียว" " อ๋อ อรรู้ค่ะ
รู้หมดทุกอย่างแต่อรไม่ถูกใจใครเท่าพี่รุทธิ์นี่คะ ทีนี้พี่บัวคงเข้าใจแล้วนะคะ"
อรอินทร์เดินหนีขึ้นข้างบน ปล่อยให้บัวยืนอึ้งพูดไม่ออก
อรอินทร์ยังคงโทรมาเย้ยวิกันดาไม่เลิก แถมยังขอให้วิกันดายกอนิรุทธิ์ให้เธอ
เพื่อแลกับเจนจบอดีตสามี วิกันดาสุดทนจึงปิดโทรศัพท์หนี
อรอินทร์หัวเราะเสียงใสแล้วเริ่มแผนการต่อ
ด้วยการสวมบทนางเอกโทรไปขอร้องให้อนิรุธิ์ลับไปดูแลวิกันดาเพราะรู้สึกผิด
ที่ไปรักสามีคนอื่น และฝากขอโทษวิกนดาด้วย
อนิรุทธิ์ฟังแล้วก็สงสารจึงรีบปลอบใจไม่ให้อรอินทร์คิดมาก "แค่นี้ก่อน นะคะ
อรอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ เพื่อทบทวนเรื่องที่ผ่านมา พี่รุทธิ์เชื่ออรนะคะ
กลับไปหาคุณพี่ ชดเชยที่ทำให้เธอเสียใจอย่างเหลือเกิน" อรอินทร์ทำสะอื้น
"แล้วเราจะพบกันได้เมื่อไหร่" อนิรุทธิ์เป็นห่วง " อรจะโทร.หาพี่รุทธิ์เองค่ะ
แต่ไม่ว่าอรจะตัดสินอย่างไร อรยังคงรักพี่รุทธิ์เสมอ รักมากที่สุด"
อรอินทร์ปิดโทรศัพท์ยิ้มกับตัวเอง ในขณะที่อนิรุทธิ์คิดหนัก
อนิรุทธิ์กลับไปที่บ้านเพื่อดูแลวิกันดาตาม ที่อรอินทร์บอก
จึงทำให้วิกันดายิ่งเจ็บช้ำ
เธอต่อว่าอนิรุทธิ์เรื่องที่อรอินทร์โทรมาเยาะเย้ยและบรรยายความสุขของอนิรุ
ทธิ์กับอรอินทร์ให้ฟัง "อย่าไปถือสาเลยวิ ผมบอกแล้วว่าคุณอยู่เฉยๆ ในที่ของคุณ
เขาก็อยู่ของเขา ผมไม่มีวันยกมาเทียบกับคุณเด็ดขาด" อนิรุทธิ์หัวเราะ
"คุณพูดเอาแต่ได้ คิดแต่ผลประโยชน์ของคุณ"
"ผมปฏิเสธไม่ให้เขาจัดงานวันเกิดที่นี่แล้ว เห็นหรือยังว่า ผมรักคุณแค่ไหน"
"ถึงคุณไม่อนุญาต ฉันก็ไม่มีวันให้เขาจัด" วิกันดาเดินหนี อนิรุทธิ์ ตามมาง้อ
อ้างว่า การที่เขามีอะไรกับอรอินทร์เป็นเรื่องธรรมของผู้ชาย
วิกันดาไม่อาจทนฟังต่อไปได้จึงออกปากไล่อนิรุทิ์แล้วเดินจากไปทันที
อนิรุธิ์มองตามย่างอ่อนใจบ่นว่า "ไม่รู้อะไรกันนักกันหนา" อรอินทร์
มาพบวรนารีที่คอนโดพร้อมรายงานเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับอนิรุทธิ์ที่
ก้าวไปอีกขั้นแล้ว และตอนนี้อนิรุทธิ์ก็กำลังรักกำหลงเธอมากด้วย
วรนารีชักสนุกรีบซักว่าเรื่องราวจะเป็นไงต่อไป อรอินทร์ส่งยิ้มร้ายตอบว่า
"ขอบอกว่าสนุก" แล้วสองสาวก็หัวเราะให้กัน
เจนจบพาวิกันดามาไหว้พระเพราะหวังให้เธอสบายใจขึ้น และกบอกับเธอด้วยความมั่นใจว่า
"ถึงอย่างไรผมก็ยังเชื่อว่า ด็อกเตอร์อนิรุทธิ์รักคุณ" "คงรักมากเลยล่ะคะ"
วิกันดายิ้มเยาะตัวเอง เจน
จบจึงเปลี่ยนเรื่องบอกว่าเดือนหน้าเขาจะไปญี่ปุ่นจึงอยากชวนวิกันดาเที่ยว
ด้วยกันเผื่อจะสบายใจขึ้น
วิกันดานิ่งอึ้งภาพที่เคยไปฮันีมูลกับอนิรุทธิ์แว่บเข้ามาในห้วงความคิด
แต่เมื่อรู้สึกตัวเธอก็ปฏิเสธเจนจบอ้างว่า เพิ่งเริ่มงานใหม่คงไม่สะดวก
"ถ้าอย่างนั้นเอาไว้โอกาสหน้าก็แล้วกัน" เจนจบยิ้มให้ ถาวร
ชวนวาทินเพื่อเก่าที่เป็นนายอำเภออยู่ทางใต้มาเที่ยวบ้าน
เพราะหวังจับคู่ให้อรอินทร์ อรอินทร์หว่านเสน่ห์ให้วาทินหลงรักในทันที
เขาเอ่ยปากชวนเธอไปเที่ยวใต้ด้วยกันพร้อมรับประกันความปลอดภัย "ขอบคุณค่ะ
อรคงจะได้ไปที่นั่นสักวันหนึ่ง" อรอินทร์ส่งยิ้มยั่ว ถาวรมองอย่างพอใจ
และเมื่อวาทินลากลับไปแล้ว ถาวรก็เข้ามาถามวามเห็นน้องสาวทันที
"นายอำเภอวาทินเป็นยังไงบ้าง เขาเป็นพ่อหม้ายเมียตาย ไม่มีลูกติด เป็นคนดี
อนาคตไกล" "พี่ถาอยากฟัง คอมเมนต์จากอรหรือคะ" อรอินทร์ถามตรงๆ ถาวรพยักหน้ารับ
"เรียบเกินไปค่ะ อรไม่ชอบผู้ชายเรียบๆ พี่ถาก็รู้" "แต่ผู้ชายที่อรชอบ
เขามีลูกมีเมียแล้ว" "นั่นแหละคะรสชาติของชีวิต" อรอินทร์เดินหนี ถาวรมองตามอ่อนใจ
ท่าน ผู้หญิงกับกลุ่มเพื่อนไฮโซชวนวิกันดาไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกัน
เพื่อเป็นการชาร์ตแบตก่อนเริ่มทำงาน วิภาวรดีขอให้วิกันดาชวนอนิรุทธิ์ไปด้วย
ท่านผู้หญิงมองวิภารดีเป็นเชิงปราบนิดๆ แล้วออกตัวว่า "มีแต่ผู้หญิง
ด็อกเตอร์อนิรุทธิ์คงไม่สนุกหรอก" วิกันดาแบ่งรับแบ่งสู้ บอกว่าขอคิดดูก่อน
และหลังจากวิกันดาแยกตัวออกมาแล้ว ท่านผู้หญิงก็หันไปเตือนคนอื่นว่า "
อย่าไปเอ่ยถึง ด็อกเตอร์อนิรุทธิ์โดยไม่จำเป็น เวลาคุยกับคุณวิกันดานะคะ"
เพราะเธอเคยเห็นข่าวอนิรุทธิ์ไปติดพันอรอินทร์นักแบบสาวจากหนังสือพิมพ์
วิกันดาปรึกษาอนงค์นารถเรื่องจะไปญี่ปุ่น
เพราะกลัวว่าถ้าได้เห็นสถานที่เก่าที่เคยไปฮันนีมูลกับอนิรุทธิ์แล้วจะยิ่งเจ็บปวด "
นั่นแหละยิ่งทำให้ต้องไป ไปเผชิญหน้ากับสิ่งเก่าๆ ในบรรยากาศใหม่ๆ
เพื่อที่จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลง ไปเพื่อที่จะเรียนรู้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป ส่วนลูกๆ ก็ให้คุณรุทธิ์เขาดูไป ดีเสียอีก
เขาจะได้ไม่มีเวลาไปมั่วอยู่กับแม่อรอินทร์นั่น หรือถ้าเขาไม่สนใจลูกจริงๆ
เรากับเพ็ญจะช่วยกันเลี้ยงให้ รับรองว่าเด็กๆ จะต้องมีความสุขแน่นอน"
อนงค์นารถสาธยาย แต่วิกันดาก็ยังลังเล อนงค์นารถจึงแนะนำต่อ
"ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำดูบ้าง อยู่ห่างคุณรุทธิ์สักพัก วิอาจจะคิดอะไรได้มากกว่านี้
เชื่อเพื่อน" วิกันดายังตัดสินใจไม่ได้ว่า ควรจะไปญี่ปุ่นดีหรือไม่
จนกระทั่งกลับมาถึงบ้านและมีปากเสียงกับอนิรุทธิ์ที่เข้ามาพาลหาเรื่องเพราะ
หึงเจนจบ เธอจึงตัดสินได้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี
วิกันดาโทรไปหาคุณหญิงและตอบตกลงที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วย
วันรุ่งขึ้นวิกันดาบอกกับเตื้องและนวลว่า
มะรืนนี้เธอจะไปญี่ปุ่นฝากให้ทั้งคู่ดูแลโหน่งกับนุ่นด้วย
"ถ้ามีอะไรก็บอกคุณนารถกับคุณเพ็ญ เขาจะแวะมาดูทุกวัน" "เพราะแม่คนนั้นใช่ไหมคะ"
นวลเจ็บแค้นแทน "ไม่ใช่เพราะใครทั้งนั้น ฉันไปเพราะอยากไป" "ถ้าคุณผู้หญิงไป
แม่นั่นต้องมาครอบครองบ้าน แล้วนวลก็ไม่รับรองด้วยว่าอะไรจะเกิดขึ้น
"ถ้าเธออยากให้คุณผู้ชายไล่ออกก็เชิญ" "
บ้านนี้ก็เป็นของคุณผู้หญิงเหมือนกันนวลรู้ว่าคุณผู้หญิงไม่ไล่นวลหรอกค่ะ
ไม่ใช่เพราะอะไรแต่เพราะคุณผู้หญิงไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้น" นวลมั่นใจ วิกันดาอึ้ง
เตื้องรีบเปลี่ยนบรรยากาศถามวิกันดาว่าจะไปกี่วัน "ประมาณอาทิตย์นึง
อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับคอยดูน้องดีๆ ด้วย" วิกันดาย้ำแล้วลุกเดินออกไป อนิรุทธิ์
กลับมาถึงบ้านก็พบนวลยืนรออยู่ เธอรีบรายงานเขาว่า วิกันดาจะไปญี่ปุ่นมะรืนนี้
อนิรุทธิ์อึ้งไปนิดแล้วรีบไปเคาะประตูเรียกวิกันดาให้ออกมาคุยกันให้รู้ เรื่อง
วิกันดาเดินลงมาคุยกับอนิรุทธิ์ที่ห้องรับแขก
อนิรุทธิ์ต่อว่าวิกันดาที่ไม่บอกเขาเรื่องจะไปญี่ปุ่นเพราะเขาเป็นสามีของ เธอ
"เป็นสามีของฉันน่ะหรือ เลิกพูดเลิกย้ำคำนั้นเสียทีเพราะฉันเบื่อ เบื่อจริงๆ นะคะ
แล้วก็กรุณาอย่าตีความเป็นว่า ฉันหึงคุณด้วย ถ้าฉันหึงจะแปลว่าฉันยังรักคุณ
แต่นี่ฉันเปล่า ถ้าไม่เชื่อก็ดูตาฉันซีคะ" วิกันดาท้า อนิรุทธิ์มองสบตาวิกันดา
แต่พบเพียงสายตาว่างเปล่าเยือกเย็น เขาถึงกับขบกรามแน่นรีบซักต่อว่า
วิกันดาจะไปกับใคร เจนจบไปด้วยหรือเปล่า "เปล่า แค่นี้ใช่ไหมคะ
ฉันจะได้ไปนอนเสียที" วิกันดาขยับตัวเดินออกไป
อนิรุทธิ์นั่งถอนใจ00000000000000000000000 วัน
ต่อมาอนุรุธิ์คุยกับอรอินทร์เรื่องที่วิกันดาจะไปญี่ปุ่น
อรอินทร์รีบใส่ไฟว่าวิกันดาต้องไปกับเจนจบแน่
เพราะเธอรู้มาว่าเจนจบก็จะไปญี่ปุ่นเหมือนกัน "วิไม่ใช่คนอย่างนั้น"
อนิรุทธิ์มั่นใจ อร อินทร์หัวเราะแล้วเปรยว่า "จริงซิคะ เขาไม่ได้ไปด้วยกันสักหน่อย
เจนจบไปรออยู่ที่โน่นก่อน แล้วด็อกเตอร์วิกันดาค่อยตามไป
ถ้าพี่รุทธิ์อยากทราบว่าจริงหรือเปล่า เราก็แอบตามไปญี่ปุ่นด้วยกัน
แต่พี่รุทธิ์ต้องอย่าเพิ่งให้คุณพี่วิกันดาทราบ เอาอย่างนี้นะคะ"
อรอินทร์กระซิบบอกแผนการณ์กับอนิรุทธิ์ อนิรุทธิ์พาลูกๆ ไปส่งวิกันดาที่สนามบิน
เพื่อนๆ ของท่านผู้หญิงพากันชื่นชมเมื่อเห็นครอบครัวที่อบอุ่นของวิกันดากับอนิรุ
ทธิ์ แต่บ้างคนที่ได้เห็นข่าวอนิรุทธิ์กับอรอินทร์ก็แอบเม้าท์ว่า
วิกันดาคงกำลังหวานอมขมกลืนหน้าชื่นอกตรมอยู่เป็นแน่ แล้วอนิรุทธิ์ก็บอกกับทุกคนว่า
"ผมคงต้องฝากวิสักวันสองวันนะครับ แล้วผมจะรีบตามไป" วิกันดาสะดุ้ง
ในขณะที่ทุกคนสีหน้าประหลาดใจ ท่านผู้หญิงรีบถามย้ำ
"คุณอนิรุทธิ์จะตามเราไปญี่ปุ่นหรือคะ" "ครับ"
อนิรุทธิ์ตอบแล้วหันมาสบตาวิกันดาบอกว่า เซอร์ไพร์ ในขณะที่วิกันดาอึ้งพูดไม่ออก
และเมื่อตั้งสติได้เธอก็รีบโทรบอกอนงค์นารถกับฉวีเพ็ญขอร้องให้ทั้งคู่มาช่วยดูแลนุ่นกับโหน่ง
" ไม่ต้องห่วงวิ เที่ยวให้สนุก ฉันกับเพ็ญจะผลัดกันไปค้าง ดูทั้งลูกทั้งบ้านให้
เธอและถ้าคุณรุทธิ์เขาตั้งใจจะง้อจริงๆ จัง ๆ ก็อย่างอนมากนัก
บางทีชีวิตคู่อาจจะกลับมาหวานชื่นอย่างเดิมก็ได้" อนงค์นารถสอนต่อ
"มันหมดเวลาหวานชื่นแล้วละนารถ แค่นี้นะจ๊ะ ขอบคุณมากๆ" วิกันดาวางสาย ถาวร
เมื่อรู้ว่าอรอินทร์จะไปญี่ปุ่นกับอนิรุทธิ์ก็เข้ามาห้าม เพราะเกรงใจวิกันดา
แต่อรอินทร์ก็แย้งว่า วิกันดาล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
และเธอก็ไม่ได้ไปกับอนิรุทธิ์ตามลำพังแต่มีวรนารีไปด้วย "พี่รู้นิสัยอรดี
ถึงจะไปกันหลายคน แต่เธอก็แยกกันไป 2 คนได้ แล้วหนูนิ่มล่ะ" ถาวรอ้าง "อ้าว
แกก็อยู่กับพี่ถาแล้วก็พี่บัวไงคะ นะคะ พี่ถา ฝากดูหลานหน่อย อรไปไม่กี่วันเอง นะคะ
นะคะ" อรอินทร์เข้ามาประจบ ถาวรพูดไม่ออก เมื่อ มาถึงญี่ปุ่นวิกันดาก็ยิ่งเศร้า
เพราะภาพในอดีตเมื่อครั้งมาฮันนีมูนผุดพรายขึ้นมา
แล้วอรอินทร์ก็โทรมาปลุกให้วิกันดาตื่นจากภวังค์
เธอบอกกับวิกันดาว่าจะมาญี่ปุ่นกับอนิรุทธิ์ด้วย
"คุณพี่ไม่โกรธอรใช่ไหมคะอรน่ะไปมาทั่วแล้วแต่ยังไม่เคยไปญี่ปุ่นสักที
ก็เลยขอพี่รุทธิ์ไปด้วย" "ยิ่งกว่าตามรุทธิ์มาญี่ปุ่น คุณก็ทำไปแล้วนี่
นับประสาอะไรกับเรื่องแค่นี้" วิกันดากำมือแน่น "เสียงคุณพี่เหมือนโกรธอรเลย
โกรธคือโง่โมโหคือบ้านะคะ " คนบ้าน่ะไม่ใช่ฉันหรอก เพราะฉันอยู่ของฉันเฉยๆ
คนที่จงใจจะแย่งสามีคนอื่นต่างหากที่บ้า
ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเนื้อหนังผู้หญิงพวกนี้ถึงได้หนานัก เอาเลย
คุณอยากทำอะไรก็ทำ แล้วก็ไม่ต้องมารายงานฉัน"
วิกันดาปิดโทรศัพท์เจ็บใจแค้นใจจนน้ำตาคลอ "คงแทบจะฆ่าตัวตายเลยมั้ง
ด็อกเตอร์วิกันดา"
อรอินทร์สะใจแล้วลุกเดินลงมาดูพวกเด็กที่กำลังเล่นวาดรูประบายสีกับอนิรุทธิ์
อรอินทร์พึมพำบอกับตัวเองว่า "พวกเขาควรจะเป็นครอบครัวของฉัน ไม่ใช่ของเธอ วิกันดา"
"ถาเขาว่ายังไงบ้าง" อนิรุทธิ์หันมาเห็นอรอินทร์ อรอินทร์ตีหน้าเศร้าเดินเข้าไปอ้อน
"พี่ถาคงโกรธอรค่ะ อรโทร.ตั้ง 4-5 หน ก็ไม่ยอมรับ" "ไม่เป็นไร
แล้วพี่จะพูดกับเขาเอง" อนิรุทธิ์จับมือปลอบใจ นวล
แค้นใจที่เห็นอนิรุทธพาอรอินทร์กลับมาบ้านด้วยหลังจากส่งวิกันดาที่สนามบิน แล้ว
เธอคิดจะเล่นงานอรอินทร์ แต่ก็ไม่มีโอกาส
จึงได้แต่จับตามองอรอินทร์อยู่ตลอดและเมื่อเห็นว่าอรอินทร์เดินขึ้นไปชั้นบน
กึกสงสัยจึงมาดักรอถามว่าอรอินทร์ขึ้นมาทำอะไร อรอินทร์โกหกว่ามาเข้าห้องน้ำ
แต่ความจริงแล้วเธอแอบเข้าขโมยชุดของวิกันดาออกมา นวลไม่เชื่ออรอินทร์
แต่ก็ไม่มีหลักฐาน เธอจึงกลับมานั่งบ่นกับเตื้องเรื่องอรอินทร์เพราะนึกสังหรณ์ใจ
วิกันดา ออกไปทัวร์กับคณะของท่านผู้หญิงและได้พบกับเจนจบและเค็นเพื่อนชาวญี่ปุ่นของ
เขา เพื่อนๆ ของท่านผู้หญิงตื่นเต้นมากที่ได้รู้จักกับเจนจบและเค็นต่างพูดเป็นเสียง
เดียวกันว่าทั้งคู่หล่อมาก และหันมาเหย้าวิกันดาว่าท่าทางเจนจบจะปลื้มวิกันดาน่าดู
วิกันดารีบปฏิเสธ เจนจบโทรมาคุยกับวิกันดาในตอนเย็น
และเมื่อเขารู้ว่าอรอินทร์จะตามอนิรุทธิ์มาญี่ปุ่นด้วยก็รีบเตือนวิกันดาว่าอย่าชะล่าใจนัก
"ฉันคงไม่มีปัญญาจะทำอะไรได้แล้วละค่ะ คนเราตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก" วิกันดาท้อใจ
เจนจบนึกเป็นห่วงจึงจะมาหาในตอนค่ำ "เอาเป็นพรุ่งนี้ดีกว่าค่ะ" วิกันดาว่า
"ตกลงครับ ผมจะไปกับเค็น" เจนจบรับคำแล้ววางสาย วิกันดาถอนใจแล้วเดินไปที่หน้าต่าง
ท่าน ผู้หญิงกับเพื่อนๆ
ออกไปเดินเที่ยวกันต่อหลังทานอาหารค่ำเสร็จแต่วิกันดาขอนอนพักเพราะรู้สึก
ไม่ค่อยสบาย แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
วิกันดาเข้าใจว่าเป็นคณะท่านผู้หญิงจึงออกมาเปิดประตู
แล้วเธออึ้งเมื่อเห็นอนิรุทธิ์ยืนอยู่กับอรอินทร์ที่สวมชุดของเธอ
"เป็นอะไรหรือเปล่าวิ หน้าตาซีดๆ" อนิรุทธิ์ทักด้วยความเป็นห่วง
"ท่าทางจะเป็นหวัดนิดหน่อยค่ะ" แล้วมองสำรวจอรอินทร์ที่สวมชุดของเธอ
อรอินทร์ก้มมองตัวพลางส่งยิ้มเอ่ยว่า "ใส่พอดีเลย ขอบคุณคุณพี่มาก ค่ะที่ยกให้อร"
อรอินทร์ยกมือไหว้ วิกันดาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง อนิรุทธิ์รีบเสริม
"อรเขาดีใจมากเลยที่วิยกชุดนี้ให้เขา" "จะว่ายกให้ก็ไม่ถูกนักหรอกค่ะ
ความจริงอรขอคุณพี่ แล้วคุณพี่ก็ใจดียกให้" อรอินทร์ส่งยิ้ม "พวกคุณมีธุระอะไร"
วิกันดาเสียงแข็ง "ผมก็เอาข้าวของมาเก็บน่ะซีครับ" อนิรุทธิ์ว่า วิกันดามองงงๆ
อรอินทร์หัวเราะคิกคัก "คุณพี่งงเลย คืองี้ค่ะ พี่รุทธิ์พักที่นี่
ส่วนอรพักอีกที่นึง ก็ไม่ไกลเท่าไหร่หรอกค่ะ" "เป็นความคิดของอรเขา
เขาอยากให้เราทำความเข้าใจกัน" "จริงค่ะ อรน่ะเข้าใจแล้วก็เห็นใจคุณพี่ อรเลย"
อรอินทร์พูดไม่ทันจบ วิกันดาก็ปิดประตูห้องทันที
เธอกำมือแน่นแล้วเลื่อนตัวลงนั่งด้วยความเจ็บแค้นใจ "คุณพี่ คุณพี่ขา"
อรอินทร์เคาะประตูเรียกทำราวกับร้อนใจหนักหนา วิกันดายกมืออุดหูพลางตะโกนไล่ "ไป๊
ไปให้พ้น" อรอินทร์ทำสะดุ้ง น้ำตานองหันมาทางอนิรุทธิ์ "
ทำไมอรถึงได้ทำอะไรผิดไปหมด นาเขาเตือนแล้วแต่อรไม่เชื่อ
อรมองโลกในแง่ดีว่าคุณพี่จะเข้าใจอร อรขอแค่รักพี่รุทธิ์ด้วยสักคนเท่านั้นเอง"
อนิรุทธิ์ดึงอรอินทร์มากอดด้วยความซึ้งใจ อรอินทร์ยิ้มอย่างพอใจ

เมียหลวง 4

อร อินทร์กับอนิรุทธิ์นัดพบกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
และในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังปลอบใจกันอยู่นั้น
อนงค์นารถก็บังเอิญผ่านมาเห็นเข้าพอดี
เธอตรงเข้ามาทักทายทั้งคู่แล้วแสร้งถามหาวิกันดา "วิไม่ได้มาครับ ผมมากับอร"
อนิรุทธิ์ตอบไม่เต็มเสียงนัก "อ้อ งั้น ก็เชิญตามสบายค่ะ ทีแรกนึกว่าวิมาด้วย
เลยเข้ามาทักทาย ขอตัวนะคะ" อนงค์นารถหันหลังกลับ สีหน้าเหมือนอยากจะบีบคอคน
ในขณะที่อรอินทร์มองตามอย่างท้าทาย อนงค์
นารถนำเรื่องที่เห็นไปเล่าให้ฉวีเพ็ญที่กำลังเตรียมอาหารให้สีหนาทฟัง
เพราะสุดจะทนกับพฤติกรรมของอนิรุทธิ์และอรอินทร์ แถมออกความเห็นว่า
อยากจะยุให้วิกันดาเลิกกับอนิรุทธิ์นัก "โอ๊ย
คุณนายวิเขารักหน้าตัวเองจนต้องยอมกล้ำกลืนฝืนทนให้ผัวมีเมียน้อยมากกว่าจะยอมหย่าให้ตกเป็นขี้ปากใคร"
ฉวีเพ็ญว่าแล้วหันไปตักไข่ออกจากจานอาหารพร้อมกับบ่นต่อเรื่องสามี
"คุณสีหนาทกลัวจะมีสารเมลามีนเพราะเพิ่งมีข่าวว่าพบในไข่ไก่เหมือนกัน
นี่ขนาดขี้เหนียวอย่างกับอะไร ยังให้เอาทิ้งไปเลย" "เฮ้อ
สามีเธอนี่รักสุขภาพเหลือเกิ๊น" อนงค์นารถประชด ฉวีเพ็ญพยักหน้ารับเสริมว่า
รักยิ่งกว่าเมียเสียอีกและเมื่อเตรียมอาหารเสร็จ
อนงค์นารถก็ชวนฉวีเพ็ญไปหาวิกันดาที่บ้าน อร
อินทร์อ้อนให้อนิรุทธิ์พาไปเที่ยวต่อหลังจากทานอาหารเสร็จ
อนิรุทธิ์จึงพาอรอินทร์ไปที่พัทยา อรอินทร์ออดอ้อนอนิรุทธิ์บอกว่า เธอมีความสุขมาก
และรู้สึกตื้นตันเป็นที่สุด ทำให้อนิรุทธิ์ยิ่งหลงใหลอรอินทร์มากขึ้น
วิกันดามีสีหนาเรียบเฉยเมื่อ ได้ฟังเรื่องที่อนงค์นารถเล่า เธอถามกลับเพื่อนรักว่า
จะให้ทำอย่างไรในเมื่ออรอินทร์อุตส่าห์โทรมาขออนุญาต
อนงค์นารถกับฉวีเพ็ญสุดทนยุให้วิกันดาลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองเพื่อตอบโต้อนิ
รุทธิ์บ้าง "ในเมื่อคุณอนิรุทธิ์ทำได้ วิก็ต้องทำได้เหมือนกัน "
อนงค์นารถพูดไม่ทันจบ ฉวีเพ็ญก็ร้องลั่นถามว่า จะยุให้วิกันดามีกิ๊กหรือ "บ้า
ก็แค่แกล้งทำเป็นว่ามี หรือเขากลับดึก เราก็กลับดึกกว่า เช่นเขากลับตี 1 เรากลับตี
2 เขากลับตี 3 เรากลับสว่างไปเลย" " แล้วโหน่งกับนุ่นล่ะ
ทุกวันนี้เรายังกลับมาสอนการบ้านลูก ทานข้าวกับเขาแล้วก็พาเข้านอน
คิดดูซิว่าถ้าทั้งพ่อทั้งแม่กลับดึก ลูกจะทำอย่างไร
ที่ร้ายกว่านั้นถ้าเกิดเขาถามขึ้นมาว่าทำไมคุณแม่กลับดึก เราก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร"
วิกันดาร่ายยาว ฉวีเพ็ญกับอนงค์นารถ สบตากันเซ็งๆ หลัง
จากฉวีเพ็ญกับอนงค์นารถลากลับไปแล้ว
วิกันดาก็ได้รับโทรศัพท์จากอรอินทร์ที่โทรมาคุยเรื่องอนิรุทธิ์ "สวัสดีค่ะ คุณพี่ขา
อรโทร.มารายงานว่าตอนนี้เรา หมายถึงอรกับพี่รุทธิ์น่ะค่ะอยู่ ที่พัทยา
ความจริงอยากจะไปหัวหินด้วยซ้ำไป เพราะตอนที่ไปวันนั้น
เราไม่ค่อยมีโอกาสได้เที่ยวด้วยกันตามลำพังเท่าไหร่เลย ก็ไปกันตั้งหลายคนนี่คะ
ลูกเด็กเล็กแดงกระจองอแง" "ต้องการอะไร" วิกันดากำโทรศัพท์แน่น " อรนึกออกเลยว่า
ตอนนี้หน้าตาคุณพี่เป็นยังไง คืองี้ค่ะ อรน่ะเป็นห่วงคุณพี่
กลัวจะเข้าใจผิดเลยบอกพี่รุทธิ์ว่าให้รีบกลับ แต่พี่รุทธิ์ไม่ยอมค่ะ
บอกว่าอยากจะค้างด้วยซ้ำไป เพราะอยู่บ้านแล้วกลุ้มใจ เมียคอยจับผิดอยู่ตลอดเวลา
เขาพูดอย่างนี้จริงๆ นะคะ อรไม่ได้ต่อเติมเลยจนนิดเดียว โถ อร
น่ะเห็นใจลูกผู้หญิงด้วยกันจะตายไป" อรอินทร์หัวเราะคิกคัก
วิกันดากระแทกโทรศัพท์ลงมือกำแน่นแล้วพยามกลั้นน้ำตา อร
อินทร์ส่งยิ้มสะใจแล้วเดินออกไปหาอนิรุทธิ์ที่ชายหาด
เธอตีหน้าเศร้าชวนอนิรุธิ์กลับอ้างว่า รู้สึกผิดกับวิกันดา
เพราะเมื่อกี้วิกันดาโทรมาถามว่า อนิรุทธิ์อยู่กับเธอหรือเปล่า อนิรุทธิ์ชะงัก
"พี่รุทธิ์อย่าไปถามเธอนะคะ เพราะคุณพี่ไม่ได้เอะอะอาลาวาดอะไร พออรตอบเสร็จ
เธอก็วางหูไปเท่านั้นเอง คุณพี่โกรธอรหรือเปล่าคะ ที่อรตอบไปตามความจริงอร
อรโกหกไม่เป็นน่ะค่ะ ตั้งแต่เล็กแล้ว คุณแม่สอนไม่ให้อรโกหก พี่รุทธิ์จะดูก็ได้ค่ะ"
อรอินทร์หยิบมือถือส่งให้ด้วยนัยน์ตาใสซื่อ อนิรุธิ์ส่งยิ้มพลางส่ายหน้า
"ไม่ต้องหรอก พี่เชื่ออร คนเราอาจเปลี่ยนแปลงกันได้" อรอินทร์แอบถอนใจโล่งอก
โหน่งกับนุ่นเห็นวิกันดาร้องไห้ก็วิ่งเข้ามากอด นวลรู้สึกเจ็บใจแทน
แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เธอหันมาบอกนุ่นกับโหน่งว่า
"ถ้าน้องโหน่งกับน้องนุ่นรักคุณแม่จริงๆ ก็ไม่ควรจะทำให้คุณแม่เสียใจอีก"
สองพี่น้องมองหน้ากันอย่างเข้าใจแล้วจูงมือกันเดินตามวิกันดาขึ้นห้อง
นวลมองตามพลางถอนใจ นวล นั่งรออนิรุทธิ์อยู่จนดึกและทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในบ้าน
นวลก็รีบยิงคำถามว่า ไปกับอรอินทร์มาใช่ไหม แต่อนิรุทธิ์ไม่ตอบ
เขาเดินหนีนวลขึ้นห้องนวลตามมาตัดพ้อ "เพราะนวลเป็นคนรับใช้ใช่ไหมคะ
คุณผู้ชายถึงได้ไม่เห็นหัวนวล ถ้าไม่อยากให้นวลเข้าไปยุ่งในชีวิตคุณผู้ชาย
แล้วคุณผู้ชายมายุ่งกับนวลทำไม" "ไปนอนได้แล้ว จะได้เลิกฟุ้งซ่าน ฉันง่วง
จะเข้านอนเหมือนกัน" อนิรุทธิ์หันมาสั่ง "ก็ถ้ารู้ว่าจะง่วง
แล้วทำไมกลับมาดึกดื่นป่านนี้ล่ะคะ" "จะมากไปแล้ว ขนาดเมียฉันเขายังไม่ถามสักคำ"
"คนอย่างคุณผู้หญิงเธอไม่ลดตัวมาแย่งผัวกับใครหรอกค่ะ เธอเป็นผู้ดีเกินไป
มันต้องอย่างอีนวลนี่" "ถ้ายังอยากจะอยู่ที่นี่ต่อไป ก็ขอให้สำนึกว่าตัวเองเป็นใคร
มีหน้าที่อะไร แล้วก็ทำตามหน้าที่นั้น" อนิรุทธิ์หันหลังเดินหนีไป นวลน้ำตาไหลพราก
ทรุดตัวลงร้องไห้อย่างหมดแรง00000000000000000 เช้า วันใหม่
วิกันดาไปพบท่านผู้หญิงฯ ที่ห้องทำงานเพื่อรายงานตัว ท่านผู้หญิงพอใจวิกันดามาก
และขอให้เธอมาเริ่มทำงานกับท่านในต้นเดือนหน้า
วิกันดารับคำแล้วขอตัวเพราะต้องกลับไปสะสางที่เหลือให้เสร็จ
และเมื่ออกมาจากห้องท่านผู้หญิงแล้ว
เจนจบก็โทรเข้ามาแสดงความยินดีกับงานใหม่ของวิกันดาและขอเป็นเจ้ามื้อเลี้ยง ฉลอง
วิกันดาจึงชวนเจนจบมาทานอาหารที่บ้านของเธอ และโทรชวนอนงค์นารถกับฉวีเพ็ญมาด้วย
อนงค์นารถ ฉวีเพ็ญและวิกันดาช่วยกนเตรียมอาหารอยู่ในครัว โดยมีเตื้องเป็นลูกมือ
รถของเจนจบแล่นเข้ามาในบ้าน นุ่มกับโหน่งรีบออกไปต้อนรับ เจนจบยื่นของฝากให้ทั้งคู่
นวลอาสาช่วยเจนจบถือของเพราะเขาซื้ออาหารมาหลายอย่าง "ไม่เป็นไร อยู่กับเด็กๆ เถอะ"
เจนจบถือถุงเหล่านั้นเดินเข้าบ้าน นวลมองตามด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
"มาเร็วจังค่ะเชิญคุณเจนจบนั่งก่อน ดิฉันจะเอาของเข้าไปจัดในครัว"
วิกันดาเดินออกมารับของ เจนจบขอเข้าไปช่วยด้วยคน แต่วิกันดาไม่ยอม
เจนจบจึงต้องนั่งรอ เขามองตามวิกันดาด้วยสายตาชื่นชม
"นั่นออกไปเดี๋ยวเดียวได้อะไรมาเยอะแยะ"
อนงค์นารถหันมาทักเมื่อเห็นวิกันดาหิ้วถุงอาหารเข้ามา "คุณเจนจบน่ะซิซื้อมา เตื้อง
เอาน้ำฝรั่งไปเลี้ยงแขกด้วย" วิกันดาสั่งเตื้อง เตื้องรับคำแล้วรินน้ำออกไป
"คุณเจนจบคนนี้ใช่ไหมที่เป็นสามีอรอินทร์ ชักจะยังไงเสียแล้วนะ" อนงค์นารถพูดลอยๆ
ฉวีเพ็ญชะงักหันมาถามวิกันดา
"หรือเขาคิดจะแก้แค้นที่คุณรุทธิ์ไปกิ๊กกับอดีตเมียเขา" " คุณเจนจบเป็นคนดี
เขาไม่มีวันคิดอย่างนั้นแน่นอน
แต่ถึงจะคิดก็ไม่มีทางเป็นไปได้เพราะฉะนั้นเลิกมองเพื่อนอย่างนั้นเสียที"
วิกันดายืนยัน อนงค์นารถหันมายักคิ้วกับฉวีเพ็ญ บรรยากาศในโต๊ะอาหารดู
เป็นกันเองและอบอุ่น เพราะได้ฉวีเพ็ญกับอนงค์นารถมาสร้างสีสัน
วิกันดาส่งยิ้มกับเพื่อน เจนจบแอบมองด้วยความชื่นชม และเมื่อทานอาหารเสร็จ
ฉวีเพ็ญก็รีบชวนอนงค์นารถกลับเพราะต้องเป็นห่วงสีหนาท "โฮ้ย อยากจะบ้าตาย เอ้า ไป
กลับก็กลับ คุณเจนจบจะกลับหรือยังคะ" อนงค์นารถหันมาถาม "ยังครับ
ผมไม่ได้รีบร้อนอะไร" เจนจบว่า "ถึงว่าซิคะ
คราวหน้าจะไม่พายอดกุลสตรีฉวีเพ็ญมาด้วยแล้ว" อนงค์นารถบ่น
แล้วฉวีเพ็ญก็ดึงแขนเธอไปที่รถ วิกันดาชวนเจนจบไปส่งอนงค์นารถกับฉวีเพ็ญด้วยกัน
อนงค์ นารถขับรถออกไป โดยมีฉวีเพ็ญหันมาโบกมือโบกไม้ให้วิกันดากับเจนจบ
วิกันดาโบกมือตอบ เจนจบแอบมองวิกันดา
แต่พอเห็นเธอมองกลับมาก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติชวนคุยว่า
"เพื่อนคุณวิน่ารักนะครับ คุยสนุกด้วย" "ค่ะ"
วิกันดายิ้มรับแล้วรถของอนิรุทธิ์ก็แล่นเข้ามา อนิรุทธิ์
ขบกรามแน่นเมื่อเห็นวิกันดาคุยอยู่กับเจนจบ
เขาแกล้งทุบแตรรถเสียงดังลั่นอย่างหงุดหงิด วิกันดากับเจนจบสะดุ้งหันมามอง
แล้ววิกันดาเบือนหน้ากลับอย่างใจเย็นชวนเจนจบไปนั่งที่ในสนาม
อนิรุทธิ์มองตามสีหน้าไม่พอใจนัก แล้วเดินเข้าไปโวยวายในบ้าน
วิกันดายิ้มให้กับเจนจบทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สี่ทุ่มแล้ว
อนิรุทธิ์ยังหันรีหันขวางเดินกลับไปกลับมาอยู่ในบ้าน
แล้วในที่สุดเขาก็ทนไม่ได้จึงต้องเดินออกไปตามวิกันดาที่นั่งคุยยู่กับเจนจบ
โดยอ้างว่าดึกมากแล้ว เจนจบหันมาถามวิกันดาว่า
จะให้เขากลับหรือยังเพราะเขาเป็นแขกของเธอ วิกันดาอ้าปากจะพูด
แต่อนิรุทธิ์รีบตอบก่อน "ผมตอบแทนในฐานะสามีของวิได้เลยว่า กลับไปได้แล้ว"
วิกันดากลัวจะมีเรื่อง เพราะอนิรุทธิ์ดูโกรธจัด
ในขณะที่เจนจบดูกวนโมโหในจึงรีบตัดบท "คุณเจนจบกลับไปก่อนเถอะค่ะ
แล้วค่อยโทร.คุยกัน" "ได้ครับ" เจนจบลุกขึ้น วิกันดาขยับจะออกเดินไปส่ง
แต่อนิรุทธิ์คว้าแขนไว้ เจนจบอมยิ้มบอกกับวิกันดา "คุณวิไม่ต้องไปส่งหรอกครับ
แค่นี้เอง ลาละครับด็อกเตอร์อนิรุทธิ์" เจนจบก้มหัวให้ "เชิญ" อนิรุทธิ์ว่า เจน
จบมองสบตาวิกันดา แล้วเดินไปที่รถ
วิกันดาสั่งให้อนิรุทธิ์ปล่อยเพราะจะไปเปิดประตูให้เจนจบ
อนิรุทธิ์สั่งให้เรียกนายพาคนขับรถมาเปิด "คุณอยากให้พาเห็นหรือว่าเราทะเลาะกัน"
วิกันดาย้อน อนิรุทธิ์ ปล่อยแขนวิกันดา วิกันดาเดินไปที่ประตู
ในขณะที่เจนจบก็เดินไปเช่นกัน ทั้งคู่พูดกันเบาๆ อนิรุทธิ์มองภาพนั้นอย่างหงุดหงิด
และเมื่อวิกันดาเดินกลับมาเขาก็เปิดฉากต่อว่า เธอทันทีเพราะหึง
แต่วิกันดาก็สวนอนิรุธิ์ทันควันพร้อมกับท้าหย่า เพราะทนต่อไม่ไหวแล้ว
แต่อนิรุทธิ์ไม่ยอม "งั้นก็ตามใจคุณ แต่ยังเปลี่ยนใจได้นะคะ
เพราะฉันยังเปิดโอกาสให้เสมอ" วิกันดาเดินเข้าบ้าน อนิรุทธิ์มองตามอย่างหงุดหงิด วิ
กันดาเข้าไปอ่านหนังสือให้ลูกๆ ฟังเพื่อจะได้ลืมเรื่องทุกข์ใจ
ในขณะที่อนิรุทธิ์โทรไปหาอรอินทร์เพื่อหาคนปลอบใจ ซึ่งก็เข้าทางอรอินทร์พอดี
เธอทำเป็นเห็นอกเห็นใจอนิรุทธิ์ แล้วจะขอเสียสละเป็นฝ่ายไปเอง
เพื่อเห็นแก่ความสุขของครอบครัวอนิรุทธิ์ " ไม่เป็นไรค่ะพี่รุทธิ์ ก็อย่างที่เคยพูด
อรรู้ตัวดีว่ามาทีหลัง ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไร อรถึงต้องมาพบ มารักพี่รุทธิ์
รักมากมายถึงเพียงนี้" อรอินทร์ทำเสียงสะอึกสะอื้น "ไม่จำเป็นที่เราจะต้องเลิกคบกัน
ถ้าอรไว้ใจพี่ อรก็ปล่อยทุกอย่างให้พี่จัดการเอง พี่จัดการได้ " อนิรุทธิ์รีบบอก
อรอินทร์รับคำแล้วส่งยิ้มพอใจ
ถาวรทนอึดอัดไม่ไหวจึงเข้ามาพูดกับอรอินทร์เรื่องอนิรุทธิ์ เพราะเกรงใจวิกันดา
แต่อรอินทร์ไม่สน เธอบอกกับถาวรว่า "อรไม่ใช่เด็กๆ แล้วค่ะ
พูดกันครั้งเดียวก็น่าจะพอ อรไม่ชอบฟังเรื่องซ้ำๆ กัน มันง่วง" อร
อินทร์ลุกเดินหนีออกไป ถาวรส่ายหน้ากลุ้มๆ
แล้วตัดสินใจไปพูดเรื่องนี้กับอนิรุทธิ์ในวันต่อมา
เพราะต้องการให้อนิรุทธิ์เป็นฝ่ายถอยไปจากอรอินทร์เสียเอง แต่อนิรุทธิ์ก็อ้างว่า
"อรอินทร์เป็นคนไม่มีเพื่อน" "ไม่ต้องห่วง หรอกเรื่องนั้น เดี๋ยวเขาก็หาได้
แต่นายนั่นแหละอาจจะต้องเสียทั้งเพื่อนซึ่งก็คือฉัน
แล้วก็เมียที่แสนดีอย่างคุณวิกันดา" ถาวรสบตาอนิรุทธิ์แล้วลุกเดินออกไป
อนิรุทธิ์ถอนใจยาว สีหน้าเหมือนจะกังวล คุณ
หญิงแวววรรณพานุดีหลานสาวมาฝากทำงานกับท่านผู้หญิงฯ
เพราะต้องให้นุดีอยู่ห่างจากเถกิงเดชสามีจอมเจ้าชู้ที่คิดจะขอนุดีไปเป็น เมียน้อย
และหลังจากฝากงานให้นุดีเรียบร้อยแล้ว
คุณหญิงก็จัดแจงหาที่อยู่ใหม่ให้นุดีอีกด้วยพร้อมกับขู่ว่า "จำไว้นะ
ถ้าฉันจับได้ว่าแกแอบติดต่อให้ที่อยู่ใหม่คุณเถกิงเดชเมื่อไหร่ละก็แกกับฉันขาดกันทันที
ฉันตายก็ไม่ต้องมาเผา" "คุณป้าขา หนูไม่เคยคิดเนรคุณ คุณป้าเลย
หนูไม่เคยให้ท่าคุณลุงอย่างที่คุณป้าเข้าใจ" นุ ดีก้มกราบทั้งน้ำตา
แต่คุณหญิงทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ เธอเดินออกไป นุดีนั่งร้องไห้
ยุทธการชายหนุ่มที่หลงรักนุดีโทรมาหาและอาสาจะมาช่วยขนของและจัดห้องใหม่
แต่นุดีปฏิเสธ เธอรีบวางสายอ้างว่า
กำลังยุ่งแล้วนั่งพิงเตียงหลับตาลงอย่างคนคิดหนัก เพราะชีวิตเธอไม่มีทางเลือกนัก
ถ้าไม่ย้ายออกมาอยู่หอพักและทำงานตามที่คุณหญิงแวววรรณาสั่งเธอก็ต้องแต่ง
งานกับสุนทรผู้ชายที่คุณหญิงวรรณาจับคู่ให้ อนิรุธิ์กลับบ้านแต่วันและ
อยู่เล่นกับลูกๆ โดยมีนวลตามประกบไม่ห่าง และเมื่อถึงเวลาเข้านอนวิกันดาก็ลงมาตาม
นุ่นกับโหน่งหันมาอ้อนให้อนิรุทธิ์ไปส่งพวกเขาเข้านอนด้วย
แล้วหันมาสั่งนวลว่าไม่ต้องตาม นวลแอบน้อยใจปนริษยาเล็กๆ
เธอเดินกระแทกเท้าเข้าไปในครัว เตื้องที่กำลังเช็ดจานชามหันมามองแล้วเตือนว่า " นวล
ฉันพูดจริงๆ นะ ทุกวันนี้คุณผู้หญิงก็ช้ำใจมากพอแล้ว
แกอย่าซ้ำเติมเธออีกเลยคุณผู้หญิงเป็นคนดี แกจะไปหาเจ้านายอย่างนี้ไม่มีอีกแล้ว"
"ฉันไม่เคยคิดจะทำร้ายคุณ ผู้หญิง แต่นังคนนั้น นังคนนั้นมันทำร้ายจิตใจคุณผู้หญิง
มันดูถูกฉัน ฉันจะแก้แค้น ฉันพูดจริง ไม่เชื่อแกคอยดูไปละกัน" นวลเดินออกไป
เตื้องสีหน้ากังวล นุ่มกับโหน่งนอนอย่างอบอุ่นบนเตียงโดยมีอนิรุทธิ์กับ
วิกันดาขนาบคนละข้าง วิกันดายังคงอ่านนิทานไปเรื่อยๆ
อนิรุทธิ์มองวิกันดาด้วยแววตาอ่อนโยน แล้วเลื่อนตัวลงนอนหนุนหมอนกับลูก
ด้วยความรู้สึกอบอุ่นมีความสุข วิกันดาเหลือบมองแล้วกลับไปอ่านหนังสือต่อ
นุ่นกับโหน่งหันมาพยักหน้าให้กัน
แล้วจับมือพ่อกับแม่มาประสานกันไว้พร้อมกับอ้อนให้พ่อแม่คืนดีกัน อย่าโกรธกันอีกเลย
"พ่อรักคุณแม่มากที่สุด ไม่เคยโกรธเลยสักนิด" อนิรุทธิ์รีบบอก "แล้วคุณแม่ล่ะคะ"
นุ่นมองวิกันดา แต่วิกันดาเฉไฉหันไปอ่านหนังสือต่อ อนิรุทธิ์แอบหลิ่วตาให้ลูกๆ
ทำให้บรรยากาศในห้องดูอบอุ่นยิ่งขึ้น อร อินทร์พยายามโทรเข้ามือถืออนิรุทธิ์
แต่เขาไม่รับสาย เธอนึกโมโหจึงโทรเข้าบ้าน และนวลก็รับสายพอดี
นวลด่าอรอินทร์เป็นชุดพร้อมกับเย้ยว่า "แหม พูดแล้วอยากให้คุณเห็นภาพจัง
พ่อแม่ลูกอยู่ด้วยกันดูอบอุ๊น อบอุ่น แค่นี้ใช่ไหมคะ ฉันจะได้ไปปิดบ้านเสียที
วันนี้คุณผู้ชายคุณผู้หญิงขึ้นนอนแต่วัน" นวลหัวเราะคิกคัก แล้ววางโทรศัพท์
อรอินทร์โกรธจนพูดไม่ออก เมื่อ ลูกๆ หลับหมดแล้ววิกันดาก็จะเดินกลับห้อง
อนิรุทธิ์ตามกอดวิกันดาถามว่า จะเริ่มต้นกันไหมได้ไหม
วิกันดาดึงแขนอนิรุทธิ์ออกแล้วถามกลับว่า จะเอาอรอินทร์ไปไว้ที่ไหน
"เขาก็อยู่ของเขา ส่วนคุณก็คือเมียของผม เป็นแม่ของลูกผม" "เสียใจจริงๆ ค่ะรุทธิ์
ฉันทนอยู่ในสภาพอย่างที่คุณต้องการไม่ได้" วิ กันดาเดินเข้าห้องปิดประตู
อนิรุทธิ์มองตามอย่างอ่อนใจ
แล้วกลับเข้าห้องก็เห็นโทรศัพท์มีเบอร์ของอรอินทร์ค้างอยู่ เขาจึงโทรกลับ
อรอินทร์รีบออดอ้อนทำมารยาให้อนิรุทธิ์ลุ่มหลง และหลังจากวางสาย
อรอินทร์ก็ยิ้มเยาะบอกกับตัวเองว่า "ด็อกเตอร์วิกันดา ความรู้ท่วมตัว
แต่เอาตัวไม่รอด" วรนารี
พาพี่เลี้ยงคนใหม่ที่เป็นคนงานต่างด้าวพูดไทยไม่ชัดมาให้อรอินทร์ดูตัว
อรอินทร์รีบโบกมือไล่เพราะรับไม่ไหวกับความซุ่มซ่าม
และกลัวว่าน้องนิ่มลูกของเธอจะติดเชื้อเป๋อจากพี่เลี้ยงคนใหม่
และเมื่อวรนารีพาพี่เลี้ยงต่างด้าวกลับไปแล้ว
บัวก็เข้ามาถามอรอินทร์ว่าจะให้เธอไปเมื่อไหร่ อรอินทร์รีบปฏิเสธบอกว่า
เด็กคนั้นเป็นคนของวรนารี แล้วรีบกดหาอนิรุทธิ์เพื่อเปลี่ยนประเด็น บัวเดินกลับไป
อรอินทร์โทรมาอ้อนขอไปบ้านอนิรุทธิ์ในตอนเย็น เธออ้างว่า คิดถึงวิกันดาและพวกเด็กๆ
ก็คงคิดถึงกัน อนิรุทธิ์ลังเลเล็กน้อยก่อนตอบตกลง
อรอินทร์อ้อนต่อว่าให้อนิรุทธิ์แวะมารับเธอหลังเลิกงานด้วย อนิรุทธิ์รับคำ
อรอินทร์ยิ้มพอใจ "ทำไมมานั่งชมจันทร์คนเดียวล่ะคะ อรขอนั่งด้วยคนนะคะ
พี่รุทธิ์กำลังเล่นกับเด็กๆ อรก็เลยเลี่ยงออกมา" อร
อินทร์ถือแก้วไวน์เขามานั่งตรงหน้าวิกันดา แต่วิกันดายังคงนั่งนิ่ง เธอจึงพูดต่อ
"แปลกนะคะที่ลูกๆ ของเราชื่อคล้ายๆ กัน นุ่น โหน่ง นิ่ม" "ไม่แปลกหรอกค่ะ
คนไทยมีตั้ง 60 กว่าล้าน ชื่อซ้ำกันออกเยอะแยะ" วิกันดาว่า " แต่อรว่าแปลก เฮ้อ
บ้านคุณพี่นี่สบายจัง มาแล้วไม่อยากกลับเล้ย
คุณพี่กับพี่รุทธิ์ท่าทางจะไม่ค่อยทะเลาะกัน เพราะดูคุณพี่ใจเย้น เย็น"
อรอิทร์เอียงคอถาม "คนเราอยู่ด้วยกันมันก็ต้องมีบ้างละค่ะ"
"อรทายว่าเป็นเรื่องผู้หญิง เพราะพี่รุทธิ์เป็นผู้ชายเจ้าเสน่ห์
มักจะมีผู้หญิงเข้ามาพัวพันตลอดเวลา" "รวมทั้งคุณอรด้วยหรือเปล่า" วิกันดายิ้มนิดๆ
"ถ้ารวมล่ะคะ คุณพี่จะว่ายังไง จะอนุญาตให้อรเข้ามา พัวพัน หรือเปล่า"
อรอินทร์ท้าทาย วิกันดาเหมือนจะคาดไม่ถึง แต่แล้วก็รวมรวบสติได้สวนว่า
"ถ้าไม่อนุญาตล่ะ" "โถ คุณพี่ขา อรพูดเล่นน่ะค่ะ คุณพี่เป็นภรรยาพี่รุทธิ์
อรทั้งรักและเคารพคุณพี่จะตาย อรจะไปทำอย่างนั้นได้ยังไง"
อรอินทร์หัวเราะแล้วก้มดูนาฬิกา "จะ 4 ทุ่มแล้ว อรคงขออนุญาตให้พี่รุทธิ์ไปส่งนะคะ"
"เชิญค่ะ" วิกันดามองตามอรอินทร์ไป000000000 อนิรุทธิ์ มาส่งอรอินทร์ที่บ้าน
อรอินทร์สั่งให้บัวพานิ่มไปนอนแล้วอ้อนให้อนิรุทธิ์ขับรถพาเธอเที่ยวต่อ
บัวพยายามจะขวางแต่อรอินทร์ไม่สน เธอนั่งรถออกไปกับอนิรุทธิ์จนได้
"พี่บัวคงไม่พอใจ" อนิรุทธิ์หันมาคุยกับรอินทร์ "ช่างเถอะค่ะ ตอนมาอยู่ใหม่ๆ
ก็สงบเสงี่ยมดี แต่พอนานไปก็เริ่มลืมตัว เป็นเพราะพี่ถานั่นแหละคอยให้ท้ายตลอด"
อรอินทร์ว่า "ถามันจะพาลมาโกรธพี่ด้วย" อนิรุทธิ์ถอนใจ สอง ยามแล้ว
อนิรุทธิ์ยังไม่กลับ วิกันดานอนถอนใจ นึกถึงภาพลูกๆ
ที่พยายามประสานให้เธอกับอนิรุทธิ์คืนดีกัน
และอนิรุทธิ์เองก็ดูอ่อนโยนมีความสุขกับลูกเมีย
แต่ภาพนั้นก็เลือนหายไปเมื่อคำพูดอรอินทร์ที่บอกว่าจะขออนุญาตมาพัวพันกับ
อนิรุทธิ์ดังแทรกเข้ามา วิกันดายกมือลูบผมด้วยท่าทางอ่อนหล้า
และไม่อาจข่มตานอนได้อีกเลย จึงเป็นเหตุให้ให้เช้าวันใหม่วิกันดาตื่นสายกว่าปกติ
นวลมายืนรออยู่ หน้าห้องด้วยความเป็นห่วง
เมื่อเห็นวิกันดาเปิดประตูออกมาเธอก็โล่งใจ แล้วรีบรายงานว่า
เมื่อคืนนี้อนิรุทธิ์กลับถึงบ้านตอนตีห้า
วิกันดานิ่วหน้านัยน์ตาเหมือนจะระแวงแว่บหนึ่ง แล้วก็ตัดใจเดินลงไปข้างล่าง
"คุณผู้หญิงอย่าลืมถามคุณผู้ชายนะคะว่าไปไหนมา" นวลรีบตามมาบอก
แต่วิกันดาทำเหมือนไม่ได้ยิน เตื้อ งเตรียมจะตักข้าวต้มให้วิกันดา
แต่วิกันดาขอเปลี่ยนเป็นกาแฟแทน แล้วสั่งให้เตื้องยกไปให้เธอที่หน้าบ้าน
แล้วเดินออกไปทันที นวลขยับจะตามแต่เตื้องเรียกให้ไปล้างานในครัว
เพราะไม่อยากให้นวลไปกวนใจวิกันดา
อนิรุทธิ์ยืนอยู่ที่ระเบียงเห็นวิกันดาเดินออกมาโทรศัพท์ที่หน้าบ้าน
ก็นึกระแวงว่าเธอจะคุยกับเจนจบจึงรีบตามลงมาแล้วสั่งเตื้องว่าจะเอากาแฟไป
ให้วิกันดาเอง "โทรคุยกับใครแต่เช้า" อนิรุทธิ์วางถ้วยกาแฟลง วิกันดาสะดุ้ง
"แค่นี้ก่อนนะ คุยไม่ค่อยสะดวกแล้ว" วิกันดาปิดโทรศัพท์ ยกกาแฟขึ้นจิบอย่างใจเย็น
อนิรุทธิ์ถามย้ำ "คุยกับใคร เจนจบใช่ไหม
ผมไม่เคยเห็นคุณโทร.ถึงคุณนารถหรือคุณเพ็ญแต่เช้าอย่างนี้"
"ไม่จำเป็นต้องตอบมั้งค่ะ ทีฉันยังไม่ถามคุณเลยว่า หายไปไหนทั้งคืน
เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ ขอตัวก่อนนะคะ" วิกันดาลุกขึ้น "คุณจะไปไหน"
"ไปหาเพื่อนค่ะ" วิกันดาตอบโดยไม่หันกลับมา " อย่าทำอย่างนี้หน่อยเลยน่ะ
ผมขอร้องเมื่อคืน ผมกับอรคุยกันเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น
แล้วก็รับรองว่าจะไม่มีด้วย ความสัมพันธ์ของเราจะไม่ไปไกลกว่านี้แน่"
อนิรุทธิ์เข้ามาจับแขนวิกันดา "ไม่ไปไกลกว่านี้
เพราะมันไกลจนสุดทางของมันแล้วต่างหากคะ" วิกันดาดึงแขนออก
"นั่นก็สุดแล้วแต่คุณจะคิด ผมบอกความจริงคุณไปหมดแล้ว" "ขอบคุณค่ะ" วิกันดาประชดนิด
ๆ แล้วเดินไปที่รถ "แล้วอย่าโทษผมนะวิ" อนิรุทธิ์ตะโกนไล่หลัง วิ
กันดามาปรับทุกข์กับอนงค์นารถเรื่องที่อนิรุทธิ์ที่หายไปกับอรอินทร์เกือบ ทั้งคืน
อนงค์นารถถึงกับอึ้งนึกคำปลอบใจไม่ออก
เธอจึงชวนวิกันดาไปดูหนังเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศแล้วแวะรับฉวีสีเพ็ญไปด้วย
หลังจากดูหนังเสร็จ ทั้งสามก็ไปเดินช็อปปิ้งกันต่อและได้พบกับอรอินทร์และวรนารี
ทั้งคู่เขามาเย้ยวิกันดาเรื่องอนิรุทธิ์ แล้วอรอินทร์ก็ตอกย้ำว่า "อร
ต้องกราบขอโทษด้วยค่ะ ที่เมื่อคืนปล่อยตัวพี่รุทธ์กลับบ้านตอนเกือบสว่าง โถ
อรก็ทั้งเตือนทั้งไล่ให้กลับแล้ว แต่เขาไม่ยอม
บอกกับเราว่าอยู่กับอรแล้วเขามีความสุข" วิกันดาเหมือนจะเป็นลม
อนงค์นารถรีบประคองแล้วพาออกไป "ขอโทษนะคะคุณน้อง ระยะนี้คุณน้องทั้ง 2
ได้ให้หมอดูตรวจดวงชะตาบ้างหรือเปล่าคะ"
ฉวีเพ็ญเดินเข้าหาอรอินทร์กับวรนารีสองสาวส่ายหน้างงๆ ฉวีเพ็ญจึงบอกต่อ "ว้า
งั้นคุณน้องทั้ง 2 ก็ไม่รู้ตัวน่ะซิคะว่าจะถูกตบกลางห้างฯ ดัง"
พูดจบฉวีเพ็ญก็ตบหน้าอรอินทร์กับวรนารีทันที ท่ามกลางความตกใจของทุกคน " ต่อไปนี้
ก่อนออกจากบ้านกรุณาตรวจดูดวงชะตาก่อนนะคะ ด็อกเตอร์วิกันดา น่ะเขาหน้าบาง
เป็นผู้ดี แต่พี่น่ะหน้าหนา เป็นนางร้าย แล้วก็ไม่มีอะไรจะเสียค่ะ"
ฉวีเพ็ญเดินเชิดออกไป ฉวีเพ็ญเดินออกมาบอก กับอนงค์นารถที่ประคองวิกันดาอยู่ว่า
จะขอยืมเงินไปเสียค่าปรับหน่อยเพราะเมื่อกี้ลืมตัวตบอรอินทร์กับวรนารีเข้า
พร้อมสารภาพว่า "ความจริงก็ไม่อยากจะตบหรอก แต่มือมันยกขึ้นไปเอง ห้ามไม่ทัน"
อนงค์นารถยิ้มรับบอกว่าสะใจดี วิกันดารีบปรามว่า ไม่ควรทำอย่างนั้น "ทำไงได้
บอกแล้วห้ามมือไม่ทัน" ฉวีเพ็ญยักไหล่
แล้วอนงค์นารถก็สะกิดให้วิกันดาดูอรอินทร์กับวรนารีที่รีบเดินกลับไปที่รถอย่างรวดเร็วเพราะอายคน
วิกันดามองตามแล้วนึกกังวลขึ้นมา วรนารี
เจ็บใจที่โดนตบกลางห้างจึงจะชวนอรอินทร์ไปแจ้งความ
แต่อรอินทร์ไม่ยอมเพราะไม่อยากขายหน้ามากกว่านี้ เธอบอกกับวรนารีว่า
จะไม่ยอมโดนตบฟรีแน่ แล้วอรอินทร์ก็โทรไปหลอกอนิรุทธิ์ว่า
ถูกเจนจบตามรังควานจนไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร
เพราะถาวรก็เข้าข้างเจนจบและอยากจะให้เธอคืนดีกับเขาเพื่อลูก "เวลาอยู่ต่อหน้าพี่ถา
เจนจบจะพูดดีทุกอย่าง หนูนิ่มเองก็อยากจะให้พ่อมาอยู่ด้วย
อรไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วค่ะ" อรอินทร์ทำฟูมฟาย
อนิรุทธิ์หลงกลแนะนำให้อรอินทร์ย้ายออกมา อรอินทร์แอบยิ้มกับวรนารีแล้วพูดเข้าแผน
"จะให้อรอยู่ตามลำพังกับลูกน่ะหรือคะ พี่รุทธิ์
อรขออนุญาตไปค้างที่บ้านพี่รุทธิ์สัก 2-3 วันได้ไหมคะ" อนิรุทธิ์นิ่งไป
อรอินทร์รีบอ้อนต่อ "ถ้าพี่รุทธิ์อึดอัดใจ อรจะขออนุญาตคุณพี่วิกันดาเอง
อยู่ที่นั่นอรอาจจะคิดออกว่าจะทำยังไงต่อไป"
อนิรุทธิ์นึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าแล้วตอบรับอรอินทร์ว่า จะคุยกับวิกันดาให้เอง
"ขอบคุณมากค่ะ พี่รุทธิ์ อรกราบขอบพระคุณมากๆ เลยค่ะ"
อรอินทร์ปิดโทรศัพท์ยิ้มอย่างสะใจ "อยากเห็นจังว่า ด็อกเตอร์วิกันดาจะทำหน้ายังไง"
วรนารีชวนอรอินทร์ชนแก้วดื่มฉลอง อนิรุทธิ์เขามาบอกวิกันดาว่า
อรอินทร์จะมาค้างที่นี้ วิกันดาหันมามองสีหน้าเรียบเฉยถามกลับว่า "เมื่อไหร่คะ
แล้วเขาจะมาอยู่นานเท่าไหร่ เป็นเดือน เป็นปี หรือว่าไม่มีกำหนด" "ผมไม่ทราบ
คุณลองถามเขาดูเองก็แล้วกัน" "ไม่ใช่หน้าที่ค่ะ เพราะแม้แต่นวล ฉันก็ยังไม่ถาม"
"อรอินทร์ไม่ใช่นวล" "หรือคะ แต่ในความรู้สึกของฉัน เขามีค่าไม่ต่างไปกว่านวลเลย"
"คุณคิดว่าเขาจะมาแย่งผมไปจากคุณใช่ไหม" "มันอยู่ที่คุณค่ะว่า
จะยอมให้เขาแย่งหรือเปล่า" " ผมบอกคุณแล้วว่า ไม่มีใครแย่งผมไปจากคุณได้
อรเขาเดือดร้อนมา ผมก็ต้องช่วย วิ คุณต้องเข้าใจธรรมชาติของผู้ชายด้วย"
อนุรุทธิ์หาเหตุผลให้ตัวเอง วิกันดายิ้มสวนว่า "ฉันเคยบอกแล้วว่าไม่เข้าใจ
และคิดว่าคงไม่มีวันเข้าใจด้วย ฉันจะไปบอกนวลให้เตรียมจัดห้อง"วิกันดาเดินออกไป
อนิรุทธิ์มองตาม วิ กันดาสั่งให้นวลจัดเตรียมห้องให้อรอินทร์
นวลไม่พอใจรีบโวยวายแล้วขอร้องให้วิกันดาไล่อรอินทร์ไป แต่วิกันดายืนยันคำสั่งเดิม
นวลจ๋อยจำใจจัดห้องให้อรอินทร์ตามคำสั่ง แล้วก็แอบไปด่าอรอินทร์ให้เตื้องฟัง
เตื้องรีบปรามเพราะกลัวเจ้านายจะลงมาได้ยิน "ได้ยินก็ได้ยินไป ฉันไม่กลัว
ต่อให้คุณผู้ชายด้วย ฉันเกลียดมัน ฉันก็บอกว่าเกลียด"
นวลพาลรีพาลขวางครู่หนึ่งแล้วเดินกระทืบเท้าออกไป
เพราะได้ยินเสียงรถอรอินทร์แล่นเข้ามา วิ กันดามองลงมาจากหน้าต่างเห็น
อนิรุทธิ์จูงโหน่งกับนุ่นออกมารับอรอินทร์ อรอินทร์เข้ามากราบที่อกอนิรุทธิ์
วิกันดาหน้าสลดแววตาสะเทือนใจ

เมียหลวง 3

บรรยากาศในงานเลี้ยงวันเกิดของอนิรุทธิ์ดูคึกคัก
วิกันดานั่งโต๊ะเดียวกับ ฉวีเพ็ญ อนงค์นารถ สีหนาทและพลเวทย์
ส่วนอนิรุทธิ์นั่งอยู่ที่โต๊ะอรอินทร์ ถาวร วรนารีและสิทชัย
นงค์นารถกับฉวีเพ็ญเห็นอรอินทร์คอยกระซิบกระซาบพลางหัวเราะต่อกระซิกกับ
อนิรุทธิ์อย่างสนิทสนมก็นึกสงสัยจึงสะกิดถามวิกันดา ว่าเธอคนนั้นเป็นใคร
"น้องสาวคุณถาวร เพิ่งกลับจากออสเตรเลีย" วิกันดาปรายตามองอรอินทร์
"ทำไมถึงได้ดูสนิทสนมกับคุณรุทธิ์ถึงขนาดนั้นล่ะ
เขาผูกขาดคุยกับคุณรุทธิ์คนเดียวเลยนะ รู้หรือเปล่าว่าคุณรุทธิ์มีลูกมีเมียแล้ว"
ฉวี เพ็ญกับอนงค์นารถใส่เป็นชุด พลเวทย์กับสีหนาทมองหน้าภรรยาตัวเองแล้วทำท่าอึดอัด
สีหนาทรีบสะกิดชวนฉวีเพ็ญกลับ วิกันดาได้ยินก็เอ่ยถามว่างานไม่สนุกหรือ



อนงค์นารถจึงหันไปสั่งพลเวทย์ให้ชวนสีหนาทออกไปยืดเส้นยืดสายก่อนแล้วค่อย
กลับมาเต้นรำ พลเวทย์ทำท่าตกใจเมื่อรู้ว่าต้องออกไปเต้นรำเพราะกลัวบาป
อนงค์นารถนึกรำราญสามีตัวเอง สีหนาทจึงดึงพลเวทย์ออกไป
วิกันดามองตามทั้งคู่แล้วบ่นว่า "ท่าทางคุณเวทย์กับคุณสีหนาทจะไม่ค่อยสนุก"
แต่ฉวีเพ็ญกับอนงค์นารถกลับหัวเราะบอกว่าถ้าสามีกลับมาจะลากออกไปเต้นรำให้เข็ด
อนิรุทธิ์ขยับตัวบอกกับอรอินทร์ว่า ขอตัวเดี๋ยว อรอินทร์สวมบทนางเอกถามว่า
"จะไปหาคุณพี่หรือคะเชิญค่ะ อรก็กำลังจะบอกพี่รุทธิ์เหมือนกัน
ปล่อยให้เธอนั่งกับเพื่อนตั้งนานแล้ว" อนิรุทธิ์ยิ้มรับแล้วลุกออกไปหาวิกันดา
วรนารีมองตามอนิรุทธิ์แล้วแอบกัดอรอินทร์ "ร้ายลึกนะยะ"
"ของอย่างนี้ต้องใจกว้างหน่อย" อรอินทร์ยิ้มอย่างมีแผน
หันไปมองอนิรุทธิ์ที่พาวิกันดาออกไปเต้นรำเปิดฟลอร์ "อรเขาชมคุณแทบไม่ขาดปากเลย"
อนิรุทธิ์ชวนคุย "ไม่ชมก็แย่แล้วค่ะ อุตส่าห์ปล่อยสามีให้ไปนั่งคุยด้วยตั้งนาน"
"ไม่ใช่อย่างนั้น" "แล้วมันอย่างไหนล่ะคะ นั่น
เขาออกมาเต้นกับคุณสิทธิชัยแล้วละค่ะ" วิกันดาว่า
อนิรุทธิ์หันไปดูก็เห็นอรอินทร์ส่งยิ้มหวานให้ เขาหันกลับมาตัดพ้อวิกันดาว่า
ชอบจับผิดเขา แต่วิกันตอกกลับว่า "พนันกันไหมล่ะคะ ฉันว่าฉันจับถูก"
แล้วเพลงก็เปลี่ยนจังหวะเป็นลาติน อนิรุทธิ์ ชวนวิกันดากลับโต๊ะอ้างว่า ไม่ถนัด
ในขณะที่อรอินทร์ยังคงเต้นอยู่กับสิทธิชัยอย่างมีชั้นเชิงและสวยงาม
แล้วเธอก็ส่งสายตาท้าทายมายังอนิรุทธิ์
อนงค์นารถโกรธแทนวิกันดาจึงชวนวิกันดาออกไปเต้นแข่งกับอรอินทร์ แต่วิกันดาปฏิเสธ
"เราไม่อยากออกไปให้ใครเปรียบเทียบ"
อนงค์นารถพอจะเข้าใจเมื่อเห็นสายตาอนิรุทธิ์จับจ้องไปที่อรอินทร์
แล้ววิกันดาก็ลุกออกไปข้างนอกโดยที่อนิรุทธิ์ไม่ทันรู้ตัว พล
เวทย์กับสีหนาทที่จะกลับเข้างาน พบวิกันดาเดินสวนออกมาก็แปลกใจ
วิกันดาบอกกับทั้งคู่ว่า จะออกมานั่งสักพักสักหน่อย
เพราะข้างในเปิดเพลงเสียงดังเธอรู้สึกปวดหัว สองหนุ่มอาสาอยู่เป็นเพื่อน
แต่วิกันดาปฏิเสธ พวกเขาจึงเดินกลับเข้าไปในงาน
แล้วบอกับภรรยาของพวกตนว่าวิกันดาหนีออกไปนั่งที่ล็อบบี้แล้ว
ฉวีเพ็ญกับอนงค์นารถที่กันท่าอรอินทร์อยู่รีบออกไปตามวิกันดา
อรอินทร์จึงได้โอกาสเข้ามาลากอนิรุทธิ์ออกไปเต้นรำด้วยกัน อนงค์นารถกับ
ฉวีเพ็ญพาวิกันดากลับเข้าไปในงาน
เพราะอยากจะรู้ว่าอรอินทร์กับอนิรุทธิ์จะยังกล้าอยู่ไหม ถ้าเห็นวิกันดา
แล้วทั้งคู่ก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นอรอินทร์ซบอนิรุทธิ์ด้วยอากัปกิริยาเคลิบ
เคลิ้มในจังหวะเพลงหวานเพราะมีวรนารีคอยกำกับนักตรีให้ วิกันดาซ่อนความเจ็บปวด
เธอมองภาพนั้นด้วยสีหน้าสงบ ฉวีเพ็ญกับอนงค์นารถทนไม่ไหวจะลากวิกันดาเข้าไปลุย
แต่วิกันดาบอกว่า "ช่างเถอะ" "แม่พระ" อนงค์นารถกับฉวีเพ็ญต่อว่า
วิกันดานิ่งนัยน์ตามีแววขมขื่น
แล้วกลับนิ่งสนิทจนคนอื่นอ่านไม่ออกว่าเธอคิดอะไรอยู่กันแน่ หลัง
จากงานเลี้ยงเลิกลา อรอินทร์ก็อ้อนให้อนิรุทธิ์ตามเธอไปที่รถ
เพื่อมอบของขวัญให้แล้วหันมาพูดยั่ววิกันดาว่า
เธออยากให้อนิรุทธิ์เป็นคนสุดท้ายเพราะเขาจะได้จำได้ "ไปซิคะรุทธิ์
เดี๋ยวจะได้รีบกลับ" วิกันดาสั่ง อนิรุทธิ์ขยับจะออกเดินกับอรอินทร์
อนงค์นารถสั่งให้วิกันดาตามไปด้วย เธออ้างกับทุกคนว่า "เดี๋ยวนี้ปาปารัชซี่เยอะแยะ
ไปรับมอบของขวัญกันสองต่อสองเดี๋ยวจะเป็นข่าว
เพราะถึงไม่ใช่ดาราแต่วิก็มีคนรู้จักมากค่ะ"
"คุณพี่นี่เป็นเพื่อนที่ประเสริฐที่สุดในโลกเลยนะคะ" วรนารีแขวะ " ยอมรับค่ะ
คงเป็นเพราะวิเขาเป็นผู้ดี ชนิดดีเข้าไปถึงแก่น
ไม่ใช่ดีแต่เปลือกพวกเราเลยต้องช่วยเป็นหน่วยตอบโต้ให้" อนงค์นารถใส่อีกชุด
อนิรุทธิ์เห็นท่าไม่ดีรีบชวนวิกันดาไปด้วยกัน
ส่วนสีหนาทกับพลเวทย์ก็รีบชวนภรรยากลับทันที "Happy Birthday ค่ะ
ขอให้พี่รุทธิ์มีความสุขมากๆ แล้วก็สมความปรารถนาทุกอย่างนะคะ"
อรอินทร์ส่งของขวัญให้ "ขอบคุณครับ อรก็เช่นกัน" "พี่รุทธิ์ทราบหรือคะ
ว่าอรปรารถนาอะไร" อรอินทร์ส่งสายตาท้าทาย วิกันดาคาดไม่ถึง
วรนารีหัวเราะชอบใจแล้วแกล้งเตือน "อรจ๋า เกรงใจภรรยาพี่รุทธิ์บ้างซิ
อรเขาเป็นคนเปิดเผยอย่างนี้เองค่ะ คุณพี่อย่าถือเลยนะคะ" วรนารีหันมาคุยกับวิกันดา
"ไม่ถือหรอกค่ะ รุทธิ์เขามีผู้หญิงมาติดพันเยอะ ถ้าถือละก็คงเลิกไปนานแล้ว"
"วิเขาเป็นคนที่เข้าใจผมมากที่สุด" อนิรุทธิ์เข้ามาโอบวิกันดาด้วยความรัก วิ
กันดาพูดทีเล่นทีจริงว่า เธอพยายามเข้าใจ ไม่ใช่เข้าใจ
ถาวรอึดอัดใจมากจึงรีบชวนอรอินทร์กับวรนารีกลับ
สองสาวยกมือไหว้ลาอนิรุทธิ์กับวิกันดา แล้ววิกันดาก็เดินกลับไปที่รถ
อนิรุทธิ์รีบตามไปจับมือวิกันดาพร้อมกับคำขอบคุณ วิกันดาหันมาถามว่า
ขอบคุณเรื่องอะไร "ก็ที่คุณจัดการให้เรียบร้อยหมดทุกอย่าง"
"นึกว่าขอบคุณเรื่องอื่น" วิกันดาดึงมือจากอนิรุทธิ์แล้วเดินเร็วๆ ไปที่รถ
อนิรุทธิ์รีบเดินตาม " คุณเองก็รู้ว่าผมเป็นของผมอย่างนี้เป็นมาตั้งแต่ก่อนแต่งงาน
จนแต่งงานมีลูก ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนผมได้ ผู้หญิงเป็นแค่ของเล่นของผม ยกเว้นคุณ"
อนิรุทธิ์ยืนยัน "ฉันควรจะดีใจหรือเสียใจดีคะ" วิกันดาหันมามอง
"ถ้าคุณเข้าใจผมสักนิด ให้อภัยผมสักหน่อยไม่ว่าคุณจะเหยียดหยามว่า
ผมสันดานบาปหยาบช้าแค่ไหน ผมก็ยอม" "เท่าที่เป็นอยู่นี้
ถ้าไม่เรียกว่าเข้าใจและให้อภัย แล้วจะเรียกว่าอะไรคะ"
วิกันดาอัดอั้นตันใจจนน้ำตาคลอ
อนิรุทธิ์สีหน้าแววตาอ่อนลงเขาเอื้อมมือมากุมมือวิกันดาไว้ถามว่า "
คุณกลัวอรอินทร์ใช่ไหม กลัวว่าผมจะยกย่องเขาเทียบเท่ากับคุณ
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ขอให้เลิกกลัวได้แล้ว เพราะผมยืนยันว่าคุณอยู่เหนือเขา
เหนือผู้หญิงทุกคน" วิกันดาค่อยๆ ดึงมือออก สีหน้ายังคงเดิม ถาวรตำหนิอรอินทร์ทันที
เมื่อกลับมาถึงบ้านเพราะไม่พอใจกับการกระทำของเธอเป็นอย่างมาก แต่อรอินทร์ก็สวนว่า
ชีวิตเป็นของเธอ เธอจะทำอะไรก็ได้
และถ้าถาวรคิดว่าการกระทำของเธอทำให้วิกันดาเดือดร้อนล่ะก็คิดผิด "
อรไม่เห็นเขาจะมีท่าทางเดือดร้อน สักนิดเดียว
ถ้าหากจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพี่รุทธิ์กับอร เขาเองก็มีส่วนผิดด้วย
ผู้หญิงจืดชืดเย็นชา ได้แต่พูดจากระทบกระเทียบเปรียบเปรยอย่างนั้น
ไม่ว่าผู้ชายที่ไหนก็เบื่อค่ะ โดยเฉพาะผู้ชายอย่างพี่รุทธิ์"
พูดจบอรอินทร์ก็เดินหนีไป ถาวรกลุ้มได้แต่มองตาม ถาวรโทรตามให้เจนจบมา พบน้องนิ่ม
เพราะหวังให้อรอินทร์ได้สำนึกตัวบ้าง
แต่อรอินทร์กลับอาละวาดใส่เจนจบพร้อมไล่ออกไปจากบ้าน
เพราะไม่ต้องการให้เขามาวุ่นวายกับนิ่มอีก นิ่มเสียใจที่เห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกัน
บัวพานิ่มไปปลอบใจ
แต่นิ่มก็ยืนยันว่าเธออยากให้พ่อกับแม่มาอยู่ด้วยันเหมือนกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียน
บัวพูดไม่ออกนึกเวทนาหนูน้อยจับใจ อรอินทร์โทรไปปรับทุกข์กับวรนารีเรื่องเจนจบ
วรนารีแนะนำว่า " ถึงอรกับคุณเจนจบ จะขาดกันไปแล้ว แต่เขาก็ยังเป็นพ่อของหนูนิ่ม
ซึ่งอรปฏิเสธไม่ได้ เอาอย่างนี้ซิ ตกลงกับเขาให้ดีว่าเขาจะมาเยี่ยมลูก วันไหน
แล้วพอถึงวันนั้นอรก็ไม่ต้องอยู่บ้าน หรือถ้าอรจะอยู่บ้านก็ให้เขาพาลูกไปเที่ยว"
"ฉันเกลียดเขา ไม่อยากให้มาวุ่นวายกับลูก" " ถ้าอย่างนั้น
อรก็ต้องหงุดหงิดอยู่อย่างนี้แหละ ลองดูคุณวิกันดาเป็นตัวอย่างซิ
สามีเจ้าชู้ขนาดไหน เขาก็ยังว่างเฉย คุณรุทธิ์ถึงไปไหนไม่รอด ในทำนองเดียวกัน
ถ้าอรวางเฉย คุณเจนจบเขาก็เลิกกวนประสาทไปเอง อรก็จะได้ไม่หงุดหงิด" วรนารีกล่อมต่อ
อรอินทร์ครุ่นคิด อรอินทร์พานิ่มมาเล่นกับนุ่นและโหน่งที่บ้านของวิกัน ดาในวันหยุด
และคอยชะเง้อมองหาอนิรุทธิ์ที่ยังไม่ลงมา จึงโดนวิกันดาว่ากระทบ
เพราะรู้ทันความคิดอรอินทร์ที่พาลูกมา "คุณพี่เป็นคนตรงดี ไม่รู้เป็นอะไร
อรรักคุณพี่จัง รักตั้งแต่เห็นครั้งแรก" อรอินทร์ส่งยิ้ม "แน่ใจนะคะว่าพูดไม่ผิดคน"
วิกันดาสวน อรอินทร์หัวเราะคิกคัก
แล้วหันไปมองอนิรุทธิ์ที่สวมเสื้อที่เธอซื้อให้เป็นของขวัญเดินเข้ามา
"ท่าทางพี่รุทธิ์จะชอบเสื้อที่อรให้นะคะ เห็นใส่บ่อยๆ"
อรอินทร์เปรยแล้วรีบเข้าไปทักทายอนิรุทธิ์
วิกันดาขยับตัวลุกหนีอ้างว่าจะไปเตรียมอาหารกลางวันวันในครัว อรอินทร์ขอตามไปช่วย
"ไม่ต้องค่ะ คุณอรอยู่คุยกับสามีพี่ดีกว่า เดี๋ยวเขาจะว่าพี่แย่งคุณอรไป"
วิกันดาเดินออกไป อรอินทร์กับอนิรุทธิ์มองตาม
นวลไม่ยอมออกมาช่วยเตื้องเตรียมอาหารเพราะโกรธเรื่องอรอินทร์
วิกันดาจึงสั่งให้เตื้องไปตามนวลออกมาและพูดเตือนว่า
"ถ้าฉันจะต้องไล่ผู้หญิงที่พยายามจะจับคุณผู้ชายออกจากบ้านทุกคนละก็บ้านนี้คงเหลือแค่เตื้องคนเดียว"
นวลรู้ตัวรีบกราบขอโทษวิกันดาทั้งน้ำตา แล้วเอ่ยว่า "นวลทราบแล้วค่ะ
นวลรู้ว่าคุณผู้ชายเจ้าชู้ แต่นวลขอประกาศก่อนว่า นวลยอมให้คุณผู้หญิงคนเดียว"
"แล้วไง เธอจะห้ามคุณผู้ชายอย่างนั้นหรือ" "ไม่หรอกค่ะ
แม้แต่คุณผู้หญิงยังห้ามไม่ได้ แล้วขี้ข้าอย่างนวลจะเผยอไปห้ามได้ยังไง
นวลมีวิธีของนวล" นวล สีหน้าแววตาเป็นประกาย
ขณะที่วิกันดาถอนใจเหมือนจะสังเวชตัวเอง และในระหว่างที่ทุกคนกำลังนั่งทานอาหาร
นวลก็แอบนึกไปว่าเธอได้เล่นงานอรอินทร์ด้วยการจับหัวอรอินทร์จิ้มลงไปในจาน
กับข้าวบนโต๊ะ "นี่เธอ เป็นอะไรไปหรือเปล่าจ๊ะ
เห็นยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว" เสียงอรอินทร์ตวาด นวล
สะดุ้งรู้สึกตัวรีบปฏิเสธ แล้วเดินกลับเข้าครัวทันที อรอินทร์มองตามอย่างจับผิด
อนิรุทธิ์รีบเปลี่ยนบรรยากาศถามวิกันดาว่า
ตกลงจะให้อรอินทร์มาเรียนทำกับข้าวกับเตื้องหรือเปล่า
เพราะอรอินทร์ติดใจฝีมือเตื้อง "ขอมาค้างด้วยค่ะ" อรอินทร์รีบบอก
วิกันดาส่ายหน้าตอบว่า ไม่มีความเห็น "คุณพ่อขา คุณแม่ขา
อาทิตย์หน้าหยุดตั้งหลายวัน นุ่นอยากไปเที่ยวทะเล" นุ่นเปิดประเด็นใหม่
นิ่มรีบยกมือบอกว่า เธอก็อยากไปเหมือนกัน อรอินทร์ได้โอกาสรีบสนับสนุนพวกเด็กๆ
"ดีเหมือนกันนะคะพี่รุทธิ์ คุณพี่ เราน่าจะพาเด็กๆ ไปเที่ยวทะเลกัน แหม
แค่นึกก็สนุกแล้วละค่ะ" "คุณแม่ขา ไปกันนะคะ" นุ่นเข้ามากอดวิกันดา
อรอินทร์สั่งให้นิ่มเข้ามาช่วยนุ่นอ้อนวิกันดาอีกคน วิกันดาส่งยิ้มให้เด็ก
อนิรุทธิ์แอบสบตากับอรอินทร์ "คุณแม่ขา นุ่นลงบ้านนิ่มก่อนได้ไหมคะ"
นุ่นหันมาอ้อนเมื่ออนิรุทธิ์จอดรถส่งอรอินทร์ นิ่ม
และบัวที่บ้านพักซึ่งถึงก่อนบ้านพักของวิกันดา
วิกันดาปฏิเสธเพราะอยากให้ลูกไปบ้านพักก่อน นุ่มหน้าสลด อรอินทร์รีบเอาใจรับปากว่า
ถ้าจัดของเสร็จแล้วเธอจะพานิ่มไปหานุ่นที่บ้านพักทันที
นวลที่ตามมาดูแลโหน่งกับนุ่นแอบมองอรอินทร์ด้วยสายตาเกลียดชัง
"น้องโหน่งนอนห้องใหญ่กับคุณพ่อนะลูก แม่จะนอนกับน้องนุ่น นวลอยู่ห้องนั้น" วิ
กันดาสั่งการเมื่อมาถึงบ้านพัก อนิรุทธิ์ถามถึงเหตุผลที่แยกกันนอน แต่วิกันดาไม่ตอบ
นวลจึงพึมพำบอกกับตัวเองว่า "สงสัยจะให้ลูกคอยเฝ้าพ่อ" "คุณแม่โกรธคุณพ่อหรือคะ
แล้วคุณแม่จะหย่ากับคุณพ่อหรือเปล่าคะ"
นุ่นเข้ามากอดวิกันดาเมื่ออยู่กันตามลำพังในห้อง
วิกันดาตกใจรีบถามลูกว่าเกิดอะไรขึ้น " แพรเพื่อนน้องนุ่นเขาบอกว่า
คุณพ่อคุณแม่ของเขาทะเลาะกันแล้วก็หย่ากันค่ะ หย่าแปลว่าไม่อยู่ด้วยใช่ไหมคะ
น้องนุ่นอยากให้คุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วยกัน" "คุณพ่อ คุณแม่ก็อยู่ด้วยกันไงคะ
ไม่ได้แยกกันสักหน่อย" วิกันดาปลอบลูกสีหน้าหนักใจ วิ กันดา
อนิรุทธิ์และลูกทั้งสองนั่งคุยกันอยู่ที่ห้องรับแขก ความไร้เดียงสาของเด็กๆ
ทำให้วิกันดากับอนิรุทธิ์หันมาหัวเราะให้กันได้ แต่เวลาแห่งความสุขก็หมดลง
เมื่ออรอินทร์พาลูกสาวเข้ามาแล้วแยกให้เด็กๆ ออกไปเล่นกันข้างนอก
ส่วนเธอก็เข้ามาแทรกกลางระหว่างอนิรุทธิ์กับวิกันดาพร้อมทำใสซื่อขอยืมตัว
อนิรุทธิ์ไปเป็นเพื่อนลงเล่นน้ำทะเล ทำให้วิกันดาถึงกับพูดไม่ออก000000000000000
นวลกับบัวตามมาดูแลเด็กๆ ที่นั่งเล่นทรายอยู่ชายหาด
นวลไม่พอใจนักที่เห็นอนิรุทธิ์ลงเล่นน้ำกับอรอินทร์ จึงหันมาถามบัว
"เจ้านายของป้าเขาเป็นอย่างนี้หรอกหรือ ชอบมั่วกับผัวคนอื่น"
บัวหน้าตึงเพราะพอจะเดาออกว่าอะไรเป็นอะไรจึงปรามนวลให้รู้จักฐานะตัวเองบ้าง
"จะฐานะไหนก็ไม่พ้นเรื่องอย่างว่า" บัวนิ่วหน้าจะตอบ บัว จะสอนต่อ
แต่เจนจบเดินเข้ามาทักนิ่มเสียก่อน นิ่มดีใจมากที่ได้พบพ่อ สองพ่อลูกกอดกันแน่น
แล้ววิกันดาก็เดินออกมาพอดี บัวรีบแนะนำให้เจนจบรู้จักกับวิกันดา
เจนจบขอบคุณวิกันดาที่พานิ่มมาเที่ยวทะเลด้วย "ไม่เป็นไรค่ะ เด็กๆ
เขาชอบเล่นด้วยกัน" วิ กันดามองไปที่ทะเลเห็นอรอินทร์กำลังโผเข้าหาอนิรุทธิ์
เจนจบมองตามแล้วเปรยว่า "ผู้ใหญ่ก็ชอบเหมือนกัน" วิกันดาเม้มปาก
เจนจบรู้ตัวรีบขอโทษ ในตอนค่ำ อนิรุทธิ์พาทุกคนออกไปทานอาหารทะเล
อรอินทร์ขออนุญาติดูแลอนิรุทธิ์แทนวิกันดาที่กำลังช่วยบัวดูแลพวกเด็กๆ
เพราะนวลไม่ได้มาด้วย บัวไม่พอนักเธอขอให้วิกันดาไปดูแลอนิรุทธิ์เพราะเธอดูเด็กๆ
ได้ "ไม่เป็นไรค่ะ พี่บัว ถ้าคุณอร อยาก จริงๆ ก็ให้ทำไป" วิกันดาแอบจิก "โถ อร
อยาก คนเดียวเสียเมื่อไหร่ล่ะคะ พี่รุทธิ์เองก็ อยาก เหมือนกัน ใช่ไหมคะ พี่รุทธิ์"
"ถ้าอยากจริงๆ ก็เชิญค่ะ" วิกันดาตีหน้าขรึมแล้วหันไปแกะกุ้งให้นุ่น อนิรุทธิ์
หันมาเอาใจวิกันดา แต่วิกันดาไม่สน บัวมองอรอินทร์อย่างไม่พอใจนัก
แล้วจังหวะนั่นเอง เจนจบก็เดินเข้ามาทักพร้อมกับแนะนำตัวกับอนิรุทธิ์
เพราะเขาบังเอิญมาทานอาหารกับเพื่อนพอดี
อนิรุทธิ์เห็นวิกันดาพูดคุยกับเจนจบอย่างสนิทสนมก็ไม่พอใจนัก
เช่นเดียวกับอรอินทร์ที่อาละวาดใส่ทันทีเมื่อได้ยินเจนจบบอกว่าจะมารับนิ่ม
ไปเที่ยวในวันพรุ่งนี้ "บรรยากาศชักจะไม่ดีแล้ว ผมกลับไปที่โต๊ะดีกว่า
แล้วพ่อจะไปเยี่ยมที่บ้านนะคะ" เจนจบก้มลงจูบนิ่ม แล้วหันไปลาวิกันดา
อนิรุทธิ์จับตามองเจนจบเพราะอ่านสายตาเขาออก หลัง
จากทานอาหารเสร็จอนิรุทธิ์ก็มาส่งอรอินทร์
นิ่มและบัวที่บ้านพักแล้วช่วยอุ้มนิ่มที่หลับสนิทเข้าไปส่งในห้อง
วิกันดาได้แต่มองตามอย่างเจ็บช้ำ และเมื่อกลับมาถึงบ้านพัก
วิกันดาก็แยกตัวเข้าห้องทันที นวลแอบมาอ้อนอนิรุธิ์ แต่อนิรุทธิ์เดินหนีอ้างว่า
ง่วงนอนแล้ว นวลน้ำตาคลอ วิกันดาออกมายืน รับลมที่ระเบียง
แล้วหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต
เมื่อครั้งที่เธอบอกับฉวีเพ็ญและอนงค์นารถว่าจะแต่งงานกับอนิรุทธิ์
ฉวีเพ็ญกับอนงค์นารถพยายามคัดค้านพร้อมกับเตือนว่า "วิ
ด็อกเตอร์อนิรุทธิ์น่ะตัวพ่อเลยนะ ตัวเองอย่าคิดว่าจะลบลายคาสโนว่าได้
เห็นมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว" " วิก็ไม่ได้คิดว่าจะลบได้
แต่เราเชื่อว่ารุทธิ์เขามีความรับผิดชอบแล้วก็จริงใจกับเรา เรารู้ว่าพวกเธอหวังดี
แต่เราเชื่อว่าเราดูคนไม่ผิด แต่ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ก็คงต้องยอมรับ
เพราะเราเป็นคนเลือกเอง" วิกันดาบอกอย่างมั่นใจ "วิ..." อนิรุทธิ์เรียก
วิกันดาสะดุ้งรีบ เช็ดน้ำตา แล้วยกมือห้ามไม่ให้อนิรุทธิ์ถูกตัวเธอ
อนิรุธิ์อึ้งไปนิดแล้วตัดสินใจถามวิกันดาเรื่องเจนจบ
วิกันดาบอกอนิรุทธิ์ไปตามจริงว่า เธอบังเอิญพบเขาที่ชายหาดพร้อมยืนยันว่า
เจนจบรักลูกมาก ทำให้อนิรุทธิ์ไม่ชอบใจนักจึงพาลหาเรื่องต่อ
แล้วในที่สุดทั้งคู่ก็มีปากเสียงกัน "คุณก็ดีแต่ประชดประชัน
คุณนั่นแหละเป็นเมียที่หายาก และเข้าใจยากที่สุด
เวลาที่ผมมองคุณมันเหมือนเห็นเงาตัวเองในกระจก
แล้วก็เป็นเงาที่บิดเบี้ยวน่าเกลียดน่าขยะแขยงด้วย เพราะคุณดีเกินไป"
อนิรุทธิ์ต่อว่า "นั่นเป็นข้ออ้างของผู้ชายที่เริ่มเบื่อผู้หญิง
ทำไมไม่พูดออกมาตรงๆ ละค่ะ ว่าคุณเบื่อฉัน" "ผมไม่ได้เบื่อ แต่คุณเย็นชาเกินไป
ผมอยากให้คุณเป็นไฟบ้าง" " ฉันเป็นไม่ได้ ไม่เคยเป็น
แล้วก็ไม่เคยเสเสร้งให้คุณเห็นว่าเป็น คุณลองนึกย้อนไปซิค่ะ
มีบ้างไหมที่ฉันเคยเป็นไฟ ตอนนี้คุณหาไฟที่คุณต้องการเจอแล้ว ไม่ต้องห่วงฉันหรอกค่ะ
คุณมีสิทธิที่จะเลือก ขอให้คุณบอกมาคำเดียว ฉันก็เข้าใจ" วิกันดาน้ำตารื้น
"คุณหมายถึงอะไร" อนิรุทธิ์อึ้ง "ผู้หญิงคนนั้น อรอินทร์
ถ้าคุณบอกมาคำเดียวว่าเลือกเขา" "ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนดีไปกว่าคุณ
ชั่วชีวิตของผม ผมสาบานได้ว่า จะไม่มีผู้หญิงคนไหนมาแทนคุณได้เลย" " ขอบคุณค่ะ
แต่ฉันต่างหากที่เริ่มจะหมดความอดทนกับการเป็นดอกไม้บนหิ้งพระเต็มที่แล้ว
คุณเก็บไปคิดดูแล้วก็ตัดสินใจเสีย ฉันให้โอกาสคุณ" วิกันดาเดินกลับเข้าห้องทันที
อนิรุทธิ์มองตามพลางถอนใจยาว และในคืนนั้นทั้งอนิรุทธิ์และวิกันดาต่างก็นอนไม่หลับ
ทั้งคู่มองลูกชายหญิงที่หลับอยู่ข้างแล้วนึกทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
ความเสียใจ00000000000000 เช้าวันใหม่
อนิรุทธิ์พาวิกันดานุ่นและโหน่งออกไปทานข้าวข้างนอกและพยายามเอาใจวิกันดา
เพราะหวังให้เธอหายโกรธ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
ส่วนอรอินทร์ก็รีบมาที่บ้านพักวิกันดา แต่เช้าเพื่อเป็นมือที่สาม
แต่นวลออกมาดักไว้พร้อมกับด่าประจานอรอินทร์ อรอินทร์โกรธจัดจะเข้าไปตบนวล
นวลร้องท้าอย่างไม่กลัว "เข้ามาเลย คันไม้คันมืออยากจะตบกับไฮโซมาหลายวันแล้ว" อร
อินทร์เห็นนวลเอาจริงก็ชะงัก แล้วบัวก็จูงนิ่มตามเข้ามา
แต่พอเห็นท่าทางของอรอินทร์กับนวล เธอก็ชะงัก แล้วแอบเตือนอรอินทร์ว่า
อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ แต่อรอินทร์ไม่รับฟัง เธอโทรไปปรึกษาวรนารี
วานารีร้องห้ามเสียงหลง "ต๊าย
อย่าไปแสดงให้ทั้งพี่รุทธิ์ของเธอกับคุณเมียหลวงของเขาเห็นนะว่าเธอหึงจน
ขนาดจะตบตีกับคนใช้ เดี๋ยวเขาได้ดูถูกตาย พี่รุทธิ์นี่ก็ช่างกระไรเจ้าชู้ไม่เลือก
ไม่เว้นแม้กระทั่งคนใช้ จะทำอะไรก็คิดให้ดีนะอร แต่ถ้าแน่ใจละก็ลุยเลย"
วรนารียุในตอนท้าย อรอินทร์ได้คิด เธอหัวเราะออกแล้วเตรียมแผนรับมือใหม่ อร
อินทร์กลับมาที่บ้านพักของวิกันดาอีกครั้งพร้อมกับออกคำสั่งให้นวลพานุ่นกับ
โหน่งออกไปจับปูลมที่ชายหาดกับนิ่มและบัว
นวลจำใจต้องทำตามเพราะอยู่ต่อหน้าอนิรุทธิ์และวิกันดา
แล้วอรอินทร์ก็หันมาอ้อนขออนุญาตวิกันดาพาอนิรุทธิ์ไปเล่นน้ำทะเลเป็นเพื่อน อีก
วิกันดามองหน้าอรอินทร์แล้วตอบกลับว่า "ตามใจค่ะในเมื่อคุณขาดแคลนถึงขนาด กล้ามาขอ
พี่ก็กล้าให้เหมือนกันแต่แค่ให้ขอยืมนะคะไม่ได้ให้ขาด" วิ
กันดาลุกขึ้นเดินเข้าไปทำใจอยู่ในห้อง อรอินทร์ทำบีบน้ำตาอ้อนอนิรุทธิ์ว่า
เธอรู้สึกผิดที่ให้วิกันดาโกรธ พร้อมฟูมฟายว่า ไม่ควรพบอนิรุทธิ์เลย
อนิรุทธิ์เข้ามาปลอบใจแล้วจะก้มลงจูบ
อรอินทร์ทำเล่นตัวแล้วชวนอนิรุทธิ์ไปที่บ้านของเธอเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าลง
เล่นน้ำทะเล อนิรุทธิ์กับอรอินทร์กำลังจะจูงกันลงทะเล
แต่เจนจบเข้ามาทักพร้อมถามหาวิกันดา
แล้วพูดตำหนิอรอินทร์ที่ทำตัวราวกับกับเป็นภรรยาอนิรุทธิ์เสียเอง
"กรุณาระวังคำพูดของคุณหน่อย คุณเจนจบ" อนิรุทธิ์ทั้งระอายทั้งไม่พอใจ "
ผมน่ะระวังที่สุดแล้วนะคุณ.คุณทั้งสองคนนั่นแหละควรจะระวังมากว่า คนอื่นๆ
เห็นน่ะยังพอว่าแต่ถ้าเด็กๆ
เห็นคงงงพิลึกว่าทำไมแม่เธอมาจูงมือพ่อของฉันขอตัวนะครับ"
เจนจบก้มหัวให้อนิรุทธิ์แล้วเดินจากไป อรอินทร์โกรธจนพูดไม่ออก
ในขณะที่อนิรุทธิ์ขบกรามแน่น เจน จบมาหาวิกันดาที่บ้าน
วิกันดาให้การต้อนรับและพูดคุยด้วยอย่างเป็นกันเอง เพราะนึกเห็นใจเจนจบ
เจนจบปรับทุกข์กับวิกันดาเรื่องชีวิตคู่ระหว่างเขากับอรอินทร์ที่มีอันต้อง
เลิกลากันไป
วิกันดานึกถึงเรื่องราวของตัวเองกับอนิรุทธิ์แล้วก็ถอนใจยาวเพราะขมขื่นไม่ แพ้กัน
เจนจบเห็นวิกันดาดูเครียดๆ จึงชวนออกไปเดินเล่น อนิรุทธิ์เห็น
ว่าแดดชักจะร้อนมากแล้วจึงชวนอรอินทร์ขึ้นจากน้ำ
อรอินทร์อ้อนขอขี่คออนิรุทธิ์กลับบ้านเพราะเล่นน้ำจนหมดแรง
อนิรุทธิ์ยอมตามใจและเมื่อมาถึงหน้าบ้าน
อรอินทร์ก็จูบแก้มรุทธิ์อย่างรวดเร็วเพื่อเป็นการขอบคุณ ทั้งคู่สบตากัน
บัวเข้ามาขัดจังหวะ อรอินทร์กับอนิรุทธิ์ผละจากกัน
แล้วอนิรุทธิ์ก็เดินกลับไปที่บ้านพัก เขาพบนวลยืนรออยู่ อนิรุทธิ์ถามหาเด็กๆ
"ดูที.วี. ค่ะ แต่คุณผู้หญิงไม่อยู่ ไม่ทราบไปไหน" นวลรายงาน
อนิรุทธิ์ชะงักสีหน้าไม่ดีนัก วิ กันดานั่งดื่มน้ำผลไม้อยู่ในร้านชายหาดได้สักพัก
ก็ชวนเจนจบกลับเพราะเป็นห่วงลูก และในระหว่างทางกลับบ้านพัก
เธอก็สะดุดกิ่งไม้ทำท่าจะล้ม เจนจบเข้ามาช่วยประคอง
และจังหวะนั่นเองอนิรุทธิ์ก็เห็นเข้าพอดี เขาไม่พอใจนัก
จึงเก็บเรื่องนี้มาต่อว่าวิกันดา เมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน เพราะเข้าใจว่า
วิกันดาจะใช้เจนจบมาแก้แค้นเขา "ถ้าจะแก้แค้นคุณจริงๆ ละก็ฉันทำไปนานแล้วละค่ะ
ไม่ปล่อยไว้จนป่านนี้หรอก ฉันคุยกับคุณเจนจบแล้วสบายใจจริงๆ เขาเป็นคนดีคนหนึ่ง"
วิกันดายืนยัน แต่อนิรุทธิ์ยังคงหาเรื่องต่อเพราะหึง "อ้อ นี่คงจะรักมันแล้วละซี
ถึงได้แก้ตัวแทนตลอด พูดเก่งขึ้นมากนี่ นายเจนจบมันสอนใช่ไหม" "
ความทุกข์ต่างหากที่สอนฉัน คนเราเมื่อต้องกล้ำกลืนฝืนทนมาถึงจุดๆ หนึ่ง
มันก็ระเบิดออกมาได้เอง เหมือนกับฉันในเวลานี้ไง" วิกันดาเดินหนีเข้าห้อง
อนิรุทธิ์มองตามเหมือนจะสำนึกตัวได้ เจนจบมาพบอรอินทร์ที่บ้านพัก
และพูดเตือนเรื่องอนิรุทธิ์เพราะเห็นใจวิกันดา
แต่อรอินทร์ไม่ฟังเธอพูดดูถูกวิกันดาและยุให้เจนจบจีบวิกันดาเสียงเองเพราะ
เธอเหมาะสมกับครอบครัวของเขา "หยุดนะอร หยุดดูถูกทั้งคุณวิกันดาแล้วก็ครอบครัวของผม
คุณไม่มีทางเอาชนะคุณวิได้หรอก แม้แต่ผมยังสัมผัสถึงคุณค่าของเธอได้
แล้วคิดหรือว่าสามีเธอจะไม่รู้สึก ตอนนี้อาจมองดูเหมือนว่าคุณจะชนะ
แต่ก็ไม่ตลอดไปหรอก คอยดูไปก็แล้วกัน" เจนจบเดินออกไป อรอินทร์แค้นจัด เมื่อ
กลับมาถึงกรุงเทพ อนิรุทธิ์ก็รีบเข้ามาขอโทษวิกันดาพร้อมยืนยันว่า
เขายังไม่มีอะไรกับอรอินทร์ วิกันดาสุดเจ็บช้ำเธอตอบกลับอนิรุธิ์ทันควัน
"แค่ตอนนี้เท่านั้นค่ะ แต่ต่อไปไม่แน่.คุณกล้าปฏิเสธไหมล่ะคะ" วิ
กันดาปิดประตูล็อคแล้วเอนหลังพิงประตู ร้องไห้
ในขณะอนิรุทธิ์ก็ได้แต่ยืนอึ้งนึกน้อยใจวิกันดา
แล้ววันต่อมาอนิรุทธิ์ก็ต้องน้อยใจวิกันดายิ่งขึ้น
เมื่อได้ยินเธอโทรปรึกษาอนงค์นารถเรื่อง
ท่านผู้หญิงวิภารดีขอตัวเธอไปทำงานกับท่านที่สำนักนายกฯ เขาจึงเข้ามาตัดพ้อวิกันดา
แต่วิกันดาก็สวนว่า "คุณจะรู้หรือไม่รู้ก็ไม่มีอะไรแตกต่างกันหรอกค่ะ" " ต่างซิ
ต่างมากด้วย เพราะมันแสดงว่าคุณไม่เห็นว่าผมสำคัญสำหรับคุณอีกต่อไป ใช่ไหมวิ
คุณมีเรื่องขนาดนี้แต่คุณไม่เล่าให้ผมฟัง แต่กลับไปเล่าให้เพื่อนฟัง ทั้งๆ
ที่เมื่อก่อน อะไรนิดหน่อยคุณรีบบอกผม"
"เมื่อก่อนกับเดี๋ยวนี้มันไม่เหมือนกันแล้วค่ะ คุณเองก็ทราบไม่ใช่หรือคะ"
วิกันดากลั้นน้ำตาเดินหนีออกไป อนิรุทธิ์ อึ้งมองตาม แล้วอรอินทร์ก็โทรเข้ามา
เธออ้างว่ามีเรื่องจะปรึกษาอนิรุทธิ์จึงอยากให้อนิรุทธิ์ออกไปพบ
อนิรุธิ์ที่กำลังน้อยใจวิกันดารีบออกไปทันที
นวลเห็นรอนิรุทธิ์รีบร้อนออกไปก็เข้ามาฟ้องวิกันดาว่า อนิรุทธิ์ออกไปหาอรอินทร์
แต่กลับกับโดนวิกันดาดุ อรอินทร์โทรมาเย้ย
วิกันดาเรื่องที่อนิรุทธิ์กำลังจะออกไปพบเธอ ทำให้วิกันดายิ่งเจ็บช้ำ
บัวเดินออกมาได้ยินอรอินทร์โทรยั่ววิกันดาก็ไม่พอใจ
จึงพูดเตือนสติให้อรอินทร์คิดถึงลูกบ้าง แต่อรอินทร์สวนกลับบัวว่า
เธอกำลังทำหน้าหาพ่อให้ลูกอยู่ เล่นเอาบัวอึ้ง "ไงคะ เป็นไง
พี่บัวอยากให้อรตอบอย่างนี้ใช่ไหมล่ะคะ สะใจดีไหมล่ะ" อรอินทร์ยิ้มกว้าง
บัวตะลึงรีบเดินกลับไปหานิ่มทันที อรอินทร์ยิ้มสะใจแล้วรีบออกไปพบอนิรุทธิ์

แม่ค้าขนมหวาน 21-24 จบ

ทศมาแอบหลบอยู่ด้านหลังรถคันหนึ่งในจุดที่สามารถ
ลอบมองเห็นเสี่ยทำนุเดินออกมาจากผับกับลูกน้องได้อย่างถนัด
แล้วเล็งปืนยิงไปที่เสี่ยทำนุ แต่พลาด กระสุนไปโดนลูกน้องแทน
ทศตกใจรีบวิ่งออกมาระดมยิงใส่ไม่ยั้ง กระสุนหมด ระหว่างเปลี่ยนใส่กระสุน
ลูกน้องเสี่ยทำนุเข้ามาเอาปืนจ่อหัวทศ ใบไผ่กำลังเก็บของ
วชรวรรษแอบเข้ามาข้างหลังเอาผ้ามาปิดตาใบไผ่ไว้ "นายทำอะไร" "อย่าเพิ่งแกะ
ฉันทำขนมมาให้เธอชิม" "ทำขนมมาให้ฉันชิม แล้วทำไมต้องปิดตาฉันด้วย"
"ไม่งั้นมันจะเซอร์ไพร์สเหรอ น่า ตื่นเต้นดี" วชรวรรษจับแขนใบไผ่พามานั่ง
บนโต๊ะมีขนมใส่ลงในแต่ละกระทง ประมาณสามสี่อย่าง
"เชิญรับประทานรสชาติขนมฝีมือผมได้แล้วครับเจ้านาย"


ใบ ไผ่หยิบขนมในกระทงแรกเข้าปาก แล้วก็ทายชื่อ ก่อนจะชมว่าวชรวรรษทำได้รสชาติดี
วชรวรรษเลื่อนกระทงต่อไปให้ ใบไผ่หยิบขึ้นมากินเคี้ยวได้สักพัก ก็ทายถูกอีก
ชมว่าวชรวรรษทำอร่อยจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นฝีมือของเขา วชรวรรษมีความสุข จน
มาถึงกระทงขนมใบสุดท้ายที่มีแหวนเพชรน่ารักๆ อยู่ในนั้น
วชรวรรษตั้งใจจะใช้แหวนวงนี้ขอใบไผ่แต่งงาน แต่ไม่ทันจะได้เลื่อนกระทงให้ใบไผ่
เสียงมือถือก็ดังขึ้น วชรวรรษแปลกใจกดรับ เสียงเสี่ยทำนุกรอกมาตามสาย
"ว่าไงไอ้หลานชาย ฉันเอง ว่างอยู่ใช่มั้ย คุยเรื่องสำคัญกันหน่อยสิ"
วชรวรรษเดินเลี่ยงไปหาที่คุย "โทรมาทำไม" เสี่ยทำนุยิ้มร้าย ส่งมือถือให้ทศพูด
ทศเสียงสั่น หน้าตื่นกลัว "นะ นะ นาย นายครับ" วชรวรรษตกใจ ทศพูดแค่นั้น
เสี่ยทำนุก็ดึงโทรศัพท์กลับมาคุยต่อ "อย่ามาโทษฉันเลยนะ
ลูกน้องแกอยากแส่ไม่เข้าเรื่อง ฉันก็เลยต้องสั่งสอนให้รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่" วชร
วรรษอึ้ง รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงปังดังขึ้นข้างหู วชรวรรษช็อค
แทบหมดแรงยืน รู้ว่าได้สูญเสียลูกน้องไปแล้ว
เขามองไปเห็นใบไผ่กำลังเอื้อมมือไปที่กระทงใบสุดท้ายซึ่งจะเจอแหวน
วชรวรรษพุ่งเข้ามารวบกระทงเก็บได้ทัน ใบไผ่แปลกใจ "ขนมหมดแล้วเหรอ" "เอ่อ ใช่"
ใบไผ่เอาผ้าปิดตาออก วชรวรรษพยายามทำหน้าให้เป็นปกติ " นายนี่ฝีมือไม่เลว
แสดงว่าที่มาขอเป็นลูกจ้างร้านฉัน นายตั้งใจทำงานจริงๆ ก็ดี
เลิกจับปืนมาจับไม้พายขนมได้แบบนี้
เผื่อฉันจะใจดีเลื่อนขั้นให้นายเป็นผู้ช่วยผู้จัดการร้าน" ใบไผ่ตบบ่าว
ชรวรรษแล้วเดินออกไป วชรวรรษมองตามหญิงสาว หยิบแหวนขึ้นมาดูอย่างเสียใจ
และเจ็บใจเสี่ยทำนุ วชรวรรษรีบมาที่โรงพยาบาล ก็เห็นวิชญ์เข้าเฝือกนอนอยู่
เข้าไปกระชากคอเสื้อถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองคน "ผมขอโทษครับนาย
ผมกับไอ้ทศไปรู้มาว่าไอ้พยุทธ์กับไอ้ทำนุมันร่วมมือกันหลอกนายครับ
ตอนนี้กิจการที่นายขายต่อให้คุณพยุทธ์ตกเป็นของไอ้ทำนุมันหมดแล้ว
พวกมันร่วมมือกันทรยศหักหลังนายครับ" "เป็นไปไม่ได้" "นายครับ
ที่ผ่านมาไม่ใช่นายหรอกนะครับที่คิดจะได้ผลประโยชน์จากพวกมัน
แต่พวกมันต่างหากที่วางแผนหลอกนายมาตลอด" วชรวรรษชะงัก นึกไม่ถึง
ปล่อยมือจากคอวิชญ์ " ผมกับไอ้ทศอยากแก้แค้นให้นาย
เพราะไม่อยากให้มือนายต้องเปื้อนเลือดชั่วๆ ของไอ้คนพวกนี้อีก
พวกผมก็เลยมีเรื่องกับพวกมัน ตอนนี้ไอ้ทศมันกำลังไปฆ่าไอ้ทำนุอยู่" "ทศทำไม่สำเร็จ"
"หมายความว่ายังไงครับนาย ไอ้ทศ ไอ้ทศมัน" "มันตายแล้ว" วิชญ์ ตกใจมาก
วชรวรรษสั่งให้วิชญ์นำเงินไปให้พ่อแม่ของทศห้าล้านบาทและให้คอยดูแลครอบครัว
ของทศเป็นอย่างดี วิชญ์ถามว่าเรื่องเสี่ยทำนุจะทำอย่างไรต่อไป วชรวรรษไม่ตอบ
บอกว่าเพียงว่าเขาขออยู่คนเดียว วิชญ์เดินกะเผลกหน้า ซึมเศร้าออกมาหน้าบ้านวชรวรรษ
แล้วก็ชะงักที่เห็นวรรษาดักรออยู่
วรรษาคาดคั้นให้วิชญ์บอกความจริงเรื่องการตายของทศ วรรษาเจ็บใจมาก
รีบมาปรึกษาใบไผ่กับธราทิตย์ บอกว่าพยุทธ์กับเสี่ยทำนุร่วมมือกันหลอกวชรวรรษมาตลอด
ใบไผ่ฟังหน้าเครียด "แล้วตอนนี้เราทำอะไรพวกมันไม่ได้เลยเหรอครับคุณฝน" "
จะทำอะไรได้ ตอนนี้พี่วัชรเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
กิจการทุกอย่างก็ตกไปอยู่ในมือพวกมันหมด ลูกน้องที่เคยมีก็กระจัดกระจายกัน
ขืนลงมือทำอะไรลงไปตอนนี้ พวกมันได้เหยียบย่ำพี่วัชรจมดินแน่ ฝนรู้แล้ว
ถ้าพี่วัชรลงมือเองไม่ได้ ฝนนี่แหละที่จะทวงความยุติธรรมมาให้พี่ชายฝนเอง" "คุณฝน
คุณอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ" " ฉันไม่ได้ทำอะไรบ้าๆ ฉันพูดจริง ทำจริง
ถึงฉันจะเกลียดการเป็นมาเฟีย แต่ฉันก็ไม่ชอบให้ใครมารังแกครอบครัวของฉัน
เพราะฉะนั้นฉันจะแก้แค้นแทนพี่วัชร" วรรษาลุกขึ้นจะออกไป ใบไผ่ดึงแขนวรรษาเอาไว้
"แล้วคิดบ้างมั้ย ถ้าฝนทำลงไปแล้วความเดือดร้อนก็จะย้อนกลับมาที่พี่ชายฝนอีก"
วรรษาชะงัก "แล้วพี่ไผ่จะให้ฝนทำยังไง"
วชรวรรษนั่งดูแหวนแต่งงานที่จะให้ใบไผ่อยู่คนเดียวเงียบๆ ที่ริมน้ำ ใบไผ่เดินเข้ามา
"นายหมาวัด!!!" วชรวรรษชะงักหันไปเห็นใบไผ่เดินมา รีบเก็บแหวน "หายมาอยู่นี่เอง
รู้มั้ยฉันตามหาตั้งนาน" "เป็นห่วงกลัวฉันจะตายเหรอ" "ใช่ ฉันห่วง แต่ห่วงร้านฉัน
ไม่ได้ห่วงนาย ฉันจ้างนายมาทำงาน ไม่ได้ให้มากินเงินเดือนฟรีๆ
จะไปไหนทำไมไม่โทรบอก" "ฉันขอโทษ เอาเป็นว่าวันนี้ฉันลางานเธอเลยก็แล้วกัน"
"ถ้าจะลางานเพราะเหตุผลไปแก้แค้นเรื่องลูกน้องนายตายล่ะก็ ฉันไม่อนุญาต
ฉันรู้เรื่องจากน้องฝนแล้ว" "ก็ดีในเมื่อเธอรู้แล้ว ฉันจะได้ไม่ต้องคิดหาคำอธิบาย
ฉันไปล่ะ" "หยุดนะนายวชรวรรษ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่อนุญาตให้นายลางาน
ฉันเป็นเจ้านายของนายอยู่นะ" วชรวรรษหยุดชะงัก " ก่อนที่ฉันจะรับนายเข้ามาทำงาน
นายบอกฉันเองว่าหันหลังให้ทุกอย่างเพื่อจะขอมาทำงานกับฉัน
ถ้านายคิดจะกลับไปเดินทางเก่าอีก ต่อไปนายก็ไม่ต้องมาเหยียบร้านฉันอีก" "
แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง กี่ครั้งแล้วที่คนรอบข้างฉันต้องเดือดร้อน ไม่บาดเจ็บ ก็ตาย
ฉันกลัวนะ ฉันกลัวว่าเธอจะเป็นรายต่อไป ถ้าเป็นอย่างนั้น
ฉันก็คงมีชีวิตอยู่ไม่ได้เหมือนกัน"
วชรวรรษดึงใบไผ่มากอดแน่นด้วยความรักและเป็นห่วง
ใบไผ่อึ้งนึกไม่ถึงแต่ก็ยอมให้วชรวรรษกอด "เวลาที่นายกอดฉันแล้ว
นายรู้สึกดีขึ้นมั้ย" "ดีสิ เพราะเธอคือคนที่ฉัน ฉันรักที่สุด"
"ถ้าเป็นอย่างนั้นก็อย่าไป" ใบไผ่ดึงวชรวรรษเข้ามากอดบ้าง วชรวรรษอึ้ง
"อยู่กับฉันนะ นายหมาวัด" ใบ ไผ่กอดวชรวรรษด้วยความรักและเป็นห่วง วชรวรรษนิ่งงัน
ก่อนจะเอามือโอบใบไผ่ตอบ ทั้งสองคนกอดกันแนบแน่น ในขณะใบไผ่คิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
วชรวรรษกับใบไผ่กลับมาที่ร้านขนม ก็เจอวิชญ์มานั่งรออยู่ วิชญ์บอกว่าเขามาของาทำ
เพราะวชรวรรษบอกให้เขาเป็นคนดี หางานสุจริตทำ ใบไผ่อนุญาตให้วิชญ์ทำงาที่ร้าน
แล้วจัดการปลดอาวุธทั้งหมดของวิชญ์ คืน นั้นใบไผ่กำลังจะปิดร้าน
หันไปหยิบถาดขนมถาดสุดท้าย เดินเข้าไปในครัว ได้ยินเสียงวิชญ์กับวชรวรรษคุยกันอยู่
ใบไผ่รีบแอบฟังหลังประตู "ยังไงผมก็ไม่ไว้ใจไอ้เสี่ยทำนุ
ยิ่งตอนนี้มันร่วมมือกับไอ้พยุทธ์ด้วย ผมทิ้งนายไม่ได้จริงๆครับ"
"ฉันเองก็ยังไม่วางใจพวกมันเหมือนกัน หึ แต่ถ้ามันบุกมายิงฉันจริงๆ
แกจะเอาอะไรมาป้องกัน ไม้พายเหรอ" "ไม่มีปืนก็รับลูกกระสุนแทนก็ยังดีครับนาย เอ๊ย
คุณวัชร" ใบไผ่ฟังด้วยความกังวล เป็นห่วงวชรวรรษขึ้นมา ตอน เช้าทั้งกริช อุบล
นาทและแก้วขวัญต่างคุยกันด้วยความเป็นห่วงวชรวรรษ
เพราะรู้ว่าวงการมาเฟียใครเข้าแล้วไม่ออกได้ง่ายๆ
วันดีคืนดีวชรวรรษยืนเคี่ยวน้ำตาลอยู่อาจจะถูกยิงตายก็ได้
ใบไผ่กับวรรษาฟังอยู่ด้วยก็ยิ่งหน้าซีดเป็นห่วงวชรวรรษ
ใบไผ่บอกว่าเธอต้องทำอะไรสักอย่าง จะปล่อยให้คนเลวชนะคนดีไปไม่ได้
เธอต้องหาหลักฐานมัดพยุทธ์กับเสี่ยทำนุให้ดิ้นไม่หลุด และคิดว่าถึงเวลาแล้วที่
"ทองเอก" จะต้องกลับมาอีกครั้ง วชรวรรษเตรียม ขนมลงกล่องที่จะนำไปส่งลูกค้า
วิชญ์ใส่ชุดฟอร์มเดินออกมาแต่ไม่ใส่ผ้ากันเปื้อน
บอกกับวชรวรรษว่าเขาไม่อยากผูกเพราะสีหวานเกินไป
ระหว่างนั้นเกดเดินเข้ามาทักทายวชรวรรษ วิชญ์หันไปเห็นตกหลุมรักเกดขึ้นมาทันที
วชรวรรษถามหาใบไผ่ เกดบอกว่าใบไผ่โทรศัพท์มาบอกว่าวันนี้จะไม่เข้าร้าน
วชรวรรษงงว่าใบไผ่ไปไหน ใบ ไผ่มาหาแก้วขวัญเพื่อให้ช่วยแปลงโฉมเป็นนายทองเอกให้
โดยธราทิตย์ขอตามใบไผ่ไปด้วยเพราะเป็นห่วงเพื่อน
แก้วขวัญช่วยปลอมตัวธราทิตย์เป็นบอดี้การ์ดของนายทองเอก ภายในผับเป็น
ปาร์ตี้เลี้ยงฉลองเปิดผับใหม่
พยุทธ์กับเสี่ยทำนุชนแก้วฉลองให้กับความพ่ายแก้ของวชรวรรษ
และความสำเร็จของเขาทั้งสอง ระหว่างนั้นนรารีเข้ามา
เสี่ยทำนุมองนรารีหัวจรดเท้าสายตาโลมเลีย "แพนมีเรื่องอยากถามพ่อหน่อย ค่ะ
แพนได้ข่าวว่ามีคนฆ่าลูกน้องคุณวัชร ฝีมือคนแถวนี้ใช่มั้ยคะ
ทำแบบนี้ไม่กลัวคุณวัชรเขากลับมาแก้แค้นเหรอ เขาไม่ใช่ธรรมดานะ" "ไม่
เห็นจะต้องมานั่งห่วงเลยเลยครับคุณแพน คนอย่างไอ้วชรวรรษถ้ามันคิดจะทำ
มันมาเดี๋ยวนั้นแล้ว แต่ที่มันไมทำเพราะตอนนี้มันไม่มีน้ำยาเหลือแล้ว" เสี่ย
ทำนุหัวเราะชอบใจกับพยุทธ์ ก่อนที่พยุทธ์จะขอตัวไปต้อนรับลูกค้า นรารีจะตามพ่อไป
แต่เสี่ยทำนุจับแขนนรารีไว้ นรารีตกใจคว้าแก้วไวน์สาดใส่หน้าเสี่ยทำนุเต็มแรง
"พ่อฉันเป็นหุ้นส่วนงานนี้กับแก แต่สำหรับฉัน ฉันไม่อยาก" นรารีพรวดพราดออกไป
เสี่ยทำนุโมโหตามไปจะปลุกปล้ำนรารี นรารีขยะแขยงสุดขีด แต่สู้แรงเสี่ยทำนุไม่ได้
ทันใดนั้นเสียงทองเอกดังขึ้น "ปล่อยคุณแพนเดี๋ยวนี้!!!" เสี่ยทำนุชะงัก
หันมาเห็นทองเอก "ผมบอกให้คุณปล่อยคุณแพนเดี๋ยวนี้" "กลับบ้านไปกินนมนอนเถอะ
ไอ้หนู" เสี่ยทำนุหันกลับไป ไม่สนใจ ใบไผ่กระชากเสี่ยทำนุมาแล้วชกเปรี้ยง
"พวกมึงเป็นใคร กล้าดียังไงมาหาเรื่องถึงที่ของกู" "ที่นี่อาจจะเป็นที่ของคุณ
แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงของผม" นรารีชะงักมองทองเอกด้วยความทึ่ง "เพราะฉะนั้น
คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับเธอ" ใบไผ่มองเอาเรื่อง
เสี่ยทำนุหันมาเจอธราทิตย์ยืนค้ำหัวอยู่ก็รู้ว่าเสียเปรียบ รีบออกไป "คุณแพน
เป็นยังไงบ้างครับ" นรารีดีใจที่เจอทองเอกอีก
แต่อารมณ์โกรธจึงผลักใบไผ่ออกไปแล้วตบฉาด "เป็นยังไงน่ะเหรอคะ เจ็บค่ะ เจ็บมาก
คุณกลับมาอีกทำไม" นรารีตัดพ้อแล้วเดินออกไป ใบไผ่สั่งให้ธราทิตย์ไปรอข้างนอก
แล้วเธอก็รีบตามนรารีไป "คุณจะตามแพนอีกทำไม ในเมื่อคุณคิดจะไป
ไปโดยไม่บอกไม่กล่าวอะไรสักคำ ปล่อยให้แพนคิดถึงคุณ จนแพนคิดว่าคุณตายไปแล้ว"
"ตอนนี้ผมก็มาแล้วไงครับ ผมมาเพราะอยากอธิบาย" "จะอธิบายอะไรคะ อธิบายว่าที่หายไป
เพราะอกหักจากยัยแม่ค้านั่น ก็เลยกลับมาหาแพนงั้นเหรอคะ แพนไม่ใช่ตัวเลือกของคุณนะ"
"คุณแพนเข้าใจผิดแล้ว กับผู้หญิงคนนั้น ผมไม่ได้จริงจังอะไรด้วยเลย" "ไม่ต้องโกหก
แพนไม่เชื่อคุณอีกแล้ว" " คุณแพนจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจนะครับ แต่ที่ผมทำไป
เพราะผมเกลียดไอ้วชรวรรษ ผมอยากทำให้มันเจ็บใจเล่นๆ เลยแกล้งคบกับผู้หญิงคนนั้น
ส่วนคนที่ผมรักจริง คือคุณแพนคนเดียวนะครับ" นรารีแทบระทวยไปกับคำหวาน
แต่ยังเก็บอาการไว้ ใบไผ่จับมือ นรารียิ่งสะท้านทรวง แต่พยายามทำหน้าเป็นปกติ "
ผมรู้ครับว่าครั้งนั้นผมทำให้คุณแพนโกรธมาก แล้วอยู่ดีๆ
ผมจะมาให้คุณแพนอภัยให้ผมตอนนี้ คงเป็นไปไม่ได้ ผมไม่อยากเร่งรัดคุณแพน
แต่อยากให้คุณแพนเก็บไปคิด อย่าเพิ่งตัดเยื่อใยผมเลยนะครับ"
นรารีเกือบจะแพ้สายตาเว้าวอนของใบไผ่ แต่เสียงพยุทธ์ดังขึ้น "แพน!!" "คุณพ่อ!!"
"นั่นใคร" ใบไผ่ก้าวเข้ามาประจันหน้า "สวัสดีครับคุณพยุทธ์ ผม ทองเอกครับ"
พยุทธ์ชะงักหันไปมองนรารี "คุณพ่อคะ กลับบ้านกันเถอะค่ะ แพนรู้สึกไม่ค่อยสบาย"
นรารีควงพยุทธ์พาออกไป ใบไผ่ถอนหายใจหันมาเจอธราทิตย์
"แกแน่ใจเหรอไอ้ไผ่ว่ามันจะได้ผล" "ไม่รู้ว่ะ แต่ตอนนี้รีบไปกัน
ก่อนที่พวกไอ้เสี่ยทำนุจะตามออกมาเช็คบิล" ตอนค่ำ วชรวรรษกำลังเก็บกวาดร้าน
เสียงประตูเปิดดังขึ้น วชรวรรษหันไปเห็นใบไผ่เข้ามา "อ้าว นายยังอยู่นี่อีกเหรอ"
"ก็รอเธอนั่นแหละ หายไปไหนมาทั้งวัน" "ฉันเอ่อ ฉันไปทำธุระกับมาร์ค
แล้วนี่เก็บร้านเสร็จแล้วเหรอ" "เพิ่งเสร็จครับเจ้านาย" "ฉันไว้ใจนายได้ใช่มั้ย"
"ถ้าไม่เชื่อ จะตรวจอีกรอบก็ได้ แต่ถ้าไม่มีอะไรพลาด
ลูกน้องขอจูบเจ้านายเป็นรางวัล" "ไอ้บ้า งั้นนายก็กลับบ้านไปได้แล้ว" "แล้วเธอล่ะ"
"ฉันจะเข้าไปเช็คสต็อค ดูว่าพรุ่งนี้มีอะไรต้องซื้อเพิ่ม" "ฉันเช็คให้หมดแล้ว
นี่คือรายการของที่ต้องซื้อเพิ่ม" "รอบคอบดี ค่อยคุ้มกับค่าจ้างของนายหน่อย"
ใบไผ่รับกระดาษมาเก็บ วชรวรรษยังมองอยู่ "มีอะไร" "ใบไผ่ ฉันขอกอดหน่อยสิ"
"จะบ้าเหรอนายหมาวัด" "อ้าวก็เธอเป็นคนบอกเองว่าถ้าอยากให้ฉันรู้สึกดี
ก็ให้กอดเธอได้ไง วันนี้ฉันเหนื่อยมากอยากได้กำลังใจจากเธอเหมือนวันนั้น"
"อย่ามาทะลึ่งนะ" "ไม่ได้ทะลึ่ง แค่กอดเฉยๆ กอดอย่างเดียว ขอกอดหน่อยนะ นะ
เธอไม่ใช่คนชอบผิดสัญญาไม่ใช่เหรอ" วชรวรรษทำหน้าเว้าวอน
ใบไผ่เสียทีเพราะไปเอ่ยปากไว้จริงๆ "ก็ได้ แต่ให้ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ" วชร
วรรษพยักหน้า ใบไผ่ยืนตัวแข็ง วชรวรรษเข้ามาใกล้ ใบไผ่ใจเต้นแรง
ไม่มองหน้าวชรวรรษเพราะเขินอาย วชรวรรษกอดใบไผ่ด้วยความนุ่มนวล
ความรู้สึกประหลาดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งหัวใจ ใบไผ่รู้สึกดีมากๆ วชรวรรษเองก็เช่นกัน
"ผมหอมจัง ใช้ยาสระผมยี่ห้ออะไร" "นี่ ไหนว่ากอดเฉยๆ ไง" "ขอโทษ" ทั้ง
สองคนยังกอดกันนิ่ง ใบไผ่ปล่อยไปตามความรู้สึก เพราะร่างกายที่สัมผัสกัน
ประกอบกับกลิ่นของหอมของใบไผ่ทำให้วชรวรรษอดใจไม่ไหวกอดใบไผ่แน่นขึ้น
ใบไผ่หลับตาเคลิ้ม วชรวรรษเองก็หลับตาพริ้ม อารมณ์พาไป มือวชรวรรษค่อยๆ
เลื่อนลงมาตรงชายเสื้อใบไผ่ เปิดเสื้อ เอามือเข้าไปแตะเนื้อ ใบไผ่สะดุ้งลืมตา ตกใจ
ผลักวชรวรรษอย่างแรง "นายจะทำอะไร" "เอ่อ ฉันไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นนะ
แค่อารมณ์มันพาไป" ใบไผ่โมโหต่อยวชรวรรษจนเซล้มไปชนโต๊ะ แล้วเดินออกไปด้วยความโมโห
"ไม่น่าเลยเรา อุ๊ย" วชรวรรษจับปากตัวเองด้วยความเจ็บ
วันรุ่งขึ้นทั้งสองไปซื้อของที่ห้างสรรสินค้าด้วยกัน
วชรวรรษหยิบของใส่รถเข็นไม่หยุด ใบไผ่หันไปเห็นก็หยิบออก "หยิบของฉันออกทำไม"
"ของที่นายซื้อราคามันแพง เราไม่จำเป็นต้องซื้อของราคาขนาดนี้ก็ได้"
"แต่มันเป็นของนอกนะคุณ" " ของนอกแพงๆ ใช่ว่าจะเป็นของดี ของไทยๆ แบบนี้แหละ
ถูกปากคนไทยเรานัก นายไม่ต้องเลือกแล้ว ไปรอฉันข้างนอกเลย ไม่รู้จะมาด้วยทำไม
เกะกะ" ใบไผ่เข็นของเดินออกไป วชรวรรษหันไปเห็นลูกค้าสองคนซุบซิบกัน
"สงสัยจะเพิ่งแต่งงานกันนะเธอ ผู้ชายดูกลัวผู้หญิงจังเลย" วชรวรรษได้ยิน คิดอะไรออก
ยิ้มเจ้าเล่ห์ รีบเดินไปโอบใบไผ่ ใบไผ่ตกใจ แต่ยังไม่ทันพูดอะไร วชรวรรษชิงพูดก่อน
"ที่รักอย่างอนผมนะจ๊ะ" "ที่รักบ้าอะไรของของนาย" วชรวรรษไม่ปล่อยใบไผ่ โอบแน่นขึ้น
"เงียบๆ สิคุณ คนแถวนี้เขานึกว่าเราเป็นคู่แต่งงานใหม่ ผมไม่อยากให้พวกเขาหน้าแตก"
"ฝันไปเถอะว่าชาตินี้ฉันจะแต่งงานกับนาย" ใบ ไผ่กระทืบเท้า วชรวรรษสะดุ้งปล่อยมือ
หันไปเห็นลูกค้ามองขำๆ วชรวรรษยิ้มหน้าแหยรีบตามใบไผ่ไป พลันเสียงมือถือดังขึ้น
ใบไผ่หยิบขึ้นมาชะงักเมื่อเห็นชื่อนรารี "ใครโทรมาเหรอใบไผ่" "เอ่อ ลูกค้าน่ะ
สงสัยจะโทรมาสั่งของ นายซื้อของให้ครบนะ ฉันจะไปรอข้างนอก" ใบ
ไผ่ลุกลี้ลุกลนเดินออกไป ขณะนั้นนรารีเอาชุดมาทาบตัวเอง
พลางคุยโทรศัพท์กับทองเอกไปด้วยอย่างมีความสุข
บอกว่าเธอจะให้โอกาสทองเอกได้อธิบายสิ่งที่ทำไว้กับเธอ
โดยนัดกันไปเจอที่ร้านอาหารภายในหนึ่งชั่วโมง นรารีวางสาย ยิ้มดีใจ
ตัดสินใจเลือกชุดที่เซ็กซี่ที่สุดเพื่อใส่ไปเจอทองเอก ฝ่ายใบไผ่รีบดูเวลา
"ฉันซื้อของเสร็จแล้วนะใบไผ่" "ฝากนายเอาไปที่ร้านหน่อยแล้วกัน" "อ้าว
แล้วเธอจะไปไหน" "ฉันมีธุระ ไม่ต้องถาม นายเป็นลูกจ้าง ทำตามที่ฉันสั่ง" "คร้าบ
แต่ถ้าเธอกลับมา ฉันขอกอดอีกทีนะ" ใบไผ่เงื้อหมัด วชรวรรษยิ้มแหยๆ รีบวิ่งออกไป
ใบไผ่มองตามวชรวรรษเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวก่อนจะเดินออกไป ธรา ทิตย์ในชุดสูทสีดำ
สวมแว่นดำ ยืนอยู่ข้างหลังใบไผ่ ระหว่างนั้นนรารีเดินเข้ามา
ใบไผ่เลื่อนเก้าอี้ให้นรารีนั่ง นรารีมองธราทิตย์ถามว่าเป็นใคร
ใบไผ่บอกว่าเป็นบอดี้การ์ด แล้วก็บอกให้ธราทิตย์ออกไปรอข้างนอก
"ดูการกลับมาของคุณคราวนี้ มีลับลมคมในจังเลยนะคะ มันยังไงกันแน่"
"ที่ผมหายหน้าไปจากคุณแพน เพราะผมกลับไปเชียงใหม่ จัดการเรื่องมรดกมาครับ" "มรดก" "
ครับ มรดกของคุณปู่ ก็ไม่มากไม่มายหรอกครับ ร้อยกว่าล้านเท่านั้นเอง
ทางนั้นเป็นห่วงความปลอดภัยของผม ผมก็เลยต้องมีคนคุ้มกัน
แต่ถึงสถานภาพของผมจะเปลี่ยน แต่หัวใจของผมยังเหมือนเดิมกับคุณแพนนะครับ"
ใบไผ่จับมือนรารีกุมไว้ "ผมถึงต้องกลับมาหาคุณแพนยังไงล่ะครับ"
นรารีลุกขึ้นมานั่งข้างๆ แล้วกอดใบไผ่ร้องไห้ ใบไผ่เหวอ
"คุณไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้วค่ะคุณเอก
เพราะว่าแพนให้อภัยคุณตั้งแต่วันที่คุณกลับมาแล้วล่ะค่ะ" ใบไผ่โล่งใจ
"คุณรู้มั้ยว่าคุณทรมานแพนมากแค่ไหน แพนคิดถึงคุณทุกวัน ทุกนาที ทุกวินาที
ไม่ว่าแพนจะทำอะไร แพนก็เห็นแต่หน้าคุณ" นรารีพูดไปก็ร้องไห้ไป
จนคนทั้งร้านหันมามอง ใบไผ่ยิ้มแหย "ลมหายใจเข้าออกของแพนคือคุณนะคะคุณเอก
แพนรักคุณมาก รักคุณเหลือเกิน อย่าหนีแพนไปอีกนะคะ แพนคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ ถ้าขาดคุณ"
นรา รีกอดใบไผ่แน่น ใบไผ่จำต้องกอดนรารีตอบ
จากนั้นนรารีก็ควงใบไผ่ในคราบทองเอกมาเปิดห้องพักที่โรงแรม
โดยห้ามไม่ให้ธราทิตย์ตามเข้าไป นรารีเปิดเพลงเซ็กซี่ยั่วยวน ใบไผ่ตกใจ
นรารีถอดเสื้อตัวนอกออก ใบไผ่นิ่งงันทำอะไรไม่ถูก ขณะที่นรารีจะถึงตัวใบไผ่
เสียงเคาะประตูดังขึ้น นรารีชะงัก ใบไผ่โล่งอก
นรารีปิดเพลงเดินไปเปิดประตูเจอธราทิตย์ยืนอยู่ "ไวน์ที่นายสั่งไว้ครับ
"ผมสั่งเองครับคุณแพน เอาเข้ามาเลย" ธราทิตย์เข็นเข้ามา
"งั้นแพนขอเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ" ทันทีที่นรารีเข้าห้องน้ำ ใบไผ่ถอนหายใจโล่งอก
"ถ้าแกมาไม่ทัน ฉันต้องโดนยัยนั่นปล้ำแน่ๆ" "แน่ใจนะว่าแกไหว ถ้าไม่ไหว
ให้แสตนอินอย่างฉันทำแทนก็ได้นะเว้ย" "ไอ้บ้า ออกไปได้แล้ว เดี๋ยวความแตก"
ธราทิตย์เดินออกไป ใบไผ่หันไปมองยังไม่เห็นนรารีออกมา
รีบเทไวน์ใส่แก้วแล้วเอายานอนหลับใส่ลงไป วชรวรรษกับหยอดเก็บจานเข้ามาในครัว
เกดกับวิชญ์กำลังช่วยกันล้างจาน พร้อมส่งตาหวานให้กัน วชรวรรษเห็น ยิ้มส่ายหัว
"แฮ่ม เกดกับหยอด ถ้าเสร็จงาน ก็กลับได้แล้วนะ เดี๋ยวฉันกับไอ้วิชญ์เก็บร้านเอง"
"นี่คุณวัชรติดต่อพี่ไผ่ไม่ได้เลยเหรอคะ" "ยังเลย" "หมู่นี้พี่ไผ่ไม่เข้าร้านเลย
ดีนะคะที่คุณวัชรอยู่ ไม่งั้นเกดกับหยอดคงทำอะไรไม่ถูก" "แต่มันก็น่าแปลกนะครับ
ปกติพี่ไผ่ไม่เคยหายไปแบบนี้ เฮ้ยหรือว่าพี่ไผ่จะมีกิ๊ก" วชรวรรษหน้าเสีย
ทองหยอดบอกว่าเขาพูดเล่น เช้า วันใหม่ นรารีตื่นขึ้นมา ยังมึนๆ
แล้วก็ชะงักรู้สึกโล่งๆ เปิดผ้าห่มก้มมอง เห็นตัวเองนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง
นรารีตกใจหันไปเห็นใบไผ่ยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจก "คุณเอก!!" ใบไผ่หันมาเห็นนรารี
ทำหน้ารู้สึกผิดเข้ามานั่งข้างๆ "ผมขอโทษนะครับคุณแพน เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
ผมทำไปเพราะผมรักคุณแพนนะครับ" นรารีตบหน้าใบไผ่ฉาด ใบไผ่งง
"ทำไมคุณทำแบบนี้กับแพนคะ" "อ้าว เอ่อ ผมนึกว่าคุณแพน เต็มใจ" "ใช่ค่ะ แพนเต็มใจ
แต่แพนเสียดาย ที่ไม่ได้ร่วมรับรู้เวลาที่คุณเอกทำให้แพนมีความสุขน่ะสิคะ"
ใบไผ่อึ้ง แต่ก็โล่งใจ นรารียิ้ม "แต่ยังไงก็ขอบคุณนะคะ แพนรอเวลานี้มานานแล้ว
แพนรักคุณมากๆ เลยล่ะค่ะคุณเอก" นรารียิ้มร่ากอดใบไผ่แน่น
จากนั้นนรารีควงใบไผ่ออกมาหน้าโรงแรม ใบไผ่ยังรู้สึกแหยงๆ
"เดี๋ยวผมไปส่งคุณแพนที่บ้านนะครับ" "อย่าเลยค่ะแพนยังไม่อยากกลับบ้าน " "อ้าว
แล้วคุณแพนอยากไปไหนต่อครับ" "คือว่าแพนหิวน่ะค่ะ อยากหาอะไรทาน
แพนรู้จักอยู่ร้านหนึ่ง อร่อยมาก คุณเอกไปกับแพนนะคะ" วชรวรรษเดินเข้ามาในร้าน
เจอเกดกับทองหยอดกำลังจัดร้านก็ถามหาใบไผ่ "พี่ไผ่ยังไม่มาเลยค่ะ
เกดโทรไปตามที่บ้านสวน ป้าอุบลบอกว่าพี่ไผ่ยังไม่ได้กลับบ้านตั้งแต่เมื่อคืน"
วชรวรรษหน้าเสีย เป็นห่วงใบไผ่ทันที
"ไม่นึกเลยนะครับว่าเรื่องกิ๊กที่ผมพูดเมื่อวานจะเป็นเรื่องจริง" "หยอด!!" ทอง
หยอดยิ้มแหยๆ วชรวรรษหยิบมือถือโทรหาใบไผ่ทันที แต่ติดต่อไม่ได้ วชรวรรษยิ่งกังวล
ขณะนั้นนรารีลงจากรถ
ใบไผ่ตามลงมาถึงกับยืนอึ้งเมื่อเห็นว่านรารีพามาที่ร้านของตัวเอง
นรารีแปลกใจที่ใบไผ่ไม่ตามมา "คุณเอก เป็นอะไรไปคะ"
"คุณแพนทำไมมาทานร้านนี้ล่ะครับ" "ทำไมคะ
หรือว่าคุณเอกยังมีเยื่อใยกับนังแม่ค้านั่นอยู่" ใบไผ่ทำหน้าไม่ถูก ฝืนยิ้ม
"โธ่คุณแพน ผมก็บอกแล้วว่าผมไม่ได้รักเขา" " ไม่รักก็ดีค่ะ
แพนแค่อยากพิสูจน์ว่าเรื่องเมื่อคืนคุณเอกทำไปเพราะรักแพนจริงๆ
คุณเอกต้องเป็นคนพูดว่าเกลียดนังนั่น แพนถึงจะเชื่อค่ะ" นรารีควงใบไผ่พาเดินไป
ใบไผ่หน้าซีดจบตอน 21
แม่ค้าขนมหวาน 22
วชรวรรษกดวางสายหันมาทางเกดกับทองหยอดสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
"ยังโทรหาพี่ไผ่ไม่ได้เหรอคะ" วชร วรรษพยักหน้า เสียงเปิดประตูร้านดังขึ้น
วชรวรรษตกใจที่เห็นนรารี นรารียังไม่เห็นวชรวรรษเพราะมัวแต่จะดึงทองเอกเข้ามาในร้าน
วชรวรรษแปลกใจที่ทองเอกมากับนรารี ใบไผ่หน้าเสียพยายามก้มหน้ากลัววชรวรรษจับได้
"อ้าวคุณวัชร คุณอยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ
งั้นที่มีคนพูดว่าคุณมาเป็นลูกจ้างร้านขนมหวาน ก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิ
นี่คุณตกอับขนาดนี้เลยเหรอ" "ถ้าคุณแพนจะพูดแค่นี้ กรุณากลับไปเถอะครับ
ที่นี่เป็นร้านขนม" "แพนก็มากินขนมไงคะ ไม่ได้มาเพราะอยากเห็นคุณ
อย่าสำคัญตัวผิดสิคุณวชรวรรษ" นรารีหน้าเชิดเดินไปนั่ง ทองเอกยังยืนแข็งทื่อ
"คุณเอกนั่งสิคะ" ทองเอกจำต้องยอมนั่งลง แต่ไม่ยอมสบตาวชรวรรษ วชรวรรษเดินมาที่โต๊ะ
"งั้นพวกคุณจะรับอะไร" "อะไรก็ได้ที่อร่อยที่สุด" " หยอด ไปเอาข้าวตังหน้าด้าน เอ๊ย
ข้าวตังหน้าตั้งกับข้าวเกรียบปากเสีย เอ๊ยไม่ใช่ ขอโทษนะครับพูดผิดอยู่เรื่อย
ข้าวเกรียบปากหม้อ มาให้โต๊ะนี้หน่อย" ทองหยอดกับเกดยิ้มชอบใจแล้วรีบเดินออกไป
นรารีเชิดหน้าคอตั้งไม่พอใจ "แล้วนี่แม่ค้าหายไปไหนคะ ทำไมถึงไม่เห็น
อ๋อหรือว่ามีลูกจ้างคนใหม่แล้วก็เลยทิ้งร้าน" ทองเอกเทน้ำดื่มอักๆ
หน้าตาไม่ค่อยดีเพราะพูดถึงตัวเอง "ใบไผ่ไม่อยู่ ถ้าคุณมีธุระอะไรกับเขา
คุยกับผมก็ได้" "แหม ลูกจ้างร้านนี้ปกป้องเจ้านายจังเลยนะคะ
เรื่องสำคัญของแพนคือแพนอยากเคลียร์กับนังนั่นค่ะ คงไม่เกี่ยวกับคุณวัชร"
"งั้นผมว่าคุณคงมาเสียเที่ยว เพราะไม่รู้ใบไผ่จะกลับมาเมื่อไหร่" "ไม่เป็นไร
แพนรอได้ จะรอจนกว่ายัยใบไผ่จะกลับมา คุณคงไม่ไล่ลูกค้าออกจากร้านนะ" เวลา
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทองเอกรีบชวนนรารีกลับ แต่นรารียืนยันรอใบไผ่
ใบไผ่ในคราบทองเอกครุ่นคิดหาทางออก ทันใดนั้นก็บอกกับนรารีว่าคุณย่าโทรมา
ขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์นอกร้าน แล้วใบไผ่ก็แอบย่องเข้ามาทางประตูหลังร้านหน้าเครียด
"โธ่เอ๊ย ทำไงดีวะไอ้ไผ่ ซวยจริงๆ เลย เอาวะ เป็นไงเป็นกัน" นรา
รีมองหาทองเอกว่าไม่กลับเข้ามาสักที
ระหว่างนั้นใบไผ่ถอดสูทออกเหลือเสื้อเชิ้ตพับแขน
แล้วใส่ผ้ากันเปื้อนตัวยาวของร้านปกปิดเดินเข้ามาในร้าน เกดเห็นแปลกใจ "อ้าว
พี่ไผ่มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย" "มาได้สักพักแล้ว พี่เอาของไปเก็บหลังร้าน
อ้าวคุณนรารี มาซื้อขนมเหรอคะ" " มาก็ดีแล้ว ฉันไม่ได้มาเพราะขนมของหล่อน
แต่ฉันมาเพราะต้องการเตือนให้หล่อนตัดใจแล้วก็เลิกยุ่งกับคุณเอกของฉันได้ แล้ว
เพราะฉันกับเขามีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งมาก" "อ๋อ ถ้าเรื่องนั้น ฉันรู้แล้ว"
นรารีตกใจ "แกรู้ได้ยังไง" ใบ ไผ่หน้าถอดสี "เอ่อ อ๋อ ฉันเห็นหน้าคุณก็รู้แล้ว
สีหน้าออกจะสดชื่นขนาดนี้ มาบอกฉันแค่นี้ใช่มั้ย งั้นก็กลับไปได้แล้ว
ฉันจะเลิกยุ่งกับเขา โอเคแล้วนะ" "เดี๋ยว ฉันยังไม่เสร็จธุระ
ความจริงแกควรจะได้ยินจากปากของคุณเอกว่าเขารู้สึกยังไงกับแก อย่าไปไหนนะ
ฉันจะออกไปตามเขาเข้ามา" ใบไผ่ตกใจ เห็นนรารีกำลังจะออกไป รีบเข้าไปขวาง นรารีชะงัก
"จะไปตามเขาทำไม เท่านี้ฉันก็เข้าใจแล้ว" "แต่ฉันต้องการให้แกจำใส่หัวสมอง
จะได้ไม่ต้องทำมารยามายุ่งกับคุณเอกของฉันอีก หลีกไป" นรารีเปิดประตูออกไป
ใบไผ่หน้าเสีย หันหลังจะไปที่หลังร้าน แต่วชรวรรษขวางทางเอาไว้ "เธอจะไปไหน" "เอ่อ
ฉันอบขนมเอาไว้ จะไปดู" "ฉันไปดูให้" "ไม่ต้อง นายจัดการอดีตคู่หมั้นของนายให้ดีๆ
อย่าให้ก่อความวุ่นวายในร้านฉันอีก" ใบ ไผ่รีบออกไปด้านหลังร้านทันที
ในขณะที่นรารีออกมามองหาทองเอกแต่ไม่เห็นก็เริ่มหงุดหงิดหัวเสีย
ใบไผ่ในคราบทองเอกวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "แพนนึกว่าคุณหนีกลับไปแล้วซะอีก"
"ผมจะกลับไปได้ยังไงล่ะครับ คือผมไปห้องน้ำมาครับ"
"ไม่ต้องพูดอะไรแล้วค่ะรีบเข้าไปกับแพนเถอะ นังนั่นมันมาแล้ว
คุณเอกต้องจัดการนังนั่นให้แพน เอาให้มันเจ็บไปถึงทรวงเลย"
นรารีลากทองเอกเข้ามาในร้าน แต่ไม่เห็นใบไผ่ตัวจริง "อ้าว แล้วไหนล่ะ
ยัยแม่ค้านั่นหายไปไหนแล้ว" วชรวรรษบอกว่าใบไผ่อยู่หลังร้าน นรารีลากทองเอกจะเข้าไป
วชรวรรษคว้าแขนนรารีเอาไว้ "ผมว่าคุณพาเพื่อนของคุณกลับไปดีกว่า อย่ามาระรานที่นี่
ไม่งั้นผมจะไม่เกรงใจ" นรารีชะงักกับสายตาเอาเรื่อของวชรวรรษ
ใบไผ่เห็นเป็นโอกาสดีเลยทำเป็นโกรธ "เฮ้ย แกปล่อยมือสกปรกของแกออกจากคุณแพนนะเว้ย"
ใบไผ่ใบคราบทองเอกเข้ามาผลักอกวชรวรรษสร้างสถานการณ์ แล้วดึงนรารีให้ออกห่าง
วชรวรรษมองอย่างไม่พอใจ " ผมว่าเราอย่าเสียเวลารอคุยกับใบไผ่เลยครับ
ฝากแกไปบอกใบไผ่ให้รู้จักเจียมตัว และรู้ไว้ด้วยว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร
ที่ผ่านมาฉันเห็นเขาเป็นแค่ของเล่น" วชรวรรษไม่พอใจกำมือแน่นมองทองเอกด้วยความโมโห
"แล้วก็อย่าลืมบอกไปด้วยว่า ผู้หญิงที่จืดชืดไร้อารมณ์อย่างนั้น
ฉันไม่เอาทำเมียหรอก" นรารีรีบเสริม "แต่ถ้าคุณวัชรอยากได้ก็เอาไว้แล้วกันนะคะ
ของเหลือเดนจากผู้ชายคนอื่น ใช่มั้ยคะคุณเอก" ทองเอกชะงัก "เอ่อ คือ ใช่ครับ"
ทองเอกทำเป็นหัวเราะในลำคอกลบเกลื่อน วชรวรรษทนไม่ไหวต่อยเข้าที่ปากทองเอกอย่างแรง
จนทองเอกเซกระเด็น นรารีตกใจ "คุณเอก" ใบไผ่เจ็บมาก แต่พยายามวางมาด
"ผมไม่เป็นไรหรอกครับ" "ไม่เป็นไรได้ยังไง ดูสิคะปากแตกเลย"
นรารีซับเลือดที่มุมปากให้ทองเอก "ผมเป็นลูกผู้ชายพอ
เอาเป็นว่าถือว่าเราหายกันก็แล้วกัน หวังว่าต่อไปนี้เราคงไม่ต้องเจอกันอีก
กลับกันเถอะครับคุณแพน" ทอง เอกรีบจับมือนรารีพาเดินออกไป วชรวรรษโกรธมาก
เดินเข้าไปหาใบไผ่ในครัวแต่ไม่เห็น นอกจากเห็นกระดาษโน้ตที่แปะอยู่หน้าตู้อบ
วชรวรรษดึงออกมาอ่าน "ลืมของไว้ที่ตลาด กลับไปเอา ฝากร้านด้วย"
วชรวรรษขมวดคิ้วสงสัย แปลกใจที่ใบไผ่หายตัวไปอีก เสี่ย
ทำนุนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องรับแขก พยุทธ์เดินเข้ามาหน้าเครียดกว่า
ต่อว่าเรื่องที่เสี่ยทำนุคิดจะปล้ำนรารี เสี่ยทำนุแกล้งบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด
"แต่ยัยแพนยืนยันกับผม" " คุณแพนโดนคนอื่นบังคับให้มาพูดต่างหาก ไอ้หมอนั่นไง
ไอ้คนที่อยู่ๆ ก็โผล่เข้ามาตีสนิทกับคุณแพนไง มันเป็นคนนอกนะคุณพยุทธ์
เข้ามาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยแบบนั้น คุณว่ามันไว้ใจได้เหรอ" พยุทธ์ครุ่นคิด
เสี่ยทำนุมาตบไหล่ "ปกติคุณเป็นคนระมัดระวังอยู่แล้วนี่ จริงมั้ย"
นรารีประคองทองเอกที่ปากเจ่อเข้ามาในบ้าน พยุทธ์ถามว่าทองเอกไปโดนอะไรมา
นรารีบอกว่ามีเรื่องกับวชรวรรษนิดหน่อย เพราะวชรวรรษหึง " อะไร้
ไอ้วรรษมันหมดน้ำยาแล้ว ยังโดนมันต่อยซะน่วมยังงี้ อ่อนจริงๆ" เสี่ยทำนุเยาะ
นรารีไม่พอใจ ขอตัวพาทองเอกไปทำแผล ทองเอกมองสองคนสงสัยว่ากำลังคุยเรื่องอะไรกัน
และในระหว่างที่นรารีทำแผลให้ ทองเอกจึงพยายามตะล่อมถาม
"เสี่ยทำนุอะไรนั่นเขาสนิทกับคุณพ่อคุณแพนมากเหรอครับ" นรารีชะงัก
"คุณเอกถามทำไมคะ" "เอ่อ ก็ ผมแค่ไม่ชอบหน้ามัน ไม่ชอบที่มันทำกับคุณแพนคืนนั้น"
"โถ หึงแพนเหรอคะ ไม่ต้องห่วงนะคะ แพนน่ะเกลียดมันยิ่งกว่าไส้เดือนอีก"
"แล้วทำไมมันถึงเข้าออกบ้านคุณแพนได้ล่ะครับ คุณพ่อคุณน่าจะโกรธ" "
แพนไม่รู้หรอกค่ะ เรื่องของคุณพ่อ แพนขี้เกียจถาม คุณเอกยังเจ็บอยู่มั้ยค่ะ
เดี๋ยวแพนเป่าเพี้ยงให้" นรารีตั้งท่าจะเข้ามาเป่าปากให้จริงๆ ทองเอกกระเด้ง
"ไม่เป็นไรครับ เอ่อ ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะครับ" ใบ ไผ่เข้าห้องน้ำล็อคประตู
สงสัยว่าเสี่ยทำนุมาทำไม พลันก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันอยู่ข้างนอก ใบไผ่มองหา ค่อยๆ
ปีนขึ้นบนฝาโถส้วมเห็นพยุทธ์และเสี่ยทำนุหลบมาคุยกัน "ตกลงว่าเสี่ยจะไม่เก็บมันไว้"
"ผมไม่ไว้ใจมัน ถึงเราจะได้กิจการของมันมาเกือบทั้งหมด แต่ผมก็ยังไม่วางใจ
ไม่รู้มันจะกลับมาเล่นงานเราเมื่อไหร่" "เสี่ยไม่เชื่อเรื่องที่มันวางมือจากวงการ"
" นิทานหลอกเด็กทั้งนั้น คุณพยุทธ์ มาเฟียอย่างพวกเรา
ยังไงมันก็เป็นมาเฟียวันยังค่ำ
คุณก็รู้ดีนี่การที่จะออกจากวงการนี้ได้มีอยู่ทางเดียวเท่านั้น" เสี่ย
ทำนุยิ้มเหี้ยม ใบไผ่ได้ยินทั้งหมดก็หน้าเสีย
กลับมาเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนที่บ้านฟัง ธราทิตย์เห็นว่าเรื่องชักจะใหญ่กว่าที่คิด
เขาเริ่มเป็นห่วงความปลอดภัยของใบไผ่ "เดินมากันเกินครึ่งทางแล้ว
จะให้ถอยกลับไปคงไม่ได้ ยังไงก็ต้องเล่นเกมนี้ให้จบ
แล้วที่ฉันให้ไปสืบเรื่องของไอ้เสี่ยทำนุมีอะไรที่พอจะเป็นจุดอ่อนเพิ่มรึ เปล่า"
"ไม่มีเลยว่ะ ตอนนี้ท่าทางมันระวังตัวแจ คงยังกลัวคุณวชรวรรษหาทางแก้แค้นอยู่" "
พี่ไผ่คะ ฝนนึกออกแล้วค่ะว่าจะหาทางเล่นงานพวกนั้นได้ยังไง
ฝนจำได้ว่าสาเหตุที่พี่วัชรไม่ยอมขายกิจการให้กับไอ้เสี่ยนั่นเพราะว่า
พี่วัชรสงสัยว่ามันจะค้ายาเสพติดค่ะ"
"มันก็ไม่แปลกนี่ครับที่พวกมาเฟียจะค้ายาเสพติด" " ใช่ค่ะ มาเฟียคนอื่นอาจจะไม่แปลก
แต่เสี่ยทำนุตั้งตัวมาพร้อมกับคุณพ่อของฝน คุณพ่อกับพี่วัชรถึงจะเป็นมาเฟีย
แต่เรื่องยาพวกเราไม่ยุ่งเด็ดขาด
สาเหตุที่คุณพ่อแตกหักกับเสี่ยทำนุก็มาจากเรื่องนี้แหละค่ะ" "ไม่แน่นะ
ตอนนี้มันอาจจะทำอาชีพนี้อยู่ก็ได้ ของอย่างนี้ถ้าจับได้ขึ้นมาเมื่อไหร่
มันเสร็จเราแน่" ธราทิตย์พูดขึ้น "งั้นก็ต้องหาหลักฐานเรื่องนี้มาให้ได้" ใบไผ่ย้ำ
ภายในร้านขนมหวาน ใบไผ่ซึ่งยังมีรอยแผลช้ำๆ ที่มุมปาก กำลังเตรียมทำขนมอยู่
วชรวรรษเดินเข้ามาเห็น "มาทำงานได้แล้วเหรอครับเจ้านาย" ใบไผ่หันไปค้อน
วชรวรรษชะงักที่เห็นแผลที่มุมปากของใบไผ่ "ปากคุณไปโดนอะไรมา"
ใบไผ่นึกได้รีบหลบสายตา "ไม่มีอะไร เมื่อวานฉันซ้อมมวยกับอานาท"
วชรวรรษหรี่ตาไม่เชื่อ "งั้นเหรอ" ใบไผ่ไม่ยอมสบตาก้มหน้าก้มตาทำเป็นยุ่ง
วชรวรรษเดินมากระซิบ "คิดถึงจัง" "นี่ ผีเข้ารึไง" "เปล่า ฉันก็พูดไปอย่างที่รู้สึก
ก็หลังๆ เธอไม่ค่อยอยู่ร้าน ฉันก็คิดถึงนะสิ" ใบไผ่แอบยิ้ม วชรวรรษเดินเอาของไปจัด
ใบไผ่แอบมองตามด้วยความเป็นห่วง วชรวรรษหันมา ใบไผ่รีบหลบ
"เธอรู้มั้ยว่าเมื่อวานหลังจากที่เธอออกไปแล้ว
ไอ้หน้าอ่อนนั่นมันให้ฉันมาบอกเธอว่าอะไร" "รู้แล้ว" "อะไรนะ" "เอ่อ เปล่า ทำไม
เขาฝากบอกว่าอะไร" " มันบอกว่าที่ผ่านมามันเห็นเธอเป็นแค่ของเล่น
แล้วก็บอกด้วยว่าอย่ากลับไปหามันอีก เป็นไง คนดีของเธอ
หลงรักหลงแก้ตัวให้มันอยู่ได้ตั้งนาน แต่ฉันก็ไม่ได้ให้มันพูดอยู่ฝ่ายเดียวหรอกนะ
ฉันสอยปากมันไปที โทษฐานที่มาพูดจาชุ่ยๆ ใส่แฟนฉัน" "นี่ อย่ามาเนียน ใครแฟนนาย"
"ก็ใครยอมให้ฉันกอดล่ะ" "นายหมาวัด พูดอีกคำเดียว ฉันชกปากนายจริงๆ ด้วย" "ชกเลย
แต่ไม่ให้ใช้มือชกนะ ให้ใช้อย่างอื่น" วชรวรรษมองที่ปากใบไผ่
ใบไผ่โถมเข้ามาจะต่อยวชรวรรษ วชรวรรษรวบตัวเธอไว้ "ฉันพูดจริงๆ นะ ใบไผ่
อย่าไปสนใจผู้ชายเลวๆ อย่างนั้นอีกเลย มันไม่ได้รักเธออย่าง
เอาเป็นว่าฉันขอก็แล้วกัน อย่าไปยุ่งกับมันอีก" "ทำเป็นว่าคนอื่น
แล้วฉันจะเชื่อใจนายได้เหรอ" " ฉันสัญญากับเธอแล้วไง
ว่าฉันตั้งใจจะเป็นคนดีเพื่อเธอ เมื่อฉันตัดสินใจวางปืนลง
นั่นแปลว่าฉันวางชีวิตทั้งหมดของฉันไว้ในมือเธอนะใบไผ่" ใบไผ่อึ้ง สองคนสบตากัน
คืนนั้นใบไผ่สัญญากับตัวเองว่าเธอจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายวชรวรรษเด็ดขาด
ตอนเช้าวชรวรรษเดินเข้าร้านก็ถามหาใบไผ่ เกดบอกว่าใบไผ่โทรมาบอกว่าจะไม่เข้าร้าน
วชรวรรษเริ่มสงสัย บริเวณสระน้ำของบ้านพยุทธ์ นรารีอยู่ในชุดว่ายน้ำเซ็กซี่
ยื่นครีมกันแดดให้ทองเอกช่วยทาหลังให้ ทองเอกมองหยั่งเชิงถาม "
ทำไมพ่อของคุณถึงทำธุรกิจกับเสี่ยทำนุล่ะครับ ผมขอโทษที่ถาม
แต่เพราะผมเป็นห่วงคุณนะครับ คือผมได้ยินมาว่าเสี่ยทำนุเขาเป็นพวกค้ายาเสพติด"
นรารีหน้านิ่งไปเพราะรู้อยู่แล้ว แต่ตีหน้าว่าไม่รู้เรื่อง
"เรื่องแบบนั้นคุณเอกไปรู้มาจากไหนคะ" " ผมรักคุณแพนนะครับ
ผมถึงต้องใช้เงินจ้างให้คนเช็คทุกคนที่มาข้องเกี่ยวกับคุณแพนและคุณพยุทธ์
กลัวคุณแพนของผมจะโดนหลอก โดนทำร้ายอีก" นรารีหันมากุมมือทองเอกดีใจที่เขาเป็นห่วง
"ขอบคุณคุณเอกนะคะที่เป็นห่วงแพนกับคุณพ่อ ไว้แพนจะเตือนคุณพ่อเรื่องนี้เอง
เรามาว่ายน้ำกันดีกว่านะคะคุณเอก" ทองเอกหน้าเสียรั้งตัวเองเอาไว้ "เอ่อ
อย่าเลยครับคุณแพน วันนี้ผมไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่" "ไม่เห็นจะเป็นไรเลย
เดี๋ยวแพนถอดเสื้อให้ จะได้เล่นน้ำกัน" นรารีรุกทองเอกจนจะแย่
โชคดีที่พยุทธ์เดินเข้ามาพอดี "ยัยแพน!!" "คุณพ่อ" ใบไผ่รีบยกมือไหว้พยุทธ์
แล้วเอาตัวรอดจากนรารี "ยัยแพน พ่อมีเรื่องจะคุยกับลูก ตามลำพัง"
พยุทธ์เดินนำเข้าไปในบ้าน บอกกับนรารีว่าเขาไม่ชอบที่นรารีพาทองเอกเข้ามาในบ้าน
"ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนนี่คะ เขาเป็นคนที่แพนรัก" " แกพูดบ้าอะไรของแก
อย่าลืมสิว่าเรามีงานใหญ่รออยู่ ฉันไม่ไว้ใจมัน ถ้าเกิดมันรู้เรื่องของเราเข้า
แล้วเอาไปบอกตำรวจ ทุกอย่างได้พังหมด" "ถ้าพ่อกลัว
พ่อก็เลิกร่วมมือกับไอ้เสี่ยบ้ากามนั่นค้ายาสิคะ" "แพน แกจะพูดเสียงดังทำไม" "
แพนไม่สนหรอกค่ะ พอกันทีกับความเป็นลูกกตัญญู
แพนทำเพื่อพ่อมามากจนแพนเกือบต้องเสียคนที่แพนรักไป
ต่อไปนี้แพนจะขอเลือกทางเดินของตัวเอง แพนจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจผิดกฎหมายของพ่อ
และพ่อก็ห้ามแพนไม่ได้ด้วย" นรา รีเดินออกไป พยุทธ์ถึงกับอึ้ง
ทองเอกยืนอยู่หน้าห้องได้ยินทุกอย่าง พอเห็นนรารีออกมาก็รีบเดินเลี่ยงไปอีกทาง
นรารีโผเข้ากอดทองเอกแน่น เกือบจะร้องไห้ "คุณเอกคะ คุณช่วยพาแพนออกไปจากบ้านทีนะคะ
ไปที่ไหนก็ได้ แพนอยากอยู่กับคุณเอกตามลำพัง" "งั้นเราไปดื่มกันนะครับ"
วชรวรรษกับวิชญ์ช่วยกันทำขนม แต่แล้วก็ได้กลิ่นไหม้ วิชญ์นึกขึ้นได้รีบไปเปิดตู้อบ
เห็นขนมไหม้เกรียม วชรวรรษหน้าเสีย "ซวย ถ้าใบไผ่กลับมาเห็น แกกับฉันตายแน่
รีบทำลายหลักฐานเร็วเข้า" วิชญ์รีบเททิ้งขยะ "เฮ้ยๆ เดี๋ยวๆๆ แค่นี้ไม่ได้
ถ้าใบไผ่เปิดเจอ โดน แกเอาถุงนี้ไปทิ้งเลย เอาไปทิ้งให้ไกลๆ เลยนะ"
"นายกลัวคุณใบไผ่มากขนาดนี้เลยเหรอครับ นี่ขนาดยังไม่ได้แต่งงานกันนะครับเนี่ย
ไม่น่าเชื่อ ความรักจะทำให้คนเปลี่ยนไปมากขนาดนี้" "ไม่ได้กลัว แค่เกรงใจ นิดหน่อย
เอ้อ แล้วเรื่องที่ฉันให้ไปสืบล่ะ" " เรียบร้อยแล้วครับนาย
ไอ้ทำนุมันใช้บริษัทในเครือของพยุทธ์เป็นแหล่งฟอกเงินที่มันได้มาจากการค้า
ยาเสพติดด้วยกัน มันแบ่งผลประโยชน์ด้วยกันมาตลอด" "มันถึงได้ร่วมมือกันหักหลังฉัน
กลัวว่าฉันจะไปขวางทางมัน ไอ้สารเลว"
"ผมได้ข่าวมาว่าคืนนี้พวกมันมีการส่งของกันครั้งใหญ่
ผมว่าไอ้สองคนนั่นต้องไม่พลาดแน่นอนครับ" นรา รีดื่มอย่างหนัก
พร้อมกับร้องห่มร้องไห้ที่พยุทธ์กีดกันเธอกับทองเอก ทองเอกดึงนรารีมากอด
ว่าเขาเข้าใจเธอดี แล้วพยายามจะถามเพื่อล้วงข้อมูล " เอ่อ คุณแพนครับ
ผมได้ยินว่าพ่อของคุณมีงานใหญ่ มันงานอะไรเหรอครับ แล้วเกี่ยวกับเสี่ยทำนุหรือเปล่า
ผมเป็นห่วงกลัวว่ามันจะเป็นงานที่ไม่ดี"นรารีมองหน้าทองเอก "ผมขอโทษ
ผมคงถามคุณแพนมากไป งั้นเรามาดื่มกันต่อเถอะครับ" ทองเอกรินเหล้าให้
นรารีรับมาดื่มจนหมดแก้ว ทองเอกรินเหล้าให้อีก "คุณเอก แพนไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ"
"อีกแก้วนะครับคุณแพน แก้วสุดท้ายแล้ว ผมจะได้พาคุณแพนไปนอน"
นรารีรับแก้วมาดื่มจนหมด มึนมากจนเซ ทองเอกรีบเข้ามารับ นรารีหลับตานิ่ง "คุณแพน
คุณแพน" ทันใดนั้นนรารีก็ลืมตาขึ้นมา ผละมามองหน้าทองเอก
"คืนนี้จะมีการขนยาเสพติดครั้งใหญ่ คุณพ่อกับไอ้เสี่ยนั่นจะไปด้วยกัน
คุณเอกอย่าไปบอกใครอีกนะคะ" นรารีพูดจบก็หลับคาอกทองเอก
ทองเอกยิ้มดีใจหยิบมือถือมาโทรหาธราทิตย์ "ไอ้มาร์ค ได้เรื่องแล้ว
แกช่วยมาดูแลคุณแพนแทนฉันที ฉันมีงานต้องทำ" พยุทธ์ ขับรถออกมาจากบ้าน
ใบไผ่แอบดูอยู่ในรถก็สตาร์ทรถขับตามออกไป เวลาเดียวกันนั้น
วชรวรรษกับวิชญ์ซุ่มดูอยู่บนหลังตู้คอนเทนเนอร์บริเวณท่าเรือ
ทั้งคู่ใช้กล้องส่องทางไกลสำรวจ เห็นเสี่ยทำนุยืนรอยู่ที่ลาน
ไม่นานพยุทธ์ก็เดินเข้ามา
ระหว่างนั้นวิชญ์ใช้กล้องสำรวจดูทางอื่นแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นทองเอกซุ่ม
อยู่อีกด้าน รีบเรียกให้วชรวรรษมาดู "ไอ้ทองเอก มันมาทำอะไรที่นี่" ใบ
ไผ่ในคราบทองเอกแอบมองเสี่ยทำนุ พยุทธ์ อย่างระมัดระวัง
ระหว่างนั้นรถบรรทุกหกล้อแล่นเข้ามา ใบไผ่หยิบกล้องถ่ายรูปออกมา
เล็งไปที่เสี่ยทำนุกับพยุทธ์ที่เดินเข้าไปตรวจของ สองคนหยิบห่อยาเสพติดออกมา
ใบไผ่ซูมเข้าไปใกล้ถ่ายรูปเก็บไว้ให้ได้ทุกมุมเลยไม่ทันระวังเหยียบเศษ
กระเบื้องแตกทำให้เกิดเสียงดัง ลูกน้องเห็น ร้องขึ้น เสี่ยทำนุกับพยุทธ์หันไปมอง
ใบไผ่ตกใจรีบวิ่งหนี เสี่ยทำนุสั่งจับตัวมาให้ได้ ใบไผ่วิ่งหนีพวกลูกน้องมาตามทาง
ลูกน้องชักปืนออกมายิง ใบไผ่ตกใจสะดุดล้ม กล้องถ่ายรูปตกพื้น รีบลุกขึ้นจะหยิบกล้อง
แต่ลูกน้องยิงปังโดนกล้องถ่ายรูปกระจุย
ใบไผ่มองกล้องด้วยความเสียดายที่เสียหลักฐานไป แต่ต้องหนีเอาตัวรอดก่อน
ใบไผ่วิ่งมาจนถึงประตู แต่ประตูล็อค ออกไม่ได้ หันไปเห็นลูกน้องตามมา
ยกปืนจะยิงใบไผ่ ใบไผ่แกล้งทำเป็นเห็นอะไรบางอย่าง "เฮ้ย" ลูก
น้องหันไปมองเสียจังหวะ ใบไผ่เข้าไปแย่งปืน ลูกน้องอีกคนเข้ามา ตีหัวใบไผ่สลบเหมือด
เล็งปืนจะยิง วชรวรรษพุ่งเข้ามาเอาไม้ตีแขนลูกน้อง วิชญ์เข้ามาช่วย
ทั้งสองซัดลูกน้องเสี่ยทำนุจนสลบ แล้วรีบแบกทองเอกออกไปบริเวณตึกร้าง
ทองเอกนอนไม่ได้สติอยู่บนพื้น วชรวรรษกับวิชญ์มองทองเอกด้วยความเซ็ง
"กำลังจะได้เรื่องอยู่แล้วเชียว ดันโผล่เข้ามาทำไมก็ไม่รู้" "นั่นสิครับนาย
เห็นมันสนิทกับคุณนรารีนึกว่ามันจะอยู่พวกกัน น่าแปลกนะครับ"
ใบไผ่รู้สึกตัวแล้วเลยได้ยินเสียงทั้งสอง ไม่รู้จะทำอย่างไรดีกลัวความแตก
พยายามครุ่นคิดหาทางออก "แกรีบไปเอารถมา ฉันจัดการทางนี้เอง" วิชญ์ เดินออกไป
จังหวะที่วชรวรรษหันไปมองวิชญ์ ใบไผ่ค่อยๆ ขยับตัวคลานหนี
แต่กลับเจอรองเท้ามายืนตรงหน้า ใบไผ่ชะงักกึก เงยหน้าเห็นวชรวรรษยืนค้ำหัวอยู่
"จะไปไหน" "กลับบ้านไง ถามมาได้" "แล้วไม่คิดจะขอบใจฉันหน่อยเหรอ
ที่ฉันช่วยชีวิตแก" "ขอบใจ แค่นี้ใช่มั้ยที่ต้องการ" ทองเอกหันหลังจะเดินกลับ
วชรวรรษคว้าคอเสื้อเอาไว้ ทองเอกหันไปปัดมือวชรวรรษออก "อะไรอีก"
"แกโผล่หัวไปที่นั่นทำไม" "ไม่เกี่ยวกับนาย" วชรวรรษโมโหตบหัวทองเอก "เฮ้ย ทำอะไรวะ
เจ็บนะเว้ย" "คิดว่าฉันจะเชื่อแกเหรอไอ้อ่อน" ทองเอกจะออกไปอีก
วชรวรรษเข้ามารวบตัวกอดจากด้านหลัง "ไอ้วชรวรรษปล่อยฉันนะเว้ย" ทอง เอกพยายามดิ้น
วชรวรรษคว้าตัวแน่นขึ้น จึงโดนหน้าอกเต็มๆ ทองเอกแทบช็อค วชรวรรษอึ้ง
ทองเอกผลักวชรวรรษแล้วจัดการเตะผ่าหมาก วชรวรรษจุกหน้าเขียวทรุดลงไปกองกับพื้น
ทองเอกไม่สนใจรีบวิ่งหนีเอาตัวรอดออกไป "โอ๊ย ไอ้บ้าเอ๊ย ผู้ชายอะไรวะ
ทำไมหน้าอกนิ่มจัง" เช้า วันรุ่งขึ้น
นรารีนอนพลิกตัวหันมายิ้มพริ้มมีความสุขอยู่ในห้องของโรงแรม
มือควานหาทองเอกแต่ไม่เจอ แปลกใจรีบลุกขึ้นก็เห็นกระดาษโน้ตแปะอยู่บนโคมไฟ
นรารีดึงมาอ่าน "ผมต้องไปทำงาน เลยไม่อยากปลุกคุณ ทองเอก"
นรารีมองกระดาษโน้ตแล้วยิ้มมีความสุข ทิ้งตัวลงนอน เอากระดาษโน้ตมาจูบ
ภายในร้านขนมหวาน ใบไผ่จัดขนมใส่ในกระทง วชรวรรษถือถุงปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้เข้ามา
"ปาท่องโก๋ กับ น้ำเต้าหู้ร้อนๆ ครับ" ใบไผ่หันมาหน้าบึ้ง
ยังโกรธเรื่องที่วชรวรรษไปสืบเรื่องของเสี่ยทำนุเมื่อคืนนี้ " อุ้ย
ถ้าเจ้านายไม่ชอบ งั้นรับนี่มั้ยครับ หัวใจสี่ห้อง แถมความรักจากหัวใจ
ใส่ความห่วงใย เติมความคิดถึง และคำว่ารัก เมนูนี้ไม่เสียเงิน ขอแค่ความรู้สึกดีๆ
ก็พอ" ใบไผ่ยังหน้านิ่ง วชรวรรษเจื่อน "แหม วันนี้ดูองค์จะลงนะครับเจ้านาย" "ไม่ขำ
ฉันมีเรื่องอยากคุยกับนาย" ใบไผ่ให้วชรวรรษตามไปที่หลังร้าน แล้วพูดใส่ทันที
"เมื่อคืนนายหายไปไหนมา" วชรวรรษชะงักแปลกใจ "เมื่อคืนนี้เหรอ ผมก็อยู่บ้านผมน่ะสิ"
"โกหก ฉันรู้ว่าเมื่อคืนนายไปหาไอ้เสี่ยทำนุ นายไปยุ่งกับเขาอีกทำไม
ไหนนายรับปากฉันแล้วว่านายจะไม่กลับไปเดินทางเก่าอีก" "ใครเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเธอ
ไอ้ทองเอกใช่มั้ย" ใบไผ่สวมรอย "ใช่ เขาเล่าให้ฉันฟัง" "ใบไผ่ เธอเป็นอะไร
ไอ้ทองเอกมันพูดจาดูถูกเธอขนาดนี้แล้ว ทำไมยังกลับไปยุ่งกับมันอีก"
"นั่นมันคนละเรื่องกัน ฉันกำลังต่อว่าที่นายโกหกฉัน
นายรับปากว่าจะไม่ไปยุ่งกับเรื่องนั้นอีก แต่นายก็ไม่รักษาสัญญา" "แล้วเธอล่ะ
ที่เธอหายไปจากร้านบ่อยๆ เธอหายไปไหนมา" "ฉันไปทำธุระ" "ธุระอะไร
ธุระกับไอ้ผู้ชายเฮงซวยนั่นน่ะเหรอ เธอกลับไปเจอมันมาอีกใช่มั้ย ใช่มั้ย"
"นายหมาวัด!!" "ทำไม ทำไมเธอถึงไม่เคยเห็นคุณค่าในตัวเธอเองบ้าง กลับไปหามันอีกทำไม
ตอบคำถามฉันมาให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน" วชรวรรษหน้าบึ้ง เดินออกไป
ใบไผ่หน้าเสีย ไม่รู้จะทำอย่างไร เสี่ยทำนุมาหาพยุทธ์ที่บ้าน
บอกว่าลูกน้องของเขารายงานว่าคนที่มาแอบดูที่โกดังเมื่อคืนคือทองเอก พยุทธ์ตกใจ
โกรธ "เห็นมั้ยว่ามันใช่อย่างที่ฉันเคยเตือน แกต้องรีบจัดการมันให้เร็วที่สุด
เพราะถ้าแกไม่ทำ ฉันจะทำตามวิธีของฉัน" ทันใดนั้นเสียงนรารีดังขึ้น
"ห้ามใครหน้าไหนยุ่งกับคุณเอกของแพนเด็ดขาด" "ยัยแพน!!"
"มีใครมาฟ้องอะไรพ่ออีกเหรอคะ" " หนูแพนอย่ามองฉันในแง่ร้ายนักสิ ที่ฉันพูด
เพราะหวังดีกับหนูนะ ไอ้หมอนั่นมันไว้ใจไม่ได้ ที่มันเข้ามาตีสนิทกับหนู
เพราะมันต้องการสืบเรื่องของเรา บางทีมันอาจจะเป็นสายตำรวจก็ได้" "ไม่จริง
เสี่ยกำลังใส่ร้ายคุณเอก" "ไม่ได้ใส่ร้ายแต่ลูกน้องฉันเห็นมันจริงๆ"
"งั้นลูกน้องเสี่ยก็คงตาถั่ว
เพราะเมื่อคืนนี้คุณเอกอยู่กับแพนที่โรงแรมด้วยกันทั้งคืน" พยุทธ์กับเสี่ยทำนุตกใจ
"พ่อคะ แพนว่าหุ้นส่วนของพ่อต่างหากที่กำลังหาแพะรับบาป
ระวังจะโดนหักหลังโดยไม่รู้ตัวนะคะ" "พยุทธ์แกจะเชื่อฉัน หรือ เชื่อลูกสาวแก
ก็เลือกเอา" เสี่ยทำนุเดินออกไป นรารีหันมาทางพยุทธ์ " พ่อคะ แพนยืนยันได้จริงๆ
ไอ้เสี่ยนั่นมันไม่ใช่คนดี ตอนนี้มันได้ทุกอย่างที่มันต้องการแล้ว
แต่พอแพนไม่ยอมมัน มันเลยคิดจะหาทางหักหลังพ่อใช้คุณทองเอกเป็นเหยื่อ
เชื่อแพนนะคะพ่อ" ใบไผ่กำลังนั่งกลุ้มอยู่หลังร้าน พลันโทรศัพท์ก็ดังดัง
ใบไผ่มองซ้ายมองขวา กดรับ "ครับ คุณแพน" "คุณเอกคะ
เมื่อคืนนี้คุณอยู่กับแพนทั้งคืนใช่มั้ยคะ" ใบไผ่ชะงักนิดนึง คิดว่าจะตอบอะไรดี
"คุณเอกเป็นอะไรหรือเปล่าคะ" "เปล่าครับเปล่า ทำไมคุณแพนถามผมแบบนี้ล่ะครับ
ผมเขียนโน้ตบอกคุณแพนแล้วไง" " นั่นน่ะสิคะ
คุณรู้มั้ยคะว่าไอ้เสี่ยบ้ากามนั่นมาบอกพ่อแพนว่าคุณเป็นสายตำรวจ เลยมาตีสนิทแพน
แถมมันยังบอกอีกนะคะว่าเมื่อคืนมันเห็นคุณที่ท่าเรือ เหลวไหลสิ้นดี
มันจะเป็นไปได้ยังไง" "แล้วคุณแพนบอกคุณพ่อว่ายังไงครับ"
"แพนก็บอกไปว่าคุณอยู่กับแพนทั้งคืน" "แล้วคุณพ่อคุณแพนเชื่อมั้ยครับ" "
ก็ต้องเชื่อสิคะ ในเมื่อแพนเป็นหลักฐานที่ยืนยันได้ ดีแล้วล่ะค่ะ
คุณพ่อจะได้หูตาสว่างซะที แพนว่าไอ้เสี่ยนั่นมันกำลังวางแผนหักหลังคุณพ่ออยู่แน่ๆ
คุณเอกเองก็ต้องระวังตัวด้วยนะคะ"
ใบไผ่เก็บเรื่องที่นรารีเล่ามาเล่าให้กับทุกคนที่บ้านสวนฟัง "โป๊ะเชะ
แสดงว่าเรามาถูกทางแล้วล่ะคะพี่ไผ่"
"ในเมื่อจะจับเสือด้วยมือเปล่าแต่มันเสี่ยงเกินไป เราก็ปล่อยให้เสือมันกัดกันเอง
แล้วค่อยจัดการตอนเสือมันลำบาก" "แหมพ่อมาร์ค ฟังดูโหดจังเลยนะจ๊ะ"
"ไม่โหดหรอกค่ะน้าแก้ว ถ้าเทียบกับความเลวที่พวกมันเคยก่อไว้กับฝนกับพี่วัชร" "
งั้นต่อไปเราก็ต้องปล่อยให้พวกมันกัดกัน รอให้มันแตกคอแล้วค่อยเล่นงานทีเดียว
แต่แกก็อย่าประมาทนะไอ้ไผ่ ยังไงก็ยังต้องเสี่ยงอยู่" นาทเตือน ใบไผ่เอาแต่เงียบ
"เป็นอะไรไปไผ่" "ไม่ค่อยสบายใจจ้ะน้าแก้ว รู้สึกเหมือนไผ่กำลังหลอกใช้คุณนรารี" "
พี่ไผ่อย่าคิดว่าตัวเองผิดสิคะ ทีเขายังทำกับพี่วัชรทำกับพี่ได้เลย
คนเราทำเพื่อปกป้องคนที่ตัวเองรัก ถ้าใครกล้ามาว่า เดี๋ยวฝนจัดการให้เอง" "ฝน
พี่ไม่ได้รักพี่ชายฝนแบบนั้นนะ" "ค่ะไม่รักก็ไม่รัก แค่ช่วยเพื่อนเฉยๆ"
วรรษาหันไปยิ้มกับทุกคนที่รู้กันดีว่าใบไผ่ปากแข็ง "เอาล่ะๆ
ในเมื่อทุกอย่างเดินมาทางนี้แล้ว เห็นทีต่อไปก็ต้องเดินเกมรุก
งานนี้สงสัยไผ่ต้องพึ่งอานาทแล้วล่ะค่ะ" ใบ
ไผ่ขอให้นาทปลอมตัวไปล่อซื้อยาจากเสี่ยทำนุ โดยให้เข่งเป็นลูกน้อง
ตอนแรกเสี่ยทำนุไม่ยอมให้พบเพราะไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามมาก่อน
แต่นาทก็บุกเข้าไปพบพร้อมกับเปิดกระเป๋าเงินเป็นฟ่อนให้ดู เสี่ยทำนุจึงเริ่มสนใจ
นาททิ้งนามบัตรให้ไว้ บอกว่าติดต่อเขาได้ทุกเมื่อ วันรุ่งขึ้น
ทองเอกไปหานรารีที่บ้านบอกว่าเขาให้คนไปสืบมาแล้ว
ได้ความว่าเสี่ยนทำนุคิดจะหักหลังพยุทธ์จริงๆ "จริงเหรอคะคุณเอก!!"
"คุณแพนไม่เชื่อผมเหรอครับ" "ไม่ใช่ค่ะ แพนขอบคุณมากนะคะที่คุณไม่รังเกียจแพนกับพ่อ
แพนนึกว่าคุณจะรับเรื่องนี้ไม่ได้ซะอีก" "ผมรักคุณนะครับ ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไง
ผมก็รักคุณ" นรารียิ้มให้ทองเอกด้วยความดีใจ มีความสุข
ระหว่างนั้นพยุทธ์เดินออกมาเห็น "ยัยแพน นี่แกยังพามันเข้าบ้านอีกเหรอ" "พ่อคะ
พ่อไล่คุณเอกไปไม่ได้นะคะ เพราะคุณเอกมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกพ่อค่ะ"จบตอน 22
แม่ค้าขนมหวาน 23 พยุทธ์ฟังเรื่องที่ทองเอกเล่า แต่ยังไม่ค่อยไม่ไว้ใจนัก
"ฉันจะเชื่อแกได้ยังไง" "ต้องเชื่อได้สิคะ คุณเอกเป็นคนรักของแพนนะคะ
คุณเอกไม่มีทางโกหกแพนเด็ดขาด" "จริงครับคุณพยุทธ์
ผมหวังดีกับคุณแล้วก็คุณแพนนะครับ แต่ถ้าคุณยังไม่เชื่อ ดูนี่ก็แล้วกัน"
ทองเอกเปิดคลิปในมือถือให้พยุทธ์ดู
พยุทธ์เห็นภาพขณะที่เสี่ยทำนุกำลังเจรจาธุรกิจกับนาทเมื่อคืน พยุทธ์ถึงกับอึ้ง
"เห็นแล้วใช่มั้ยคะว่าคุณพ่อกำลังทำธุรกิจกับอสรพิษอยู่
จะได้รู้สักทีว่าใครกันแน่ที่ดีกับเราจริงๆ" พยุทธ์กำมือถือแน่นด้วยความโกรธแค้น
ทองเอกพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน สักครู่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทองเอกกดรับ
"ฮัลโหล ครับ" "ไอ้ไผ่ ไอ้เสี่ยทำนุมันเพิ่งโทรมาหาอา มันนัดให้อาไปเจอ" "ขอบใจมาก"
ทองเอกวางสายจากนาทหันไปบอกพยุทธ์ "คนของผมรายงานมาว่ามันนัดส่งของกันบ่ายนี้"
"หลังจากนี้ ฉันจัดการเอง แต่ถ้าฉันไปแล้วไม่เจออะไรล่ะก็ เตรียมใจไว้ให้ดีๆ
ก็แล้วกัน" เสี่ยทำนุกำลังนั่งรอนาทอยู่ที่ห้องทำงาน เสียงเคาะประตูดังขึ้น
เสี่ยทำนุคิดว่าเป็นนาท ลูกน้องเปิดประตูออกไป เจอพยุทธ์
พยุทธ์เดินเข้ามาหน้าเหี้ยมเกรียม "ว่ายังไงหุ้นส่วน รอใครอยู่เหรอ" "เปล่า
เปล่านี่ ไม่ได้รอใคร คุณพยุทธ์มีอะไร มาถึงนี่เลย"
พยุทธ์หันไปเห็นลูกน้องเสี่ยทำนุพยายามยืนบังห่อของ เสี่ยทำนุหน้าถอดสี
"แล้วนี่อะไร" พยุทธ์เดินมาผลักลูกน้อง แล้วโยนของโครมลงบนโต๊ะ ยาบ้ากระจาย
"ปล่อยของโดยไม่ถามฉันสักคำ แกคิดหักหลังฉันใช่มั้ย" "เอาอะไรมาพูด" "ความจริงไง
แกคิดว่าฉันโง่นักใช่มั้ย แกดูถูกฉัน แกเล่นกับคนผิดแล้ว" เสี่ย ทำนุอึ้ง
เห็นว่าจนมุม "ใช่ ฉันทำอย่างที่แกว่า แต่ที่ฉันไม่บอก
เพราะฉันไม่ไว้ใจไอ้เสี่ยนั่น แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
ไอ้สารเลวนั่นมันหายหัวไปเลย ฉันผิดเอง" "แกไม่ต้องแก้ตัว
นี่ถ้าลูกสาวฉันไม่มาเตือนล่ะก็ ฉันคงจะโดนแกหักหลังจนหมดตัว" เสี่ย ทำนุชะงัก
"มีใครเป่าหูแกมาใช่มั้ย งานนี้มีคนต้องการให้เราแตกคอกันแน่ ไอ้
ต้องเป็นฝีมือไอ้หน้าอ่อนนั่นแน่ มิน่าล่ะมันถึงมาตีสนิทกับลูกสาวแก
ฉันจะไปลากคอมันมาเค้นถามเดี๋ยวนี้" เสี่ยทำนุจะออกไป พยุทธ์ชักปืนออกมาจ่อ
ลูกน้องเสี่ยรีบชักปืนขึ้นมาป้องกันนาย แต่โดนพยุทธ์หันไปยิงทิ้ง ลูกน้องตายคาที่
เสี่ยทำนุตกใจตาเหลือก " พยุทธ์ ใจเย็นๆ ก่อนสิ เรื่องแค่นี้
ทำไมต้องฆ่าแกงกันด้วยวะ ตอนนี้เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ศัตรูของเราคือไอ้หมอนั่น
อย่ามาทะเลาะกันเองแบบนี้เลยน่า" พยุทธ์ไม่พูด ขึ้นไกปืนเสียงดังกริ๊ก
เสี่ยทำนุหน้าซีด " ในเมื่อแกคิดไม่ซื่อ เรือมันก็คงต้องถึงฝั่งแยกทาง
ฉันจะถอนทุนของฉันคืนทั้งหมด แล้วถ้าแกปากโป้งเรื่องของฉัน
เตรียมตัวจองศาลาไว้ได้เลย" พยุทธ์ยิงเปรี้ยงเป็นการขู่ เสี่ยทำนุสะดุ้งตกใจ
พยุทธ์เดินออกไป เสี่ยทำนุมองด้วยความแค้น ใบไผ่เข้ามาในร้าน
เจอเกดกับทองก็ถามหาวชรวรรษ เกดบอกว่าอยู่หลังร้าน ใบไผ่เดินเข้าไปหาเงียบๆ
วชรวรรษหันมามองนิดเดียว "นายโกรธฉันเหรอ" วชรวรรษเงียบ
"นี่ใจคอนายจะไม่พูดกับฉันไปตลอดชีวิตเลยหรือไง ฉันกับทองเอก เราสนิทกันมาก
ฉันรู้จักเขามานานจนเหมือนคนๆ เดียวกัน" "แล้วเธอมาบอกฉันทำไม"
"เพราะฉันบริสุทธิ์ใจ
ฉันคุยกับเขาก็เพราะอยากเตือนเขาว่าอย่ากลับไปยุ่งกับคนพวกนั้นอีก"
วชรวรรษฟังนิ่งอยู่ ใบไผ่พูดต่อ เหมือนพูดเตือนวชรวรรษมากกว่า "
คนพวกนั้นเป็นคนไม่ดี ทองเอกเขาเคยหลุดออกมาจากวงจรนั้นได้แล้ว
ฉันไม่อยากเห็นเขากลับไปเดินทางเดิมอีก ฉันห่วงเขาในฐานะเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น"
"แล้วทำไมมันถึงกลับไปอีก" "เพราะความจำเป็นไง แต่จำเป็นอะไร
นายไม่จำเป็นต้องรู้หรอก แล้วนี่นายหายโกรธฉันรึยัง" "ฉันก็ไม่ได้โกรธอะไรนี่
ฉันก็แค่ หึง" ใบไผ่หน้าแดง แว้ดใส่ "นายหมาวัด" "ก็ฉันหวงนี่
ยังไงฉันก็ไม่ชอบให้เธอไปยุ่งไปคุยกับผู้ชายอื่น"
"แล้วนายมาเป็นเจ้าของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ หา" "ไม่เป็นวันนี้
วันหน้าเธอก็ไม่รอดฉันหรอก" ใบไผ่หยิบอะไรใกล้มือได้ก็ปาเข้าไป แต่หน้าแดงเขิน
"ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต" "นี่ พอได้แล้ว ฉันยังไม่หายโกรธร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกนะ
มีข้อแม้อีกหนึ่งอย่างที่เธอต้องทำให้ฉัน ฉันถึงจะยกโทษให้" "อะไรวะ
ไหนว่าไม่โกรธไง เออ เออ อะไรล่ะ" "เย็นนี้เธอห้ามไปไหน เธอต้องทำกับข้าวให้ฉันกิน"
"แค่เนี้ย" "นั่นแหละ ฉันไม่ได้กินข้าวฝีมือเธอมาหลายวันแล้ว มันหงุดหงิด นะ
นะใบไผ่ ทำข้าวเย็นทานด้วยกันนะ" ใบไผ่ทำเป็นเงียบ "จะกินอะไร" วชร วรรษยิ้มออก
สองคนมองหน้ากันอย่างมีความสุขอีกครั้งหนึ่ง ใบไผ่เดินเข้ามาในครัว หน้าตาสดชื่น
สูดหายใจลึก คิดถึงการทำขนมหลังจากไม่ได้ทำมาหลายวัน เริ่มจัดเตรียมของ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เห็นเป็นเบอร์นรารี ใบไผ่หน้าแหย "อะไรอีกเนี่ย ครับ คุณแพน
มีอะไรครับ" "วันนี้คุณเอกว่างมั้ยคะ คุณพ่อชวนทานกลางวันด้วยกันค่ะ"
"คุณพ่อคุณแพนเหรอครับ" "ใช่ค่ะ
คงอยากขอบคุณคุณที่ช่วยเป็นหูเป็นตาให้เรื่องไอ้เสี่ยบ้ากามนั่น มานะคะ
คุณพ่อแพนไม่ชวนใครง่ายๆ นะคะ" "ครับ คุณแพน งั้นเดี๋ยวพบกันครับ
ฝากขอบคุณคุณพยุทธ์ด้วยที่เชิญผม" ใบไผ่วางสายอย่างกังวล วชรวรรษเดินเข้ามาเห็นพอดี
"ใครโทรมาน่ะ" "อ๋อ เอ่อ น้าแก้วน่ะ บอกว่าให้ฉันเข้าไปหาหน่อย มีเรื่องให้ช่วย"
"ตอนนี้เลยเหรอ" "อื้ม งั้นฉันฝากร้านนะ จะได้รีบไปรีบกลับ" "ใบไผ่
อย่าลืมนัดของเรานะ" "ไม่ลืมหรอกน่า ฉันไปนะ" ใบ ไผ่รีบออกไป
วชรวรรษไม่ค่อยไว้ใจนัก จึงฝากให้วิชญ์ช่วยดูร้านแทน แล้วเขาก็รีบสะกดรอยตามใบไผ่ไป
ใบไผ่มาที่ร้านแก้วขวัญ เห็นกระดาษโน้ตติดอยู่กับถุงเสื้อทองเอก
"น้าติดธุระอยู่ช่วยไม่ได้ แต่เตรียมทุกอย่างให้หมดแล้ว ขอให้โชคดี" ใบ ไผ่ดูเวลา
รีบเดินออกไป วชรวรรษเห็นใบไผ่หอบกระเป๋าออกมาจากร้านแล้วขึ้นรถแท็กซี่ไป
วชรวรรษรีบตามไป เห็นใบไผไผ่เข้าไปในโรงแรม เขารีบตามเข้าไปแต่ไม่ทัน ระหว่างนั้น
ใบไผ่เปิดห้องของโรงแรมเพื่อปลอมตัวเป็นทองเอก วชรวรรษนั่ง รออยู่ที่ล็อบบี้
เห็นทองเอกเดินออกมจากลิฟต์ วชรวรรษรีบหลบ เป็นจังหวะเดียวกับที่พยุทธ์
นรารีเดินเข้ามาพร้อมบอดี้การ์ด นรารีเดินเข้ามาหาทองเอก วชรวรรษเห็นสามคนทักทายกัน
พยุทธ์ยิ้มแย้มกับทองเอก "ผมขอโทษที่มองคุณผิดไป" "ไม่เป็นไรครับ
เป็นธรรมดาของคนเป็นพ่อที่มีลูกสาวที่น่ารักอย่างคุณแพนจะไม่ไว้ใจผม"
"แพนดีใจนะคะที่เห็นคุณพ่อกับคุณเอกเข้ากันได้
วันนี้เป็นวันที่แพนมีความสุขมากที่สุดเลยค่ะ" "อย่ามัวแต่พูดกันตรงนี้เลย
พ่อหิวแล้ว ไปกันเถอะ" ผู้จัดการโรงแรมพาทั้งหมดไปที่ห้องอาหาร
วชรวรรษไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงมารวมกันอยู่ที่นี่ รวมทั้งใบไผ่ด้วย เวลา ผ่านไป
วชรวรรษยังนั่งรอดูอยู่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กลุ่มของพยุทธ์เดินผ่านกลับมาจะไปขึ้นรถ
นรารีกลับไปกลับพยุทธ์ ทองเอกรีบกลับไปยังห้องพัก
วชรวรรษตามมาแอบดูเห็นทองเอกเข้าไปในห้อง แล้วสักครู่ใบไผ่ก็เดินออกมา หัวยุ่งเหยิง
ท่าทางลุกลี้ลุกลนรีบเดินออกไป วชรวรรษตาค้าง
ไม่คิดว่าทองเอกกับใบไผ่จะลึกซึ้งกันขนาดนี้ วชรวรรษทั้งโกรธทั้งเสียใจ ผิดหวัง
ใบไผ่รีบกลับมาที่ร้าน จัดอาหารวางบนโต๊ะที่จัดไว้อย่างน่ารักสำหรับสองที่
วชรวรรษเดินกลับเข้าร้านมา สายตานิ่ง ไม่มีความรู้สึกใดๆ เหลืออยู่อีก "นายหมาวัด
ไปไหนมา ฉันนึกว่านายจะเบี้ยวฉันแล้วซะอีก นี่ เป็นไง
รับรองว่าทานแล้วนายต้องหายโกรธฉันเป็นปลิดทิ้ง" วชรวรรษยังนิ่ง
ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ "นายเป็นอะไร มีอะไรรึเปล่า" "วันนี้เธอไปไหนมา" "อ๋อ ฉันเหรอ
ฉันก็ไปทำธุระให้น้าแก้ว แล้วก็ไปซื้อกับ…" "หยุดโกหกได้แล้วใบไผ่
ฉันรู้หมดแล้วว่าเธอไปไหนมา" ใบไผ่หน้าเสีย นึกว่าวชรวรรษรู้เรื่องปลอมตัว
"นายรู้แล้ว" "ใช่ ฉันเห็นหมดทุกอย่าง เรื่องที่เธอนัดแนะไปเจอกับไอ้ทองเอกนั่น
ฉันไม่คิดเลยนะว่าผู้หญิงอย่างเธอจะทำตัวไร้ค่าได้ขนาดนั้น" "นี่ นายพูดอะไรของนาย"
" เธอไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง ไอ้ทองเอกมันเดินลงมากินข้าวกับแฟนมัน
เธอก็ยอมรอมันอยู่ข้างบน ฉันผิดหวังในตัวเธอมากนะใบไผ่
ฉันไม่นึกเลยว่าเธอจะรักมันมากขนาดต้องยอมมันทุกอย่างขนาดนี้"
"นี่นายหยุดพูดจาดูถูกฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ นายไม่รู้จริงอย่าพูดออกมาดีกว่า" "
ไม่รู้จริงเหรอ จนฉันเห็นกับตาทุกอย่าง เธอยังจะโกหกว่าอะไรอีก ไปทำธุระ
ไปช่วยน้าแก้ว เธอจะโกหกฉันอีกทำไม ฉันรักเธอนะใบไผ่
ฉันรักเธอมากกว่าไอ้เฮงซวยนั่นไม่รู้เท่าไหร่ ฉันไม่มีวันทำกับเธออย่างที่มันทำ
แต่ทำไมกับฉัน เธอถึงไม่เคยสนใจเลย ทีกับมัน มันเรียกเมื่อไหร่ เธอก็ต้องไปงั้นเหรอ
ยังงั้นเหรอ ใบไผ่" ใบไผ่กลั้นน้ำตาไว้ "นายดูถูกฉันมากไปแล้วนะ" วชร
วรรษเริ่มอ่อนลง "ฉันไม่ได้ดูถูกเธอเลย ใบไผ่ แล้วฉันก็ไม่อยากให้ใครมาดูถูกเธอ
ไม่อยากให้เธอดูถูกตัวเอง
ที่ไอ้ทองเอกมันทำแปลว่ามันไม่เห็นค่าของเธออย่างที่ฉันเห็น ฉันขอร้องล่ะใบไผ่
หยุดยุ่งกับมันเถอะ ให้มันหายไปจากชีวิตเธอได้มั้ย ใบไผ่" ใบไผ่อึดอัดที่สุด
อยากอธิบาย อยากบอกทุกอย่างแต่ก็ยังพูดไม่ได้ "ใบไผ่" "ไม่ได้ ฉันยังไปจากเขาไม่ได้
มันยังไม่ถึงเวลา" วชรวรรษชะงัก สายตาบ่งบอกความผิดหวัง ความเสียใจทั้งหมด
"ฉันเข้าใจแล้ว" วชร วรรษลุกเดินออกไปเงียบๆ ใบไผ่มองตาม อยากให้ทุกอย่างหยุด
แต่วชรวรรษก็เดินออกประตูไป ทันทีที่ประตูปิด ใบไผ่ปัดจานข้าวกระจาย
ร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่000000000000000 วันรุ่งขึ้น
ใบไผ่เดินออกมาจากในครัวพร้อมถาดขนม ประจันหน้ากับวชรวรรษที่เดินออกมา
ต่างคนต่างจะเดินไปทางเดียวกัน จนชนกันเอง ขนมหกลงพื้น
"มัวแต่ฝันหวานจนเหม่อเหรอไง" "พูดอะไร" "ไม่มีอะไร" ใบไผ่โกรธน้อยใจทนไม่ได้
"ไปเอาผ้ามาทำความสะอาดเดี๋ยวนี้เลย!!" วชรวรรษไม่พูด เดินไปหยิบผ้า ก้มลงเก็บขนม
เช็ดพื้น "ให้ไวหน่อยสิ ลูกค้าจะเข้าร้านแล้วไม่เห็นเหรอไง" วชรวรรษเก็บขนมใส่ถาด
จะเดินไป แต่ใบไผ่ยืนขวาง "หลีก" ใบไผ่ชะงักเจอวชรวรรษทำเสียงดุ ใบไผ่ไม่พอใจ
เดินตามวชรวรรษไป พูดใส่ไม่ยั้ง " นี่ กล้าขึ้นเสียงกับฉันเหรอ
ฉันเป็นคนจ่ายเงินเดือนให้นาย นายเป็นแค่ลูกจ้างของฉัน
ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร" วชรวรรษไม่สนใจ ทำโน่นทำนี่ "ได้ยินฉันหรือเปล่า
ฉันให้เวลานายครึ่งชั่วโมง ทำขนมที่หล่นเมื่อกี๊ให้เสร็จ ถ้าไม่เสร็จ
ฉันจะหักเงินเดือนนาย เข้าใจมั้ย" "แค่นี้ใช่มั้ยเจ้านาย" ใบไผ่เงียบ
วชรวรรษเดินออกไป ใบไผ่หัวเสียเดินไปอีกทาง
เกดกับวิชญ์แอบมองแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ใบ ไผ่เดินถือถาดกลับเข้ามาในครัว
ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าเตา พยายามกลั้นน้ำตาไว้เพราะทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ แต่ก็ไม่ไหว
ใบไผ่รีบเอามือป้ายออกไป วชรวรรษมาแอบมองอยู่ แต่ก็ทำได้แค่นั้น คืน นั้น
วชรวรรษนั่งเศร้าอยู่ที่บ้าน คิดถึงแต่เรื่องใบไผ่
วรรษากับธราทิตย์เดินมาเห็นวชรวรรษ ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความเห็นใจ
จนวรรษาอยากจะบอกความจริงทั้งหมดเรื่องทองเอก แต่ธราทิตย์ห้ามไว้
แล้วขอคุยกับวชรวรรษตามลำพัง "คุณวัชรครับ
คุณวัชรอย่าไปถือสาคำพูดของไอ้ไผ่มันเลยนะครับ มันเลือดจะไป ลมจะมา ก็เลยพูดจาบ้าๆ
บอๆ แต่ผมยืนยันได้นะครับว่าทุกอย่างที่ไผ่ทำ เพราะมันหวังดีกับคุณจริงๆ"
วชรวรรษเอะใจ "รออีกสักพักนะครับ อย่าเพิ่งตัดใจจากไอ้ไผ่
อีกไม่นานคุณจะเข้าใจทุกอย่าง" "นี่คุณพูดเรื่องอะไร ผมไม่เข้าใจ
เพื่อนคุณเขาเลือกที่จะอยู่กับไอ้ทองเอก เขาจะมาทำอะไรเพื่อผม"
"บางครั้งเส้นผมเส้นเล็กๆ มันก็สามารถบังภูเขาลูกใหญ่ๆ ได้มิดเลยนะครับ
เชื่อผมสักครั้งนะครับ คุณวัชร ผมรู้จักเพื่อนผมดี" ใบ ไผ่ วชรวรรษ เกด ทองหยอด
วิชญ์ กำลังช่วยกันจัดร้าน บรรยากาศดูเงียบๆ ไม่สนุกสนานเหมือนเคย
เสียงโทรศัพท์ใบไผ่ดังขึ้นมา ทุกคนสะดุ้ง ใบไผ่หยิบมาดูเบอร์
พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นสายตาอำมหิตของวชรวรรษจ้องอยู่ ใบไผ่เดินออกไปข้างนอก
วชรวรรษมองตาม ทุกคนทำงานต่อเงียบๆ สักพักใบไผ่เดินกลับเข้ามา "เอ่อ
ฉันฝากดูร้านด้วยนะ" วชรวรรษไม่มองหน้าแต่วางของลงดังโครม
ใบไผ่ไม่กล้าสบตาเดินออกไปเลย วชรวรรษขบกรามแน่นทนไม่ไหวเดินตามออกไปหน้าร้าน
"จะไปไหน!!!" "ไม่เกี่ยวกับนาย" "จะไปหาไอ้ทองเอกใช่มั้ย"
"ฉันบอกแล้วไงไม่เกี่ยวกับนาย กลับไปทำงานได้แล้ว" "เป็นเจ้าของร้านภาษาอะไร
ลางานไปหาผู้ชาย" "นี่มันร้านของฉันน ฉันจะทำอะไรก็ได้"
"งั้นฉันก็ขอฟันธงเลยว่าร้านเธอเจ๊งแน่นอน" "ไอ้บ้า!!" "ทำไม มันทนคิดถึงกันไม่ได้
จนต้องไปหากันตลอดเวลาเลยรึไง" ใบ ไผ่ไม่ตอบ มองวชรวรรษด้วยความโกรธ แล้วเดินออกไป
วชรวรรษทั้งโมโหทั้งน้อยใจ เสียใจ เซ็ง กลับไปในร้านนวดแป้งด้วยความโมโห
วิชญ์เดินมาด้อมๆ มองๆ "ผมไม่อยากเชื่อเลยครับว่าคุณไผ่จะไปคว้าไอ้หมอนั่นมาเป็นแฟน
ทั้งๆ ที่นายหล่อกว่า เก่งกว่ามัน มันมีดีตรงไหน" "เลิกพูดชื่อมันได้แล้ว
ฉันไม่อยากฟัง!!" "ขอโทษครับนาย แต่มันก็แปลกนะครับนาย
ผมไม่เคยเห็นคุณไผ่กับไอ้ทองเอกนี่พร้อมๆ กันเลย คบกันภาษาอะไร" วชรวรรษชะงัก
เริ่มสงสัยอะไรบางอย่าง เขาเริ่มประมวลภาพระหว่างใบไผ่กับทองเอก แล้วก็คิดออก
เสี่ยทำนุโกรธแค้นพยุทธ์จึงสั่งให้ลูกน้องหาหลักฐานทุกอย่างเพื่อเปิดโปงพยุทธ์
"ไอ้พยุทธ์ อย่าคิดว่ามึงจะรอด กูจะส่งมึงให้ไปอยู่ในคุก ส่วนไอ้ทองเอก
ใช้วิธีไหนก็ได้ เก็บมันซะ!!" "ครับเสี่ย" นรา รีนั่งดูหนังสือแฟชั่นอยู่
พยุทธ์เดินเข้ามาหาลูกสาว
ระหว่างนั้นคนรับใช้ถือซองเอกสารเข้ามาให้บอกว่ามีคนมาฝากไว้
พยุทธ์เปิดซองเอกสารเห็นสมุดบัญชีรายได้ทางลับที่เสี่ยทำนุคิดจะใช้เปิดโปง
พยุทธ์ตกใจ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พยุทธ์หยิบมือถือขึ้นมาเห็นชื่อเสี่ยทำนุ
"ได้รับของจากฉันแล้วใช่มั้ยไอ้พยุทธ์" "คิดจะขู่ฉันเหรอ" " ทำไมฉันต้องขู่
ในเมื่อฉันไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว นั่นยังแค่ส่วนน้อย ไอ้ที่สำคัญๆ ยังมีอีกเพียบ
ไว้รอถึงมือตำรวจเมื่อไหร่ แกเสร็จแน่" "ถ้าฉันถูกจับ แกก็ต้องโดนจับเหมือนกัน"
"ลำพังฉันไม่เท่าไหร่ ฉันมีทางหนีทีไล่เยอะ แต่แกน่ะสิ ฮึๆๆ ไหนจะลูกสาวแกอีก
ถ้าไม่ถือ ฉันรับเลี้ยงได้นะ" "ไอ้ทำนุ แกจะเอายังไง" "พรุ่งนี้เตรียมเงิน 50
ล้านมาให้ฉัน อย่าตุกติก เพราะฉันมีสำเนาอีกหลายฉบับ" นาท
กับแก้วขวัญนั่งดูแบบการ์ดแต่งงานกันอยู่ ใบไผ่นั่งเศร้าอยู่ด้วย
แก้วขวัญเป็นห่วงความรู้สึกหลานสาว จึงไพยายามไม่ตื่นเต้นกับงานแต่งของตัวเองนัก
"นี่แล้วเราจะทำยังไงต่อไป" "ก็ไม่ทำอะไร
ตอนนี้ไอ้เสี่ยทำนุกับไอ้พยุทธ์มันแตกกันแล้ว ไผ่ว่าเรื่องมันน่าจะจบได้เร็วๆนี้"
"แล้วหลังจากนั้นล่ะ ถ้าคุณวัชรเขาไปจากชีวิตเราจริงๆ ไผ่จะทำยังไง" ใบไผ่เงียบ
เสียงมือถือดังขึ้น ใบไผ่เดินเลี่ยงไปรับสาย "ครับคุณแพน ได้ครับ เดี๋ยวเจอกัน"
"ผู้หญิงคนนั้นอีกแล้วเหรอใบไผ่" "จ้ะ อย่าห้ามไผ่เลยนะน้าแก้ว
ไผ่ต้องไปทำให้มันจบ" ทอง เอกรีบไปหานรารีที่บ้าน นรารีเห็นทองเอกก็โผเข้าหา
บอกว่าเสี่ยทำนุจะเปิดโปงพยุทธ์เธอจะทำอย่างไรดี
ใบไผ่กลับมาที่ร้านคิดถึงเรื่องที่นรารีเล่าให้ฟัง
เหม่อจนไม่ได้ยินเสียงวชรวรรษที่เดินเข้ามาข้างหลัง "คิดอะไรอยู่เหรอครับ
คุณทองเอก" ใบไผ่สะดุ้งเฮือก "เฮ้ย นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่
เมื่อกี้นายเรียกฉันว่าอะไรนะ" "ก็เรียกชื่อคุณไง คุณทองเอก" "นี่
นายพูดบ้าอะไรของนาย ฉันไม่รู้เรื่อง" "เลิกเล่นละครได้แล้ว ใบไผ่
ฉันว่ามันถึงเวลาที่เราต้องคุยกันจริงๆ แล้ว"
วชรวรรษปิดประตูล็อคแน่นหนาก่อนจะหันกลับมาหาใบไผ่ "เล่ามา
เธอปลอมตัวเป็นทองเอกได้ยังไง" "ฉันก็ไปหาน้าแก้ว แล้วก็เอาผ้าพันหน้าอก ใส่วิก"
"อย่ามาตลก ใบไผ่ วันนี้ถ้าฉันไม่ได้ความจริงจากเธอฉันไม่ปล่อยเธอไปแน่"
ใบไผ่รู้ว่าวชรวรรษเอาจริง "ตอนแรกฉันก็แค่อยากจะแก้แค้นนายที่มาทำร้านฉันพัง
ฉันก็เลยจะสั่งสอนนาย" "ด้วยการมาแย่งผู้หญิงของฉันไป" ใบไผ่หน้าตึง "แหม
พูดชัดเชียวนะ ผู้หญิงของฉัน" "ใบไผ่ อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง
เธอก็รู้ว่าฉันไม่เคยรักคุณแพนเลย" "ก็นั่นแหละ แล้วพอสุดท้าย ฉันก็เลยเลิกไง"
"แล้วตอนนี้ นายทองเอกกลับมาอีกทำไม" ใบไผ่อึกอัก "ใบไผ่ เราพูดกันดีๆ ตรงๆ
ไม่ได้เหรอ โตๆ กันแล้ว เธอมีอะไรเธอก็บอกฉันได้นี่"
ใบไผ่เห็นแววตาที่จริงใจแต่คาดคั้นของวชรวรรษก็รู้ว่าคงปิดต่อไปไม่ได้ "
ฉันไม่อยากให้นายกลับไปเป็นเจ้าพ่ออีก นายพยายามจะเป็นคนดีก็เพราะ เพราะฉัน
แต่พวกมันก็ตามราวีนายไม่เลิก ฉันกลัวว่าถ้าวันนึงนายทนไม่ได้ นายจะ…"
"จะกลับไปเป็นเจ้าพ่ออีก" ใบไผ่พยักหน้า
"แต่เธอก็ไม่น่าจะต้องเอาตัวเข้าไปแลกขนาดนั้นนี่ มันอันตรายมากรู้มั้ยใบไผ่
ถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะทำยังไง" ใบ ไผ่น้ำตาคลอ "แล้วถ้านายเป็นอะไรขึ้นมา
ฉันจะทำยังไง ฉันไปได้ยินมาว่าไอ้เสี่ยทำนุมันตั้งใจจะฆ่านาย
ตราบใดที่มันยังลอยนวลอยู่ ฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่ามันจะไม่กลับมาฆ่านาย"
วชรวรรษเข้าใจทุกอย่าง ดึงใบไผ่มากอด "ใบไผ่ ฉันขอโทษที่เข้าใจเธอผิด"
"แต่นายยังไม่ตอบฉันเลยว่าคืนนั้นนายไปที่โกดังอีกทำไม" "
ก็เหตุผลเดียวกับเธอนั่นแหละ ไอ้เสี่ยทำนุมันรู้จุดอ่อนของฉัน
มันพูดว่ามันจะทำลายคนรอบข้างฉันทั้งหมด ฉันยอมให้ใครมาทำร้ายเธอกับยายฝนไม่ได้
ทีนี้ นายทองเอกจะหายไปจากชีวิตเธอได้รึยัง" "ยัง เรื่องมันใกล้จะจบแล้ว
อะไรที่ฉันเริ่มไว้ ฉันต้องจบมันให้ได้ อย่าห้ามฉันเลยนะ" "ฉันไม่ห้าม
แต่ฉันจะไม่ให้เธอไปคนเดียว!!" ใบ
ไผ่แอบมาที่ร้านแก้วขวัญเพื่อเปลี่ยนชุดเป็นทองเอกอีกครั้ง
วชรวรรษล่วงรู้เข้าจึงแอบตามมาที่ร้าน
และสวมรอยเป็นแก้วขวัญช่วยส่งอุปกรณ์ปลอมตัวให้ใบไผ่ แต่ใบไผ่อยู่ในห้องลองเสื้อ
ไม่รู้เรื่อง คิดว่าเป็นแก้วขวัญ "ไผ่จะเป็นทองเอกครั้งสุดท้ายแล้วค่ะน้าแก้ว"
"เธอคิดจะทำอะไรโดยไม่บอกฉันอีกแล้วนะใบไผ่" ใบไผ่สะดุ้งหันมาเห็นว่าเป็นวชรวรรษ
ใบไผ่หลบตา "ฉันก็แค่ปลอมตัวเข้าไปสังเกตการณ์เท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรหลอกนายหมาวัด"
วชรวรรษจับบ่าทั้งสองข้างของไผ่ "ใบไผ่ ฉันรู้นะว่าเธอกำลังจะทำอะไร
ทำไมเธอต้องปิดบังฉันตลอดเวลา เพราะอะไร ฉันไม่มีความสำคัญอะไรกับเธอเลยใช่มั้ย"
ใบไผ่อึ้งลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเข้ามาหาวชรวรรษ กอดชายหนุ่มทางด้านหลัง
"ก็เพราะนายเป็นคนสำคัญของฉันน่ะสินายหมาวัด
ฉันไม่อยากให้นายเข้าไปเกี่ยวข้องกับพวกนั้นอีก"
ใบไผ่ปล่อยมือที่กอดวรรษออกเดินไปตรงหน้า จับมือวชรวรรษไว้ทั้งสองข้าง
"เชื่อใจฉันเถอะนะ ฉันจัดการทุกอย่างได้ ฉันเตรียมแผนการไว้หมดแล้ว"
วชรวรรษดึงใบไผ่เข้ามากอด "ฉันเชื่อใจเธอใบไผ่
แต่เธอจะไปที่นั่นโดยไม่มีฉันไม่ได้เด็ดขาด" ใบไผ่ดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของวชรวรรษ
"ฉันยอมให้เธอเป็นนายทองเอกครั้งสุดท้าย
ส่วนฉันก็จะเป็นเจ้าพ่อครั้งสุดท้ายเหมือนกัน" "นายหมาวัด" "พร้อมหรือยัง
นายทองเอก" "พร้อมแล้วฮะ เจ้าพ่อ" ใบไผ่ยิ้ม
หอมแก้มวชรวรรษหนึ่งทีโดยที่วชรวรรษไม่ทันตั้งตัว แล้วเดินออกไปด้วยความเขิน
วชรวรรษยืนอึ้ง จับแก้มตัวเองยิ้มอยู่คนเดียว พยุทธ์ เตรียมเงินเต็มกระเป๋า
พร้อมปืน นั่งรถออกไปกับลูกน้อง นรารีเป็นห่วงพ่อ ตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาทองเอก
ขณะนั้น วชรวรรษขับรถโดยมีใบไผ่นั่งอยู่ข้างๆ เสียงโทรศัพท์ใบไผ่ดังขึ้น
ใบไผ่หยิบขึ้นมาดู "คุณแพน" วชรวรรษคว้าโทรศัพท์มากดทิ้ง
แล้วเปลี่ยนมาจับมือใบไผ่ไว้ "รีบจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จ
ส่วนเรื่องคุณแพนค่อยจัดการทีหลัง" นรารีหงุดหงิดที่โทรไม่ได้ พยายามโทรอีกครั้ง
แต่ก็โทรไม่ติด หัวเสียโยนโทรศัพท์ทิ้ง พลันได้ยินเสียงกุกกัดที่ประตู "ใครน่ะ
ฉันถามว่าใคร" ทุกอย่าง เงียบสงบ นรารีชักใจไม่ดี เดินมาที่หน้าประตู
แล้วปิดประตูล็อค ถอนใจโล่งอก หันหลังกลับมา แล้วตกใจสุดขีด
ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดลง ทอง เอกเดินมาเจอลูกน้องยืนอยู่ที่หน้าโกดัง
ลูกน้องมองไม่ไว้ใจ ทองเอกวางมาดเป็นปกติไม่ให้มีพิรุธ บอกว่าพยุทธ์สั่งให้ตามมา
ลูกน้องมองทองเอกอยู่ครู่ก่อนจะปล่อยให้เดินเข้าไป พอลูกน้องเผลอ
วชรวรรษที่ซุ่มอยู่ก็เข้ามาจัดการลูกน้องสลบ วชรวรรษกับทองเอกรีบเข้าไปข้างใน
เสี่ยทำนุยืนถือซองเอกสารรออยู่ ระหว่างนั้นพยุทธ์หิ้วกระเป๋าเงินเข้ามาประจันหน้า
พยุทธ์ส่งเงินให้ในขณะที่เสี่ยทำนุส่งหลักฐานทั้งหมดให้ เสี่ยทำนุหัวเราะชอบใจ
"ฮ่าๆๆ หวังว่าคงไม่ต้องเจอกันอีกนะพยุทธ์" พยุทธ์ยิ้มเจ้าเล่ห์
"แกกับฉันไม่มีทางเจอกันแน่" พยุทธ์ชักปืนออกมาจ่อเสี่ยทำนุทันที เสี่ยทำนุตกใจ
"อย่านะเว้ย ลูกน้องฉันอยู่เต็มโกดัง"
"แน่ใจเหรอว่าลูกน้องแกยังพร้อมที่จะช่วยเหลือแก ในเมื่อแกยังหักหลังฉันได้
แล้วทำไมลูกน้องแกจะหักหลังแกไม่ได้"
เสี่ยทำนุชะงักหน้าเสียหันไปมองไม่เห็นมีใครเข้ามา
"ลูกน้องแกถูกฉันซื้อตัวไปหมดแล้ว ตอนนี้แกไม่เหลือใครแล้วไอ้ทำนุ" เสี่ย
ทำนุหน้าเหรอหรา กำลังจะชักปืน แต่พยุทธ์ไวกว่ายิงไปที่มือเสี่ยทำนุ
เสี่ยทำนุร้องลั่น พยุทธ์ยิงขาเสี่ยทำนุสองข้างจนทรุดลงไปกองกับพื้น " ไอ้พยุทธ์
แกคิดว่าแกชนะฉันแล้วงั้นเหรอ เฮอะ แกอยากฆ่าฉันให้ตายก็เชิญเลย
แต่แกจะไม่มีวันรู้เลยว่าตอนนี้ลูกสาวแกกำลังถูกพาไปขายซ่องประเทศไหน"
"แกทำอะไรลูกสาวฉัน" "ก็หางานที่เหมาะสมให้ลูกสาวแกทำไง" "ไอ้สารเลว!!" พยุทธ์
ยิงเปรี้ยงเข้าแสกหน้าเสี่ยทำนุ ร่างเสี่ยทำนุค่อยๆ ล้มลงตายตาเบิกโพลง
พยุทธ์จุดไฟเผาหลักฐานต่างๆ
แล้วโยนไปบนร่างของเสี่ยทำนุก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเงิน เดินออกไปอย่างเลือดเย็น
ทันใดนั้นทองเอกเข้ามายืนขวางไว้ "คิดว่าจะหนีไปได้เหรอคุณพยุทธ์" "ทองเอก
นี่แกคิดจะทำอะไร" "ฉันไม่ใช่ทองเอก นายทองเอกน่ะไม่มีตัวตน ฉันเป็นคนของคุณวชรวรรษ
วชิรธาน คนที่แกหลอกใช้เขาไง จำได้มั้ย" "บัดซบเอ๊ย จริงอย่างที่ไอ้ทำนุพูด
แกเข้ามาตีสนิทยายแพนเพื่อต้องการให้ฉันกับเสี่ยทำนุแตกคอกันใช่มั้ย"
"ไม่ใช่วิธีนี้แล้วฉันจะจัดการกับอสรพิษอย่างพวกแกได้ยังไง" "แต่มันก็สายไปแล้ว
ฉันทำลายหลักฐานทุกอย่างไปพร้อมๆ กับไอ้ทำนุไปหมดแล้ว ฮึๆๆ แกพลาดแล้ว"
"ใครกันแน่ที่พลาดครับคุณพยุทธ์" พยุทธ์หันไปเห็นวชรวรรษเดินเข้ามา
พร้อมกับกล้องวิดีโอตัวเล็ก "หลักฐานทุกอย่างอยู่ในนี้หมดแล้ว"
พยุทธ์ตกใจที่ถูกแอบถ่าย เงื้อปืนจะยิงใบไผ่แต่เสียงเปรี้ยงดังขึ้น
พยุทธ์ถูกยิงมือจนปืนกระเด็น หันไปเห็นธราทิตย์พาตำรวจเข้ามา
"คุณไม่มีทางหนีแล้วครับคุณพยุทธ์ มอบตัวซะเถอะ" พยุทธ์ กัดฟันแน่นเจ็บใจไม่ยอม
แต่ตำรวจกรูเข้ามาล้อมเอาปืนจ่อ พยุทธ์ถึงกับหมดแรงทรุดลงกับพื้น
ตำรวจเข้ามาจับพยุทธ์ใส่กุญแจมือ พยุทธ์หันไปมองใบไผ่ด้วยความเคียดแค้น
"ฉันประมาทไอ้วชรวรรษเกินไป ไม่คิดว่าจัดการกับเจ้าพ่ออย่างมันได้แล้ว
จะยังเหลือเจ้าแม่ช่วยมันอีกคน" ตำรวจช่วยกันพาพยุทธ์ออกไป
วชรวรรษกับใบไผ่หันมามองหน้ากัน ยังมีอีกเรื่องที่ต้องจัดการ บริเวณ โกดังท่าเรือ
นรารีโดนมัดมือมัดเท้าสลบอยู่ สักพักเธอเริ่มรู้สึกตัว ค่อยๆ ลืมตา แล้วก็ตกใจ
แต่ร้องไม่ได้เพราะมีผ้าปิดปากไว้อยู่ สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวจบตอน 23
แม่ค้าขนมหวาน 24 (ตอนอวสาน) นรารีมองซ้ายมองขวา พยายามหาทางหนีทีไล่
สักพักได้ยินเสียงลูกน้องเสี่ยทำนุคุยโทรศัพท์ นรารีพยายามตะแคงหูฟัง "อะไรนะ
เสี่ยตายแล้ว แล้วจะเอายังไงกับอีผู้หญิงนี่ล่ะ" นรารีตกใจ คิดหาทางหนี ระหว่างนั้น
รถของใบไผ่กับวชรวรรษเข้ามาจอด มือถือใบไผ่สั่น ใบไผ่หยิบมามองก่อนจะกดรับ
"ว่าไงมาร์ค ตำรวจกำลังมา ขอบใจนะ" วชรวรรษขอพูดโทรศัพท์กับธราทิตย์ "มาร์ค
คุณช่วยไปดูยายฝนให้ผมหน่อย ผมยังไม่ค่อยไว้ใจ ยังไงผมฝากดูแลน้องสาวผมด้วย"
ใบไผ่ฟังแล้วเหมือนเป็นลางไม่ดี "ทำไมต้องพูดจายังงั้นด้วย
ยังไงนายก็ต้องกลับไปดูแลน้องฝน" "ก็ฝากไว้ก่อน" "ปากเสีย" "รีบเข้าไปกันก่อนเถอะ
ผมกลัวว่าคุณแพนจะไม่ปลอดภัย" นรา รียังคิดหาทางอยู่ ประตูเปิดออก
ลูกน้องเสี่ยสองคนเข้ามาดึงที่ปิดปากให้นรารี นรารีขอร้องให้ปล่อยเธอไป
แต่คนร้ายไม่สนใจชักปืนออกมาเล็ง วชรวรรษกับใบไผ่ในคราบทองเอกพังประตูเข้ามาพอดี
"คุณเอก!!" ลูก น้องไม่สนใจ จะยิงนรารี วชรวรรษตกใจ เอาตัวเข้าไปบังไว้ จนถูกยิง
นรารีตกใจ คนร้ายหัวเสีย จะยิงทุกคน วิชญ์เข้ามายิงจากทางด้านหลังคนร้ายตายสนิท
ใบไผ่โผเข้ามากอดวชรวรรษไว้แน่นด้วยความเป็นห่วง นรารีมองทองเอกแปลกใจ
เห็นทองเอกถอดวิกออกเป็นใบไผ่ นรารีตกใจ เป็นลมล้มตึงไป
วชรวรรษถูกเข็นพาขึ้นรถพยาบาล ใบไผ่ขึ้นรถไปด้วย เธอกุมมือวชรวรรษแน่น ร้องไห้
"นายหมาวัด อดทนหน่อยนะ" "ไผ่" "อย่าเพิ่งพูดอะไร รอให้ถึงโรงพยาบาลก่อน"
วชรวรรษจับมือใบไผ่แนบไว้ที่อก น้ำตาไหล ใบไผ่เองก็ร้องไห้ไม่หยุด
"แต่งงานกับฉันนะใบไผ่" "ฉันบอกว่าอย่าเพิ่งพูดไง
ทำไมนายชอบขัดคำสั่งฉันอยู่เรื่อย" "รับปากฉันสิใบไผ่ รับปากฉัน
ฉันรอให้เธอรับปากฉันอยู่นะ" วชรวรรษมองใบไผ่ เจ็บจนจะทนไม่ไหว
ใบไผ่น้ำตาไหลอาบแก้ม "ตกลง ฉันตกลงแต่งงานกับนาย ฉันจะแต่งงานกับนาย
แต่นายต้องห้ามตายนะนายหมาวัด" วชรวรรษหมดสติไปทันที ใบไผ่ตกใจ เมื่อมาถึงโรงพยาบาล
ใบไผ่ยืนอยู่หน้าห้อง มาร์คกับฝนวิ่งเข้ามา "พี่ไผ่ พี่วัชรเป็นยังไงบ้าง"
ใบไผ่ปล่อยโฮ "พี่ไม่รู้ หมอยังไม่ออกมาเลย พี่ไม่อยากให้เขาตายฝน พี่รักเขา"
ใบไผ่ร้องไห้ กอดวรรษาแน่น ธราทิตย์เอามือจับหลังใบไผ่ปลอบใจ
"คุณวัชรต้องไม่เป็นอะไร คำว่ารักเขาของแก
ฉันว่ามันดังเข้าไปในห้องให้เขาได้ยินแน่" "ฉันรักเขา ฉันรักเขา!!"
ใบไผ่ตะโกนออกมาสุดเสียงแล้วร้องไห้ไม่หยุด ตอนเย็น ใบไผ่นั่งนิ่งอยู่
ตาแดงแต่ไม่มีน้ำตาอีก ธราทิตย์เดินมามองเพื่อนอย่างเป็นห่วง " มาร์ค
แกไปบอกหมอให้ฉันทีสิ ให้เขาเอาอะไรจากฉันไปก็ได้ เอาเลือด เอาอะไรไปก็ได้
แต่อย่าให้เขาเป็นอะไรไปนะ มาร์ค แกไปบอกเขาสิ ไปสิ" "ไผ่ แกใจเย็นๆ คุมสติดีๆ
คุณวัชรต้องไม่เป็นอะไร แกเชื่อฉันสิไอ้ไผ่" "ฉันรักเขา ฉันรักเขา แกได้ยินมั้ย
ไอ้มาร์ค ฉัน ฉัน..." "ฉันรู้ไผ่ ฉันได้ยินแล้ว
แต่แกเคยบอกเขารึเปล่าว่าแกรักเขาแค่ไหน" ใบไผ่อึ้งไป มองเพื่อน
"ทำไมถึงต้องรอให้คุณวัชรเขาเจ็บขนาดนี้ แกถึงจะยอมรับ รักเขาแกก็บอกเขาไปเลย
จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลังอย่างนี้" ใบไผ่เดินมาที่ประตู มองเข้าไปในห้อง
วรรษาเดินมาข้างหลัง "พี่วัชรต้องปลอดภัยค่ะ พี่ไผ่
ฝนรู้ว่าพี่ชายฝนต้องไม่เป็นอะไร" วรรษา พูดไปก็ร้องไห้ไป ใบไผ่หันมากอดวรรษาไว้
สองคนกอดกันร้องไห้ ธราทิตย์มองเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
หมอกำลังพยายามช่วยชีวิตวชรวรรษไว้สุดความสามารถ
จิตสำนึกของวชรวรรษมีแต่ภาพของใบไผ่ ใบไผ่ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
นั่งมองไปที่ประตูน้ำตาไหลเงียบๆ ประตูเปิดออก หมอเดินออกมา ใบไผ่พุ่งเข้าไปคนแรก
หมอมองหน้าทุกคนสีหน้าไม่ดีนัก เวลาต่อมา ใบไผ่ วชรวรรษ วรรษา ธราทิตย์ กริช อุบล
แก้วขวัญ นาท ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า มีวชรวรรษนอนอยู่บนเตียง
ทุกคนรุมกันป้อนข้าวป้อนขนม ใบไผ่เหลือบมอง นั่งหน้าหงิกขี้อิจฉาอยู่มุมหนึ่ง "ดีนะ
ทีไผ่เข้าโรงพยาบาลไม่เห็นมีใครมาเยี่ยมสักคน กินแต่น้ำเกลือ ทีกับคนอื่น
รุมกันเข้าไป ระวังจะจุกตายนะนั่นน่ะ" "คนอื่นที่ไหนเล่า
ออกจากโรงพยาบาลก็เป็นคนในครอบครัวแล้ว เนอะพ่อวัชรเนอะ" "ลุง หยุดพูดไปเลยนะ"
"นั่นน่ะสิ ไอ้แก่ ยังไงหลานเราก็เป็นผู้หญิงนะ" "ใช่ป้า" "สินสอดไม่แพงหรอกค่ะ
คุณวัชร" "ป้า!!" "ก็มันจริง อย่าเล่นตัวนักเลย ไอ้ไผ่
หลุดจากคุณวัชรแล้วป้าก็ไม่เห็นใครแล้วนะ" วชร วรรษยักคิ้วยิ้มให้
ใบไผ่ค้อนแต่ก็พยายามหุบยิ้มไปด้วย สักพักทุกคนเตรียมตัวจะกลับ ใบไผ่จะไปด้วย
อุบลขวางไว้ สั่งให้ใบไผ่อยู่เฝ้าไข้วชรวรรษ ใบไผ่จะเถียง
แต่ทุกคนก็เดินออกไปแล้วปิดประตูใส่หน้า ใบไผ่ละล้าละลัง ไม่รู้จะทำอย่างไร
วชรวรรษอ้อนทันที "ใบไผ่" ใบไผ่เขินหน้าแดง สงบสติก่อนจะหันมาตีหน้ายักษ์ใส่
"หิวน้ำ" ใบไผ่เดินไปเทน้ำ เอามาให้ "ป้อนด้วย" "อย่ามั่ว
มือนายใช้ไม่ได้ข้างเดียว" "แต่อีกมือฉันไม่ถนัด ป้อนหน่อยไม่ได้เหรอไง
เลิกใจดำกับฉันสักทีเถอะนะ" "พูดมาก น่ารำคาญ นายน่าจะโดนยิงที่ปาก
จะได้เป็นใบ้ไปเลย" "ถ้าฉันเป็นใบ้ ใครจะบอกรักเธอ" ใบไผ่เขิน "กินเข้าไปเลย
อย่าพูดมาก" วชรวรรษดูดน้ำไปยิ้มไป พยาบาลเดินเข้ามา "ได้เวลาเช็ดตัวคนไข้แล้วค่ะ"
"เดี๋ยวให้ภรรยาผมเช็ดให้ก็ได้ครับ" ใบไผ่ตกใจ พยาบาลยิ้มๆ แล้วเดินออกไป
"นายหมาวัด ฉันกับนายยังไม่ได้เป็นอะไรกัน" "โกหกมันบาปนะ
ฉันได้ยินที่เธอพูดตอนที่ฉันถูกยิง เธอบอกว่าเธอตกลงแต่งงานกับฉัน"
"นายได้ยินด้วยเหรอ" วชรวรรษยักคิ้ว ใบไผ่พูดไม่ออก เขิน เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ใบไผ่คิดว่าใครลืมอะไรเลยเดินไปเปิด "คุณแพน!!" นรารีเดินมาที่เตียงวชรวรรษ
ใบไผ่ยืนอยู่ห่างๆ ทำหน้าไม่ถูก "แพนนึกว่าคุณจะตายแล้วซะอีก"
วชรวรรษมองหน้าแต่ไม่ตอบโต้ "แต่ก็ดีค่ะ ถ้าคุณตายแพนก็ต้องมานั่งรู้สึกผิดอีก
ทำไมต้องทำหน้าอย่างนี้กันด้วยล่ะคะ แพนแค่จะมาขอบคุณ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตแพนไว้"
"คุณแพนครับ" " แพนยังพูดไม่จบค่ะ แพนต้องขอบคุณที่คุณสองคนช่วยให้พ่อของแพนโดนจับ
ขอบคุณคุณทองเอก ที่หลอกลวงแพนทุกอย่าง คุณสองคนคงมองว่าแพนโง่งี่เง่ามาก" "คุณแพน
มันไม่ใช่" ใบไผ่พยายามจะอธิบาย "อย่าอธิบายเลยค่ะ อธิบายให้ตาย
ฉันก็ไม่มีวันเข้าใจ คุณมาช่วยฉันไว้ทำไม" นรารีหันมาถามวชรวรรษ
"ผมกับใบไผ่ก็ทำผิดกับคุณเหมือนกัน" " คุณไม่ได้ทำอะไรเลย คุณวัชร
คุณต่างหากที่โดนแพนกับพ่อหลอกใช้มาโดยตลอด คุณคิดว่าการที่คุณมารับกระสุนแทนแพน
มันจะช่วยลบล้างความผิดที่แฟนคุณทำไว้กับแพนได้เหรอคะ" "ฉันรู้ว่าจริงๆ
แล้วคุณเองก็ไม่ได้ยินดีกับสิ่งที่พ่อคุณทำ" ใบไผ่พูดขึ้น " แต่เขาก็เป็นพ่อฉัน
แต่ก็เอาเถอะ ฉันมาวันนี้ก็แค่จะมาดูน้ำหน้าให้ชัดๆ ว่าความจริงมันเป็นยังไง
ฉันมันโง่เองที่มองไม่เห็นว่าความจริงมันคืออะไร"นรารีมองใบไผ่ก็เห็นแต่หน้าทองเอก
" ช่างมันเถอะค่ะ แพนจะอโหสิกรรมให้คุณทั้งสองคน ขอให้มีความสุขกันจนตาย
แต่หวังว่าชาตินี้คงไม่ต้องพบต้องเจอกันอีก" นรารีเดินออกไปทันที
วรรษากำลังทำสปาเก็ตตี้อยู่ในครัวที่บ้าน โดยมีธราทิตย์คอยช่วยอยู่ข้างๆ
"เดี๋ยวนี้ฝีมือคุณฝนพัฒนาไปไกลมากเลยนะครับเนี่ย อย่างกับมืออาชีพ" "แน่นอน"
"แล้วไอ้เรื่องหัวใจของเราสองคน มันพัฒนาหรือยังครับ" วรรษาเขิน "พูดอะไร
ฉันไม่เข้าใจ" "คุณฝน พี่ชายคุณกับเพื่อนผมแฮปปี้เอนดิ้งกันแล้ว
แล้วผมกับคุณล่ะครับ จะถึงตอนจบหรือยัง แต่ผมขอจบแบบมีความสุขตลอดไปนะครับ"
"ฉันกับนายยังรู้จักกันไม่เท่าไหร่" "เรื่องเวลาไม่เกี่ยว มันสำคัญตรงหัวใจ"
ธราทิตย์ขยับตัววรรษาให้มายืนตรงกับตัวเอง "แค่นี้หัวใจเราก็ตรงกันแล้วครับ" "แหวะ"
วรรษาเบ้หน้า หันไปหยิบจานสปาเกตตี้ขึ้นมา ธราทิตย์ไม่ยอมลดละ
"คุณฝนตอบผมมาก่อนสิครับ" " หลีกไป" ธราทิตย์ส่ายหัว วรรษาไปทางไหน
ธราทิตย์ก็ขวางไม่ให้ไป วรรษาพลาดทำจานสปาเก็ตตี้แปะเข้าไปที่เสื้อธราทิตย์เต็มๆ
ธราทิตย์กับวรรษาอึ้ง "อย่ามาโทษฉันนะ" ใบไผ่กับวชรวรรษ และวิชญ์เดินเข้ามาในบ้าน
ป้าแหวววิ่งเข้าไปรับด้วยความดีใจที่วชรวรรษออกจากโรงพยาบาล "แล้วนี่ฝนอยู่ไหนครับ"
"คุณฝนอยู่กับคุณมาร์คข้างบนค่ะ" วชร วรรษตกใจ รีบเดินขึ้นไปชั้นบน
ขณะนั้นธราทิตย์ถอดเสื้อตัวที่เปื้อนซอสออก วรรษถือเสื้อของวชรวรรษมาให้เปลี่ยน
ธราทิตย์สวมหัว แต่หัวใหญ่เกินไปเลยไม่เข้า "คุณฝนช่วยผมด้วย" วรรษาเข้ามาใกล้ช่วย
ดึงเสื้อให้ลงมาที่คอ ทันใดนั้นประตูเปิดเข้ามาอย่างแรง
วรรษากับธราทิตย์หันไปเห็นวชรวรรษกับใบไผ่ วชรวรรษเข้าใจผิด "แกทำอะไรน้องสาวฉัน"
ธราทิตย์รีบผละออกห่างวรรษาหน้าตื่น เสียงปืนดังปัง ธราทิตย์ถือรองเท้าวิ่งออกมา
หันไปเจอวชรวรรษถือปืน ใบไผ่กับวรรษารีบเข้ามาห้าม "พี่วัชรอย่ายิงนายมาร์คนะคะ
มันไม่ใช่อย่างที่พี่วัชรเข้าใจ" "ไม่ใช่อย่างที่พี่เข้าใจแล้วมันอย่างไหน
พี่เห็นมันถอดเสื้ออยู่ในห้องของเรานะ" "นายวชรวรรษ
อย่าสักแต่หวงน้องไม่เข้าท่าได้มั้ย มีสติหน่อย" "เท่านี้ผมก็มีสติที่สุดแล้ว แก
ไอ้มาร์ค คิดตีท้ายครัวน้องสาวฉันตอนที่ฉันนอนเจ็บอยู่โรงพยาบาลเหรอวะ"
ธราทิตย์ชักโมโห "แล้วถ้าผมจะทำแบบนั้น คุณจะทำไม ในเมื่อผมกับน้องสาวคุณรักกัน"
"ไอ้มาร์ค" วชรวรรษจะเข้าไปเล่นงานธราทิตย์ วรรษากับใบไผ่รีบล็อคแขนห้าม "พอสักที
ฝนไม่ใช่เด็กแล้วนะพี่วัชร" "แต่ไม่ว่ายังไงฝนก็ยังเด็กในสายตาของพี่" "นี่คุณวัชร
ก่อนจะมาด่าคนอื่น แล้วคุณกับเพื่อนผมล่ะ" "ไอ้มาร์ค ฉันเกี่ยวอะไรด้วยวะ" ใบไผ่งง
"ทำไมจะไม่เกี่ยว คุณเองก็ชอบแต๊ะอั๋งเพื่อนผมเหมือนกัน เห็นชอบกอดมั่งล่ะ
จับมั่งล่ะ ตัวอย่างดีๆ ทั้งนั้น" "ไอ้นี่" วชรวรรษผลักใบไผ่กับวรรษาออกไป
เดินถือปืนไปหา ธราทิตย์ตาเหลือก วรรษารีบเข้ามาขวาง "หลีกไปยัยฝน"
"พี่วัชรเป็นบ้าอะไร คิดจะกลับไปเป็นมาเฟียอีกเหรอ ถึงเที่ยวยิงคนอื่นเขาแบบนี้"
วชรวรรษนิ่งไป พยายามใจเย็น "พี่จะอนุญาตให้ฝนคบกับมันก็ได้
แต่แกต้องรอให้ยัยฝนเรียนจบปริญญาเอกก่อน" "ถ้าเป็นแบบนั้น
ผมว่าคุณฝนขึ้นไปเก็บกระเป๋าแล้วหนีตามผมมาเลยดีกว่า" "ไอ้มาร์ค!!!"
ธราทิตย์รีบเผ่นแนบออกไป วชรวรรษหันไปมองวรรษากับใบไผ่ต่างก็มองค้อนเขา
"เป็นอะไรกัน ตกลงฉันผิดเหรอ" 000000000000000
แก้วขวัญและนาทพากันมาหาย่าใหญ่เพื่อขอนุญาตแต่งงาน ย่าใหญ่อนุญาต
นาทกับแก้วขวัญดีใจ "เรื่องของเธอสองคนก็ลงเอยกันแล้ว
แต่ฉันยังมีอีกเรื่องที่อยากคุยด้วย" ใบไผ่กำลังทำขนม ธราทิตย์ยืนอยู่ข้างๆ
"แฟนแกนี่มันโหดจริงๆ ถ้าฉันถูกยิงพิการทำงานไม่ได้ แกต้องรับผิดชอบ" "สมน้ำหน้า
อยากปากเสียเอง" "ไม่ทันไร เข้าข้างสามีแล้วเหรอ" "ไอ้นี่ ท่าทางอยากโดนยิงจริงๆ
มั้ง" "อ้ะล้อเล่น" ใบไผ่หันไปทำขนมต่อ
ธราทิตย์ชะโงกหน้าเขามาดูเห็นใบไผ่ทำขนมรูปร่างแปลกตา "แล้วนี่แกทำขนมอะไร
หน้าตาไม่เคยเห็นเลยว่ะ" "ขนมมงคลสำหรับงานแต่งงาน กำลังฝึกทำอยู่"
"ใช้ในงานแต่งงานแกกับคุณวัชรเหรอ" "ไม่ใช่ งานแต่งงานของอานาทกับน้าแก้ว"
นาทกับแก้วขวัญเดินเข้ามา สีหน้าไม่ค่อยดี ใบไผ่สังเกตเห็น
"น้าแก้วกับอานาทมีอะไรกับไผ่รึเปล่า ท่าทางแปลกๆ" "ไผ่จ๊ะ
คุณย่าใหญ่อยากเจอไผ่กับคุณวัชรน่ะจ้ะ" "เรื่องอะไรเหรอน้าแก้ว" "ไม่รู้
คุณย่าบอกแค่ว่าเป็นเรื่องสำคัญ" ใบไผ่กับวชรวรรษไปที่บ้านย่าใหญ่ในวันรุ่งขึ้น
"ใบไผ่ มาคุยกับฉัน ส่วนคุณ รอที่นี่" ใบไผ่หันไปมองวชรวรรษ ต่างคนต่างเป็นห่วง
ใบไผ่ตามย่าใหญ่ไปตรงมุมหนึ่ง " เอาล่ะ ฉันรู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้ว
รวมทั้งเรื่องที่เธอปลอมตัวไปช่วยจับผู้ร้ายให้หมอนั่นด้วย
เธอรักผู้ชายคนนี้มากจนยอมเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับพวกเสือพวกจระเข้
ขนาดนั้นเลยเหรอ" "ค่ะย่าใหญ่" "ฉันไม่เข้าใจ ผู้ชายที่ไม่เป็นผู้ชาย
ต้องให้ผู้หญิงออกหน้า ทำไมถึงรักเข้าไปได้" "เพราะแค่รักไงคะคุณย่า
แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว" "ความรักมันเหมือนขนมอาบยาพิษ อาจจะหอมหวานในตอนแรก
แต่พอผ่านไป มันจะฆ่าเธอ เธอแน่ใจแล้วเหรอที่จะให้ผู้ชายคนนี้เป็นสามี"
วชรวรรษมองใบไผ่กับย่าใหญ่เป็นห่วงจนทนไม่ไหวเดินเข้ามาหา "คุณย่าครับ"
"ฉันบอกให้คุณรอก่อนไง" "ผมรู้ครับว่าคุณย่าจงใจให้ผมได้ยิน ผมรู้ว่าผมไม่ใช่คนดี
แต่ผมรักหลานสาวคุณย่าจริงๆ นะครับ" "นายวัชร!!" " เอาล่ะ
ฉันซาบซึ้งที่เห็นเธอรักใบไผ่ ที่ฉันเรียกเธอสองคนมาวันนี้ ฉันไม่ได้ต้องการขัดขวาง
หรือเรียกมาด่า ฉันต้องการเตือนความจำใบไผ่ในสิ่งที่พูดกับฉัน
เธอยังพิสูจน์ให้ฉันเห็นได้อยู่อีกรึเปล่า" "เรื่องอะไรเหรอใบไผ่"
ใบไผ่มองวชรวรรษนึกถึงสิ่งที่เคยพูดไว้กับย่าใหญ่ "
หล่อนรับปากฉันเองนะว่าหล่อนกับเขาจะช่วยกันทำขนมที่อร่อยที่สุด
ถ้าฉันชิมแล้วรสชาติของพวกหล่อนไม่ได้เรื่อง ฉันหวังว่าหล่อนคงจำคำพูดของหล่อนได้"
ใบไผ่เดินมาตามทางเดินในสวนกับวชรวรรษ สีหน้าเครียดๆ "เฮ้อ
ไม่น่าพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยใบไผ่" "สิ่งที่เป็นไปไม่ได้
มันอาจจะเป็นไปได้ก็ได้นะ ถ้าเราร่วมมือกัน
เราสองคนต้องทำขนมที่อร่อยที่สุดในโลกให้คุณย่ากิน" "อื้อ ตกลง งานนี้สู้แค่ตาย"
"เฮ้ย ไม่ตายสิ ถ้าเธอตาย ใครจะแต่งงานกับฉัน" ใบไผ่ชะงัก วชรวรรษเอาแหวนออกมา
"พร้อมจะเป็นภรรยาของผมรึยังครับคุณใบไผ่" วชรวรรษมองลุ้น ใบไผ่ยื่นมือซ้ายให้
วชรวรรษยิ้มดีใจ สวมแหวนที่นิ้วนางซ้ายให้ใบไผ่ ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างมีความสุขมาก
"งั้นเรามาเริ่มกันเลยมั้ย ขนมมงคลที่ว่ามีอะไรบ้าง" ทั้งสองพากันเข้ามาในครัว
ใบไผ่อธิบายถึงขนมมงคลต่างๆ ที่จะใช้ในงานแต่งงานของนาทกับแก้วขวัญ ให้วชรวรรษฟัง "
ขนมมงคลของไทยส่วนใหญ่ที่ใช้ประกอบในพิธีมีหลากหลายชนิด
ทั้งขนมที่มีอยู่ในตระกูลทอง และขนมที่เป็นมงคลนาม เช่น จ่ามงกุฎ ขนมเสน่ห์จันทร์
ขนมเทียนแก้ว ทองหยิบ ทองหยอด ทองม้วน" "แล้วเราจะทำขนมอะไรให้คุณย่าชิม" "
ฉันจะทำขนมมงคลเจ็ดอย่าง เริ่มด้วยขนมกง ขนมชนิดนี้เชื่อกันว่าไม่มีรอยต่อ
เปรียบได้กับความรักของหนุ่มสาวที่จะมีต่อกันไม่รู้จบ ขนมทองเอก
เชื่อกันว่าเป็นขนมที่สื่อความหมายจะได้เป็นเอกเป็นหนึ่งในการครองชีวิตคู่
ขนมสามเกลอ ใช้เป็นขนมเสี่ยงทายในพิธีแต่งงาน เพราะทำจากแป้งหุ้มไส้
และมาบีบให้ติดกัน ก่อนจะนำไปทอด ถ้าขนมสามลูกแยกออกจากกัน แสดงว่าจะอยู่กันไม่ยืด
ถ้าติดกันสองลูกจะอยู่ได้ดี แต่มีลูกยาก ถ้าติดกันทั้งสามลูก จะเจริญรุ่งเรือง
มีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง" คืน นั้น วรรษา ธราทิตย์
ถามเกดกับทองหยอดถึงใบไผ่กับวชรวรรษ
เกดบอกว่าทั้งสองคนอยู่ในครัวตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นยันพระอาทิตย์ตกก็ยังไม่
ออกมาเลย วรรษาตกใจดึงแขนธราทิตย์เข้าไปในครัว วชรวรรษกำลังเอาขนมจัดวางใส่ในจาน
ถอยออกไปมองว่าสวยงามหรือยัง แต่ไม่แน่ใจ "ใบไผ่ เธอว่ามันดูดีหรือยัง" ใบ ไผ่เงียบ
วชรวรรษแปลกใจหันไปมอง เห็นใบไผ่ฟุบหลับคาโต๊ะ จึงเดินเข้ามาดู วชรวรรษอมยิ้ม
เห็นแป้งเลอะจมูกใบไผ่ จึงปัดแป้งออกจากจมูกให้อย่างแผ่วเบา
ก่อนจะหันไปหยิบเสื้อมาคลุมให้ มองใบไผ่ตาไม่กระพริบ
วรรษากับธราทิตย์แอบมองอยู่ตรงประตู สองคนหันมาอมยิ้ม "ผมว่าเราไม่ต้อง
ช่วยเขาหรอกครับ เห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่าขนมพวกนั้นต้องเป็นขนมแห่งความรัก
เรามาช่วยกันทำขนมแบบนี้บ้างมั้ยครับคุณฝน" "ฝันไปเถอะว่าฉันจะทำขนมกับนาย"
"ไม่ทำขนมก็ได้ ทำลูกแทนก็แล้วกัน" "ตาบ้า!!" วรรษาหยิกแขนธราทิตย์
ธราทิตย์ร้องไม่ออกเพราะกลัวใบไผ่ได้ยิน วรรษาหน้าแดงเขินเดินออกไป ธราทิตย์รีบตาม
วชร วรรษเอาจานขนมที่จัดวางสวยงามมาวางเรียง มองด้วยความชื่นชมในฝีมือของตัวเอง
แล้วเหลือบไปเห็นแป้งขนมสามเกลอที่เหลืออยู่ เขามองครุ่นคิด ตัดสินใจหยิบแป้งขึ้นมา
ปั้นเป็นสามก้อนเล็กๆ เอามาวางติดกัน ตั้งกระทะเอาน้ำมันเทใส่ รอจนน้ำมันเดือด
หยิบแป้งขนมสามเกลอที่ปั้นขึ้นมา หลับตาตั้งจิตอธิษฐาน "ขอให้สมหวังด้วยเถอะนะครับ"
วชรวรรษค่อยๆ หย่อนแป้งลงไป มองลุ้น ใจระทึกว่าแป้งจะแยกออกจากกันหรือไม่
เขาทอดจนแป้งสุก ตักขึ้นมา แป้งยังติดกันทั้งสามก้อน "เย้!!!"
เสียงดังทำให้ใบไผ่สะดุ้งตื่นตกใจ "เฮ้ย เกิดอะไรขึ้น" วชรวรรษตกใจที่ทำใบไผ่ตื่น
ใบไผ่แปลกใจมองว่าวชรวรรษทำอะไร จึงลุกเดินมาเห็นขนมสามเกลอที่เพิ่งทำเสร็จ
ใบไผ่อึ้ง "อย่าบอกนะว่านายกำลังเสี่ยงทายขนม" "
ก็ฉันอยากรู้ว่าเราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปรึเปล่า ดูนี่สิใบไผ่
แป้งทั้งสามลูกไม่แตกออกจากกัน
แปลว่าฉันและเธอจะได้อยู่ด้วยกันจนมีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง"
วชรวรรษถือโอกาสเข้ามากอด ใบไผ่ตีแขนเพี้ยะ "เพ้อเจ้อ ก็แค่คำบอกเล่า
เชื่ออะไรนักหนา รีบทำขนมต่อได้แล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันพรุ่งนี้เช้า"
ใบไผ่หันไปเตรียมของ วชรวรรษมองใบไผ่เซ็ง กร่อย ไม่โรแมนติคเอาเสียเลย
แล้วทั้งองก็ช่วยกันทำขนมต่อ " โพรงแสม แทนความหมายว่าเสาบ้าน เสาเรือน
คู่สมรสจะมีหลักมีฐานที่ร่ำรวยกันอย่างรวดเร็ว ขนมพระพาย
เชื่อกันว่าแป้งข้าวเหนียวที่ใช้หุ้มไส้ หมายถึง ความเหนียวแน่นมั่นคง
ความหวานของไส้คือความรักอันแสนหวาน ขนมฝักบัว เหมือนบัวที่โตขึ้นมาโดยไม่ต้องดูแล
ไม่มีอุปสรรค เหมือนความรักที่ราบรื่น ไร้ซึ่งอุปสรรคใดๆ และสุดท้าย ขนมเกลียว
หมายถึง ให้ความรักของคู่บ่าวสาวกลมเกลียวกัน"
รุ่งเช้าขนมมงคลทั้งเจ็ดอย่างถูกจัดตกแต่งอย่างสวยงาม เอาออกมาวางเรียงบนโต๊ะ
วรรษากับธราทิตย์ยืนมองด้วยความตะลึง "โอ้โฮ น่าทานทั้งนั้นเลย มีอะไรบ้างคะพี่ไผ่"
วชร วรรษรีบบอก "ฉันตอบเอง ขนมทองเอก ขนมสามเกลอ ขนมกง ขนมพระพาย ขนมฝักบัว
ขนมเกลียว และ ขนมโพรงแสมจ๊ะ
ชื่อของขนมทุกอย่างมีความหมายเกี่ยวกับการครองคู่ทั้งนั้น"
"สมแล้วค่ะที่มีแฟนเป็นแม่ค้าขนมหวาน" วชรวรรษหันไปยักคิ้วให้ใบไผ่
ใบไผ่กระทุ้งศอกเข้าให้เพราะหมั่นไส้
"ส่วนอันนี้ก็สมแล้วครับที่มีแฟนเป็นอดีตเจ้าพ่อ" วรรษาทุ้งศอกใส่ธราทิตย์บ้าง
"อันนี้ก็ไม่ต้องแปลกใจ น้องสาวอดีตเจ้าพ่อเหมือนกัน อุ๊ย" "คนโบราณนี่ช่างคิดนะคะ
เปรียบอาหารกับความรัก ช่างซาบซึ้งตรึงใจ" วรรษาเคลิ้ม "แต่ก่อนจะซาบซึ้ง
ผมว่ารีบไปกันเถอะครับ ใกล้เวลาแล้ว" ธราทิตย์ตัดบท "ขอให้คุณย่าชอบด้วยเถอะ"
ใบไผ่หันมามองหน้าวชรวรรษอย่างเป็นกังวล บริเวณ ถนนหน้าบ้านสวน
เสียงกลองของขบวนขันหมากรัวดังขึ้น นาท วชรวรรษ กริช ธราทิตย์ เม่น วี
เข่งกำลังรำด้วยความสนุกสนาน พร้อมโฮ่ไม่หยุด ใบไผ่
กับวรรษาทำหน้าที่กั้นประตูเงินประตูทอง
โดยทั้งสองแกล้งไม่ให้เจ้าบ่าวผ่านไปได้ง่ายๆ นาทสั่งให้วชรวรรษและธราทิตย์จัดการ
ทั้งสองตรงเข้มมาอุ้มหญิงสาวคู่ของตัวเอง สองสาวตกใจร้องลั่น
เข่งสั่งขบวนขันหมากลุยเข้าไป ใบไผ่กับวรรษาหันไปค้อนวชรวรรษกับธราทิตย์
สองหนุ่มยิ้มหน้าเป็นไม่ยอมปล่อยสาวๆ ทุกคนนั่งกันพร้อมหน้าพร้อมตา ย่าใหญ่ อุบล
กริช นาทกับแก้วขวัญพับเพียบอยู่บนพื้น อุบลเริ่มกล่าว " เอาล่ะ
วันนี้ถือเป็นฤกษ์งามยามดี ที่เจ้านาทกับหนูแก้วตกลงปลงใจแต่งงานกัน
ฉันก็ขอให้ทั้งสองอยู่กันจนถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร หนักนิดเบาหน่อย
อภัยให้กัน เป็นผู้ชายก็ให้เป็นช้างเท้าหน้า คอยดูแลเมียให้ดีล่ะ"
"พอได้แล้วแม่อุบล เดี๋ยวค่อยอวยพร ยกตะกร้าขนมเข้ามา ฉันอยากเห็น" ย่าใหญ่พูดขึ้น
ทุก คนชะงักหน้าถอดสีมองด้วยอาการลุ้น ไม่นานตะกร้าขนมถูกนำวางตรงหน้าย่าใหญ่
ย่าใหญ่กวาดตามองขนมแต่ละชนิด ใบไผ่กับวชรวรรษตื่นเต้น
จับมือให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ย่าใหญ่ตักขนมขึ้นมากินเคี้ยวอย่างช้าๆ
เพื่อลิ้มรสชาติ ย่าใหญ่กินขนมกงจนหมด "เค็ม" ทุกคนหน้าเสีย
ย่าใหญ่กินขนมที่เหลืออีกหกชนิด ติทุกชนิด ใบไผ่กับวชรวรรษคิดว่าคงไม่รอดแน่
"สรุปแล้วรสชาติไม่ได้เรื่องสักอย่าง" อุบลมองหลานสาวด้วยความสงสาร
ใบไผ่กับวชรวรรษก้มหน้างุด " คุณย่าคะ อย่าหาว่าอุบลสอดเลยนะคะ ถึงขนมจะแย่
แต่ใบไผ่กับพ่อวัชรเขาก็ทุ่มเทตั้งใจทำขนมพวกนี้ขึ้นมาจากความรักนะคะ
คุณย่าจะไม่ลองคิดพิจารณาอีกทีเหรอคะ" "นั่นสิครับคุณย่า
เห็นแก่ความรักของใบไผ่เถอะนะครับ" กริชช่วยอ้อนวอน " ก่อนจะสอดอะไรขึ้นมา
ช่วยฟังฉันให้จบก่อนได้มั้ย ขนมแต่ละอย่างไม่ได้ดีอย่างที่ฉันหวัง
แต่เมื่อฉันกินจนครบเจ็ดอย่างแล้ว รสชาติทั้งเจ็ดของมัน กลับกลมกลืน สอดคล้องกัน
ทำให้ฉันรู้สึกว่านี่เป็นขนมแต่งงานที่อร่อยที่สุดตั้งแต่ฉันเคยทานมา"
ทุกคนตกใจหันมามองหน้ากัน "คุณวชรวรรษ" "ครับ" "ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
เธอคือคนในครอบครัวของฉัน" วชรวรรษกับใบไผ่หันมายิ้มให้กัน "ฉันยังพูดไม่จบ
เธอต้องดูแลหลานสาวของฉันให้ดีที่สุด ถ้าฉันเห็นใบไผ่เสียใจ ฉันจะเอาหลานสาวฉันคืน"
"ขอบคุณมากครับคุณย่า ผมให้สัญญาด้วยชีวิตว่าผมจะรักและดูแลใบไผ่ให้ดีที่สุดครับ"
ทุกคนเฮดังลั่น ย่าใหญ่หันไปยิ้มให้อุบลกับกริช เข่งลุกขึ้นยืนส่งเสียงลั่น
"แบบนี้มันต้องฉลอง โฮ่ฮี้โฮ่ฮี้โฮ่" ภาย ในครัวของร้านขนมหวาน
ใบไผ่กำลังปั้นขนมสามเกลอ เอาแป้งสามก้อนมาติดกันด้วยสีหน้ามุ่งมั่นและจริงจัง
เธอหลับตาอธิษฐานก่อนหย่อนแป้งที่ปั้นเสร็จลงในกระทะ
"ถ้าเราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปขอให้ห่วงทั้งสามนี้อย่าแตกออกจากกันเลย สาธุ"
ใบไผ่เอาแป้งหย่อนลงในกระทะแล้วมองลุ้นๆ "อย่าแตกออกจากกันนะ ขอร้อง อย่าแตกนะ"
ใบไผ่นั่งเฝ้ามองจนกระทั่งขนมสุกเหลืองอร่าม ดีใจมากตักขนมขึ้นจากกระทะ "เยส
คำอธิษฐานเราเป็นจริงแล้ว" ใบไผ่ยกขนมขึ้นมาดูแล้วยิ้มดีใจ
วชรวรรษเข้ามาด้านหลังโดยที่ใบไผ่ไม่รู้ตัว แล้วพูดเสียงดัง "หยุด ยกมือขึ้น"
ใบไผ่ตกใจปล่อยมือ ขนมสามเกลอร่วงลงตรงหน้า แตกกระจาย ใบไผ่ใจหายวาบ เสียใจยืนนิ่ง
"ล้อเล่น ตกใจเหรอจ๊ะ" วชรวรรษเดินเข้ามาใกล้ใบไผ่ จับใบไผ่หันหน้ามา
ใบไผ่หน้าบึ้งใส่ "นายเล่นอะไรของนาย รู้ตัวมั้ยว่าทำอะไรลงไป
เห็นมั้ยมันแตกออกจากกันหมดเลย นายทำมันพัง ทุกอย่างพังเพราะนายอีกแล้ว" "นี่
อย่าบอกนะว่าเธอกำลังเสี่ยงทายอยู่น่ะ ฮ่าๆๆ" "มันน่าขำตรงไหน"
"ไหนเธอเคยบอกว่าฉันเพ้อเจ้อไง แล้วทำไมเธอมาแอบเสี่ยงทายซะเองล่ะ" "เอ่อ เอ่อ
ฉันก็แค่ลองทำดูเล่นๆ เท่านั้นเอง
เสี่ยงทงเสี่ยงทายอะไรที่ไหนฉันไม่ได้เชื่อสักหน่อย"
"แต่ขนมแตกออกจากกันแบบนี้แปลว่าเราคงไปด้วยกันไม่ได้แน่" ใบไผ่ชะงัก
"ถ้าเธอแค่ทำเล่นๆ ก็ไม่เป็นไร คงไม่มีผลอะไรกับเราสองคน" "แล้วถ้าฉันทำจริงๆ ล่ะ
เราสองคนจะเป็นไปตามขนมที่มันแตกมั้ย"
ใบไผ่หน้าเศร้าเดินออกจากครัวมายืนตรงประตูข้างร้าน ถอนหายใจด้วยความเศร้าน้ำตาคลอ
"ฉันไม่ได้ต้องการให้ขนมมันแตกแบบนี้" ใบ ไผ่เศร้าก้มหน้าจะร้องไห้ แล้วจู่ๆ
ที่พื้นก็มีดวงไฟสว่างขึ้น
ชี้นำทางเป็นลูกศรพาให้เดินตามไปยังลานจอดรถด้านหน้าที่มีรถขนมหวานจอดอยู่
ใบไผ่เงยหน้า เมื่อเดินมาถึงรถ เธอตะลึงกับสิ่งที่เห็น
ที่หน้ากระโปรงรถของเธอมีหัวใจสองดวงเกี่ยวกันอยู่ภายในรูปหัวใจโรยด้วยกลีบ
กุหลาบสีชมพูกับสีแดง ใบไผ่อึ้ง ดวงไฟที่พื้นรอบๆ ตัวรถสว่างพรึ่บขึ้นมา
ใบไผ่มองรอบๆ ตัวที่มีแสงไฟระยิบระยับเต็มไปหมด วชรวรรษเดินออกมาหยุดตรงหน้าใบไผ่
"เราจะอยู่ด้วยกันได้หรือไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับหัวใจของเราสองคนต่างหาก
ตราบใดที่เรารักกัน ยังไงเราก็ไม่มีวันพรากจากกัน" วชรวรรษจับมือใบไผ่ขึ้นมา
"นอกซะจากว่าเธอจะไม่รักฉัน" "นายหมาวัด" ใบไผ่อารมณ์เสียปล่อยมือออก
วชรวรรษจับไหล่ทั้งสองข้างของใบไผ่แล้วพูดอย่างจริงจัง "ใบไผ่ เธอรักฉันมั้ย"
"ทำไม่ต้องให้ฉันพูดด้วย ในเมื่อนายก็รู้คำตอบอยู่แล้วนี่" "
ฉันอยากได้ยินจากปากของเธอ การเสี่ยงทายไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของความรัก
ความรู้สึกของตัวเราเองต่างหากที่ทำนายความรักของเราได้ เธอรักฉันมั้ย"
ใบไผ่ก้มหน้าเขิน ตอบเบาๆ "เอ่อ รัก" "รักที่มีให้ฉันมันน้อยจนไม่มีเสียงเลยเหรอ"
ใบไผ่ตะโกน "ฉันรักนาย ได้ยินยัง ฉันรักนาย ไอ้เจ้าพ่อบ้า"
วชรวรรษยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบที่ดังลั่นของไผ่ "ผมก็รักคุณ" วชรววรรษดึงไผ่เข้ามากอด
"เจ้าพ่ออย่างผมจะหยุดชีวิตไว้กับ แม่ค้าขนมหวานตลอดไป" สองคนมองตากันซึ้ง
วชรวรรษจูบใบไผ่ ท่ามกลางแสงระยิบระยับที่อบอวลไปด้วยความรัก