วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ใจร้าว ตอนที่1

ตอนที่ 1
เมื่องานมหกรรมแจกรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แห่งเอเชียเริ่มขึ้นในตอนค่ำ
สถานที่จัดงานอันใหญ่โตแคบลงไปถนัด ทั้งพนักงาน เจ้าหน้าที่ ทั้งกองทัพนักข่าว
ช่างภาพจากวิทยุโทรทัศน์นับร้อยๆ จากสำนักข่าวทั่วเอเชียและทั่วโลกทยอยกันมาเตรียมงานแต่เช้า
จึงสร้างความคึกคักยิ่ง
เมื่อเหล่าดาราจากหลายประเทศ ในเอเชียทยอยกันมา เสียงพูดจากภาษาหลัก
และภาษาของแต่ละประเทศดังมาจากทุกมุมของงาน
สปอตไลต์การถ่ายทำจากสื่อนานาสว่างวาบวับราวกลางวัน
แฟนคลับจากนานาชาติต่างปรบมือส่งเสียงเชียร์ต้อนรับดาราไม่ขาดสาย...
การสัมภาษณ์เลื่อนไหลไปตามแรงดูดของดาราที่ชื่นชอบ...
หลังจากการแนะนำบรรยากาศของงานที่ดังมาตลอดเวลาหยุดลง
พิธีกรเสียงหวานของงานเริ่มส่งเสียงเจื้อยแจ้วเปิดงานขึ้นทันที...

"สวัสดีค่ะ ท่านผู้ชม...และแล้วก็ถึงเวลาที่พวกเราชาวไทยและทุกชาติในเอเชีย
จะได้ลุ้นกันแล้วว่า ผลงานของประเทศใดจะได้รับการยกย่องให้ได้เป็นสุดยอดแห่งเอเชีย
ในการประกวดภาพยนตร์แห่งเอเชียครั้งที่ 45 ครั้งนี้
ซึ่งครั้งนี้สื่อมวลชนพากันจับตามองเป็นพิเศษ เพราะซุปเปอร์สตาร์ หมายเลขหนึ่งของไทย
ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลผู้แสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย"
ขณะที่นีน่ากำลังเปิดการแนะนำและเน้นไปที่ซุปเปอร์สตาร์นั้น...
ที่หน้าจอทีวี ในที่พักหรูหราบนตึกสูงริมเจ้าพระยา ชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งมองไปที่จออย่างสนใจ
เมื่อเสียงนีน่า เปิดตัวดาราซุปเปอร์สตาร์ตัวเก็งดารานำฝ่ายชาย โดยระบุชื่อ กรวิก ดาราขวัญใจชาวไทย
ซึ่งไม่เคยปรากฏตัวในงานแจกรางวัลใดๆมาก่อน...และขอให้จับตาว่า เขาจะมาปรากฏตัวใน
งานนี้หรือไม่ หากมา นับว่าไม่ควรพลาดนาทีสำคัญนั้นทีเดียว...
เมื่อนีน่าพูดจบไปช่วงหนึ่ง ชายหนุ่มรีบกดรีโมตปิดทีวีทันที...ชายหนุ่มคนนั้นก็คือกรวิก
ซุปเปอร์สตาร์ที่ถูกเอ่ยถึงจากงานเมื่อครู่นี่เอง เขามองไปข้างนอกด้วยสายตาคมวาว
ยิ้มที่มุมปากนิดๆ เหมือนกำลังสะใจที่จะพบกับช่วงเวลาระทึกที่เขารอคอยมานาแล้ว...
ภัทร หนุ่มร่างบึ๊กแต่เสียงแต๋ว นำขบวนผู้คนหอบเสื้อผ้ารองเท้าสูทงามมาถึงหน้าห้อง แล้วยังมีบอดี้การ์ดคู่หนึ่ง
ชนม์กับไมค์ มากั้น ภัทรจึงว้ากให้ว่า เดินไปมาขาฉิ่งแล้ว ไม่ต้องมาคุมอะไรอีก
ทั้งสองจึงเปิดทางให้เข้าห้องไปเพื่อแต่งตัวให้ดาราดังกรวิก...
และยังไม่รู้ว่าจะสามารถเอาตัวกรวิกไปในงานสำคัญครั้งนี้ได้หรือไม่...

ขณะเดียวกัน ดาราสาวดาวรุ่งอันดับหนึ่งของไทย เมลานี
ก็กำลังได้รับการแต่งตัวพิถีพิถัน ตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะออกจากที่พักของเธอไปร่วมงานครั้งนี้เช่นเดียวกัน...
เมลานีนึกถึงกรวิก รู้ถึงความไว้ตัวของเขา เธอถึงกับยักไหล่ ทำเป็นว่า...เธอไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่เช่นกัน...


ooooooo


ในเวลาย่ำค่ำนั้น ที่สนามบินสุวรรณภูมิ หนุ่มสาว คู่หนึ่งกำลังลากกระเป๋าใบใหญ่ออกมา
ผ่านร้านหนังสือ เห็นโปสเตอร์สายการบินใช้ดาราหนุ่มกรวิกมายืนยิ้ม
แทนที่จะใช้สาวสวยตามปกติ เธอหันไปมองอย่างไม่ คาดคิดมาก่อน...เพราะเธอคนนี้คือช่อลดา...

ชายหนุ่มที่มาด้วยทักว่า อย่าแปลกใจ ทุกวันนี้การตลาด เขาแหวกไปใช้ผู้ชายเป็นพรีเซ็นเตอร์มากขึ้นแล้ว...
และเขาคือหมอลักษณ์ที่เดินทางมาสัมมนาครั้งนี้ที่ประเทศไทย
หลังจากทำงานที่เมืองนอกมาหลายปีจนโด่งดังในวงการแพทย์สากล

หลังจากช่อลดากับหมอลักษณ์มาถึงที่พักในโรงแรมหรูแล้ว ทั้งสองพักคนละห้อง
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวแล้วช่อลดา ออกมา หมอลักษณ์รออยู่แล้ว
พอรู้ว่าช่อลดาจะออกไปธุระของเธอ หมอจะให้รถโรงแรมไปส่ง
เธอขอไปแท็กซี่ หมอเสียดายที่ติดธุระเรื่องสัมมนา ไม่งั้นจะไปด้วย
เธอรีบบอกว่า ไม่ได้ มันเป็นเรื่องสำคัญมาก และไม่ต้องห่วง
เธออยู่กรุงเทพฯมานานแล้ว เสร็จแล้วจะรีบกลับ
ช่อลดาจากไปทันที...
แววตาของเธอนั้นบ่งบอกเรื่องที่ยังกังวล และไม่แน่ใจในบางอย่างที่กำลังรออยู่...


ooooooo


เวลาผ่านไปราวสองทุ่ม งานประกวดภาพยนตร์ เอเชียยิ่งคึกคัก ผู้คนล้นหลาม
ต่างก็เบียดเสียดเข้า หาดาราที่ชื่นชอบ
ทั้งไทยและนานาชาติเอเชีย โดยเฉพาะ ดาราไทยเช่นเมลานี ได้รับการต้อนรับเกรียวกราว...

ลิมูซีนคันยาวเฟื้อยแล่นมาจอดด้านหน้า...ทันที่คนรถ ลงมาเปิด
คนที่ก้าวลงมาคือกรวิก ซุปเปอร์สตาร์...
สร้างความวี้ดว้ายเกรียวๆจากแฟนทั้งหลาย เขาส่งยิ้มให้ทุกคน แล้วก้าวเข้าไป
เมลานียิ้มจะทัก แต่กรวิกเดินผ่านไปไม่มอง ทำให้ เมลานีเสียฟอร์มทันที...
แล้วก็ถึงช่วงระทึกที่ทุกคนรอคอย...เมื่อพิธีกรออกมา หน้าเวทีใหญ่ ประกาศก้องขึ้น
"นาทีระทึกใจของท่านได้มาถึงแล้ว...
นั่นคือการตัดสินใครจะได้เป็นสุดยอดการแสดงนำฝ่ายชาย...พระเอก 4 ท่าน จาก 4 ประเทศ
แต่มีหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะได้ขึ้นสู่สุดยอดแห่งพระเอก เอเชียประจำปีนี้"
แล้วเสียงประกาศเป็นภาษาอังกฤษคือ...

"กรวิก จากภาพยนตร์เรื่อง บันทึกแห่งวันวาน" เมื่อเสียง ไชโยโห่ร้องยาวนาน
แล้วพิธีกรจึงแสดงความยินดี เมื่อกรวิกเดินขึ้นมาโบกมือให้ทุกคน กลางเสียงเชียร์กึกก้องยาวนาน...

จากนั้นเชิญดาราจีนที่ดังที่สุด หลิวเต๋อหัว...ขึ้นมาแสดงความยินดี
พร้อมกับมอบรางวัลตุ๊กตาทองให้ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องชื่นชมเกรียวกราวที่สุดในงาน...

ทุกคนแสดงความยินดีปรีดา...แต่เจษฎา ชายคนนี้คือช่างภาพมือดี
ปาปาราซซี่ที่มองกรวิกด้วยสายตาหมั่นไส้ซ่อนแววไม่ชอบหน้าไว้ไม่ค่อยจะมิดชิดสักเท่าใด...
กรวิกถือรางวัลอัน มีเกียรติสูงในวงการแสดงมาที่ไมโครโฟน ทุกคนเงียบกริบฟัง

"ผมรอวันนี้มานานกว่า 8 ปี ผมรู้ว่ามันต้องมีวันนี้
วันที่ผมจะได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของชีวิตการเป็นนักแสดง
วันที่การรอคอยของผมสิ้นสุดลง...ขอบคุณครับ"
เสียงปรบมือกึกก้องขึ้นอีกครั้ง กรวิกยิ้มให้ทุกคน แต่ ในรอยยิ้มนั้น ความแข็งกร้าวแฝงไว้ตลอดเวลา...


ooooooo


งานดำเนินไปจนครบถ้วนกระบวนการแจกรางวัล
จากนั้นคุณดวงแก้ว เจ้าแม่คนหนึ่งของวงการที่กรวิกและเมลานีสังกัด
ให้ภัทรนัดกรวิกกับเมลานีมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน นอกจากสัมภาษณ์ปกติ
แล้ว เป็นการสร้างกระแสคู่รักนอกจอ เป็นการโปรโมตละคร เล่นคู่กันเรื่องใหม่ให้ดังระเบิดด้วย...

เมื่อสื่อสารพัดแขนงมะรุมมะตุ้มมายังที่จัดไว้
ภัทรพากรวิกและเมลานีมาเปิดการสัมภาษณ์ทันที
เสียงผู้สื่อข่าวบันเทิงซักทั้งภาษาไทยจีนอังกฤษกันนัวเนีย...
โดยเฉพาะเรื่องการจับคู่กรวิกกับเมลานี จนตอบไม่ทัน นักข่าวอาวุโสจึงถามทันที
"ขอถามแบบฟันธงเลย วิกกับเมนี่ ชอบกันรึเปล่า"
กรวิกย้อนถามว่า ไม่คิดจะถามเรื่องรางวัลที่เพิ่งได้หรือครับ เมลานีหมั่นไส้คำตอบกรวิก จึงตอบแทน
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ บังเอิญเราร่วมงานกันบ่อย แต่ก็เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น"
"ไม่คิดขยับจากความสัมพันธ์เป็นอย่างอื่นหรือคะ ใครๆอยากให้สองคนรักกัน" นักข่าวสาวยุ
"ขอบคุณค่ะ นั่นเป็นเรื่องของอนาคต ตอบตอนนี้ไม่ได้ หรอกนะคะ"
"แต่ผมตอบได้" กรวิกโพล่งขึ้นทันที "เราสองคนไม่มี ทางเป็นอย่างอื่นได้
นอกจากเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมงานคือเพื่อนร่วมงาน ได้ยินชัดแล้วใช่ไหมครับ"
เมลานีฟังแล้วหน้าชา แต่ฝืนยิ้มกับทุกคน บอกว่าไม่มีอะไรสงสัยแล้วนะคะ
เมนี่ขอตัวก่อนค่ะ...เมลานีผละหนีกลัวตบะแตก ภัทรเดือดร้อน ต้องวิ่งตามเธอไปทันที

เมลานีตอกกลับภัทรที่ขอให้กลับเข้าไปถ่ายรูปด้วยกัน
เธอไม่ยอมเข้าไปเป็นตัวประกอบให้กรวิก เธอไม่ชอบดาราที่ไม่ให้เกียรติคนอื่น ว่าแล้วเดินอ้าวหนีไปทันที
ส่วนกรวิก นักข่าวซักเรื่องแฟน กรวิกบอกเขาไม่ชอบคนวงการเดียวกัน เจษฎาโพล่งถาม
"แต่ชอบเพศเดียวกันรึเปล่าครับ"
"ทำไม คุณมองตาผม รู้เลยหรือว่าเป็นพวกเดียวกับคุณ"
เจษฎาหนวดกระดิกแสนแค้น กรวิกว่าต่อ "ผมชอบผู้หญิง ถ้าเปลี่ยนใจจะบอกคุณคนแรก"
เมื่อถูกซักเรื่องสเปก กรวิกบอก เขาไม่มีสเปก แต่รักใครแล้ว ไม่เปลี่ยนใจ
"แสดงว่ามีใครในใจแล้ว ผู้หญิงโชคดีคนนั้นเป็นใคร บอกได้ไหมครับ" นักข่าวรุก
กรวิกพยายามซ่อนความเจ็บปวดไว้ภายใน พอเงยหน้า
ตาฉายประกายวาวขึ้นมาทันที เขามองไปข้างหน้า บนพรมสีแดงทอดยาวไปนั้น
เขาเห็นช่อลดาเดินมา...เขาชะเง้อหลบนักข่าวเพ่งไป...
แล้วสายตาของกรวิกกับช่อลดาก็ประสานกัน...เปล่งแววแห่งการโหยหากันมานานแสนนาน...
ช่วงวินาทีนี้...กรวิกเห็นภาพย้อนไปเมื่อ 8 ปีก่อน...
ตอนนั้นเขายี่สิบปี ช่อลดาราว 18 ปี...กรวิกพยายามจะฝึกเป็น
สตันต์แมน เมื่อบาดเจ็บ ช่อลดามักจะดูแลใส่ยาให้ เธอไม่อยากให้เขาฝึกแบบนี้
กรวิกบอกว่า กว่าจะเป็นพระเอกมันต้องเจ็บตัว
ช่อลดายังหัวเราะที่เขาอยากเป็นพระเอก แต่ก็ย้ำอย่างมั่นใจว่า
ถ้าเขาได้เป็นพระเอก แม้จะไม่ได้อยู่ใกล้กัน ถึงจะจำต้องไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียว
เธอจะกลับมาแสดงความยินดีให้พี่วิก...

นึกถึงความหวานชื่นในอดีต กรวิกลืมตัว เดินหลีกนักข่าวที่มองตาม
เขาตรงไปหาเธอท่ามกลางแฟนคลับนับร้อย
"ฉันรู้ว่าเธอต้องมา..." น้ำเสียงของเขาเมินหมางชอกช้ำ
"เอยมาแสดงความยินดีค่ะพี่วิก" ช่อลดาเรียกตัวเองว่าเอย...อย่างที่ใครๆรู้จัก
"เพราะจำสัญญาที่ให้ไว้กับไอ้กระจอกๆคนนั้นได้ หรือเพราะสมเพชเวทนามัน"
ช่อลดาฟังแล้วหัวใจแทบสลาย...เธอพึมพำเรียก "พี่วิก"
อย่างผิดหวังเมื่อรู้สึกว่าเขาหมดรักเธอแล้ว...
ประกอบกับแฟนคลับรุมล้อมเข้ามาส่งเสียงไม่ได้ศัพท์...ช่อลดาถูกเบียดจน
ล้มลง แล้วหมดสติไป กรวิกตกใจ ผวาเข้ารับร่างเธอไว้
ช้อนตัวหลบฝูงคน เจษฎาที่กระดิกนิ้วถ่ายภาพชุลมุนอย่างเสียดายที่ถูกบังและถูกการ์ดของเขา
ไมค์กับชนม์กางแขนมากันเจษฎาไว้ ชั่วเวลาที่กรวิกอุ้มพาเอยหนีไป
ดวงแก้วเดินคุยมากับภัทรที่เสียดายภาพกรวิกกับ
เมลานี แต่คิดว่ายังมีเวลา แล้วภัทรก็ตกใจ เมื่อกรวิกอุ้มช่อลดาวิ่งหนี
มีการ์ดทั้งสองวิ่งกัน พวกเจษฎาและช่างภาพนับสิบกำลังไล่มา
ดวงแก้วสั่งให้เอารถไปรับกรวิก ก่อนที่พวกนักข่าวจะตามทัน
ขณะที่กรวิกอุ้มช่อลดามาที่ลานจอด กำลังจะหารถ เก๋งคันนึ่งวิ่งมาจอด
ภัทรลดกระจก สั่งกรวิกให้ขึ้นรถ เขาอุ้มช่อลดาขึ้นรถทันที
สั่งไมค์กับชนม์เอารถอีกคันตาม ให้ติดต่อกันทางมือถือ
เมื่อพวกช่างภาพนักข่าวมาถึง รถภัทรพากรวิกออกไปได้หวุดหวิด...เจษฎารีบวิ่งขึ้นรถขับตามไป

ooooooo

ฝ่ายหมอลักษณ์ที่รอคอยช่อลดาที่โรงแรมอย่าง หงุดหงิด
เขาว้าวุ่นว่าคู่หมั้นของเขาทำไมกลับดึกนัก...
เมื่อคุณปราชญ์มาพบหมอลักษณ์
มาขอบคุณที่โรงพยาบาลของเขาได้รับเกียรติที่หมอระดับโลกอย่างหมอลักษณ์มาร่วมงานสัมมนา
เพราะหลังจากเพียรเชิญคุณหมอให้มาร่วมงานที่เมืองไทยถึง 5 ปี จึงสำเร็จ
"แล้วในที่สุด โชคก็เข้าข้างเราจนได้" หมอฟังแล้วอ้างคนไข้ทางโน้นมาก
ปราชญ์ยังไม่ละความพยายาม "ผมไม่ได้เร่งรัดอะไร แต่อยากให้คุณหมอดูข้อเสนอของผมอีกที"
"ผมกลับมาเมืองไทยเพื่อร่วมสัมมนาไม่กี่วันเท่านั้น ผมไม่เคยคิดจะกลับมาใช้ชีวิตที่นี่ ต้องขอโทษจริงๆครับ"
หมอลักษณ์เน้น นั่นคือการปฏิเสธคุณปราชญ์ ซึ่งได้แต่ถอนใจด้วยความเสียดาย...

ooooooo

เวลาผ่านไป เจษฎาตามไม่ทัน เมื่อไปดักที่หน้า คอนโดฯภัทร
เห็นรถภัทรวิ่งมาจอด จึงวิ่งไปบอกภัทรว่าคราวนี้เสร็จข้าแน่ ภัทรไม่ยี่หระไล่ให้มันกลับบ้าน
เจษฎาเปิดประตูรถ ถ่ายไม่ยั้งที่เบาะหลัง แล้วต้องชะงักเมื่อไม่มีใครเลย
พอหันมาไม่เห็นภัทรตรงนั้นแล้ว เจษฎาเตะลมแล้งแช่งชักหักกระดูกที่ถูกหลอก
เพราะภัทรเปลี่ยนรถให้ลูกน้องรับกรวิกกลางทาง กลับบ้านไปแล้ว...
ส่วนกรวิก เมื่อไมค์กับชนม์ขับรถรับมาส่งที่บ้าน และกลับไปแล้ว
คนในบ้านกับสาวใช้ทั้งสามคนอ้าปากหวอ เมื่อเห็นกรวิกอุ้มช่อลดาเข้าบ้านมา
เดินเลยพาขึ้นห้องรับรองแขกข้างบน วางเธอลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม
ผ้าชุบน้ำเช็ด หน้าตาให้ เมื่อยังไม่ฟื้น เขายิ่งกระวนกระวาย...

มองน้องเอย...เขานึกถึงเมื่อครั้งอายุสิบขวบ น้องเอยคนนี้เป็นคนเติมชีวิตเมื่อเยาว์วัยให้เขา
คอยเช็ดตัวให้เขายามเจ็บป่วย คอยให้กำลังใจเวลาคิดถึงแม่ เพราะเขารู้ว่าแม่ไม่กลับมาแล้ว
ทิ้งเขากับพ่อไว้ เขาเสียใจจนเพ้อว่า แม่ทิ้งเขาไปแล้ว... แต่เอยย้ำกับเขาว่า
"ใครจะทิ้งพี่วิกไปก็แล้วแต่ เอยไม่ทิ้งพี่วิกแน่...เอยจะอยู่กับพี่วิก เวลาพี่วิกไม่สบาย
จะเช็ดตัวให้ ถ้าพี่วิกหิว เอยจะหุงข้าวให้ ไข่เจียวที่พี่สอนทำ เอยทำได้แล้วนะ"
"แต่สักวัน เอยก็ต้องไปเหมือนแม่...แม่..." กรวิกคร่ำครวญ
"ไม่ค่ะ...เอยจะอยู่กับพี่วิกไปจนโต ไม่ทิ้งพี่วิกไปไหนทั้งนั้น" กรวิกขอให้สัญญา
"ค่ะ เอยสัญญา"
เอยชูนิ้วมาตรงหน้า...เด็กสองคนเกี่ยวก้อยกัน...มันเป็นความผูกพันลึกซึ้งและล้ำลึก...
กรวิกตื่นจากความฝันครั้งเยาว์วัย มือที่กำลังเช็ดหน้าให้เอยชะงักลงอย่างห่อเหี่ยว โหยหา...
แล้วปาผ้าลงพื้นด้วยความชอกช้ำ มองเอยแล้วหันหน้าเดินหนีอย่างร้าวรานใจ...
เมื่อเขาลงมาข้างล่าง ประยงค์กับพวกพากันหลบไปทันที เขาต้องถามว่า
ยังไม่นอนหรือ ทอปัดตั้งสติ ถามทันทีว่าผู้หญิงที่พามาแฟนคลับหรือเป็นใคร
เคยรู้จักหรือเปล่า กรวิกไม่ตอบทอปัด หันไปสั่งเยื้อนทำข้าวต้มร้อนๆสักชาม
ให้ประยงค์หายาดมแก้ลมมาให้ด้วย บอกทอปัดห้วนๆว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่มีอะไร ไปได้แล้ว...

ooooooo

ขณะที่หมอลักษณ์รอคอยการกลับมาของช่อลดาอยู่ที่โรงแรมด้วยความเป็นห่วง
ว่าห้าทุ่มแล้วยังไม่กลับมาอีก...สงสัยว่าจะสนุกอยู่กับเพื่อนก็ได้...
หมอเกรงใจช่อลดา แม้แต่จะโทร.หาก็ไม่กล้า...
ในเวลาเดียวกันนี้ ช่อลดาหรือเอยของกรวิกเริ่มจะขยับตัว และลืมตาขึ้น...
เห็นกรวิกนั่งมองอยู่ จึงถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ที่นี่ที่ไหน?
"เธอไม่มีสิทธิ์มาถามฉัน ฉันต่างหากเป็นฝ่ายถามเธอว่า แปดปีที่ผ่านมา เธอหายไปไหน"
"อย่าถามอะไรเลยนะคะ" เอยไม่สามารถตอบได้
"แปดปีที่ผ่าน มันนานเกินกว่าจะลืมความเจ็บปวดที่ร้าวอยู่ในใจทุกวินาทีได้
ฉันต้องการคำตอบ ถ้าเธอตอบไม่ได้ ก็ไม่น่าโผล่มาให้ฉันเห็นหน้า
ให้ฉันคิดว่าเธอตายไปจากโลกนี้แล้วยังดีกว่ากลับมาให้เห็นหน้าอีกแบบนี้"
"เอยรู้ว่าพี่วิกโกรธเกลียดเอย แต่เอยอยากแสดงความยินดีกับพี่วิก
ตามที่เคยสัญญาไว้ เอยติดตามงานพี่วิกทุกเรื่อง
น่าจะได้รางวัลตั้งแต่เรื่องตราบดินสิ้นฟ้าแล้ว เอยชอบที่พี่วิกพูดว่า...
ฉันอาจไม่รู้ว่าความรักเป็นยังไง แต่ฉันรู้ว่าทุกลมหายใจเข้าออก ฉันมีแต่เธอ...แล้วในตอนท้ายที่..."

"หยุดพูดซะที" กรวิกตวาด "เธอกลับมาเพราะเรื่องแค่นี้หรือ"
เอยหน้าเจื่อน "ค่ะ...เอยยินดีด้วยนะคะ กับความสำเร็จของพี่วิกในวันนี้
แล้วก็ต้องขอโทษด้วย ถ้าการมาของเอยทำให้ พี่วิกไม่สบายใจ เอยลานะคะ"
ช่อลดาเดินผ่านเขาไป แล้วหันมา "เอยดีใจนะคะ ที่ได้เจอพี่วิกอีกครั้ง
ดีใจเหมือนทุกครั้งที่ได้เจอ ได้อยู่ด้วยกัน" เอยปล่อยให้น้ำตาพรู ก้าวต่อไป...กรวิกกัดฟัน น้ำตารื้นเช่นกัน....
ขณะที่เอยเดินออกมาทางหน้าบ้าน เสียงกรวิกดังตามมา
"มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ ทำร้ายคนคนหนึ่งให้ตายทั้งเป็นอยู่แปดปี แล้วเดินจากไปง่ายๆแบบนี้"
"เอยไม่ตั้งใจทำให้พี่วิกเสียใจ" เอยหันมาบอก
"งั้นบอกมาซิว่า เธอหายไปไหน" เมื่อเห็นเอยเดินหนี เขาตามกระชากกลับ
"หัวใจเธอทำด้วยอะไร ไหนเธอเคยพร่ำบอกว่า...หัวใจเธอ..."
เอยต่อให้ทันที

"...เป็นของพี่วิกคนเดียว"
เขาฟังแล้วแค่นเสียง ยังอุตส่าห์จำได้
"เอยเคยรู้สึกยังไง เดี๋ยวนี้ วินาทีนี้ เอยยังรู้สึกอย่างนั้น ไม่เปลี่ยนแปลง"
เมื่อเขาย้ำถามว่า เอยหายไปไหน
บอกมาให้พอเยียวยาหัวใจที่แตกสลายของเขาได้บ้าง
คำตอบห้วนๆของเอยว่า...เธอไม่มีเหตุผล ทำให้เขาร้องขอให้ตอบอีกครั้ง เอยจึงเปิดปาก
"บางครั้ง เรื่องบางเรื่องเอยก็ตัดสินใจทำโดยไม่มีเหตุผล"
"แต่บางเรื่องของเธอ มันทำให้ฉันแทบหมดสิ้นความหวังในชีวิต...
ดี ในเมื่อเธอไม่มีเหตุผลกับฉัน ฉันก็ไม่มีเหตุผลกับเธอ"
ขณะที่ในบ้าน พวกแม่บ้านกำลังจะยกข้าวต้มขึ้นไป ถูกดึงไว้ว่า ผู้หญิงหนีไปนอกบ้านแล้ว...
ไม่ทันขาดคำ ทั้งสาม ก็อ้าปากเหวออีกที เมื่อกรวิกลากแขนช่อลดาเข้าบ้านมา
แล้วดึงรั้งพาขึ้นข้างบนอีก...พอเข้าถึงห้อง เหวี่ยงเอยไปที่เตียง
"อยู่ที่นี่จนกว่าจะบอกเหตุผลว่า แปดปีที่หายไป เธอไปไหนมา"
เอยฟุบที่เตียง เสียงมือถือดัง จึงเอาออกมาดู แล้วฮัลโหล...
เสียงลักษณ์ดังมา ขอโทษที่โทร.มารบกวน ว่าดึกแล้วเป็นห่วงว่าอยู่ไหน
ให้รถไปรับหรือจะอยู่ต่อ มีคนมาส่ง
หรือเปล่า จะได้หมดห่วง...เอยจึงบอกสั้นๆ "มีค่ะ พี่ลักษณ์ ไม่ต้องห่วงเอยนะคะ"
กรวิกกระชากมือถือมากรอกเสียง
"คุณเป็นใคร ได้ยินไหม ผมถามว่าคุณเป็นใคร"
เอยหน้าซีด สิ้นหวังว่า ต่อไปความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องคงสะบั้นลงแล้ว...
เมื่อกรวิกฟังแล้วเงียบ จึงคิดว่าแบตหมด ปามือถือ
ลงบนที่นอน
"ใครโทร.มา" เขาถาม เอยไม่ตอบ เขาจึงตะคอกซ้ำ เอยย้อนถามจะรู้ไปทำไม "
ถ้าเขาเป็นคนสำคัญของเธอ จะได้ รู้เอาไว้ จะไม่ต้องมาถามกันให้เมื่อยปาก ว่าเธอทิ้งฉันไปเพราะอะไร"
"ไม่มีใครสำคัญสำหรับเอย มากไปกว่าพี่วิก"
"หยุดพล่าม หยุดโกหก...ถ้าฉันสำคัญจริง เธอจะทิ้งฉันไปหรือ
แต่นี้ไปฉันไม่หลงคารม ไม่ใจอ่อนกับเธออีกแล้ว พอกันที"
"เอยทำผิดกับพี่วิกมาก เอยขอโทษ ไม่ตั้งใจจะให้เป็นแบบนี้
ถ้ามีทางทำให้พี่วิกสบายใจได้ บอกมาเถอะ เอยยินดี ทำเพื่อไถ่โทษที่เคยทำผิดไว้"
"งั้นบอกมา เธอหายไปไหน ถ้าบอกเหตุผลมา เรื่องก็จบ
ฉันจะไม่มีอะไรติดค้างในใจ เธอจะได้เป็นอิสระ แต่ถ้าเธอไม่พูด เราก็อยู่กันอย่างนี้...
อยู่จนกว่าฉันจะพอใจและลืมความเจ็บปวดในอดีตที่ผ่านมา...
มันเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ฉันรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างอย่างที่เธอต้องการ"
ช่อลดาอึ้งจนพูดไม่ออก กรวิกหันไปกระชากสายโทรศัพท์ในบ้านทิ้ง...แล้วปึงปังออกจากห้อง...
ช่อลดานั่งเป็นหุ่น ครุ่นคิด การพบกับพี่กรวิกครั้งนี้...เต็มไปด้วยความเกรี้ยว กราดมาดร้าย...
โลกนี้มันช่างมืดมิดโดยแท้...
ooooooo
หมอลักษณ์ให้คนในโรงแรมช่วยตามหาช่อลดา ไปทั่ว ไม่ว่าโรงพัก โรงพยาบาล
มูลนิธิ วิทยุโทรทัศน์ เท่าที่จะนึกได้ แต่ล้วนคว้าน้ำเหลว แม้หมอจะต้องสัมมนา ก็แทบไม่มีสมองจะคิด...
ส่วนช่อลดาอยู่บนห้อง เห็นปลอดคน จึงย่องลงมาเพื่อจะหาโทรศัพท์
พอจะยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ ทอปัดก็สั่งหยุด แล้วให้พวกโทร.เรียกตำรวจ
แม่คนนี้จะขโมยของ เพราะใกล้โทรศัพท์มีกรอบรูปกรวิกคริสตัลราคาแพงตั้งอยู่
เสียงเอะอะทำให้กรวิกเดินมาถามว่าเรื่องอะไร พอรู้เรื่องสั่งทอปัดไม่ต้องเรียกตำรวจ
เขาจัดการเอง แล้วพาเอยขึ้นข้างบนไป ทอปัดมองตามพี่วิกของเธอไปอย่างไม่พอใจ
ช่อลดาแก้ตัวว่าจะโทรศัพท์ ไม่ได้คิดขโมย เขาถามว่าจะโทร.หาคนเมื่อคืนใช่ไหม
ช่อลดาบอกทันทีว่า ใช่แล้ว เป็นเพื่อนกัน กรวิกสั่งทันที "ฉันไม่ให้โทร."
"พี่วิกคะ เอยอยากบอกเขาว่าเอยอยู่ที่ไหน หายทั้งคืนอย่างนี้ เขาคงห่วงแย่
เอยทิ้งของส่วนตัวไว้ที่เขา เอยจะขอไปเอาของของเอย"
"ดูเธอใส่ใจความรู้สึกของเขาเป็นพิเศษนะ...คงไม่ใช่ แค่อยากโทร.หาเขา
แต่อยากไปหาเขามากกว่า อย่าลืมสิ เมื่อคืนเธอว่ายังไง"
"เอยไม่ได้ลืม แต่จำเป็นต้องไปจริงๆ เอยไปไม่นานหรอกค่ะ แล้วเอยจะกลับมา"
เขาหยั่งเชิงว่า จะเชื่อได้แค่ไหน "เอยเคยทำผิดมาแล้วครั้งหนึ่ง เอยจะไม่ทำผิดซ้ำสองค่ะพี่วิก"
กรวิกจ้องแต่ไม่พูด...
อาการเงียบขรึมมึนตึงของกรวิก ช่อลดารู้สึกเหมือนรอการลงทัณท์อย่างหนัก...
ooooooo
คุณโสภิตา มารดาดาราสาวเมลานีหรือเมนี่วิ่ง มาปลุกลูกสาวให้ตื่น
มาดูหัวข่าวใหญ่ของหนังสือพิมพ์ เช้า เมลานีมองพาดหัวข่าว
"ซุปเปอร์สตาร์คนดังอุ้มหญิงนิรนามหายเข้ากลีบเมฆ"
แม่เสริมว่า ข่าวดังยิ่งกว่ากรวิกได้รางวัลซะอีก แล้วแม่ถามเมลานีว่า
เรื่องจริงมันเป็นยังไง...ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เมลานี บอกไม่ทราบ
แม่ได้แต่บ่นว่า แล้วแม่จะตอบคำถามเพื่อนๆว่ายังไง
อยู่ๆคู่รักของลูกก็อุ้มผู้หญิงอื่นไปต่อหน้าจนอื้อฉาวขนาดนี้ เมลานีบอกแม่ว่า
เธอไม่เป็นอะไรกับกรวิก แม่ยังหาว่าเล่นตัว แล้วบอกว่าใครๆก็หนุน
แล้วยังเป็นผลดีต่อธุรกิจของเราด้วย จึงถูกเมลานีต่อว่า
เธอไม่ใช่สินค้า แล้วจะเอาความรักไปเรียกลูกค้าได้ยังไง แม่ยังลุ้นว่า กรวิกเพอร์เฟกต์ที่สุด
"เอาอย่างนี้ค่ะแม่ เมนี่กับเขาเป็นแฟนกันเมื่อไหร่
จะบอกแม่เป็นคนแรก แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่ ฉะนั้นเขาจะไปไหนกับใครก็ได้ โอเคนะคะ"
เมลานีดึงผ้าคลุมโปง แม่ได้แต่ขัดแค้นแน่นในอุราที่ลูกไม่ได้ดังใจ
ส่วนผู้จัดการภัทร ก้าวแรกที่เข้ามาบริษัท เจอเจษฎามาตาขวางดักอยู่
คำแรกที่ต่อว่าภัทรคือ ภัทรหลอกเขา ที่เมื่อคืนไม่บอกว่าไม่มีใครในรถ
ภัทรยิ้มยั่ว บอกแล้วไงให้กลับบ้าน นายไม่เชื่อเอง ไม่ใช้สมองคิดให้ดี ภัทรเดินหนีไป
"มีโอกาสเมื่อไหร่ กูจะสับให้เละทั้งออฟฟิศเลย คอยดู" เจษฎาคำรามฮึ่มๆตามหลัง...
เมื่อภัทรเข้าไปพบคุณดวงแก้วที่ห้องทำงาน พอรับรู้ว่ากรวิกยังไม่โผล่มาก็ตกใจ
เพราะกรวิกบอกเมื่อคืนว่า จะมาเคลียร์เรื่องกับคุณดวงแก้วเอง
แต่เมื่อให้การ์ดสองคนไปรับตัวที่บ้าน แต่สวนกัน
จึงยังไม่แน่ว่าจะมาที่นี่หรือไปไหน ถ้าไม่มา มีทางเดียวคือเลื่อนการแถลงข่าว...
ให้เป็นข่าวติดต่อกันไป...จะได้พาดหัวซุปเปอร์สตาร์เบี้ยวแถลงข่าว
หายตัวไร้ร่องรอย...คุณดวงแก้วดีใจดีดมือเปาะ แบบนี้ก็เป็นข่าวใหญ่ ชนิดตลาดแตกดังโพละไปทีเดียว...
ooooooo
หลังจากการสัมมนาสิ้นสุดลง ปราชญ์กับปรัชญา
ลูกชายมาเกลี้ยกล่อมให้หมอลักษณ์มาทำงานที่โรงพยาบาลเขาในเมืองไทย
แต่ลักษณ์ก็ได้ปฏิเสธเป็นครั้งสุดท้ายว่า เขาไม่ได้เกี่ยงเรื่องเงินรายได้
แต่อยู่ที่เขายังไม่อยากมา ที่โน่นคนไข้ของเขายังอยู่มากมาย
หมอลักษณ์ได้โอกาสผละจากสองพ่อลูก เมื่อช่อลดามายืนทักจากข้างหลัง
หมอไม่รีรอ ดีใจจนไม่สนพ่อลูก พาช่อลดาไปอีกทางหนึ่ง
ตั้งหน้าซักถามกันยกใหญ่ ตั้งแต่หายไปไหน เขาห่วงแทบแย่ ไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน
กลัวเอยจะเป็นไรไป โทร.ติดต่อก็ไม่ได้
"ไหนบอกมาซิครับ เอยไปอยู่ที่ไหนมา แล้วกลับมาได้ยังไง ใครมาส่ง"
"เอย..." เอยคิดหนักจนรู้สึกหวิวๆ "เอยไปค้างที่บ้านเพื่อน แล้ว...แล้วจะกลับมาเอา"
เอยเครียดหนัก พูดได้แค่นี้ก็ลมจับล้มพับ หมอคว้าตัวเธอไว้ก่อนจะทรุดลง...
หมอร้องเรียกเอยเสียงสะท้าน...
กรวิกเดินมาแล้วสะอึก ยืนตะลึงเมื่อเห็นช่อลดาซบนิ่ง ในอ้อมกอดของผู้ชายที่เขาไม่รู้จัก...
ช่อลดาถูกพาไปต่อหน้า... ขณะที่กรวิกตกอยู่ในอาการกระอักเลือดเดือดพล่านในอก...
เมื่อลักษณ์พาช่อลดาไปนอนพักในห้องของโรงแรม ป้อนน้ำป้อนยาให้อย่างเต็มที่
กระทั่งอาการดีขึ้น ช่อลดาจึงบอกเขาว่า เธอมีเรื่องจะคุยกับเขา เขาขอให้เอาไว้ทีหลัง
ตอนนี้พักก่อน แล้วจัดแจงเช็ดหน้าตาเนื้อตัวให้ บอกว่าสั่งข้าวต้มร้อนๆมาให้แล้ว...
สิ้นคำหมอ เสียงเคาะประตูดังขึ้น หมอบอกมาแล้ว เดินไปเปิดประตู...
แล้วกลับมาหยิบเงิน สั่งให้วางไว้โดยไม่มองคนที่มา แต่แล้วทั้งช่อลดาและลักษณ์ถึงตะลึง...
ไม่ใช่พนักงานโรงแรม แต่เป็นกรวิก...ดาราดังระเบิดตอนนี้
กรวิกยืนนิ่งเป็นหุ่นที่ไร้ชีวิตจิตใจ...เป็นนานจึงเอ่ยขึ้นเสียงเย็นเฉียบ
"นี่คือเหตุผลของเธอใช่ใหม...พอกันที" กรวิกค่อยๆหันหลังกลับ เดินจากไป
"พี่วิก...พี่วิก...ฟังเอยก่อน...พี่วิก" ช่อลดาลงจากเตียง วิ่งตามกรวิกออกไป...
หมอยืนนิ่ง ขยับไม่ไหว...เอยวิ่งตามกรวิก ร้องเรียกเขาเหมือนจะขาดใจ ขอให้เขาฟังคำอธิบายของเธอก่อน
กรวิกได้ยินเสียงช่อลดาร้องเรียก ยิ่งจ้ำอ้าวหนี...ช่อลดาต้องวิ่งไปดักหน้า จับแขนเขาไว้
"พี่วิกกำลังเข้าใจผิดนะคะ"
"แล้วที่ถูกมันเป็นยังไง" กรวิกปัดมือเธอ
"ไหนว่ามาซิ ผู้หญิงกับผู้ชายจะขึ้นไปทำอะไรบนเตียงเดียวกัน นอกจากกิจกรรมอย่างว่า"
"เอยกับพี่ลักษณ์ไม่ได้ทำอะไรอย่างพี่ว่านะคะ เอยแค่จะกลับมาเก็บเสื้อผ้า แล้วกลับไปหาพี่วิก"

"โกหก...เมื่อไหร่เธอจะพูดความจริงกับฉันเสียที"
ช่อลดาย้ำว่า เธอพูดความจริง "ไม่ใช่เธอต้องการกลับมาหาชายคนนี้
เพื่อไปอยู่อเมริกากับเขา เหมือนเมื่อ 8 ปีที่แล้วงั้นเหรอ"
"พี่วิกรู้เรื่องที่เอยไปอเมริกา?"
"ทำไมฉันจะไม่รู้..." กรวิกบอกไปแล้ว ขบกรามแน่นสะกดความรู้สึกช้ำเอาไว้...

ooooooo

ความหลังอันเจ็บปวดของกรวิก สะท้อนภาพเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา ย้ำแผลเก่านั้นอีกครั้ง...
แม้แต่พ่อของกรวิกเอง ป่วยหนักจนวันที่ต้องให้คีโมเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนที่หมอจะปลูกถ่ายไขกระดูกจากสเต็มเซลล์ของกรวิกเพื่อรักษาพ่อ...
พ่อยังบอกกรวิกที่กำลังจะไปพบหนูเอยตามนัดว่า
พ่อเสียใจที่ไม่ได้ไปในวันหมั้นหมายอันสำคัญอย่างนี้ กรวิกยังบอกพ่อว่า
หลังพ่อผ่านคีโมแล้ว เขาจะพาเอยมาเยี่ยมพ่อเอง แล้วค่อยอวยพรให้เราทั้งสอง...
พ่อยิ้มให้ลูกชายก่อนหลับตา ลงอย่างอ่อนเพลีย....
กรวิกมองพ่อ แล้วล้วงเอากล่องกำมะหยี่สีแดงออกมา
มันเป็นแหวนทองคำขาว เขายิ้มอิ่มใจ ก่อนจะกำมันแน่น เดินจากไป...
แล้วสิ่งที่กรวิกไม่คาดฝันก็พลันเกิดขึ้น
เมื่อเขาวิ่งไปยังบ้านช่อลดาหรือน้องเอยที่อยู่ไม่ห่างจากบ้านเขามากนัก
พอถามหญิงกลางคนที่กำลังกวาดบ้าน เขาตกใจและแปลกใจที่รู้ว่าเอยขายบ้านนี้แล้ว...
เธอบอกกับคุณนายคนซื้อว่า เธอจะย้ายไปอยู่อเมริกา
"ถ้าคุณจะไปส่งน่าจะทันนะคะ ตอนป้ามายังคุยกับเธอ เพิ่งเห็นเรียกแท็กซี่ไป"
กรวิกหูผึ่ง...เผ่นโผนจากที่ตรงนั้นไปแทบไม่หายใจ...
ทันทีที่ถึงสนามบิน เขาวิ่งเหมือนคนบ้า มองหาคนหัวดำที่เป็นน้องเอยของเขา
วิ่งไปหลบหลีกผู้คน ทั้งชนคนและข้าวของระเนระนาด...หอบจนตัวโยน
จึงเห็นหลังน้องเอยไวๆ ที่กำลังลากกระเป๋าเข้าห้องผู้โดยสารขาออก
เขารีบผวาตาม ถูกเจ้าหน้าที่กั้น ขอเอกสาร เขาขอร้องเข้าไปหาคนด้วยธุระสำคัญยิ่ง
อ้อนวอนเป็นนานแต่ไร้ผล ต้องหลีกให้ผู้โดยสารคนอื่นเข้าคิว...
กรวิกยืนน้ำตาซึมด้วยความเสียใจเสียดาย อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องเอย
ทำไมถึงทำอย่างนี้ กรวิกก้มหน้านิ่งอย่างหมดสภาพ เหลืออยู่แต่คนที่ไร้หัวใจ...
มีคำถามเดียวที่ผุด ขึ้นมาหลอกหลอนเขาคือคำว่า...ทำไม? ทำไมๆๆๆ

ooooooo

ภาพความชอกช้ำกระหน่ำเขาจนถึงบัดนี้...บัดนี้ที่มีน้องเอยมาอยู่ตรงหน้าเขา...
กรวิกเอ่ยขึ้นด้วยลำคอที่แห้งผาก
"ฉันทนเก็บความสงสัยไว้ถึง 8 ปี...เฝ้าถามตัวเองว่าเพราะอะไร ถ้ารู้ว่าเพราะเธอมีใหม่
ฉันไม่เสียเวลาผละจากพ่อ ไม่เอาลมหายใจของพ่อมาเสียไปเพราะความรักงี่เง่า หน้ามืดตามัวแต่ฝ่ายเดียว"
"พี่วิกหมายความว่าไง...คุณพ่อเป็นอะไร" ช่อลดาใจหาย หน้าเสีย
ยิ่งทำให้กรวิกพล่านด้วยความแค้น...นาทีแห่งความเสียใจกระหน่ำกรวิกอีกครั้ง
เมื่อนึกถึงความหลังอาการของพ่อ หลังจากพ่อคีโมแล้ว หมอมาบอกเขาว่า
คนไข้ติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง จึงจะมีชีวิตอยู่ไม่นานนัก...
ก่อนที่พ่อจะสิ้นใจ กรวิกจับมือพ่อไว้ พ่อถามหาหนูเอย... เมื่อเขาอ้ำอึ้ง
พ่อถามหาหนูเอยอีก พ่อกำลังจะถามว่าหนูเอยไปไหน แต่สิ้นใจไปเสียก่อน...
กรวิกร้องไห้โฮ กับร่างไร้วิญญาณของพ่อ...
"จนลมหายใจสุดท้าย พ่อฉันยังเวียนถามถึงเธอ...

ช่อลดา" เขามองน้องเอย ถมความช้ำใส่ลงไปในใจตัวเองอีกครั้ง...
ช่อลดาเองปล่อยโฮออกมา ถูกเขาสำทับว่า ร้องทำไม ไม่ทำให้พ่อเขาฟื้นขึ้นมาได้
น้ำตาเธอไม่ช่วยให้ความรู้สึกดีๆของเรากลับคืนมาได้ ช่อลดาขอโทษเขาอีก
แต่ถูกสลัดทิ้งไม่ให้พูด เขาย้ำ เอยไปมีคนอื่น มันก็ไม่ผิด แต่มันเลือดเย็น
ที่ชีวิตคนหนึ่งจากโลกไป...อีกคนตายทั้งเป็น
"คนหัวใจด้านอย่างเธอ ไม่มีวันรู้รส ว่าคนที่สูญเสียคนที่รักที่สุดไปพร้อมกันสองคน
มันเจ็บปวดทรมานแค่ไหน ฉันดีใจที่ได้เจอเธออีกครั้ง ดีใจที่มีวันนี้
ที่ฉันได้หลุดพ้นข้อสงสัย ฉันไม่ต้องถามว่า ทำไมสิ่งที่เห็นมันชัดเจนยิ่งกว่าคำตอบ
ที่ออกมาจากปากเธอด้วยซ้ำ" กรวิกก้าวออกไป ช่อลดาร้องห้าม
"พี่วิก อย่าใจร้ายกับเอย อย่าเข้าใจผิดแบบนี้" เอยดึงเขาไว้ ร้องขออธิบายให้เขาฟัง
"เราไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว" ปัดมือเอยทันที "ออกไปจากชีวิตฉันซะที ช่อลดา"
กรวิกก้าวไปไม่หันมามอง ช่อลดายืนนิ่ง เสียงที่ลอดออกมาเรียกพี่วิกนั้น แผ่วเบาเหมือนจะสิ้นใจ...
ช่อลดาทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างหมดสิ้นทุกสิ่งแล้ว...
หมอลักษณ์เดินมาหาช่อลดาช้าๆ ทรุดลงนั่งประคองปลอบประโลมใจ
ช่อลดาหันมาซบ แล้วร้องไห้เหมือนใจจะขาดในอ้อมกอดของหมอลักษณ์...

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น: