วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ใจร้าว ตอนที่2 .(ต่อ)

ตอนที่2 (ต่อจากวานนี้)
อีกด้านหนึ่ง...เมื่อหมอลักษณ์ตัดสินใจปักหลักในกรุงเทพฯหนึ่งปี

คุณปราชญ์ดีใจพยายามจัดการให้อย่างเอาใจเป็นพิเศษ

ทำให้ปรัชญาลูกชายไม่พอใจพ่อมากขึ้นทุกที

ไม่ว่าพ่อจัดการห้องสูทหรูที่สุดให้ ทั้งหารถประจำตำแหน่งราคาแพงให้ขับอีก

ปรัชญาลูกชายคุณปราชญ์ เก็บความไม่พอใจฝังลึกไว้พอสมควรทีเดียว...
ส่วนช่อลดา หลังจากได้ห้องพักอย่างดีแล้ว

กลับมานั่งคิดอย่างหนัก โดยเฉพาะคำพูดไม่พอใจของทอปัด

ที่หวงกรวิกยิ่งกว่าคู่รัก ทั้งสับว่า...พี่วิกมีนางเอกเบอร์หนึ่งอยู่แล้ว

ไม่สนใจแฟนคลับหน้าจืดอย่างเธอ...ช่อลดาได้แต่ถอนใจ แล้วสรุป
"ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นใคร ถ้าเขาเป็นคนที่พี่วิกเลือก เอยก็ยินดีด้วยทั้งนั้น..."
ช่อลดามาหลับเอาตอนดึกมากแล้ว...

พอฟ้าสางสว่างจ้าและสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

พอรับก็ได้ยินเสียงกรวิกขนาบดังมา...
รถเขาจะผ่านอพาร์ตเมนต์ของเอยหกโมงครึ่ง...

เอยมีเวลา 10 นาที เขาไม่ชอบคนผิดเวลา เข้าใจนะ...

สั่งแล้วตัดสาย เอยร้องเรียกลั่น แต่ไม่ทัน...

จึงโดดลงจากเตียงคว้าผ้าเช็ดตัวเผ่นเข้าห้องน้ำแทบไม่หายใจ...
กรวิกนั่งรถตอนหลัง ชนม์เป็นคนขับ ไมค์นั่งมาข้างคนขับ...

รถแล่นมาจอดหน้าอพาร์ตเมนต์ ครู่เดียว ช่อลดารีบวิ่งหน้าตื่นลงมา

กรวิกมองนาฬิกาตัวเอง แล้วสั่ง
"ออกรถ" ไมค์ คิดว่ากรวิกไม่เห็น จึงบอกว่าวิ่งมานั่นแล้ว

แต่กรวิกไม่สน สั่งเฉียบ
"ไป...ชนม์" ชนม์มองเพื่อน แล้วต้องออกรถไปทันที ช่อลดาวิ่งมาถึง

ต้องร้องเรียกพี่วิกให้รอด้วย...แต่รถออกไปไกลแล้ว และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดรับ...

ช่อลดามองนาฬิกาข้อมือ... หกโมงครึ่งเป๊ะตามเวลานัด...

ช่อลดายืนเคว้ง สมองตีบตันไปแล้ว...
แล้วเรื่องของช่อลดา คนทำงานมือสมัครเล่นตามที่ภัทรคาดไว้

ก็เป็นไปตามคาดทันที เมื่อช่อลดาโทร.ไปหาภัทร

บอกว่าลงมาพบกรวิกไม่ทัน เขาไปก่อน...ภัทรใส่แหลกว่า

วันแรกก็เป็นเรื่อง ไม่รู้หรือว่ากรวิกตรงต่อเวลาขนาดไหน

แล้วด่าแหลก เป็นผู้จัดการไม่รู้ว่าเขาไปถ่ายละครกันที่ไหน

ภัทรด่าสะใจแล้วบอกว่า เขาไปถ่ายที่สุขุมวิท 33

แล้วกำชับไม่ต้องโทร.มากวนอีก...
พอภัทรได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คิดว่าช่อลดาโทร. มาถามอีก

จึงใส่แหลกลาญว่าปวดหัวตัวร้อนขี้ไม่ออกเยี่ยวไม่สุด

หรือไม่มีค่าแท็กซี่ บอกซิจะให้ช่วยอะไร แล้วภัทรก็ร้องลั่น

เมื่อไม่ใช่ช่อลดา แต่เป็นเมลานี จึงหน้าจืดตกใจ
"ว้าย...น้องเมนี่เหรอ" แล้วภัทรถูกเมลานีใส่เสียหูอื้อ

หาว่าถ้ามาสายกันแบบนี้ อย่าโทร.ปลุกเธอตั้งแต่ตีสี่ตีห้า...

ว่าแล้วไม่ให้ไปรับ เธอจะขับรถมาเอง...
ภัทรตัดสาย โกรธจนแยก เขี้ยวตีอกชกหัว...

ด่าว่าเป็นเพราะนังตัวแสบช่อลดาคนเดียวแท้ๆ

ooooooo

รถเก๋งสองคันวิ่งเข้ามาลานจอดรถของโรง-พยาบาลจากคนละทาง

แต่จะถอยเข้าจอดช่องเดียวกัน อีกคันคนขับเปิดประตูลงมา

เธอคือดาราสาวเมลานี หรือเมนี่คนดัง สวมแว่นกันแดดอันใหญ่ปิดแทบเต็มหน้า

ไปเคาะกระจกคนขับ เขาลดกระจกลง กลายเป็นหมอลักษณ์

จึงถูกดาราสาวจิกทันที
"นี่คุณ ตาบอดรึไง ฉันถอยรถจะเข้าจอดก่อน คุณไม่เห็นเหรอ"
"เห็นครับ แต่คิดว่าคุณจะกลับรถ

ที่จอดตรงนี้สงวนไว้ให้รถทะเบียนเหมือนรถผมได้จอด ดูป้ายนั่นสิครับ"

เมลานีหันไปมอง ก็เห็นตรงตามที่บอก แต่ไม่ยอม
"แต่วันนี้ ฉันมาเป็นแขกวีไอพีของที่นี่ เพราะฉะนั้น ฉันจะจอดตรงนี้"
"ที่จอดรถสำหรับลูกค้าของที่นี่ก็มีครับ ที่ชั้น 7 ครับ

ลูกค้าคนอื่นๆเขาไปจอดกันนะครับ"
"ฉันไม่ใช่ลูกค้า ฉันมาทำงาน แต่ไม่ใช่พนักงานที่นี่

โรงพยาบาลเชิญฉันมาทำงานวันนี้ ในฐานะแขกวีไอพี

นี่ถามจริงๆ นายจำฉันไม่ได้จริงๆรึไง"
"เราเคยรู้จักกันหรือครับ" หมอลักษณ์ยังคิดไม่ออก
"ฉันไม่รู้จักนาย แต่นายต้องรู้จักฉัน ใครๆในประเทศนี้

เขารู้จักกันทั้งนั้น"
"แต่...ผมแน่ใจครับ ว่าไม่เคยรู้จักคุณ หรือเคยเห็นหน้าคุณด้วยซ้ำ"

หมอบอกประสาซื่อ
"นี่นาย...มาจากหลังเขารึไง" เมลานีคิดว่าเป็นคนขับรถ

"หมอคนไหนไปขุดนายมาขับรถ หา...สงสัยไฟฟ้าเข้าไม่ถึง

หมู่บ้าน รึไม่มีทีวีดูละคร จึงไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร"
"แล้วคุณเป็นใครล่ะครับ" หมอยังตั้งเป้าสงสัยเข้าไว้
"ฉันเป็นใครก็ได้...จะจอดรถตรงนี้ แล้วไม่มีใครว่าก็แล้วกัน...

ออกไปได้แล้ว ไม่งั้นนายโดนเฉดหัวออกจากงานแน่ ถ้ามีเรื่องกับฉัน...ไปสิ"
หมอลักษณ์นิ่งอึ้งกิมกี่...กลัวเสียเวลา จึงถอยรถออกไปตามระเบียบของเมลานี

ooooooo

เมลานีเดินเข้าไปในโรงพยาบาล เข้าลิฟต์แล้วกดไปชั้น12

หันหน้าเข้าหาผนังไม่อยากให้ใครเห็นเพราะรำคาญพวกเห่อดารา

พอจะปิด หมอลักษณ์ก็วิ่งมาขอไปด้วยคน แล้วเข้ามาทันพอดี

เขากดไปชั้น 10...ลิฟต์จอดส่งคนลง เมลานีคิดว่าคนลงหมดแล้ว

จึงหันหน้ามา หมอส่งยิ้ม ให้ เมลานีคิดว่าเขายั่วยวนกวนใจ

จึงสะบัดหน้าหนี...
ครู่เดียวเกิดไฟในลิฟต์ดับวูบลงไม่นาน ไฟสว่างขึ้นอีกครั้ง...
แต่ลิฟต์ยังค้างเติ่งที่ชั้น 8 เขาพยายามกดปุ่มนั่นนี่ ล้วนล้มเหลว

บ่นว่าสงสัยลิฟต์ จะค้างแล้ว สายตาใต้แว่นของเมลานีพองโตอย่างหวาดกลัว...
หันรีหันขวาง กระวนกระวาย ทั้งกดทั้งตบปุ่มขอความช่วย

ปากก็ร้องให้คนช่วย บ้างก็สั่งเอาเรื่อง ให้ใครช่วยเปิดลิฟต์

ลักษณ์นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จึงเตือนให้อยู่นิ่งๆ

ยิ่งใช้พลังงานมากยิ่งจะหายใจไม่ออก ยืนนิ่งๆ หายใจลึกๆไว้

เมลานีตวาดแว้ด เขาจะนิ่งเชิญ เธอตายไม่ได้เพราะเธอคือคนสำคัญ

แล้วทั้งสองก็ตอบโต้โยเยกันไปมา เมลานีแค้น จึงถอดแว่นตาออก
"เอ้า ดูให้เต็มตาว่าฉันเป็นใคร" สิ้นคำสั่ง ลักษณ์เข้ามามองหน้าใกล้ๆ สั่นหัว
"ผมเดาไม่ออกหรอก บอกผมมาดีกว่า ว่าคุณเป็นใคร"
"ไอ้บ้า...ไอ้โง่ กลับไปหลังเขาของนายเถอะไป๊"

ด่าแล้วหันไปทุบประตูลิฟต์ให้คนมาช่วยตามเดิม...ลักษณ์ปลดเนกไท

ม้วนกลมๆยัดปากเมลานี แล้วรวบแขนทั้งสองไขว้หลัง

จนเธอตาเหลือก ช็อกจนร้องไม่ออก เขากระซิบ
"ขอโทษนะครับ เป็นวิธีเดียวที่ทำให้คุณหยุดใช้ปาก

แล้วหายใจทางจมูกแทน" เมลานีดิ้นพราดกรี๊ดแต่เสียงไม่ลอดออกมา...

ooooooo

ที่กองถ่ายหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง

ทั้งไมค์และชนม์ต่างแปลกใจที่กรวิกไม่ได้เก็บตัวอยู่ในรถนอนอย่างเคย

วันนี้กลับออกมานั่งจิบกาแฟอยู่หน้ารถ...

แล้วจู่ๆช่อลดาวิ่งหน้าตั้งมาหากรวิก ขอโทษที่มาช้า กรวิก เสียงดัง
"นี่ไม่ใช่เวลามาขอโทษ ไปขอบทแล้วคิวถ่ายมาให้ฉัน เรียงซีนมาเลยนะ ถ่ายฉากไหนก่อน"


"ค่ะ...เออ...เอยต้องไปขอที่ใครคะ"
"อะไร..." ตวาดทันที
"เธอเป็นผู้จัดการส่วนตัวของฉัน เธอไม่รู้เลยเหรอว่าจะต้องไปขออะไรที่ใคร

เรื่องจิ๊บจ๊อยแค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปตกลงต่อรองเรื่องใหญ่ๆได้ไง"

สะใจกรวิก เมื่อลูกน้องและหลายคนในกองถ่าย

ได้ยินหันมามองช่อลดาเป็นตาเดียว...ช่อลดาอับอายแทบแทรกแผ่นดิน

หนี...กรวิกยังไม่สะใจ เรียกตาลมาหา แล้วสั่ง
"ช่วยอธิบายให้ผู้หญิงคนนี้ฟังหน่อยว่าหน้าที่ธุรกิจ

ในกองถ่ายของตาลสำคัญยังไง เขาควรจะมาติดต่อรับอะไร

หรือคุยคิวอะไรกับตาลบ้าง"
เมื่อตาลรับคำ...ช่อลดาไม่กล้าสบตาใครๆ รู้สึกตัวเองงี่เง่าจับซาสี่โหงวลัก..

.
เต็มประดาหลังจากช่อลดาหรือเอย...

ไปจัดการเรื่องงานกับตาลแล้ว หอบเอกสารกลับมารายงานกรวิก...

มีบทที่จะถ่ายวันนี้ พร้อมฉากเรียงไว้แล้ว จะดูฉากแรกไหม?
"ยัง...ฉันยังไม่ทำงานจนกว่าจะได้กินอาหารเช้า"

ชนม์ รีบอาสาไปสั่งที่ร้านนี้ให้ กรวิกสั่ง
"ฉันจะกินลาซานญ่า" ชนม์ อาสาไปจัดการให้ เขากลับบอกว่า

ต้องที่ร้านอาหารอิตาเลียนหลังโรงแรมเพรสิเด้นท์

ชนม์รีบอาสาอีก แต่กรวิกกลับตัดบท...
"ลาซานญ่ากล่องเดียว ไม่ต้องขับรถไป

ให้คุณเอยนั่งมอเตอร์ไซค์ไป อยู่อเมริกาตั้งนาน

คงอยากเห็นว่าเดี๋ยวนี้เมืองไทยหน้าตาเป็นยังไง"

ช่อลดารีบรับคำไปทันที กรวิกสั่งตบท้าย
"อย่าเถลไถลไปไหน ฉันจะไม่ทำงานจนกว่าเธอจะมา

ยิ่งเธอมาช้าเท่าไหร่ งานก็ยิ่งช้าเท่านั้น" ช่อลดาไม่ชักช้า

บอกว่าจะกลับมาให้เร็วที่สุด...กรวิกมองตามหน้าตาเฉย...

อยากรู้นักว่าจะเจ็บแสบแค่ไหน?

ooooooo

ทันทีที่แต๋วภัทรไปถึงโรงพยาบาล ก็ทำท่าจะตายให้ได้...

เมื่อไปถึงช่างเทคนิคยังรายงานว่า เมลานี
ยังติดอยู่ในลิฟต์...
ภัทรอุทานดังลั่นว่า...ตายแล้ว ช่างยืนยันว่ายังไม่ตาย

เล่นเอาภัทรโกรธ จึงสั่งให้พาไปดูลิฟต์ค้างทันที...
ในขณะที่ภายในลิฟต์...หลังจากเมลานีดิ้นรนจนตอนนี้ร่างกายเริ่มอ่อนล้า

เมื่ออากาศน้อยลง จึงเซไปซบอกลักษณ์ ยิ่งเมื่อร่างจะทรุดลง

ลักษณ์ต้องรีบพลิกเธอกลับมา หน้าทั้งสองแทบชนกัน

เขาค่อยๆวางเธอลงกับพื้น ดึงเนกไทจากปากเธอ

แล้วเขย่าเรียก เมื่อเห็นท่าทางจะหลับ...เขาจับชีพจรเธอแล้วตกใจ...
ขณะที่ด้านนอก ภัทรก็วุ่นวายสั่งช่างไม่หยุดปาก

จนช่างขอร้องให้หลบๆไปหน่อย เขาจะทำงานช่วยคนข้างใน...
จากนั้นช่างสามคนช่วยกันใช้เครื่องมือช่วย

ไม่นานนักช่างหันมาบอกว่า...เปิดได้แล้ว...
ภัทรยิ้ม หน้าเริ่มดีขึ้น จ้องที่ประตูตาเขม็ง...
เมื่อประตูเปิดออก...ภัทรอ้าปากกว้างแทบฉีก

เมื่อเห็นภาพลักษณ์กำลังเม้าท์ทูเม้าท์ให้เมลานีที่นอนแทบพื้นลิฟต์นั่นเอง

ooooooo

ทันทีที่มอเตอร์ไซค์รับจ้างวิ่งมาจอดหน้ากองถ่าย

ช่อลดารีบส่งเงินให้ แล้วหิ้วถุงลาซานญ่าวิ่งมาหากรวิกที่รถนอน...

ชนม์หันมาเห็นเธอ จึงเคาะประตูเรียกกรวิก

บอกว่าคุณเอยมาแล้ว...กรวิกเดินออกมาข้างหน้า

ช่อลดายิ้มร่ามาส่งของให้ บอกอย่างภาคภูมิ
"ได้แล้วค่ะพี่วิก" กรวิกเปิดออกดู แล้วตั้งแง่
"เย็นเฉียบขนาดนี้ แล้วฉันจะกินเข้าไปได้ไง ไปอุ่นมาใหม่ให้ร้อน"
"งั้นคงต้องอุ่นใส่ไมโครเวฟ ที่กองถ่ายมีหรือเปล่าคะ"

ช่อลดาถามประสาซื่อ
"ฉันมีหน้าที่ต้องตอบเธอรึว่า

ที่นี่มีครกมีสากหรือไมโครเวฟหรือเปล่า ไปถามแม่ครัวเอาเองสิ

จะอุ่นใส่หม้อกระทะ กะละมังอะไรฉันไม่รู้

ฉันรู้แต่ว่าเธอมีหน้าที่ทำให้มันร้อน เข้าใจไหม"
ว่าแล้วยัดกล่องใส่มือช่อลดา แล้วปิดประตูใส่หน้าเธอปังใหญ่

ทุกคนหันมามองหน้าช่อลดาอีกครั้ง

ช่อลดาได้แต่มองกล่องนั้นนิ่งไปครู่ใหญ่...
ช่อลดารีบวิ่งไปที่ร้านอาหารนั้น...หายเข้าไปครู่ใหญ่

แล้วกลับออกมาพร้อมจานมีอาหารอิตาเลียนที่กรวิกชอบมาด้วย

ท่าทางน่ากิน ช่อลดามองแล้วจึงตัดสินใจเคาะประตูรถนอน
"พี่วิกคะ อาหารเรียบร้อยแล้วค่ะ" เมื่อกรวิกร้องเชิญมาจากข้างใน

ช่อลดาจึงเปิดประตูเข้าไป พอมองไปรอยยิ้มหายไปทันที...
กรวิกตักข้าวกะเพราไก่ใส่ปากคำสุดท้าย รวบช้อนแล้วดื่มน้ำ แล้วเริ่มจิกตี
"ไม่รู้รึว่า เวลาทุกนาที มันมีค่า"
"เอยทราบดีค่ะ เวลาทุกนาทีมันมีค่าแค่ไหน"

ช่อลดากดเก็บความชอกช้ำ ไม่ให้กระเซ็นออกมา
"รู้แล้วก็จำใส่ใจเอาไว้ด้วย ทีหลังจะได้ไม่ทำอะไรชักช้าเป็นเต่าคลานแบบนี้อีก"
กรวิกสับสะใจแล้วคว้าบทเดินออกไป ช่อลดามองจานในมือ

สูดลมเข้าปอดลึกๆ หวังว่าความมืดมิดตอนนี้ คงมีเวลาฟ้าสว่างขึ้นแน่...

ช่อลดาได้แต่เชื่ออย่างนั้น

ooooooo

หมอลักษณ์พยายามช่วยชีวิตเมลานีด้วยการเป่าปากอย่างใช้วิชาเต็มที่

ภัทรเองก็พยายามร้องเรียก ปลุกให้เมลานีตื่นเสียที..

.แล้วเมลานีก็ค่อยๆลืมตาขึ้น เห็นหน้าลักษณ์อยู่ใกล้ๆ

จึงรีบผลักเขาออกทันที แล้วยังตวาดใส่
"นายทำอะไรของนาย...หา!"
"ผมเห็นคุณหยุดหายใจ ก็เลยช่วย"
"เม้าท์ทูเม้าท์ค่ะ ภัทรเห็นกับตาเลยนะคะ ทุกคนที่นี่ก็เห็น จริงไหม"

ทุกคนพยักหน้า
"ไอ้บ้านี่...อึ๊ยยย" เมลานีแสดงอาการรังเกียจ คว้าแว่น

หยิบผ้าเช็ดหน้า แต่มีเนกไทของลักษณ์ติดไปด้วย เธอลุกขึ้นยืน

หันไปออกอาการหยามทุกคน
"ถ้าใครเอาเรื่องที่เห็นเมื่อกี้ไปเล่าให้คนอื่นฟังละก็

ฉันจะฟ้องโรงพยาบาล โทษฐานทำให้ฉันเกือบตาย

จะเอาเรื่องพวกนายให้ถึงที่สุด" หันไปหาลักษณ์
"โดยเฉพาะนาย"
"แต่ผมตั้งใจจะช่วยคุณนะ"
"ฉวยโอกาสล่ะสิไม่ว่า คงนึกออกว่าฉันเป็นใคร

ทำเป็นช่วย จะได้เอาไปอวดเพื่อนใช่ไหม

ถ้าเรื่องนี้เป็นข่าวเมื่อไหร่ ฉันจะฟ้องนายเป็นคนแรก"

เมลานีวิ่งหนีไปภัทรรีบตาม ลักษณ์มึนแม่คนนี้มันใครกัน

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น: