วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ใจร้าว ตอนที่8

ตอนที่ 8
คืนนี้ เมนี่ขับรถมาหากรวิกถึงบ้าน แล้วยังชวน ออกมานั่งริมสนามหญ้า กรวิกต้องออกมานั่งคุย เมนี่บอกว่าเธอชอบออกมานั่งรับลมชมจันทร์อย่างนี้ ทุกครั้งทำให้รู้สึกดีขึ้น แต่ตอนนี้เธอออกมา เพราะรู้ว่าเขามีเรื่องไม่สบายใจ จึงชวนออกมา...จากนั้นเมนี่เริ่ม เผยความรู้สึก
"เมนี่ไม่เคยรักใคร ไม่ใช่ไม่มีคนมาจีบนะคะ แต่เมนี่ไม่ถูกใจใคร จนกระทั่งมาเจอคุณไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเป็นความรักหรือเปล่า รู้แต่ว่าเมนี่อยากให้คุณมีความสุข อยากตื่นมาทำงาน อยากเห็นรอยยิ้มของคุณทุกวัน และไม่อยากเห็นคุณทุกข์ใจ..."
กรวิกนั่งนิ่ง ไม่คิดว่าเมนี่จะจริงจังขนาดนี้ เธอถามย้ำอีก
"คุณไม่สบายใจเรื่องอะไร เล่าให้เมนี่ฟังได้นะ"
"คุณขับรถมาตั้งไกลในเวลาควรจะนอน เพียงอยากรู้ว่า ผมไม่สบายใจเรื่องอะไรแค่นั้นหรือครับ"
"ค่ะ ถ้าเราเป็นห่วงใครสักคน เราจะหลับตาลงได้ยังไงคะ ถ้ารู้ว่าอีกคนยังไม่หลับ"
"คุณดีกับผมมากนะเมนี่ ผมดีใจ ในเวลาเลวร้ายอย่างนี้ อย่างน้อยผมก็มีคุณ แต่...เรื่องนี้..."
"ยังไม่อยากเล่าให้ฟังก็ไม่เป็นไรค่ะ เมนี่แค่แวะมาบอกว่า เมื่อไหร่คุณพร้อมก็บอกนะคะ เมนี่ยินดีรับฟัง และอยู่ข้างคุณเสมอ" เขายังนั่งนิ่งเธอลุกขึ้น
"วิกพักผ่อนเถอะค่ะ ดึกแล้ว เมนี่ขอตัวก่อนนะคะ พรุ่งนี้เจอกันค่ะ"
กรวิกลุกขึ้นกุมมือเธอไว้ พร้อมคำขอบคุณอย่างสุดซึ้งใจ เมนี่ยิ้มหวานให้อย่างสุดจะอาลัย...ภาพการจากกันของทั้งสอง หาได้รอดพ้นสายตาวาวๆ ไม่พอใจของทอปัดไม่...
ส่งเมนี่ขึ้นรถไปแล้ว กรวิกกลับเข้าบ้าน เจอทอปัดยืนรอที่หน้าห้องรับแขก ทอปัดถามตามปกติเรื่องที่เขาเพิ่งกลับตอนตีหนึ่ง เขารีบบอกว่าไปเยี่ยมผู้จัดการส่วนตัวมา เขาไม่สบาย ทอปัดย้ำ
"ยายช่อลดาเหรอ" กรวิกไม่ตอบ ทอปัดซัดเข้าไปอีก
"เมื่อกี้ปัดเห็นยายนางเอกนั่นมาหาพี่วิก"
"เขาชื่อคุณเมนี่เวลาจะเรียก กรุณาใส่ชื่อกับคำนำหน้า ที่สุภาพเข้าไปด้วย"
เสียงกระด้างของกรวิก ทำให้ทอปัดสติกระจุยทันที
"ปัดไม่สนหรอกค่ะ ว่าแม่นั่นจะชื่ออะไร ปัดอยากรู้ว่าทำไมเขามายุ่งกับพี่วิกนัก ถ้านักข่าวรู้จะว่ายังไง นางเอกสาวบุกมาหาพระเอกถึงบ้านตอนตีหนึ่งแบบนี้"
"ใครรู้ก็ช่างเขาปะไร อยากเขียนอะไรก็เขียนไป ในเมื่อเราไม่ได้ทำอะไรเสียหาย"
"แล้วกับยายผู้จัดการนั่นล่ะ พี่วิกแวะไปทำอะไรเสียหายมารึเปล่า ดูผู้หญิงสองคนนั่นจะสำคัญกับพี่วิกมากนะ พี่วิกชอบใครแน่หรือจะเหมาทั้งสองคน"
"เธอพูดอะไรของเธอ เด็กอย่างเธอมีหน้าที่อย่างเดียวคือเรียนหนังสือให้จบ ไม่ต้องมายุ่งเรื่องผู้ใหญ่ เข้าใจไหม"
กรวิกเดินผ่านทอปัดขึ้นข้างบน ทอปัดกัดฟันกรอด กำมืออยากจะทำอะไรสักอย่าง...
กรวิกเข้าไปในห้องนอน...นอนลงไปแล้ว แต่มือกลับมาก่ายหน้าผาก คิดกังวนไปมาเรื่องช่อลดากับเมนี่...แล้วต้องหันขวับมา เมื่อทอปัดใส่ชุดนอนคลุมร่าง สยายผมลงมาอย่างเซ็กซี่ กรวิกเตือน จะเข้าห้องใครเคาะประตูก่อน แล้วถามว่ามีอะไร?
ทอปัดไม่ตอบ แต่เปลื้องเสื้อคลุมทิ้ง เหลือชุดนอนบางเบา เผยให้เห็นส่วนสัดเว้าโค้งทั้งตัว เขาถามเสียงสั่น เธอทำอะไร?
"ปัดจะทำให้พี่วิกรู้ว่า ปัดไม่ใช่เด็กอย่างพี่วิกว่าน่ะสิคะ"
ว่าแล้วเดินเยื้องย่างเข้ามาหาเขาเหมือนนางสิงห์จะตะครุบเหยื่อ เขาตั้งสติได้สั่งทันที
"ออกไปได้แล้วทอปัด" คำสั่งของเขาเป็นหมัน ทอปัดเข้าขย้ำกรวิกอย่างไม่ปรานี ทั้งกอดทั้งฟัด สะบัดเหยื่อ เขาตกใจรีบแกะมือทอปัด แล้วผลักออกไป สำทับทันที
"เธอเป็นบ้าไปแล้วเหรอ ทอปัด"
"ใช่ ปัดเป็นบ้า บ้าเพราะรักพี่วิก" กรวิกได้แต่คำรามเรียกยายปัด
"ปัดไม่สวย ไม่เซ็กซี่ตรงไหน ปัดมีดีกว่ายายสองคนนั่นตั้งเยอะ ทำไมพี่วิกไม่มอง ไม่สนใจปัดบ้าง ปัดรักพี่วิกนะคะ ปัดไม่ยอมให้พี่วิกเป็นของคนอื่นหรอก พี่วิกต้องเป็นของปัดคนเดียว"
แล้วทอปัดก็บุกเข้ากอดรัดฟัดกรวิกอีกยก เขาจึงออกแรงอีกครั้ง เหวี่ยงเธอไปแล้วดึงแขนเข้ามาสั่งสอน
"ถ้าฉันเคยทำให้เธอเข้าใจผิด ก็ขอให้เข้าใจตรงนี้เลยว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันรักเธออย่างน้องสาว แล้วมันก็จะเป็นอย่างนั้นตลอดไป ไม่มีทางเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไปได้ เข้าใจไหมทอปัด"
ทอปัดยืนจังงัง...เขาสั่ง
"ออกไปได้แล้ว" แต่ทอปัดกลับยิ่งมันเขี้ยว ตรงเข้ากอดจูบกรวิกอย่างเมามัน ปากก็บอกว่าปัดรักพี่วิก ไม่ไปไหนทั้งนั้น...เขาหมดทาง ปัดมือทอปัดออก แล้วเดินหนีออกจากห้อง...ทอปัดมองตามเขา น้ำตาพรั่งพรู
"สักวัน...ปัดจะทำให้พี่วิกเห็นปัดอยู่ในสายตาให้ได้ คอยดู"
ตาทอปัดดั่งไฟสุมสักร้อยกอง...

ooooooo

เช้านี้กรวิกลงมาชั้นล่าง โทร.บอกช่อลดาว่าเดี๋ยวจะไปรับ แต่เธอตอบมาทันทีว่าไม่ต้องรับ เธอไปถึงสตูดิโอแล้ว กรวิกหงุดหงิด หันไปเห็นทอปัดนั่งหน้าหงิก จึงบอกไมค์กับชนม์ออกจากบ้านไปขึ้นรถไปทำงานทันที ทำให้ทอปัดยิ่งอัดใจแค้นคลั่งเจียนบ้าที่กรวิกไม่สนใจเธอเลย
เมื่อกรวิกไปถึงสตูดิโอเพื่อบันทึกเสียง ได้ฟังดวงแก้วพูดกับภัทรและช่อลดาเรื่องที่หมอลักษณ์โทร.มาลาให้ช่อลดา ว่าจะป่วยถึงวันศุกร์ แต่แล้วไม่ได้บอกให้ภัทรทราบ เมื่อภัทรบอกว่า ถ้าบอกเธอ กรวิกจะไม่หงุดหงิดงุ่นง่านแบบนี้หรอก กลัวว่าผู้จัดการส่วนตัวจะหนีไปไม่มาทำงานอีก
กรวิกเดินเข้ามาได้ยิน รีบหาว่าภัทรเว่อร์ เขาแค่ห่วงงาน ใครจะอยู่จะไปเขาไม่สน...ช่อลดาได้ยิน สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ก่อนจะเดินเข้าสตูดิโอไป...
จากนั้นไม่นาน กรวิกเข้าไปใส่หูฟัง ฝากร้องเพลงอยู่...พอช่อลดาเอากาแฟมาวาง กรวิกรีบดึงหูฟังออก หันมาต่อว่าทันที...ทำไมเอยไม่บอกว่ามีคนลางานให้แล้ว ปล่อยเขาเข้าใจผิด แล้วยังไม่อธิบายที่ถูกให้ฟัง...ช่อลดาหันมาย้อน
"พี่วิกเคยถามหรือให้โอกาสเอยชี้แจงอะไรด้วยหรือ นอกจากจะคิดเองแล้ว ยังหาเรื่องปรับปำเอย ทั้งๆที่ไม่มีความจริง พี่วิกต้องการแค่ความสะใจ"
"แล้วเธอ...เป็นอะไรมากหรือเปล่า อยู่โรงพยาบาลตั้งเป็นอาทิตย์"
"เป็นไข้ธรรมดาค่ะ เสียใจใช่ไหมคะ ที่ไม่หนักอย่างที่คิด"
ช่อลดาจ้องตาเขาไม่ยี่หระ ก่อนเดินหนีไป...
กรวิกได้แต่อยากเขกหัวตัวเองที่ไม่กล้าแม้แต่ขอโทษเธอ...

ooooooo

เมนี่พาแม่โสภิตามาตรวจเช็กร่างกาย เสร็จแล้วแม่ก็บอกเมนี่ ชื่นชมหมอที่ตรวจว่าสุภาพ หล่อด้วย ถ้าเมนี่ไม่ติดกรวิก จะเชียร์ให้มาสนิทกับหมอคนนี้ แต่ยังไม่ทันบอกว่าหมอชื่ออะไร ภัทรรีบมาหาเมนี่ ให้แม่คอยที่นี่ พาเมนี่ไปรับยา ขณะภัทรไปรับยา เมนี่นั่งคอย กำลังจะไปหยิบน้ำมะตูมที่วางเรียงให้คนหยิบดื่ม เมนี่เกิดหยิบแก้วเดียวกับหมอลักษณ์ เมนี่ไม่พอใจ ต่างหาว่าที่วางเป็นสิบๆแก้ว ดันจะมาหยิบแก้วเดียวกัน เถียงยังไม่ตกฟาก ภัทรเดินมาทักทาย
"สวัสดีค่ะ หมอลักษณ์"
"อ้อ...เป็นหมอดูนี่เอง คุ้นหูไม่น้อย เข้าใจเลือกทำมาหากินนะ ทิ้งต้นมะขามมาถึงนี่ คงได้ลูกค้าเยอะ ญาติคนป่วยก็อยากรู้ว่าจะหายเป็นปกติเมื่อไหร่ เดาให้ถูกๆแล้วกัน"
"คุณกล้าดูถูกวิชาชีพผมเหรอ" ลักษณ์ตาขวางทันที ก่อนที่ภัทรจะชี้แจงว่าลักษณ์ไม่ใช่หมอดู แม่โสภิตาก็รีบมาสมทบ แล้วทักทายหมอลักษณ์ทันที หมอรีบถามโสภิตา
"ดูหมอไหมครับ"
"ไม่ต้องมายุ่งกับแม่ฉัน จะไปปูเสื่อดูที่มุมไหนก็ไป"
แม่โสภิตาจึงปรามลูกสาวว่า พูดกับหมอแบบนี้ได้ยังไง เกิดหมอไม่ยอมเป็นหมอประจำตัวแม่จะเป็นยังไง รีบขอโทษหมอเดี๋ยวนี้ เมนี่จึงถึงบางอ้อ อุทานออกมาหน้าเหลอ
"หมอประจำตัว...ตกลงนายเป็น..."
"หมอจ้ะ หมอรักษาคน" ภัทรรีบบอกแทน
"ไม่ใช่หมอดูใต้ต้นมะขาม"
"ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการและถูกต้องสักทีนะครับ"
ลักษณ์ส่งยิ้มให้ เมนี่หายซ่าส์ หน้าแตก...

ooooooo

กรวิกซ้อมร้องเพลง ครูที่สอน ยิ่งสอนเขาก็ยิ่งเพี้ยน นั่นเพราะทุกครั้งที่สายตามองช่อลดาที่กำลังนั่งเขียนหนังสืออีกมุมหนึ่ง เห็นเธอไม่สนใจ จึงมีอารมณ์บูด ร้องเพี้ยนไปมาจนครูฝากสั่งสอนให้ใช้ อารมณ์นำ ไม่ใช่สักแต่ร้องไปตามเรื่อง กรวิกหารู้ไม่ว่า ช่อลดาคอยแอบมองเขาเช่นกัน แต่พอเขามองไป
เธอกลับทำเป็นจดยุกยิก ให้เห็นว่าเธอไม่สนใจเขา ยิ่งเมื่อเลิกกรวิกนั่งรถกลับคู่กับช่อลดาในตอนหลัง เสียง MP3 ที่กรวิกพยายามร้องตามที่ฝกมา แล้วไม่ได้ดีอย่างที่คิด เขาถึงกับเหวี่ยงมันทิ้งอย่างไม่พอใจ ที่เหมือนเขาถูกบังคับให้ร้อง โดยการระบายแค้น
"โธ่เว้ย...ทำไมถึงได้ยากเย็นอย่างนี้วะ"
ช่อลดาจำต้องหยิบขึ้นมาวางข้างๆเขา โดยไม่มองหน้าพูดจาเลย...กรวิกรับรู้ความเย็นชาของช่อลดา ถึงกับหนาวใน ไอไม่ออกสักแอะ

ooooooo

คุณปราชญ์เรียกประชุมครั้งสำคัญ นอกจากบอร์ด 6 คนแล้ว ที่สำคัญคือมีปรัชญากับหมอลักษณ์ อยู่ด้วย เมื่อคุณปราชญ์ได้เปิดซองบอร์ดทุกคนที่ลงความเห็นเลือกกรรมการผู้จัดการคนใหม่แทนคนเก่าคือปรัชญาแล้ว พร้อมกับขอคำยืนยันจากเจ้าของความเห็น
ในที่สุด ทุกคนก็เลือกหมอลักษณ์ เป็นกรรมการผู้จัดการคนใหม่ของโรงพยาบาล โดยไม่มีเสียงค้าน แม้แต่เสียงเดียว
"ผมขอค้านครับ" หมอลักษณ์ยกมือพร้อมกับยืนขึ้น
"ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติผมมารับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้...ผมมีเหตุจำเป็นไม่สามารถรับตำแหน่งนี้ได้ เพราะผมมีความจำเป็นต้องกลับอเมริกาในอีกไม่กี่วันนี้"
คุณปราชญ์ได้แต่ตัดพ้อ ไม่น่ากะทันหันอย่างนี้ ลักษณ์รีบขอโทษ
"ผมต้องขอประทานโทษท่าน ที่มิได้แจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า..."
เมื่อพูดถึงลักษณ์ผิดสัญญาที่ทำไว้ หมอลักษณ์รีบรับกับคุณปราชญ์ทันที
"เรื่องสัญญา ผมยินดีให้ปรับเป็นเงินค่าเสียหายตามที่ได้ตกลงไว้ทุกอย่าง ผมเชื่อว่าจะมีคนที่มีความรู้ความสามารถมากกว่าผม มารับหน้าที่แทนผมได้อย่างแน่นอน"
คุณปราชญ์ได้แต่ยิ้มอย่างในใจนั้นว้าวุ่นสุดประมาณ ขณะที่ปรัชญาลูกชายยิ้มอย่างสะใจ
จากนั้น คุณปราชญ์ได้เรียกทนายมาพบที่ห้องประชุมโรงพยาบาล บอกทันทีที่นั่งลง
"ผมต้องการทำพินัยกรรมฉบับใหม่"
ขณะนั้น ปรัชญาเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานพ่อ กลับไม่พบ แต่ได้ยินเสียงพูดที่ห้องประชุมข้างๆ จึงเดินไปแอบดูเงี่ยหูฟัง...เสียงปราชญ์พูดชัด
"เรื่องทรัพย์สิน ผมต้องการยกเงินฝากในธนาคาร และที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดให้ทายาททั้งสองคน คนละเท่าๆกัน"
ปรัชญาที่เงี่ยหูฟัง ถึงกับหูผึ่ง...ชักจะสับสน
"นอกจากคุณปรัชญาแล้ว ท่านมีทายาทอื่นอีกหรือครับ...ผมเห็นคุณปรัชญาอยู่กับท่านคนเดียวมาตั้งแต่เกิด"
"ผมมีลูกนอกสมรสกับภรรยาอีกคน ก่อนที่ผมจะแต่งงานกับแม่ของปรัชญา แล้วเราแยกจากกันไป ผมไม่เคยเจอหน้าลูกอีกเลย...จนกระทั่งวันนี้ ผมเจอเขาแล้ว"
ปรัชญาฟังแล้ว มันชัดแจ๋วในหู
"พ่อมีลูกอีกคน" มันอึงอลตอกย้ำจนอื้อไปแล้ว...

"ถ้าอย่างนั้น ผมจะแยกแยะ ทำรายการไว้ จะนำมาให้ ท่านพิจารณาว่าต้องการอะไร ยกให้ใคร...เอ่อ ขอประทานโทษนะครับ ทายาทท่านอีกคนชื่ออะไรครับ ผมจะได้ทำเอกสารเตรียมไว้"
"นายแพทย์ลักษณ์ พิษณุการ" สิ้นเสียงปราชญ์... ปรัชญาเหมือนถูกหินก้อนโตทุ่มลงบนหัว
พอตั้งตัวได้ ปรัชญาพาเนื้อตัวที่ร้อนฉ่าเดือดพล่าน ทะยานไปยังห้องหมอลักษณ์ จนหมอตกใจที่เขามาเป็นพายุ พอตั้งสติได้ จึงเอ่ยขึ้น
"ผมต้องการมาบอกคุณหมอว่า...ผมเสียใจจริงๆที่คุณหมอจะไปจากที่นี่ อยากถามว่า คราวนี้ไปจริงหรือเปล่า" ลักษณ์ ยืนยันว่าจริงแท้แน่นอน "ก็ดี จะได้จบ หวังว่าคงไม่มีเหตุต้องกลับมาอีก"
ปรัชญาจ้องลักษณ์อย่างอาฆาตจองเวรก่อนกลับไป ลักษณ์สงสัยมันไปกินอะไรมา?

ooooooo

เย็นนี้ หลังจากกรวิกกลับไปยังที่พัก เพนท์เฮาส์ อันหรูหราของเขาบนยอดตึกแล้ว บอกช่อลดาที่เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกว่า มารู้จักที่ซุกหัวนอนของเขาแล้วก็กลับได้ เผื่อวันหลังมีงานอะไร จะได้มาถูก สั่งชนม์ ไปส่งช่อลดา แล้วให้ไมค์ไปเอาน้ำแข็งมาโปะหัวให้ ด้วย ปวดหัวจะระเบิดแล้ว...สั่งเสร็จเขารีบเข้าห้องนอนไปทันที...
กรวิกล้มตัวลงนอนที่ห้องพักผ่อนของเขา หลับตาลงอย่างอ่อนล้าหัวใจ...จากนั้นไม่นาน ก็มีผ้าชุบน้ำแข็งมาตั้งตามสั่ง มือที่นุ่มนวลมือหนึ่งก็ชุบน้ำแข็งเช็ดหน้าตาให้ กรวิกสบายขึ้น ถามทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา ว่าชนม์ไปส่งช่อลดาแล้วหรือ... ก่อนออกไป เขาพูดถึงฉันบ้างหรือเปล่า?...ไม่มีเสียงตอบ มีแต่ ความนุ่มนวลจากมือที่เช็ดให้เขา...กรวิกค่อยๆลืมตาดู...แล้วพึมพำเรียกอย่างอ่อนโยน "ช่อลดา..."
"หลับตาเถอะค่ะ เอยจะเช็ดหน้าให้ จะได้หายเครียด"
"ทำไมถึงยังไม่กลับ เป็นห่วงฉันเหรอ"
"เอยไม่อยากเห็นพี่วิกเครียด"
"เธอเองก็เพิ่งหายไข้ น่าจะรีบกลับไปพักผ่อน...ที่ยังอยู่ เพราะเป็นห่วงฉันใช่ไหม" เอยยังเช็ดเฉย เขาจึงย้ำ "เธอเป็นห่วงฉันใช่ไหม ช่อลดา"
เขารอคำตอบจากเธอ เพียงคำว่าใช่ เขาจะขอโทษเธอ จะกอดเธอ จะทำทุกอย่างเพื่อให้เธออภัยเขา...แต่เอยกลับยื่นคำขาด ถ้าเขาไม่หลับตา เอยจะกลับเดี๋ยวนี้...เขาจึงหลับตาลงอย่างยอมจำนน...เอยถอนหายใจโล่ง...ที่จริงแล้ว เอยกลัวใจตัวเอง ไม่กล้าสบตาที่มองมาอย่างเว้าวอนของเขา...
เอยกับกรวิกหารู้ไม่ว่า...หมอลักษณ์แอบตามเมนี่ที่หิ้วหม้อเคลือบขึ้นลิฟต์มายังชั้นบนยอดตึก เพื่อเอาซุปมาให้ กรวิก โดยเมนี่เข้าห้องกรวิกมาก่อน...

ขณะที่กรวิกนอนให้เอยเช็ดน้ำเย็นให้อย่างสบายขึ้น กรวิกถือโอกาสฟื้นความหลัง
"เธอโกรธฉันมากไหม กับทุกเรื่องที่ผ่านมา" เอยไม่ตอบ เขาจึงประคองแก้มให้หันมา จ้องด้วยสายตาอ่อนโยน ที่เพิ่งเคยเห็น "เธอคงจะโกรธฉันมากสินะ มันน่าโกรธ เพราะฉันทำไม่ดีกับเธอไว้เยอะ ผิดกับหมอลักษณ์ที่ดีกับเธอทุกอย่าง..." เอยยังเงียบ "เธอจะไม่พูดกับฉันสักคำหรือ"
เอยทำท่าหยุดมือ เตรียมยกชามน้ำแข็งออกไป เขาจับมือเธอไว้ จะขอโทษ...

"ช่อลดา...ฉัน..." ก่อนที่จะขอโทษ เขาต้องชะงัก เมื่อเอยบอก "ปล่อยมือเอยเถอะค่ะ"
"ขอบใจมากนะ..." กรวิกจำต้องขอบใจ ทั้งๆที่น้อยใจ แต่ไม่อยากทำอะไรให้เกิดแรงกระเพื่อมมากกว่านี้...เมื่อชนม์ โผล่เข้ามาบอกว่าคุณเมนี่มา มือของทั้งสองจึงปล่อยจากกัน เมนี่เข้ามา แปลกใจที่เห็นช่อลดาอยู่ในห้องกรวิก...เมนี่ทัก เอยรีบบอกว่า กำลังจะกลับ กรวิกจึงให้ชนม์ไปส่งช่อลดา...ยังไม่ทันขยับ ไมค์รีบบอกว่า คุณลักษณ์มาพบคุณเอย ลักษณ์เข้ามาบอกกรวิกว่า เขามารับคุณเอยกลับบ้าน กรวิกรีบเชิญเสียงกระด้าง...เมื่อทั้งสองไปแล้ว เมนี่จึงบอกว่า เจอลักษณ์ข้างล่าง เพิ่งรู้ว่ามารับคู่หมั้นนี่เอง
"เอยโทร.บอกเมนี่ค่ะว่า คุณไม่สบาย เมนี่เลยทำซุปมาให้"
ขณะเมนี่ไปจัดแจงใส่ชามมาให้ กรวิกมองแล้วอึดอัด ไม่รู้ว่า จะบอกเธอยังไงดี ยิ่งเธอถึงกับตักป้อนให้ เขายิ่งไม่กล้าบอกว่า เขารักเธออย่างเพื่อนเท่านั้น...
ส่วนลักษณ์ พาช่อลดาลงมาที่รถ เขาบอกเอยว่าเขาได้ตั๋วเครื่องบิน และลาออกจากโรงพยาบาลแล้ว...แล้วตัดพ้อว่า วันนี้เอยมาอยู่กับกรวิกทั้งวัน เอยยังอยากเปลี่ยนใจไม่กลับอเมริกาไหม
"ไม่ค่ะ เอยยืนยัน จะกลับอเมริกากับพี่ลักษณ์...สำหรับพี่วิก เอยคิดว่า เอยทำดีที่สุดแล้ว เอยพอแล้ว...และเอยจะไม่เปลี่ยนใจ เด็ดขาด" เอยเปิดประตูรถ เข้าไปนั่ง ลักษณ์โล่งใจ ที่เห็นเอยหนักแน่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน...
ส่วนเมนี่ ดีใจที่กรวิกทานซุปจนเกลี้ยง เมนี่พร้อมจะหาของอร่อยๆทำมาให้เขา ขอให้บอก เขารับได้ทุกอย่าง...
เมนี่จึงรีบกลับไปซื้อของ พรุ่งนี้เย็นพบกัน...
หลังจากเมนี่กลับไปแล้ว กรวิกได้รับโทรศัพท์ พอเปิดรับ เห็นรูปเขาอุ้มช่อลดาในอิริยาบถต่างๆนับสิบรูป ที่เห็นหน้าชัดเจน...เขากดดูแต่ละรูปด้วยความแค้นจนมือไม้สั่น...แล้วเสียงจากเจษฎาที่โทร.มากวนประสาทจนได้...เพราะมันพูดเหมือนกรวิกเคยปฏิเสธมาแล้ว
"รูปชัดขนาดนี้ คงไม่ปฏิเสธใช่ไหมว่า...ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ผม...และผมไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้น"
"แกต้องการอะไร เจษ"

"ถ้าไม่อยากให้เรื่องอื้อฉาวเหม็นเน่าไปทั้งวงการ เราต้องคุยกัน...เดี๋ยวนี้...แล้วเจอกันนะ"
"เดี๋ยวสิ...ไอ้เจษ โธ่เว้ย" กรวิกแค้นจนแน่นอก...เมื่อเจษฎาตัดสายไปเสียก่อน กรวิกเตะโซฟาระบายลมที่เดือดพล่าน...
ถึงอย่างไร กรวิกก็ต้องไปพบเจษฎาที่คอนโดฯของเขา พอพบกันเจษฎาก็ยั่วยวนกวนใจจนแทบทนไม่ได้ แต่อยากรู้ ว่ามันจะเอายังไง จนถูกยั่วจนทนไม่ไหว ถึงกับลุกเดินหนี แต่มันกลับแย้มให้สนใจ จึงให้มันพูดมาว่า ทำไมมันถึงตามจองล้างจองผลาญเขา ในที่สุดกรวิกจะเดินหนี เจษฎาเจ้าเล่ห์จึงหยอดท้าย
"ถ้าไม่ใช่เพราะเกลียดขี้หน้ากันแล้ว มันจะมีเหตุผลอะไร ที่ทำให้ใครคนหนึ่ง ตามใครอีกคนหนึ่งไม่เลิกรา นอกเสียจากความรัก" เมื่อกรวิกได้ฟังคำพูดของมัน ถึงกับตัวชากว่าการช็อก มันเดินมาหาเขา "ฉันหลงรักนายมาตั้งแต่เข้าวงการ แล้วจู่ๆนายเติบโตจนฉันเข้าไม่ถึง เหมือนดาวบนฟ้า ส่วนฉันกระจอกเท่าธุลีดิน ฉันถึงถีบตัวเองทุกวิถีทางให้เท่านายให้ได้...แล้ววันนี้ก็มาถึง" ว่าแล้วส่งตาเชื่อมใส่ ทั้งยังลูบแขนกรวิกไปมาอย่างแสนพิศวาส กรวิกทนไม่ไหว ผลักเจษฎาออกไปอย่างขยะแขยง
"ถ้ารักจะอยู่ร่วมโลกกันต่อไป มึงอย่าพูดแบบนี้กับกูอีก" กรวิกเดินหนี เจษฎาตามติดทั้งจิกทั้งตี
"ถ้านายไม่ยอมตามเงื่อนไขของฉัน ก็เตรียมโดนเขี่ยจากวงการได้เลย" เขาถามเงื่อนไขอะไร? "ค้างที่นี่ ยอมให้ฉันทำอะไรก็ได้ แลกกับรูปพวกนั้น"
"ยอมให้ทำอะไรก็ได้ งั้นเหรอ" กรวิกยิ้ม แล้วลั่นกำปั้นยัดปากเจษฎาโป้งเดียว ยันโครมอีกที แล้วยังตามเตะซ้ำ "อย่าว่าแต่กูจะต้องออกจากวงการเลย ต่อให้กูต้องตาย แล้วกลับไปจนไม่มีจะกินเหมือนเดิม กูไม่มีวันยอมตามเงื่อนไขอัปรีย์ของมึง มึงจำไว้" ตบด้วยหลังมืออีกครั้งจนมันล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนจะเดินออกไป...มันเช็ดเลือดที่ปาก มองตามกรวิก ฝังความแค้นใส่กะโหลกจนเต็มปรี่
กรวิกเหยียบน้ำมันรถ พุ่งไปตามถนนเหมือนจะบิน แล้วก็เบรกเอี๊ยดลั่นโลก หยุดลง ทุบพวงมาลัยระบายความคับแค้นใจและจนแต้ม...จากนั้นก็ขับต่อไปอย่างไร้จุดหมาย ตอนนี้ เขากระหายอยากจะซบลงบนอ้อมแขนใครสักคน แต่ไม่รู้ จะไปหาใครดี?

ooooooo

ดึกคืนนี้ เมนี่เดินออกมารับลมทางหน้าบ้าน... หารู้ไม่ว่า กรวิกขับรถวนเวียนไร้จุดหมาย แต่เมื่อนึกได้ จึงพุ่งรถมายังบ้านเมนี่ จอดรถ จะลงไปกดออด แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ...ขึ้นรถขับออกไป เมนี่หันไปมอง เห็นท้ายรถ ไวๆ ทีแรกสนใจแต่แล้วกลับคิดว่า ไม่ใช่รถคนรู้จัก หรือกรวิกจะขับมาทำไมดึกป่านนี้...
ส่วนช่อลดา คืนนี้เธอนอนนั่งยืน คิดไป พอนึกได้กลับลงมานอนเขียนจดหมาย...หารู้ไม่ว่า รถของกรวิกวิ่งมาจอดที่หน้าอพาร์ตเมนต์ของเธอ...เขาทอดถอนใจ เพราะที่นี่เคยเป็นที่ที่เขาหักห้ามใจ ไม่ควรจะมา แต่ก็มาจนได้ เมื่อเขาต้องการใครสักคนที่จะมาเป็นความอบอุ่นในใจได้บ้าง มองไปบนห้อง ไฟในห้องเอยยังสว่าง สงสัยว่าดึกแล้ว ทำไมเอยไม่นอน...แล้วเขาตาสว่าง เมื่อเห็นช่อลดาเดินมาที่ระเบียง เธอกอดอกยืนคิดอะไรสักอย่าง...แสงจันทร์นวลอร่ามสาดแสงลงมาอาบร่างของเอย ดูช่างงามตาดุจนางฟ้าก็ไม่ปาน...เอยไม่รู้ว่า กรวิกกำลังยืนชมความงามของเธอในยามสงบสงัดอย่างนี้

ooooooo

เช้าวันนี้ เมื่อกรวิกพาลูกน้องทั้งสองเข้าไปในวิชั่น พอสสิเบิล ต่างก็ทักถามถึงช่อลดาที่ไม่ได้มาด้วย ยังไม่ทันจะเดา เสียงคนในที่นั่นส่งเสียงฮือฮา ร้องว่าสวยจังเลย...พอหันไป ช่อลดาเยื้องย่างมาในมาดเข้มที่แต่งตัวสวยใส สดชื่นอิ่มเอิบกว่าทุกวัน กรวิกเห็นแล้วถึงกับตะลึง เสียงหลายคนบอกว่า พี่ดวงแก้วเห็นคงจับเซ็นสัญญาเป็นนางเอกในสังกัดแน่ มีเสียงถาม มีนัดตอนเย็นหรือเอย? กรวิกตอบแทนดังๆว่า ถามทำไม คงเป็นวันพิเศษของคู่หมั้นเขามากกว่า...


แต่เมื่อเข้าไปในสำนักงาน ช่อลดาจึงเคลียร์งานกับกรวิก...เธอแจงรายละเอียดคิวต่างๆทั้งเดือนให้กรวิกฟัง ภัทรมายืนมองตกใจ เคลียร์ทั้งเดือนล่วงหน้า กรวิกหรือจะจำได้ แต่แล้วภัทรจึงดึงกรวิกไปแต่งตัวก่อนให้สัมภาษณ์หนังสือฉบับหนึ่ง ช่อลดา ตามเรียกพี่วิกมาถาม
"ให้สัมภาษณ์เสร็จพี่วิกมีธุระหรือเปล่าเอยอยากชวนพี่วิกไปทานด้วยกันน่ะค่ะ" กรวิกมองยิ้มที่เอยส่งมาให้ด้วยความแปลกใจที่เอยชวนไปทานข้าว...มีหรือเขาจะปฏิเสธเธอได้อีกทางหนึ่ง เมนี่แต่งตัวสวยเช้งไม่น้อยหน้าใคร หิ้วปิ่นโตเข้ามาถามภัทรว่าวิกไปไหน ลักษณ์มาทักทาย เมนี่ไม่อยากมองเขารีบบอกว่ามารับน้องเอย ภัทรจึงบอกทั้งสองคน
"วิกกับเอยไม่ได้อยู่ที่นี่ เพิ่งออกไปทานข้าวด้วยกันเมื่อกี้นี้เองค่ะ"
เมนี่ฟังแล้วเซ็งทันที หิ้วปิ่นโตที่จะมาให้กรวิก เพื่อไปทานด้วยกัน เมนี่เดินกลับไปที่ลานจอดรถ พอหารีโมตไม่พบจึงเปิดรถไม่ได้ ลักษณ์เองหนีพวกภัทรกับไมค์และชนม์ เขามาขึ้นรถ ขับผ่านรถเมนี่เห็นเธอกดแล้วก็ไม่สำเร็จ จึงจอดถาม จึงรู้ว่ารีโมตเสียใช้ไม่ได้ ลักษณ์จึงอาสาไปส่งเมนี่ไม่สน จะไปตามคนในออฟฟิศมาช่วยตามช่าง เขาบอกว่าไปกันหมดแล้ว จะเรียกมอเตอร์ไซค์อาจเปียกฝน...เมนี่นิ่งคิด...เขาเชิญพร้อมเปิดประตูรถให้ เมนี่จำกอดปิ่นโต เข้านั่งในรถอย่างไม่มีทางเลือก...

ooooooo

ส่วนกรวิกขับรถพาเอยไปติดไฟแดงหน้าโรงแรม หรูแห่งหนึ่ง ทั้งสองต่างจำได้ว่าเมื่อ 8 ปีก่อนกรวิกบอกว่า ถ้าเป็นพระเอกจะพาน้องเอยมากินอาหารบนชั้นสูงสุดนั้น อยากรู้ว่า กินข้าวใกล้ๆสวรรค์กับคนที่เรารัก มันจะมีความสุขแค่ไหน?
"อย่าให้เอยรอจนต้องถือไม้เท้าเดินเขยกขึ้นไปก็แล้วกัน"
"พูดอย่างนี้ จับจูบปากซะดีไหมพูดดีนัก" เขาโน้มหน้าลงมาชิดปากเธอ เอยนั่งตัวตรง มองไปยังคนบนรถเมล์ พร้อมกับปราม...อย่านะพี่วิก...กรวิกหัวเราะ...หยอกด้วยคำพูด... ยายบ๊องเอ๊ย...
กรวิกสอดมือไปกอดเอยไว้ อีกมือจับมือเอยไว้แน่น...สายตาทั้งสองคู่ประสานกัน...ค่อยๆเห็นโลกกลายเป็นสีชมพู... ช่างน่าอภิรมย์ยิ่งนัก...เมื่อทั้งสองลงรถที่หน้าโรงแรมหรูแห่งนั้น ช่อลดาถามเขาว่า เขาจำได้ไหม เคยพูดอะไรกับเอยไว้ เขานิ่งเงียบ เอยผิดหวังเล็กน้อย แล้วกลับสู่บรรยากาศเดิม
"เราจะขึ้นไปทานข้าวบนชั้นบนสุดของที่นี่ พี่วิกสั่งได้เต็มที่เลยนะคะ เอยเป็นเจ้ามือเอง"แล้วทั้งสองพากันขึ้นไปสู่ชั้นบนเทียบด้วยแดนสวรรค์ในเมืองมนุษย์ กรวิกสงสัยว่าทำไมวันนี้เอยถึงได้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ...
ที่ชั้นบนสุด โรงแรมหรูเลิศประเสริฐศรี มองเห็นสายน้ำคดเคี้ยวและขอบฟ้าสุดสายตา เอยสั่งอาหารมาเพียบจนกรวิกบ่น แต่แล้วเอยบอกว่า อยากรู้ว่าสั่งอาหารจานโปรดให้พี่วิกครบหรือไม่ กรวิกกวาดตาดูทีละจาน ร้องขึ้นว่า อุตส่าห์จำได้...เอยบอก
"จำจนขึ้นใจต่างหากค่ะ...เอยเคยบอกแล้วไงไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับพี่วิกแล้วเอยจำไม่ได้"
ฟังเอยพูดแล้ว เขาอยากสลัดความโกรธแค้นที่แบกไว้ ทิ้งให้หมดแล้วกอดเอยไว้ดั่งใจปรารถนาแต่ทำไม่ได้ เพราะเธอมีคู่หมั้นแล้ว เขาจึงก้มหน้าก้มตาถาม
"แล้วที่พามาเลี้ยงนี่ เนื่องในโอกาสอะไร"
"ไม่มีอะไรพิเศษหรอกค่ะ เอยเลี้ยงเพราะอยากเลี้ยง บางทีอาหารมื้อนี้อาจเป็นมื้อที่ทำให้พี่วิกมีความทรงจำที่ดีกับเอยบ้าง"
เอยมองตากับเขาด้วยรอยยิ้ม เธอชูแก้วไวน์ขึ้น
"ดื่มให้กับความสุข ความสำเร็จ และอนาคตสดใสของพี่วิกค่ะ"
ทั้งสองชนแก้ว กรวิกหลบตาเอย ซ่อนความรู้สึกเขินไว้...
จากนั้น ช่อลดาชวนกรวิกไปยังโบสถ์แห่งหนึ่ง เขาตามไปนั่งข้างๆเธอต่อหน้าพระแม่มาเรียและองค์พระเยซูคริสต์... เขาไม่รู้ว่าเธอไหว้แล้วอธิษฐานว่าอย่างไร แต่เธอพึมพำ ประสานมือสงบนิ่งนาน...เขาปล่อยให้เธอกราบพระอย่างสงบเท่าที่เธอต้องการ กระทั่งออกมาจากโบสถ์แล้ว กรวิกถึงได้ถามว่า เธอมาที่นี่ทำไม? เอยบอกทันทีว่ามาทำใจให้สงบ กรวิกย้อนถามทันที
"ใจเธอไม่สงบ เพราะฉัน งั้นหรือ"
"ไม่ใช่ค่ะ เพราะเอยเอง เอยไม่สงบเอง"
เอยมองเขา ยิ้มจืดชืดให้กับตัวเอง กรวิกเดินตามเธออย่างละอายใจ ด้วย รู้ว่า เขาบั่นทอนจิตใจเธอมากเพียงใด แต่เอยไม่เคยโทษเขาแม้แต่น้อย...
เมื่อกรวิกขับรถพาเอยมาส่งที่หน้าอพาร์ตเมนต์ เอยยังนั่งนิ่งพยายามกลั้นน้ำตาไว้เต็มที่เขาถามทันทีว่า อยากไปไหนอีกหรือถึงไม่ลง เอยมองหน้าเขานิ่ง น้ำตาเริ่มเอ่อ เขาถามว่าเป็นอะไรไป?
"อยากจำหน้าพี่วิกไว้นานๆ พี่วิกต้องอยู่รับความสุขความสำเร็จไปอีกนานเอยเป็นกำลังใจให้นะคะ"
"คำพูดแบบนี้ ฉันเคยได้ยินเธอพูดมานานแล้ว"
"ที่พูดซ้ำ ให้แน่ใจว่าพี่วิกจะจำได้ว่าเอยรู้สึกอย่างนั้น จริงๆ ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้นะคะ"
"ฉันสิต้องเป็นฝ่ายขอบคุณเธอ ก็เธอเป็นคนพาฉันไปเลี้ยงข้าว ลืมแล้วหรือ ยายบ๊อง"
"พี่วิก..." เอยยิ้มดีใจ
"เอยไม่ได้ยินพี่วิกเรียกเอยอย่างนี้ มานานมากแล้ว ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ยังจำยายบ๊องคนนี้ได้"
เธอจ้องเขานิ่งกรวิกเองก็อึ้ง ที่หลุดเรียกเอยแบบนี้เหมือนหลายปีก่อนโน้น เขาจึงแก้เก้อ เร่งให้เอยขึ้นไปนอนได้แล้ว... เอยจ้องมองเขาอีกเหมือนจะตราตรึงภาพของเขาฝังใจไว้ให้นานเท่านาน ก่อนจะเดินจากไป...เขามองตามเอย แล้วได้แต่ทอดถอนใจ...ก่อนจะขับรถกลับ...

ooooooo

ตลอดเวลาที่กรวิกนั่งรถไปทานอาหารด้วยกันนั้น ลักษณ์เองก็มีโอกาสพาเมนี่นั่งรถไปส่งที่บ้าน แต่ด้วยฝนและพายุลงอย่างหนัก การเดินทางจึงต้องล่าช้า รถติดเป็นตังเม...
เมนี่กอดปิ่นโต แล้ววิตกกังวลเรื่องกรวิก...ลักษณ์จึงแกล้งดึงปิ่นโตมา เมนี่ตกใจมองตาขวาง เขาถอดปิ่นโตออกบอกเธอว่า รถติดจะถึงเช้าก็ยังไม่รู้ หิวแล้วขอกินมั่ง เมนี่ด่าว่าไร้มารยาท เขาดีใจที่เธอพูดได้ จึงหยอดให้ว่า...จะชวนกินก็ไม่ชวน หรือทำมาให้ใครก็ไม่รู้ เมนี่เคืองถูกจี้ใจ บอกทันทีว่า เธอเอามากินเอง...ว่าแล้วหยิบช้อนตักกินให้เห็นกับตา...ลักษณ์ชอบใจกินไปถามไปว่ามีอะไรบ้าง เมนี่ก็อวดอาหารที่ทำมาเพราะคิดว่ากรวิกชอบหลายอย่าง ลักษณ์กินไปชวนคุยไป แล้วแกล้งตำหนิไป เมนี่ขุ่นใจอยากเอาปิ่นโตทุ่มหัวให้ตายไปเลย...

ไม่มีความคิดเห็น: