วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ใจร้าว ตอนที่7

ตอนที่ 7
ขณะที่ภัทร กินเลี้ยงจนเมาเป๋ กลับขึ้นห้องนอนตอนดึก ถึงตาสว่างทันที
เมื่อเห็นเมนี่ออกมาจากห้องกรวิก จึงเข้าไปทักเมนี่ว่า ออกมาจากห้องกรวิก
ถึงกับเล่นรำมะนากันแล้วหรือ เมนี่ร้องว่าบ้า เธอเข้าไปดูว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า
ภัทรเมาไปพล่ามไปว่า
ไปจ้องหน้าเป็นปลากัดงั้นเรอะ แล้วทำปากซู้ดๆ จนเมนี่ต้องอธิบายว่าไม่มีอะไร
แล้วได้รู้ว่ากรวิกเป็นสุภาพบุรุษ ว่าแล้วยิ้มหวานสะท้านทรวงเดินเลยไป
กรวิกยังนอนไม่ได้ เขาออกจากห้องลงไปในผับของโรงแรม
หารู้ไม่ว่าแสงฉายหรือแม่แซนดี้กำลังอยู่กับปรัชญา
โดยแซนดี้ได้ที่ยืนเต้นโยกๆคลึงๆอยู่หน้าโต๊ะที่ปรัชญานั่งดื่ม
ปลื้มสุดๆ เป็นโต๊ะสุดท้ายอ้างว่าเป็นการฉลองฮันนีมูนกัน
พอปรัชญาหันไปเห็นกรวิก จึงบอกว่านี่ซุปเปอร์สตาร์เมืองไทย
แซนดี้เห็นเข้าเท่านั้น ถามว่าที่เป็นเจ้าบ่าวในงานชายหาดใช่ไหม
นอกจากจะจ้องเอาๆจนปรัชญาชักไม่ชอบใจ แต่แซนดี้หิ้วไวน์
กับแก้วไปหากรวิกที่โต๊ะเสียแล้ว ปรัชญาจึงตามไปทันที
"สวัสดีค่ะ คุณกรวิก นั่งคนเดียวหรือคะ ขอนั่งเป็นเพื่อนได้ไหมคะ"
"ผมปรัชญา แล้วนี่แสงฉาย แฟนผมเอง" ปรัชญารีบกันท่า แสงฉายยื่นมือให้กรวิกจับ
"สวัสดีครับ" กรวิกว่า แต่ไม่ยอมจับ แสงฉายหรือแซนดี้จะนั่งตรงข้าม
กรวิกรีบบอกเสียงห้วนๆ
"ผมไม่ต้องการเพื่อน ไม่ต้องการใคร ต้องการความเป็น ส่วนตัว"
ว่าแล้วรินไวน์ลงแก้ว ดื่มไม่สนใจใครในโลก ปรัชญา
ฉุนขาดที่ถูกมองข้ามหัว...ตรงข้ามแซนดี้ เธอเหมือนทหารหญิง
ผ่านศึก ชายหนุ่มคนนี้เหมือนข้าศึกที่ท้าทาย สมควรพิชิตให้ได้...
ooooooo
วันนี้ หลังจากไปรับส่งเมนี่จากบ้านเธอแล้ว กรวิก จึงไปตามช่อลดาที่อพาร์ตเมนต์
ไม่พบใคร โทร.หาก็ ไม่มีใครรับ จึงหงุดหงิด กดเบอร์อีกอย่างไม่นับ...
ที่เตียงคนไข้ในโรงพยาบาล ช่อลดามองมือถือข้างเตียง กำลังจะเอื้อมมือไปรับ
ลักษณ์นำหน้าพยาบาลเข้ามาเห็นพอดี จึงขอให้เอยพักก่อน
อย่าเพิ่งรับโทรศัพท์เลย ให้ทานยาหลังอาหาร ลักษณ์หยิบมือถือเอยมาดู
รู้ว่ากรวิกโทร.มา ลักษณ์ซักถามอาการ ยังทานอาหารไม่ค่อยได้
เขาจึงบอกว่าอาการของเอยไข้ขึ้นสูง จนช็อก มีอาการข้างเคียงตามมาหลายอย่าง
อาจอาเจียนสอง สามวัน แล้วจะค่อยดีขึ้น ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อน
"พี่อยากให้เอยพักผ่อนให้เต็มที่ หยุดคิดทำอะไรที่ ทำให้เครียด
พี่จะโทร.ไปลางานให้ โทรศัพท์เครื่องนี้พี่จะคืน ให้ทันทีที่ออกจากโรงพยาบาล
ตกลงไหม" เอยพยักหน้าตกลง หมอลักษณ์ลูบผมเธออย่างห่วงใย
พยาบาลเอาน้ำเกลือมาเปลี่ยนขวดใหม่ ลักษณ์จึงให้บอกประชาสัมพันธ์
"ถ้ามีใครโทร.มา หรือมาขอพบคุณช่อลดา บอกว่าไม่มีคนไข้ชื่อนี้มารักษาตัว
ผมไม่ต้องการให้ใครมารบกวน คนไข้ของผม"
หมอลักษณ์หารู้ไม่ว่า กรวิกที่กดมือถือหาช่อลดาแทบมือหงิกนั้น
พอไม่ติด เกิดอารมณ์แค้นประกาศออกมาแบบองุ่นเปรี้ยว
"โธ่เอ๊ย ทำอะไรที่ไหนวะ...คิดว่าฉันจะใส่ใจนักเรอะ... ไม่มีทาง"
ooooooo
ภัทรมาที่ร้านหนังสือแห่งหนึ่งของเมืองบางกอก
แล้วก็ตาโตเมื่อที่แผงขายหนังสือผู้คนมารุมซื้อกันชุลมุน ภัทรโผล่หน้าเข้าไปดู
คอย่นทันที เพราะหน้าปกนิตยสารหลายฉบับมีรูปกรวิกอุ้มเมนี่อยู่ครึ่งหน้า
อีกครึ่งหน้ามีรูปกรวิกอุ้มช่อลดาอยู่ด้วย...ภัทรหลบหัวหนีไปกดมือถือถึงดวงแก้ว
แล้วรายงานอย่างไม่หายใจ หายคอ ดวงแก้วเองก็เต้นเหยง ฟังเรื่องแล้วว้ากทันที
"ใครมันกล้าหักหน้า วิชั่น พอสสิเบิล...เธอซื้อมาเลยภัทร กวาดให้หมดแผง
แล้วเข้ามาเดี๋ยวนี้"
ภัทรหันไป...ช้าไปแล้ว ไม่รู้ผู้คนมาจากไหน ซื้อคน ละเล่มสองเล่มเกลี้ยงทันที
ขอซื้อจากคนที่ได้มาแล้ว ให้ราคาแพงหูฉี่ ยังไม่ยอมขาย...ภัทรต้องรีบเผ่นไปหาให้ได้...
ที่ห้องทำงานพี่ดวงแก้ว ผู้ยิ่งยงในวงการบันเทิงไทย
กำลังสัมมนากับเจษฎาช่างภาพมือดีอย่างชนิดเชือดเฉือนกันด้วยเหลี่ยมคู เ
จษฎายอมรับว่าฝีมือเขาเอง แล้วยังเอาบุญคุณว่าอุตส่าห์เลือกรูปกรวิกกับ
ผู้จัดการส่วนตัวที่ไม่ค่อยชัด รักษาน้ำใจพี่ดวงแล้ว
ดวงแก้วสั่งภัทรให้ตามกรวิกกับเมนี่มาแถลงข่าว เรื่องนี้ที่สถานีด้วย ออกอากาศค่ำนี้เลย
เมื่อภัทรออกไปแล้ว ดวงแก้วหันมาเจรจากับเจษฎา ดวงแก้วมีข้อเสนอ
"เพื่อแลกกับภาพที่เหลือทั้งหมดเพื่อลงพิมพ์ในนิตยสาร เล่มใหม่ของฉัน..
.ที่มีเธอเป็นเจ้าของ...ฉันจะลงทุนเปิดบริษัทให้เธอ เราจะทำนิตยสารแข่งกัน
เธอจะได้นั่งตำแหน่ง บก.อย่าง ที่ฝัน...เธอเล่นข่าวชู้สาวดาราตามถนัด
จะไม่มีใครรู้ว่านายทุนของเธอคือใคร นอกจากเราสองคน
การแข่งกันทั้งสองฉบับในที่สุดเงินก็ไหลเข้ากระเป๋าเดียวอยู่แล้ว"
ทั้งสองยิ้มให้กัน อย่างเสือผจญสิงห์
ooooooo
โสภิตาที่ปลื้มมานาน ยุยงส่งเสริมให้ลูกสาวได้รักกับพระเอกกรวิก
แล้วมั่นใจว่ากรวิกกับเมนี่รักกัน แน่นอน...แต่วันนี้กลับตื่นเต้น
เมื่อพวกพ้องโทร.มาบอก เรื่องรูปกรวิกกับเมนี่ที่ลงนิตยสาร
มีรูปกรวิกกับสาวอื่นด้วย โสภิตาตกใจไม่เชื่อ วิ่งแจ้นไปถามลูกสาวทันที
เมนี่บอกแม่ว่า คงเป็นเรื่องในละครมากกว่า แต่เมื่อแม่ยืนยัน จึงถามแม่ว่า มีด้วยหรือ?
พอดีภัทรโทร.มาหา พอเมนี่รู้ว่ากรวิกอุ้มช่อลดาด้วย เมนี่รีบบอกจะไปเดี๋ยวนี้เลย
สั่งให้แม่ดูข่าวตอนค่ำให้อีกด้วย...
จากนั้นไม่นานทุกคนก็มาพร้อมที่ห้องประชุม โดยมี คุณดวงแก้วนั่งหัวโต๊ะ
กรวิกดูนิตยสารแล้วโยนลงบนโต๊ะ บ่น ถึงนายเจษฎาที่ตามจองล้างจองผลาญเขา
ดวงแก้วว่าเรื่องนี้ไว้ทีหลัง แต่อยากรู้เรื่องกรวิกกับช่อลดามากกว่า
กรวิกจึงอธิบายว่า ไปถึงโรงแรมหัวหินยังมีเวลาจึงให้เอยไปทำธุระส่วนตัว
ทรเล่าต่อว่า เขาเห็นเอยลงเล่นน้ำ กรวิกว่าต่อ เขาเห็นเล่นน้ำนาน
จึงไปตาม จู่ๆเธอตัวร้อนลมจับ เขาจึงอุ้มมาที่ห้อง
จะผ่านล็อบบี้กลัวนักข่าว หลบไปบันไดหนีไฟก็เป็นข่าวอีกจนได้
ดวงแก้วจึงให้กรวิกตอบนักข่าวตามสคริปต์ ที่ภัทรจะเอาให้อ่านระหว่างนั่งรถไปสถานี
ส่วนเมนี่ต้องตอบตามความเป็นจริง...
ooooooo
กรวิกและเมนี่เข้ารายการสีสันบันเทิง ฝ่ากลุ่มนักข่าวเป็นร้อย พิธีกรกล่าวนำเข้าสู่รายการ
และทั้งสองดาราอื้อฉาวเข้านั่งประจำที่ท่ามกลางเสียงปรบมือเกรียวๆ
และประเด็นที่จะสัมภาษณ์วันนี้คือความอื้อฉาวของดาราดังทะลุฟ้า
ที่โชว์อร่ามบนปกนิตยสาร สร้างความฮือฮาไปทั่ว ว่ารูปไหนคือนางเอกตัวจริงของกรวิก
"รู้สึกว่านางเอกจะมีอยู่คนเดียวนะครับ" กรวิกชี้ไปที่รูปอุ้มเมนี่ทันที
เสียงผู้คนฮือฮา บ้างก็กรี๊ดจนแสบแก้วหู พิธีกรรีบตอกย้ำว่า น้องเมนี่คือนางเอกตัวจริง...
"นางเอกในจอนะครับ ส่วนนอกจอ ก็คงต้องรอดูกัน ต่อไป" กรวิกพยายามให้เป็นลูกเล่น
พิธีกรหันไปถามทางเมนี่...มีเสียงว่า คงไปแต่งงานกันมาแล้ว
ถึงมีรูปแบบนี้หลุดออกมา เมนี่รีบบอกว่าเราสองคนไปโปรโมตงานการท่องเที่ยว
ชักชวนคู่รักให้มาแต่งงานกันที่หัวหิน ไม่มีอะไรจริงๆ กรวิกเสริมทันที

"ถ้าจะมีก็เป็นเรื่องน่ายินดี ซึ่งเราจะประกาศให้ทุกคนทราบ

และเชิญไปร่วมงานด้วยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นอะไรที่จะต้องแอบแต่งนี่ครับ"

เสียงปรบมือเกรียวอีกครั้ง...จากนั้นพิธีกรหันมาอีกประเด็น

เกี่ยวกับผู้หญิงอีกคนที่กรวิกอุ้มอีก รูปนั้นเป็นใคร และเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อใด?
คำถามนี้ ทุกคนเงียบกริบ สายตาจ้องไปที่กรวิก...
ช่อลดานอนบนเตียงในห้องพักคนไข้ แต่สายตาจ้องจับที่จอทีวี...

เช่นเดียวกับลักษณ์ที่ยืนจ้องทีวีเช่นกัน...กรวิกยิ้มตอบอย่างสบายๆ
"ผมขอตอบว่า ผมไม่รู้จักผู้หญิงที่อยู่ในรูป ผู้ชายในรูป อาจเป็นใครสักคนที่คล้ายผม

แต่ไม่ใช่ผม จะเมกรูปเป็นผมทั้งที น่าจะลงรูปให้มันชัดสักหน่อย"

ช่อลดาฟังแล้วเสียใจวูบ ทันที ไม่คิดว่ากรวิกจะตอบอย่างนี้ แล้วได้ฟังต่ออย่างช้ำหนักอีก

กรวิกตอบคำถามที่ว่า อาจมีผู้หญิงคลั่งไคล้อยากกอดเขา ทำภาพตัดแต่งคอมพิวเตอร์ก็ได้
ลักษณ์มองช่อลดา เห็นเธอน้ำตาคลอ เขาหยิบรีโมตขึ้นมากดปิดจอทันที เธอเอ่ยขึ้น
"เขาคงมาช่วยเอยตอนที่เอยเป็นลม ไม่ได้มีอะไร"
"เรื่องบางเรื่องพี่ก็ไม่อยากรู้ เอยก็เหมือนกัน เรื่องอะไร ที่ทำให้เราไม่สบายใจ

ก็ทำปิดหูปิดตาไปซะ ที่ต้องใส่ใจตอนนี้ คือสุขภาพของเราเอง เอ้า

พักผ่อนได้แล้ว คืนนี้พี่จะเฝ้าเอยเอง"
เขาห่มผ้าให้ เอยหันหลังให้ซ่อนน้ำตา ลักษณ์รู้ดีว่าเอยปวดร้าวใจแค่ไหน...
ส่วนกรวิก เมื่อมาส่งเมนี่ที่บ้าน ถามเธอเรื่องเอย เมนี่ บอกเธอไม่ได้คิดอะไร

แต่ก็อยากให้เขาอยู่กับตัวเองให้มาก เพราะเขาอาจมีเรื่องต้องคิดมากเรื่องนี้
"เมนี่ไว้ใจและเชื่อใจคุณ คนอย่างคุณไม่มีวันคบผู้หญิงสองคนได้ในเวลาเดียวกัน

สบายใจเถอะนะคะ" กรวิกฟังแล้วยิ้มให้เมนี่ ยิ้มอย่างปวดช้ำในใจ...
เพราะหลังจากส่งเมนี่แล้ว เขามุ่งตรงไปยังอพาร์ตเมนต์เอย

ก็พบกับความชอกช้ำทับถมเข้ามาอีก...เมื่อพบแต่ความว่างเปล่า เขายืนนิ่ง

แต่รู้สึกเคว้งคว้าง ด่าและชิงชังตัวเอง
"ไอ้วิก ทำไมไม่กลับบ้าน มาที่นี่ทำไม...เขาอยู่ดีมีสุข กับคนของเขาแล้ว

โง่ไปถึงไหน ไอ้บ้าเอ๊ย"
กรวิก พระเอกดังถึงทางช้างเผือก กลับมาจนตรอก เขาเตะซ้ายป่ายขวา

แล้วนั่งกุมขมับ ถามตัวเองว่า แกคือใคร กำลังตกอยู่ในสภาพแบบไหน?
ขณะเดียวกัน เอยนอนเหมือนหลับ แต่ยังตื่นตัวและ ประคองตัวเองให้มีชีวิตอยู่

บัดนี้เธอเป็นคนแปลกหน้าสำหรับพี่วิกไปแล้ว...กำลังจะยกมือเช็ดน้ำตา

เหมือนถูกรั้งไว้ เอยมองไปเห็นลักษณ์หลับอยู่ข้างเตียง แต่มือยังกุมข้อมือเธอไว้

เขาซบหลับข้างเตียงของเอย เอยมองเขาอย่างเทิดทูนบูชา

ผู้ชายคนนี้ไม่เคยทำให้เธอชอกช้ำใจแม้แต่น้อย...

ooooooo

คุณปราชญ์มากดออดหน้าห้องพักที่อพาร์ตเมนต์ ของปรัชญาลูกชาย

พอลูกหัวยุ่งงัวเงียมาเปิดรับ จึงถามอย่างไม่พอใจว่า เขาประชุมกันแปดโมง

ทำไมแกไม่เข้าประชุม นี่ 11 โมงแล้ว เพิ่งโงหัวจากที่นอน...
ขณะนั้นเสียงแสงฉายหรือแม่แซนดี้ร้องถามว่าใครมา เสียงเอะอะเชียว

เธอพาผมกระเซิงมายืนให้คุณปราชญ์เห็น พอรู้ว่าพ่อเขา แซนดี้ยกมือไหว้

เขาแนะนำแซนดี้ว่า เธอเพิ่งมาจากนิวยอร์กไม่กี่อาทิตย์นี้เอง พ่อจึงดึงลูกชายไป

โดยขอตัวไปพูดกับลูกหน่อย
เมื่อดึงลูกชายมายังมุมหนึ่ง จึงเล่นงานว่า เขาทำบริษัทเสียหายมาก

ที่ดึงเอาโครงการผลิตยามะเร็งมาไม่ได้ เมื่อลูกชายบอกไม่รู้เรื่อง

พ่อจึงสำทับว่า ส่งเอกสารให้เป็นอาทิตย์แล้ว ลูกไม่เคยพลิกดู ไม่รับผิดชอบอะไรเลย
"ฉันขอเตือนแกไว้ อย่าเสียคนเพราะผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่เป็นภรรยาคนอื่น"
"พ่อรู้จักแสงฉายด้วยหรือ"
"แกลืมแล้วหรือ พ่อบินไปนิวยอร์กปีนึงเป็นสิบครั้ง รู้จักคนไทยแทบทุกคน

หมอลักษณ์เป็นคนดี อย่าให้เราต้องเสียบุคลากรมือหนึ่งไป

เพราะเรื่องชู้สาวคาวโลกีย์ของแก มันทุเรศสิ้นดี"
ปราชญ์หันหลังเดินหนีไป ปรัชญากำมือแน่น ไม่พอใจพ่อที่มาด่า

ooooooo

เมื่อกรวิกจนปัญญาไม่รู้ว่าเอยหลบไปอยู่ที่ไหน แล้วเขาก็มาลงที่ภัทร

ทั้งดึงทั้งจิกมาคาดคั้นว่าเอยอยู่ที่ไหน ภัทรเองก็จนด้วยเกล้าที่เมื่อเอยไม่โทร.มาหาเขา

จึงไม่อาจรู้ได้ เอยจมน้ำตั้งนาน คงป่วยหนักนอนซมไปแน่ๆ กรวิกฟังเรื่องเอยจมน้ำ

เหมือนที่นายลักษณ์อ้างเหตุมาเล่นงานเขา จึงคาดคั้นภัทรให้เล่าเรื่องให้ฟัง...

ตอนที่ลักษณ์กับภัทรตามไปพบเอยนอนจมน้ำหวิดตายที่ชายหาด แล้วย้ำ
"ว่ายน้ำไม่เป็นแล้วยังจะลงไปว่ายให้แดดเผาจนเป็นไข้" ภัทรสรุป

กรวิกฟังแล้วตกใจเมื่อรู้ว่าเอยว่ายน้ำไม่เป็น ภัทรย้ำว่าคุณลักษณ์บอกภัทรเองว่า

เอยเคยจมน้ำเกือบตายมาแล้ว...กรวิกร้อนรนถามให้ภัทรหรือคนที่รู้บอกมาว่า

เอยอยู่ที่ไหน รู้เบอร์นายลักษณ์ไหม เขาอยู่ไหน ทำงานอะไร

ภัทรถูกขย้ำคอจนไอค่อกแค่ก แล้วจำต้องรีบตอบเอาชีวิตรอด
"ไม่รู้...รู้แต่ว่าลักษณ์เขาเป็นหมอ เคยเห็นที่โรงพยาบาล แต่ไม่รู้อยู่ที่นั่นรึเปล่า"
กรวิกสั่งภัทรเปิดปากอีกครั้ง แล้วผลักภัทรกระเด็น... จากนั้นแจวอ้าวไปไม่เหลียวหลัง

ooooooo

กรวิกใส่หมวกและแว่นดำกันคนจำได้ ไปถามประชาสัมพันธ์โรงพยาบาล

โดยมีการ์ดสองคนตามคุ้มกัน ถามถึงคนไข้ชื่อช่อลดา

ค้นเท่าไหร่ก็ไม่มีชื่อช่อลดา ถึงขนาดถอดแว่นและหมวก

สาวๆกรี๊ดกันระงมกับดารากรวิก...แต่ไม่มีคนไข้ชื่อนี้...กรวิกไม่รามือ

พอถามถึงหมอลักษณ์ จึงได้เรื่องทันที
กรวิกเข้าไปหาหมอลักษณ์ที่ในห้อง แล้วตั้งคำถาม
"ผมอยากรู้ว่า คุณเอาช่อลดาไปไว้ที่ไหน"
"จะมาตามไปทรมานกันอีกยังงั้นหรือครับ" ลักษณ์ถามหน้าตาเฉย
"ผมอยากรู้คิวผม...หยุดงานไม่บอกกล่าว รู้ไหมว่าผมเสียหายขนาดไหน"
"เอยป่วยขนาดนี้แล้ว คุณยังห่วงแต่งาน ห่วงแต่ตัวเอง

จะมีแก่ใจถามสักคำไหมว่าเอยเป็นยังไง" กรวิกถามทันทีว่าเป็นไง

"เอยยังไม่ตาย ยังอยู่ให้คุณทรมานอีกทั้งปี" กรวิกซักว่าบอกมา

ตอนนี้เธออยู่ไหน...หมอห้าม อย่าไปหาเธอเลย เอยจะไม่ได้พักผ่อน
"ผมจะรู้ได้ไงว่าป่วยจริงป่วยหลอก เกิดแอบลาพักร้อนไปฉลองฮันนีมูนชายหาด

ผมเสียหายมาก เริงสุขบนความทุกข์คนอื่นนะหมอ"
"อย่าคิดว่าผมเป็นนักแสดงอย่างคุณ เที่ยวเผยมายาหลอกคน หลบๆซ่อนๆ ลักกินขโมยกิน"
กรวิกหาว่าหมอดูถูกอาชีพเขา หมอโต้ทันทีว่าเขาก็หมิ่นเกียรติหมอกับเอยเช่นกัน

ทั้งสองแยกเขี้ยวจะเคี้ยวเนื้อสดๆกัน...กรวิกซัดกำปั้นใส่หน้าลักษณ์จนล้มเค้เก้

ก่อนจะใช้วิชามวยกันต่อ พยาบาลเข้ามาเรียกหมอลักษณ์...บอกคนไข้ห้องวีไอพีช็อก

ให้เชิญคุณหมอด่วนที่สุด...หมอลักษณ์ ลุกขึ้นได้ วิ่งไปทันที
ลักษณ์ไปพบหมอพิสิษฐ์ จึงรู้ว่าเอยช็อก กำลังให้เลือด

แต่เลือดกรุ๊ปเอขาดแคลนด้วยรถทัวร์ของมหาวิทยาลัยคว่ำ

มูลนิธิเลยส่งมาที่นี่เพราะใกล้ที่เกิดเหตุ ติดต่อกาชาดแล้ว

แต่ต้องรอเป็นชั่วโมง...จึงสั่งให้ประกาศรับบริจาคเลือดกรุ๊ปนั้นทันที

ก่อนกรวิกจะกลับ ได้ยินเสียงประกาศขอบริจาคเลือดกรุ๊ปเอ

เขาจึงรีบไปติดต่อขอบริจาคเลือดทันที พยาบาลเห็นเป็นซุปเปอร์สตาร์รีบมาเจาะเลือด

ชื่นชมพระเอกกันทั่วหน้า ถือว่าหล่อเป็นดาราแล้วยังมีน้ำใจ...

ขณะที่กรวิกนอนให้เลือดอยู่นั้น พยาบาลเข็นเตียงเอยเข้ามาจอดไว้ข้างๆกรวิก

แล้วยังบอกกรวิกว่า นี่คือคนไข้ที่กรวิกจะบริจาคเลือดให้ เขาพยายามจะมองหน้า

แต่เห็นเพียงด้านข้าง พอจะเงยหน้าขึ้นมอง เจ้าหน้าที่กลับมารูดม่านบังเสียก่อน...
หมอลักษณ์ออกจากห้องผ่าตัด เสร็จแล้วรีบมาดูเอยที่รอรับเลือดถุงใหม่ที่ห้องฉุกเฉิน

ส่วนกรวิกหลังให้เลือดแล้ว พยาบาลถอดสายปิดแผลให้ แล้วให้นั่งพักสักครู่ก่อน...

หลังจากเตรียมเลือดที่บริจาคให้เอยแทนถุงเก่าที่จวนหมดลง เมื่อเปิดม่าน

กรวิกจึงเดินไปมองคนที่จะรับเลือดจากเขา...พอจะเห็นหน้าชัด

พยาบาลกลับมาเรียกเขาไปดื่มเครื่องดื่มร้อนๆที่ห้องวีไอพีก่อน

เขาจำต้องเดินตามพยาบาลไป จึงคลาดกับเอยหวุดหวิด
กรวิกไปแล้ว หมอลักษณ์เข้ามาหาเอยที่ยังหลับ เขาบอกพยาบาลอีกชั่วโมง

คนไข้แข็งแรงดีแล้ว พาไปพักที่ห้องเดิม...

จากนั้นหมอไปหาคนที่มาบริจาคเลือดให้เอย เพื่อขอบคุณเขา

หมอลักษณ์กับกรวิกเห็นกัน ต่างอึ้งไป หมอจึงขอบคุณเขาที่มีน้ำใจ

บริจาคเลือดให้คนไข้ของเรา...กรวิกขอคุยกับหมอ ถามว่าเอยอยู่ไหน

ถ้าคุณหมอบริสุทธิ์ใจควรบอกเขา เขามีสิทธิ์รู้ว่าคนของเขาเป็นตายร้ายดีอยู่ที่ไหน

แต่หมอกลับ ยืนยันว่า ไม่มีวันเปิดปากบอกเขาแน่...
หมอเดินออกจากห้องนั้น กรวิกวิ่งตามเรียกไว้ แต่บรรดาแฟนคลับในโรงพยาบาลร้องเรียกกรวิก...

หลายคนกรูกันมารุมล้อมกรี๊ดกร๊าด ทั้งขอจับมือ ทั้งขอลายเซ็น

ไมค์กับชนม์ต้องวิ่งมาทำหน้าที่กันกรวิกหนีให้ได้...


หมอลักษณ์มาหาเอยในอีกหลายชั่วโมงต่อมา เมื่อเอยตื่นขึ้นมา
สีหน้าสดใสด้วยเลือดบริจาคของกรวิก หมอบอกดีใจที่เอยหายดี
แต่เขากลับช้ำลึกอยู่ภายในว่า ทำไมต้องเป็นไอ้หมอนั่นมาต่อลมหายใจให้เอย...
ลักษณ์ฝังความเจ็บปวดไว้ภายในแต่ผู้เดียว...
คนที่เจ็บช้ำไม่พอใจเอยอีกคนคือทอปัด เธอเกลียดเอยหนักขึ้น
หลังจากเห็นเอยถูกพี่กรวิกของเธออุ้มในหน้าปกหนังสือ...
เกลียดเอยยิ่งกว่าเมนี่เสียอีก...แล้วยังลามไปถึงเจษฎา
ไอ้คนไปแอบถ่ายมาลงหนังสืออีกด้วย
ส่วนกรวิกจะไม่ไปงานเปิดหนังสือเล่มใหม่ของเจษฎา
แม้จะมีรูปกรวิกลงหน้าปกเป็นปฐมฤกษ์ด้วยก็ตาม
คุณดวงแก้วที่เป็นคนลงทุนให้อย่างลับๆ รีบยืนยันให้กรวิกไปงานนี้ให้ได้
ทั้งนี้เพราะกรวิกยังหงุดหงิดติดข้องใจไม่รู้ว่าลักษณ์เอาเอยไปไว้ที่ไหน
จนบางทีบ่นดังๆ เมนี่ได้แต่ช่วยคิดว่า เอยอาจไม่สบาย
พอจะให้ติดต่อแฟนที่เป็นหมอ กรวิกสั่งห้ามยุ่งทันที...
เมื่อรู้ว่าเมนี่จะอยู่ที่บริษัทจนค่ำ เขาจึงขอตัวไปธุระ แล้วจะมาพบกันตอนค่ำ...

ooooooo

ปรัชญาเข้ามาในห้องทำงาน เห็นจดหมายฉบับหนึ่งวางอยู่
พอเปิดดูจึงแทบจะเต้นเป็นงิ้ว เดินลิ่วๆไปที่ห้องปราชญ์ผู้พ่อทันที
โยนจดหมายลงตรงหน้า ถามพ่อว่าทำแบบนี้หมายความยังไง
ที่ให้บอร์ดปลดเขาจากกรรมการผู้จัดการ
พ่อบอกเขาย้ายไปทำงานลูกค้าสัมพันธ์ที่ลูกถนัด ลูกชายด่าพวกบอร์ดหัวหงอก
พ่อไม่คัดค้าน พ่อยืนยันว่าเราเป็นบริษัทมหาชน ทำตามมติ
เขาลงมติกันตอนแกยังไม่ตื่นมาประชุม ทีหลังต้องหัดมาให้ทันเวลาจะได้รู้เรื่อง
ปรัชญาโดนพ่อย้อนศร จึงปึงปังกลับไป สวนกับลักษณ์ที่เดินมาหาปราชญ์ตามคำสั่ง
ปรัชญาจึงแขวะว่าลักษณ์วางยาอะไร พ่อถึงเรียกได้วันละสามเวลา จึงถูกแขวะซ้ำอีกว่า
ยาที่ดีคือการมาทำงานและเข้าประชุมตามเวลาเป็นยาดีที่สุด...หมอลักษณ์เดินหนีไป
ปรัชญาคำรามตามหลังหมอลักษณ์
"โดนกูสวมเขาจนเหมือนควายแล้วยังจะทำปากดีอีก"
มองตามหลังลักษณ์ไปอย่างหยามหยัน...
ปรัชญากลับมาที่ห้อง เลขาฯหอบแฟ้มมาให้ มีงานมาเต็มอัตรา เขาโยนแฟ้มโครม
บอกเลขาฯว่า จะแยกตัวไปกี่เสี่ยง ถึงจะทำงานตั้งสามสี่งาน
พอเลขาฯบอกมันคนละเวลากัน จึงตะเพิดเลขาฯให้ไปบอกพวกนั้นว่า
ให้กรรมการผู้จัดการใหม่มันทำ เขาไม่ทำม่มีอารมณ์ทำ...พอเลขาฯออกไป
แซนดี้ก็เชิดหน้าเข้ามาทักเสียงใส เขาติงว่าน่าจะโทร.มาก่อน แซนดี้บอกว่ามีข่าวดี

เธอหาทำเลเปิดสปาสาขาโรงพยาบาลนี้ได้แล้ว เช่าเดือนละห้าแสน
ถ้าซื้อก็ 270 ล้าน ถูกม้ากมาก เขาถามว่าเธอจะซื้อหรือเช่า
"ต้องถามคุณสิคะ ก็คุณเป็นคนจ่ายเงินนี่"
ปรัชญากำลังเหี่ยวในอารมณ์ จึงปัดว่าไว้คุยกันวันหลังวันนี้เขามีงาน
ให้กลับไปก่อน แซนดี้ใช้มายาเข้าไปกอดออเซาะ กลับถูกเขาตะเพิดให้ออกไป...
แซนดี้หน้าจืดลง แต่ยังนัดพบกันคืนนี้แซนดี้ผู้กร้านชีวิตเดินออกมา
และเข้าลิฟต์ไปแล้ว งึมงำเยี่ยงนางสิงห์นักล่าเหยื่อมือฉมัง
"นึกว่าฉันจะกลัวแกงั้นเรอะ รอให้ฉันรีดเงินจากแกจนพอใจก่อนเถอะ จะถีบหัวส่งให้ดู"
สัญญาณลิฟต์ดัง แซนดี้ก้าวออกมาแต่พอรู้ว่าผิดชั้น จะกลับก็ไม่ทันแล้ว
จึงได้แต่บ่นว่าวันนี้วันซวยจริงๆพับผ่า...แล้วก็หันไปเห็นลักษณ์ประคองเอยมาที่ลิฟต์...
เกิดอาการผีเข้าทันที
"วันนี้วันซวย แล้วยังมาเจอคุณอยู่กับเมียน้อยพอดี" เอยอุทานชื่อแสงฉายอย่างแตกตื่น...
แล้วแซนดี้ก็กรากเข้ามาทักทายใบหน้าเอยด้วยฝ่ามือ ลักษณ์ช่วยไม่ทัน แต่กรากมากั้น
ตะคอกใส่แซนดี้ว่า ทำรุนแรงเกินไป แซนดี้บอกเขาทำรุนแรงกับเธอมากกว่า
เพราะเอาเมียน้อยมาเป็นเมียหลวงในที่ทำงาน หมอบอกเธอป่วย
แซนดี้ก้าวมาดูว่าป่วยที่ตรงไหน จะตบอีก ลักษณ์จับไว้สั่งสอนหลายคำ
แล้วขู่ถ้าทำตัวแบบนี้ จะไม่ได้อะไรจากเขาอีกแม้แต่บาทเดียว แซนดี้จึงหยุดมือ
แต่ยังสำทับเอยว่าอย่าให้เห็นอีกก็แล้วกัน แล้วเข้าลิฟต์ที่เปิดออกมาพอดี...
หมอได้แต่มองเอยอย่างเห็นใจ
หมอลักษณ์พาเอยมานั่งรอที่ล็อบบี้ ตัวเขาไปรับยาที่ช่องจ่ายยา กรวิกใส่แว่น
หมวกหลุบหน้าเดินมาเห็นเอยนั่งรอ ลักษณ์ถือถุงยามาพาออกจากโรงพยาบาลไป
กรวิกแอบสะกดรอยตาม...ขึ้นรถตามไปจนถึงตึกห้องชุดของหมอลักษณ์
รถหมอเข้าไปแล้ว รถกรวิกถูกกัก เพราะไม่มีบัตรประจำตัวหรือใบขับขี่...
กรวิกถอดหมวกและแว่นตา พวก รปภ.ร้องเรียกชื่อกรวิกเท่านั้น
ไทยมุงก็กรูกันมาห้อมล้อม ดีใจที่เห็นตัวจริงดาราดังวันนี้เอง
ขอถ่ายรูป เขาจึงให้ถ่ายขากลับก็แล้วกัน จึงหลุดเข้าไปได้
แต่ไม่มีการ์ดรูดเพื่อผ่านเข้าไปในห้องโถงได้ พอดีมีโทรศัพท์ตามไป
งานเปิดนิตยสารใหม่ เขาจึงจำต้องกลับออกไปทันที

ooooooo

ในงานนี้ แม้ภัทรเองก็เพิ่งรู้ว่านิตยสารนี้เจษฎาเป็นทั้งหัวหน้าบริหาร
และบรรณาธิการคนเดียวกัน แล้วดวงแก้วก็เชิดชูเจษฎาอย่างเต็มที่
ทั้งๆที่ปากบอกว่าเป็นคนในวงการเดียวกัน แล้วให้กรวิกกับเมนี่มา
ถ่ายรูปกับเจษฎาอย่างเต็มที่ ภัทรเหมือนจะร้องไห้มากกว่า
เจษฎามองกรวิกอย่างหยันในทีขณะนักข่าวรุมสัมภาษณ์เมนี่
กรวิกเดินหลบออกมาดื่มไวน์พรวดเดียวหมดแก้ว เมื่อนึกถึงเอย
ที่ถูกหมอลักษณ์พาหนีไป แล้วกรวิกก็หันมา เมื่อเจษฎาเดินมาทักว่า
งานไม่สนุกหรือ ถึงทำท่าจะกลับ กรวิกหันหน้าเดินหนี แล้วต้องชะงัก หันมาตัวร้อนฉ่า
"ฉันมีรูปนายกับแม่ผู้จัดการส่วนตัว นั่นด้วยอีกเซตใหญ่ที่ยังไม่ได้ตีพิมพ์..
.ถ้าไม่อยากให้ชาวบ้านเห็นขี้นหน้า และถูกตั้งฉายาว่าเจ้าชายขี้จุ๊ละก็ ทำตัวดีๆกับฉันหน่อย"
"แกต้องการอะไร" เขากระชากเสียงถามแล้วดึงคอเสื้อเข้ามา เจษฎาไม่สะทกสะท้าน ยิ้มกวนโอ๊ย
"เอาไว้ค่อยนัดเปิดอกคุยกันอย่างลูกผู้ชายวันหลัง วันนี้ฉันมีงาน"
เจษฎาแกะมือกรวิกออก แล้วขยับสูทยักไหล่... พอดีวุฒิ ว่าที่พระเอกใหม่มาบอกเจษฎาว่านักข่าวขอสัมภาษณ์เขาอีก เจษฎาตกลงกอดวุฒิยืดอกไป แล้วยังหันมายิ้มเห็น
ไรฟันใส่กรวิกอีกรอบ...กรวิกได้แต่กัดฟันแน่น นิ่งนาน...

ooooooo

รปภ.อาคารชุดเพนท์เฮ้าส์ของลักษณ์โทร.ขึ้นไปบอกว่ามีคนจะเรียนสายคุณลักษณ์
เมื่อเอยรับสายแทนเพราะลักษณ์ไม่อยู่ กรวิกจึงนัดเอยลงมาพบข้างล่าง
เธอถามทันทีว่าทำไมรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ กรวิกบอกว่าเห็นไอ้หมอนั่นมันพา
เธอกลับมาจากพาไปหาหมอวันนี้ พอเอยบอกว่าเธอนอนโรงพยาบาล
ตั้งแต่วันกลับจากหัวหิน กรวิกหาว่าโกหก
"ไอ้หมอวางแผนให้คนเห็นว่าป่วย แล้วพาเธอไปฮันนีมูนในโรงแรมไหนสักแห่ง..
.ที่จูงมือเข้าโรพยาบาล คงฮันนีมูนกันหนักไปหน่อยละสินะ"
เอยสุดทนฟัง ตบหน้ากรวิกสั่งสอนหนึ่งฉาด
"อย่าดูถูกคนอื่น ในเมื่อคุณไม่รู้ความจริง"
"ความจริงที่ว่าป่วยที่โรงพยาบาลเป็นอาทิตย์น่ะรึ นั่นมันอาการคนโคม่า

แต่เธอไม่เห็นเป็นอะไร ถ้าเป็นจริง เอาใบรับรองแพทย์มาดูซิ เธอกล้าไหม"
ช่อลดาหรือเอยไม่คิดถึงว่ากล้าหรือไม่กล้า แต่เสียใจอาการเย้ยหยันดูหมิ่นของเขาต่างหาก
เอยเดินหนี เสียงกรวิกดังตามหลัง...แล้วต้องเดินมาจะตอบโต้ แต่ทำอะไรไม่ถูก
"เธอไม่กล้า เธอโกหก ทีหลังจะไปฮันนีมูนที่ไหน บอกมาจะจัดเวลาให้นานๆไม่ใช่มาโกหก
แล้วถึงต้องเข้าโรงพยาบาลแบบนี้" ขาดคำ เอยซัดหน้ากรวิกอีกที คราวนี้หนักกว่าเดิม
"หยาบคาย...พี่ลักษณ์ไม่ใช่คนหยาบอย่างพี่วิก รู้ไว้ด้วย" จะก้าวหนีเขาดึงข้อมือ...กอดแล้วจูบ
ไม่ใช่โกรธแต่โหยหามากกว่า...เธอตะลึงไม่คาดคิด มีแต่น้ำตาพร่างพรูด้วยความคับแค้นใจ...
พอเห็นน้ำตาเธอ กรวิกจึงคลายมือออก กำลังจะขอโทษ เธอวิ่งหนีไปเสียก่อน...
เขาวิ่งตามไปทัน ดึงตัวเอยไว้ ขอร้องให้พูดกันเสียก่อน เขาอยากขอโทษ แต่กลับพูดเรื่องงาน
ให้เอยทำงานชดใช้ที่ขาดไป เอยรับคำรับรองใช้คืนทุกวินาที เธอจะเดินหนีเขาดึงไว้
ต้องชดใช้เวลาให้เขาเดี๋ยวนี้...กรวิกกึ่งลากกึ่งกระชากเอยไปทันที
กรวิกลากเอยมาที่ลานจอดรถ สุดที่เอยจะขัดขืน ได้แต่ขอร้องให้เขาปล่อย
เพราะเธอไม่ใช่สิ่งของ เธอมีชีวิตจิตใจ...ขณะจะดันเอยเข้าไปในรถ
ลักษณ์ขับรถมาจอดพอดี เขารีบลงรถ
"หยุดนะคุณกรวิก คุณจะพาเอยไปไหน"
"ทำงาน" กรวิกตอบห้วน ลักษณ์ถามงานอะไร นี่มันเที่ยงคืนแล้ว
"อย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวของผม"
"ผมจะไม่ยุ่ง ถ้าคนที่คุณฉุดไม่ใช่เอย กรุณาปล่อยมือคู่หมั้นของผมด้วย"
กรวิกได้ยินคำว่าคู่หมั้น ต้องปล่อยมือ เอยวิ่งมาแอบหลังลักษณ์ แล้วชวนเขากลับขึ้นห้อง...
ทั้งสองกำลังจะพากันเดินหนี กรวิกโจมตีทันที
"อย่าทำอะไรหักโหม จนพรุ่งนี้ต้องลาป่วยอีกล่ะ"
"จะพูดอะไรกรุณาให้เกียรติกันหน่อย อย่างน้อยเอยก็เคยเป็นคนที่คุณรัก"
"เรื่องสมัยเด็กๆ ผมจำไม่ได้หรอกมันไม่ประทับใจอะไรจนน่าจำ ไม่เหมือนวีรกรรมเสี่ยงตาย
ลงไปงมแหวนหมั้นในทะเลอย่างกรณีคุณหมอนี่"
"พี่วิกเอยขอร้องนะคะ" เอยไม่อยากให้สาวไส้สู้กัน
"คุณหมอน่าจะขอบคุณผมนะ ถ้าผมไม่เหวี่ยงแหวนลงทะเล คุณหมอคงไม่รู้ว่าความรัก
ที่คุณเอยมีต่อคุณหมอ มันมหาศาลขนาดไหน"

"นี่คุณกำลังจะบอกผมว่า คุณเหวี่ยงแหวนหมั้นของผมให้เอยลงไปงมในทะเลอย่างนั้นหรือ...
คุณรู้จักผู้หญิงคนนี้หรือเปล่า เธอว่ายน้ำไม่แข็ง เคยจมน้ำแทบตายหรือทั้งๆรู้
คุณก็อยากให้เธอลงไปตาย ใจคอคุณทำด้วยอะไร คุณกรวิก"
เอยฟังแล้วถึงสะอื้นหนักขึ้น บอกลักษณ์ให้ไปกันดีกว่า แต่เขายังพูดต่อ
"ถ้าผมรู้ความจริงตั้งแต่วันนั้น หรือถ้าเอยเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังสักนิด
ผมจะไม่ปล่อยให้คุณมาทำร้ายเอยอย่างนี้ แต่ก็ยังดีรู้ความจริงตอนนี้ก็ยังไม่สาย
ไปเอย...หมดความจำเป็นต้องทนผู้ชายคนนี้อีกต่อไปแล้ว" เขาพาเอยเดินหนีไป...
กรวิกอึ้งที่เขาพลาดอย่างมหันต์ เอยไม่ได้บอกลักษณ์ แต่เขากลับมาพูดเอง...
เมื่อกลับถึงเพนท์เฮ้าส์ เอยตอบคำถามลักษณ์ที่ว่า เธอไม่อยากเล่าให้เขาฟัง
กลัวเขาไม่สบายใจ ยังไงเธอก็ต้องเอาแหวนมาคืนจนได้ แล้วเอยก็ส่งแหวนให้ลักษณ์ดู
เขารีบบอกทีหลังอย่าทำ ถ้าเอยเป็นอะไรไป แหวนนี้ไม่มีคุณค่าเลย...
ลักษณ์มองเอยอย่างซึ้งใจ
"ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงทำกับเอยขนาดนี้ ถึงเกลียดยังไงก็ไม่น่าทำขนาดนี้...
เอยไม่ต้องทนเขาอีกแล้ว ถ้าเอยต้องการจะอยู่..." เอยแทรกขึ้นมาทันที
"การอยู่หรือไปของเอย ไม่มีความหมายกับพี่วิกหรอกค่ะ ถึงเอยจะอยู่ที่นี่นานกว่านี้
ก็ไม่ทำให้พี่วิกรู้สึกดีกับเอยขึ้นมาได้ นับวันจะเลวร้ายลงไป
ที่ผ่านมาเอยถือว่าชดใช้ให้เขาพอสมควรแล้ว เอยตัดสินใจจะกลับอเมริกา
เราจะกลับอเมริกาด้วยกันนะคะ" เอยเด็ดเดี่ยว ลักษณ์พยักหน้ารับหนักแน่นเช่นกัน
ส่วนกรวิกกลับมาบ้าน ทนปวดหัวอยู่ในห้องคนเดียว
มีแต่ภาพการฉุดดึงทึ้งความรู้สึกกันไปมา ระหว่างเขากับเอย โดยมีหมอลักษณ์มาแทรก...
ภาพแห่งความรู้สึกมากมายที่ถ่ายทอดออกมาจากจิตใจของคนทั้งสาม...
ภาพเหล่านั้นมันกอดเกี่ยวฉุดดึงความรู้สึกของเขาจนขาดวิ่นไม่มีชิ้นดีแล้ว
"อยู่คนเดียวมืดๆ อย่างนี้ไม่ดีนะคะ"
กรวิกเงยหน้าขึ้นมอง ไม่คาดคิดว่าเมนี่จะมายืนส่งยิ้มให้เขา...

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น: