วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ใจร้าว ตอนที่4

ตอนที่ 4

คืนนี้ เมื่อช่อลดาจะล้มตัวลงนอน ได้ยินเสียงเบาๆดังอยู่ข้างนอก
จึงลุกมาเปิดประตูมอง แปลกใจมากที่เห็นกรวิกยังไม่กลับ
ซ้ำยังนั่งดูทีวีเฉย ช่อลดาเปรยขึ้นว่า นึกว่าพี่วิกกลับแล้ว
เขาเริ่มกวนนิดๆ ถามว่าอึดอัดล่ะสิที่เขายังอยู่ ช่อลดาบอกไม่ใช่
แล้วถามจะดื่มอะไรร้อนๆไหม น้ำชากาแฟมีพร้อม แล้วกลับถูกตำหนิจนได้
"ผู้จัดการส่วนตัวต้องดูแลอาหารการกินให้ด้วย
มีแต่เขาห้ามกินโน่นนี่ แต่นี่กลับชวนกินซะเอง"
"เอยห่วงตอนพี่วิกขับรถกลับบ้าน อาจจะง่วง
เครื่องดื่มพวกนี้ช่วยให้สดชื่นได้นะคะ"
"ใครว่าฉันจะกลับ" ช่อลดาร้องอ้าว... "ที่นี่ก็บ้านฉัน ฉันจะนอนค้างที่นี่"
ว่าแล้วถอดเสื้อโชว์กล้ามเป็นมัดๆ แล้วถามเอาเรื่อง "หรือเธอมีปัญหา"
"เอ่อ...ไม่...ไม่มีค่ะ" ช่อลดารีบหันหน้าหนี
กรวิกยิ้มเริงร่าก่อนจะเข้าห้องน้ำ...ช่อลดาถอนใจเฮือกใหญ่

คนที่นั่งถอนใจร้อยเฮือกตอนนี้คือทอปัด...
กำลังคุมสาวใช้เตรียมอาหารไว้รอพี่กรวิกของเธอ ตั้งแต่หัวค่ำจนดึก
ก็ยังไม่เห็นกรวิกโผล่มาตามที่บอกไว้ว่าจะกลับมากินข้าวบ้าน
ทอปัดขัดใจ สั่งเยื้อนกับประยงค์ให้โทร.ไปตามพี่กรวิก ทั้งสอง
ไม่กล้า กลัวถูกไล่ออกจากงาน ทอปัดได้แต่ไล่สาวใช้กระเจิงหนีไปคนละทาง
แล้วฮึดฮัดขัดใจอยู่คนเดียว ในที่สุดทอปัดก็ทนไม่ไหว...
โทร.เข้ามือถือกรวิกเอง ขณะนั้นกรวิกยังอยู่ในห้องน้ำ
ช่อลดาจึงตัดสินใจรับ เสียงหญิงสาวดังมาเป็นชุด
"...พี่วิก พี่วิกทำงานอยู่หรือเปล่า สัญญาจะกลับมาทานข้าวกับปัดที่บ้าน
พี่วิกลืมแล้วหรือ หรือว่ายังไม่เลิกงาน ปัดรอพี่วิกอยู่นะคะ...พี่วิก...พี่วิกได้ยินไหมคะ"
"เอ่อ...คุณกรวิกอาบน้ำอยู่ค่ะ รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวดิฉันจะบอกเธอให้ว่าคุณ...เอ่อ..."
"ฉันชื่อทอปัด แล้วเธอเป็นใคร ทำไมถึงอยู่กับพี่วิก" เสียงทอปัดแหลม ทั้งจิกทั้งตี
"ดิฉันช่อลดา เป็นผู้จัดการส่วนตัวของคุณกรวิกค่ะ...
คือพี่ภัทรก็ยังดูแลคุณกรวิกเหมือนเดิม แต่มีดิฉันมาช่วยงานเพิ่ม...
อ๋อ กองถ่ายเลิกงานนานแล้วค่ะ...ค่ะ เห็นคุณกรวิกบอกว่าจะค้างที่นี่นะคะ"
"ที่นี่น่ะ มันที่ไหน" เสียงทอปัดแหลมปี๊ด
"ไม่ต้องโทร.กลับ แต่บอกพี่วิกว่าทอปัดโทร.มา"
ทอปัดกดปิดสายทันที...หัวใจทอปัดเดือดพล่านจนแทบจะเต้นออกมานอกอก
"เดอะเรสิเด้นท์เหรอ" ทอปัดกดอีกหลายฉับ แล้วสั่ง
"ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน อยู่อพาร์ตเมนต์หรือเปล่า...เจื้อย...ดี...ฉันมีอะไรให้แกช่วย"
ส่วนกรวิก...เมื่อใส่เสื้อคลุมออกจากห้องน้ำ โยนเสื้อผ้าเก่าลงบนเก้าอี้
ช่อลดาเดินไปหา บอกไม่มองหน้าเขาว่า เมื่อกี้คุณทอปัดโทร.มาหาเขา
"ใครอนุญาตให้เธอมาวุ่นวายของใช้ส่วนตัวฉัน"
"เอยขอโทษ คิดว่าพี่ภัทรโทร.มาเรื่องงาน อาจมีการเปลี่ยนคิวถ่าย ก็เลย..."
กรวิกเข้มงวดทันที สั่งไม่ให้มาแตะต้องข้าวของเขาอีก ช่อลดาจ๋อยสนิท
เขามองเห็นหมอนผ้าห่มที่โซฟา จึงถามว่าจะให้เขานอนที่นี่หรือ
ช่อลดาจึงให้เขานอนในห้อง เธอจะนอนที่นี่เอง เขาหาว่าเธอรังเกียจ
เธอบอกว่ามีห้องเดียวเตียงเดียว เขาควรนอนในห้อง
แล้วย้ำไม่ใช่ไม่ไว้ใจ...เขาเดินเข้าไปหา
"เธอกลัวฉันเหรอช่อลดา" ช่อลดาถอย พร้อมบอก
"เอยไม่กลัวพี่วิก เอยรู้ว่าพี่วิกเกลียดเอย
อีกอย่างพี่วิกก็รู้ว่าเอยมีพี่ลักษณ์อยู่แล้ว ที่สำคัญที่สุด พี่วิกเองก็มีคุณเมนี่อยู่แล้วเหมือนกัน"
"ฉันรู้ว่าเธอมีไอ้หมอนั่นอยู่แล้ว" กรวิกถอยกลับมา แล้วถาม "ใครบอกเธอเรื่องฉันกับเมนี่"
"มันไม่ใช่ความลับไม่ใช่เหรอคะ ใครๆที่กองถ่ายก็รู้ทั้งนั้น"
"ขอบใจที่เตือนสติ ให้รู้ว่าทั้งเธอกับฉันต่างมีพันธะ แล้วเราก็เป็นแค่ลูกจ้างกับนายจ้างเท่านั้น"
กรวิกหยิบเสื้อผ้ากลับเข้าห้องน้ำ...ช่อลดางงเธอพูดผิดอะไร จึงทำให้เขาโกรธเป็นไฟขึ้นมา

ooooooo

เมื่อกรวิกออกจากอพาร์ตเมนต์ช่อลดาเดินลงมาขึ้นรถ
ทอปัดกับเจื้อยเพื่อนรักที่มาแอบมองต่างก็ตื่นเต้น
โดยเฉพาะเจื้อยที่เพิ่งเห็นกรวิกตัวตนจริงๆ จึง แทบจะกรี๊ดจนสั่นไปทั้งตัว
แต่ทอปัดอุดปากไว้ ไม่ให้ กรวิกรู้ตัว...
ทั้งสองปล่อยกรวิกกลับบ้านไป แล้วไปสืบหาห้องช่อลดา พอได้แล้ว
ไปกดกริ่งเรียก พอช่อลดาเปิดประตู กลับเห็นสองสาว ทอปัดบอกชื่อเธอ
ช่อลดาจึงบอกว่าคุณกรวิกเพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้เอง
แต่ทอปัดบอกเธอไม่ได้มาหากรวิก แต่มาหาเธอ ช่อลดายิ่งงง
"เธอคิดว่า เธอแน่นักใช่ไหม พลีร่างให้พี่วิกไปกี่ครั้งกี่หนล่ะ
พี่วิกถึงได้ยอมยกให้เป็นผู้จัดการส่วนตัว"
คำพูดนี้เสียดแทงใจช่อลดาจนมึน "ไม่ต้องตีหน้าซื่อ
ทำไร้เดียงสาฉันรู้จักพี่วิกดี พี่วิกไม่เคยสนใจผู้หญิงหน้าไหนทั้งนั้น
แต่สนผู้หญิงแปลกหน้าอย่างเธอ แสดงว่าลีลาเรื่องอย่างว่าของเธอไม่ธรรมดา"
"คุณทอปัด คุณดูถูกฉันเกินไปแล้วนะคะ"
"ฉันไม่เรียกเธอว่า ผู้หญิงหากินก็บุญถมไปแล้ว"
"อีกอย่าง..." เจื้อยเสริม "ที่นี่เป็นอพาร์ตเมนต์เกรดเอสำหรับพวกเซเลบนะจ๊ะ
ไม่ใช่ที่รับงานผู้หญิงอย่างว่า ถ้าจะยึดอาชีพนี้ต้องย้ายไปที่อื่น
ไม่งั้นเซเลบที่อยู่ที่นี่อย่างฉันจะพลอยหมองมัวไปด้วย"
"ฉันไม่เข้าใจ พวกคุณต้องการอะไร"
"เลิกยุ่งกับพี่วิกของฉัน ไม่อย่างนั้นเธอเจอดีแน่
อย่าคิดว่าพี่วิกจะถือหางเธอ ระหว่างหญิงแปลกหน้ากับน้องสาว
ผู้หญิงหากินแต่ไม่ปัญญาอ่อนอย่างเธอคงคิดได้ว่า พี่วิกจะยืน อยู่ข้างใคร"
ทอปัดประกาศฉันทามติอันสำคัญยิ่งแล้ว จึงปิดประตูใส่หน้าช่อลดา
แล้วพาเพื่อนกลับไปอย่างสง่างาม...ช่อลดาได้แต่ยืนกัดฟันนิ่ง...น้ำตาซึมอีกครั้ง...
เมื่อถูกประณามจนสุดที่จะทนได้ ด้วยข้อหาเป็นผู้หญิงหากิน
ทำให้ช่อลดาไปหาลักษณ์ที่ที่พักมีระดับของเขา ลักษณ์
ฟังเรื่องที่ทอปัดด่าแล้ว ให้เอยทำใจเพราะมันเรื่องไม่จริง
อย่าไปใส่ใจมากนัก แต่ช่อลดาปรึกษาพี่ลักษณ์ว่า
ทอปัดไม่ให้เธอยุ่งกับพี่วิกแล้ว เราควรกลับอเมริกาดีไหม
เรื่องจะได้จบๆกันไป แต่ลักษณ์บอกว่าเรื่องคงไม่จบง่ายๆ
กรวิกจะหาว่าเราใจเสาะ เจออุปสรรคนิดหน่อยก็ถอดใจยอมแพ้
"เรื่องปัญหากับทอปัด อย่าไปกลัว แต่ถ้าจะมีการลุกขึ้นสู้
ดีกว่าการคิดจะหนี" เขาแตะไหล่ช่อลดา
"การพิสูจน์ตัวเองให้ใครสักคนเห็น มันยากอย่างนี้แหละ
ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเราว่าจะมีความอดทนพอที่
จะทำให้เขาเห็นความจริงใจของเรารึเปล่า" ความเห็นของลักษณ์...
ทำให้ความร้อนรุ่มสุมหัวใจของช่อลดาค่อยเย็นลงบ้างแล้ว...

หลังจากลักษณ์หาของร้อนๆมาให้ดื่มเพื่อคลายความกังวล...
ดื่มแล้วยังเฝ้าถามด้วยความห่วงใย ช่อลดาจึงขอบคุณที่มีลักษณ์อยู่เป็นเพื่อน
แล้วขอตัวกลับ พอลุกขึ้นกลับหน้ามืดเซไป เขาประคองจับหน้าผากดู
บอกว่าตัวร้อน คงไข้ขึ้น ให้นอนพัก รีบไปเอายามาให้ทาน
รอให้ไข้ลดค่อยกลับ เขาจะไปส่งเอง...
ช่อลดาไม่อาจขัดได้เพราะรู้สึกไม่ค่อยดี
ตอนออกมาหาแท็กซี่ ฝนลงปรอยๆพอดี...
จึงได้แต่ซึ้งในความห่วงใยของหมอลักษณ์ ที่มีต่อชีวิตอับเฉาของคนอย่างเธอ...
ที่ผับหรูกลางกรุง แซนดี้มานั่งดื่มค็อกเทลอยู่คนเดียว
รอโรซี่ที่นัดกันไว้ แล้วสื่อทางมือถือกัน
จึงรู้ว่าเพื่อนออกมาไม่ได้ เพราะสามีกลับมาบ้านแล้ว
ยังไงโรซี่ก็ออกมาไม่ได้ แซนดี้จึงดื่มด้วยความเซ็ง...
หารู้ไม่ว่าปรัชญาลูกชายเสเพลของ คุณปราชญ์มานั่งโอบอีหนูอยู่โต๊ะข้างๆ
จับสังเกตแซนดี้ที่คอยเพื่อนแต่ไม่มาจนดึก จึงเข้าไปทาบ
"สวัสดีครับ...มาคนเดียวหรือครับ ขอผมนั่งด้วยคนได้ไหม ผมปรัชญา"
ก่อนจะบอกนามสกุลใหญ่คับเมือง แซนดี้อารมณ์เสียอยู่แล้ว
ถึงกับระเบิดออกมาทางไรฟัน
"ไอไม่สนหรอกว่ายูจะเป็นใครมาจากไหน ตอนนี้ไอไม่มีอารมณ์
ไว้วันไหนที่ไอมีอารมณ์ ค่อยคุยกัน...เก็ตเอ้าต์"
แซนดี้โบกมือไล่อย่างไม่เห็นหัวใคร...
หัวมีขนของปรัชญาจึงถูกปั่นไปด้วยความแค้น
"มึงคิดว่ามึงเก๋มาจากไหนวะ" มองแซนดี้อย่างฝากไว้
ก่อนความแค้น แล้วค่อยล่าถอยไป...

ooooooo

การ์ดคนหนึ่งทำหน้าที่ขับเคลื่อนรถ อีกคนนั่งให้ความปลอดภัย
กรวิกนั่งมาข้างหลัง เมื่อรถจอดที่หน้าอพาร์ตเมนต์
มองเข้าไปไม่เห็นแม้เงาของช่อลดาที่จะต้องมารอ
รถตามเคย รอจนขัดใจ จึงกดมือถือทันที พอมีคนรับ
จึงใส่แหลกเพราะคิดว่าช่อลดาอยู่ในห้อง
"ใจคอเธอจะให้ฉันจอดรถคอยอย่างนี้ทุกวันเหรอ...
ลงมาเดี๋ยวนี้" ช่อลดาได้ยินเสียงเหมือนถูกฟ้าผ่า
"เอย...คือ...เอยไม่ได้อยู่ที่ห้องค่ะ" เสียงละล่ำละลัก
"หมายความว่าไง" ระเบิดเสียงใส่
"เธอไปค้างที่อื่นงั้นเหรอ"
"ค่ะ...เอ้อ...คือ..." สัญญาณถูกตัดฉับ
"พี่วิกคะ...พี่วิก" จะเรียกให้คอแตก เขาก็ไม่ได้ยินแล้ว
กรวิกโยนมือถือลงข้างตัว ตัวร้อนฉ่าเหมือนมีน้ำมันเดือดพล่านในอก
สั่งชนม์คนขับออกรถไปทันที...
ช่อลดาทำหน้าเหมือนอยากตายถึงร้อยหน ลักษณ์นั่งมองตาปริบๆ
"คราวนี้พี่วิกคงไล่เอยออกจากงานแน่ๆ"
"งั้นพี่ไปส่งเอยที่หน้างานเอง จะได้อธิบายให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น"
ข้อเสนอของลักษณ์ไม่ได้ทำให้ช่อลดาหวังว่าจะทำอะไรให้ดีขึ้น
แต่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

ooooooo

เมื่อลักษณ์ไปส่งช่อลดา เจอภัทรเข้าพอดี จึงถูกจวกถูกจิกหนัก
หาว่าหายไปไหน กรวิกรอเธอจนไม่ยอมทำงาน
แต่พอเห็นลักษณ์หุ่นดีหล่อเหลา ก็ยิ้มร่ามาหา ทีแรกนึกว่าเป็นคนรถ
พอเอยแนะนำว่าเป็นหมอ ภัทรกลับนึกว่าหมอดูหมอผี
พอรู้ว่าหมอผ่าตัดรักษามะเร็งจึงยิ้มปร่าหน้าแตก...
ช่อลดามองไปที่รถนอนกรวิก จึงตั้งสติ
ต้องเผชิญหน้าผ่านโลกาวินาศให้ได้ ช่อลดาเข้าไปหากรวิกในรถนอน...
อธิบายเหตุที่ไปนอนที่อื่น เพราะไข้ขึ้น กรวิกฟังอยู่นาน
จึงโพล่งขึ้นอย่างเอาเรื่อง

"ไอ้ที่บอกว่าไข้ขึ้นน่ะ ตกลงว่าป่วยจริงหรือเป็นข้ออ้าง
แต่ไม่ต้องเอาเรื่องสังขารมาอ้างก็ได้ เพราะคนเป็นแฟนกัน
จะนอนด้วยกันที่ไหนเมื่อไหร่ไม่เห็นแปลก"
"แต่เอยกับพี่ลักษณ์ไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นนะคะ"
"ฉันจะรู้ได้ไง พอฉันก้าวออกจากห้องเธอก็แจ้นไปหาเขา
ทั้งๆที่เพิ่งผละจากกันมา"
"ที่เอยต้องออกไปหาพี่ลักษณ์ เอยมีเหตุผลนะคะ"
"เหตุผลอะไรน้ำไม่ไหล ไฟดับฝนตกแดดออก
นกกระจอกมันจะจ๊อกกัน ไม่เห็นหน้ากันสักชั่วโมงมันจะตายให้ได้"
"เอยไม่ทราบนะคะว่าพี่วิกโกรธเรื่องอะไร เรื่องที่ไม่ได้นอนที่ห้องเรื่องมาสาย
หรือเรื่องค้างบ้านพี่ลักษณ์ แต่จะเรื่องอะไรก็แล้วแต่ เอยขอโทษ
เอยจะดูแลตัวเองไม่ให้ป่วยอีก"
"ดี...เพราะงานที่ฉันทำทุกวินาทีมันมีค่ายิ่งกว่าที่เธอคิด
ฉันไม่อยากมาเสียเวลารอคนที่ไม่รู้ค่าของเวลาอย่างเธอ"
ช่อลดาฟังแล้วอยากจะพูดอธิบาย แต่ทำได้เพียงกลืนน้ำลาย
ที่แห้งผากเป็นผงลงคออย่างยากเย็นเท่านั้นอีกมุมหนึ่งในกองถ่าย
ภัทรชงกาแฟเดินมา สวนกับเมลานีที่ทักทายกันยิ้มแย้ม
พอเมลานีจะหยิบกาแฟคิดว่าภัทรชงมาให้ ภัทรกลับบอกว่า
ถ้าอยากกินกาแฟเดี๋ยวจัดให้ แต่ถ้วยนี้ภัทรเอาหัวใจชง
ขืนกินเดี๋ยวหลงรักภัทรไม่รู้ด้วย เมลานีจึงถามว่าจะเอาไปให้ใคร
ใครคือหนุ่มผู้โชคร้ายผสมดีคนนั้น
เมลานีมองไปเห็นภัทรเดินย้ายบั้นท้ายระดับเซ็กซ์บอมไปหาลักษณ์
พร้อมยื่นถ้วยกาแฟให้อย่างงาม...เมลานีเห็นเป็นเจ้าหมอนั่น
ตกใจแทบช็อกตาย ตั้งสติได้ ตรงไปหาทันทีภัทรกำลังจ้อง
กับลักษณ์อย่างเอาใจ บอกว่าถ้าไม่รีบไปไหน
จะอยู่ดูถ่ายละครก่อนก็ได้ ภัทรบริการเต็มที่ เมลานีสอดขึ้นทันที
"เขาไม่ว่างหรอกค่ะพี่ภัทร อาชีพวิ่งไปมาบนถนนแบบนี้
จะไปไหนมาไหน ยิ่งต้องทำเวลา"
"นี่น้องเมนี่ขา คุณลักษณ์เขาไม่ใช่คน..."
ภัทรพูดยังไม่ทันจบ ลักษณ์รีบรวบรัด
"ครับ คุณพูดถูก งานของผมต้องทำเวลา
เพราะทุกนาทีมันเสี่ยงกับความเป็นความตาย" หันไปหาภัทร
"ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ขอบคุณมากสำหรับกาแฟ"
เขาก้มหัวให้แล้วผละไป
"แหม...น้องเมนี่ รอให้เขากินกาแฟหมดก่อนก็ไม่ได้
ขัดลาภพี่ซะจริงเชียว" ว่าแล้วเดินป่องๆหนี
เมลานีมองตามลักษณ์ไป พอนึกอะไรขึ้นมาได้รีบตามเขาไปทันที
ลักษณ์กำลังจะเปิดประตูรถ เมลานีร้องเรียก "นี่นาย...นาย"
ลักษณ์หันมามอง แล้วมองไปรอบๆ แล้วจะเข้ารถเมลานีตะคอกใส่
"ฉันเรียกนายนั่นแหละ ไม่ได้ยินรึไง" เขารีบตอบทันที "ผมชื่อลักษณ์"
"ฉันไม่สนหรอกว่าคุณจะชื่อสมชายหรือสมัคร แต่นายต้องไปที่รถฉันก่อน"
เมลานีหันไปเปิดประตูรถของเธอที่จอดอยู่ใกล้ๆ
เอาเนกไทที่เบาะหลังมาด้วยการคีบอย่างรังเกียจ
"ของผมนี่ คุณทำหล่นใส่ขี้หมามาหรือครับ ถึงทำท่าเหม็นขนาดนั้น"
"ฉันไม่ได้เหม็นของ แต่เหม็นหน้าเจ้าของ เอ้า...เอาคืนไป"
โยนใส่ ลักษณ์รีบหลบและรับไว้ทัน แล้วขอบคุณเธอ เมลานีสำทับต่อ
"ฉันกลัวว่าวันดีคืนดี เกิดตำรวจมาเปิดรถฉันแล้วเห็นของของนาย
จะเจอข้อหามีของโจรไว้ครอบครอง ไม่รู้ไปขโมยใครมา"
ลักษณ์ขอบคุณ เอาขึ้นมาดม ทำหน้าเบ้ แล้วบอกเมลานี
"ความจริง คุณน่าจะทิ้งไปก็ได้นะ เพราะโอ้โฮ...กลิ่นน้ำลายคุณ...
ถ้าผมเอาไปซักแล้วยังไม่หาย ผมคงตัดใจทิ้งเหมือนกัน"
เขายิ้มกวนโอ๊ย ก่อนจะสตาร์ตรถขับออกไป
เมลานีทำท่าจะกรี๊ดให้หูแตก แต่เมื่อนึกถึงดาราระดับนางเอก
จึงกรี๊ดแต่พอเป็นกระสายยา...

ooooooo

ขณะที่ช่อลดาเดินถือคิวถ่ายมาหาภัทร ที่กำลังพูดมือถือกับพี่ดวงแก้ว
จึงหยุดอยู่ด้านหลัง ภัทรใส่ช่อ-ลดาอย่างหนักให้พี่ดวงแก้วฟัง
ขณะที่เมลานีให้ช่างทำผมอยู่ห่างๆ ภัทรว่าช่อลดาเป็นตัวปัญหา
นี่วิกก็รอเพราะเธอมาสาย แต่ภัทรก็จัดการให้ผ่านไปได้
ฝีมือภัทรซะอย่าง ไม่ต้องห่วง...
ภัทรตัดสาย หันมาเห็นช่อลดายืนอยู่ ตกใจแต่ทำถามว่ามีอะไร
ช่อลดาถอย แล้วเดินไปหาเมลานี พร้อมกับแนะนำตัวชื่อช่อลดา
ชื่อเล่นว่าเอย เป็นผู้จัดการส่วนตัวคุณกรวิก
ยินดีที่ได้รู้จักคุณเมนี่...แต่เมลานีกลับสะบัดเสียงใส่
"ใครอยากรู้จักเธอ" หลายคนในห้องแต่งตัวหันมามอง
ช่อลดาสะอึกแล้วยิ้มสู้ พร้อมกับยื่นคิวให้...
กรวิกเดินผ่านมากับตาล เห็นจึงหยุดฟัง
"นี่คิวถ่ายวันนี้ค่ะ ของคุณเมนี่มีแปดฉาก เท่ากับของคุณกรวิก"
"หน้าที่เธอเหรอ ถึงเอามาให้ฉัน" เมลานีถาม ไม่ยอมมองหน้า
"นั่นมันหน้าที่ฉันนะยะ หล่อนไม่ต้องยุ่ง" ภัทรยื่นปากมาขวางอีกคน
ช่อลดายังพยายามอีก
"เอยมีชาผลไม้นะคะ คุณเมนี่อยากดื่มไหมคะ เอยจะชงให้"
คำตอบของเมนี่คือ...ใครอยากกิน?
"ตกลงหล่อนจะทำหน้าที่ตั้งแต่ผู้จัดการยันแม่บ้านกองถ่ายเลยรึไงยะ"
ภัทรซ้ำอีกที ช่อลดาหน้าเหี่ยวทันใด
กรวิกทนไม่ไหวเดินมากลางวง พูดกับช่อลดาเสียงเรียบ
"คนบางคน นอกจากจะสะกดคำว่ามีน้ำใจไม่เป็นแล้ว
ยังเข้าใจว่าคนมีน้ำใจสาระแนซะอีก ทีหน้าทีหลังจะมีน้ำใจกับใคร
ก็หัดดูหน้าดูตาไปถึงสันดานเขาด้วย จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง"
พูดแล้วดึงช่อลดาไปทันที ตาลต้องเตือนว่ากองถ่ายอยู่ทางนี้
แต่กรวิกหันมาบอกตาลว่า ให้รอไปก่อน...ตาลยืนนิ่งทำหน้าจะร้องไห้
ภัทรเองก็ยืนคอตกเมื่อถูกกรวิกด่า เช่นเดียวกับเมลานี
ทั้งแสบทั้งคันเพราะถูกด่าจังเบ้อ...
กรวิกพาช่อลดากลับเข้าไปในรถนอน ตั้งคำถามทันทีว่า
ใครใช้ให้เอยไปวุ่นวายกับพวกนั้น...
ช่อลดารีบแจง พวกนั้นก็คุณเมนี่ เอยไม่ทราบว่าคุณเมนี่กับพี่วิกมีอะไรกัน
แต่เอยเชื่อว่าความรักจะทำให้คุณสองคนเข้าใจกันในที่สุด...
กรวิกฟังแล้วคิดว่าเอยเข้าใจว่าเขากับเมนี่เป็นแฟนกัน
"ที่เอยไปทำความรู้จักคุณเมนี่ เพราะเมนี่คือคนรักของพี่วิก
เขาจะอยากรู้จักเอยหรือไม่ ไม่สำคัญ ความสำคัญมันอยู่ที่พี่วิกรักไม่ว่าใคร
ถ้าพี่วิกรักเอยอยากรู้จักอยากรักด้วยค่ะ" ทีแรกกรวิกอึ้ง แต่เมื่อคิดอะไรได้
จึงคิดว่าวินาทีการเอาคืนได้เริ่มต้นแล้ว

ooooooo

แสงฉายหรือแม่สาวแซนดี้ มาพบลักษณ์ที่ห้องทำงาน
มองไปรอบๆห้อง ชมว่าที่นี่หรู คงจ่ายค่าตัวเขาแพงน่าดู
จึงถูกลักษณ์ย้อนแสบๆว่า ทำไมคิดว่าทุกคนเหมือนเธอ
พอใจใครก็เอาเงินฟาดหัว ซื้อตัวมาเก็บเป็นสมบัติส่วนตัว
"คุณมีอะไรถึงได้มาก่อนเวลานัด หรือว่าจะเปลี่ยนใจ"
ลักษณ์เข้าประเด็น
"ไอไม่เปลี่ยนแน่ แต่ขอเปลี่ยนตัวเลขไอคิดดูแล้วค่าตัว 40 ล้าน
มันไม่สมกับการเป็นภรรยาม่ายหมอชื่อดังน่าจะ 50 ล้าน
จะสมน้ำสมเนื้อมากกว่า แค่นี้ขนหน้าแข้งยูไม่ร่วงหรอก"
"ไม่มากไปหน่อยหรือ...อีกอย่าง ผมจะเชื่อได้ยังไงว่าคุณจะไม่เปลี่ยนใจ"
"นี่ยู ไอเบื่อที่เป็นเมียคนที่ไม่รักไอ 8 ปี ที่ต่างคนต่างอยู่มันนานเกินไป
แล้วไอจะไม่ทนเป็นปีที่ 9"
"แน่ใจนะว่าคุณพร้อม"
"ชัวร์...แยกกันตอนนี้ ต่างจะมีโอกาสไปหาใหม่ แฟร์ ด้วยกันทั้งสองฝ่าย"
ลักษณ์หยิบสมุดเช็คออกมาเซ็น แล้วส่งให้เธอ พร้อมกับบอก
"ผมจ่ายให้คุณครึ่งหนึ่งก่อน สองวันนี้ผมมีเคสผ่าตัดใหญ่
หลังจากนั้นเราค่อยไปหย่ากัน ผมจะจ่ายหลังเซ็นใบหย่าแล้ว"
แซนดี้หยิบเช็คมาดู ยิ้มแล้วโอเคทันที...ลักษณ์ถอนใจโล่งจะได้มีอิสระเสียที...
แซนดี้ออกจากห้องลักษณ์ เดินจะออกประตู
จูบเช็คอย่างสดชื่นระรื่นใจ ปรัชญาเดินสวนมา
เห็นเข้าเหมือนเสือเจอลูกแกะตัวน้อยๆ รีบทักทันที
"สวัสดีครับ จำผมได้ไหมครับ เราเคยเจอกันที่ผับ"
"ขอโทษนะคะ วันๆฉันเจอคนเยอะมาก จำไม่ได้ค่ะว่าใครเป็นใคร"
แซนดี้แกล้งจำไม่ได้ ปรัชญามองอย่างไม่พอใจ
คิดว่าแม่นี่เล่นตัวชะมัด...พยาบาลผ่านมา จึงแกล้งถามดังๆ
"คุณสโรขา เห็นคุณพ่อบ้างไหม"
"ท่านผู้อำนวยการออกไปข้างนอกค่ะ
เมื่อสั่งให้พวกดิฉันประชุมตอนบ่าย
คุณปรัชญาจะเข้าไปเป็นประธานที่ประชุมแทนท่านไหมคะ"
แซนดี้ฟังแล้วตาโต และโตยิ่งขึ้นเมื่อปรัชญาตอบไป
"คุณพ่อไม่อยู่ ฉันก็ต้องทำหน้าทีี่่แทน"
ปรัชญาทำท่าจะเดินจากไป แซนดี้รีบเรียกไว้
"คุณคะคุณ..." เขาหันมา แซนดี้ยิ้มให้หวานฉ่ำ
" ฉันจำคุณได้แล้วค่ะ คุณเข้ามาทักฉัน แต่วันนั้นฉันมีปัญหากับเพื่อน
เลยพูดจาไม่ดีกับคุณ ต้องขอโทษด้วยนะคะ"
"ไม่เป็นไรครับ แค่คุณจำได้ ผมก็ปลื้มแล้ว"
"ดิฉันแสงฉาย เรียกแซนดี้ก็ได้ค่ะ"
"ผมปรัชญา ยินดีที่ได้รู้จักครับ" เขายื่นมือมา...
เธอจับทั้งสองเขย่า สายตาพันกันจนรุ่มร้อนด้วยไฟสวาท
ที่กำลังลามไหม้หัวสมองของคนทั้งสอง...

ooooooo

เมื่อช่อลดายื่นบทให้กรวิกขณะอยู่กันสองคนในรถนอน
แล้วช่อลดาก็ถามเขาเรื่องที่จะต้องเข้าฉาก กับเมลานี
"พี่วิกมีปัญหากับเมนี่อย่างนี้ จะแสดงด้วยกันได้หรือคะ"
"ฉันกับเมนี่แยกแยะได้ว่าอะไรคือเรื่องงานอะไรคือส่วนตัว...
แล้วก็ไม่มีปัญหากันมากมายอย่างที่เธอคิด" เขาแอบเห็นช่อลดาหน้าจืดสนิท
"คนรักกันก็เหมือนลิ้นกับฟัน ต้องมีปัญหากันบ้างเป็นธรรมดา
แต่ฉันก็เชื่ออย่างที่เธอพูดความรักจะทำให้เราเข้าใจกันได้ในที่สุด"
กรวิกชำเลืองมองช่อลดาด้วยหางตา แล้วเดินถือบทออกจากรถนอนไป...
ช่อลดาใจหายวูบ แต่บอกตัวเองไม่ได้ว่า ทำไมต้องรู้สึกอย่างนั้น...
เมื่อได้เวลาซ้อมเข้าฉาก ตอนที่เคยเถียงกันมาแล้ว
เริ่มด้วยกรวิกในนามณัฐ เมลานีในนามตัวแสดงเป็นริน
เขาให้เธอกลับไปเสีย รินใจหายร่ำร้องหาเขา
เขาให้รินกลับไปดูแลผู้ชายคนนั้น อย่าให้เขาเจ็บปวดเหมือนณัฐ
รินบอกเธอก็เจ็บ แต่เธอจำเป็นต้องเลือกเขา
ณัฐเห็นใจที่รินเลือกเขาเพราะรินรักเขา รินร้องไห้ปฏิเสธว่าไม่ได้รักเขา
ไม่ใช่อย่างที่ณัฐคิด...กรวิกสวนทันทีด้วยเสียงดัง
"เราไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกต่อไปแล้ว ขอให้เรื่องของเรามันจบลงแค่นี้...
ลาก่อน" ณัฐเดินออกไป
"รินรักณัฐนะ ได้ยินไหม...รินรักณัฐ" เมลานีในบทรินร้องเรียกเหมือนจะขาดใจ
กรวิกชะงักแล้วเดินหลุดเฟรมไป...
ผู้กำกับบอกว่าดีแล้ว เดี๋ยวถ่ายจริงให้เอาอารมณ์แบบที่ซ้อมเมื่อกี้
ตอนท้ายเปลี่ยนให้กรวิกเดินออกทางกล้องนี้ดีกว่า
จะได้เปิดหน้าเมนี่หน่อย...กรวิกตกลง
ส่ายตามองไปเห็นช่อลดาอยู่อีกมุม เขายิ้มอย่างพอใจ...
เมื่อเริ่มเดินกล้องถ่ายจริงจากฉากที่ซ้อมแล้ว...
จนกระทั่งถึงตอนที่กรวิกบอกลาเดินหนี เมลานีร่ำร้องบอกรักเขา...
ทำเอาพวกในกองถ่ายน้ำตาซึมตามๆกัน ภัทรที่เพิ่ง
เข้ามาก็ซึ้งกับนางเอกในเรื่อง ตอนเมลานีร่ำไห้โหยหาณัฐ
"รินรักณัฐนะ ได้ยินไหมรินรักณัฐ"
กรวิกแทนที่จะเดินออกไปอย่างที่ซ้อมแล้ว เขากลับชะงัก...
มองไปที่ช่อลดา...แล้วทุกคนไม่คาดคิด กรวิกเดินไปเผชิญหน้าเมลานี...
เขาดึงเธอขึ้นมากอดแน่น ก่อนจะฝังจูบริมฝีปากเธออย่างดูดดื่ม
เมลานีตกใจตัวสั่น แสงแฟลชไลต์สว่างวาบ...ทุกคนแตกตื่น
แต่ช่อลดาที่ยืนมอง ปวดจี๊ดที่หัวใจจนแทบยืนไม่ไหว...
พี่ปุ๋ยตั้งสติได้ สั่งคัตเสียงลั่น...มองไปที่ต้นตอแสงไฟจ้านั้น
เขาคือเจษฎา เขาปรบมือให้อย่างกวนส้นมือ
"ช่างเป็นฉากที่สมจริงสมจังอะไรอย่างนี้ เยี่ยมจริงๆขอบคุณนะครับ"
โค้งให้ทุกคนก่อนเดินเชิดออกไป ผู้กำกับปุ๋ยตรงมาหากรวิก
ถามว่าทำไมไม่เล่นตามที่ซ้อม
"ผมขอโทษ ผมพยายามแล้วแต่อารมณ์มันพาไป...
อารมณ์ของผู้ชายคนหนึ่ง รักผู้หญิงคนหนึ่งเต็มหัวใจ
ถ้าเรารักใครสักคนสุดหัวใจ เราจะไม่เดินไปจากชีวิตเขา
ผมจะไม่เดินออกไปจากชีวิตคุณ"
กรวิกเน้นท้ายประโยคให้ช่อลดาได้ยิน...แน่นอน
ช่อลดาเหมือนคนหัวใจสลายสิ้นแล้ว
เพราะกรวิกพูดแทนหัวใจของเขาเอง...เมลานีเองก็อึ้ง
เพราะสายตากรวิกมองเธอผิดไปจากทุกครั้ง
"พี่เข้าใจ แต่บทเขาเขียนมาอย่างนี้ เพื่อจะปรับความเข้าใจในบทต่อไป"
"นี่ไม่ใช่หนังอินเดียนะครับ" กรวิกไม่ยอมแพ้
"จะได้วิ่งอ้อมเขาคุยกันสี่ห้าฉาก ผมยืนยันที่เล่นไปเมื่อกี้
ถูกต้องแล้ว หรือใครคิดว่าผิด ใครจะเถียงว่าที่แสดงไปเมื่อกี้ไม่ดี"
ทุกคนยืนนิ่งเถียงไม่ออก รวมทั้งเมลานี ช่อลดา
และผู้กำกับด้วย...กรวิกยิ้มกริ่มสะใจอยู่คนเดียว...
ยิ่งช่อลดาเดินมาอีกทาง ฟังภัทรรายงานดวงแก้วเรื่อง
ที่ภัทรคิดว่ากรวิกกับเมลานีรักกันจริงๆ
แต่ดวงแก้วเสียดายที่เราปล่อยให้เจษฎาได้ ภาพนั้นไปกินหน้าตาเฉย...
ช่อลดาถึงกับนั่งลงอย่างอ่อนแรงส่วนดวงแก้วกับภัทร เจอเจษฎามาดัก
บอกขายภาพชุดที่เขาถ่ายการจูบของกรวิกกับเมนี่ ทีแรกเรียกสามหมื่น
ต่อรองไปมาเหลือห้าพันบาท

ooooooo

เมื่อเมลานีเจอภัทรอีกครั้ง จึงถามเรื่องเธอถูกกรวิกจูบ
ภัทรชื่นชมว่ากรวิกหลงรักเมนี่มานาน แต่เมนี่กลับไม่เชื่อ
เพราะเขาไม่เคยแสดงอะไรเลย ภัทรบอกว่ากรวิกเคยจูบใครที่ไหน
เล่นหนังกับดาราฝรั่งยังบังๆเอา แต่นี่จูบหนักยิ่งกว่ารถบดถนน
เมนี่ฟังแล้วอยากได้คำตอบเธอไปหากรวิกที่รถนอน
ขณะอยู่กับช่อลดา เมนี่เข้าไปบอกอยากคุยกับกรวิกเป็นส่วนตัว
ช่อลดาจะลุกออกไป กรวิกให้อยู่ด้วย ไม่มีความลับกับผู้จัดการของเขา
"ฉากเมื่อกี้คุณทำอย่างนั้นทำไม คุณคิดอะไรคุณต้องการอะไร"
"ถามหลายคำจัง ผมทำไปเพราะชอบคุณ ถามในใจว่าคุณจะชอบผมไหม
ที่ถามว่าต้องการอะไร ผมก็ต้องการให้คุณรู้ว่า ผมชอบคุณไง"
กรวิกชำเลืองมองช่อลดาว่าจะทำอีท่าไหน
แต่ทั้งช่อลดาและเมนี่ต่างก็ตัวร้อนฉ่าพอกัน
เมนี่เตือนเขาว่า อย่าล้อเล่น เธอไม่สนุกด้วย
เขาสารภาพว่าเขาต้องแสดงให้รู้ว่าเขาชอบเธอ
ชอบแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มารู้ตัวก็ชอบเข้าให้แล้ว
จึงตัดสินใจบอกเมนี่ด้วยวิธีนี้ เพราะคนทั้งกองถ่ายก็รู้ดีว่าเราสองคนชอบกัน
แต่คุณไม่รู้ตัว พวกเขาเชียร์ให้เรารักกันทั้งนั้น...
กรวิกพูดเสียจนเมนี่หมดคำถาม ได้แต่นิ่งขึงตะลึงงันไป
ช่อลดาเองหัวใจพิการไปหมดแล้ว
อยากจะมุดแผ่นดินหนีแบบขอมดำดินให้รู้แล้วรู้รอด...
ส่วนกรวิกทำท่าไอ้หนุ่มรักคุด แต่ในใจนั้นเอิบอิ่มพอใจในผลงานของเขาเอง...

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น: