วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ดำขำ 4

อีกด้าน หนึ่ง บนเขากาฬมณีกับทุติยะตื่นขึ้นมา ก็พบวัววิ่งหลงฝูงมา จึงพยายามเข้าไปต้อน แต่เกิดเจอเสือเข้าระหว่างทาง กาฬมณีจึงวิ่งหนีกระเจิงด้วยความหวาดกลัวแต่ทุติยะกลับคว้าปืนไปยิงไล่เสือ หนีไปจนได้ ก่อนจะพาวัวกลับมากินน้ำที่ริมลำธารเหมือนเดิม กาฬมณีรู้สึกประหลาดใจที่ทุติยะสามารถทำงานนี้ได้สำเร็จ จึงตอบแทนเขาด้วยการช่วยล้างแผลที่โดนกิ่งไม้เกี่ยวให้
"นายหนูดำเป็นห่วงผมด้วยเหรอครับ คิดว่าห่วงแต่วัว"
"ฉันไม่อยากให้ใครเขามานินทาว่าดูแลคนงานไม่ดี โดยเฉพาะคนงานเซ่อๆ ซ่าๆ อย่างนาย อยู่เฉยๆ สิ"
หนูดำแก้ตัว โดยไม่รู้ว่าอีกมุมธงรบซึ่งแอบได้ยินถนอมกับบุญโฮมคุยกัน จนรู้ว่าทั้งสองหลบมาอยู่บนเขา ธงรบจึงแอบตามขึ้นมาดู
" เซ่อซ่าแต่ก็ปราบเสือจนเผ่นได้ก็แล้วกัน คนบางคนที่ชอบทำเป็นเก่ง เห็นยืนขาสั่นทำอะไรไม่ถูกเอาด้วยซ้ำ สงสัยจะไม่เก่งจริง" ทุติยะแขวะหนูดำอย่างอดไม่ได้
"แล้วนายน่ะเก่งมากเลยนะ เอาปืนลมไปไล่ยิงเสือ เก่งงง ฉลาดดดด" หนูดำเย้ยบ้าง
ทุติยะอึ้งไป "ปืนลม"
"ก็ใช่น่ะสิ ยิงแมวก็แค่จั๊กจี้ คิดเหรอ ว่าฉันจะเอาปืนจริงมาให้นายใช้เล่น"

ทุ ติยะโกรธมาก "นี่นายหนูดำหลอกผมเหรอ แล้วถ้าเสือมันไม่หนีแต่มันกระโจนใส่ ผมไม่ตายไปแล้วเหรอ นายหนูดำเห็นชีวิตคนอื่นไม่มีค่าเลยเหรอ หรือว่าเห็นตัวเองสำคัญอยู่คนเดียว เก่งอยู่คนเดียวเลยใช่ไหม คนอื่นจะเป็นยังไงก็ช่างไม่ไหม ทำไมนิสัยถึงได้แย่ขนาดนี้ เห็นแก่ตัวที่สุด"
ว่าแล้วทุติยะก็เดินปึงปังออกไปเลย หนูดำตะโกนไล่หลังไป
"นี่นายด่าฉันเหรอ ลืมไปรึเปล่าว่าตัวเองเป็นไอ้ทุย ไม่ใช่นายทุติยะ กล้าดียังไงมาด่าฉัน"
หนูดำลุกขึ้นหันมาแล้วสะดุ้งเฮืก เมื่อเห็นธงรบก้าวเข้ามาใกล้เธอ
"ปลัด ปลัดมาตั้งแต่เมื่อไหร่"
"มาทันได้ยินความลับบางอย่างก็แล้วกัน"
หนูดำหน้าถอดสี ยอมเดินตามธงรบออกไปคุยที่มุมหนึ่ง ที่ทุติยะไม่มีทางกลับมาเห็นได้
"ผมนึกแล้วว่านายทุยเขาต้องไม่ใช่คนงานธรรมดา แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคุณทุติยะว่าที่คู่หมั้นของหนูดำ"
"อย่าพูดอย่างนั้นน่ะ หนูดำไม่มีทางยอมแต่งงานกับเขาเด็ดขาด ให้ตายก็ไม่ยอม หนูดำเกลียดนายทุติยะยิ่งกว่าผู้ชายคนไหนในโลกนี้ซะอีก"
"เกลียดแต่กลับเก็บไว้ใกล้ๆ เกลียดแน่เหรอหนูดำ"
"ก็บอกเหตุผลไปแล้วนี่ว่าเก็บไว้ทำไม" หนูดำยืนยัน
"อยากทำให้เขาเป็นคนที่ดีขึ้น หนูดำห่วงเขานะ รู้ตัวรึเปล่า"
"หนูดำไม่เคยห่วงเขา หนูดำสะใจที่เห็นเขาต้องมาตกระกำลำบาก สะใจที่เขาต้องมาเป็นอย่างพวกเราบ้าง ไม่ได้ห่วงอย่างที่ปลัดคิดหรอก"
"ถ้าไม่ห่วง ก็ปล่อยเขาไปให้คนที่ห่วงสิ คุณดาววดีคนรักของเขาเธอรออยู่ในไร่มาทั้งวันทั้งคืนแล้ว"
"ไม่ต้องมาย้ำหรอก หนูดำรู้แล้วว่านายทุยมีแฟน สะใจพอเมื่อไหร่ หนูดำปล่อยเขาไปแน่"
ว่าแล้วหนูดำก็เดินปึงปังออกไป ธงรบได้แต่มองตามด้วยความกังวลใจว่าจะมีเรื่องยุ่งๆ ขึ้นอีก
ทิวา ขับรถจากกรุงเทพฯ มาหากำนันแดงด้วยความอยากเห็นหน้าลูกชาย กำนันแดงไม่รู้จะทำยังไงก็เลยต้องบอกความจริงทั้งหมดให้ทิวารู้ ทิวาไม่ค่อยพอใจนักที่ฝ่ายกำนันแดงไม่บอกแต่แรก
"ข้าก็เพิ่งรู้เหมือน กัน หนูดำลูกสาวข้ามันไม่ยอมบอก ตอนนี้มันเอาลูกเอ็งไปเลี้ยงเป็นคนงานในไร่ ปกปิดความจริงไม่ให้ลูกเอ็งรู้ว่าเป็นใคร"
"แล้วทำไมต้องทำอย่างนั้น ด้วยล่ะ แกยอมให้ลูกสาวรังแกลูกข้าได้ยังไง นี่มันอะไรกัน ตกลงว่าลูกเราไม่ได้ปิ๊งกันเหรอ มันยังไงกันแน่ เอ็งบอกความจริงมาเดี๋ยวนี้"
"ใจเย็นๆ ก่อนสิวะ ลูกข้ามันมีเหตุผล" กำนันแดงพยายามอธิบาย
"เหตุผลเหรอ งั้นตอนนี้ข้าก็มีเหตุผลที่จะเตะเอ็งเหมือนกัน" ว่าแล้วทิวาก็ไล่เตะกำนันแดงไปทั่วบ้าน
"ใจเย็นๆ ฟังก่อน หนูดำมันแค่จะดัดนิสัยลูกเอ็งเฉยๆ พอมันดัดเสร็จมันก็แต่งงานกันเหมือนเดิมน่ะแหละ"
"จริงเหรอ"
"ก็เออน่ะสิ"
"มันจะแต่งกันแน่นะ"
"ถ้ามันไม่คิดจะแต่ง มันจะเสียเวลามาดัดสันดานทำไมวะ ไล่เตะไปไม่ง่ายกว่าเหรอ" กำนันแดงว่า
"อืมม์ จริงของเอ็ง ลูกเอ็งต้องกำลังหลงรักลูกข้าแน่ๆ" ทิวามั่นใจ
"ลูกเอ็งก็หลงรักลูกข้าเหมือนกัน ไม่งั้นจะยอมให้ดัดง่ายๆ เหรอ" กำนันแดงไม่ยอม
"สรุปว่าลูกเรารักกัน"
"ถูก เดี๋ยวมันก็แต่งกัน เชื่อสิ ไม่มีปัญหาหรอก"
ว่า แล้วทั้งสองก็ชวนกันไปแอบดูลูกๆ ของตนที่ไร่ แต่พอทิวาเห็นดาววดีอยู่ที่นั่นก็รีบบอกให้กำนันแดงรู้ ว่าดาววดีเป็นก้างขวางคอตัวสำคัญ ต้องห้ามไม่ให้เจอกับทุติยะ พอดีทุติยะกลับมาที่ไร่ ทั้งสองจึงรีบเข้าไปจับตัวชายหนุ่มมาใส่กระสอบเพื่อลากออกไปก่อนที่ดาววดีจะ มาเห็น ทุติยะร้องโวยวายลั่น และท้าให้ออกมา ทิวากับกำนันแดงรีบวิ่งมาซ่อนที่พุ่มไม้แล้วเกี่ยงกันออกไปหาทุติยะ
ดาววดีวิ่งมาที่หน้าไร่ด้วยความหวัง ขณะที่ทุติยะออกจากกระสอบแล้วหันรีหันขวางไปทั่วอย่างโมโห
"คุณทุติยะ คุณทุติยะ" ดาววดีร้องเรียก
ทิวา ได้ยินเสียงดาววดีร้องเรียกก็ใจคอไม่ดี ขอให้กำนันแดงช่วย เผอิญหนูดำกลับมาและวิงตรงมาที่หน้าไร่ พอได้ยินเสียงดาววดีก็หยุดกึก หันไปทางทุติยะที่เดินลุยเข้าไปในป่าเหมือนจะหาตัวคนที่จับตัวเองใส่กระสอบ ให้เจอ หนูดำรีบพุ่งเข้ามาคว้าแขนทุติยะไว้ได้ทัน และลากขึ้นรถไปด้วยกัน ดาววดีมาถึงก็พอดีกับรถของหนูดำแล่นเอี๊ยดออกไปแล้ว
"อะไรกันอีกละนายหนูดำ หนีอะไรอีกล่ะคราวนี้" ทุติยะถามอย่างอ่อนใจ
"ใครว่าฉันพานายหนี ฉันจะพาไปเที่ยวงานวัดต่างหาก" หนูดำแก้ตัว
"เฮอะ งานวัด งานวัดอะไร ไม่รู้จัก คิดว่าง้อด้วยงานวัดแล้วจะหายโกรธงั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก"
"ใจเย็นก่อนสิ ฟังเพลงก่อนนะฟังเพลง" หนูดำเปิดวิทยุดังลั่น แต่เป็นเพลงลูกทุ่งแดนซ์สุดๆ
"โอ๊ยยย เพลงอะไรอ่ะ"
"ไม่เพราะเหรอ ที่กำลังฮิตนะ ต้องฟังดังๆ"
"ไม่เอา หนวกหูจะตายอยู่แล้ว ปิดยังไงเนี่ย ปิด ปิดสิ ปิด" ทุติยะทุบเปรี้ยงเข้าให้
"เฮ้ย นายทำอะไรของนายน่ะ"
"มันรำคาญ จอดรถเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่ปงไม่ไปไหนทั้งนั้น จอดสิ บอกว่าให้จอด"
ทุติยะแย่งพวกมาลัย จนรถเซไปมา ในที่สุดหนูดำก็โพล่งออกมา
" เออๆ ฉันขอโทษ ฉันขอโทษที่ไม่ได้บอกนาย แต่ฉันไม่คิดจะเอากระสุนจริงๆ ไปยิงสัตว์หรอกนะ แล้วฉันก็ไม่ใช่คนใจร้าย ใจดำ เห็นแก่ตัว ไม่งั้นฉันก็หนีไปแล้ว ไม่ยืนรอนายให้เสือมันกลับมาคาบเอาหรอก ที่รอก็เพราะห่วงนายหรอกนะ เข้าใจรึยังล่ะ"
"ห่วงผมงั้นเหรอ คิดว่านายหนูดำเกลียดผมซะอีก"
"เกลียดกับห่วงมันคนละส่วนกัน"
"แล้วเกลียดหรือห่วงมากกว่ากันล่ะ"
"ไม่ต้องถามแล้ว อยู่ใกล้นายแล้วมันหงุดหงิดทุกที"
"ผมก็เหมือนกันน่ะแหล อยู่ใกล้นายหนูดำทีไร ก็อารมณ์เสียทุกทีไม่รู้ทำไมเหมือนกัน"
"ใช่สิ ต้องอยู่กับบาบี้ใช่ไหมล่ะถึงจะมีความสุข"
"บาบี้ไหน ใครเหรอ ชื่อน่ารักดีนะ แค่ชื่อก็รู้แล้วว่าตัวจริงต้องสวยแน่ๆ เลย"
ทุติยะเริ่มฝันหวาน หนูดำดุทันที "หุบปากซะทีได้ไหม อารมณ์เสีย"
"ทำไม พูดถึงผู้หญิงไม่ได้ หึงเหรอ นายหนูดำคิดอะไรกับผมเปล่าเนี่ย" ทุติยะจ้องหน้าอย่างระแวง
"ไอ้ทุย" หนูดำอึ้ง
"ยิ่งชอบหาเรื่องอยู่กับผมสองต่อสองด้วย นายหนูดำ นี่นายหนูดำจีบผมเหรอ"
หนูดำหลับตากรี๊ดดด ด้วยความเหลืออด ทุติยะรีบอุดหูก่อนจะหันไปเจอฝูงวัวกำลังข้ามถนน
"นายหนูดำ วัว"
"นี่นายด่าฉันเหรอ"
"ไม่ใช่ วัว โน่นนนน"
"อ๊า" หนูดำเหยียบเบรกตัวโก่ง จนรถหลบวัว เสียหลักกระแทกสะพานอย่างแรงไปคาอยู่ที่สะพาน
"ไม่ต้องกลัวนะนายหนูดำ ไปเลยนายหนูดำ"
ทุ ติยะออกแรงผลักจนหนูดำออกจากรถมากลิ้งไปกับพื้นถนน แต่ประตูด้านที่ตัวเองนั่งอยู่หลุดออกมา ทุติยะเลยเสียหลักตกลงไปในน้ำ หนูดำลืมตาขึ้นมาเห็นพอดี
"ทุย" หนูดำจะรีบลุกไปช่วยแต่ร่วงหมดสติลงไปอีกครั้ง โชคดีที่ธงรบผ่านมาเห็นรีบพาเธอส่งโรงพยาบาล
ด้าน ทุติยะหลังจากตกลงไปในน้ำ ก็หมดสติไปเช่นกัน แต่เมื่อเขาฟื้น ก็พบว่าความทรงจำกลับคืนมาได้อย่างปาฎิหาริย์ ทุติยะตะเกียกตะกายให้คนช่วย จนมาเจอกับจูลี่ที่ขับรถมาโคกน้ำเชี่ยว
จูลี่รีบพาทุติยะไปที่รีสอร์ต และบอกให้ดาววดีรู้ เวลานั้นไม้แอบมาสืบข่าวดาววดีพอดี จึงโดนจับตัวไปคาดคั้นต่อหน้าทุติยะ ทำให้ทุติยะเริ่มปะติดปะต่อทุกอย่างได้ แล้วคิดจะกลับไปแก้แค้นคืนหนูดำ
ทุ ติยะกลับไปที่ไร่ แกล้งทำเป็นความจำเสื่อมต่อเพื่อแก้เผ็ดหนูดำ ทั้งแกล้งปล่อยสัตว์เลี้ยงเข้าไปในบ้าน ขับแทรกเตอร์เข้าไปในแปลงปลูกข้าวโพดจนพัง หนูดำโกรธมากเดินหนีออกไป บุญโฮมหันมาดุทุติยะที่บอกว่าแค่รถไถคันเดียว จะอะไรนักหนาแถมบอกให้ซื้อใหม่
"เฮ้ย พูดจามักง่ายจริง นี่มันไม่ใช่แค่รถไถธรรมดา มันมีคุณค่าทางจิตใจ นายหนูดำแลกมันมากับปริญญาเลยนะเว้ย ไม่รู้แล้วอย่าพูดไป"
"ปริญญามาเกี่ยวอะไรกับรถไถ" ทุติยะไม่เข้าใจ
" เอ้า ก็พ่อกำนันเขาอยากให้นายหนูดำไปเรียนต่อปริญญาโทเหมือนลูกบ้านอื่นเขาน่ะสิ แต่ตอนนั้นพ่อกำนันไม่ค่อยมีกะตังค์ นายหนูดำแกเลยยอมไม่ไปเรียน เอาเงินมาซื้อรถไถทำไร่เลี้ยงทุกคนมาจนถึงเมื่อตะกี้นี่ จนกระทั่งแกทำมันพังนี่แหละวะ ไอ้ทุย"
ทุติยะอึ้งไป แต่ก็ยังปากดีกับตัวเองว่ารถไถคันไม่กี่แสน ยังไม่เท่ากับที่เขาลำบากอยู่ที่นี่หรอก
ปลัดธงรบรู้ข่าวเสี่ยดำเกิงกำลังกว้านซื้อที่ดินและเที่ยวส่งสายไปลาดตะเวนตามที่ต่างๆ ธงรบรีบมาเตือนหนูดำ
และ ในเวลานั้นเสี่ยดำเกิงก็มาที่ไร่กาฬมณี เจอกับทุติยะก็คิดว่าเป็นคนงานจึงชวนมาทำงานด้วย โดยบอกว่าจะจ้างพิเศษ พร้อมสั่งให้เผาไร่ แต่ทุติยะไม่เล่นด้วยแถมด่าเสี่ยดำเกิงกลับไปด้วย
หนู ดำสบายใจขึ้นก็กลับมาที่ไร่ ห่วงว่าทุติยะทำเรื่องอีก แล้วก็เป็นจริง ทุติยะไปเก็บข้าวโพดอ่อนมาเต็มตะกร้า เธอรีบถามว่าไปเก็บมาจากไหน พอรู้ว่าเป็นแปลงริมน้ำก็เอะใจ บุญโฮมฟังแล้วอ้างปากค้าง
"ไอ้ทุย อย่าบอกนะว่าแกไปเก็บแปลงทดลองมา"
"หือ ทดลองอะไรเหรอ" ทุติยะตีหน้าซื่อไม่รู้จริงๆ
" ไอ้ทุย แกทำบ้าอะไรของแก ข้าวโพดแปลงนั้นฉันไม่ได้เอาไว้ขาย ฉันจะเอาไว้ทำพันธุ์ แกรู้ไหมกว่าจะผสมได้พันธุ์นี้มา ฉันทดลองมากี่ปีแล้ว แกนี่มันโง่ โง่ที่สุด"
"ยังไม่ได้ที่ซะด้วยสินายหนูดำ ยังอ่อนอยู่เลย แกะทำพันธุ์ก็ไม่ได้นะเนี่ย"
"หมดแล้ว หมดกัน ปีหน้าไม่มีพันธ์ปลูกแล้ว"
"ไม่มีก็ไม่ต้องปลูกสิ" ทุติยะว่า
หนูดำตบหน้าทุติยะฉาดใหญ่ ทุกคนตกใจกันหมด
"มันจะมากไปแล้วนะ"
" ไม่มีก็ไม่ต้องปลูก พูดง่ายนี่ ใช่สิ คนอย่างนายมันจะไปรู้เดือดรู้ร้อนอะไรกับปัญหาคนอื่น จะไปเข้าใจอะไรว่าคนอื่นเขาต้องกินต้องใช้ ต้องมีชีวิตอยู่ยังไง ทำไมฉันต้องขุดบ่อเลี้ยงปลาให้มันเหนื่อย เลี้ยงวัวให้มันยาก เลี้ยงไก่ให้มันสกปรก ข้าวโพดแต่ละเม็ดมันไม่มีค่าสำหรับนาย แต่มันมีค่ากับทุกคนที่นี่ เหงื่อมันคือเงิน มันคือชีวิต นายมันจะไปเข้าใจอะไร"
"ใช่สิ ฉันไม่เข้าใจหรอก แล้วไม่มีวันเข้าใจด้วย ในเมื่อฉันมันเป็นของฉันอย่างนี้ แล้วมายุ่งกับฉันทำไม มาเปลี่ยนชีวิตฉันทำไม เปลี่ยนให้ตายมันก็ไม่สำเร็จหรอก"
หนูดำอ้าปากค้าง "นี่นายรู้แล้วงั้นเหรอ"
"ตกใจล่ะสิ คิดว่าจะโง่ให้เธอกดขี่ไปตลอดรึไง ไม่มีทางหรอก ฉันจำทุกอย่างได้หมดแล้ว แล้วก็จำได้ด้วยว่าเธอทำอะไรกับฉันไว้บ้าง"
" อย่างนี้นี่เอง นายถึงทำลายมันซะทุกอย่าง ที่แท้นายก็ตั้งใจ รู้ทั้งรู้ เห็นก็เห็นว่าพวกเรางานหนักกันแค่ไหน แต่ก็ยังทำได้ลงคอ ถ้าแค้นฉันก็ทำกับฉันคนเดียว ไม่ใช่กับคนที่เขาไม่รู้เรื่อง ฉันมันโง่เองแหละ ฉันคิดผิดไปเอง คนอย่างนายจนตายก็ไม่มีวันเป็นคนดีได้หรอก"
หนูดำตวาดแล้ววิ่งหนีไป บุญโฮมกับไก่รีบตามไป
"คุณทุติยะ นายหนูดำอุตส่าห์จะช่วยคุณแท้ๆ คุณไม่น่าทำอย่างนี้เลย"
"ช่วยอะไร ยัยนั่นจะช่วยอะไรฉัน"
" ก็ช่วยให้คุณเป็นคนดีขึ้นไงเล่า แค่นี้ดูไม่ออกเหรอ มีใครในไร่นี่เข้าเคยช่วยทำให้คุณเป็นคนเลวบ้างไหมล่ะ มีไหม ไปเว้ย ไปตามนายหนูดำกัน ไป"
พวกคนงานแห่ตามกันไป ปล่อยให้ทุติยะยืนอึ้งอยู่คนเดียว
ทุ ติยะกลับไปพักที่รีสอร์ตกับดาววดีและจูลี่ เขาครุ่นคิดคำพูดของบุญโฮมและคนงานจนนอนไม่หลับ สุดท้ายก็กลับไปที่ไร่อีก แล้วพบว่ามีคนแอบเผาไร่ จนไฟลุกท่วมไร่ข้าวโพด ทุติยะรีบเข้าไปช่วยคนงานดับไฟอย่างไม่ห่วงตัวเอง จนกระทั่งหนูดำเห็นเข้า และเข้ามาไล่เข้าไป แต่ถนอมห้ามทัพให้ช่วยกันดับไฟก่อน
หนูดำรู้ว่ายาย ลีติดอยู่ข้างในก็รีบเข้าไปช่วย เพราะสำนึกในบุญคุณที่ยายลีเลี้ยงดูเธอมาตอนเด็กๆ แต่ข้าวโพดที่ไหม้ไฟหักโค่นลงมา ยายลีกรี๊ด จังหวะนั่นเองทุติยะเอาผ้าห่มผืนใหญ่เข้ามาตวาดพรึ่บ คลุมตัวไว้ทั้งสามคน พร้อมสั่งให้รีบไป
หนูดำเงยหน้ามองทุติยะ สบตากันวูบหนึ่ง ก่อนที่ทุติยะจะพาทุกคนวิ่งหนีออกมา
หลัง เหตุการณ์สงบลง ทุติยะกลายเป็นฮีโร่ของทุกคน แม้แต่หนูดำก็รู้สึกดีกับเขามากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อทิวามาเป็นกาวใจให้ ทั้งสองจึงหลบมาปรับความเข้าใจกันเงียบๆ
"คราวนี้คุณคงรู้แล้วสินะว่าการมองคนแค่ภายนอกมันเป็นยังไง" ทุติยะถามยิ้มๆ
"คุณต่างหากที่ตัดสินคนจากภายนอกแล้วก็ดูถูกคนจนๆ สกปรกมอมแมมอย่างพวกเรา"
"แล้วคุณล่ะ คุณเองก็ดูถูกคนอย่างผมเหมือนกัน ผมชอบความสะอาด ผมเรียนหนังสือหนัก ผมไม่ต้องทำงานกลางแดด ผมผิดด้วยเหรอ"
หนูดำเมินหน้าหนี "ใช่สิ คุณมันรวยนี่"
ทุ ติยะจับหน้าหนูดำให้หันกลับมาฟัง "ผมผิดตรงไหน ที่คุณพ่อคุณแม่ท่านทำมาหากินสร้างครอบครัวจนเรามีฐานะ ผิดตรงไหนที่เกิดมาในสังคมที่คุณเรียกว่า ไฮโซ ผมผิดอะไรกับสิ่งที่ผมเป็น คุณตัดสินว่าผมเลวแค่เพราะผมไม่จน ไม่มอมแมม ไม่สกปรก ไม่ได้ทำไร่เหมือนคุณ"
"ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันไม่อยากฟัง"
"แต่คุณต้อง ฟัง ถ้าอย่างผมเรียกว่าผิด คุณก็ต้องผิดเหมือนกัน ที่ผ่านมาเราสองคนต่างฝ่ายต่างก็ดูถูกกันเองไม่ใช่เหรอ ผมว่าคนที่คิดว่าตัวเองต้อยต่ำกว่าคนอื่น คิดว่าคนอื่นสูงส่งค้ำฟ้า นั่นแหละคนที่ดูถูกตัวเอง"
ทิวากับกำนันแดงแอบฟังอยู่ตบมือป้าบ "มันต้องอย่างนี้สิลูกเขยข้า"
หนูดำมองหน้ากับทุติยะครู่หนึ่งก่อนจะปัดมือทุติยะออกจากหน้า
"ฟังจากที่คุณพูด คงหมดหน้าที่ฉันแล้ว โรงเรียนดัดสันดานของฉันคงต้องปิดสักที คุณพร้อมที่จะกลับบ้านแล้วล่ะ"
"ผมคิดว่าอย่างนี้ได้ก็เพราะคุณน่ะแหละ ถ้าไม่มีคุณ ผมก็คงไม่ตาสว่างอย่างนี้หรอก"
ทิวากับกำนันแดงขอบใจ "สะใภ้ผม สะใภ้ผม"
กลาง ดึกคืนนั้น ทุติยะกลับไปถึงรีสอร์ตก็พบว่าดาววดีดักรออยู่ด้วยความเป็นห่วง เขาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่ไร่กาฬมณีให้ฟัง ดาววดีตกใจแล้วต่อว่าที่ทุติยะเข้าไปช่วย เพราะอาจเกิดอันตรายกับเขาได้
"แล้วคุณจะให้ผมยืนดูพวกเขาเฉยๆ งั้นเหรอ"
"เจ้าหน้าที่ดับเพลิงก็มีนี่คะ พวกเขาฝึกมาเพื่อดับไฟนะคะ เขารู้ดีว่าต้องทำยังไง ในเมื่อเราทำอะไรไม่ได้ ก็จะให้ทำยังไงล่ะค่ะ"
"ก็พยายามไงครับ พยายามทำให้ได้ แล้วก็ช่วยพวกเขา"
"ทุติยะ นี่คุณเป็นอะไรไป คุณไม่พอใจอะไรดาวรึเปล่าค่ะ"
"เปล่าครับ ผมแค่พูดในสิ่งที่ถูกเท่านั้นเอง"
" หมายความว่าดาวผิดงั้นเหรอคะ ดาวก็แค่ห่วงว่าคุณจะไม่ปลอดภัย ไม่ได้บอกให้คุณเป็นคนเห็นแก่ตัวสักหน่อย หรือว่าคุณห่วงอย่างอื่นจนลืมความปลอดภัยของตัวเองไปแล้ว"
"ผมขอตัว ดึกแล้ว คุณเองก็ควรจะเข้านอน ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องรอ"
ทุติยะเดินแยกไป ดาววดีมองตามอย่างระแวงในใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
วันรุ่งขึ้นเสี่ยดำเกิงมาดูผลงาน แล้วพูดให้หนูดำคิดว่าทุติยะเป็นคนทำ
ทุติยะกำลังจะกลับกรุงเทพฯ เขาให้ไม้แวะมาที่ไร่ ทุติยะเดินยิ้มกริ่มตรงมาหาหนูดำแล้วยื่นดอกไม้ให้
"ผมอยากมาขอบคุณที่"
"ขอบคุณฉันทำไม ไปขอบคุณเสี่ยดำเกิงสิ มันจ้างคุณมาไม่ใช่เหรอ" หนูดำคว้าดอกไม้มาปาใส่ทุติยะทันที
"คุณพูดอะไร" ทุติยะไม่เข้าใจจริงๆ
" ยังมาทำเป็นซื่อ ฉันรู้หมดแล้วว่า คุณทำอะไรลงไป โกรธแค้นกันมากถึงขนาดต้องเผาไร่ฉันเลยงั้นเหรอ ฉันอุตส่าห์หลงคิดว่าคุณกลับใจได้แล้ว ที่แท้ฉันก็เข้าใจผิด คุณมันเจ้าเล่ห์ ทำมาเป็นคนดี แต่สุดท้ายคุณมันก็เลว เลวยิ่งกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก ไอ้คนเลว"
หนูดำชกหน้าทุติยะเปรี้ยง บุญโฮมกับไก่เชียร์ลั่น
"เดี๋ยวก่อน นี่พวกคุณโกรธผมเรื่องอะไร"
"ยังจะปากแข็งอีก คิดว่าพวกฉันโง่นักรึไง อย่าบอกนะว่าเสี่ยดำเกิงไม่ได้จ้างคุณมาเผาไร่ฉันเมื่อคืนนี้"
"ผมเปล่านะ เขาจ้างผมจริง แต่ผมไม่ทำ"
หนูดำจะชกอีกเปรี้ยงแต่ทุติยะจับมือไว้ทัน "ทำไมคุณไม่เชื่อผม"
"ก็เพราะว่านายมันเป็นคนเลว เชื่อไม่ได้ไง" หนูดำยกมืออีกข้างขึ้นชกแทนจนทุติยะเซไป
บุญโฮมกับพวกคนงานเฮหาอาวุธกันเตรียมยำทุติยะ ถนอมพาทิวากับกำนันแดงมาถึงพอดี
"เฮ้ยๆ จะทำอะไรกัน หยุดเดี๋ยวนี้ หยุด พวกคนงานถอยไป"
"พ่ออย่ามาห้าม มันนั่นแหละตัวการ ที่ทำให้ไร่เราโดนเผา"
"จริงอย่างที่เขาพูดรึเปล่า"
ทุติยะปฏิเสธ "ไม่จริงครับ"
" โกหก คุณแค้นฉัน คุณคิดจะล้างแค้น คุณหลอกให้ฉันตายใจ คุณแกล้งทำตัวเป็นคนดี พอฉันโง่หลงเชื่อคุณก็หักหลังฉัน สะใจคุณมากไหมล่ะ พอใจไหมที่มันเป็นแบบนี้"
"เจ้ายะ แกทำอย่างนี้ใครเขาจะอยากแต่งกับแก" ทิวาหันมาดุลูกชาย
หนูดำโวยทันที "แต่งงานงั้นเหรอ ไม่มีทาง ฉันไม่มีทางแต่งงานกับคึนชั่วอย่างนายเด็ดขาด"
ทุ ติยะฟังแล้วฉุนกึก "ทำไม คุณมันดีมาจากไหนนักหนา วิเศษมาจากไหนถึงจะแต่งกับผมไม่ได้ ทุกคนฟังเอาไว้นะ ผมจะแต่งงานกับนายหนูดำของพวกคุณ"
พวกคนงานชะงักหน้าตาเหรอหลา หนูดำตะโกนลั่น "ฉันไม่แต่ง"
"แต่ผมจะแต่ง แล้วคุณก็ต้องแต่งกับผม เราสองคนต้องแต่งงานกัน"
ดาววดีซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ธงรบเข้ามาถึงพอดี ได้ยินคำว่าแต่งงานก็หน้าเหวอ ธงรบได้ยินเช่นกันถึงกับหน้าซีด
"ใครจะแต่งงานกันเหรอคะ"
ทิวารีบเข้ามาขวาง "ก็ทุติยะลูกชายฉัน"
กำนันแดงบอกต่อว่า "กับหนูดำลูกสาวฉันน่ะสิ"
"ไม่ได้นะ" ดาววดีกับธงรบตะโกนออกมาพร้อมกัน
ทุติยะประกาศลั่นอีกว่า "ต้องได้ เก่งนักใช่ไหม เก่งนักก็มาแต่งกันเลย อย่ากลัวสิ"
พอได้ยินคำท้า หนูดำก็ยิ่งเดือด "ใครบอกว่าฉันกลัว อย่าท้านะ เอาเลย ถ้านายกล้าจิรง ไม่กลัวฉันก็แต่งเลย"
ทุ ติยะก้มลงจูบหนูดำอย่างว่องไว ทุกคนในไร่กรี๊ด ตาค้างกันหมด บัวตองกรี๊ดจนเป็นลมหงายไป ดาววดีกับธงรบทนไม่ได้รีบหันหลังวิ่งออกไปพร้อมกัน

ไม่มีความคิดเห็น: