วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

สายสืบดิลิเวอรี่ 3

หนูพุกบอกมาลินีว่าตอนนี้เธอกำลังจะตามฝันตัว
เองด้วยการเป็นตำรวจ โดยหนูพุกหนีออกจากบ้านมาอยู่กรุงเทพฯ ให้มาลินีหาที่อยู่ให้
มาลินีพาหนูพุกมาอยู่ที่คอนโดหรูแห่งหนึ่ง
ซึ่งเป็นคอนโดที่สถานีโทรทัศน์ของเธอเช่าไว้เป็นสมบัติของฝ่ายข่าว มาริ
โอ้กับชลธีย่องกลับมาบ้านในตอนดึก แต่ไม่วายที่โรสจะรออยู่แล้ว มาริโอ้ยิ้มแหยๆ
ให้โรสแล้วหนีขึ้นบ้านไป โรสมองตามค้อนๆ ก่อนจะมองมาที่ชลธี
ก่อนจะจวกที่ชลธีฉีกหน้าเธอยับ ชลธียืนยันว่าเขากับลูกนัทไม่มีทางไปกันได้ โรสดุ
"ได้หรือไม่ได้ คนตัดสินใจคือฉัน
ไม่ใช่แกอย่าลืมนะว่าไอ้บริษัทยามของแกตอนนี้ก็ยังเป็นหนี้ฉันอยู่อีกเท่า ไหร่
ถ้าแกไม่อยากให้คนของแกต้องตกงานล่ะก็ แกต้องทำตามคำสั่งของฉัน" โรสกร้าว ชลธีทำใจ


"แม่จะให้ผมยังไงครับ” วันต่อมา ชลธีต้องไปเป็นเพื่อนลูกนัทช้อปปิ้ง
ชลธีช่วยลูกนัทถือของมากมายพะรุงพะรัง
สีหน้าชลธีบ่งบอกว่าถูกแม่บังคับให้มาเป็นเพื่อนลูกนัทช็อปปิ้ง
ระหว่างที่เดินไปด้วยกันลูกนัทก็ชี้ชวนดูโน่นดูนี่ไม่หยุดปาก
ชลธีได้แต่พยักหน้าตามมารยาท แต่ลึกๆแล้วเขารู้สึกเบื่อมาก ระหว่างนั้น
ลูกนัทเหลือบไปเห็นจันทร์เจ้ามาซื้อของเช่นกัน ก็รีบปรี่เข้าไปทัก
พลางชวนจันทร์เจ้าทานข้าวด้วยกัน แต่น้ำเสียงลูกนัทออกจะข่มๆหน่อย
จันทร์ดเจ้ายิ้มแหย บอกว่าเธอต้องกลับไปดูร้านกาแฟอีก นี่แค่แวะมาซื้อของ
ลูกนัทเสียงแหลม "อ๊าย
ตกลงที่เขาลือว่าเธอเป็นเถ้าแก่เนี้ยเปิดร้านขายกาแฟก็เป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ย
ตอนแรกฉันนึกว่าเขาเม้าท์กันเล่นๆซะอีก” จันทร์เจ้างง "เม้าท์? เรื่องฉันน่ะเหรอ” "
แหม ก็พวกเราที่เรียนจบมาด้วยกัน ใครๆก็ได้งานทำกันหมดแล้วนี่จ๊ะ
มีแต่เธอกับยายพุกน้องสาวนี่ล่ะที่ขายไม่ออก อุ๊ย ฉันหมายถึงเฉพาะเรื่องงานนะ
ไม่ใช่เรื่องอื่น” ลูกนัทว่าแล้วหัวเราะร่วน ชลธีรู้สึกไม่พอใจ
และมองจันทร์เจ้าด้วยความสงสาร จันทร์เจ้ายิ้มกร่อยๆ อร
ลออเดินเอาจดหมายของชลธีมาส่งให้โรสอ่าน เมื่ออ่านเสร็จโรสก็ขยำทิ้งฉุนๆ
เพราะในจดหมายบ่งบอกว่าชลธีหนีเธอไปแล้ว เพราะไม่อยากถูกจับแต่งงานกับลูกนัท
โรสคาดคั้นถามเตวิชที่นั่งข้างๆ ว่ารู้เห็นเป็นใจกับชลธีด้วยหรือเปล่า
เตวิชตีหน้าซื่อ ทำเป็นไม่รู้เรื่อง โรสเครียดบ่นว่าคอยดูนะ หากกลับมาเมื่อไหร่
จะจับแต่งงานกับลูกนัทให้ได้ ชลธี หนีออกมาจากบ้านได้ ก็โทรหานิกร
เพื่อนของเขาที่อยู่ที่กรุงเทพฯ ให้หาที่พักให้ เขาหารู้ไม่ว่า ห้องพักที่อยู่นั้น
อยู่ข้างห้องหนูพุกพอดีเด๊ะ หนูพุกจะต้องเข้ารับการทดสอบ พร้อมกับ 3 สาว คือ สุดา
กานดา และพาฝัน ทั้ง 3 สาวรู้ว่าหนูพุกเป็นลูกตำรวจเก่า
แถมยังเป็นเพื่อนกับสารวัตรอิสระ ก็คิดว่าต้องเป็นพวกเล่นเส้นสายแน่ๆ
ทั้งสามเลยร่วมมือกันว่าจะเขี่ยหนูพุกออกไปก่อน แล้วค่อยมาแข่งกันเองทีหลัง
หนูพุกกำลังวอร์มอัพร่างกายอย่างกระฉับ กระเฉง พวกสามสาวพากันมองทึ่งๆ
พอหนูพุกหันมาส่งยิ้มให้ ทุกคนก็แกล้งเมินหน้าหนี จนหนูพุกรู้สึกแปลกใจ
ชัชนินทร์กับจ่าสมหมายเดินเข้ามาในสนาม ชัชนินทร์หันไปบอกผู้สมัคร "เอาล่ะทุกคน
ด่านแรกของเราก็คือฝ่าด่านเครื่องกีดขวาง ใครไปถึงเส้นชัยที่หลังถือว่าแพ้
เริ่มได้” เมื่อ เป่านกหวีด หนูพุกและสามสาวออกวิ่งไปตามเส้นทางทันที
เห็นสุดายกขาขัดหนูพุกแบบทีแรก แต่คราวนี้หนูพุกกลับโจนข้ามไปได้
พาฝันเบียดหนูพุกหวังจะให้ตกจากเครื่องกีดขวาง แต่หนูพุกเบี่ยงหลบจนพาฝันตกเสียเอง
เมื่อใกล้มาถึงด่านสุดท้ายสุดาก็หมดแรง ตามประสาคนผอมแห้งแรงน้อย
เลยเหลือแต่หนูพุกกับกานดาที่สูสีมาด้วยกัน
กานดาฉวยโอกาสเหวี่ยงศอกใส่หนูพุกเมื่อใกล้ถึงเส้นชัย แต่หนูพุกหมุนตัวหลบไปได้
กานดาสุดทนเลยกระชากบ่าหนูพุกซึ่งๆหน้า หนูพุกก็ฟิวส์ขาดตอบโต้กลับเช่นกัน
ทั้งสองยิงเพลงหมัดซัดกันอย่างดุเดือด แม้ต่างฝ่ายจะต่างปัดป้องกันไว้ได้
แต่เสื้อแสงก็ถูกกระชากกันจนขาด ชัชนินทร์เข้าห้ามทัพ "พอได้แล้ว
นี่พวกเธอสองคนทำอะไรกัน” "ไม่มีอะไรค่ะผู้กอง เราแค่รู้สึกประทับใจกันก็เลย
แลกเปลี่ยนวิชานิดหน่อย" หนูพุกไม่พูดอะไร เธอเหลือบไปดูสุดากับพาฝันที่จ้องอยู่
ก็เริ่มเดาออกว่ากำลังถูกรุม
หนูพุกและสามสาวเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่เดินมายืนเรียงแถวหน้ากระดานฟังชัชนินทร์อธิบายอย่างตั้งใจ
ใน แต่ละด่าน ไม่ว่าหนูพุกจะถูกรุมแกล้งขนาดไหน แต่คะแนนเธอก็ชนะทุกคน
กระทั่งถึงด่านต้องปลอมตัว ในเวลาสิบนาทีปลอมตัวเป็นอะไรก็ตาม
ที่คิดว่าชัชนินทร์จะจำไม่ได้
แล้วหาทางฉกปากกาด้ามที่เหน็บไว้ที่กระเป๋าเสื้อที่ชัชนินทร์ให้ได้ ใครทำได้
คนนั้นชนะ ชัชนินทร์นั่งจิบกาแฟรออยู่ พลางดูนาฬิกาข้อมือ ท่าทางคงได้เวลาแล้ว
พาฝันแต่งชุดนักเรียนนักศึกษาเข้ามา ถือกล่องบริจาค ชัชนินทร์ตีหน้าเซ็ง บอกไม่ผ่าน
"โถแม่คุณ เจ้าที่เจ้าทางเข้าฝันหรือไงถึงได้แต่งตัวกระชากวัยแบบนี้
แถมวันนี้วันอาทิตย์เธอแต่งชุดนักศึกษามันยิ่งสะดุดตาเข้าไปใหญ่" พาฝันหน้ามุ่ย
โฉบมาใกล้ในชุดนักท่องเที่ยวชายสวมทั้งแว่นดำ สวมทั้งหมวก "อะโน่
ไอแอมคัมฟอร์มแจแปน ขอถามทางหน่อย" ชัชนินทร์ ตะปบปากกาไว้กันโดนฉก
"ไม่ผ่านเหมือนกันสุดา หนวดปลอมเธอเขียนสองข้างไม่เท่ากัน แล้วคราวหลังถ้าจะปลอม
ตัวเป็นผู้ชายก็อย่าลืมลบแป้งกับลิปสติคออกให้หมดด้วย" สุดากับพาฝันมองหน้ากันจ๋อยๆ
คอตก ชัชนินทร์ส่ายหน้าปลงๆ ชัชนินทร์จะเดินไปเข้าห้องน้ำ
แต่แล้วกานดาที่ยืนซุ่มอยู่ก็โผล่ออกมาในชุดฉูดฉาดวาบหวิว สวมแว่นดำอันเท่ากระด้ง
"คุณขา มาคนเดียวเหรอคะ ไปเที่ยวกับหนูมั้ยคะ" กานดากระแซะเข้าใกล้ชัชนินทร์
และหวิดจะฉกปากกาได้แต่ชัชนินทร์ดึงหนีซะก่อน "แต่งเนียนดีนี่
แต่เธอลืมอะไรไปอย่างนึงนะที่นี่มันในห้างไม่ใช่สนามหลวง
ปลอมตัวน่ะต้องดูสถานที่บ้างสิ"
ระหว่างนั้นก็มีอาซิ่มแก่ๆคนนึงจ่ายของจนพะรุงพะรังเดินมาสะดุดพื้นล้มลง
"อ้าวอาซิ่ม อาซิ่มเป็นอะไรรึเปล่าครับ ทำใจดีๆไว้ครับอาซิ่มเจ็บตรงไหนบ้าง" มือ
อาซิ่มฉกปากกาไปจากมือชัชนินทร์ๆ จึงคอยเห็นว่าที่แท้อาซิ่มก็คือ หนูพุนั่นเอง
ชัชนินทร์ตะลึง และหนูพุกก็ฉกปากกาไปแล้ว พลางหัวเราะก๊าก "แหม
อั้วไม่อยากจะเชื่อเลยจิงๆ อาผู้กอง ว่าแป้งเด็กกาป๋องเลียว
จะช่วยอั้วล่ายคาหนากนี้"
หนูพุกว่าพลางตบผมเห็นละอองแป้งขาวว่อก00000000000000000000000 ชัชนินทร์
ล่ำลากับทุกคนที่หน้าโลตัส จ๋าสมหมายกำชับว่าขอใบเสร็จค่าเสื้อผ้าด้วย
จะได้ทำเรื่องเบิกค่าใช้จ่ายให้พรุ่งนี้ หนูพุกรีบบอกของเธอไม่ต้องก็ได้
เพราะชุดอาซิ่มร้อยเก้าเก้า แป้งแค่กระป๋องละสิบบาทเอง
ไม่ได้ลงทุนอะไรมากเหมือนบางคน สามสาวที่ลงทุนไปหลายตังค์แต่สอบไม่ผ่าน
พากันมองหนูพุกด้วยความแค้น หนูพุกยิ้มลอยหน้าลอยตาเย้ยหยัน หนูพุกยัง
อยู่ในชุดอาซิ่ม
เดินหิ้วถุงใส่ของที่ซื้อมาพลางแทะไอติมขณะยืนรอข้ามถนนตรงทางม้าลาย
แต่แล้วก็มีมือของใครคนนึงมาจูงมือของเธอ
นั่นคือชลธีที่ถือถุงใส่อุปกรณ์เลี้ยงปลาอยู่นั่นเอง ว่าจะพาข้ามถนน
หนูพุกตกใจรีบก้มหน้าหลบ ว่าขนาดเธอหนีมากรุงเทพฯแล้ว ยังมาเจออีก ชลธีพาข้ามถนน
พยายามชวนคุย แต่หนูพุกได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ชลธีรู้สึกสงสารว่าจะกลับบ้านยังไง
ของเยอะขนาดนี้ หนูพุกชี้ไปที่ป้ายรถเมล์ ชลธียิ่งเห็นใจ "โธ่
ถ้างั้นผมขับรถไปส่งให้ดีกว่านะครับ กลับคนเดียวแบบนี้อันตรายแย่" "ต๊าย
คนแก่ก็ไม่เว้น จะหลอกพาอาซิ่มขึ้นรถไปทำมิดีมิร้ายเลว เลวที่สุด" หนู
พุกคิดในใจก่อนโบกมือว่าไม่ไป แต่ชลธีบอกว่าไม่ต้องเกรงใจ แล้วลากหนูพุกไป
หนูพุกเลยแกล้งทำเป็นตัวสั่นเทิ้มชักกระตุกก่อนจะล้มไป ชลธีเอานิ้วอังจมูก
หนูพุกแกล้งทำเป็นกลั้นหายใจ ชลธีถึงกับผงะ ตำรวจเข้ามาช่วยหันไปวิทยุแจ้งเหตุ
หนูพุกเริ่มตกใจ ชลธีดัดนิ้วดังกร๊อบ ก่อนจะประสานกันและวางเหนือทรวงอกหนูพุก
ลงมือปั๊มหัวใจแบบมืออาชีพ หนูพุกตกใจ หนูพุกจุกจนปากโป่ง
จะลืมตาก็ไม่กล้ากลัวความแตก
ก่อนอ้าปากจะผายปอดหนูพุกตกใจรีบเอามือยันคางชลธีเอาไว้ หนูพุกตกใจ
รีบร้องห้ามพลางแสดงตัว ชลธีงง รู้สึกเสียหน้า คนที่มุงอยู่ก็หัวเราะขำเค้า
ชลธีถอนใจก่อนจะเดินหนีไปอย่างเซ็งๆ โกรธๆ หนูพุกสะใจ
แต่แล้วตำรวจจราจรใช้กุญแจมือถูกสวมฉับที่ข้อมือหนูพุก
"ผมสงสัยว่าคุณเป็นแก๊งค์ล้วงกระเป๋า ที่ปลอมตัวมารูดทรัพย์เหยื่อครับ" หนูพุกตกใจ
"อ๊ายยย นายชลธี กลับมาก่อน กลับเป็นพยานให้ฉันก่อน" ชลธีแกล้งเดินโยกกวนๆ
ทำเป็นหูทวนลม ไม่ได้ยินเสียงหนูพุกด่าไล่หลังเป็นชุด แต่
แล้วเมื่อกลับมาถึงที่คอนโด ทั้งสองคนก็ต้องผงะ เมื่อพบว่า
ต่างฝ่ายต่างอยู่ห้องใกล้กัน ทั้งคู่กำชับว่าอย่านำเรื่องนี้ไปบอกคนที่บ้านเด็ดขาด
ให้เก็บเป็นความลับของกันและกัน พนมกลับมาจากข้างนอก
แล้วนั่งที่โต๊ะกาแฟหน้าร้านอย่างอ่อนล้า นภามองอย่างเห็นใจ
ส่วนจันทร์เจ้ารีบเอาน้ำมาเสิร์ฟ นาถนภาถามพนมว่าเจอหนูพุกหรือยัง พนมส่ายหน้า
บ่นว่าตอนนี้ชาวบ้านลือกันไปทั่วแล้วว่าหนูพุกหนีตามผู้ชาย
จันทร์เจ้ามองทั้งสองอย่างหนักใจ
ถึงรู้ว่าหนูพุกไปไหนแต่ก็ไม่กล้าบอกเพราะกลัวว่าเรื่องจะไปกันใหญ่ วัน ต่อมา
หนูพุกและสี่สาวเข้ามาที่โรงพักก็ต้องตกใจ
เมื่อพบว่าชัชนินทร์ถูกยิงบาดเจ็บวิ่งโซเซออกมาจากมุมหนึ่ง
ชัชนินทร์ร่วงลงไปกองกับพื้น ร้องให้คนช่วย หนูพุกวิ่งนำหน้าคนอื่นๆ เข้าไป
หนูพุกประคองชัชนินทร์ ถามว่าใครยิง ชัชนินทร์ทุรนทุราย "สารวัตร อิสระ
เขาเป็นพวกมาเฟีย เขาต้องการขัดขวางพวกเรา พวกเธอ พวกเธอหนีไป รีบหนีไป"
ขาดคำชัชนินทร์ก็แน่นิ่งไปบนอ้อมแขนหนูพุก "ผู้กอง ผู้กองอย่าตายนะผู้กอง"
หนูพุกร้องเรียก สาม สาวที่ยืนล้อมดูอยู่เห็นผู้กองแน่นิ่งไปก็ตกใจ จะหนี
เพราะกลัวโดนเก็บไปด้วย แต่หนูพุกรั้งไว้ให้ช่วยชัชนินทร์ก่อน ทั้งสามสาวไม่ฟัง
วิ่งหนีออกไป แต่แล้วอิสระก็โผล่ออกมายิงปืนขู่ขึ้นฟ้า ทั้งสามสาวตกใจร้องกรี๊ด
"ใครจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าใครคิดหนี ฉันยิงจริงๆ ด้วย"
หนูพุกวางร่างชัชนินทร์ลงนอนกับพื้น และมองอิสระแค้นๆ "ที่แท้
แกก็เป็นอย่างที่พ่อฉันบอกจริงๆ ฉันไม่น่าหลงชื่นชมตำรวจเลวๆอย่างแกเลย"
"เธอไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า เงินเดือนตำรวจมันจะพอยาไส้ที่ไหน
ไอ้ผู้กองนี่มันอยากขวางทางฉันเอง มันถึงต้องตาย ส่วนพวกเธอ"
อิสระล้วงเงินออกมาเป็นฟ่อน "ถ้าใครยอมปิดปาก แล้วมาทำงานกับฉัน ฉันจะมีรางวัลให้
ว่าไง สนใจรึเปล่า" สาม สาวมองหน้ากันเลิกลั่ก มีท่าทีเอนเอียงจะไปเป็นพวกอิสระ
อิสระยิ้ม หันไปทางหนูพุกที่มองอิสระแค้นๆ จนเลือดขึ้นหน้า
แล้วกล่าวอย่างเป็นการเป็นงาน
"ถ้าต้องยอมเป็นขี้ข้ารับใช้พวกมาเฟียฉันขอยอมตายซะดีกว่า"
สามสาวมองหนูพุกอย่างรู้สึกเทิดทูน อิสระยิ้มเหี้ยม เล็งปืนไปที่หนูพุก

ไม่มีความคิดเห็น: