วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เมียหลวง 6

ปิ่น
เดินประคองคุณหญิงมยุรีที่เกิดปวดท้องขึ้นมากระทันหันกลับมาที่โรงแรม
และทั้งคู่ก็ได้พบกับอนิรุทธิ์ที่ประคองอรเดินออกมาจากลิฟท์
โดยที่อรอินทร์ทำเป็นซับน้ำตาเสียอกเสียใจ "นั่นด็อกเตอร์อนิรุทธิ์นี่คะ
ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร" คุณหญิงมยุรีกระซิบกระซาบ ปิ่น
รีบจูงคุณหญิงเข้าไปทักอนิรุทธิ์เพราะอยากรู้ไม่แพ้กัน
อนิรุทธิ์ชะงักเมื่อเห็นทั้งคู่ แต่ก็รีบส่งยิ้มแบบเนียนๆ เอ่ยทักทาย
แล้วแตะข้อศอกพาอรอินทร์ที่ทำอ่อนระทวยเดินออกไป
เพราะเห็นคุณหญิงมยุรีกับปิ่นมองมาที่อรอินทร์บ่อยครั้ง ปิ่นหันมาถามคุณหญิง
"ใครน่ะ แล้วคุณวิรู้หรือเปล่า" "เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น เล่นเอาพี่หายปวดท้องเลย"
คุณหญิงว่าแล้วชวนปิ่นไปหาวิกันดาที่ห้อง วิ
กันดาบอกกับคุณหญิงมยุรีและปิ่นที่มาฟ้องเรื่องอนิรุทธิ์กับอรอินทร์ว่า
อรอินทร์เป็นน้องสาวของถาวรเพื่อนสนิทของอนิรุทธิ์ ทั้งสองร้อง อ๋อ พร้อมกัน
แต่สีหน้ายังสงสัยเตรียมจะซักต่อ วิกันดารีบตัดบท
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วดิฉันคงต้องขอตัวพักผ่อน" "อุ๊ย พวกเราซิคะที่ต้องขอโทษที่มารบกวน
แต่ก็เป็นความหวังดีที่พอเห็นอะไรไม่ชอบมาพากลเลยต้องรีบมาบอก ไป คุณปิ่น
คุณวิรู้เรื่องแล้วก็ไป" คุณหญิงมยุรีชวนปิ่น วิกันดาเดินมาเปิดประตูให้ทั้งคู่
ปิ่นหันมาย้ำ " ยังไงคุณวิต้องระวังไว้บ้างก็ดีนะคะ
ผู้หญิงสมัยนี้ไว้ใจได้เสียเมื่อไหร่ เผลอเป็นฉกดิฉันน่ะเห็นมามาก
บางคู่อยู่กันมาดี ดี๊ พอเผลอแป๊บเดียว ผัวถูกฉกไปโน่นแล้ว
เผลอไม่ได้ค่ะเผลอเป็นฉก" วิกันดายิ้มอ่อนๆ มยุรีดึงปิ่นออกไป
วิกันดาปิดประตูแล้วถอนใจยาว ปิ่นแปลกกับท่าทางของวิกันดาจึงแอบถามคุณหญิงว่า
"ทำไมด็อกเตอร์วิกันดายังทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่นะคะ" "ร้อนค่ะ แต่ร้อนอยู่ข้างใน
แกกลัวเสียหน้าไงคะ" คุณหญิงตอบแล้วชวนปิ่นไปเม้าท์กันต่อที่ห้อง อร
อินทร์แกล้งไม่สบายอ้อนให้อนิรุทธิ์อยู่เป็นเพื่อนที่ห้องพัก
เพราะวรนารีต้องออกไปทำงาน อนิรุทธิ์หลงกลอยู่กับอรอินทร์
อรอินทร์ทำหวังดีขอให้อนิรุทธิ์โทรไปบอกวิกันดาเพื่อที่เธอจะได้ไม่รอเก้อ อนิรุทธิ์
ลังเล แต่สุดท้ายก็ยอมเชื่ออรอินทร์
เขาโทรไปบอกวิกันดาว่าต้องอยู่เป็นเพื่อนอรอินทร์เพราะเธอไม่สบาย
และรับปากว่าพรุ่งนี้จะไปหาวสิกันดาแต่เช้า วิกันดาสุดเจ็บช้ำรีบปิดโทรศัพท์
"คุณพี่ว่าอะไรหรือเปล่าคะ" อรอินทร์เล่นละครต่อ "ก็ไม่เห็นว่าอะไรนี่"
อนิรุทธิ์ตอบ "คุณพี่เธอเป็นผู้หญิงที่ประเสริฐที่สุด อรทั้งรักทั้งเคารพเธอ"
อรอินทร์ทำซาบซึ้ง "วิเขาโชคดีที่มีแต่คนรัก" อนิรุทธิ์ว่า อรอินทร์ลอบเบ้ปาก เช้า
วันใหม่ วิกันดาลงมาจากห้องพักก็พบอนิรุทธิ์ยืนคุยอยู่กับท่านผู้หญิงและคณะ
อนิรุทธิ์รีบเดินมารับด้วยการโอบไหล่อย่างอ่อนโยน วิกันดาฝืนตัวสั่งอนิรุทธิ์ว่า
เลิกเสแสร้งเสียที "เสแสร้งที่ไหน ผมอุตส่าห์รีบมาแต่เช้า โน่น
คณะของคุณเขาคงสงสัยกันใหญ่แล้วว่าเราพูดอะไรกัน"
อนิรุทธิ์ยิ้มแล้วพาวิกันดาเดินไปหาท่านผู้หญิง วิกันดาขอโทษทุกคนที่มาสาย
"ไม่สายหรอกค่ะ" ท่านผู้หญิงว่า "น่าอิจฉาคุณวิกันดาจัง สามีทั้งรักทั้งเอาใจ"
มยุรีแอบจิก บรรยากาศ เริ่มอึดอัด ท่านผู้หญิงจึงเปลี่ยนเรื่องชวนทุกคนออกเดินทาง
แล้วพยายามเปิดโอกาสให้อนิรุทธิ์กับวิกันดาได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเพื่อปรับ
ความเข้าใจกัน อนิรุทธิ์แอบบ่นกับวิกันดาว่าน่าเสียดายที่ลูกไม่ได้มาด้วย
"ไว้คราวหน้าเราจะมากัน 4 คนพ่อแม่ลูกนะครับ" อนิรุทธิ์ชวน
วิกันดาเมินหน้ามองไปทางอื่นแล้วตอบว่า "คงไม่มีคราวหน้าแล้วละค่ะ"
"ที่จริงเราน่าจะตามพี่รุทธิ์ไปด้วยนะ อยากเห็นน้ำตาเมียหลวง"
วรนารีเอ่ยชวนอรอินทร์ที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่ด้วยกัน อรอินทร์ยักไหล่ตอบว่า "
ฮู้ย ยัยนั่นเขาไม่ร้องไห้ให้ใครเห็นหรอกย่ะ ผู้ดีเขาต้องรู้จัก สะกดกลั้น
กลั้นเอาไว้มากๆ เดี๋ยวก็อกแตกตายไปเอง ที่จริง ฉันก็เวทนาเขานะ
ไม่อย่างนั้นไม่ปล่อยพี่รุทธิ์ไปหรอก" "โอ๊ย แม่พระ พระเพลิง
ไม่ไช่เพลิงธรรมดาด้วยนะ แต่เป็นเพลิงบัลลัยกัลป์"
วรนารีประชดแล้วสองสาวก็หัวเราะให้กัน ท่าน ผู้หญิงพาคณะทัวร์ไปเที่ยวที่ ฟูจิ
ซึ่งวิกันดากับอนิรุทธิ์เคยมาฮันนีมูลด้วยกัน ภาพเก่าๆ
ในอดีตแว่บเข้าในความคิดทำให้วิกันดามีท่าทีอ่อนลง ท่านผู้หญิงแอบเอาใจช่วยทั้งคู่
ส่วนอรอินทร์หลังจากทานอาหารเสร็จก็โทรหาอนิรุทธิ์แต่ติดต่อไม่ได้
เพราะเขาปิดมือถือเธอโกรธจนลืมตัวจะบุกไปด่าวิกันดาที่กักตัวอนิรุทธิ์ไว้
วรนารีรีบดึงไว้พร้อมเตือนสติ "คุณรุทธิ์เขาจะคิดยังไง แกบอกเองไม่ใช่หรือว่า
ผัวเมียคู่นั้นเขาเป็นผู้ดี พี่รุทธิ์คงไม่คุ้นกับคำด่าทออะไรอย่างนั้นหรอก
ถ้าแกขืนสติแตกไปชี้หน้าด่าเมียเขาเข้า มีหวังได้ตีตัวออกห่างแน่
ถ้าแกไม่อยากเสียเขาไป ก็ต้องใช้วิธีแทรกเข้าไปเนียนๆ อย่างที่ทำอยู่นี่แหละ
ดีที่สุด" วรนารีหยุดมองอรอินทร์ เห็นเธอเม้มปากน้ำตาคลอ
วิกันดากำลังดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สวยงาม
อนิรุทธิ์เบือนหน้ามามองวิกันดาแล้วโอบไหล่วิกันดาเข้ากอดพลางเอ่ยว่า
"เห็นหรือยังว่า ถ้าผมไม่มาด้วย วิจะต้องเสียดายมากธรรมชาติแบบนี้มาคนเดียวเหงาแย่"
วิกันดาหันมามองอนิรุทธิ์แล้วจะขยับตัวหนี แต่อนิรุธิ์ไม่ยอม "ไม่เอาน่า
อย่าฝืนใจตัวเองเลย เวลานี้เรามีความสุขก็ปล่อยไปให้เต็มที่ดีกว่า"
"ฉันไม่ได้มีความสุข" "นี่แหละรสชาติของชีวิต
สุขบ้างทุกข์บ้างสลับกันไปเหมือนอาหารไง ต้องมีหลายๆ รสถึงจะอร่อย" "มิน่า
เพราะฉันเป็นอาหารรสเดียวนี่เอง คุณถึงต้องดิ้นรนคอยหารสอื่นๆ มาเติมอยู่เรื่อย"
"เห็นไหม คุณเริ่มเข้าใจผมแล้ว" เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
วิเปิดกระเป๋าหยิบมือถือขึ้นมา "ขอโทษนะคะ" วิกันดาเดินห่างอนิรุทธิ์ไปรับโทรศัพท์
อนิรุทธิ์ มองตามพลางนิ่วหน้า แต่พอเห็นวิกันดาพูดโทรศัพท์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
เสียงเบาๆ ราวกับไม่อยากให้ใครได้ยิน ก็ยิ่งไม่พอใจจึงเดินเข้าไปหา "ค่ะ
พรุ่งนี้พบกัน" วิกันดาปิดโทรศัพท์ "นายเจนจบใช่ไหม" อนิรุทธิ์ยิงคำถาม
วิกันดาสวนว่า จะต้องสนใจอะไร "คุณเป็นเมียผมนะวิ" "อ้อ หรือคะ"
วิกันดายิ้มแล้วขอตัวไปหาท่านผู้หญิง อนิรุทธิ์มองตามหงุดหงิดสุดๆ เมื่อ
กลับมาถึงโรงแรมในตอนค่ำ ทุกคนก็ต้องอึ้งเพราะอรอินทร์มาดักรออนิรุทธิ์
เธอเข้ามาทักทายทุกคนอย่างเนียนๆ
แล้วตรงไปเกาะแขนอนิรุทธิ์ชวนพูคุยราวกับว่ามีกันอยู่แค่สองคน คุณหญิงกับเพื่อนๆ
พูดไม่ออก ส่วนวิกันดาสีหน้าเรียบเฉย อนิรุทธิ์ชวนอรอินทร์ทานอาหารด้วยกัน
แล้วขอตัวขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน
"งั้นอรขึ้นไปด้วยนะคะขี้เกียจนั่งรอแถวนี้" อรอินทร์จึงมืออนิรุทธิ์เดินออกไป ท่าน
ผู้หญิงตามวิกันดามาที่ห้องและพูดให้กำลังใจว่า อย่ายอมแพ้
เพราะท่านดูออกว่าอนิรุทธิ์ยังรักวิกันดาอยู่
วิกันดาที่ก้มหน้านิ่งเงยขึ้นตาถึงจะเศร้าแต่ก็มีแววตัดสินใจ เอ่ยว่า
"ดิฉันไม่แน่ใจค่ะ" "วิกันดา" ท่านผู้หญิงเรียก อร
อินทร์บอกกับอนิรุทธิ์ว่าจะไปคุยกับวิกันดาที่ห้องเพราะขี้เกียจนั่งรอ
อนิรุทธิ์อาบน้ำ แต่อนิรุทธิ์ลังเลเพราะกลัวมีปัญหากันอีก อรอินทร์รีบอ้อนว่า
"อรอยากให้คุณพี่เข้าใจอรว่าไม่ได้มีเจตนาจะแย่งพี่รุทธิ์เลย" อนิรุทธิ์
คล้อยตามจึงยอมตกลง อรอินทร์ยิ้มร้ายเดินไปเคาะประตูห้องวิกันดา
และเมื่อวิกันดาออกมาเปิด เธอก็เห็นท่านผู้หญิงนั่งคุยอยู่กับวิกันดา
ท่านผู้หญิงเหลือบมองอรอินทร์แล้วเอ่ยว่า "ดิฉันกำลังจะกลับพอดี
เดี๋ยวพบกันนะคะคุณวิกันดา" "ค่ะ" วิกันดาเดินไปส่งท่านผู้หญิงที่ประตู
ท่านผู้หญิงแตะแขนวิกันดาเป็นเชิงปลอบใจแล้วเดินออกไป วิกันดาหันมาถามอรอินทร์ว่า
มีธุระอะไร "อรมาอาศัยนั่งรอพี่รุทธิ์น่ะค่ะ พี่รุทธิ์จะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
ถ้าอรเข้าไปรอในห้องมันจะดูน่าเกลียด" อรอินทร์กรีดกรายทรุดตัวลงนั่ง
วิกันดายิ้มเยาะสวนว่า "รู้จักคำว่าน่าเกลียดเหมือนกันหรือ" "
คุณพี่นี่ช่างประชดประชันนะคะ อรจะบอกให้ว่า พวกผู้ชายเขาไม่ชอบหรอก มันไม่น่ารัก
นี่แสดงว่าคุณพี่ไม่มีเสน่ห์ คุณพี่เคยนับไหมคะว่าตั้งแต่แต่งงานกันมา
พี่รุทธิ์มีกิ๊กไปกี่คนแล้ว" "คุณอร" " เวลาอยู่ต่อหน้าคุณพี่
พี่รุทธิ์จะมาหวานบอกว่ารักคุณพี่คนเดียว
ผู้หญิงอื่นหมื่นแสนไม่มีวันจะเทียบเท่าคุณพี่ได้
ผู้ชายที่กำลังนอกใจเมียเขาก็พูดอย่างนี้กันทุกคนนั่นแหละค่ะ แล้วก็แปลกนะคะ
พวกเมียหน้าโง่ก็มักจะเชื่อเสียด้วย" "ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้"
วิกันดาชักหมดความอดทน "ถ้าอรไม่ออก คุณพี่จะทำอะไรอรหรือคะ หรือว่าจะตบอร"
อรอินทร์ลุกขึ้นท้าทาย วิ กันดากำมือแน่น อรอินทร์ยิ้มเยาะแล้วพูดต่อ
"ถ้าอรเป็นคุณพี่ละก็ อรหย่ากับพี่รุทธิ์ไปแล้ว
คิดดูซิคะว่าคนอื่นเขาจะมองคุณพี่ยังไง เพราะพี่รุทธิ์ไม่ได้เกรงใจคุณพี่เลย
เขากล้าพาอรมาที่นี่ทั้งๆ ที่เพื่อนๆ ไฮโซของคุณพี่อยู่กันเยอะแยะ
คุณพี่ไม่อายหรือคะ อรถาม จริงๆ เถอะ" "ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ออกไป" " ทำไมคะ
คุณพี่จะตบอรหรือ คุณพี่ทำไม่ได้หรอก เชิญคุณพี่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เถอะค่ะ
อรจะไปรอในห้องพี่รุทธิ์ อ้อ ถ้าคุณพี่เปลี่ยนใจไม่ยอมไปทานข้าว คนอื่นๆ
เขาต้องคิดแน่เลยค่ะว่าคุณพี่ชอกช้ำระกำใจ เดี๋ยวพบกันนะคะ" อรอินทร์กรีดกรายออกไป
วิกันดากำมือแน่น อรอินทร์มาร่วมโต๊ะอาหารกับทุก คนอย่างไม่สะทกสะท้าน
แถมยังชวนพูดคุยไม่หยุด
และคอยดูแลเอาใจวิกันดาอย่างแนบเนียนท่ามกลางสีหน้าที่พยายามทำให้เป็นปกติ
ที่สุดของวิกันดา ทุกคนในโต๊ะอึดอัดใจ เพราะไม่รู้ว่าวิกันดาคิดอะไรอยู่กันแน่
และหลังจากทานอาหารเสร็จ อรอินทร์ก็ขอตัวกลับโรมแรม เธอรีบไปเม้าท์ให้วรนารีฟังว่า
"อยากให้แกเห็นหน้านังเมียหลวงจัง เหมือนนักมวยถูกน็อคยังไงยังงั้น
จุกจนพูดอะไรไม่ออกเลย สมน้ำหน้า" "แกไม่ได้ไปกรี๊ดกร๊าดอาละวาดนะ" วรนารีย้ำ
"เปล๊า ก็แกบอกเองว่า ริจะแย่งผัวผู้ดีก็ต้องแย่งแบบผู้ดี
ไอ้ที่จะตบตีกันแบบโลโซไม่มีแน่" "ดีจ้า แต่อย่าให้หลุดเป็นอันขาดเชียวนะ"
วรนารีนึกขำ "เออ ไม่ให้หลุดหรอกน่ะ" อรอินทร์หัวเราะร่วน
อนิรุทธิ์ตามมาง้อวิกันดาถึงในห้องพัก
และอ้างว่าที่อรอินทร์ทำลงไปก็เพื่อแสดงความบริสุทธิ์
"ความบริสุทธิ์ใจที่แย่งสามีคนอื่นน่ะหรือคะ" วิกันดาแค่นหัวเราะ "
หึงอีกแล้วซินั่น ไม่ดีใจหรือที่สามีของคุณดีจนมีผู้หญิงมารุมรัก วะตาชิวะ
อะนาตะโอ๊ะ ไอชิมาสึ แต่ผมรักคุณนะวิ รักมากกว่าใครทั้งหมด"
อนิรุทธิ์เข้ามากอดแล้วจะก้มลงจูบวิกันดา
แต่วิกันดาเบี่ยงหน้าหลบแล้วผลักอนิรุทธิ์ออกห่างอย่างรังเกียจ "คุณออกไปได้แล้ว
ฉันจะนอน" "ก็นอนไปซิครับ" อนิรุทธฺทำไม่รู้ไม่ชี้ "คุณอนิรุทธิ์ กรุณาออกไปค่ะ"
วิกันดาเสียงเข้ม "ผมง้อคุณมากแล้วนะวิ คุณจะใจแข็งไปถึงไหน" " ฉันไม่ได้ใจแข็ง
แต่มันสุดจะทนกับความมักง่ายของคุณกับความหน้าด้าน ของผู้หญิงคนนั้นอีกต่อ ไป
ฉันเคยบอกแล้วนี่ว่า ความอดทนของมนุษย์มันมีขีดจำกัด" "นี่คุณพูดจริงๆ ใช่ไหมวิ"
อนิรุทธิ์อึ้ง "ใช่ค่ะ แล้วยังจะมีที่จริงกว่านี้อีก คุณคอยดูไปก็แล้วกัน"
วิกันดาตอบชัด อนิรุทธิ์มองวิกันดาราวกับจะค้นหาเยื่อใย
แต่พบเพียงความว่างเปล่าในดวงตาของเธอ อนิรุทธิ์ กลับมาที่ห้องพักก็โทรหาอรอินทร์
อรอินทร์รีบอ้อนออดออเซาะเพราะรู้ดีว่าอนิรุทธ์ต้องทะเลาะกับวิกันดาแน่
อนิรุทธิ์ขอร้องอรอินทร์ว่าอย่ามาที่โรงแรมอีก
และรับปากว่าเขาจะไปเป็นฝ่ายไปหาเธอเอง อรอินทร์รับคำอย่างว่าง่าย
อนิรุทธิ์วางสายบอกกับตัวเองว่า "ยังดีที่อีกคนพูดง่าย" แล้วอนิ
รุทธิ์ก็โทรกลับไปหาลูกๆ ที่เมืองไทยพร้อมกับฟ้องว่าวิกันดายังงอนไม่หาย
และขอให้ลูกๆ ช่วยคุยกับแม่ให้หน่อย สองพี่น้องรับคำ
อนิรุทธิ์จึงขอคุยกับอนงค์นารถที่มาอยู่แลพวกเด็กต่อ แต่ก็โดนอนงค์นารถว่าแขวะ
จนพูดไม่ออกจึงต้องวางสาย เช่นเดียวกับอรอินทร์ที่โทรหานิ่ม
แต่กลับโดนบัวสั่งสอนจนต้องปิดโทรศัพท์ เจน
จบกับเค็นมาพบวิกันดาที่ห้องอาหารในโรงแรม ทั้งสามพูดคุยกันอย่างถูกคอ
อนิรุทธิ์ลงมาเห็นก็ไม่พอใจจึงเข้าไปพาลหาเรื่อง
แต่ก็โดนเจนจบว่าสวนกลับเรื่องอรอินทร์ "อรอินทร์เป็นอดีตภรรยาของคุณ
แต่วิกับผมยังเป็นสามีภรรยากันอยู่" อรนิรุทธิ์อ้าง "ครับ คุณเป็นคนโชคดี
ใครที่ได้แต่งงานกับผู้หญิงอย่างคุณวิกันดา ผมถือว่าเป็นคนที่โชคดีที่สุด" "
อย่าลืมว่า คนดีเกินไปมันก็น่าเบื่อเหมือนกันนะคะ เหมือนอาหารที่ต้องมีหลายๆ
รสถึงจะทานได้ไม่เบื่อ จริงไหมคะ รุทธิ์" วิกันดาแขวะ อนิรุทธิ์พยายามข่มอารมณ์สุดๆ
อนิรุทธิ์ตามวิกันดาและกลุ่ม ของท่านผู้หญิงมาเที่ยวด้วย
แต่ดูท่าทางเขาไม่มีความสุขนักเพราะวรนารีโทรมาตามอ้างว่าอรอินทร์ไม่สบาย
ไม่มีคนดูแล อนิรุทธิ์เข้ามาบอกเรื่องนี้กับวิกันดา "คุณจะไปไหนก็เชิญตามสบาย
พรุ่งนี้ฉันจะไปแล้ว" วิกันดาตอบ อนิรุทธิ์รีบซักว่าจะไปไหน "โอซากาค่ะ
เพราะจะไปเกียวโตนาราด้วย หลังจากนั้นก็จะกลับบ้าน ส่วนคนอื่นเขาจะแวะฮ่องกง"
อนิรุทธิ์ต่อรองให้วิกันดารอกลับพร้อมกัน แต่วิกันดาปฏิเสธ เธอบอกว่าคิดถึงลูก
"แล้วพ่อของลูกล่ะไม่คิดถึงหรือ" อนิรุทธิ์อ้อน "ทำไมจะต้องคิดถึง" "เดี๋ยวนี้
คุณไม่มีเยื่อใยกับผมเลยไม่มีจริงๆ" " ฉันไม่คิดจะมีเยื่อใยกับใครแล้วนอกจากลูก
ฉันเชื่อว่าฉันเป็นทั้งพ่อและแม่ให้เขาได้
และเราจะพูดเรื่องนี้กันอีกทีเมื่อคุณกลับบ้าน ลาก่อนค่ะ
แล้วก็ไม่ต้องรักษาหน้าด้วยการไปส่งฉันหรอก ทุกคนเขารู้กันหมดแล้วว่าอะไรเป็นอะไร"
วิกันดาเดินจากไป อนิรุทธิ์ยืนอึ้ง0000000000000000 วัน ต่อมา
ท่านผู้หญิงพาวิกันดากับเพื่อนๆ ในกลุ่มไปเที่ยวที่ พลับพลาทองกิงกากุจิ
และมีเจนจบกับเค็นร่วมคณะไปด้วย วิกันดาเข้าไปเสี่ยงเซียมซีได้ใบหนึ่ง
เธอขอให้เค็นช่วยแปลให้ฟัง "ด้วย ความยินดีครับ เวลานี้ กำลังอยู่ในฤดูใบไม้ร่วง
รอฤดูใบไม้ผลิที่ใกล้จะมาถึงชีวิตมีครึ่งเดียวจงอดทนเบิกบานสิ่งที่เต็มตื้น
มาไม่รู้ตัวโชคลาภ และคนที่รักเป็นของเรา" เค็นแปล วิกันดายิ้มรับพร้อม กับคำขอบคุณ
แล้วเดินเลี่ยงออกมา
เพราะเพื่อนๆของท่านผู้หญิงเข้ามารุมให้เค็นช่วยแปลเซียมซีของพวกเธอ
เจนจบเดินตามวิกันดาออกมาพร้อมเปรยว่า "คล้ายๆ กับคำพังเพยของเราที่ว่า
หลังฝนตกท้องฟ้าย่อมแจ่ม ใสนะครับ คุณเป็นคนดี คนดีย่อมได้รับผลดีตอบแทน"
"ไม่เสมอไปหรอกค่ะ คุณเจนจบจะกลับเมืองไทยเมื่อไหร่คะ" วิกันดาเปลี่ยนเรื่อง
"ก็คงหลังคุณประมาณวันสองวันนั่นแหละครับ พรุ่งนี้ผมจะไปส่งคุณที่สนามบิน"
"ขอบคุณมากค่ะ แล้วพบกันที่เมืองไทย" "ครับ อีกไม่กี่วันเท่านั้น"
สีหน้าแววตาเจนจบบอกความในใจชัดแจ้ง วิกันดารีบเบือนหน้าหนี วิ
กันดาโทรมาบอกอนงค์นารถที่กำลังจะพาเด็กๆ ขึ้นนอนว่า
เธอมาถึงสนามบินแล้วและกำลังจะเรียกแท็ซี่กลับบ้าน พร้อมกับย้ำว่า ถ้าเด็กๆ
เข้านอนแล้วก็ไม่ต้องไปปลุก อนงค์นารถนึกสงสัยที่วิกัน
ดากลับมาเร็วกว่ากำหนดจึงชวนเตื้องออกไปรอรับที่หน้าบ้าน
และเมื่อวิกันดามาถึงเธอก็ยิงคำถามที่คาใจใส่ทันที แต่วิกันดาเลี่ยงที่จะตอบ
เธอชวนอนงค์นารถนอนค้างด้วยกันอีกคืน เช้าวัน ต่อมา หลังจากส่งลูกๆ ไปโรงเรียนแล้ว
วิกันดาก็ชวนอนงค์นารถไปหาฉวีเพ็ญที่บ้านเพื่อนำของฝากไปให้และปรับทุกข์
เรื่องอนิรุทธิ์กับอรอินทร์ ฉวีเพ็ญเป็นเดือดเป็นแค้นออกปากว่า
ถ้าอรอินทร์กลับมาเมื่อไหร่ให้บอกด้วยเพราะจะไปตบ วิกันดารีบห้าม แล้ว
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วิกันดาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วนิ่วหน้า
ฉวีเพ็ญกับอนงค์นารถยื่นหน้าเข้ามาดูแล้วฉวีเพ็ญก็ดึงโทรศัพท์มากดรับสายเอง
เสียงอรอินทร์ทักทายมาตามสายพร้อมกับถามหาด็อกเตอร์วิกันดา
"ด็อกเตอร์วิกันดาไม่ว่างพูด แต่ด็อกเตอร์ฉวีเพ็ญพูดแทนได้"
"หน้าอย่างแกน่ะเรอะด็อกเตอร์" อรอินทร์ว่า "เออ ด็อกเตอร์ด่าไง
แกก็ด็อกเตอร์เหมือนกันนี่ ด็อกเตอร์ด้านไงด็อกเตอร์ด่ากับด็อกเตอร์ด้าน
รับรองว่าเจอกันมันส์หยด" " มันแน่ คราวก่อนฉันยังไม่ทันระวังตัว
ต่อไปอย่าได้หวังว่าจะตบฉันฟรี
สุดท้ายนี้ฝากบอกคุณพี่วิกันดาสุดที่รักของฉันด้วยว่า สามีของเธอนี่สุดยอด
กลับไปนี่ชักจะไม่อยากคืนให้แล้ว" อรอินทร์รีบปิดโทรศัพท์ทันทีก่อนที่เพ็ญจะตอบ
ฉวีเพ็ญฉุนจัดหันมาฟ้องอนงค์นารถ "วิ ตัวเองทนได้ยังไง" อนงค์นารถไม่เข้าใจ
"ไม่รู้เหมือนกัน แต่ต่อไปนี้จะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว" วิกันดาสีหน้าเด็ดเดี่ยว อนงค์
นารถกับฉวีเพ็ญนำเรื่องวิกันดากับอนิรุทธิ์ไปปรึกษาสามีของพวกเธอเพื่อหาทาง
ช่วยเพื่อน พลเวทย์แนะนำอนงค์นารถว่า เป็นเพราะกรรมและสอนให้
อนงค์นารถรู้จักปล่อยวาง ส่วนสีหนาทก็บอกกับฉวีเพ็ญว่า
เรื่องพวกนี้มันอยู่นอกเหนือความสามารถที่จะไปช่วย แล้วไล่ฉวีเพ็ญไปล้างรถ
อนิรุทธิ์ อยู่เที่ยวต่อกับอรอินทร์อย่างไม่มีความสุขนัก
เพราะหึงเจนจบกับเค็นที่เข้ามาสนิทสนมกับวิกันดา
อรอินทร์พอจะเดาออกจึงเข้ามาอ้อนชวนอนิรุทธิ์กลับเมืองไทยอ้างว่า
เธอก็คิดถึงลูกเหมือนกัน อนิรุทธิ์สบายใจขึ้นรีบพาอรอินทร์กลับเมืองไทย ถาวร
มาพบวิกันดาที่บ้าน เพราะไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เขาขอโทษวิกันดาจากใจจริงและยอมรับว่าเป็นความผิดของเขาเองที่ชวนอนิรุทธิ์
ไปรับอรอินทร์ที่สนามบินในวันนั้น "เขาก็คงพบกันวันอื่นอยู่ดี อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ"
วิกันดาว่า " คุณวิ ผมรู้จักอนิรุทธิ์ดี
เขาไม่คิดจะจริงจังกับใครหรอกแม้กระทั่งน้องสาวของผม ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็รักคุณ
ผู้ชายเจ้าชู้อย่างเขาไม่หยุดอยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่งหรอก แม้แต่น้องสาวของผม
ถ้าคุณทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น" ถาวรหาทางออก "พูดน่ะ พูดง่าย แต่ทำยาก
ยากมากแต่ถึงอย่างไรก็ต้องขอบคุณที่คุณถาวรหวังดี
วันนี้เขาคงกลับแล้วและดิฉันคิดว่าคงจะต้องพูดเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียที"
สีหน้าวิกันดาดูเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ถาวรเห็นแล้วก็ใจหาย จึงแอบกระซิบบอกกับบัวว่า
"ผมสังหรณ์ว่า คุณวิไม่ให้อภัยอนิรุทธ์อีกต่อไป" วิ กันมาทำงานวันแรก
ท่านผู้หญิงก็เรียกไปพบแล้วแนะนำให้เธอรู้จักกับคุณหญิงแวววรรณเพื่อนนัก
เรียนสมัยมัธยมและนุดีหลานสาวของคุณหญิง เพราะจะฝากให้นุดีไปทำงานกับวิกันดา
วิกันดามองนุดีอย่างใคร่ครวญและนึกถูกชะตา
เธอพานุดีมาที่ห้องทำงานและฝากให้นพวรรณเลขาฯช่วยดูแล "ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ
หนูจะช่วยดูแลเต็มที่" นพวรรณรีบเอาใจ ใน
ตอนเที่ยงท่านผู้หญิงชวนวิกันดาไปทานอาหารด้วยกันและคุยเรื่องนุดีให้ฟังว่า
เธอเป็นเด็กที่น่าสงสารเพราะสามีของแวววรรณคิดจะรวบหัวรวบหางจนถึงกับเอ่ย ปากขอ
วิกันดาฟังแล้วก็เศร้าเปรยว่า "ผู้ชายนี่ไม่รู้จักพอจริงๆ"
ท่านผู้หญิงนิ่งไปนิดแล้วถามต่อ "ได้ข่าวว่า
ผู้หญิงคนนั้นเข้านอกออกในบ้านคุณวิกันดา โดยไม่มีเกรงใจเลยหรือ" "ค่ะ
แต่จะโทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก ของอย่างนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกค่ะ"
"แล้วนี่จะเป็นยังไงต่อไป" "ดิฉันก็ยังไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่คิดว่า
คงจะทนได้อีกไม่นาน" วิกันดาตอบ ท่านผู้หญิงถอนใจ
อนิรุทธิ์กลับมาถึงเมืองไทยพร้อมกับกุหลาบแดงช่อใหญ่มาเซอร์ไพรส์วิกันดา
แต่วิกันดาไม่ใยดี เธอบอกกับเขาว่า "อย่าว่าแต่ของขวัญของคุณเลยค่ะ แม้แต่ตัวคุณ
ฉันก็ไม่ยินดียินร้ายเหมือนกัน" " ผมรู้ว่าผมผิดที่ให้คุณกลับมาก่อนหลายวัน
ความจริงผมกับอรก็จะกลับตั้งแต่ 2-3 วันที่แล้ว แต่ก็อย่างที่คุณรู้ อรน่ะไม่สบาย"
อนิรุทธิ์ตามง้อ "ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยค่ะ แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย" " วิ
ผมอยากให้คุณรู้ว่า คุณเป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับผม ของทุกอย่างที่ผมให้คุณ
ผมจะต้องเลือกที่ดีที่สุด สวยที่สุด เหมือนดอกกุหลาบที่..." อนิรุทธิ์พูดไม่ทันจบ
วิกันดาก็สวนว่า "ฉันไม่เคยต้องการสิ่งปรุงแต่ง
สำหรับฉันค่าของสิ่งของขึ้นอยู่กับจิตใจ ถ้าจิตใจไม่มีค่า
ของเหล่านั้นก็พลอยไม่มีค่าไปด้วย ตรงกันข้ามถ้าคุณมีความจริงใจกับฉัน
แม้แต่ดอกหญ้าเพียงดอกเดียวก็มีค่าที่สุดแล้ว" วิกันดาเดินหนี "วิ
ถ้าคุณไม่ต้องการมันก็ขยี้ทิ้งเสียเลยก็ได้" อนิรุทธิ์เดินออกไป
วิกันดายืนนิ่งครู่หนึ่งแล้วเดินต่อ
อรอินทร์ทำเป็นทอดถอนใจเมื่อได้ฟังเรื่องราวที่อนิรุทธิ์เล่า
แล้วแสร้งทำฟูมฟายโทษตัวเอง " เป็นความผิดของอรเองค่ะ
ถ้าอรเกิดไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา คุณพี่ก็คงไม่โกรธพี่รุทธิ์ขนาดนี้ เธอคิดว่า
อรแกล้งไม่สบายให้พี่รุทธิ์อยู่ต่อน่ะค่ะ ถ้าเป็นอร อรก็ต้องคิดอย่างนั้น
พี่รุทธิ์อย่าโทษเธอเลยนะคะ" "ถ้าวิเข้าใจอะไรง่ายๆ เหมือนอร ทุกอย่างก็คงจะดีขึ้น"
"เป็นธรรมดาค่ะ คุณพี่เธอเป็นเมียหลวง ส่วนอร
อรเป็นเมียน้อยแล้วอรก็รักพี่รุทธิ์มากเหลือเกิน"
อรอินทร์บีบน้ำตาอาสาจะไปอธิบายให้วิกันดาเข้าใจ
อนิรุทธิ์รีบห้ามเพราะกลัววิกันดาจะยิ่งเข้าใจผิด อรอินทร์ตีหน้าซื่อรับคำ วัน
ต่อมา อรอินทร์ไปหาวิกันดาที่สำนักงานและหลอกนพวรรณว่า เธอเป็นน้องสาวของวิกันดา
นพวรรณเป็นปลื้มรีบพาไปพบ เพราะจำได้ว่าอรอินทร์เป็นนางแบบ
อรอินทร์มาพูดเย้ยวิกนดาเรื่องดอกกุหลาบที่อนิรุทธิ์สั่งจากเนเธอร์แลนด์มา
ให้ว่าเป็นไอเดียของเธอเอง "โอ๊ะ อย่าเพิ่งกระอักเป็นเลือดจนกว่าจะฟังให้จบก่อนค่ะ
เรื่องก็มีอยู่ว่าพี่รุทธิ์ปรึกษาอรว่าจะซื้ออะไรมาง้อคุณพี่ดีที่ไปเที่ยว
ญี่ปุ่นกับอรนานเกินไปหน่อย
อรเลยบอกว่าน่าจะเป็นดอกกุหลาบแล้วก็ต้องจากเนเธอร์แลนด์ด้วย เพราะสีสด ดอกใหญ่
ก้านแข็งแรง ทนทานเหมือนคุณพี่ เครื่องประดับน่ะคุณพี่มีเยอะแยะ
คงไม่อยากได้เท่าไหร่หรอก อรน่ะทั้งรักทั้งหวังดีกับคุณพี่จริงๆ นะคะ
ตอนที่อยู่ญี่ปุ่นนั้นก็เหมือนกัน
บรรดาคุณหญิงคุณนายไฮโซเพื่อนคุณพี่คงนินทากันปากมันไปเลย ก็ผู้หญิงเราน่ะ
เวลาจับกลุ่มกันก็มีอยู่ 2 อย่าง ไม่กินก็นินทาแต่อย่างหลังนี่น่าจะมันกว่า"
"เธอจะมานั่งพล่ามเรื่องพวกนี้ทำไม ถ้าไม่ออกไปเดี๋ยวนี้ ฉันจะเรียก ร.ป.ภ.
มาลากออกไป" "ถ้าทำอย่างนั้น ก็เท่ากับคุณพี่ประจานตัวเอง"
"เธอต่างหากที่ประจานตัวเอง ประจานที่ญี่ปุ่นไม่พอ ยังกลับมาประจานที่นี่อีก
ใครที่ไม่รู้ก็จะได้รู้ ถามจริงๆ คุณไม่อายบ้างหรือ" "
ความรักทำให้อรกลายเป็นผู้หญิงหน้าด้านอย่างที่คุณพี่กำลังด่าอรอยู่ในใจค่ะ
อรรักพี่รุทธิ์มากเหลือเกิน รักจริงๆ มันเป็นกรรมของอรที่เลิกรักพี่รุทธิ์ไม่ได้
เหมือนกับคุณพี่ที่เลิกรักเขาไม่ได้นั่นแหละค่ะ เฮ้อ เราสองคนนี่หัวอกเดียวกันแท้ๆ
เลย นี่อรพูดแบบเปิดอกเลยนะคะ" อรอินทร์ทำตาละห้อย "ไม่ต้องมานั่งพล่ามอยู่หรอก
ถ้าอยากได้เขาก็เอาไปเลย เอาไป" วิกันดาลุกขึ้น "แน่นะคะ
ให้แล้วเอาคืนมะรืนนี้ตายด้วย แล้วจะหาว่าน้องไม่เตือน"
อรอินทร์ยกนิ้วส่ายไปมาทำสุ้มทำเสียงแล้วเดินออกไป วิกันดากำมือแน่น
พยายามระงับอกระงับใจ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งช้าๆ ใน ตอนเย็น
วิกันดาเห็นนุดีเดินอยู่ข้างทางก็จอดรถรับให้ไปด้วยกันและเมื่อรู้ว่านุดี
พักอยู่ที่คอนโดแถวลาดพร้าวซึ่งเป็นทางผ่านก็จะไปส่ง นุดีเกรงใจขอลงที่ป้ายรถเมล์
แต่วิกันดาก็ยืนยันว่าเป็นทางผ่านจริงๆ และเมื่อมาถึงที่หน้าคอนโด
นุดีก็ชวนวิกันดาขึ้นไปบนห้องเธอก่อน "เอาไว้วันหลังดีกว่า
วันนี้สัญญากับลูกว่าจะไปรับ" วิกันดาว่า นุดียกมือไหว้ขอบคุณ
วิกันดาขับรถออกไปเห็นยุทธการเดินสวนออกมารับนุดี ยุทธการ
ปรึกษากับนุดีว่าอยากหางานทำเพราะอีกไม่กี่เดือนก็จะเรียนจบแล้ว
แต่นุดีแนะนำว่าควรจะเรียนโทต่อเพราะตอนนี้หางานยากและคนตกงานก็เยอะ
"เรียนโทต้องใช้เงินเยอะ ยังไงผมก็คงทำงานไปด้วย นุดี สัญญากับผมได้ไหม"
ยุทธการจ้องหน้านุดี " นุดีไม่อยากสัญญากับใคร เพราะอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน
อย่าว่าแต่ปีหน้าหรือปีโน้นเลย แม้แต่พรุ่งนี้ก็ยังเอาแน่ไม่ได้
นุดียังไม่อยากผูกมัดตัวเอง ยุทธก็เหมือนกัน เราสองคนมีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะ
ยังต้องเจอใครต่อใครอีกมากมาย ถ้าหากถึงวันที่เราทั้งสองคนพร้อม
และที่สำคัญเรายังไม่มีใคร ค่อยมาพูดกันอีกครั้ง
ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันไปก่อนเถอะนะ" นุดีรีบออกตัว "นุดีพูดเหมือนมีใครอยู่" "โอ๊ย
นุดีไม่มีใครเลย แม้แต่ตัวเองยังเอาไม่รอด แล้วจะไปหาห่วงทำไม
อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย ปวดหัว" นุดีจิ้มแตงโมใส่ปากยุทธซึ่งกำลังจะพูด ทั้ง 2
หัวเราะกันสนุกสนาน อนิรุทธิ์ กลับมาถึงบ้านตอนตีหนึ่ง และพบว่าวิกันดารออยู่
เธอบอกกับเขาว่า มีเรื่องจะคุยด้วยแล้วเดินนำมาที่ห้องรับแขก
อนิรุทธิ์ทิ้งลงนั่งถามว่า "เรื่องสำคัญอะไรหนักหนา ถึงต้องมาพูดกันตอนตี 1" "
ก็เพราะคุณกลับมาตี 1 ฉันคิดว่าเราควรจะหย่ากันเสียที
ฉันใคร่ครวญเรื่องนี้มาสักพักใหญ่ๆ แล้ว" วิกันดาตัดสินใจแน่วแน่
อนิรุทธิ์อึ้งไปนิดแล้วอ้างถึงลูก "ก็เพราะฉันเห็นแกลูกน่ะซิคะ ถึงต้องขอหย่า"
"ผมไม่หย่า คุณอยากหย่าก็หย่าไปคนเดียว"
"แล้วคุณจะถ่วงไว้ทำไมในเมื่อเราไม่ได้รักกันแล้ว" " ผมรักคุณ จะให้บอกกี่ครั้งๆ
ผมก็ขอยืนยันว่าผมรักคุณ
ทำไมคุณไม่ยอมเข้าใจบ้างว่าสันดานผู้ชายมันก็เป็นอย่างนี้แหละ
คุณอยากได้สามีแบบพลเวทย์ที่ทิ้งเมียไปอยู่วัด
หรือจะเอาอย่างสีหนาทที่ใช้เมียจนไม่ลืมหูลืมตา คุณจะเอาอย่างนั้นหรือวิ"
"อย่างน้อยสองคนนั้นเขาก็ไม่ทำให้เมียเขาต้องช้ำใจ และเพ็ญกับนารถก็มีความสุขดี
ฉันต้องการหย่า" "ผมไม่หย่า ยังไงๆ ก็ไม่หย่า" อนิรุทธิ์เดินหงุดหงิดออกไป
ในขณะที่วิกันดาเองก็หงุดหงิดเช่นกัน อนิรุทธิ์
ลงมาเตรียมอาหารเช้าให้วิกันดาและลูกๆ เพราะหวังให้วิกันดาหายโกรธ
แต่วิกันดาปฏิเสธที่ที่จะทานอาหารฝีมืออนิรุทธิ์ เธอบอกกับลูกๆ
ว่าจะออกไปรอที่รถแล้วลุกเดินออกไปทันที นวลมองตามอย่างตำหนิ
แล้วแอบไปบ่นกับเตื้องที่ในครัว "หมั้นไส้คุณผู้หญิง
พอคุณผู้ชายง้อก็ทำเป็นเล่นตัว" " แกไม่รู้อะไรก็อย่าพูด
คุณผู้หญิงเธอเจ็บช้ำระกำใจมาตั้งนาน
แค่ข้าวต้มปลากระพงกับน้ำส้มคั้นคงไม่ได้ทำให้หายเจ็บง่ายๆ หรอก" เตื้องสวน วิ
กันดาเดินเข้ามาในห้องทำงานก็กุหลาบสีแดงปักแจกันสวยงามวางอยู่
เธอหันมาถามนพวรรณว่าใครส่งมา แต่นพวรรณไม่ทราบ แล้วอนิรุทธิ์ก็โทรเข้ามา
เขาเอ่ยถามวิกันดาว่า กุหลาบสวยถูกใจไหมและชวนเธอไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน
วิกันดาปฏิเสธ แล้วทิ้งท้ายว่า "ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้วค่ะ คุณอนิรุทธิ์"
วิกันดาปิดโทรศัพท์มองแจกันกุหลาบอย่างปวดร้าว ในขณะที่อนิรุทธิ์ก็ถอนใจเฮือก วิ
กันดารับนุดีมาส่งที่คอนโดด้วยในตอนเย็น และในระหว่างทาง
วิกันดาก็ถามนุดีเรื่องยุทธการ เพราะเข้าใจว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน นุดีปฏิเสธว่า
ยุทธการเป็นเพื่อนผู้ชายที่สนิทที่สุดของเธอ
"การที่เราจะยอมรับใครสักคนต้องดูกันนานๆ" วิกันดาสอนต่อ "ค่ะ
หนูก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เอ้อ คุณกับสามีดูกันนานกี่ปีคะ" นุดีทำท่าเกรงใจ
วิกันดายิ้มขมๆ ตอบว่า "สามปี แต่ อาจจะยังไม่นานพอก็ได้" วิกันดาพึมพำกับตัวเอง
นุดีลอบมองอย่างครุ่นคิด วิกันดากลับมาถึงบ้านก็พบอนิรุทธิ์กำลังเล่นอยู่กับลูกๆ
เธอนึกแปลกใจ แล้วนุ่นกับโหน่งก็วิ่งเข้ามาสวัสดี
"คุณขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วค่อยลงมาทานของว่างด้วยกัน"
อนิรุทธิ์เอ่ยทัก วิกันดาจะปฏิเสธ แต่อนิรุทธิ์รีบพูดต่อ
"หรือถ้าคุณหิวจะทานเดี๋ยวนี้ก็ได้" วิ กันดาขยับจะเดินเข้าบ้าน เสียงแตรรถดังขึ้น
ทุกคนหันไปมอง เห็นรถของอรอินทร์แล่นเข้ามาจอด
อรอินทร์ก้าวลงมาจากรถพร้อมด้วยบัวและนิ่ม
วิกันดาเม้มปากสบตาอรอินทร์ที่ส่งสายตาท้าทาย

ไม่มีความคิดเห็น: