วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

บริษัทบำบัดแค้น 21

วันรุ่งขึ้น พิมพานั่งจิบเครื่องดื่มอยู่ลำพังที่เทอร์เรซ ชาคริตเข้ามา
"แม่ครับ วันนี้เป็นยังไงบ้าง"
"แม่ดีขึ้นแล้วละ แต่ยาพวกนี้ทำให้แม่มึนหัวตลอดเวลาเลย"
"ต้องทานนะครับ แม่จะรู้สึกดีขึ้น แม่ครับ แม่ไม่ต้องเครียดแล้วแผนของเราสำเร็จแล้วครับแม่"
"จริงเหรอลูก"
"จริงสิครับ มานี่ซีครับ ผมจะให้ดูอะไร" ชาคริตประคอง พิมพาออกจากเทอร์เรซ
ชาคริตพาพิมพามาที่ห้องนั่งเล่น ป้าถมยากำลังดูแลนงไฉนอยู่
"ไม่ทานอะไรเลย คุณหนูจะไม่สบายเอานะคะ"
"ไม่หิวน่ะป้า ป้าคะ นายจอมเป็นใครกันแน่"
"อย่าไปพูดถึงเขาเลยค่ะ คุณคริตห้ามไม่ให้พูดถึงไม่ใช่หรือคะ"
"หนูจำได้ลางๆ ว่าเขาบอกรักหนู หนูรักเขารึเปล่า"
"โธ่ คุณหนู ลืมๆ เสียเถอะค่ะ"
นงไฉนสะอื้น "ลืมไม่ได้หรอกป้า หนูอยากจำทุกอย่างได้ หนูอยากพบเขาอีกครั้ง ป้า เรียกเขามาพบหนูได้ไหม"
"ไม่ได้ค่ะคุณ ไม่ได้นะคะ"
ถมยารีบผละไป นงไฉนสะอื้น สองแม่ลูกแอบฟังอยู่ ชาคริตบอกกับแม่ว่า
"ยายนงอาการหนักขึ้นทุกทีแล้วละครับ สมองคงเพี้ยนไปแล้ว โดยไม่ต้องใช้ยาด้วยซ้ำ"
"คริต แม่อยากให้มันอาการหนักกว่าเดิม"
"ยังไงครับแม่"
"มันกำลังทุรนทุรายเรื่องนายจอม จัดฉากขึ้นสิ ให้มันได้พลอดรักกับนายจอมครั้งสุดท้าย ก่อนที่มันจะพรากจากกัน ไม่มีวันได้พบกันอีก"
"แน่ใจนะครับแม่"
"สาเหตุของคนโรคจิตน่ะ ส่วนใหญ่เพราะไม่สมหวังในความรักไม่ใช่เหรอ"
ชาคริตพยักหน้าเห็นด้วย นงไฉนยังซึมเศร้าอยู่ลำพัง
วันต่อมา อานนท์กำลังดูข้อมูลในคอมพิวเตอร์ สืบหาประวัติของแหวน
"คุณกำลังหลอกอะไรผมคุณแหวน นามสกุลประภัสสร์คือนามสกุลของคุณแม่คุณ แล้วคุณพ่อล่ะ"
อานนท์เห็นรายชื่อบิดา นามทิม นรลักษณ์
"นามสกุลบิดาคือ นรลักษณ์ ทำไมไปตรงกับนามสกุลนาย เทวัญ"
อา นนท์เสิร์ชหาข้อมูล แล้วตะลึงไปกับภาพที่เห็น เป็นภาพของแหวนกำลังนั่งอยู่กับนรีและ เทวัญฟันจอบ ภาพแหวนกำลังกอดโก้ ยิ้มกับกล้อง แหวนและนรีนั่งอยู่กับเทวัญ หัวเราะสนุกสนาน มีโชครวมอยู่ด้วย อานนท์นิ่งงัน
"คุณคือน้องสาวแท้ๆ ของนายเทวัญ นายโชคคือเพื่อนนายเทวัญ คุณแหวน คุณโกหกผมมาตลอด"
สอง สามวันต่อมา ที่ห้องจัดเลี้ยงเล็ก จัดงานเทศกาลคริสต์มาสอิฟและก่อนปีใหม่ เป็นงานเลี้ยงบุฟเฟ่ต์ มีต้นสนประดับไฟ และกล่องของขวัญ พนักงานและแขกของสิรินมาร่วมงานกันครึกครื้น บนเวทีมีดนตรีบรรเลงเป็นไลท์มิวสิคเบาๆ มีแขกออกมาเต้นรำแบบบอลรูมสองสามคู่
ชาคริต พิมพา เดชชาติและนงไฉน นั่งกันอยู่ที่โต๊ะอาหารมุมหนึ่ง
"ดีไหมครับคุณนง ได้ออกมาเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง"
นงไฉนยิ้มให้ ชาคริตอย่างเนือยๆ "ก็ดีค่ะ"
"เพลงนี้ไงหนูนง ที่หนูกับนายคริตพบกันครั้งแรกที่สิรินจำได้ไหม วันเปิดสปาสิรินวันแรกไง"
"เต้นรำกับผมหน่อยนะครับ" ชาคริตชวน
"อย่าดีกว่าค่ะ ฉัน"
"นะครับ" ชาคริตยืนขึ้นทันที ส่งมือให้ นงไฉนต้องยอมลุกไปอย่างเสียไม่ได้
ทั้งสองเต้นกลางฟลอร์ ท่ามกลางเสียงปรบมือของแขกเหรื่อ นงไฉนสีหน้ายังเฉยชา นงไฉนเต้นรำกับชาคริต แต่สายตานั้นเหม่อมองไปไกล
นงไฉนมองตรงไปที่ประตูทางเข้า ร่างของจอมในสูทหรูยืนอยู่ จอมมองตรงมาแล้วเดินเลี่ยงออกจากห้องไป
"คุณคริต ฉันขอตัวก่อนนะคะ"
"มีอะไรรึเปล่าครับ"
"ไม่มีอะไรค่ะ"
นงไฉนแยกไป พิมพาเข้ามาสมทบชาคริต "ว่ายังไง ลูก"
"ทุกอย่างตามแผนครับ"
ทั้งสองมองตามไป นงไฉนออกจากประตูงาน
"เต้นรำกับแม่หน่อยนะลูก"
"ครับผม"
ทั้งสองเต้นรำฉลองกันกลางฟลอร์ เดชชาติพยักหน้ากับชาคริตแล้วตามออกไป
นงไฉนเดินออกมาที่เฉลียงไร้ผู้คน มองหาจอม ด้านนอกประดับไฟตามต้นไม้พราว นงไฉนไม่เห็นจอม แต่เสียงจอมดังมาจากเบื้องหลัง
"ตามหาผมเหรอครับ"
นงไฉนหันมา "คุณเข้ามาในงานได้ยังไง"
"ผมก็ยังแปลกใจอยู่นี่ นายชาคริตเป็นคนเชิญผมมาเอง"
"เพื่ออะไร"
"ไม่ทราบ เขาบอกว่าคุณอยากพบผม"
"ใช่ ฉันอยากพบคุณ"
"เต้นรำกันหน่อยไหมครับ"
นงไฉนมองหน้าจอม จอมดึงนงไฉนมาแนบร่าง แล้วเต้นรำด้วยกันที่เฉลียง โดยมีเดชชาติเฝ้ามองอยู่ และชาคริตเข้ามาสมทบ
"จำผมได้รึยังนงไฉน" จอมถาม
นงไฉนมองจอม "เหมือนภาพผ่านหมอก ฉันฝันเกือบทุกคืน คุณยืนอยู่ที่หน้าผานั่น มองกลับมา คุณพูดอะไรบางอย่าง แต่ฉันไม่ได้ยิน"
"ผมพูดอะไร"
"เหมือนจะบอกลา"
จอมและนงไฉนหยุดเต้น ประสานสายตากัน
หน้าทางเข้างานนงไฉนผละมาจากจอม วิ่งกลับมาทางชาคริต ชาคริตดึงนงไฉนมากอดไว้
"คุณนง"
จอมวิ่งตามมา นงไฉนน้ำตานองหน้า
"คุณคริต คุณให้เขามาในงานนี้ทำไม"
"คุณอยากเจอนายจอมไม่ใช่เหรอ"
"ฉันไม่เจอเขาจะดีกว่า"
"คุณต้องจำผมให้ได้นะ" จอมบอก
"ไม่ ฉันไม่จำอะไรที่เป็นเรื่องของคุณอีกแล้ว ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งเจ็บปวด"
นงไฉนรีบผละกลับเข้างาน จอมร้องเรียก "นงไฉน"
"พอแล้ว ฉันให้โอกาสนายเท่านี้แหละ" ชาคริตห้าม
จอมมองชาคริต "มีแผนอะไรรึเปล่า ที่ให้ฉันมางานนี้"
"ฉันคิดว่ามันอาจจะช่วยให้คุณนงรู้สึกดีขึ้นมาได้ แต่นายกลับทำให้เธอแย่กว่าเดิม นายไม่ต้องมาให้เธอเห็นหน้าอีก"
"นายรู้อยู่แล้วว่ามันจะลงเอยแบบนี้ นายจะให้คุณนงทรุดลงกว่าเดิมใช่ไหม"
"หัดคิดแง่บวกบ้างซี คนอย่างฉันก็มีมนุษยธรรมเหมือนกัน"
"ไป ออกไปได้แล้ว ไปซี" เดชชาติผลักจอมเซไป จอมออกไปแต่โดยดี
นงไฉนลงนั่งที่โต๊ะ พิมพาเข้ามาปลอบ
"นงไฉน เป็นอะไรรึเปล่า"
"หนูรักเขาใช่ไหมคะแม่"
พิมพานิ่งไป "ใช่ หนูรักเขา แต่เป็นรักที่ไม่มีวันสมหวัง เพราะหนูป่วยเกินจะเยียวยา"
พิมพา ลุกไป นงไฉนมองตาม แล้วน้ำตาพรั่งพรูออกมาอีก นงไฉนฟุบกับโต๊ะ สะอื้นเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปที่ช่อดอกไม้เบื้องหน้า นงไฉนดึงช่อดอกไม้เข้ามาใกล้ แล้วดึงกลับดอกออกมา เด็ดกลีบดอกออก แล้วใส่ปากเคี้ยวกิน น้ำตายังไหลนอง นงไฉนเริ่มยิ้มออกมา หัวเราะเบาๆ
จอม ยังแอบมองมาทางประตูอีกด้าน มองมาอย่างตะลึง นงไฉนดึงกลีบดอกไม้มาเคี้ยวกินช้าๆ แขกที่โต๊ะอื่นเริ่มหันมามองนงไฉน ชาคริต เดชชาติ เข้ามากลางฟลอร์ ชาคริต เริ่มเต้นรำกับพิมพาเดชชาติเต้นกับสาวนางหนึ่ง ยังไม่ได้สนใจนงไฉน
นง ไฉนกินกลีบดอกไม้จนหมด ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวด แล้วลุกขึ้นเดินมาที่โต๊ะบุฟเฟ่ต์ ส่วนที่เป็นของหวาน จอมมองอยู่ที่ประตู นงไฉนตักเค็กมาวางในจานเล็ก แล้วหยิบชิ้นเค็กเสี้ยวหนึ่งรับทาน ครีมติดปากและหกลงบนชุด
แขกเหรื่อเริ่มหันมามอง และซุบซิบกัน เดชชาติรีบสะกิดชาคริตและพิมพาหันมามอง นงไฉนหยิบไอศกรีมมาเข้าปาก ทำให้ปากเลอะยิ่งกว่าเดิม แขกที่ตัดอาหารอยู่รีบถอยกันออกไป ชาคริต พิมพา เดชชาติ เข้ามาหานงไฉน ที่ปากเลอะเทอะไปหมด
"คุณนง พอเถอะครับ"
"ฉันหิว ให้ฉันทานเถอะนะคะ"
"ไม่เอาครับ คนมองใหญ่แล้ว"
"ของอร่อยทั้งนั้นเลย ให้ฉันทานนะคะ"
"งั้นกลับไปทานที่บ้านนะครับ"
ชาคริตพยายามจะแย่งจานจากมือของนงไฉน นงไฉนปาจานทิ้งกับพื้น
นงไฉนตวาดลั่น "ฉันจะทานที่นี่"
ชาคริตถอยออกมา แขกทั้งงานมองมา ดนตรีหยุดเล่น นงไฉนหยิบเค็กก้อนโตและไอศกรีม ออกมากลางฟลอร์
"เล่นเพลงซี เล่นเพลงเมื่อกี้"
นัก ดนตรีเริ่มเล่นเพลง นงไฉนฮัมตาม หลับตาพริ้ม แล้วกินเค็กก้อนโตตามไปด้วย แล้วหมุนร่างไปตามเสียงเพลง หัวเราะไปด้วย จอมมองนงไฉนอย่างสลดใจ ก่อนจะผละไป
ชาคริตที่จะเข้าไปหานงไฉน แต่พิมพายึดไว้ส่ายหน้า ชาคริตเข้าใจความหมายปล่อยให้นงไฉน แสดงอาการต่อหน้า แขกเหรื่อต่อไป นงไฉนหัวเราะทั้งน้ำตา หมุนไปรอบๆ ฟลอร์ สีหน้าสลับกับระหว่างสุขและทุกข์ ท่ามกลางสายตาสลดของทุกคน
000000000000000000
วันรุ่งขึ้นนงไฉนนั่งซึมอยู่กับหมอยงยุทธ์ ชาคริตกับพิมพานั่งอยู่ห่างๆ
"คุณนงครับ จำได้ไหมครับ หมอเป็นใคร"
นงไฉนมองหน้าหมอ ด้วยสายตาเลื่อนลอย หมอถอนใจ
"อาการหนักขนาดนี้ ผมคงต้องพาคุณนงกลับไปรักษาที่กรุงเทพอีกครั้งแล้วละครับ"
"คุณหมอครับ ผมคงต้องคุยกับคุณหมอเป็นการส่วนตัว"
ชาคริตและยงยุทธ์ออกไป พิมพาเขยิบเข้าใกล้นงไฉน
" นงไฉน หนูต้องรู้ตัวนะว่าหนูป่วยขนาดนี้ หนูทำงานต่อไม่ได้แน่ๆ คนที่จะสานงานสิรินต่อจากหนูคือนายคริตเท่านั้น อย่าทำให้นายคริตต้องลำบากใจไปมากกว่านี้เลย"
นงไฉนหันมามองพิมพา "ทำไมคุณคริตต้องลำบากใจคะ"
"ถ้านายคริตไม่ได้สิทธิ์ในการบริหารอย่างชอบธรรม เขาทำงานต่อไม่ได้หรอกลูก"
"แล้วหนูจะต้องทำยังไง"
"หุ้นไง ยกหุ้นทั้งหมดให้นายคริตซะ แล้วสิรินของหนูและคุณพ่อก็จะดำเนินการต่อไป คุณพ่อจะต้องดีใจแน่ๆ ที่หนูตัดสินใจแบบนี้"
นงไฉนยิ้มออกมา "ดีใจ คุณพ่อจะดีใจนะคะ"
"ใช่จ๊ะ คุณพ่อจะรักและภูมิใจในตัวหนูที่สุด"
นงไฉนยิ้มออกมา "ดีค่ะ หนูอยากให้ทุกคนรักหนู ไม่อยากให้ใครเกลียดหนู"
พิมพาพยักหน้า ยิ้มตอบ
ขณะที่นอกห้องชาคริตกำลังคุยกับหมอยงยุทธ์
"เรื่องสรุปว่าคุณนงเป็นบุคคลไร้สมรรถภาพ มันก็ขึ้นกับอาการของคุณนง จะตัดสินพรุ่งนี้วันนี้ไม่ได้หรอกครับ"
พิมพาพานงไฉนเข้ามา "คริต คุณหมอคะ นงไฉนมีเรื่องจะบอก"
"อะไรครับ"
"ฉันจะยกหุ้นทั้งหมดให้คุณค่ะ"
ชาคริตตะลึง นงไฉนบอกอีกว่า "คุณจะได้บริหารสิรินต่อไป คุณพ่อคงดีใจ"
นงไฉนยิ้มอย่างเลื่อนลอยเต็มที
สองสามวันต่อมา นงไฉนในสภาพเลื่อนลอย เซ็นในใบโอนหุ้น โดยมี ชาคริต พิมพา เดชชาติและอานนท์เป็นพยาน
รวม ทั้งกลุ่มที่ปรึกษากฏหมาย และกรรมการระดับสูงของโรงแรม คุณหมอยงยุทธ์เป็นพยานว่านงไฉนมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนพอ ชาคริตรับเอกสารเซ็นรับ และส่งให้กรรมการเซ็นรับรอง
พิมพากับเดชชาติยิ้มอย่างพึงใจ อานนท์มีอาการไม่พอใจ แต่พูดอะไรไม่ได้
ชาคริตกับพิมพา เดินมาส่งนงไฉนที่รถที่จอดหน้าบ้าน หมอยงยุทธ์รออยู่แล้วที่รถ
"คุณหมอครับ ผมฝากนงไฉนด้วย"
"ไม่ต้องห่วงครับ"
พิมพาบอกนงไฉน "หนูนง ดูแลตัวเองนะ"
"ค่ะแม่"
พิมพากอดนงไฉนไว้ นงไฉนจะก้าวขึ้นรถ มองมายังหน้าตึกอย่างอาลัย
"แม่คะ หนูจะได้กลับบ้านอีกไหม"
พิมพายิ้มมาดร้าย "ได้กลับสิลูก หนูต้องได้กลับมาแน่ๆ"
หมอยงยุทธ์ก้าวขึ้นรถนั่งข้างนงไฉน รถแล่นออก ในรถนงไฉนนั่งซึมน้ำตาไหล
"งานของเราสำเร็จลุล่วงแล้วใช่ไหมลูก"
"ใช่ครับแม่ วันที่เรารอคอยมาถึงแล้ว" ชาคริตกอดพิมพา แล้วพากลับเข้าตึก
สอง สามวันต่อมา เสียงปรบมือกราวดังไปทั่วห้องประชุม พนักงานหญิงรินเครื่องดื่มแจกสมาชิกในห้องประชุม ชาคริตยืนอยู่หัวโต๊ะเป็นประธานและเจ้าของสิรินแต่ผู้เดียว
พิมพา เดชชาติ อานนท์ นั่งประจำที่ อานนท์ ปรบมืออย่างเสียไม่ได้
"แด่ประธานคนใหม่ของสิรินครับ"
กรรมการทั้งหมดยกแก้วขึ้นเชียร์สและดื่มพร้อมกัน
" ขอบคุณครับทุกคนที่ยังให้ความเชื่อมั่นในตัวผม ถึงแม้ว่าคุณถวัลย์จะจากไป และคุณนงไฉนจะไม่อยู่บริหารงานอีกต่อไปแล้ว แต่ผมยืนยันนะครับว่าผมจะบริหารสิรินให้เจริญยิ่งขึ้นกว่าที่ผ่านมา ขอให้เชื่อใจกันเป็นพอ"
ทุกคนปรบมือ เดชชาติรีบประจบ "เราเชื่อใจบอสอยู่แล้วละครับ"
"อะไรที่เป็นธรรมเนียมล้าหลังแต่ก่อนๆ ผมจะเลิกให้หมด แล้วเรามาทำงานด้วยทัศนคติใหม่ๆ มุมมองใหม่ๆ เพื่อสิรินโฉมใหม่ของพวกเรา"
ทุกคนปรบมือ อานนท์แย้งว่า "คุณหมายความว่าที่อาถวัลย์และพี่นงไฉนบริหารงานมา เป็นของล้าหลังงั้นเหรอครับ"
ทุกคนเงียบกันไป ชาคริตมองอานนท์อย่างกะเล่นเต็มที่
"มีปัญหาอะไรรึเปล่าคุณนนท์"
"ไม่มีหรอกครับ ผมแค่ต้องการคำตอบ"
"คำตอบก็คือใช่"
"ทำไมคุณไม่บอกพี่นงกับอาถวัลย์ แบบนี้ระหว่างที่คุณทำงานให้เขาอยู่"
ชาคริต ไม่ตอบหันไปบอกกับทุกคน "เอาละครับ ตัวอย่างที่ล้าหลังของการบริหารยุคเก่าก็คือการจ้างคนในหมู่เครือญาติ ทั้งๆ ที่ไม่มีประสิทธิภาพในการทำงานแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้น ผมจะไม่เลี้ยงคนแบบนี้ คุณอานนท์ครับ ผมไล่คุณออก"
ทุกคนฮือขึ้น เดชชาติกับพิมพามองหน้ากันยิ้ม อานนท์ลุกขึ้น แล้วหยิบจดหมายออกมา แล้วโยนลงบนโต๊ะ
"ไม่ต้องไล่ครับ เพราะผมลาออกอยู่แล้ว"
อานนท์เดินออกจากห้องประชุม เดชชาติยิ้มร่ารีบตามออกมา
อานนท์ออกมาจากห้อง สีหน้าโล่งอก เดชชาติตามมา
"โธ่ ไม่น่าลาออกเลยเพื่อน ถูกไล่ออกยังได้เงินชดเชยตั้งสามเดือน"
"ผมไม่ได้ลาออกจากสิริน ผมลาออกจากนาย ชาคริต ต่างหาก" อานนท์ว่า
"ไม่ต้องมาพูดยอกย้อน แกออกไปจากที่นี่ได้แล้ว เดี๋ยวจะส่งคนไปตรวจข้าวของในห้องแก เอาไปได้เฉพาะของของแกเท่านั้น"
"นายก็ต้องไปเก็บของเหมือนกัน นายก็อยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว โน่นแน่ะมาโน่นแล้ว"
เดชชาติมองตามไป แล้วอ้าปากค้าง กลุ่มตำรวจนำมาโดยสารวัตรวิกรม และทีมหลายนายข้ามโถงตรงมาที่ห้องประชุม เดชชาติรีบกลับเข้าห้อง
เดช ชาติวิ่งกลับเข้ามา ชาคริตกำลังหัวเราะร่ากับบรรดากรรมการทั้งหลาย เดชชาติเข้ามากระซิบ ชาคริตกับพิมพาเป็นงง จังหวะนั้นประตูเปิดเข้ามา สารวัตรวิกรมเข้ามาพร้อมทีม
"สวัสดีครับสารวัตร มีอะไรเหรอครับ"
"โทษนะครับ" สารวัตรวิกรมแสดงหมายจับ "ผมมีหมายจับจากศาล จับกุมตัวคุณทั้งสามไปดำเนินคดี ข้อหากระทำการฆาตกรรมโดยเจตนา"
คนในห้องเงียบกริบกันไป ชาคริตรีบถาม "อะไรกันสารวัตร เข้าใจผิดอะไรรึเปล่า ฆาตกรรมอะไรกัน"
"ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นครับ ขอเชิญคุณไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจดีกว่า เชิญครับ"
ตำรวจเข้าจับกุมทั้งสาม คนในห้องฮือพร้อมกัน
ชาคริต พิมพา และเดชชาติ ถูกจับตัวออกมานอกห้อง ทั้งสามส่งเสียงลั่นพร้อมกัน
"สารวัตรครับ ผมถูกใส่ร้าย เรียกทนายผมมาเจรจาก่อนดีกว่า"
"ปล่อยฉันนะ ฉันกับลูกไม่มีความผิด"
"ปล่อยผม" เดชชาติร้อง
แล้ว ทั้งสามเงียบเสียงไปทันที เมื่อมองตรงมาเบื้องหน้า นงไฉน จอม อานนท์ ยืนอยู่ด้วยกันกลางโถง บรรดาพนักงานยืนมุงกันอยู่รอบนอก รวมทั้งที่ทะยอยกันออกมาจากห้องประชุม
พิมพาเรียก "นงไฉน"
"ค่ะ คุณพิมพา"
"คุณออกมาจากโรงพยาบาลได้ยังไง" ชาคริตแปลกใจ
"ฉันไม่ได้เข้าโรงพยาบาลไหนทั้งนั้น"
"แล้วที่คุณไปกับคุณหมอ"
จอมตอบแทนว่า "คุณนงแวะไปที่อารักษ์ต่างหากละครับ"
ตอนที่รถเคลื่อนตัวออกจากโรงแรม นงไฉนน้ำตาไหลพราก นั่งอยู่ข้างหมอยงยุทธ์ และมองไปด้านหลังเห็นชาคริตกับพิมพายืนมองอยู่อย่างสะใจ
หมอยงยุทธ์กล่าวว่า "ละครจบฉากลงแล้วใช่ไหมครับคุณนง"
"ใช่ค่ะ คุณหมอ ต่อไปนี้คือความจริงล้วนๆ"
"เดี๋ยวเราจะไปไหนต่อละครับ"
"แวะไปที่อารักษ์เลยค่ะ คุณจอมรอฉันอยู่"
นงไฉนเช็ดน้ำตาแห่งความแค้นออกไป
ที่โถงกลางออฟฟิศ พิมพา ชาคริตและเดชชาติ ยืนอึ้งไปตามๆ กัน
"เธอไม่ได้บ้า เธอเล่นละครหลอกฉันเหรอ" ชาคริตโมโห
"ค่ะ คุณคริต"
พิมพาถามต่อ "หล่อนหลอกฉันตั้งแต่ตอนไหน"
จอมตอบแทนว่า "ก็ตั้งแต่ที่คุณนงกลับมาจากถูกลักพาตัวนั่นไงครับ"
เดชชาติหน้าเหวอ "ที่โรงพยาบาลนั่นน่ะเหรอ"
จอมยิ้ม วันนั้นจอมก้มลงไปจูบข้างแก้มนงไฉน นงไฉนลืมตาขึ้น
"คุณนง เป็นยังไงบ้าง"
"ยังมึนๆ อยู่เลยค่ะ"
จอมบอกต่อว่า "เป็นห่วงคุณจริงๆ คุณนง ต่อไปนี้คือเกมส์แมวจับหนู เราต้องเล่นละครฉากใหญ่ด้วยกัน"
"ยังไงคะ"
"คุณแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกตัวไปก่อน อีกสองวันคุณค่อยฟื้น"
"ทำไมต้องทำอย่างนั้น"
"เพื่อความปลอดภัยของคุณ และเมื่อฟื้นแล้ว ทำเป็นจำอะไรไม่ได้เลยนะครับ"
"แม้แต่คุณงั้นเหรอคะ"
"ใช่ครับ แม้แต่ผม ทำตามที่ผมบอกนะ"
"ค่ะ ฉันเชื่อใจคุณ"
จอมยิ้ม "หลับนะครับ"
จอมจุมพิตที่ข้างแก้มนงไฉนอีก นงไฉนหลับตาลง ทันใดนั้นประตูเปิดเข้ามา ชาคริต พิมพา ถวัลย์และเดชชาติเข้ามา
"แก เข้ามาได้ยังไง"
เดชชาติกระชากจอมออกไป นงไฉนหรี่ตาขึ้นมอง
พิมพา ชาคริตและเดชชาติหน้าซีด
"งั้นก็หมายความว่า วันนั้นที่คุณพิมพาเข้าไป" เดชชาติอึ้ง
ชาคริตรีบปราม "ไอ้เดช หยุดพูด"
"ใช่ครับ คุณนงรู้สึกตัวอยู่ตลอด ตลอดเวลาที่คุณพิมพา จะทำการฆาตกรรมคุณนง"
พิมพา หน้าซีดเผือด เธอนึกถึงตอนที่ปักเข็มลงกับสายน้ำเกลือ และนงไฉนปรือตามองอย่างหวาดเสียว พอดีชาคริตกับเดชชาติเข้ามายึดร่างของพิมพา แล้วลากพิมพาไปที่โซฟายาว เวลานั้นนงไฉนคิดหาทางออก แล้วตัดสินใจครางออกมา
"ใครน่ะ ใครกัน"
ชาคริตจึงรีบเข้าไปมาหา "คุณนง ผมเอง"
"คุณคริต ฉันอยู่ที่ไหนคะ"
"คุณอยู่ที่โรงพยาบาล"
"เกิดอะไรขึ้น"
"คุณถูกยิง จำได้ใช่ไหม"
นงไฉนส่ายหน้า "จำไม่ได้ค่ะ จำอะไรไม่ได้เลย"
"ใครพาตัวคุณไปที่เกาะมุก"
นงไฉนส่ายหน้าอีก "ฉันอยู่ที่เกาะมุกเหรอ จำไม่ได้ ใครพาฉันไป เกิดอะไรขึ้น"
"แล้ว เรื่องที่บ้านละครับ ก่อนที่คุณจะถูกลักพาตัวไป"
"คุณคริต ฉันจำอะไรไม่ได้เลย ทำไมเป็นอย่างนี้ สมองฉันเป็นอะไรคุณคริต ฉันกลัว"
"ไม่ต้องกลัวนะครับ คุณปลอดภัยแล้ว"
ชาคริตกอดนงไฉนไว้ หันมามองทางพิมพาและเดชชาติ ทั้งสามโล่งอกพร้อมกัน
กลับมาที่โถงกลางออฟฟิศ นงไฉนเล่าต่อว่า
"ฉันตัดสินใจทำเป็นรู้สึกตัวตอนนั้น แล้วก็แกล้งทำเป็นลืมความทรงจำทั้งหมด"
"เธอทำเป็นแกล้งลืมนายจอมด้วยงั้นสิ" ชาคริตมองเย้ยหยัน
นงไฉนตอบตามตรง "ใช่ค่ะ"
ชาคริตมองอานนท์ "แกร่วมมือด้วยงั้นเหรอไอ้นนท์"
"แน่นอนอยู่แล้วครับ"
ตอนที่อานนท์พานงไฉนไปเดินเล่นในสวน อานนท์บอกนงไฉนว่า
"พี่นงครับ นี่คุณจอมไงละครับ"
จอมทรุดลงนั่ง "คุณนง จำผมไม่ได้เหรอ"
นงไฉนมองจอมนิ่ง แล้วเบือนหน้าหนีไป ส่ายหน้า เพราะจอมและอานนท์สบตากันเมื่อเห็นชาคริตมองตรงมา
"จำไม่ได้ จำอะไรไม่ได้เลย"
"คุณนง ผมจอมไง เราสัญญากันแล้ว คุณกลับมา คุณจะหย่าจากนายคริต เราจะไปด้วยกัน"
"พอ หยุด ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันไม่รู้จักคุณ"
"คุณนง ไม่รู้จักผมได้ยังไง ผมจอมไงครับ"
ชาคริตประคองถวัลย์ตรงมา ชาคริตเข้ากระชากคอเสื้อจอมลุกขึ้น ผลักออก
"บอกแล้วไง อย่ามายุ่งกับลูกสาวฉัน นนท์ พายายนงกลับห้องไป"
"ครับ" อานนท์เข็นรถพานงไฉนกลับ
อานนท์และนงไฉนแอบยิ้มให้กัน ถวัลย์ตามไปด้วย นงไฉนยังหันมามองจอม
"คุณนงจำคุณไม่ได้แล้ว เป็นเรื่องน่ายินดีที่สุด" ชาคริตบอกจอม
"น่ายินดีที่เธอจำเรื่องที่คุณทำร้ายเธอไม่ได้ต่างหาก เอาเป็นว่าคุณพ้นข้อหา"
"ใช่แล้ว โชคเข้าข้างผม ไอ้เรื่องที่ขู่จะปรักปรำผม ก็ลืมไปได้เลยนะ"
ตอนนั้นชาคริตยิ้มกริ่ม แยกมาจากจอม ส่วนจอมถอนใจหน้าสลด แล้วก็ยิ้มออกมา
ชาคริตฟังแล้วโกรธ "แกหลอกพวกเราเพื่ออะไร"
" เพื่อให้คุณตายใจไง ทั้งคุณถวัลย์ ทั้งคุณนงป่วยทั้งคู่ คุณจะทำให้ทั้งสองกลายเป็นคนไร้สมรรถภาพ หุ้นสิรินก็ต้องตกเป็นของคุณแต่ผู้เดียว"
นงไฉนกล่าวต่อ "เราวางแผนไว้ว่าจะฉีกหน้ากากพวกคุณออกในวันนี้ วันที่คุณประกาศเป็นประธานคนใหม่ของสิริน แต่ฉันไม่นึกเลยว่าก่อนจะมาถึงวันนี้คุณจะโหดเหี้ยมฆ่าพ่อฉันตายอย่างเลือด เย็นที่สุด"
พิมพา ชาคริตและเดชชาติหน้าซีด นงไฉนนึกถึงวันที่เธอสูญเสียพ่อไป
"ฉันเกือบจะเล่นละครต่อไม่ได้แล้ว แต่แล้วในตอนนั้นฉันก็เกิดทิฐิขึ้นมา การตายของพ่อจะต้องไม่สูญเปล่า"
นงไฉนตาวาวโรจน์ด้วยความแค้น เหลือบมองไปทางชาคริต เดชชาติทางเบื้องหลัง
ตอนนั้นที่ริมหาด จอมเข้ามากอดนงไฉนไว้
"คุณนงผมขอโทษ ผมช่วยคุณพ่อคุณไม่ได้"
"คุณจอม พวกมันฆ่าพ่อฉัน"
"ผมทราบ คุณจะหยุดเล่นละครตบตาไว้เท่านี้ก็ได้นะ เรามีหลักฐานพอจะเล่นงานพวกมันแล้ว ผมจะให้สารวัตรจับกุมพวกมันเลย"
"ยังค่ะ ฉันจะเล่นละครต่อ ไปจนถึงวันที่มันคิดว่ามันได้สิรินไปครอบครอง วันนั้นฉันจะกระชากหน้ากากพวกมันออกให้หมด"
"ผมดีใจจริงๆ ที่คุณยังเข้มแข็ง"
"ฉันทำเพื่อแก้แค้นให้พ่อ"
"ให้กับตัวคุณด้วย และคงรวมไปถึงนายเทวัญ นรีและลูกของเขา"
"ใช่ค่ะ ให้กับครอบครัวนายเทวัญทั้งหมด" จอมกอดนงไฉนไว้อีกครั้ง
อานนท์เดินเข้ามาหาจอมและ นงไฉนที่ยังโอบกันอยู่
"คุณจอม พี่นง นายคริตมาแล้วครับ"
"เล่นละครบทต่อไปเลยครับ"
ชาคริตเข้ามา พบว่าอานนท์กำลังไกล่เกลี่ย จอมและนงไฉน ที่กำลังทะเลาะกัน
นงไฉนเล่าต่อทั้งน้ำตา "นับจากวันนั้น ฉันก็เล่นละครบทใหม่ นงไฉนที่กำลังขาดสติ"
ชาคริตกับพิมพาหน้าเครียด ทั้งในงานศพที่เอาโทรศัพท์ของแหวนมาพูด นงไฉนยังมองสองแม่ลูกด้วยสายตาเกลียดชังและบอบช้ำ
"แล้วพวกคุณก็จัดฉากให้ฉันได้พบคุณจอมอีกครั้ง หวังว่าจะทำให้ฉันคลั่งเพราะรัก ให้ฉันกับคุณจอมก็ไม่ทำให้พวกคุณผิดหวัง"
นงไฉนพูดเรื่องงานเลี้ยงที่เธอต้องทำเป็นบ้าต่อหน้าทุกคน นงไฉนสลดใจ
"แล้วละครเรื่องนี้มันก็จบลงที่ การโอนหุ้นให้พวกคุณ"
ชาคริต พิมพา และเดชชาติ หน้าซีดเหมือนกัน นงไฉนเช็ดน้ำตา
"วันนี้ฉันมาทวงคืนความยุติธรรมที่พวกคุณทำกับฉัน และครอบครัวฉันทั้งหมด"
พิมพาโวยขึ้น "คุณตำรวจ อย่าไปฟังเธอพูดนะคะ เธอคือคนบ้า ที่เธอพูดออกมามีแต่เรื่องเท็จ ไม่มีความจริงอะไรทั้งนั้น"
จอม บอกแทนว่า "คุณพิมครับ หยุดเถอะครับ ยิ่งคุณพูดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเข้าตัว ตอนนี้คุณนง แหวน และคุณสลิลเป็นพยานได้ ถึงแผนการฆาตกรรม ทั้งที่สำเร็จ อย่างคุณถวัลย์ และไม่สำเร็จอย่างสลิลและคุณนง"
อานนท์บอกต่อว่า "ผลชันสูตรศพอาถวัลย์ ก็ระบุชัดเจนถึงตัวยาที่มีผลข้างเคียงที่คุณให้กับท่าน จนหัวใจล้มเหลว"
นงไฉนมองสองแม่ลูก "จิตใจพวกคุณทำด้วยอะไร ทำไมมันโหดเหี้ยมนัก"
เดชชาติโพล่งออกมา "คุณนงครับ เรื่องพวกนี้ผมไม่รู้เรื่องด้วยนะครับ ไอ้ชาคริตกับยายคุณพิม มันเป็นคนบังคับให้ผมทำ"
ชาคริตโกรธแค้น "ไอ้เดช"
"ช่วยผมด้วย ผมไม่เกี่ยว แกรับสารภาพไปเถอะไอ้คริต แกกับแม่เป็นตัวการ แม่แกก็เสียสติไปแล้ว เข้าไปฆ่าคนตายทั้งคุณนง ทั้งคุณถวัลย์"
ชาคริตแค้น "ไอ้เลว"
ชาคริตเข้าชกเดชชาติล้มคว่ำไป ตำรวจเข้าแยกทั้งสอง พิมพาทำท่าจะเป็นลม ตำรวจอีกนายเข้าประคอง
"แม่ครับ แม่"
สารวัตรวิกรมตัดบท "พอ พอ ยังไงเราต้องสอบปากคำพวกคุณอีกที ขอเชิญไปที่สน. เดี๋ยวนี้เลย"
นง ไฉนบอกสารวัตรวิกรมว่า "สารวัตรคะ ฉันขอเถอะค่ะ ให้สอบปากคำกันที่นี่ ฉันขอรับรู้เรื่องทั้งหมดนับตั้งแต่วันแรกที่สองแม่ลูกเข้ามาในชีวิตฉัน"
ชาคริตประคองพิมพา ที่ซบกับไหล่ชาคริต ทำท่าจะเป็นลม ทุกคนมองมาเป็นตาเดียว
โชคกับแหวนรออยู่ที่ล็อบบี้สิริน เดชชาติถูกจับใส่กุญแจมือ ร้องไห้คร่ำครวญออกมาพร้อมตำรวจสามสี่นาย อานนท์ตามมาด้วย
"ผมบอกแล้วผมไม่รู้เรื่อง ผมทำตามคำสั่งพวกมัน"
เดชชาติถูกพาขึ้นรถตำรวจไป ตำรวจที่เหลือยังคงเฝ้าอยู่ล็อบบี้โรงแรม
"คุณนนท์ เป็นยังไงบ้างคะ" แหวนถามด้วยความเป็นห่วง
"พี่นง ขอให้สอบปากคำแม่ลูกที่ห้องทำงานน่ะครับ"
"ตอนนี้ที่กรุงเทพกำลังตามตัวยายลาวัลย์อยู่ เห็นว่าไปปลอมตัวกบดานอยู่กับกลุ่มประท้วงหน้าทำเนียบน่ะครับ"
"นึกว่าหนีไปเมืองนอกเสียอีก"
"หวังว่าหลักฐานมัดตัวสองแม่ลูกจนดิ้นไม่หลุดนะคะ"
"แล้วคงไม่มาสงสัยนายจอมด้วย" โชคว่า
อานนท์ถาม "มีอยู่ประเด็นเดียวละครับที่ตำรวจยังสงสัย ใครลักพาตัวคุณนงไปที่เกาะมุก"
โชคและแหวนเจื่อนๆ กันไป อานนท์มองทั้งคู่อย่างสังเกต
ที่ห้องทำงานชาคริต พิมพาเห็น จอม นงไฉน วิกรม และตำรวจสอบสวน และคุ้มกัน พิมพาดมยาดม ขยับตัวขึ้น ชาคริตนั่งอยู่ข้างๆ
"ชาคริต"
"แม่ครับ"
"รู้สึกตัวแล้วนะครับคุณพิม คงพร้อมที่จะให้การ" สารวัตรวิกรมว่า
พิมพาย้อน "ให้การอะไร"
"ให้การเรื่องทั้งหมด ที่คุณกระทำกับครอบครัวฉัน"
"ไม่มีอะไรที่ฉันต้องพูด นายคริต ทำไมไม่เรียกทนายของเรามา"
"หลักฐานขนาดนี้ ไม่มีทนายหน้าไหนมาทำคดีให้เราหรอกครับแม่" ชาคริตว่า
"ยังไงก็ต้องเรียกทนาย เรียกมาเดี๋ยวนี้" พิมพาลุกพรวดขึ้น ตำรวจขยับตัว
ชาคริตกล่อมแม่ "แม่ครับ หยุดเถอะ เราไม่มีทางสู้หรอก ไอ้คล้าวกับยายลาวัลย์ถูกจับแล้ว สารภาพหมดแล้วด้วย"
พิมพาอึ้งไป ชาคริตถอนใจ "เราไม่มีทางสู้แล้วครับ"
"งั้นก็ขอให้คุณสารภาพเรื่องทั้งหมดตามความจริง ผมเองก็มีข้อสงสัยเกี่ยวกับครอบครัวนาย เทวัญเหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องของนรี"
ชาคริตกับพิมพามองมาที่จอม นงไฉนเปิดคำถามว่า
"คำถามแรก เล่าสิ่งที่พวกคุณทำกับฉันมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ที่เราเจอกันในงานเปิดสปาสิริน"
อานนท์ โชค แหวน ยังนั่งอยู่ด้วยกันที่ล็อบบี้
อานนท์เอ่ยขึ้นว่า "ตอนนี้ผมกำลังติดต่อไปที่โรงพยาบาลศาลายา ขอดูรูปและประวัตินายเทวัญ กับนายธงทอง"
โชคและแหวนชะงัก "คุณจะดูไปทำไมครับ"
" พี่นงบอกว่านาย เทวัญ กับนายธงทองเป็นคนลักพาตัวเธอไปอยู่ที่เกาะมุก ผมอยากรู้ว่าเป็นความจริงรึเปล่า ถ้าสองคนนั่นยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลก็แสดงว่าพี่นงคิดไปเอง"
แหวนรีบพูด "คงคิดไปเองนั่นแหละค่ะ เพราะก่อนคุณนงจะถูกลักพาตัว เธอโดนยากล่อมประสาท จนไม่ได้สติ"
อานนท์ยิ้มๆ "คุณแหวนพูดเหมือนอยู่ในเหตุการณ์เองอย่างนั้นแหละ"
แหวนเจื่อนไป โชครีบแก้แทน "มันเป็นความลับของคนไข้ไม่ใช่เหรอครับ ทางโรงพยาบาลคงไม่ส่งข้อมูลให้คุณดูหรอก"
"ผมมีจดหมายของทางตำรวจไปด้วย นี่คือการสืบคดีนะครับ"
แหวนและโชคยิ่งหวั่น มองหน้ากัน อานนท์ยิ้มในที
ที่ห้องทำงานชาคริต เขากำลังเล่าเหตุการณ์เริ่มแรกให้ฟัง นงไฉนกับจอมฟังนิ่ง
"เรารู้ว่าคุณเคยป่วยทางจิตมาแต่เด็ก โดยเฉพาะปัญหาบ้านแตก พ่อเจ้าชู้ ทำให้แม่กลายเป็นประสาท เราถึงเข้ามาหาครอบครัวของคุณ"
งานเลี้ยงเปิดสปาสิริน ชาคริตกับพิมพา มองไปยังนงไฉนและถวัลย์ที่ยืนอยู่บนเแลียงด้านบน
"นี่แหละเหยื่อที่เหมาะที่สุดของเรา เข้าไปทำความรู้จักเลยลูก"
พิมพาแนะนำชาคริตให้รู้จักถวัลย์และนงไฉน ชาคริตและนงไฉนคุยกันลำพัง นงไฉนเริ่มเคลิ้ม
"แค่หว่านเสน่ห์เล็กๆ น้อยๆ คุณก็หลงรักผมอย่างหมดใจ" ชาคริตเล่า
จากนั้นนงไฉนกับชาคริตก็แต่งงานกัน
ชาคริตยิ้มหยันใส่นงไฉนขณะเล่า นงไฉนมองนิ่งด้วยสายตาเย็นชา
"ใช่ ฉันยอมรับว่าฉันหลงรักคุณ ไว้วางใจในตัวคุณ ฝากชีวิตไว้ทั้งหมดกับคุณ นี่ใช่ไหม จุดอ่อนของฉัน ที่ทำให้คุณเล่นงานฉันจนย่อยยับ"
" คุณมันทั้งซื่อ ทั้งโง่ นงไฉน แค่ผมทำให้คุณเชื่อได้ว่าผมรักคุณ เทิดทูนคุณ คุณก็สยบอยู่แทบเท้าผมแล้ว แล้วจากนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ผมจะชี้เป็นชี้ตายอะไรก็ได้ในชีวิตคุณ"
"แล้วคุณก็เริ่มวางยาฉัน"
"ใช่แล้ว"
"ตั้งแต่เมื่อไหร่"
"เมื่อไหร่นะครับแม่" ชาคริตหันมาถามแม่
พิมพา หัวเราะในคอ "ก่อนเธอแต่งงานไงนงไฉน ฉันกับนายคริตจัดฉากให้เธอได้เห็นภาพนายคริตกับสาวสวยในที่ทำงาน สักสองสามราย เธอก็เริ่มหวั่นไหว จนกระทั่งมาถึงรายของยายนรี"
จอมและนงไฉนมองหน้ากัน นงไฉนถาม "เกิดอะไรขึ้นกับนรี"
พิมพาและชาคริตมองหน้ากันยิ้มหยัน
ชาคริตเล่าว่า "นังนั่นมันก็ไม่ต่างอะไรกับคุณหรอกคุณนง แม่บ้านอารมณ์เปลี่ยว ผัวไม่สนองอารมณ์ ก็เลยมาเล่นชู้นอกบ้าน"
จอมขบกรามแน่น นงไฉนหันมามองจอมอย่างสังเกต "คุณทำอะไรนรี"
"รายนี้มันยิ่งง่าย ผมไม่ต้องทำอะไรเลย แค่พูดเพราะๆ แล้วก็ให้คำสัญญานิดหน่อย เท่านี้นังนั่นก็ยอมเป็นของผมแล้ว"
จอมพยายามระงับอารมณ์ "ทำไมถึงต้องเป็นนรี"
"เอ คุณจอม ทำไมคุณสนใจเรื่องนังนรีนัก มันเป็นอะไรกับคุณเหรอ"
"ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น ผมแค่อยากรู้ความชั่วของคุณที่ทำลายผู้หญิงไม่เลือกหน้า"
"ผู้หญิงเต็มใจเอง ช่วยไม่ได้"
"ผมถามว่าทำไมถึงต้องเป็นนรี"
" เพราะนังนี่กล่อมง่ายที่สุดน่ะซี แค่สัญญาว่าจะไปอยู่กินกับมัน มันก็ยอมตกเป็นของผมแล้ว โทษนะครับคุณนงที่ผมใช้ห้องนี้เป็นรังรักของเรา"
นงไฉนและจอมหน้าแดงด้วยความโกรธ

ไม่มีความคิดเห็น: