วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

สายสืบดิลิเวอรี่ 2

ชลธี กับเตวิช กำลังยืนอยู่หน้าร้านขายสัตว์เลี้ยง สักพักได้ยินเสียงหญิงวัยกลางคนหิ้วถุงกับข้าวยืนโวยวาย ให้คนช่วย เพราะกระเป๋าถูกวิ่งราว ชลธีกับเตวิชโผล่ออกมาดูเห็นคนร้ายกำลังวิ่งมาทางตนพอดี ชลธีจะเข้าช่วยแต่เตวิชรั้งไว้
"อาธีอยู่เฉยๆ ดีกว่าครับ เดี๋ยวเต้โชว์เอง"
เต วิชถลกแขนเสื้อทำท่าจะจับขโมย แต่แทนที่จะลุยเขากลับยื่นขาไปขัดหน้าแข้งโจรรายนั้นจนล้มฟาดพื้นร้องโอดโอย กระเป๋าเงินหลุดมือไป เห็นเตวิชหันมายักคิ้วให้ชลธี หญิงเจ้าทรัพย์เพิ่งวิ่งมาถึง เตวิชหยิบกระเป๋าเงินส่งให้ หญิงคนนั้นรีบขอบคุณ ชลธีเห็นหัวขโมยยังโอดโอยไม่เลิกก็หิ้วปีกขึ้นมานั่ง ปรากฏว่าเป็นคนแก่สูงวัย
เตวิชตาโต "โหลุง แก่ปูนนี้ยังอยากเป็นโจรอีกเหรอ"
ลุงแก่ไหว้ "ยกโทษให้ผมเถอะครับคุณอย่าเอาเรื่องผมเลย ผมจำเป็นจริงๆ"
ชลธีแปลกใจ "ลุงจะเอาเงินไปทำอะไร"
"ผมเป็นหนี้พวกนักเลงครับ มันบอกว่าถ้าวันนี้ไม่เอาเงินไปจ่าย มันจะเอาหลานผมไปขายให้แก๊งค์ขอทาน"
"โห เลวจริงๆ นักเลงแก๊งค์ไหนเหรอลุง"
ลุงแก่บอก "คุณนายโรสครับ"
เตวิชชะงักมองหน้าชลธี
ชลธี เตวิชพาลุงแก่รุดไปที่ผับของวรพงษ์ทันที ซึ่งขณะนั้นยังไม่ถึงเวลาเปิดให้บริการ ชลธีหันไปเห็นวรพงษ์เดินลงบันไดมา ก็ถามทันทีว่าเด็กอยู่ไหน วรพงษ์บุ้ยหน้าไปที่ลูกสมุนที่จิกคอเสื้อเด็กวัย 5-6 ขวบตามหลังมา
"คนนี้น่ะเหรอ" วรพงษ์หรี่ตาถาม
ชลธีหันไปมองที่ลุงแก่ซึ่งรีบพยักหน้า ว่าคืออ๊อดหลานของเขาเอง วรพงษ์โกรธ
"ไอ้แก่ ปากวอนหาเรื่องนะเอ็ง"
"ลุงเขาไม่เกี่ยวหรอก ฉันต่างหากที่หาเรื่อง" ชลธีป้อง
"เฮ้ย บอกก่อนนะ งานต้องเป็นงาน คราวนี้ฉันไม่ได้ไปยุ่งกับ ธุรกิจของแก ดังนั้นแกห้ามมาสะเออะกับฉันเด็ดขาด" วรพงษ์กร้าว
"ลุงเขาติดหนี้อยู่เท่าไหร่ ฉันจะจ่ายให้เอง" ชลธีถาม
วรพงษ์รีบยกมือปฏิเสธ "โนๆๆๆ เงินแกก็เท่ากับเงินคุณอาโรส อัฐิยายซื้อขนมยายจะได้กำไรที่ไหนวะ ฉันไม่รับเด็ดขาด"
"ทำแบบนี้ไม่เกินไปหน่อยเหรอพงษ์ เด็กมันไม่รู้อะไรด้วย"
"อย่ามาทำเป็นไร้เดียงสานักเลยวะไอ้ธี ธุรกิจของเรามันเป็นแบบนี้แหละ ทำไมแกต้องมาป่วนตอนนี้ด้วย"
ชลธีมองเด็กอย่างเวทนา "ถ้าฉันขอล่ะ"
"แล้วถ้าบอกว่าไม่ แกจะร้องไห้ขี้มูกโป่งไปฟ้องคุณอาโรสรึเปล่า"
วรพงษ์จับคอเด็กจากสมุนมายืนข้างๆตน ลากเด็กไปนั่งที่โต๊ะด้านใน และพยักเพยิดสมุน
ชลธี ขยับ ไม่ทันได้ลงมือสมุนของวรพงษ์ก็ส่งเสียงเรียก แซมซั่น สักพักนิโกรร่างบึกคนนึงเดินออกมาจากหลังร้าน รูปร่างสูงใหญ่กว่าชลธีเสียอีก เล่นเอาเตวิชหน้าเสีย
"เอ่อ อาธี เต้ว่าเราอย่ามีเรื่องกันเลยครับ เราไปบอกคุณยายโรสกันดีกว่า เราเป็นเด็กมีอะไรต้องปรึกษาผู้ใหญ่"
ชลธีมองไปที่วรพงษ์ซึ่งยังนั่งอยู่กับเด็ก "แกคิดว่าไอ้ยักษ์นี่ขวางฉันได้งั้นเหรอ"
" เฮ้ย ซื้อตัวมานะเว้ย แกน่ะแค่แชมป์มวยสมัครเล่น แต่ไอ้นี่แชมป์จากลาสเวกัสนะขอบอก" วรพงษ์หัวเราะ ชลธีมองแซมซั่นประเมินว่าอย่างมากก็แค่ 5 นาที จากนั้นชลธีก็ตั้งการ์ตขยับเข้าหาแซมซั่น ปรากฏว่าแซมซั่นก็ตั้งการ์ดรอรับทันทีด้วยลีลานักมวยมืออาชีพ ทำเอาชลธีชะงักไปนิดนึง ท่าทางจะไม่หมูซะแล้ว
แซมซั่นเป็นฝ่ายเล่นงาน ชลธีก่อนโดยเหวี่ยงหมัดใส่ชลธีวืดๆ ชลธีอาศัยความคล่องตัวกว่าโยกหลบก่อนจะต่อยใส่ท้องแซมซั่นเข้าเต็มๆ แต่มันกลับไม่สะเทือนแม้แต่น้อยหนำซ้ำยังจับชลธีตีเข่าป้าบๆ ก่อนจะเหวี่ยงจนปลิวไปโดนข้าวของล้มโครม ชลธีมึนไปเล็กน้อย ก่อนที่จะเข้าสู้ ผลัดกันรุกผลัดกันรับ กระทั่งชลธีได้ที คว่ำแซมซั่นลงได้ภายใน 5 นาทีจริง เตวิชชูหัวแม่มือยกนิ้วให้ชลธี วรพงษ์บุ้ยหน้าให้เด็กอย่างเซ็งๆ เห็นเด็กมุดโต๊ะไปหาลุงแก่ทันที ลุงแก่ดีใจใหญ่ รีบขอบคุณชลธี เด็กน้อยยกมือไหว้ชลธีๆยิ้มรับ
"บอกไว้ก่อนนะไอ้ธี เรื่องนี้ยังไงชั้นก็ต้องรายงานคุณอาโรสเข้าใจนะ"
วรพงษ์คาดโทษ ชลธีพยักหน้า
โร สบ่นด้วยความหงุดหงิดหลังทราบเรื่องจากอรละออ ว่าชลธีนอกจากไม่ช่วยงานแล้วยังเข้ามาขัดขวางอีกแล้ว อรลออบอกว่าชลธียังหนุ่มอยู่ ถ้าเป็นผู้ใหญ่กว่านี้คงจะคิดได้เอง หรือไม่แน่ หากจับแต่งงาน อาจจะรู้จักปรับปรุงตัว โรสครุ่นคิดตาม ก่อนจะให้อรละออเช็คว่าลูกสาวกำนันคุ้ยจะกลับจากต่างประเทศเมื่อไหร่
หนู พุกรู้ว่าจันทร์เจ้ามาหาชลธี ก็คิดว่าชลธีหลอกลวงให้จันทร์เจ้าหลงกล เลยเข้ามาคุยกับชลธีเป็นการส่วนตัว ให้เลิกยุ่งกับจันทร์เจ้า ชลธีบอกว่าจันทร์เจ้ามาเพื่อขอโทษแทนหนูพุกที่เคยมามีเรื่องกับเขาต่างหาก แต่หนูพุกไม่เชื่อ และบอกว่าไม่อยากให้จันทร์เจ้ามายุ่งกับชลธี เพราะชลธีเป็นพวกวายร้าย เป็นลูกมาเฟีย
ชลธีชักสีหน้าไม่พอใจ ลุกจากเก้าอี้มาเผชิญหน้าหนูพุก เล่นเอาหนูพุกผวาไปหน่อยๆ เพราะเธออยู่กับเขาในห้องตามลำพัง แถมชลธีก็ดันเดินมาประชิดซะใกล้ แล้วจับข้อมือหนูพุก บอกให้หนูพุกถอนคำพูด แต่หนูพุกไม่ยอมถอน กลับพูดว่าบ้านของชลธีเลวเหมือนกันหมดทั้งบ้าน พลางพยายามสะบัดมือ แต่เล็บเธอดันไปข่วนถูกหน้าชลธีโดยไม่ได้ตั้งใจ เลือดออกซิบๆ
ชลธีดู เศร้าไปเขาปล่อยมือจากหนูพุก และมองเธอนิ่งๆ หนูพุกอยากจะขอโทษแต่ไม่กล้า เธอยืนลังเลสักพักก็ตัดสินใจวิ่งไปจากห้อง ชลธีได้แต่มองตาม พลางคิดในใจว่าวันหนึ่งจะทำให้หนูพุกยอมรับเขาให้ได้
หนูพุกถามตัวเอง ว่าอยากทำอะไรกันแน่ ที่สุดเธอก็พบคำตอบว่าตัวเองอยากเป็นตำรวจ เลยโทรไปหาอิสระ อิสระเมื่อได้รับโทรศัพท์ของหนูพุก ก็เกิดมีลางสังหรณ์อะไรบางอย่าง เกมส์นี้มันน่าจะลงตัวถ้าได้หนูพุกมาร่วมทีม เลยบอกว่าตอนนี้ที่กองปราบกำลังเปิดรับสมัครเจ้าหน้าที่พิเศษอยู่พอดี ถ้าสนใจให้ลองมาสมัครดู ปิดรับสมัครแค่สี่โมงเย็นของวันพรุ่งนี้เท่านั้น อิสระวางสายเห็นชัชนินทร์กับจ่าสมหมายมองงงๆว่าใคร อิสระยิ้มบอกว่าหนูพุก จะเข้ามาเป็นเพื่อนร่วมทีมคนใหม่ ทั้งคู่ตาโตไม่อยากจะเชื่อ
0000000000000000000000000
หนูพุกค้นหาเอกสารสำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชนให้ขวั่ก จนพนมสงสัยว่าหนูพุกจะเอาไปทำอะไร แต่หนูพุกก็ไม่ตอบ
จันทร์ เจ้าหวีผมกำลังจะเข้านอน แต่แล้วหนูพุกก็หอบเอกสารมาวางแล้วหันไปมองจันทร์เจ้าอย่างเคร่งขรึม จันทร์เจ้าสงสัยว่าเป็นอะไร หนูพุกบอกจันทร์เจ้า แต่กำชับให้เก็บเป็นความลับ ก่อนจะบอกว่าเธอจะไปสมัครงานเป็นตำรวจ จันทร์เจ้าตกใจ เพราะรู้ว่าพนมเกลียดอาชีพตำรวจมากขนาดไหน แล้วหนูพุกจะไปเป็นตำรวจทำไม
"พุกอยากพิสูจน์ให้พ่อรู้ว่าความยุติธรรมยังมีอยู่ในโลก คนทำดีต้องได้ดีสิ"
จันทร์เจ้าปวดร้าว "อย่างพ่อพี่น่ะเหรอพุก"
หนูพุกอึ้งไปสักครู่ "ให้พุกลองดูนะพี่จันทร์ พุกเชื่อว่าพุกทำได้"
จันทร์เจ้ามองน้องสาวอย่างลังเล
ชลธี ถูกโรสลากมาพบลูกนัทและกำนันคุ้ย ลูกนัทตื่นเต้นใหญ่ เพราะรู้ว่านี่เป็นนัดการดูตัว ชลธีเริ่มเอะใจว่ากำนันคุ้ยกับโรสกำลังจะคุยอะไรกัน โรสเกริ่นว่าเรื่องงานหมั้นที่เคยคุยไว้ คงจะถึงเวลาแล้ว ชลธีจะท้วง แต่โรสไม่ปล่อยโอกาสให้พูด พลางคุยกับกำนันคุ้ยต่อถึงฤกษ์ยาม ชลธีไม่ค่อยพอใจนัก พยายามเก็บอาการ ก่อนจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ชลธีหลบเข้ามาในห้องน้ำ และคว้าโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหามาริโอ้ให้มาช่วยเขาด้วย
มาริโอ้ขับ รถแล่นมาจอดพรืด เห็นชลธีที่ซ่อนตัวอยู่รีบโผไปขึ้นรถอย่างเร่งรีบ บอกว่าขืนอยู่ต่อ คงได้แต่งวันนี้แน่ มาริโอ้ออกรถ ลูกนัทตามมาเห็นเข้าพอดี ก็รีบร้องเรียกชลธี แต่ไม่ทันแล้ว
มาริโอ้พา ชลธีซิ่งหนีออกมา ขณะนั้นหนูพุกก็ห้อมอเตอร์ไซค์อย่างเร่งรีบเพื่อจะไปสมัครเป็นตำรวจ เลยหวุดหวิดจะชนกับรถของมาริโอ้และชลธี หนูพุกหักหลบจนรถคว่ำอยู่ที่หน้ารถชลธี ชลธีกับมาริโอ้รีบลงจากรถมาดูอาการหนูพุก ชลธีจะเข้าไปช่วยประคอง หนูพุกปัดมือชลธีออกอย่างโกรธๆ มาริโอ้รีบขอโทษ ชลธีอุ้มหนูพุกไปทำแผลที่โรงพยาบาล โดยที่หนูพุกพยายามดิ้น ไม่ยอมไป เพราะกลัวไปสมัครตำรวจไม่ทัน แต่ชลธีก็ไม่ฟัง
พนมนั่งคิดว่าหนูพุกเอา เอกสารไปไหนกันแน่ เลยเถิดคิดไปไกลว่าหนูพุกจะเอาไปจดทะเบียนแต่งงานกับใครหรือเปล่า เลยรีบโทรไป แต่ชลธีเป็นคนรับ เพราะหนูพุกกำลังทำแผลอยู่ พอเห็นว่าปลายสายเป็นเสียงผู้ชาย พนมก็ตกใจ รีบคาดคั้นถามว่าลูกสาวเขาอยู๋ที่ไหน ชลธีกำลังบอกว่าหนูพุกเจออุบัติเหตุนิดหน่อย ตอนนี้อยู่รพ. ใกล้ๆแผนกสูตินารี พนมตกใจกันไปใหญ่ หรือว่าหนูพุกแอบไปคลอดลูก รีบหันไปบอกนาถนภาทันที
หนูพุกทนรอผลเอ็กซเรย์ไม่ไหวแล้ว ก็จะลุกจากเตียงออกไป แต่ชลธีไม่ยอม ทั้งคู่ยื้อยุดกัน ชลธีถูกเหวี่ยงจนคว่ำทับหนูพุกบนเตียงแถมยังใบหน้าใกล้กันมากๆ จังหวะนั้นพนม นภาและจันทร์เจ้าก็ผลักประตูเข้ามาพอดี ทุกคนตกใจ พนมเดินปรี่เข้ามาจะต่อยชลธี นภากับจันทร์เจ้ารีบห้าม
หนูพุกรีบ อธิบายเรื่อง จันทร์เจ้าก็ช่วยการันตีว่า ชลธี ไหมแก้วเป็นเพื่อนสมัยเรียนของเธอเอง พอได้ยินชื่อเสียงเรียงนาม พนมก็คำรามว่าชลธีเป็นพวกนอกกฎหมายทันที ทำเอาชลธีชักสีหน้า นาถนภา จันทร์เจ้า หนูพุกพากันหวั่นกลัวว่าจะมีเรื่อง แต่แล้วก็มีเสียงกระแอมดังขึ้นเห็นว่าเป็นมาริโอ้ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่นาน แล้วที่ประตู เรียกชลธีให้กลับดีกว่า ไว้วันหลังค่อยมาเยี่ยมใหม่ ชลธีสบตากับพนม พนมเต็มไปด้วยความดูหมิ่นดูแคลน
หนูพุกเห็นว่านาถนภากับ พนมลงไปซื้อของ ก็ขอร้องให้จันทร์เจ้าปล่อยเธอไปเถอะ ไม่งั้นจะไม่ทันแล้ว จันทร์เจ้าหวั่นว่าถ้าทั้งคู่มาไม่เห็นหนูพุก จะแย่กันไปใหญ่ หนูพุกบอกว่าเธอมีวิธี
นาถนภาและพนมหิ้วของบำรุงกลับเข้ามาในห้อง แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นจันทร์เจ้าถูกมัดมืออุดปากอยู่บนเตียงคนไข้ พนมกับนาถนภาตกใจเข้าไปช่วยแก้มัดให้จันทร์เจ้า จันทร์เจ้าบอกว่าหนูพุกหนีไปแล้ว
นาฬิกาบอกเวลา 15.58 สารวัตรอิสระเริ่มถอดใจว่าหนูพุกคงจะไม่มาแล้ว อิสระลุกขึ้นทำท่าจะจากไป จ่าสมหมายลงมือจัดเก็บเอกสารลงลังแต่แล้วทุกคนก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียง ฝีเท้าของใครคนหนึ่งวิ่งมา อิสระหันขวับไป เห็นหนูพุกมาปรากฏตัวในชุดคนไข้ เข็มนาฬิกากระดิกมาที่ 15.59 พอดี
"เหลืออีกหนึ่งนาทีใช่มั้ยคะ"
อิสระพยักหน้า "ใช่"
หนูพุกแถวตรง "ดิฉันนางสาวพจมาน กลมเกลี้ยง ขอสมัครเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รบกวนช่วยพิจารณาด้วยค่ะ"
อิสระมองหนูพุกอย่างภูมิใจ ชัชนินทร์กับจ่าสมหมายมองหน้ากันอึ้งๆ หนูพุกยืนตรงอยู่อย่างมุ่งมั่น และพร้อมแล้วที่จะรับใช้ประเทศชาติ

ไม่มีความคิดเห็น: