วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

สายสืบดิลิเวอรี่ 7

ที่ ห้องในโรงแรม หนูพุกกระดกน้ำส้มอักๆ รวดเดียวหมดแก้ว
เล่นเอาชลธีถือแก้วกาแฟตาค้าง หนูพุกดื่มเสร็จ ก็บอกว่าจะกลับแล้ว
เพราะเปิดห้องครบสองชั่วโมงแล้ว หนูพุกเดินหนีไป
ชลธีตกใจรีบลุกขึ้นคว้าคอเสื้อหนูพุกเอาไว้ หนูพุกสะบัดตัวออก
ปรากฏว่าเสื้อขาดติดมือชลธีไปเป็นริ้ว หนูพุกเย็นหลังวาบรีบถอยหาที่กำบัง
ร้องลั่นว่าชลธีมาฉีกเสื้อเธอทำไม คิดจะทำอะไร ชลธีรีบบอกว่าผ้ามันบางเองต่างหาก
หนูพุกร้องลั่นว่าแล้วเสื้อขาดแบบนี้ จะออกไปจากห้องยังไงได้ ชลธีรีบขอโทษ
และบอกจะไปหาเสื้อมาเปลี่ยนให้ ชลธีรีบออกไปจากห้อง
หนูพุกเข้าห้องน้ำมาส่องกระจกดูชุดนอนตัวเอง เห็นด้านหลังขาดเป็นแนวยาว ไหล่เปิด
พอดึงขึ้นก็ห้อยลงมาตามเดิม


"โธ่เอ๊ย เกิดใครมาเห็นเข้าทำไงเนี่ย คนยิ่งรีบๆ อยู่ด้วย ผลัดผ้ารอเลยละกัน"
หนูพุกคว้าผ้าเช็ดตัวมาผลัด ชลธี ไปหยิบชุดยามในรถที่ติดไว้ยามฉุกเฉิน
ให้หนูพุกเปลี่ยน ขณะกำลังเดินมาขึ้นลิฟต์
แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงคุ้นๆแว่วมาจากเคาน์เตอร์
เป็นลูกนัทที่มาตามหาเขานั่นเอง โดยมีวรพงษ์ตามมาด้วย
แต่เจ้าหน้าที่โรงแรมไม่ยอมบอก ลูกนัทกับวรพงษ์เลยจะค้นหาเอง ชลธีหน้าซีด
มองไปที่บันไดหนีไฟ แล้ววิ่งผลักประตูเข้าไปทันที หนู พุกนุ่งผ้าเช็ดตัว
ยืนชะเง้อหน้าออกมาจากห้องน้ำรอชลธีจนหงุดหงิดที่มาช้า
ชลธีผลักประตูผลั้วะเข้ามาอย่างร้อนรน จะลากหนูพุกออกจากห้อง
ทำเอาหนูพุกตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่พอโผล่ไปก็เจอลูกนัทกับวรพงษ์ที่เดินหาห้องมาด้วยกัน แต่หลงไปอีกฝั่ง
ชลธีรีบลากหนูพุกกลับเข้าห้องตามเดิม หนูพุกตกใจว่าทั้งคู่มาได้ยังไง
ชลธีบอกว่าเขาก็ไม่รู้ แต่ถ้าขืนเจอเขาและหนูพุกในสภาพนี้ต้องมีหวังเป็นข่าวอีกแน่
หนูพุกร้อนใจจะซ่อนตัวตรงไหนดี เสียงเคาะประตูดังขึ้นพอดี หนูพุกกับชลธีมองหน้ากัน
ลูกนัทกับวรพงษ์เปิดประตูเข้ามา แต่ไม่มีใคร แต่แก้วเครื่องดื่มยังวางอยู่
ลูกนัทบ่นว่าคงมาช้าไป วรพงษ์เดินไปแตะแก้วกาแฟ เห็นยังร้อนอยู่เลย
เพิ่งไปไม่นานแน่ๆ หรือไม่ก็อาจจะหลบอยู่แถวนี้
ลูกนัทสบตากับวรพงษ์แล้วเริ่มค้นหาเป้าหมายทันที ทั้งที่ระเบียง ห้องน้ำ
และใต้เตียง เสื้อผ้าของหนูพุกถอดอยู่ในอ่างล้างหน้า แต่ลูกนัทไม่ทันสังเกต
หนูพุกซ่อนตัวอยู่กับชลธีในตู้เสื้อผ้า หนูพุกหวั่นใจว่าทั้งคู่จะมาเจอ
พอหันไปและเห็นชลธีกำลังมองหุ่นเธออยู่เหมือนอดใจไม่ได้
หนูพุกโกรธกระทืบใส่เท้าชลธี ชลธีร้องออกมา
ลูกนัทกับวรพงษ์หันขวับไปที่ตู้เสื้อผ้าทันที ลูกนัทกับวรพงษ์เดินย่อง
มาที่ตู้เสื้อผ้าอย่างเอาเรื่อง แต่แล้วก่อนจะถึงตู้เสื้อผ้านั้นเองประตูก็เปิดออก
เห็นยามคนนึงสวมหมวกก้าวออกมาพร้อมกับชลธี ยามคนนั้นจงใจหันหลังให้ลูกนัทกับวรพงษ์
ชลธีเสียงเข้มและขึงขังกำลังสั่งงาน ก่อนจะหันมาเห็นลูกนัท กับวรพงษ์
ก็ทำเป็นงงว่ามาทำอะไร วรพงษ์มองอึ้งๆ ระหว่างชลธีกับยาม
"ฉันกับลูกนัทน่าจะถามแกมากกว่า ว่าทำอะไรอยู่ในตู้เสื้อผ้ากับยาม" "อ๋อ
ฉันพายามใหม่มาฝึกงานน่ะ พอดีต้องไปประจำไซต์งานแถวโรงแรม
ก็เลยอยากฝึกให้ชินสถานที่ซะหน่อย" "ฝึกงาน ในตู้เสื้อผ้าเหรอคะ" ลูกนัทเหวอ วรพงษ์
ยังผิดสังเกต ถามว่าแล้วแก้วกาแฟนั่นใช่ของชลธีหรือเปล่า ชลธีรับว่าใช่
วรพงษ์ถามต่อว่าแล้วน้ำส้มนี่ของใคร ชลธีบอกว่าของยาม
แล้วถามกลับว่าผู้ชายดื่มน้ำส้มผิดตรงไหน วรพงษ์บอกไม่ผิดหรอก
ถ้าไม่มีคราบลิปมันติดอยู่ที่ขอบแก้ว ลูกนัทมองมาที่ยามคนนั้นทันที
หนูพุกแตะริมฝีปากตัวเองอย่างนึกขึ้นได้ ชลธีไหวตัวรีบออกโรงก่อน กระชากบ่าหนูพุก
"สมชาย นี่แกทาปาก แกเป็นตุ๊ดเหรอเนี่ยบ้าที่สุด
บริษัทฉันไม่เคยมีบุคลากรตุ้งติ้งอย่างแก ไปเลยนะ ไสหัวไปให้พ้น
แกไม่ต้องทำงานกับฉันแล้ว ออกไป" หนูพุกตะเบ๊ะรับ เตรียมชิ่งออกจากห้อง
แต่ลูกนัทเรียกไว้ จะขอดูหน้า แต่ชลธีรีบไล่ บอกว่าไม่อยากเห็นหน้า
พลางถีบตูดหนูพุกไปจากห้อง เล่นเอาลูกนัทกับวรพงษ์ยืนอึ้ง
ชลธีว่าแล้วก็รีบเผ่นแน่บตามไป ลูกนัทกับวรพงษ์รู้สึกว่ามันชอบกล วรพงษ์รำพึง
"ชอบพายามเข้าโรงแรม มิน่ามันถึงได้ไม่สนลูกนัท" "อี๋ ไม่จริงนะ เป็นไปไม่ได้
ลูกนัทไม่เชื่อเด็ดขาด" ลูกนัทยอมรับไม่ได้ ลูก นัทเดินออกไปจากห้องอย่างกลุ้มๆ
ที่จับผิดชลธีไม่สำเร็จ
โดยมีวรพงษ์เดินรั้งท้ายแต่แล้ววรพงษ์ก็ตาไวเหลือบผ่านประตูห้องน้ำที่เปิด แง้มอยู่
ไปเจอเสื้อหนูพุกในอ่างล้างหน้า วรพงษ์หยิบชุดนอนตัวนั้นมาคลี่ออกจนเห็นรอยขาด
ลูกนัทหันมาเห็น ฉุกคิดเป็นหนูพุกทันที จันทร์เจ้ากำลังขายกาแฟ
โดยมีนภาช่วยบริการลูกค้าอยู่ สักพักหนูพุกก็กลับมาถึงในชุดยาม ทำเอาทุกคนสงสัย
แต่หนูพุกอ้างว่าเป็นแฟชั่นใหม่ แล้วรีบหนีเข้าบ้าน
พนมบ่นว่าหนูพุดนี่เพี้ยนหรือเปล่า นภาใจเสีย
ขณะที่จันทร์เจ้าครุ่นคิดเพราะเธอรู้สึกคุ้นตาชุดยามที่หนูพุกใส่มา ชุด
ยามถูกแขวนอยู่ในห้อง
หนูพุกอาบน้ำเสร็จกำลังเดินเช็ดผมมาดูชุดยามแล้วอดยิ้มขำเล็กๆไม่ได้กับ
เรื่องกุ๊กกิ๊กที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า ขณะนั้นเองโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น
"ฮัลโหล ว่าไงคะเจ้านายขา" "คดีคืบหน้าไปถึงไหนแล้วหนูพุก"
ปลายสายเป็นอิสระที่โทรมาถาม "เอ่อก็ยังไม่คืบเท่าไหร่
แต่ว่าพุกมีข้อมูลสำคัญจะรายงานให้ทราบค่ะ จะให้ไปหาที่กรุงเทพฯดีมั้ยคะ"
"ไม่ต้องมาทำอ้อนเลยนะเรา เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ฉันจะไปหาเองละกัน
พอดีต้องลงพื้นที่หาข่าวพอดี" "ได้ค่ะ
ถ้าไงพรุ่งนี้ค่อยคอนเฟิร์มเวลานัดอีกครั้งนะคะ" "อย่าทำเป็นเล่นนะหนูพุก
คดีนี้คดีสำคัญ" "ค่า รับรองว่าพุกไม่ทำให้เจ้านายผิดหวังเด็ดขาด" "เจ้านาย
นี่ลูกเราตกเป็นทาสสวาทเขาแล้วเหรอพี่พนม ใส่ชุดยามกลับมาบ้าน นี่แสดงว่าต้องมีแส้
กับกุญแจมือด้วยแน่ๆ" นภาที่แอบฟัง ตกใจโอเว่อร์คิดไปถึงโน่น
พนมรีบเอานิ้วจุ๊ปากและกวักมือให้ไปปรึกษากัน พนม ลากนภามาคุยกันในครัว
บอกว่าชัชนินทร์มีอะไรแปลกๆ นภาบอกว่าแต่รถชัชนินทร์มีสติ๊กเกอร์กองปราบติดอยู่
พนมบอกว่าของอย่างนี้ทมันปลอมกันได้ พนมมองไปถึงชัชนินทร์น่าจะเป็นพวก 18 มงกุฎ
หรือไม่ก็เป็นพวกหลอกผู้หญิงส่งขายต่างประเทศ นภาตกใจ
ทั้งสองตกลงกันว่าจะสืบให้รู้ว่าชัชนินทร์รวยจริงหรือไม่ ลูกนัทกลับ
มาฟ้องกำนันคุ้ย เรื่องชลธี กำนันคุ้ยโมโหที่ชลธีบังอาจหยาม
ก่อนจะหันมาขอบใจวรพงษ์ที่ช่วยลูกสาวเขาไว้ วรพงษ์ยิ้มปริ
บอกว่าเขายินดีทำเพื่อลูกนัท ลูกนัทกระอักกระอ่วนใจ ในขณะที่กำนัน
คุ้ยถือโอกาสบอกกับวรพงษ์ว่า หากชลธีไม่ใช่ลูกของโรส เขาจะไม่ยกลูกนัทให้เด็ดขาด
เพราะหากเทียบกับวรพงษ์ วรพงษ์ดูดีกว่าเยอะ
กำนันคุ้ยเสี้ยมทันทีว่าหากวรพงษ์มัวแต่อาศัยใบบุญโรสอยู่อย่างนี้
เมื่อไหร่จะมีอาณาจักรเป็นของตัวเอง แล้วก็บอกวรพงษ์ว่าเขากำลังขยายตัวการค้า
เขาต้องการหุ้นส่วนที่ไว้ใจได้ วรพงษ์อึ้งไปวรพงษ์
อรลออโวยอย่างฉุนเฉียวเมื่อทราบเรื่องจาก วรพงษ์
ว่าไม่รู้หรือไงกำนันคุ้ยค้าขายอะไร และมาริโอ้ก็เคยห้ามยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดด้วย
วรพงษ์เลยพูดถึงจำนวนเงินที่จะได้รับ ว่าสินค้างวดนี้กำนันคุ้ยอยากให้ลงขันด้วย
ถ้าขายได้รับรองว่ากำไรไม่ต่ำกว่าสามสิบล้าน อรละออได้ยินจำนวนเงินก็นึกลังเล
000000000000000000 หนูพุกมาคุย กับอิสระ
บอกว่าควรจะหาทำเลให้ชัชนินทร์ได้ทั้เปิดร้านเสียที
เพื่อที่จะได้ข้อมูลเบาะแสได้เร็วขึ้น ระหว่างที่กำลังคุยกันนั้น
หนูพุกเหลือบเห็นพนมที่สะกดรอยตามเธอมา และแยกย้ายกันหากับนาถนภา
เมื่อพนมเจอหนูพุกก็ปรี่เข้ามา อิสระนั่งหันหลังให้อยู่ พนมเลยไม่เห็นหน้า
หนูพุกรีบให้อิสระหนีไป โดยไม่ต้องหันหน้ามา พออิสระไปแล้ว
พนมก็คาดคั้นว่าคุยอยู่กับใคร หนูพุกอ้างว่าคุยกับนายหน้าค้าที่
ที่เธอกำลังคุยเรื่องเช่าที่เปิดร้าน พนมถามหาชัชนินทร์
หนูพุกก็อ้างว่าชัชนินทร์ก็ต้องมีธุระทำอย่างอื่นบ้างสิ
และย้อนกลับว่าพนมสะกดรอยตามเธอมาหรือไง พนมอึ้งไป อิสระลุกลี้ลุกลน
ลงบันไดเลื่อนมา จนไปชนเข้าผู้หญิงคนนึง อิสระรีบหันไปประคองเธอไว้ในอ้อมแขน
อิสระอึ้งไปเมื่อเห็นเป็นนาถนภา นาถนภาตกใจ ถามว่าอิสระมาทำอะไรแถวนี้
อิสระบอกว่ามาซื้อของ แล้วปลีกตัวไป นภายังคงยืนมองเขาอยู่ที่เดิม
ในแววตาของเธอมีความปวดร้าวแฝงอยู่ อิสระก็เช่นกัน
ต่างฝ่ายต่างมีเยื่อใยต่อความหลัง เพราะทั้งคู่เคยสัญญาว่าจะแต่งงานกันในอดีต
แต่สุดท้ายนาถนภาก็เลือกพนม เพราะพนมเอาใจใส่เธอมากกว่า
แต่อิสระมัวแต่ทุ่มเทให้กับงาน ชัชนินทร์ ปลอมตัวเป็นสาว
เข้าไปสืบหาข้อมูลที่อาบอบนวดของกำนันคุ้ย โดยมีจ่าสมหมายดูต้นทางให้
แต่กำนันคุ้ยกับพวกมาเจอเสียก่อน พอความแตกว่าเป็นผู้ชายปลอมตัวมา
กำนันคุ้ยก็สั่งคนตามล่า ชัชนินทร์กับจ่าสมหมายรีบวิ่งหนีไม่คิดชีวิต
แต่พวกลูกน้องดูจะตามมาแต่ทางฝั่งชัชนินทร์ ที่บริษัทยามของชลธี
จันทร์เจ้ายื่นกล่องขนมและกาแฟของที่ร้านตนให้ชลธี
บอกว่าเธอตั้งใจเอาชุดยามที่หนูพุกใส่กลับบ้านออกจากถุงมายื่นให้ชลธี
ชลธีรับมาหน้าขรึม จันทร์เจ้าถามว่าวันนั้นชลธีไปกับหนูพุกมาเหรอ
ชลธียืนยันว่าเขากับหนูพุกไม่ได้ทำอะไรเสียหาย
แต่มีธุระที่ต้องปรึกษารกันเรื่องเปิดร้านอาหาร จันทร์เจ้างง
ว่าตกลงร้านอาหารเป็นของธีหรือของคุณชัชกันแน่ ชลธีบอกว่าหุ้นๆ กัน
จันทร์เจ้าพยักหน้า ว่ามิน่าหนูพุกถึงหาที่เปิดร้านไม่ได้ซะที ที่แท้ก็จะเปิดไกลๆ
บ้านนี่เอง ชัชนินทร์วิ่งหนีลูกน้องกำนันคุ้ย
จนมาตัดหน้ารถของชลธีที่แล่นมาส่งจันทร์เจ้า รถเบรกเอี๊ยด ทั้งสองอึ้งๆ
ที่เห็นสภาพของชลธีแต่งหญิง ชลธีเห็นสมุนกำนันคุ้ยไล่ตามมาก็ตกใจ ก็ไม่มีเวลาอธิบาย
บอกให้ชลธีออกรถ ชลธีหันไปมองเห็นก็ตกใจว่าเป็นพวกกำนันคุ้ย ชัชนินทร์รีบขึ้นรถ
ชลธีออกรถหนีไป สมุนจำได้ว่านี่เป็นรถของชลธี กำนันคุ้ยตกใจหลังทราบ
เรื่องจากสมุนของตน ว่าชัชนินทร์หนีขึ้นรถชลธีไป แต่ก็ฟ้องโรสไม่ได้
เพราะว่าเขากำลังจะทำการค้ากับวรพงษ์
แต่กำชับลูกน้องให้คุมเข้มอย่าให้คนนอกเข้ามาได้ ชลธีจอดรถชิดข้างทาง
จันทร์เจ้าเหลียวหลังไปไม่เห็นมีใครตามมา ทั้งสองยังสงสัยเรื่องชัชนินทร์
ชัชนินทร์บอกว่าเขามีเหตุผล แต่เอาไว้จะอธิบายให้ฟังทีหลัง ก่อนจะเผ่นออกไปจากรถ
จันทร์เจ้าหนักใจ ถามชลธีว่าควรบอกหนูพุกดีไหม ชลธีบอกว่า
หากบอกไปหนูพุกคงเสียใจมาก จันทร์เจ้าพยักหน้า แต่ชลธีแอบยิ้มสะใจกับตัวเอง
ดีใจที่แฟนหนูพุกไม่ใช่คู่แข่งอีกต่อไป หนู พุกกำลังหารือกับพนมและนภา
เรื่องเช่าที่เปิดร้าน
แต่เวลานั้นนภาจะดูเหม่อลอยชอบกลเพราะความที่เจอกับอิสระกิ๊กเก่ามาก่อนหน้า นี้
ระหว่างนั้นจันทร์เจ้าก็กลับมาถึงบ้านพอดีจันทร์เจ้ามองหนูพุกมึนๆ
เพราะไม่รู้จะเล่าเรื่องชัชนินทร์ให้หนูพุกฟังยังไง จันทร์เจ้าสบโอกาส
ก็ถามหนูพุกว่าจะเปิดร้านพิซซ่าจริงเหรอ แล้เวหุ้นส่วนมีใครบ้าง
ชลธีถือหุ้นด้วยใช่ไหม หนูพุกรีบบอกว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับพนมเด็ดขาด
จันทร์เจ้าถอนหายใจว่าหากพนมรู้ทีหลัง เรื่องใหญ่แน่ เพราะพนมไม่ชอบชลธี
แล้วจันทร์เจ้าก็ถามอีกว่า แน่ใจหรือว่าจะแต่งงานกับชัชนินทร์ หนูพุกยังยืนยัน
จันทร์เจ้าหน้าตาเครียดไม่รู้ว่าควรบอกหนูพุกดีหรือไม่ อิสระ จ่าสมหมาย
ชัชนินทร์ประชุมกันหลังจากเกิดเรื่อง ว่าตอนนี้ชลธีกับจันทร์เจ้า
เห็นเขาปลอมเป็นผู้หญิงแล้ว อิสระบอกว่าให้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส
เพราะเขาเชื่อว่าชลธีน่าจะชอบหนูพุกอยู่ ให้ชัชนินทร์ปลอมตัวเป็นหญิงต่อไป
และแกล้งเลิกกับหนูพุกเพื่อเหตุผลนี้ แต่เรื่องเห็นหุ้นส่วนก็ยังทำต่อ
จะไม่มีใครสงสัยอะไรทั้งสิ้น ชัชนินทร์อึ้งไป โธ่
แล้วจันทร์เจ้าที่เขาหมายปองจะคิดยังไงล่ะนี่

ไม่มีความคิดเห็น: