วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

สายลับเดลิเวอรี่ 5

หนู
พุกเดินลอยหน้าลอยตาลงมา จนชลธีต้องกระแอมเตือน
หนูพุกถึงได้ยอมไหว้โรสอย่างเสียมิได้ ส่วนมาลินีก็ไหว้ตามแบบเกร็งๆ
เพราะเห็นสมุนของโรสรายล้อมเต็มไปหมด รู้สึกได้ถึงบรรยากาศแบบบ้านมาเฟีย
ลูกนัทรีบฟ้องโรสว่าคนนี้แหละหนูพุกที่ชลธีพาไปกกที่กรุงเทพ โรสเห็น
หน้าก็ทักทายหนูพุกด้วยถ้อยคำเสียดสี ว่าคงจะร้อนเงินมากถึงคิดจะจับลูกชายเธอ
หนูพุกเริ่มเดือดขยับจะตอบโต้ แต่ชลธีดึงแขนปรามไว้
ระหว่างนั้นมาลินีก็ล้วงกล้องวีดีโอจากกระเป๋าเพื่อเตรียมถ่าย
แต่สมุนของโรสคนนึงก็เข้ามาดึงไป
มาลินีโวยวายว่านี่คือกล้องรุ่นล่าสุดที่เธอเพิ่งซื้อมาและยังผ่อนไม่หมด
แต่โรสไม่สนใจ บอกว่าที่นี่ห้ามถ่ายอะไรทั้งนั้น โดยเฉพาะพวกนักข่าว
สมุนของโรสล้อมกรอบเข้ามา ชลธีรีบขวาง "คุณแม่พอเถอะครับ
อย่าทำให้ผมขายหน้าไปกว่านี้เลย" "แกหลีกไปตาธี
แกไม่มีสิทธิ์มาสั่งอะไรชั้นทั้งนั้น" หนูพุกมองโรสที่วางอำนาจอย่างไม่พอใจ
ก่อนจะออกอุบายทำเป็นโผไปเกาะแขนชลธีทำเสียงออดอ้อน "อุ๊ย ธีขา
คุณแม่ธีเสียงดังจังเลยค่ะ ดุ๊.ดุ เนี่ยพุกตกใจหมดเลย ขนลุกเกรียวเลยดูสิคะ ดูสิ"
หนู พูกเปิดคอเสื้อให้ดูขนตรงหัวไหล่ ชลธี กับมาลินีหน้าเหวอ ตามเกมพุกไม่ทัน
ลูกนัทโวยวายไม่ยอม บอกให้หนูพุกปลาอยแขนชลธี แต่หนยูพุกไม่สนใจ
กลับยิ่งแกล้งอ้อนชลธีเข้าไปอีก ชลธีเองก็แปลกใจกระซิบถามหนูพุกเบาๆ "พุก
นี่เธอจะทำอะไรของเธอ" หนูพุกลอยหน้าไม่สนใจ กอดแขนชลธีซบบ่าหน้าตาเฉย "
ตกลงธีซื้อบ้านให้หนูพุกอีกหลังนะคะ เราจะได้อยู่กันตามลำพัง
คนอื่นจะได้ไม่ขัดขวางความสุขของเราไงคะ อ้อ
แล้วต้องมีเรือนเล็กให้ขี้ข้าปากสว่างด้วยนะคะ พุกไม่อยากให้มานอนในบ้าน
กลัวเป็นข่าวให้ตามแก้อีก" มาลินีเหล่มองแค้นๆ "นี่ ตีวัวกระทบคราดเหรอยะหล่อน"
โรสแค้นใจ ลูกนัททนไม่ได้วี๊ดออกมา "อ๊าย คุณอาดูมันทำซิคะ ลูกนัทไม่ยอมนะคะ
นัทจะฟ้องคุณพ่อ" " ตาธี มันจะมากไปแล้วนะ แกทำแบบนี้เห็นแม่เป็นหัวหลักหัวตอหรือไง
รีบพานางบำเรอของแกไปจากบ้านชั้นเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ชั้นจะฉีกมันเป็นชิ้นๆ" "เออ
เดี๋ยวก่อนสิครับคุณแม่ ฟังผมก่อน" ชลธีพยายามอธิบายให้โรสฟัง แต่ไม่ทัน
เพราะหนูพุกรีบยั่วยุให้โรสโมโหเพิ่มขึ้นอีก "ธีขา คุณแม่ธีไม่ต้อนรับหนูพุกแล้ว
ถ้างั้นเราไปหาความสุขกันสองต่อสองตามประสาข้าวใหม่ปลามันเถอะค่ะ"
หนูพุกลากชลธีไปขึ้นรถ ลูกนัทกรี๊ดออกมาเสียงดัง จนโรสต้องเบือนหน้าแสบแก้วหู หนู
พุกพาชลธีมาที่บ้านเพื่อมาอธิบายความจริงให้คนที่บ้านฟัง
ตาเจอพนมต้อนรับโดยการถือปืนเดินดุ่มๆออกมากระชากลูกเลื่อนที่หน้าบ้าน
นาถนภากับจันทร์เจ้าเข้ามาห้ามด้วยความเป็นห่วง "ไม่ต้องมาห้ามเลย
มันกล้ามาหยามศักดิ์ศรีไอ้พนมถึงบ้าน มันต้องตาย"
พนมว่าแล้วก็ยิงปืนขึ้นฟ้าหนึ่งนัด
หนูพุกเสียหน้าที่เคยบอกชลธีว่าพ่อเป็นคนมีเหตุผล "พ่อ วางปืนก่อนเถอะ
เดี๋ยวพุกก็โดนลูกหลงไปด้วยหรอก" "แกไม่ต้องห่วงนังพุก พ่อยิงแม่น
แต่ตอนนี้กำลังคิดอยู่ว่า ยิงตรงไหนมันถึงจะตายอย่างทรมานและอับอายมากที่สุด" ชลธี
เห็นพนมส่องปืนขึ้นๆลงๆแบบนั้นก็เสียวช่วงล่างยังไงชอบกล ตัดสินใจหลบไปข้างหลังพุก
หนูพุกขู่พนมว่าถ้าไม่หยุดอาละวาด จะหนีตามชลธีไป พนมได้ยินก็ชะงักกึกยอมลดปืนลง
และยอมให้ชลธีเข้าไปอธิบายข้างในบ้านได้ หนูพุกอธิบายเรื่องราวทุกอย่าง
ให้ทุกคนเข้าใจ เมื่อพนมเข้าใจแล้วก็ยังไม่วายพูดเหน็บแนมชลธีว่าเป็นพวกมาเฟีย
และบอกว่าดีแล้วที่หนูพุกไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับพวกมาเฟีย
ชลธีได้ฟังก็เริ่มฟิวส์ขาดจึงแก้เผ็ดด้วยการประกาศออกมาว่าหนูพุกอยู่กับแฟน
ที่คอนโดจึงต้องหนีพ่อและแม่ไปอยู่ที่กรุงเทพ พนมกับนาถนภาตาค้าง หนูพุกเองก็ตะลึง
ฃลธีเรื่มสนุกพูดต่อ "อะไร อย่างี้สิ โกหกพ่อแม่บาปนะ
วันนั้นยังเห็นขี่หลังแฟนขึ้นห้องอยู่เลย" หนู พุกช็อค คนทั้งบ้านตะลึง
แต่ชลธีแอบยิ้มสะใจ ชลธีบอกว่าพนมว่าเขากับที่โรสว่าหนูพุกเป็นอันว่าหายกัน
หนูพุกจงบอกว่าต่อไปนี้ให้ต่างคนต่างอยู่และห้ามยุ่งเรื่องของกันอีก ชลธีตกลง
แต่ลึกๆ แล้วทั้งคู่รู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อย000000000000000000000 หนู
พุกโดนพนมกักบริเวณไม่ให้ออกนอกบ้าน
เป็นจังหวะเดียวกับที่อิสระกับชัชนินทร์สืบรู้มาว่าทางครอบครัวไหมแก้วกำลัง
จะมีการเคลื่อนไหวบางอย่าง
และทางมาริโอ้กับชลธีกำลังตระเวนดูตึกแถวเพื่อหาทำเลเปิดร้านขายพิซซ่ายิ่ง
ทำให้น่าสงสัยว่าทั้งสองกำลังวางแผนสร้างโรงงานยาเสพติด
จึงต้องการให้หนูพุกเป็นคนสืบเรื่องนี้ หนูพุกวางแผนหลอกล่อให้พนมออก
ไปข้างนอกเพื่อที่จะออกมาพบอิสระและชัชนินทร์
อิสระบอกให้หนูพุกไปสมัครเป็นพนักงานในร้านพิซซ่านั้น
และต้องไปเรียนหัดทำพิซซ่าด้วย หนูพุกจำใจรับคำอย่างเซงๆ หนูพุกมาสมัคร
เรียนทำพิซซ่าที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง การทำพิซซ่าสำหรับหนูพุกแล้วผ่านไปอย่างยากลำบาก
แต่จนแล้วจนรอดพิซซ่าของหนูพุกก็เสร็จจนได้
แต่หน้าตาของพิซซ่าดูเละเทะบิดเบี้ยวไม่ค่อยเหมือนพิซซ่าสักเท่าไหร่ หนู
พุกเดินคอตกออกมาจากโรงเรียนพร้อมมาลินี
ทันใดนั้นก็เดินมาชนกับชลธีที่ตระเวนดูตึกพอดี
ทำให้พิซซ่าที่หนูพุกทำหกใส่ชลธีจึงได้ทีบังคับให้ชลธีลองชิมพิซซ่าของตัว เอง
แต่ชลธีไม่ยอม มาริโอ้จึงอาสาเป็นคนชิมเอง ชลธีกำลังจะห้าม
แต่มาริโอ้หยิบพิซซ่าใส่ปากหน้าตาเฉยๆ ท่ามกลางความอี๋ของไทยมุง "อืม.. อร่อยมาก"
"จริงเหรอคะ อร่อยจริงๆเหรอคะ" หนูพุกดีใจยิ้มแก้มปริ "จริงสิ
เอาเป็นว่าพิซซ่ากล่องนี้ชั้นขอซื้อกลับบ้านเลยละกันนะหนู ห้าร้อยพอมั้ย
อ่ะงั้นพันนึงเลย ตกลงตามนี้นะ" หนูพุกยืนอึ้ง จนมาริโอ้เอาเงินยัดใส่มือให้ "
เอาไว้ชั้นเปิดร้านพิซซ่าเมื่อไหร่ เธอไปสมัครเป็นแม่ครัวร้านฉันล่ะไปกันเถอะเจ้าธี
เราเอาพิซซ่ากล่องนี้กลับไปกินที่บ้านกันดีกว่า" มาริโอ้ลากชลธีจากไป
ท่ามกลางความงุนงงของหนูพุกและมาลินี ชัชนินทร์ มาถามความคืบหน้าที่ร้าน
แต่ต้องปลอมตัวเป็นชาวต่างชาติเพื่อไม่ให้พนมสงสัย
แต่ปรากฏว่าได้เจอจันทร์เจ้าถึงกับมองไม่วางตา และเก็บเอามาเพ้อถึงกองปราบจนลืมตัว
สารวัตรอิสระเข้ามาในห้องยังไม่รู้ตัว ก่อนที่อิสระจะถามถึงข่าวคราวของหนูพุก
"หนูพุกยืนยันว่าพวกไหมแก้วกำลังหาทำเลเปิดร้านพิซซ่าจริงๆ ครับ
แถมมิสเตอร์มาริโอ้ยังชวนหนูพุกไปทำงานที่ร้านด้วย" " ฮืมหนูพุกทำได้ดีมาก
ผมมองคนไม่ผิดจริงๆ ถ้างั้นต่อไปนี้คุณกับหนูพุกประสานงานกันโดยตรงเลย
อะไรที่คุณเห็นควรก็ดำเนินการได้เลย ผมอนุญาต" "ครับสารวัตร" มาลินี
กำลังคุยโทรศัพท์กับหนูพุกอย่างตื่นเต้น อวดว่าได้รางวัลจากสมาคมนักข่าวท้องถิ่น
และจะจัดงานเลี้ยงฉลอง แต่ตอนแรกหนูพุกไม่รู้ว่าจะออกจากบ้านได้ยังไง
แต่มาลินีแนะนำว่าให้ใครสักคนไปรับเพื่อให้พนมเกรงใจ
หนูพุกยิ้มกริ่มเริ่มคิดถึงใครบางคนขึ้นได้ หนูพุกแกล้งให้ชัชนินทร์มา รับที่บ้าน
โดยบอกพนมว่าเป็นแฟน เพราะรู้ว่าพนมอยากเจอแฟนของลูกสาว พนมลังเล
ก่อนจะตกลงให้หนูพุกไปงานเลี้ยงโดยมีจันทร์เจ้าไปด้วย ชัชนินทร์ มารับหนูพุกที่บ้าน
พนมกับนาถนภานั่งจ้องเขาขรึมๆ ไม่พูดจาอะไรทั้งนั้น ชัชนินทร์เริ่มเหงื่อแตก
ชัชนินทร์พยายามชวนคุยแต่ทั้งคู่ยังนั่งนิ่ง ชัชนินทร์จ๋อยเงียบไปตามเดิม
พนมเริ่มซักประวัติชัชนินทร์ ชัชนินทร์ตอบคำถามอึกอัก พนมกับนภาเห็นแล้วนึกปลง
ระหว่างนั้นจันทร์เจ้าก็พาหนูพุกที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จเดินลงบันไดมา
ชัชนินทร์ถึงกับยืนขึ้นอย่างตกตะลึงก่อนจะเดินไปหา "สวยจังเลยครับ คุณจันทร์"
ทั้งครอบครัวพากันผงะ เพราะชัชนินทร์ดันเดินมาหยุดหน้าจันทร์เจ้า
หนูพุกต้องรีบสะกิด "นี่ ทางนี้แฟน คนนั้นพี่แฟน" ชัชนินททร์นึกขึ้นได้
รีบแก้ตัวกับพนม "แบบต้องชมคนอื่นก่อนตามมารยาทแถวแอลเอน่ะครับ"
ชัชนินทร์หัวเราะอีก พนมส่ายหน้าเอือมๆ ชัชนินทร์กร่อย
พนมกับนาถนภาเดินมาส่งหนูพุกกับจันทร์เจ้าขึ้นรถของชัชนินทร์ "ฝากดูแลสาวๆ
ด้วยนะคะคุณชัช" "ครับคุณอา ผมจะดูแลอย่างดีที่สุดเลยครับ" "เออคุณชัช
มาดูอะไรนี่ใกล้ ๆหน่อยสิ" ชัชนินทร์ขยับไปใกล้พนม พนมชี้ที่นาฬิกาข้อมือของตัวเอง
"ไอ้หนุ่ม เอ็งเห็นเลขนี้มั้ย" "ครับ เลขสิบสองครับ"
"ถ้าเอ็งส่งลูกสาวกับหลานสาวข้ากลับมาไม่ทัน เอ็งเจอสิบสองสยองขวัญแน่นอน เข้าใจ๋"
"เข้าใจครับ" "ชัดนะ" "ครับผมชื่อชัช" พนมเอ็ด "หมายถึงว่าได้ยินชัดมั้ย"
"อ๋อชัดครับ" ชัชนินทร์เจื่อน พนมส่ายหน้าอย่างรำคาญ ชัชนินทร์ยกมือไหว้
แล้วขึ้นรถไปหน้าตาจ๋อยๆ เมื่อรถของชัชนินทร์แล่นจากไป นาถนภาชะแง้มองตามจนคอยื่น
"ไม่รู้ตาฝาดรึเปล่าพี่พนม
แต่ที่หลังรถคุณชัชเหมือนมีสติ๊กเกอร์กองปราบติดอยู่ด้วยนะ" "อะไรนะ"
"หรือว่าคุณชัชจะมีญาติเป็นตำรวจ" พนมมองตามอย่างสังหรณ์ใจ

ไม่มีความคิดเห็น: