วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

สายสืบดิลิเวอรี่ 1

ชลธี ไหมแก้ว หรือ ธี มีครอบครัวเป็นมาเฟีย ตาของเขาเป็นอดีตมาเฟียข้ามชาติกลับใจ แม่เป็นผู้ทรงอิทธิพลของจังหวัดเรียกง่ายๆ ว่าเจ้าแม่ แต่เขาเป็นแกะดำ สมัยเรียนเป็นทั้งประธานนักศึกษา เป็นนักกีฬามหาลัย และเป็นเจ้าของบริษัทยาม พยายามเลือกใช้ชีวิตแบบคนปกติ ศึกษาจบ ก็ออกมาเปิดบริษัทรักษาความปลอดภัยอยู่ในตัวจังหวัด
หนูพุก หรือพจมาน กลมเกลี้ยง คู่ปรับสมัยเด็กของชลธี มีพ่อเป็นอดีตนายตำรวจ สาเหตุที่พ่อของหนูพุกลาออกจากราชการ เพราะพ่อของจันทร์เจ้า ลุงของหนูพุก ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ขณะปฏิบัติงาน แต่มีคนลือว่าต้นเหตุมาจากการที่ถูกเจ้านายกลั่นแกล้ง พ่อของหนูพุกเลยหมดศรัทธาที่จะทำความดี สมัยเด็กหนูพุกที่บ้านใกล้เรือนเคียง เลยไม่ค่อยชอบหน้าเพราะชลธีมีแม่เป็นมาเฟีย

ใน วันหนึ่ง ขณะที่หนูพุกกำลังหางานอยู่ พอรู้ตัวว่าถูกเรียกไปสอบสัมภาษณ์ โดยเป็นบริษัทที่มาลินีเพื่อนของเธอ ทำหน้าที่เป็นเลขาอยู่ด้วย หนูพุกรีบขี่มอเตอร์ไซค์ไปตามทุ่งนา แต่ดันตื่นตาย ระหว่างที่กำลังบิดอย่างรีบเร่ง ก็ดันมีวัวตัวหนึ่งก็เดินโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ข้างทาง หนูพุกหักหลบสุดแขน ร่างหนูพุกตกลงไปในคูน้ำข้างทาง ขณะนั้นมีรถคันหนึ่งแล่นมาจอดดูเหตุการณ์ เป็นชลธีนั่นเอง ชลธีรีบลงมาดู ถามว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า หนูพุกพอเห็นว่าเป็นชลธีก็สะบัดหน้าใส่ แต่มอเตอร์ไซค์เจ้ากรรมดันไม่ติดเสียที ชลธีถามหนูพุกว่าสรุปจะให้เขาไปส่งไหม หนูพุกมองชลธีอย่างเจ็บใจ
ที่ สุดมอเตอร์ไซด์หนูพุกถูกยัดปลิ้นอยู่ท้ายรถของชลธี ขณะที่เจ้าตัวนั่งหน้าเปื้อนโคลนอยู่ข้างๆคนขับ ชลธีถามว่ารถเก่าจะแย่ ทำไมไม่เปลี่ยนเสียที หนูพุกเหล่ แอบแขวะ ว่าจะเปลี่ยนทำไม หามาด้วยน้ำพักน้ำแรง ไม่ได้ปล้นใครเขามา ชลธีเหล่หนูพุกแบบรู้ตัว
"ไอ้ที่เธอนั่งอยู่ ฉันก็หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงเหมือนกัน ไม่ได้ปล้นใครมาเหมือนกัน"
ทั้งคู่สบตากันผ่านกระจกหน้ารถ ชลธีบ่นเบาๆ
"เห็นว่าเป็นน้องสาวของจันทร์เจ้าหรอกนะ ถึงได้ช่วย"
"ก็เห็นว่าเป็นเพื่อนพี่จันทร์เหมือนกัน ถึงได้ยอมขึ้นรถ"
ต่าง ฝ่ายต่างหน้าบึ้งหันมาจ้องกัน รถแล่นอีกสักพักหนูพุกก็หมดความอดทน จะขอลงกลางทาง บอกว่าไม่อยากให้ใครเห็นว่านั่งรถมากับชลธี ชลธีเหยียบเบรคครืด ก่อนจะมองหน้าหนูพุกอย่างไม่พอใจ
"ขอบใจซักคำเป็นมั้ย"
หนูพุกลอยหน้ากับสายลมท้องฟ้า "ขอบใจนะ พอใจรึยัง"
ชลธีสูดลมหายใจ พยายามระงับโทสะ
ทาง ด้านชลธี หลังจากแวะส่งหนูพุกแล้ว ก็แวะเข้าไปที่บริษัทยามของเขาเอง แต่พบว่าพนักงานของตน ถูกวรพงษ์ ลูกพี่ลูกน้องของเขา ซ้อมจนยับเยิน ชลธีเลยไปหาวรพงษ์ที่ตลาด ขณะนั้นวรพงษ์เองก็กำลังข่มขู่ลูกหนี้ของตนเองอยู่
วรพงษ์ถามชลธีว่า มีอะไร ชลธีบอกว่าวันหลังห้ามมาใช้กำลังกับลูกน้องเขาอีก เพราะลูกน้องเขาต้องทำตามหน้าที่ มีอะไรให้พูดกันตรงๆ แต่สมุนของวรพงษ์ยื่นหน้ามาเปรี้ยว บอกว่าพูดดีๆไม่เป็น ชอบใช้กำลัง พลันเท้าชลธีฉากไปด้านหลังแบบนักมวย ชลธียกการ์ต ชกแก้ม ท้อง ตัดสีข้างของนักเลงคนนั้น ผลั้วะๆๆ ด้วยลีลาแบบนักมวยมืออาชีพ สามหมัดรวดส่งนักเลงคนนั้นร่วงไปกองกับพื้นทันที พวกลูกน้องที่เหลือมองกันตาค้าง แม้แต่วรพงษ์ก็ยังแหยงๆฝีมือของชลธี ชลธีนวดมือแล้วมองหน้าวรพงษ์ๆยักไหล่
"โอเค๊ ไม่มีปัญหา" ชลธีขึ้นรถขับจากไปเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น ฝ่ายวรพงษ์ก็นั่งยองๆลงสั่งสอนสมุนรายนั้น
" เอ็งจำไว้เลยนะ ข้อแรกสมัยเรียนไอ้ธีมันเป็นแชมป์มวยสากล แล้วข้อสองแม่ของมันคืออาของข้า หรือว่าง่ายๆ มันคือว่าที่หัวหน้าใหญ่ของพวกเอ็ง"
สมุนงง กับคำว่าหัวหน้าใหญ่ วรพงษ์หันไปบอกสมุนอีกสองคนที่เหลือ
"พวกเอ็งไปเก็บหนี้ที่เหลือแทนข้า วันนี้หมดอารมณ์แล้วโว๊ย ไอ้ชลธี ฮึ ซ่าให้ตลอดเหอะวะ"
ใน ร้านส้มตำ ขณะที่จ่าสมหมายกับชัชนินทร์ นายตำรวจนอกเครื่องแบบ ที่ถูกส่งมาสืบราชการลับ กำลังนั่งโซ้ยส้มตำกันอย่างเอร็ดอร่อย ก็พบว่ามีนักเลงมาเก็บเงินอาแปะเจ้าของร้าน อาแปะยืนยันว่ายังไม่มีเงิน แต่นักเลงไม่ฟัง ตรงเข้าไปที่กระป๋องตังค์ อาแปะเข้าขอร้องไม่ให้เอาเงินไป แต่นักเลงผลักเจ้าของร้านจนล้มไป ชัชนินทร์และจ่าสมหมายได้แต่ดู แสดงตัวไม่ได้ แต่ในจังหวะนั้น หนูพุกที่นั่งกินส้มตำอยู่ในร้านกับมาลินีด้วย เลือดสูบฉีดเดือดพล่าน โกรธแทนกับความไม่เป็นธรรม ตรงเข้าช่วยอาแปะบู๊ใส่พวกนักเลงจนชัชนินทร์กับจ่าสมหมายมองกันอ้าปากค้าง ส่วนมาลินี สัญชาตญาณนักข่าวพุ่งปรี๊ด รีบควักกล้องวีดีโอออกมาถ่ายกลับไปนำเสนอทันที
หลังจากที่หนูพุก จัดการเสร็จ ชัชนินทร์ก็จะเข้ามาแสดงความชื่นชม แต่ดันสะดุดเก้าอี้ที่ล้ม ปืนพกของเขาร่วงตกที่พื้น หนูพุกคิดว่าเป็นพวกเดียวกัน ก็เตะเสยปลายคางชัชนินทร์จนหน้าหงาย จ่าสมหมายตกใจ
หนูพุกจับ ชัชนินทร์ไปแจ้งความกับตำรวจให้ดำเนินคดี แต่ระหว่างนั้น มีโทรศัพท์มาที่โต๊ะบอกว่าร้อยเวรว่าชัชนินทร์เป็นใคร ร้อยเวรอึ้งไปก่อนจะเหลือบมองชัชนินทร์ เห็นชัชนินทร์ขยิบตา
หนูพุก รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบกลบางอย่างระหว่างร้อยเวรกับชัชนินทร์และจ่าสมหมาย ร้อยเวรเลยปล่อยตัวทั้งสองคนไป แต่ให้หนูพุกอยู่ให้ปากคำเพิ่มเติมก่อน หนูพุกงงที่ชัชนินทร์และจ่าสมหมายถูกปล่อยตัว ก็โวยวายไม่ยอมให้ทั้งคู่ไป ระหว่างนั้นร้อยเวรจะบอกความจริง ชัชนินทร์รีบกระแอมดุๆไม่ให้ร้อยเวรพูดความจริง
ทันใดนั้น พนม นาถนภา จันทร์เจ้า พ่อแม่และพี่สาวลูกพี่ลูกน้องของหนูพุกก็ตรงปรี่มาที่โรงพัก ได้เห็นหนูพุกกำลังฉุดกระชากกันอยู่ มาลินีตามมาสมทบ ระหว่างนั้นอิสระก็ตามมาร่วมวงด้วย พนมกับอิสระจ้องหน้ากันราวกับคู่อาฆาตแต่ชาติปางไหน
อิสระซึ่งเป็น สารวัตรประจำสถานีตำรวจ เข้าช่วยเคลียร์สถานการณ์ทั้งหมดจนคลี่คลาย จากเหตุการณ์นี้เอง ทำให้จันทร์เจ้าและหนูพุกรู้ว่า ที่พนมกับอิสระไม่ถูกชะตากันนั้น เพราะพนมหึงอิสระที่เคยกิ๊กกันกับนาถนภา หนูพุกกับจันทร์เจ้าหัวเราะกันคิกคัก แต่พนมกลับซีเรียสขึงขัง บอกว่าไม่ใช่เพราะอิสระหรอกหรือที่ส่งนพพ่อของจันทร์เจ้าไปทำงานเสี่ยงจนถึง แก่ความตาย เพราะทำอะไรเขาไม่ได้ เลยเล่นงานนพแทน จันทร์ได้ยินอย่างนั้นก็หน้าจ๋อยทันที ขอตัวออกไป หนูพุกกับนาถนภามองมาที่พนมดุๆ พนมจ๋อย ก็เขาพูดความจริง
ชลธีรู้สึก อึดอัดกับการอยู่ที่บ้าน ต้องเห็นมาเฟียที่บ้านเขาเอง อย่างกับรังโจร เลยไปหามาริโอ้ ตาของเขาที่เปิดร้านอาหารอิตาเลียนอยู่ มาริโอ้เลยทำอาหารเลี้ยงหลาน เมื่อก่อนมาริโอ้เองก็เคยเป็นมาเฟียมาก่อน แต่ได้ล้างมือแล้ว มาริโอ้ถอนหายใจที่ลูกสาวยังอยู่ในแวดวงมาเฟีย แล้วตบไหล่หลานว่าโชคดีแล้วที่รู้ผิดชอบชั่วดีตั้งแต่อายุยังน้อย ชีวิตจะได้ไม่ด่างพร้อยเหมือนเขา ชลธียิ้ม
"ไม่หรอกครับคุณตา ชั่วดีวัดที่ใจ คุณตาเคยสอนผมแบบนั้น ถ้าใจเราสะอาด ต่อให้ต้องเลวร้ายแค่ไหน ก็ไร้มลทิน"
ชลธีกล่าวอย่างเชื่อมั่น มาริโอ้นิ่งไปก่อนตบบ่าชลธีเบาๆ อย่างภาคภูมิใจ
" จำไว้นะเจ้าธี สิ่งที่แกเชื่อมั่น จะเป็นเกราะคุ้มภัยให้แกไปตลอดชีวิต คนอื่นจะประณามหยามเหยียดยังไงก็ช่างเขา ต่อให้เราหมดลมหายใจ ความดีก็ไม่สูญหายไปจากโลกเด็ดขาดรักษาไว้นะไอ้หลานชาย รักษาไว้"
ชลธีพยักหน้ายิ้มๆ สองตาหลานนั่งดื่มกินด้วยกัน
โร สแม่ของชลธี เรียกให้ชลธีมาคุยกับตน ถามเรื่องบริษัทยามว่าไปถึงไหนแล้ว ชลธีบอกว่าไปได้เรื่อยๆ โรสรู้ว่ากิจการคงไม่ดีนัก ก็พยายามกล่อมให้ชลธีมาทำงานให้เธอ แต่ชลธียืนยันว่ายังไงเขาก็ไม่ทำ วรพงษ์สอดขึ้นว่าช่วยงานโรสมันน่าเสียหายตรงไหน ดีกว่าไปวุ่นวายกับบริษัทยามเส็งเคร็งพรรณนั้น แต่ชลธีสวนกลับว่าถึงยังไงก็ไม่เกาะใครกิน แล้วเดินหนีไปเลย
อรลออพี่ของวรพงษ์ ลากตัววรพงษ์หลบมาเตือนสติ
"เมื่อกี้แกพูดอะไรออกไปรู้ตัวหรือเปล่า"
ก็ผมหมั่นไส้มันนี่พี่ ทำตัวเป็นพ่อพระอยู่ได้ ประสาท"
" ฉันว่าแกต่างหากที่ประสาท อย่าลืมสิว่าใครเป็นนายใหญ่ของที่นี่ ไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่แกแต่เป็นป้าโรสต่างหาก แล้วแกคิดว่าเค้าจะข้างใคร ระหว่างหลานห่างๆอย่างแก หรือลูกตัวเอง แกต้องอดทนไว้นะพงษ์ พอป้าโรสหมดอำนาจเมื่อไหร่ ตอนนั้นทุกอย่างจะตกเป็นของเรา"
วรพงษ์ เหลือบเห็นเงาคนเคลื่อนอยู่ไหวๆ ก็ร้องตะโกนถามว่าใคร และสั่งให้ออกมา เตวิช ลูกชายของอรละออ สะพายกีตาร์เพิ่งกลับมาจากข้างนอก วรพงษ์ถาม
"ไอ้เต้ หายหัวไปไหนมาทั้งวัน"
"ผมไปซ้อมดนตรีที่บ้านเพื่อนมาครับ"
" แล้วตำรับตำราไม่มีอ่านหรือไง วันๆถึงได้เอาแต่ไปตะลอนนอกบ้าน คอยดูนะถ้าผลการเรียนแกมี มีปัญหาอีกละก็ ฉันจะให้แกลาออกมาช่วยงานฉัน" วรพงษ์จริงจัง
เตวิชได้แต่ก้มหน้าอย่างรู้สึกกดดัน เพราะเขาไม่ได้อยากเป็นมาเฟีย

ไม่มีความคิดเห็น: