วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

แม่ค้าขนมหวาน 17-20

วชรวรรษนั่งเหม่อมองแม่น้ำนึกถึงคำพูดของวรรษาที่บอกว่าทองเอกตัดสินใจขอหมั้น ใบไผ่
คิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกสับสนในความรู้สึกของตัวเองว่ารู้สึกกับใบไผ่แบบไหนกัน แน่
วชรวรรษหยิบกล่องขนมขึ้นมาเปิดออกดูขนมที่บรรจุอยู่ในกล่อง
เห็นคำกลอนแล้วก็ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เขากับใบไผ่ได้ใกล้ชิดกัน ใบ
ไผ่กำลังแสดงการพับขนมข้าวเกรียบปากหม้อที่บรรจงจับจีบอย่างสวยงามแล้วใส่
จานเดินตามย่าใหญ่เอามาให้เหล่าบรรดาคุณหญิงได้ชิม คุณหญิงคุณนายต่างชมเปราะ
อยากได้ใบไผ่มาเป็นสะใภ้ ย่าใหญ่ก็เปิดโอกาสเต็มที่บอกว่าหลานสาวยังโสดอยู่
ใบไผ่หน้าเหลือสองนิ้วรู้ว่างานนี้ย่าใหญ่จัดขึ้นเพื่อต้องการจับคู่ให้เธอ แน่
ใบไผ่คิดจะหนีกลับแต่ย่าใหญ่รู้ทันสั่งให้ใบไผ่รีบกลับเข้าไปในงาน
ระหว่างนั้นแก้วขวัญกับนาทแอบดูอยู่ถึงกับเป็นห่วง "เอาไงดีล่ะคะคุณนาท
ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง มีหวังย่าใหญ่รวบหัวรวบหางไผ่แน่ๆ"


"ผมไม่รู้ครับ" "โธ่คุณนาท คุณวัชร หรือว่าคุณจะไม่ได้รักใบไผ่เลย" ใบ
ไผ่ทำขนมไทยอย่างคล่องแคล่ว จัดลงจานอย่างสวยงาม
บรรดาแขกเหรื่อของย่าใหญ่ต่างปรบมือชื่นชม มองใบไผ่กันถ้วนหน้าจนใบไผ่ทำตัวไม่ถูก
ย่าใหญ่เป็นปลื้มกับหลานสาว ก่อนจะพาชายหนุ่มคนหนึ่งมาหาใบไผ่ "ใบไผ่
นี่คุณปุ่นลูกชายท่านทูตไทยประจำฝรั่งเศส
คุณปุ่นเพิ่งกลับมาถึงเมืองไทยเมื่อคืนนี้" "สวัสดีค่ะ" "สวัสดีครับ
หลานสาวคุณหญิงสวยมากเลยนะครับ" ใบไผ่ยิ้มไม่ออก "ขอบคุณค่ะ" กริช
กับอุบลเห็นใบไผ่กำลงจะเสียท่าย่าใหญ่ก็รีบเดินตามหาแก้วขวัญกับนาทเพื่อบอก
เรื่องนี้ นาทบอกว่ากำลังรอเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยอยู่ "เอ็งหมายความว่ายังไง
ใครเจ้าชายขี่ม้าขาว" กริชแปลกใจ นาท กับแก้วขวัญยังไม่ทันตอบ
วชรวรรษก็เดินดิ่งเข้ามา แก้วขวัญเห็นวชรวรรษเป็นคนแรก ดีใจที่สุด
นาทสะกิดแก้วขวัญเตือนว่าอย่าดีใจจนออกนอกหน้า กลัวแผนจะแตก
แก้วขวัญนึกได้ทำทีแปลกใจที่เห็นวชรวรรษมาในงาน วชรวรรษไหว้ทุกคนแล้วเดินอาดๆ
เข้าไปหาใบไผ่ในงาน เห็นคุณปุ่นกุมมือใบไผ่ วชรวรรษลมออกหู พุ่งตรงเข้าไปหา
ย่าใหญ่หันมาเห็นวชรวรรษตกใจหุบยิ้ม รีบเดินไปขวางทางวชรวรรษ วชรวรรษชะงักยกมือไหว้
"คุณเข้ามาในงานฉันได้ยังไง ใครเชิญมาไม่ทราบ" "ไม่มีใครเชิญผมมาครับ
แต่ผมมีธุระกับใบไผ่" วชรวรรษจะเดินไป ย่าใหญ่ขวางไว้ "นี่มันเป็นงานภายในของฉัน
อย่ามาก่อกวน ออกไป" "ผมไม่ไปไหน จนกว่าผมจะได้คุยกับใบไผ่" "เอ๊ะ
พูดไม่รู้เรื่องรึไง" "คุณย่าต่างหากล่ะครับที่พูดไม่รู้เรื่อง" "คุณ!!"
"หลีกไปเถอะครับคุณย่า เรื่องนี้มันเป็นเรื่องระหว่างผมกับใบไผ่สองคน"
"คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดจาแบบนี้ ถ้าไม่ยอมออกไป ฉันจะเรียกตำรวจ"
"เชิญเรียกได้เลยครับ ตำรวจกับผมคุ้นเคยกันดี" ย่า ใหญ่อึ้ง
วชรวรรษไม่รอให้ย่าใหญ่พูดต่อ รีบเดินเข้าไปหาใบไผ่ ย่าใหญ่กำมือแน่นโกรธจนตัวสั่น
สั่งให้กริชไปลากตัววชรวรรษออกไป อุบลรีบแทรกขึ้น "คุณย่าคะ คนเขารักกัน
ต่อให้ลากออกไปตอนนี้ แต่หัวใจของเขาสองคนก็อยู่ใกล้กันอยู่ดี
คุณย่าแยกเขาสองคนออกจากกันไม่ได้หรอกค่ะ" ย่าใหญ่ตกใจ "คนรักกัน
นี่แม่อุบลหมายความว่ายังไง" คุณปุ่นยังไม่ยอมปล่อยมือใบไผ่
วชรวรรษผ่าเข้ามาดึงแขนใบไผ่ ใบไผ่ตกใจ "นายวชรวรรษ!!" "เธอต้องไปกับฉันใบไผ่"
คุณปุ่น ไม่พอใจ "คุณเป็นใคร มารยาทไม่มีรึไง" วชรวรรษหันไปมองหน้าโหด "ฉันไม่รอ
หมดเวลาของแกแล้วไอ้หน้าจืด" วชร วรรษจับแขนใบไผ่จะพาออกไป
คุณปุ่นเข้ามาดึงไหล่วชรวรรษ
วชรวรรษตีหน้าโหดขยับชายเสื้อสูทออกเผยให้เห็นปืนที่อยู่ในซองใต้รักแร้
ใบไผ่กับคุณปุ่นตกใจ "อยากไปดีๆ หรือว่าอยากเดินขาเป๋ออกไป หา นายหน้าจืด"
คุณปุ่นกลืนน้ำลาย ปล่อยมือจากไหล่วชรวรรษ ค่อยๆ ถอยเดินออกไปด้วยความกลัว
ใบไผ่ไม่พอใจ "นายเป็นบ้าอะไรถึงได้พกปืนตามมารังควาญฉันถึงที่นี่" "ฉันไม่ได้บ้า
แต่ใช้สมองคิดมาอย่างดีแล้วเลยต้องมาหาเธอ" "คิดเรื่องอะไรของนาย"
"คิดว่าจะไม่ยอมเสียเธอไปให้กับใครน่ะสิ" ใบ ไผ่ตกใจ มองหน้าวชรวรรษอย่างคาดไม่ถึง
เห็นแววตาที่จริงจังของเขาแล้วก็พูดไม่ออก ในขณะเดียวกันย่าใหญ่ก็ซักถามกริช นาท
อุบลและแก้วขวัญถึงเรื่องของใบไผ่และวชรวรรษ นาทยืนยันว่าทั้งสองคนเป็นแฟนกันจริงๆ
"ฉันไม่เชื่อว่าหลานสาวของฉันจะไปคว้าผู้ชายกักขฬะแบบนั้นมาเป็นแฟน " "อ่า คือ
ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าไอ้ไผ่ไปคว้ามายังไง มารู้ตัวอีกทีเขาสองคนก็รักกันแล้ว"
กริชช่วยพูด ย่าใหญ่จิกสายตาโหดเหี้ยมมาที่ทุกคน "
งั้นที่ใบไผ่เป็นแบบนี้ก็เพราะพวกเธอทุกคน
พวกเธอนอกจากจะทำให้ใบไผ่ห่ามเหมือนผู้ชายแล้ว
ยังสนับสนุนให้ใบไผ่คว้ากุ๊ยที่ไหนก็ไม่รู้มาเป็นแฟน
แถมยังให้มันเหยียบเข้ามาในงานของฉัน พวกเธอรวมหัวกันแกล้งให้ฉันเสียหน้าใช่มั้ย"
"พวกเราไม่ได้อยากให้คุณ ย่าเสียหน้านะคะ แต่คุณย่าทำไม่ถูก
ที่ใช้วิธีคลุมถุงชนกับใบไผ่
โดยไม่ถามสักคำว่าใบไผ่ต้องการอย่างนั้นรึเปล่า""สงบปากของเธอไปเลยยัยแก้ว" ย่า
ใหญ่โกรธจนแทบจะร้องไห้ที่ลูกหลานไม่ได้ดั่งใจสักคน
ระหว่างนั้นคุณปุ่นกับคุณหญิงแม่เดินหน้าบอกบุญไม่รับออกมา
ต่อว่าย่าใหญ่ที่ปล่อยให้กุ๊ยพกปืนเข้ามาขู่กลางงาน
ย่าใหญ่ไม่รู้เรื่องบอกว่าเธอจะจัดการให้ แต่คุณหญิงแม่กับคุณปุ่นไม่ฟัง
สะบัดหน้าเดินออกไป ย่าใหญ่โกรธหน้าแดง "ฉันทนไม่ไหวแล้วฉันต้องเอามันออกไป"
วชรวรรษยังคงเฝ้าใบไผ่อยู่ที่ซุ้มขนมหวาน "คุณห้ามเป็นของใครทั้งนั้น
จนกว่าผมจะอนุญาต" "นายจะบ้าเหรอไง ถ้านายกินเหล้ามาแล้วเมานายก็กลับไปได้แล้ว"
"ฉันไม่ได้เมา ฉันไม่ได้กินเหล้า แต่ฉันกินขนมของเธอมาต่างหาก"
"ขนมของฉันกินแล้วมีแต่ทำให้มีความสุข ไม่ได้กินแล้วให้พูดจาเพ้อเจ้อ"
"ใช่ขนมเธอกินแล้วมีความสุข มันถึงทำให้ฉันรู้ว่าฉันคิดยังไงกับเธอ
ฉันไม่ได้รักคุณแพน แต่ฉันรัก รัก…" ใบไผ่ลุ้น "รักขนมของเธอนะใบไผ่"
ระหว่างนั้นมีแขกผู้ชายเดินมาจะหยิบขนม วชรวรรษหันไปตาขวาง แขกผู้ชายสะดุ้ง
รีบเดินหนีไป "ไอ้บ้าหมาวัด ถ้าจะมาพูดเรื่องไร้สาระ
ฉันกับนายก็ไม่มีอะไรต้องคุยกัน" ใบไผ่จะเดินหนี
วชรวรรษตัดสินใจดึงใบไผ่มากอดเป็นจังหวะที่เพลงหยุด เสียงวชรวรรษดังก้อง
"ฉันไม่ให้เธอไป" ใบไผ่อึ้ง ทุกคนหันมามองใบไผ่กับวชรวรรษเป็นตาเดียว
ย่าใหญ่เดินนำยามสองสามคนเข้ามาสั่งให้ลากตัววชรวรรษออกไป
"ถ้านายไม่อยากให้ฉันถูกย่าใหญ่ต่อว่าก็กลับไปซะ" "ฉันไม่กลับ
ฉันไม่มีวันยอมเสียเธอให้นายทองเอกเด็ดขาด" "นายทองเอกมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้"
วชร วรรษหันไปเห็นยามเข้ามากำลังจะถึงตัว ทันใดนั้นไฟในงานดับพรึ่บ
เสียงทุกคนร้องวี้ดว้ายด้วยความตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
แก้วขวัญเป็นคนสับสวิตช์ไฟในบ้านจนดับหมด หันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้นาท
"คุณแก้วนี่หัวแหลมเหมือนหัวลิงเลยนะครับ แบบนี้ผมต้องจูบให้รางวัลซะแล้ว" "ทะลึ่ง
รีบออกไปก่อนที่ย่าใหญ่จะมาเห็นเถอะ" สัก ครู่ไฟสว่างขึ้น
แต่ใบไผ่กับวชรวรรษหายตัวไปแล้ว ย่าใหญ่หัวเสียสั่งให้ยามออกตามหาวชรวรรษ
พวกของกริชต่างทำเป็นตกใจว่าใบไผ่หายไปไหน ย่าใหญ่เดาว่าต้องเป็นฝีมือของทั้งสี่คน
อุบลแก้วตัวว่าไม่รู้ไม่เห็น "พวกเธอจำใส่กะโหลกกันไว้นะ
ไม่เคยมีใครทำให้ฉันเสียหน้าเท่าผู้ชายคนนี้มาก่อน นายวชรวรรษ" วรรษา
วางสายจากแก้วขวัญหน้าระรื่นหันมาบอกธราทิตย์กับป้าแหววว่าทุกอย่างเป็นไป ตามแผน
วชรวรรษฉุดใบไผ่ออกไปจากงานเลี้ยงแล้วหายตัวไป
ธราทิตย์กับป้าแหววกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ แล้วธราทิตย์ก็ชะงักเริ่มคิดได้
"แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ แล้วพี่ชายคุณพาเพื่อนผมไปไหน" "เขาจะไปไหน
มันก็เรื่องของเขาสินายมาร์ค" "ไม่ได้ เกิดพี่ชายคุณพาเพื่อนผมไปปล้ำล่ะ"
"พี่ชายฉันเป็นสุภาพบุรุษพอย่ะ" "งั้นไหนๆ พี่ชายคุณก็จะได้ลงเอยกับไอ้ไผ่มันแล้ว
แล้วเราล่ะครับ เมื่อไหร่จะได้กัน" วรรษาอายป้าแหวว ป้าแหววทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
"ถ้าคุณไม่ยอมรับรักจากผม ผมจะยิงหัวใจคุณให้ทะลุเลยคุณฝน"
วรรษาหันมาหักข้อมือธราทิตย์ ธราทิตย์ร้องลั่น "โอ๊ยคุณฝน ผมเจ็บนะ ตัวแค่นี้
ทำไมแรงเยอะแบบนี้" "อย่าลืมสิว่าฉันเป็นน้องสาวเจ้าพ่อ" ระหว่าง
นั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ป้าแหววเดินไปรับสาย
แล้วมาบอกกับวรรษาว่านรารีโทรมาอยากรู้ว่าวชรวรรษอยู่ที่ไหน
วรรษารับสายบอกกับนรารีว่าวชรวรรษเข้านอนแล้วเพราะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อ
เตรียมงานแต่ง แล้วถามว่านรารีมีธุระอะไร "ไม่มีอะไร แค่โทรมาเฉยๆ" "โทรมาเฉยๆ
หรือโทรมาเช็คว่าพี่วัชรไปปาร์ตี้สละโสดรึเปล่าใช่มั้ยคะ" " ฉันแค่โทรมาหาเฉยๆ
เพราะยังไงวันพรุ่งนี้ฉันก็จะได้เป็นภรรยาของพี่ชายเธออย่างถูกต้องตาม กฎหมาย
เธอเตรียมตัวรอเจอพี่สะใภ้อย่างฉันไว้ดีกว่า
เพราะว่าฉันมีบทเรียนหลายอย่างที่จะสั่งสอนเธอ" นรารีวางสายกระแทกอย่างหงุดหงิด
วรรษาชะงัก ไม่พอใจ ธราทิตย์เดินเข้ามาหา "พูดแบบนี้กับคุณนรารีจะดีเหรอ"
"ทำไมจะพูดไม่ได้ ในเมื่อพี่วัชรบุกไปฉุดพี่ไผ่ ก็เท่ากับพี่วัชรเลือกพี่ไผ่แล้ว" "
ผมก็อยากให้เพื่อนผมเจอความรักที่แท้จริงจากพี่ชายคุณ
แต่ผมก็ยังไม่มั่นใจอย่าลืมว่าพรุ่งนี้พี่คุณต้องเข้าพิธีแต่งงาน อะไรๆ
อาจจะเกิดขึ้นก็ได้"0000000000000000 หลังจากออกมาจากงาน
วชรวรรษพาใบไผ่ขึ้นรถขับหนีมา "นายจะพาฉันไปไหนนายวชรวรรษ" วชรวรรษไม่ตอบ
ใบไผ่ชักฉุนบอกให้จอดรถ แต่วชรวรรษกลับเร่งเครื่องเร็วขึ้น ใบไผ่หัวเสีย
แย่งปืนจากอกเสื้อของวชรวรรษมา วชรวรรษตกใจหันไปเห็นใบไผ่เอาปืนชี้หน้า
"ทีนี้จะจอดหรือไม่จอด" "คุณไผ่ อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ" "ถ้าไม่จอดฉันยิงนายแน่" วชร
วรรษทำใจดีสู้เสือ "แน่จริงยิงเลย เราจะได้รถคว่ำตายทั้งคู่
ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องเกิดมาทะเลาะมาเกลียดขี้หน้ากัน เจอกันอีกที
จะได้พูดจาภาษาดอกไม้ ไม่เหนื่อยใจดี ยิงเลย" ใบไผ่ชะงัก "ยิงสิคุณ ทำไมไม่ยิงล่ะ"
วชรวรรษหันมามองใบไผ่ ไม่ได้มองทาง ใบไผ่หันไปเห็นรถเปลี่ยนไปอีกเลน "ระวัง!!"
วชรวรรษหันไปตกใจรีบหักรถกลับเข้าเลนตัวเอง "โธ่เอ๊ย ไอ้บ้า ขับรถมองถนนไปสิ"
"งั้นคุณก็ต้องไปกับผม โอเค้" ใบไผ่หัวเสียทำอะไรไมได้
วชรวรรษขับรถพาใบไผ่มาที่บ้านพักริมทะเล ใบไผ่ถือปืนลงมามองบ้านอย่างไม่ค่อยพอใจ
"พาฉันมาถึงที่นี่ทำไม ถ้าอยากคุยก็คุยกันที่กรุงเทพฯก็ได้"
"ฉันอยากคุยแบบไม่มีใครมารบกวน" "อย่ามาอ้างเลย นายคิดจะปล้ำฉันใช่มั้ย
นายใช้ที่นี่เป็นที่เชือดผู้หญิงของนายใช่มั้ยไอ้เจ้าพ่อหมาวัด" วชรวรรษถอนใจ
"ดูเราสองคนให้ดีนะคุณ ผมมือเปล่า ส่วนคุณมีปืนอยู่ในมือ
ถ้ามีคนมาเห็นเข้าคงเข้าใจว่าคุณนั่นแหละที่จี้ผมมาปล้ำ" "นาย!!"
วชรวรรษเดินเข้าบ้านไป ใบไผ่อึ้ง เจ็บใจ หัวเสีย เดินตามเข้าไปในบ้าน
มือยังถือปืนอยู่ วชรวรรษเดินออกมาแล้วโยนเสื้อผ้าให้ใบไผ่ "เปลี่ยนชุดซะ
ใส่ชุดนี้แล้วไม่คุ้น กระดากลูกตา" "นี่ถึงกับเตรียมพร้อมเสื้อผ้าไว้เลยเหรอ
อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น" "เสื้อผ้านี่ของแม่ผม" ใบไผ่ชะงัก
"ที่นี่เป็นบ้านพักตากอากาศของครอบครัวผม" "ฉันไม่เปลี่ยน เพราะไม่ได้อยากอยู่นาน
มีอะไรก็รีบๆ คุยมา" "เอาอย่างนั้นก็ได้ ฉันจะได้พูดตรงๆ
เธอจะหมั้นกับนายทองเอกเหรอ" "อะไรนะ ฉันเนี่ยนะหมั้นกับนายทองเอก" "ใช่
ยัยฝนบอกว่านายทองเอกจะมาขอหมั้นคุณกับคุณย่าใหญ่ในงาน" ใบไผ่ชะงัก ครุ่นคิด
"น้องฝนบอกนายเหรอ" "ฉันบอกเธอแล้วไงว่านายทองเอกไม่ใช่คนดี
ฉันเห็นกับตาว่ามันไปยุ่งกับคุณแพน แสดงว่าไอ้หมอนั่นไม่ได้จริงใจกับเธอเลย"
"แล้วไง นายเองก็กำลังจะแต่งงานกับคุณแพน แล้วมายุ่งกับฉันทำไม"
วชรวรรษไม่พอใจเข้ามาบีบไหล่ใบไผ่ "เธอนี่พูดไม่รู้เรื่อง
ตกลงเธอชอบคนเลวงั้นใช่มั้ย" "คุณทองเอกไม่ใช่คนเลว
นายต่างหากที่เลวจะต้องให้ฉันพูดย้ำคำนี้อีกกี่ครั้ง หา
คนเลวปล่อยมือออกจากตัวฉันได้แล้ว" "ฉันไม่ปล่อย" เสียงกริ๊กดังขึ้น
วชรวรรษตกใจก้มมองที่พุงตัวเองเห็นใบไผ่จ่อปืนอยู่ วชรวรรษมองใบไผ่นึกไม่ถึง
"คราวนี้ฉันเอาจริงนะเจ้าพ่อ" "ฉันยอมเธอก็ได้
แต่เธอต้องบอกฉันมาว่าเธอจะไม่แต่งงานกับนายทองเอก" "ทีนายยังแต่งงานกับคุณแพน
แล้วทำไมฉันต้องฟังนาย เอากุญแจรถมา" วชรวรรษนิ่ง ใบไผ่ยิ่งหงุดหงิด
"ฉันบอกให้เอากุญแจรถมา" วชร วรรษล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกุญแจรถออกมาชูให้เห็น
แต่พอใบไผ่จะเข้าไปแย่ง วชรวรรษกลับปาทิ้งออกไปข้างนอก
ใบไผ่เจ็บใจวิ่งออกมาที่หาดหากุญแจรถแต่หาไม่เจอ วชรวรรษตามออกมา
"ถ้าเธอไม่เลิกกับไอ้ทองเอก ฉันก็ไม่ให้กลับ" "นายไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน
ถ้าฉันหากุญแจรถเจอเมื่อไหร่ นายตายแน่" ใบ ไผ่ว่าเสร็จก็รีบหากุญแจรถต่อ
วชรวรรษมอง ตัดสินใจช่วงที่ใบไผ่เผลอ เข้าไปแย่งปืนจากมือใบไผ่
ทั้งสองยื้อยุดแย่งปืนกันไปมา วชรวรรษจับมือใบไผ่บิด จนปืนหล่น วชรวรรษเตะปืนไปไกล
ก่อนจะจับใบไผ่กดลงที่พื้น ในลักษณะขึ้นคร่อม "นายจะทำอะไร" "คำก็เลวสองคำก็ว่าเลว
เธออยากให้ฉันเลวจริงๆ ใช่มั้ย" วชรวรรษซุกไซร้พยายามปล้ำใบไผ่ "ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า
ปล่อย ไอ้หมาวัด นายบ้าไปแล้ว ปล่อยสิ ปล่อย" ใบไผ่ยิ่งโวย
วชรวรรษยิ่งกดใบไผ่จนจมทราย ใบไผ่หมดแรงนิ่งไป วชรวรรษชะงัก "ใบไผ่"
ใบไผ่หันหน้ามาน้ำตานอง วชรวรรษรู้สึกผิด ปล่อยมือออกจากใบไผ่
"นายพลาดแล้วที่ประมาทผู้หญิงอย่างฉัน" ใบ ไผ่ผลักวชรวรรษ แล้วชกหน้า วชรวรรษเซ
ใบไผ่รีบวิ่งไปหาปืน วชรวรรษเหลืออด รีบวิ่งตามจะไปแย่งปืน
สองคนถึงปืนพร้อมกันแต่ใบไผ่คว้าได้ก่อน ใบไผ่กวาดปืนมาที่วชรวรรษ "อย่ามาขู่
ฉันไม่เชื่อ" วชรวรรษจะแย่ง ปืน แต่ใบไผ่ยิงเปรี้ยง วชรวรรษชะงักทรุดลงกับพื้น
เลือดหยดเพราะกระสุนถากผ่านช่วงหัวไหล่ไป ใบไผ่ตกใจที่ยิงวชรวรรษ
วชรวรรษมองแขนตัวเองแล้วเอาอีกมือกุมปิดปากแผล มองใบไผ่แววตาเสียใจ ไม่พูดอะไร
เดินเซๆ ออกไป ใบไผ่งง มองว่าวชรวรรษจะเดินไปไหน
วชรวรรษเดินเลือดไหลเป็นทางเข้ามาที่พุ่มไม้ใกล้ๆ หาดและตัวบ้าน
พยายามค้นหาอะไรบางอย่าง ใบไผ่เดินตามมาอย่างรู้สึกผิด "นี่ ทำอะไร
เลือดนายไหลเยอะแบบนั้น ฉันว่ารีบเข้าไปทำแผลก่อนดีกว่า" วชรวรรษไม่ตอบ
ยังเดินมองหาอยู่ "โดนยิงแค่นี้ถึงกับเพี้ยนไปเลยเหรอ" วชรวรรษมองหาอีกครู่
พอเห็นก็รีบเดินเข้าไปหยิบกุญแจรถหันมาให้ใบไผ่ดู "เจอแล้ว" ใบไผ่ทำเป็นไม่สนใจ
วชรวรรษเอากุญแจรถยัดใส่มือใบไผ่ ใบไผ่งง "เธอกลับไปได้แล้วล่ะ
ฉันเข้าใจดีแล้วว่าฉันคงเปลี่ยนความคิดเธอไม่ได้"
วชรวรรษพูดเสร็จเดินตัวเซเลือดหยดเป็นทางเข้าไปในบ้าน
ใบไผ่ถือกุญแจรถพูดไม่ออกยิ่งรู้สึกแย่ วชร วรรษเดินเข้ามาในบ้าน
หน้าเริ่มซีดเพราะเสียเลือด เดินไปที่ตู้ยาหากล่องยามาเพื่อจะห้ามเลือดให้ตัวเอง
ใบไผ่เดินตามเข้ามายืนมอง วชรวรรษรื้อตู้ยาจนกระจุยกระจายหล่นเรี่ยราดเต็มพื้น
ถอนหายใจ ก้มลงจะเก็บแต่เจ็บแผล แล้วก็เห็นใบไผ่ "ลืมอะไรอีกล่ะ กลับไปสิ
หรือว่าต้องการมาดูว่าฉันตายรึเปล่า ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก
ลูกปืนแค่นี้คนเลวอย่างฉันเจอมาเยอะแล้ว แต่ก็ต้องขอบคุณที่เธอยิงฉัน
ทำให้ฉันได้สติ ไม่งั้นฉันคงเสียใจถ้าทำให้เธอเจ็บ" วชรวรรษพูดเหมือนจะ หมดแรง
ใบไผ่ไม่พูดอะไร มองวชรวรรษหยิบผ้าพันแผลกับยาขึ้นมา แล้วหันหลังจะเดินไป
แต่เสียงโครมดังขึ้นใบไผ่ตกใจหันไปเห็นวชรวรรษล้มหมดสติกับพื้น รีบเข้ามาดู
"นายหมาวัด นายวชรวรรษ" ใบไผ่ทั้งเขย่าตัวทั้งตบหน้าให้วชรวรรษรู้สึกตัว
แต่วชรวรรษยังนิ่ง ใบไผ่หน้าเสียใจเสีย
"นายอย่าใจเสาะมาตายเพราะถูกฉันยิงนะไอ้เจ้าพ่อบ้า" ใบไผ่ตบหน้าอีกทีอย่างแรง
วชรวรรษตาปรือตื่นขึ้นมา ใบไผ่ยิ้มโล่งใจ "ฉันเจ็บนะ
ถ้าอยากจะช่วยก็แค่ช่วยทำแผลก็พอ ไม่ต้องตบหน้า ยังไงฉันก็ไม่ตายหรอก"
พูดเสร็จวชรวรรษก็หมดสติไปอีก ใบไผ่มองวชรวรรษแล้วเบ้ปากหมั่นไส้
แต่ก็แอบโล่งใจอย่างประหลาดที่วชรวรรษไม่เป็นอะไร คืน นั้น
วชรวรรษนอนถอดเสื้ออยู่บนเตียงหลัง ใบไผ่ทำแผลให้วชรวรรษเสร็จแล้ว
จะเอาสำลีที่เช็ดเลือดไปทิ้ง หันมาเห็นวชรวรรษขยับจะลุกนั่ง "นอนเฉยๆ สิ
เลือดนายออกเยอะมากรู้ตัวรึเปล่า" "รู้" "รู้แล้วยังทำเก่ง แทนที่จะรีบมาห้ามเลือด
กลับไปหากุญแจรถ ทำแมนเป็นพระเอกเกาหลีแต่หน้านายมันเกาเหลา" "ก็ผม" "ไม่ต้องพูด
ขี้เกียจฟังอะไรเน่าๆ เดี๋ยวฉันจะตามลูกน้องของนายให้มาดูแลนาย" ใบไผ่จะออกไป
แต่วชรวรรษจับมือหญิงสาวไว้ "ไม่ต้องตามใครมาหรอก ถ้าเธอจะกลับก็กลับไปเถอะ
ทิ้งให้ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวดีกว่า" "เจ็บขนาดนี้ยังมีแก่ใจมาพูดจาอย่างนี้อีกเหรอ
พรุ่งนี้วันแต่งงานของนาย นอนพักเยอะๆเถอะ เดี๋ยวเป็นเจ้าบ่าวไม่ได้" "ใบไผ่
อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ได้มั้ย" ใบไผ่นิ่งเงียบไป "อยู่กับฉันได้มั้ย ใบไผ่" "นาย
นายพูดอะไรของนาย" " แค่คืนนี้เท่านั้น ฉันอยากให้เธออยู่กับฉัน ไม่มีมาเฟีย
ไม่มีคนอื่น แค่เราสองคนเท่านั้น ได้มั้ย ใบไผ่ ฉันอยากผ่านคืนนี้ไปกับเธอเท่านั้น"
ใบไผ่ใจหวิว เกือบจะใจอ่อน แต่ก็ได้สติ ค่อยๆ แกะมือออก "เลิกพูดเพ้อเจ้อได้แล้ว
ถ้าคืนนี้นายไข้ขึ้น นายไม่รอดแน่ ฉันจะกลับไปตามลูกน้องนายมา" ใบ ไผ่เดินออกไป
วชรวรรษมองตามตาละห้อยแล้วรู้สึกเจ็บแผลขึ้นมาอีก
ในขณะที่ใบไผ่เดินมาที่รถของวชรวรรษ เปิดประตูเข้าไปนั่ง
ลังเลว่าจะเสียบกุญแจรถเข้าไปดีหรือไม่
เงยหน้ามองไปในบ้านคิดอยู่ครู่ก่อนจะเสียบกุญแจรถสตาร์ทเครื่อง0000000000000 เช้า
วันใหม่แก้วขวัญแปลกใจ ว่าวชรวรรษยังไม่พาใบไผ่กลับมา
ถ้าคุยกันแล้วก็ไม่น่าจะหายไปด้วยกันทั้งคืน นาทบอกว่าเขาโทรไปหาวรรษาแล้ว
แต่วรรษาก็ไม่รู้ว่าพี่ชายหายไปไหน
และวรรษาก็ร้อนใจเพราะวันนี้เป็นวันแต่งงานของวชรวรรษ
อุบลกับกริชตกใจเพราะไม่รู้มาก่อน นรารีเดินถือโทรศัพท์ไปมาอยู่ใน ห้อง
ลังเลว่าจะโทรดีหรือไม่ ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจโทรไปหาทองเอก แต่ทองเอกปิดมือถือ
พยุทธ์เดินเข้ามาดุนรารีว่าจะแต่งงานอยู่แล้วยังจะโทรหาผู้ชายคนอื่น
"แพนแค่จะโทรไปบอกเขา ไม่ได้คิดอะไรนี่คะพ่อ"
"แกรู้มั้ยว่าวันนี้เป็นวันที่ฉันรอมานานมากแค่ไหน" "แพนรู้ค่ะ
แล้วก็รู้ด้วยว่าแพนต้องทำอะไรบ้าง" นรารีแกะมือพยุทธ์ออก "รีบแต่งตัวได้แล้ว "
พยุทธ์เดินออกไป นรารีสีหน้าอำมหิตพอกับพ่อ เพราะเธอร่วมมือกับพ่อมาโดยตลอด วชร
วรรษหน้าซีดหน้าเซียวตื่นขึ้นมา รู้สึกแปลกใจที่มีผ้าชุบน้ำวางไว้บนหน้าผาก
หันไปเห็นอ่างใส่น้ำ เขาค่อยๆ พยุงตัวเองลุกจากเตียงแล้วเดินออกไปที่ระเบียงบ้านพัก
ร้องเรียกทศกับวิชญ์แต่ไม่มีเสียงตอบ ระหว่างนั้นเสียงของใบไผ่ดังขึ้น
"หายดีแล้วเหรอไงถึงได้ลุกขึ้นเดินไปเดินมา" วชรวรรษอึ้ง
เห็นใบไผ่ซึ่งเปลี่ยนชุดเป็นชุดที่เขาเอามาให้เมื่อคืน "ใบไผ่ เธอยังอยู่เหรอ"
"ถ้าไม่อยู่แล้วจะเห็นเหรอ" "ฉันนึกว่าเธอกลับไปตั้งแต่เมื่อคืน
ฉันได้ยินเสียงเธอขับรถออกไป" "ขับไปถึงบางแสนแล้วล่ะ แต่กลัวว่าถ้าลูกน้องนายมาช้า
เดี๋ยวเจ้าพ่อใจเสาะอย่างนายจะตายซะก่อน ฉันไม่อยากติดคุกข้อหาฆ่าคนตาย"
วชรวรรษยิ้ม "เธอเป็นห่วงฉันใช่มั้ยใบไผ่" ใบไผ่เขินทำโวยกลบเกลื่อน "นายหมาวัด
ถ้าลุกเดินได้แล้วปากดีขนาดนี้ ฉันจะได้กลับ" ใบไผ่จะเดินออกไป
วชรวรรษรีบเข้าไปขวาง "เดี๋ยวก่อน อยู่กับฉันก่อนนะ" ใบไผ่ไม่อยากสบตากลัวใจอ่อน
"ฉันไม่ว่าง" "แต่ฉันหิว ตั้งแต่เมื่อคืนฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย
เธอทำอะไรให้ฉันกินก่อนแล้วค่อยกลับได้มั้ยใบไผ่"
ใบไผ่มองหน้าวชรวรรษที่ส่งสายตาเว้าวอนแล้วก็ใจอ่อนยอมทำให้ข้าวต้มให้ชายหนุ่มกิน
"ของเหลือในบ้านมีอยู่แค่นี้ รีบๆ กินซะ
อย่าลืมว่านายวันนี้นายยังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่แต่งตัวสวยที่สุดในชีวิตเพื่อนาย"
วชรวรรษคิดแล้วก็กินไม่ลง "แล้วเธอล่ะ ถ้านายทองเอกเขาขอเธอแต่งงาน
เธอจะสวยที่สุดในชีวิตเพื่อเขารึเปล่า" "รีบกินเข้าเถอะ มัวแต่พูดอยู่นั่นแหละ"
วชรวรรษก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มกินทันทีแล้วก็สะดุ้ง "โอ๊ยร้อน" "สมน้ำหน้า
ใครใช้ให้นายรีบกินแบบนั้น ข้าวเพิ่งต้มเสร็จมันก็ต้องร้อนสิ มานี่
ต้องเป่าให้เย็นก่อน" ใบไผ่เอาชามข้าวต้มมาเป่าให้
วชรวรรษมองใบไผ่สายตาอ่อนโยนคิดถึงอดีตตัวเอง " ใบไผ่ รู้มั้ย ตอนเด็กๆ
บ้านฉันไม่ได้รวยอะไรเลย แม่เป็นแม่บ้าน ส่วนพ่อเป็นผู้จัดการในคลับ ตอนเป็นเด็ก
ฉันนิสัยเสียเป็นเด็กกินยาก สิ่งที่แม่ทำให้ฉันกินบ่อยที่สุดก็คือข้าวต้ม
เพราะว่ามันเป็นของถูก" ใบไผ่มองวชรวรรษตั้งใจฟัง "
แต่วันหนึ่งแม่ก็ล้มลงที่หน้าเตาตอนที่กำลังหุงข้าวต้มให้ฉัน พ่อรีบพาแม่ไปหาหมอ
หมอบอกว่าต้องใช้เงินรักษาแม่เป็นจำนวนมาก แต่พ่อไม่มีเงิน
พ่อเลยต้องรับทำงานที่คนอื่นไม่ทำจากเจ้านาย" "พ่อนายรับทำงานอะไร" "ฆ่าคน"
ใบไผ่ชะงัก "ตั้งแต่งานนั้นเป็นต้นมา พ่อก็มีชื่อเสียงในวงการมาเฟีย
หนทางเดียวที่พ่อจะถอนตัวออกมาได้ก็คือ วันที่พ่อตาย" ใบไผ่นิ่งไป
พยายามเปลี่ยนเรื่อง ยื่นชามข้าวต้มให้วชรวรรษ "ข้ามต้มเย็นแล้ว รีบๆ กินซะ" "
รู้มั้ยทำไมฉันถึงเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟัง เพราะว่ารสชาติข้าวต้มที่เธอทำให้ฉัน
มันเหมือนที่แม่ทำให้ฉันกินไม่มีผิด ใบไผ่ ฉันไม่ได้อยากเป็นคนเลวเลยนะ"
"ฉันเข้าใจนายแล้ว ต่อไปฉันจะเลิกว่านายว่าเป็นคนเลว พ่อคนดีรีบๆ กินซะ
จะได้กลับไปแต่งงานกับคุณนรารี นายจะได้เป็นคนดีล้างมือจากอาชีพมาเฟียกับเขาสักที"
ใบไผ่ลุกเดินออกไป วชรวรรษมองชามข้ามต้ม แล้วตักกินอย่างช้าๆ
ราวกับว่าไม่ได้สัมผัสรสอาหารแบบนี้มานาน รถ ของวชรวรรษแล่นเข้ามาจอด
วรรษาออกมาเห็นใบไผ่ลงจากรถมาก่อนก็ดีใจรีบออกมารับ
วชรวรรษลงจากรถตามมาที่ไหล่มีผ้าพันแผล วรรษาเห็นตกใจ "พี่วัชร เกิดอะไรขึ้น
ทำไมพี่วัชรบาดเจ็บ" "พี่เป็นคนยิงพี่ชายของฝนเอง" "หา!! ทำไมล่ะพี่ไผ่
หรือว่าพี่วัชรทำอะไรพี่ไผ่" "ไม่ใช่จ๊ะ คือ" "เป็นความผิดพี่เองฝน
พี่ไผ่ของฝนเขาไม่ฆ่าพี่ก็บุญแล้ว" " เพราะฝนใช่มั้ย
ฝนทำให้พวกพี่ทะเลาะกันใช่มั้ยคะ
ฝนแค่อยากให้พี่วัชรรู้ใจตัวเองว่าพี่วัชรรักพี่ไผ่ไม่ใช่คุณแพน ฝนขอโทษนะคะพี่ไผ่"
วชรวรรษนิ่งหันไปมองใบไผ่ ใบไผ่ไม่หันไปมอง แต่กลับเดินมาคุยกับวรรษา "ฝน
พี่ขอคุยกับฝนตามลำพังได้มั้ย" ใบไผ่กับวรรษาเดินมาตรงมุมหนึ่ง "ฝนบอกพี่มา
ฝนรู้เรื่องพี่กับนายทองเอกได้ยังไง
แล้วไปเอาข่าวที่พี่จะหมั้นกับนายทองเอกมาจากไป" "พี่ไผ่เลิกเล่นละครได้แล้วค่ะ
ฝนรู้ความจริงแล้วว่าพี่ไผ่กับนายทองเอกเป็นคนเดียวกัน" "นี่ฝนรู้แล้วเหรอ
รู้ได้ยังไง รู้จากใคร น้าแก้วบอกใช่มั้ย" "ค่ะ" "น้าแก้วนะน้าแก้ว ไว้ใจไม่ได้เลย"
"อย่าไปว่าน้าแก้วเขาเลยนะคะพี่ไผ่
พวกเรากุเรื่องพี่จะหมั้นกับนายทองเอกขึ้นมาก็เพราะว่าพวกเราอยากทดสอบพี่วัชรค่ะ"
"ทดสอบอะไร" " ก็ความรู้สึกของพี่วัชรไงคะ พอฝนบอกว่าพี่ไผ่จะหมั้นกับคุณทองเอก
พี่วัชรก็บุกไปพาพี่ไผ่ออกมาจากงานเลี้ยง
แค่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าพี่วัชรเลือกพี่ไผ่ พี่ไผ่คะ
พี่ไผ่ต้องห้ามไม่ให้พี่วัชรแต่งงานนะคะ" "พี่ห้ามเขาไม่ได้
เพราะนี่คือชีวิตของพี่ชายฝน ไม่ใช่ชีวิตพี่" "พี่ไผ่ พี่วัชรทำขนาดนี้แล้ว
พี่ไผ่ยังไม่รู้อีกเหรอคะว่าพี่วัชรรักพี่ไผ่" "ไม่รู้ เพราะเขาไม่เคยบอกพี่"
วรรษาพูดไม่ออก "วันนี้เป็นวันที่สำคัญของพี่ชายฝน
และผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่กำลังรอเขาอยู่ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามนั้น
พี่ช่วยฝนแก้ไขอะไรไม่ได้" "แต่ฝนไม่อยากให้พี่วัชรแต่งงานกับคุณแพน"
"ฝนต้องยอมรับความจริงให้ได้ อย่าเอาพี่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเลย
แล้วก็อย่าบอกพี่ชายฝนเรื่องนายทองเอกกับพี่" "ทำไมล่ะคะพี่ไผ่" ใบ ไผ่ไม่สบายใจ
เพราะเธอรู้ว่าถ้าวชรวรรษรู้ความจริงว่าเธอกับทองเอกเป็นคนเดียวกัน
เขาต้องยกเลิกงานแต่งงาน เธอไม่อยากได้ชื่อว่าแย่งวชรวรรษมาจากผู้หญิงคนอื่น
"พี่บอกไม่ได้" ยังไม่ทันที่วรรษาจะถามต่อ วชรวรรษเดินเข้ามา ใบไผ่หันไปมอง
แล้วเดินไปหา "ขอให้นายมีความสุขมากๆ นะ" "แล้วเธอกับนายทองเอกล่ะ"
ใบไผ่ไม่พูดหันไปมองวรรษา วรรษาเงียบ "ฉันกลับล่ะ" ใบไผ่หันหลังเดินออกไป
วชรวรรษมองด้วยความเสียใจจบตอน 17
แม่ค้าขนมหวาน 18
วชรวรรษเข้ามาในห้องใบหน้าเศร้าหมอง วรรษาตามพี่ชายเข้ามาติดๆ "พี่วัชร
พี่วัชรจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ เหรอคะ ตอบฝนมาสิพี่วัชร"
วชรวรรษยังเอาแต่เงียบไม่พูดอะไร วรรษาน้ำตาคลอจะร้องไห้ "ทำไมล่ะพี่วัชร
ในเมื่อพี่วัชรรู้ใจตัวเองแล้วว่าคนที่พี่วัชรรักและแคร์คือพี่ไผ่" "ฝน
พี่กับพี่ไผ่ไม่ใช่อย่างที่ฝนคิดหรอก" " ทำไมจะไม่ใช่ล่ะ
ถึงขนาดนี้แล้วพี่ยังปฏิเสธหัวใจตัวเองอีกเหรอคะ ถ้าพี่วัชรไม่รักพี่ไผ่
พี่วัชรจะฉุดพี่ไผ่แล้วหายไปด้วยกันทั้งคืนทำไม" "เรื่องระหว่างพี่กับใบไผ่
มันไม่มีทางเป็นไปได้"
วชรวรรษพูดแค่นั้นแล้วหันไปหยิบชุดเจ้าบ่าวที่แขวนอยู่จะออกไป
วรรษาขวางไม่ให้พี่ชายออกไป "พี่วัชร ฝนขอร้อง
พี่วัชรอย่าแต่งงานกับคุณนรารีเลยนะคะ" "ฝน
พี่เป็นคนเริ่มต้นเรื่องคุณนรารีขึ้นมาเองนะ" "พี่เริ่มด้วยตัวเอง
พี่ก็จบด้วยตัวเองได้เหมือนกัน" วรรษาแย่งชุดเจ้าบ่าวมาจากวชรวรรษ
วชรวรรษมองวรรษาอ่อนอกอ่อนใจ ระหว่างนั้นวิชญ์เดินเข้ามา "นายครับ
คุณพยุทธ์โทรมาบอกให้นายไปเจอที่โรงแรมเลยครับ" "ฝนได้ยินแล้วใช่มั้ย
ขอชุดให้พี่เถอะ" วรรษามองวชรวรรษน้ำตาไหลด้วยความเสียใจ โมโห ปาชุดใส่วชรวรรษ
"ถ้าพี่วัชรอยากไม่มีความสุขตลอดชีวิตก็เชิญ ฝนจะไม่สนใจพี่อีกแล้ว"
วรรษาวิ่งร้องไห้ออกไป วชรวรรษหยิบชุดเจ้าบ่าวขึ้นมาอย่างลังเล
นรารีใส่ชุดเจ้าสาวนั่งอยู่หน้ากระจก พยุทธ์เปิดประตูเข้ามาจับไหล่นรารี
ใบหน้าของนรารีดูไม่ค่อยมีความสุขนัก " ยิ้มสิ ยิ้มเพื่อพ่อแค่นี้ไม่ได้เหรอ
ตอนที่พ่อคุยกับลูกเรื่องนายวชรวรรษ ลูกเองก็เห็นด้วยตั้งแต่แรกไม่ใช่เหรอ แพน
ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยไม่มีการเสียสละ
สิ่งที่ลูกทำครั้งนี้เป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดสำหรับพ่อ" นรารีฝืนยิ้มออกมา "ดีมาก
แพน ไปกันได้แล้ว คุณวัชรจะไปเจอเราที่โรงแรม"
ระหว่างนั้นลูกน้องเข้ามาบอกพยุทธ์ว่าวชรวรรษมาขอพบ
พยุทธ์แปลกใจว่าไม่ได้นัดกันที่บ้าน "อ้าวคุณวัชร ทำไมมาที่นี่ล่ะ
เรานัดเจอกันที๋โรงแรมไม่ใช่เหรอ" "ผมขอโทษด้วยครับคุณพยุทธ์
ผมปล่อยให้งานแต่งงานระหว่างผมกับคุณแพนเกิดขึ้นไม่ได้ครับ" พยุทธ์กับนรารีตกใจ
"ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด คุณไปกินอะไรผิดสำแดงมารึเปล่า" วชร วรรษรู้สึกผิด
"ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ ผมตั้งใจจะมาขอโทษว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาผมได้หลอกลวงคุณสองคน
การที่ผมเข้ามาตีสนิทกับคุณแพนจนลงเอยด้วยการแต่งงานก็เพราะว่าผมต้องการหา
คนที่สะอาดบริสุทธิ์มาช่วยล้างภาพมาเฟียของผม"
พยุทธ์ชกหน้าวชรวรรษเปรี้ยงด้วยความโกรธแค้นที่ทำให้เขาเสียแผน
"คุณรู้มั้ยว่าคุณทำให้ผมต้องเสียอะไรไปบ้าง" "ผมยินดีที่จะรับผิดชอบ
ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดครับ" "แค่นั้นเองเหรอคะคุณวัชร
คุณเดินเข้ามาในบ้านแพนแล้วบอกว่าคุณหลอกใช้แพน แล้วก็จะชดใช้ให้แค่เนี้ยนะ"
"ผมขอโทษครับคุณแพนที่ผมทำให้คุณต้องเสียความรู้สึก" "ทำไม ทั้งๆ
ที่คุณกำลังจะแต่งงานกับลูกสาวผมอยู่แล้ว"
"ก็เพราะคุณวัชรเขาชอบผู้หญิงคนอื่นอยู่น่ะสิคะคุณพ่อ
ยัยแม่ค้าขนมหวานคนนั้นใช่มั้ยที่ทำให้คุณวัชรกล้ามาปฏิเสธแพนถึงที่นี่"
วชรวรรษเงยหน้ามองนรารีสีหน้าเปลี่ยนไป นรารีจับอาการได้ ทั้งโกรธทั้งเจ็บปวด
"ใช่มันจริงๆ ด้วย นี่ผู้หญิงอย่างแพนต้องมาแพ้นังแม่ค้าขนมกระจอกๆ คนนั้นเหรอ
นังบ้า แพนเกลียดมัน เกลียดคุณด้วยคุณวัชร" นรารีสุดจะทนเงื้อมือตบหน้าวชรวรรษ
แล้ววิ่งขึ้นบ้านไป พยุทธ์จ้องหน้าวชรวรรษ "แกรนหาเรื่องกับฉันแล้วนายวชรวรรษ"
0000000000000000 อุบล
เดินไปเดินมาชะเง้อมองหน้าบ้านด้วยความกังวลใจที่ใบไผ่ยังไม่กลับบ้าน
กริชคิดว่าใบไผ่อาจจะเสียท่าวชรวรรษแล้วอายจนไม่กล้ากลับบ้าน
แต่พอทุกคนเห้นใบไผ่กลับเข้ามาก็ดีใจ กรูกันเข้าไปหาแย่งกันถามเรื่องที่ใบไผ่หายไป
คิดว่าจะเสียท่าวชรวรรษไปแล้ว "โอ๊ย คิดแต่ละอย่างให้ไผ่เหลืออะไรดีมั่งได้มั้ย"
ย่าใหญ่เดินเข้ามา "ถูกผู้ชายฉุดหายไปทั้งคืน มันจะเหลือดีกลับมาเหรอ" ทุก
คนหันไปเห็นย่าใหญ่ยืนหน้าตาเอาเรื่อง ต่างเสียวสันหลังวาบ
ย่าใหญ่ยืนกรานจะจับใบไผ่ใส่ตะกร้าล้างน้ำ และนัดดูตัวกับผู้ชายที่เธอหาไว้ให้ใบไผ่
ทันใดนั้นเสียงวชรวรรษดังขึ้น "จะไม่มีการดูตัวอะไรทั้งนั้น!!"
ทุกคนหันไปมองวชรวรรษด้วยความตกใจ โดยเฉพาะใบไผ่
วชรวรรษเดินเข้ามายกมือไหว้ย่าใหญ่และทุกคน ย่าใหญ่มองวชรวรรษเหยียดหยาม
"นี่แกยังกล้ามาเหยียบที่นี่อีกเหรอ" "กล้าสิครับคุณย่าใหญ่ ก็ในเมื่อ"
วชรวรรษดึงใบไผ่มายืนข้างๆ แล้วโอบแน่น "เมื่อคืนนี้ผมกับใบไผ่ได้เสียกันแล้ว
ผมก็ต้องกล้ามาหาภรรยาของผมสิครับ" ทุกคนตาเหลือก
ใบไผ่หันไปมองวชรวรรษตกใจนึกไม่ถึง "คุณ นี่คุณพูดอะไร" วชร
วรรษไม่ตอบกลับยิ่งโอบใบไผ่แน่นยืนยันให้ย่าใหญ่เห็น ย่าใหญ่โกรธจัด
เครียดขึ้นเลยกระตุกลมขึ้นจะเป็นลมตัวเซ กริชกับนาทรีบเข้ามาประคอง
อุบลกับแก้วขวัญต้องรีบปฐมพยาบาล วชรวรรษแอบหน้าเสีย ใบไผ่โมโหสุดๆ
ดึงวชรวรรษออกไปคุยกันข้างนอก "ไอ้บ้าเอ๊ย นี่นายมาหาเรื่องอะไรให้ฉันอีก
ฉันกับนายมีอะไรกันที่ไหน" "ฉันไม่ได้หาเรื่องเดือดร้อนให้เธอ
แต่ฉันมาช่วยเธอไม่ให้ถูกย่าใหญ่จับใส่ตระกร้าล้างน้ำต่างหาก"
ใบไผ่ชะงักไปเพราะจริงอย่างที่วชรวรรษพูด "แต่เธอไม่ต้องขอบใจฉันหรอก
เพราะในเมื่อเธอเชื่อว่าฉันเป็นคนดี ฉันก็จะเป็นคนดีเพื่อเธอ ใบไผ่
ฉันยกเลิกการแต่งงานกับคุณแพนแล้วนะ" "นายว่าไงนะ" " เธอพูดถูกทุกอย่าง
ตลอดเวลาที่ฉันใช้ชีวิตเป็นมาเฟีย ฉันก็เลวมากพอแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าฉันอยากล้างมือ
ฉันก็ควรเป็นคนดีไม่หลอกคนอื่นอีก เธอดีใจมั้ยใบไผ่" "ทำไมฉันต้องดีใจ
นายตัดสินใจอะไรไปมันก็เรื่องของนาย ไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องของฉัน" "อ๋อใช่สิ
ฉันลืมไปว่าเธอมีแฟนจะหมั้นกับเขาแล้วด้วยนี่
แล้วไหนล่ะถึงเวลาคับขันแบบนี้ไม่เห็นมันจะโผล่หัวมาช่วยเธอเลย" ใบไผ่อึ้งไป "ฉัน
ฉันไม่อยากให้เขามายุ่ง" "ทำไม รักกันไม่ใช่เหรอ
หรือว่าเป็นห่วงกลัวมันโดนคุณย่าเล่นงาน" "หยุดประชดฉันสักที
ฉันกับคุณทองเอกไม่ได้จะหมั้นกัน ทุกคนเข้าใจผิดกันไปเอง" วชรวรรษดีใจขึ้นมาทันที
"จริงเหรอใบไผ่" "ถ้าหูหนวกก็กลับบ้านไปซะ" ใบไผ่จะเดินหนี วชรวรรษรีบตามไปขวาง
"งั้นเรื่องเธอกับย่าใหญ่เธอก็ให้ฉันช่วยเธอสิ" "ไม่ต้อง ฉันแก้ปัญหาของฉันเองได้"
" ไม่อยากให้ฉันช่วยก็ตามใจ แต่เธอก็รู้จักฉันดี คนอย่างฉันไม่เลิกง่ายๆ หรอก
ต่อให้เธอแต่งกับคุณชาย หรือว่าไอ้ทองเอก ฉันก็จะรังควาญไม่เลิก
จะตามไปสาธยายให้ละเอียดยิบว่าคืนที่เธอถูกฉันฉุดไป มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง" "นี่
ไหนบอกว่าเลิกเป็นมาเฟียแล้วไง นั่นวิธีการข่มขู่ของพวกมาเฟียชัดๆ" วชร
วรรษหน้ากวนไม่ตอบ ใบไผ่มองวชรวรรษแล้วคิด ก่อนจะตัดสินใจบางอย่าง
ก่อนจะเดินเข้ามาหาย่าใหญ่ซึ่งเพิ่งฟื้นจากการเป็นลม ย่าใหญ่ลุกเดินมาหาทันที
"อย่าคิดว่าฉันจะยอมให้จบง่ายๆ นะ ยังไงฉันก็ไม่มีวันยอมให้เธอสองคนลงเอยกัน
ใบไผ่ต้องแต่งงานกับคนที่ฉันเลือกเท่านั้น" วชร วรรษจับมือใบไผ่แน่นสีหน้ามุ่งมั่น
"แต่ผมว่ายังไงคุณย่าก็ต้องยอมครับ
เพราะผมจะประจานให้ทุกคนรู้ว่าใบไผ่เคยถูกผมฉุดหายไปด้วยกันทั้งคืน
ถึงตอนนั้นคงไม่มีใครอยากแต่งงานกับใบไผ่ ส่วนคุณย่าก็ต้องเสียผู้ใหญ่
ไม่มีใครยอมรับนับถือ" ย่าใหญ่อึ้ง ใบไผ่หน้าเสียแต่ก็ต้องยอมตามแผนของวชรวรรษ
"ยัยใบไผ่" "ไผ่ขอโทษค่ะคุณย่า ไผ่คงไม่เหมาะสมกับค่าราคาที่คุณย่าตั้งไว้อีกแล้ว"
ย่าใหญ่หันไปจ้องวชรวรรษด้วยความโกรธแค้น "ฝากไว้ก่อนเถอะนายวชรวรรษ" ย่า
ใหญ่เดินฉับๆ ออกไป
วชรวรรษถอนหายใจโล่งอกหันมามองใบไผ่แล้วทั้งคู่ก็หันไปเห็นสายตาของกริชและ
อุบลที่มองอยู่ แววตาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
แล้วทุกคนก็ได้รู้ว่าที่ใบไผ่และวชรวรรษบอกย่าใหญ่ไปนั้นเป็นเรื่องโกหกทั้ง หมด
"ถ้าไม่ทำอย่างนั้นแล้วคุณย่าใหญ่จะยอมถอยเหรอป้า
เพราะฉะนั้นเรื่องเมื่อคืนนี้ระหว่างไผ่กับคุณวัชร ไม่มีอะไรอย่างที่ทุกคนคิด" "วะ
ข้าก็นึกว่าคุณวัชรจะเลียนแบบข้าตอนหนุ่มๆ หนุ่มแน่นซะเปล่า ไร้น้ำยา" "ลุง!!
ยังอยากให้หลานเคารพนับถืออยู่อีกรึเปล่า" "แหม ข้าก็ล้อเล่นน่า"
"แต่ก็ต้องขอบใจคุณวัชรนะคะ อุตส่าห์ปฏิเสธการแต่งงานแล้วมายังช่วยไผ่อีก"
แก้วขวัญพูดขึ้น "ความจริงผมไม่ได้ช่วยไผ่หรอกครับ แต่ผมช่วยตัวเอง"
ทุกคนมองวชรวรรษแปลกใจ "คุณลุงคุณป้าครับ
ผมขอโทษด้วยที่เมื่อคืนนี้ผมทำให้คุณลุงคุณป้าต้องเสียหน้า" "ไม่เป็นไรหรอก
หน้าลุงเขาหนาไม่ค่อยรู้สึกอะไรหรอก" อุบลปลอบ "ไม่ได้หรอกครับ
ถ้าแฟนของใบไผ่เขามาต่อว่าคุณลุงกับคุณป้า จะทำให้เสียผู้ใหญ่" " ปัดโธ่เอ๊ย
ถ้าเป็นเรื่องไอ้ไผ่กับนายทองเอกอะไรนั่นล่ะก็ พ่อวัชรไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก
เพราะว่าแฟนไอ้ไผ่ที่ชื่อทองเอก มันเป็นคนเดียวกับ..."
นาทกับแก้วขวัญเห็นกริชกำลังจะหลุดปาก
นาทรีบร้องลั่นขัดจังหวะบอกว่าเขาหิวแล้วอยากให้ใบไผ่ปทำอะไรให้กิน
พลางชวนวชรวรรษออกไปด้วยกัน วชรวรรษกำลังยืนดูกับข้าวที่โต๊ะ
ส่วนนาทลากใบไผ่ออกมาห่างๆ เพื่อคุย "ไหนบอกหิว ทำไมไม่ไปกินล่ะอานาท"
"ไม่ได้หิวจริงหรอก" " นึกแล้วเชียว ท่าทางลับลมคมนัย นี่แนะ บอกไผ่มาเดี๋ยวนี้
อาสมรู้ร่วมคิดกับน้าแก้วไปโกหกไอ้หมอนั่นเรื่องไผ่จะหมั้นกับนายทองเอกใช่ มั้ย"
"โอ๊ยๆๆ โธ่เอ๊ยไอ้ไผ่ ก็หนูฝนเขามาขอร้องไม่อยากให้พี่ชายเขาแต่งงานกับคนอื่นนี่"
"แต่ไผ่ไม่สนุกด้วยเลยนะ เห็นมั้ยว่ามันวุ่นวายไปกันใหญ่ขนาดไหน"
"ก็ขนาดที่เขารู้กันทั้งบ้านแล้วนั่นแหละ" "หา นี่ลุงกับป้าก็รู้แล้วเหรอ โธ่เอ๊ย
น้าแก้วนะน้าแก้ว น่าจะเปลี่ยนชื่อจากแก้วขวัญเป็นนกแก้วนกขุนทองจริงๆ" " เอาน่า
ไอ้เรื่องวุ่นๆ นี่มันก็เริ่มมาจากเอ็งเหมือนกันนั่นแหละ
แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยดีไม่ใช่เหรอ เพราะถ้าไม่ใช่เพราะทองเอก
เอ็งจะได้รู้เรอะว่าพ่อวัชรเขารักเอ็งขนาดไหน" ใบไผ่ชะงักไป "รักบ้าอะไรล่ะอา"
"ไม่ได้รักบ้าแต่รักเอ็ง
ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ฉุดเอ็งออกมาแล้วยังกล้าหาญพูดกับคุณย่าอย่างนั้นหรอก"
ใบไผ่คิดตามที่นาทพูด นาทยิ้มชอบใจคิดอะไรขึ้นมาได้เลยหันไปเรียกวชรวรรษ
"นี่อาจะทำอะไรอีก" " เฉยเหอะน่า อาคุยกับไผ่เรื่องนายทองเอกให้แล้วนะ
อาว่าถ้าไม่อยากให้มีปัญหากันทีหลัง
พ่อวัชรน่าจะนัดเจอนายทองเอกแล้วคุยกันให้เคลียร์" "อานาท!!" "ก็ดี ครับ
ผมเองก็เป็นลูกผู้ชายทำอะไรก็ต้องกล้ารับยิ่งกับผู้หญิงของคนอื่น
แต่ก็ต้องถามใบไผ่ด้วยเหมือนกันว่าจะยอมให้แฟนเขามาเจอกับผมรึเปล่า" " ยอมอยู่แล้ว
เคลียร์กันไปให้จบก็ดี เพราะบอกตรงๆ
ว่าอาเองก็ไม่รู้ว่านายทองเอกนั่นรักหลานสาวของอาจริงรึเปล่าหรือมันแค่ชอบ
หลอกคนอื่นไปวันๆ"
ใบไผ่สุดจะทนที่อานาทช่างชงให้เธอกับนายวชรวรรษเหลือเกินเลยเหยียบเท้านาทร้องจ๊ากแล้วเดินออกไป
"ไม่ต้องห่วง อาเข้าข้างพวกที่เป็นลูกผู้ชาย แมนๆ"00000000000000000 วรรษา
นั่งร้องไห้เสียใจอยู่คนเดียวที่ริมน้ำเมื่อนึกถึงว่าวชรวรรษต้องแต่งงานกับ นรารี
ระหว่างนั้นธราทิตย์เข้ามาหาวรรษาบอกว่าวชรวรรษให้มาตาม
เพราะวชรวรรษยกเลิกการแต่งงานกับนรารีแล้ว วรรษารีบกลับบ้าน
โผเข้าไปหาวชรวรรษด้วยความดีใจ "พี่วัชร
พี่วัชรรู้มั้ยว่าพี่เป็นพี่ชายที่ดีที่สุดในโลกเลย"
"ดีตรงที่ทำตามใจเราทุกเรื่องใช่มั้ย" "แล้วเป็นเรื่องดีมั้ยล่ะ" วชรวรรษยิ้ม
"ขอบใจนะฝนที่ทำให้พี่คิดได้ นายด้วย ขอบใจนายมากที่พาน้องสาวฉันมาส่ง"
"ไม่เป็นไรครับ คุณวัชร ผมเองก็มีเรื่องที่อยากบอกคุณด้วยเหมือนกัน
อย่าทำให้เพื่อนผมเสียใจนะครับ ไม่อย่างนั้นผมไม่เอาคุณไว้แน่" "นี่นายย้อนฉันเหรอ"
ธรา ทิตย์ยิ้มแฉ่ง "ผมล้อเล่นน่ะครับพี่ชาย แหมใครจะไปกล้าลองของกับพี่ชายล่ะคร้าบ
แต่ผมพูดจริงนะครับเรื่องที่ผมไม่อยากเห็นไผ่เสียใจ ไผ่เป็นเพื่อนที่ผมรักมาก
คุณรับปากผมได้รึเปล่าครับคุณวัชร" "แน่นอน
ฉันจะทำให้ใบไผ่เป็นผู้หญิงที่มีความสุขมากที่สุด ฉันสัญญา" เช้าวันรุ่งขึ้น
วชรวรรษนัดเจอกับทองเองที่ตึกร้างแห่งหนึ่ง รออยู่นานทองเอกก็ยังไม่มา "โธ่เอ๊ย
ไอ้ผู้ชายขี้ขลาด" วชรวรรษกำลังจะออกไป เสียงใบไผ่ในคราบทองเอกดังขึ้น
"ใครกันแน่ที่ขี้ขลาด ถ้าคุณเป็นสุภาพบุรุษ
คุณคงไม่ใช้วิธีฉุดแฟนผมออกไปจากงานเลี้ยงให้เธอต้องเสียหายหรอก"
"แกจะเรียกฉันยังไงก็ได้ ฉันไม่สนใจคำพูดของแก
แต่รู้ไว้ด้วยว่าที่ฉันต้องทำเพราะฉันไม่ต้องการเสียใบไผ่ให้กับแก" ใบ
ไผ่ชะงักเมื่อวชรวรรษพูดมาแบบนี้ "คุณนี่มันเป็นผู้ชายหน้าหนาจริงๆ
รู้ทั้งรู้ว่าใบไผ่กับผมคบกันอยู่ คุณก็ยังเข้ามาวุ่นวายกับเธอ"
"ก็เพราะเรื่องนี้แหละ วันนี้ฉันถึงต้องนัดแกให้ออกมา ฉันอยากเคลียร์เรื่องใบไผ่"
"เรื่องอะไร" "ฉันรักใบไผ่" ใบไผ่อึ้ง "นะ นายว่าไงนะ" "แกได้ยินไม่ผิดหรอก
ฉันรักใบไผ่ ได้ยินมั้ยว่า ฉันรักใบไผ่ !!" "โอ๊ย ได้ยินแล้วไม่ต้องตะโกนกรอกหู
แล้วนายเคยบอกรักใบไผ่เขาแล้วเหรอ" "นั่นมันเรื่องของฉัน แกไม่เกี่ยว
แต่ที่ฉันบอกแกเพื่อให้แกได้รู้ว่าตอนนี้ฉันพร้อมที่จะแย่งใบไผ่มาจากแก"
ใบไผ่หน้าแดงเขินแต่พยายามกลบเกลื่อน "หน้าด้าน
ทำแบบนี้มันเท่ากับว่าจงใจแย่งแฟนคนอื่น นิสัยมาเฟียชัดๆ" "
ถ้าฉันบอกรักใบไผ่แล้วฆ่าแกปิดปากสิ นั่นถึงจะเป็นนิสัยมาเฟีย
แต่ที่ฉันมาเผชิญหน้ากับแกแบบนี้ เขาเรียกว่าวิธีของลูกผู้ชาย
เพราะฉันมั่นใจว่าฉันสามารถดูแลและปกป้องใบไผ่ได้ดีกว่าแก" ใบไผ่หัวใจเต้นแรง
เลือดสูบฉีด หน้าแดง วชรวรรษผงะ "เป็นอะไร ฉันบอกรักใบไผ่ ไม่ได้บอกรักแก
ทำไมแกต้องหน้าแดงด้วย" ใบไผ่ตกใจทำโวยวายผลักวชรวรรษให้ออกห่าง "มันจะมากไปแล้ว
ยังไงใบไผ่ก็ไม่มีทางทิ้งฉันไปหาแกหรอก" "รู้ได้ไง ฉันอยู่กับใบไผ่
ฉันยังไม่เคยได้ยินใบไผ่บอกรักแกสักคำ เพราะฉะนั้นฉันมีสิทธิ์ ต่อไปนี้ ใครดีใครได้
เข้าใจนะไอ้หน้าอ่อน" วชร วรรษพูดจบหันหลังเดินออกไป ใบไผ่ยืนนิ่ง อึ้ง
ทำอะไรไม่ถูกที่โดนบอกรักในคราบผู้ชาย ใบไผ่มาที่ร้านแก้วขวัญด้วยอาการเหม่อลอย
แก้วขวัญกับนาทรีบซัก "ไผ่ ไผ่เป็นอะไร คุณวัชรเขาทำอะไรไผ่มาเหรอ" "น้าแก้ว อานาท
ไผ่ว่าถึงเวลาที่นายทองเอกจะต้องตายแล้วล่ะ" แก้วขวัญตกใจ "หา
นี่คุณวัชรเขาคิดจะฆ่าปิดปากนายทองเอกเลยเหรอ" "สงสัยคงจะหึง
เลยต้องการจัดการเสี้ยนหนามหัวใจ" นาทพลอยตกใจไปด้วย
"งั้นฉันว่าเราควรจะบอกความจริงเรื่องใบไผ่กับนายทองเอกเป็นคนเดียวกันให้เขารู้"
"ไม่ต้องบอกอะไรให้เขารู้นะน้าแก้ว เขาไม่ได้คิดจะทำอะไรทองเอกหรอก" "อ้าว
แล้วมันยังไง น้าไม่เข้าใจ" "เอาเป็นว่า น้าแก้วเอาชุดของนายทองเอกไปเก็บเถอะ
ต่อไปนี้ไผ่จะไม่ปลอมตัวเป็นนายทองเอกอีกแล้ว" ใบไผ่ลุกเดินออกไป
แก้วขวัญยังสงสัยแต่นาทรู้ทัน
"ผมรู้แล้วล่ะครับว่าทำไมไอ้ไผ่ถึงบอกว่าถึงเวลาที่นายทองเอกต้องตาย"
"ยังไงคะคุณนาท" "ไอ้ไผ่ให้ทองเอกตายก็เพราะว่า
ต่อไปนี้โลกนี้จะเหลือแค่ไอ้ไผ่กับคุณวัชรสองคนเท่านั้น"
แก้วขวัญคิดตามแล้วยิ้มออกมาก่อนจะร้องไชโยตีมือกัน แต่นาทฉวยโอกาสกอดแก้วขวัญหมับ
"คุณนาท ปล่อยฉันนะ" "ไม่ปล่อยหรอกครับ
ก็ตอนนี้ในร้านนี้เหลือเราอยู่สองคนแล้วไม่ใช่เหรอครับ" "คนบ้า!!"
แก้วขวัญเอียงหน้าหลบเขินอาย นาทถือโอกาสหอมแล้วยิ้มกรุ่มกริ่ม ใบ
ไผ่กลับมาในร้านด้วยอาการเหม่อลอย ใครพูดอะไรไรก็เหมือนไม่ได้ยิน
ทำขนมก็ตัดส่วนผสมผิดๆ ถูกๆ จนทองหยอดแซวว่าอาการเหมือนคนตกหลุมรัก
ใบไผ่ยิ่งเขินหนัก วรรษาเดินลงมาชั้นล่าง เห็นทศเดินเข้าไปหาวชรวรรษพร้อมโทรศัพท์
วรรษาเดินมาแอบฟัง "นายครับ
คุณวิทวัสจะเรียนสายกับนายเรื่องธุรกิจที่จะขายต่อน่ะครับ" วชร
วรรษพยักหน้ารับโทรศัพท์แล้วเดินเลี่ยงออกไป
วรรษามองสงสัยก่อนจะถามทศเรื่องขายกิจการ
แล้วก็รีบเข้าไปหาพี่ชายในห้องทำงานเพื่อถามให้แน่ใจ
พร้อมกับบอกว่าเธอดีใจและภูมิใจที่พี่ชายจะกลับตัวเป็นคนดี
ในขณะที่พยุทธ์รู้ข่าวจากเสี่ยทำนุว่าวชรวรรษจะขายกิจการให้คนอื่นก็โมโหมาก
นรารีเครียดรีบไปหาวชรวรรษที่บ้านตีบทโศกร้องไห้ ทำเอาวชรวรรษใจไม่ดี
"คุณวัชรคะแพนขอโทษ ไม่ว่าแพนจะเคยทำอะไรให้คุณวัชรไม่พอใจ แพนยอมรับผิดทุกอย่าง
คุณวัชรให้โอกาสแพนอีกครั้งนะคะ" "คุณแพนครับ ผมไม่โกรธคุณหรอกครับ
แต่เราคงกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้จริงๆ" "ทำไมคะ แพนทำอะไรผิด
คุณวัชรบอกแพนมาสิคะ แพนจะได้ปรับปรุงตัวใหม่เพื่อคุณ"
"มันผิดตั้งแต่พี่แพนเกิดมาแล้วล่ะค่ะ"
นรารีชะงักลุกขึ้นมองวรรษาที่เดินเข้ามาอย่างไม่พอใจ
"พี่วัชรเขาก็บอกแล้วว่าไม่ได้รัก แต่พี่แพนก็ยังทำตัวเป็นแมลงวันมาเกาะแข้งเกาะขา
น่าเกลียดที่สุด" วชรวรรษลุกขึ้นยืนปราม "ฝน" วรรษา ไม่สนใจจ้องหน้านรารี
"รู้เอาไว้ซะด้วยนะคะพี่แพน
ที่พี่แพนมาออดอ้อนขอคืนดีกับพี่วัชรไม่ได้ผลก็เพราะว่าตอนนี้
พี่วัชรเขาเป็นแฟนกับพี่ไผ่แล้ว" "จริงเหรอคะคุณวัชร" "เอ่อ คือ จริงครับ"
"คุณวัชรทำแบบนี้ได้ยังไง ยกเลิกงานแต่งงานกับแพนยังไม่ถึงวัน
ก็กลับไปคบกับนังแม่ค้านั่น" "ผมขอโทษครับคุณแพน
แต่เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้จริงๆ" "ป้าแหวว" วรรษร้องเรียก "ขา" "ส่งแขกค่ะ"
"ไม่ต้อง!!จำไว้นะคะคุณวัชร คุณไม่รู้หรอกว่ากำลังเล่นอยู่กับอะไร" นรารีกลับมาบ้าน
เสี่ยทำนุหันไปยิ้มหวานให้นรารีแต่นรารีไม่สนใจ "ไง ได้เรื่องมั้ย ยายแพน"
พยุทธ์ถามอย่างร้อนใจ "ได้อะไรล่ะ คุณวัชรตกลงเป็นแฟนกับนังนั่นแล้ว
นึกไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงที่ไม่มีอะไรอย่างมันจะทำให้ผู้ชายทุกคนหลงมันได้ หึ"
"ถ้ามันเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ ทำไมแกถึงเอาชนะมันไม่ได้ หา" พยุทธ์ตวาดเสียงดังลั่น
นรารีหน้าเสีย เสี่ยทำนุ เดินมาหา " เอาน่าคุณพยุทธ์ อย่าว่าลูกสาวคุณเลย
ที่ผ่านมาลูกสาวคุณก็ทำดีที่สุดแล้ว ผมว่าเรามาคิดหาทางอื่นดูดีกว่า"
เสี่ยทำนุพูดไปก็มองนรารีกรุ้มกริ่ม นรารีไม่ชอบสายตาที่มอง "ถ้าพ่อไม่มีอะไรแล้ว
แพนขอตัวนะคะ"000000000000000 ใบ ไผ่นั่งปั้นแป้งไปด้วย เหม่อไปด้วย
พลันมีคนมาสะกิดที่ไหล่ ใบไผ่หันไปเจอวชรวรรษยื่นหน้ามาหอมแก้มฟอดใหญ่
ใบไผ่ตกใจรีบผละออกห่างแล้วปาแป้งที่กำลังปั้นใส่วชรวรรษ วชรวรรษรับหมับแล้วยิ้ม
"ไอ้บ้า นายทำอะไร ฉวยโอกาสกับฉันเหรอ" ใบไผ่ด่าไปถูแก้มไป "อ้าว
ผิดด้วยเหรอก็เราเป็นแฟนกันแล้วนี่" "คิดเองเออเองน่ะสิ
ฉันยังไม่ได้สะสางเรื่องที่นายไปหาเรื่องคุณทองเอกเลยนะ" " มันมาฟ้องเธอเหรอ
สงสัยมันจะเป็นตุ๊ด ขี้ฟ้อง นิสัยเหมือนผู้หญิงแบบนี้ ฉันแมนกว่ามันตั้งเยอะ
เธอน่าจะเลิกคบกับเขาแล้วหันมาคบกับฉันคนเดียวมากกว่า" "นาย!!" "เดี๋ยว
ก่อนที่จะด่าฉันต่อ ไปดูก่อนมั้ยว่ากลิ่นอะไรไหม้" ใบไผ่ดมๆ นึกได้ ตกใจ "แย่แล้ว
ขนมชั้น!!" "อ๋อ ทำขนมชั้นเอาไว้เหรอ อืม กำลังอยากกินขนมชั้นอยู่พอดี" "ไม่ใช่
ขนมไหม้หมดแล้ว" ใบ ไผ่รีบเปิดตู้อบเอาขนมออกมา วชรวรรษมองท่าทางใบไผ่แล้วอมยิ้ม
ใบไผ่เอาถาดขนมมาวาง ขนมไหม้เกือบหมด ใบไผ่รีบเอามือออกมาจับหูเพราะจับถาดร้อน
วชรวรรษจับมือใบไผ่มาดู "ไหนมาดูสิ" วชรวรรษเอามือใบไผ่ขึ้นมาเป่าอย่างถะนุถนอม
ใบไผ่ชะงักหน้าแดง พยายามเรียกสติกลับมา ดึงมือออก "นิสัยมาเฟียไม่หายเลยใช่มั้ย
ชอบนักไอ้เรื่องฉวยโอกาส" "เอ้า ฉันเป็นห่วงเธอหรอกนะ
ปกติไม่เห็นเคยทำขนมพลาดแบบนี้นี่ อ๋อ
หรือว่ามัวแต่ดีใจที่มีผู้ชายแย่งกันเลยมือตก" "นายหมาวัด!!"
ใบไผ่คว้าที่นวดแป้งขึ้นมาจะฟาด วชรวรรษรีบยกมือห้าม "เฮ้ยๆๆ ฉันแค่แซวเล่น ใจเย็นๆ
สิ" ระหว่างนั้นเกดเดินเข้ามา ถามว่าขนมเสร็จหรือยัง ใบไผ่หน้าเสียเพราะขนมไหม้หมด
สั่งให้เกดไปบอกลูกค้าให้รอก่อน "หา จะดีเหรอพี่ไผ่ ลูกค้าเขาต้องใช้คืนนี้นะพี่"
"เพราะนายแท้ๆ เลยนายหมาวัด" "อ้าว โทษผมได้ยังไง คุณนั่นแหละเอาแต่นั่งเหม่อ"
"ก็ถ้านายไม่กวนประสาท ฉันก็ไม่ลืมขนมหรอก โธ่เอ๊ย แล้วนี่ฉันจะทำยังไงเนี่ย" วชร
วรรษกับใบไผ่ออกไปรับหน้าลูกค้า แล้ววชรวรรษก็รับปากว่าจะทำขนมให้เสร็จทันคืนนี้
ลูกค้าสบายใจจึงกลับออกไป ใบไผ่ดึงวชรวรรษให้หันมาทันที "นี่
นายรับปากกับลูกค้าไปชุ่ยๆ ได้ยังไง ฉันจะทำทันที่ไหน
ฉันมีสามคนรวมกันแค่หกมือเองนะ" วชรวรรษชูมือขึ้น "ไม่เห็นยาก
นี่อีกสองมือก็เป็นแปด แค่เธอบอกว่าต้องทำยังไงเดี๋ยวก็เสร็จ"
"น้ำหน้าอย่างนายจะทำได้เหรอ" "ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้
ฉันเคยบอกแล้วไงว่าฉันจะมาขอเป็นลูกมือเธอถ้าฉันไม่มีงานทำ" "หมายความว่าไง"
"ฉันกำลังจะขายธุรกิจในมือฉันให้คนอื่น อีกหน่อยฉันคงกลายเป็นคนตกงาน
เป็นลูกจ้างร้านขนมหวานดูน่าจะเป็นงานที่สนุกนะ" ใบ ไผ่มองวชรวรรษด้วยความนึกไม่ถึง
จากนั้นเธอก็ลงมือสอนวชรวรรษทำขนม โดยให้เอาไข่แดงออกจากไข่ขาว วชรวรรษทำตามใบไผ่
แต่แรงไปหน่อย ทำให้ไข่แดงแตก "เบาๆ หน่อยสิ ทำแบบนั้นฉันขาดทุนพอดี"
วชรวรรษหันไปซุบซิบเกดกับทองหยอด "แม่ครัวคนนี้ดุจัง สงสัยกินของหวานมากไป"
"นายหมาวัด ถ้านายพูดมาก ฉันจะไล่ออกเดี๋ยวนี้" "ขอโทษคร้าบลูกพี่
ผมไม่พูดมากแล้วคร้าบ" วชร วรรษช่วยใบไผ่นวดแป้ง คลึงแป้งให้เป็นแผ่นแบนๆ
วชรวรรษนึกสนุกโยนแป้งขึ้นฟ้า แต่รับไม่ทัน แป้งหล่นใส่หัวใบไผ่ วชรวรรษยิ้มแหย
ใบไผ่โมโหเอาแป้งป้ายหน้าวชรวรรษ วชรวรรษเอาแป้งป้ายหน้าใบไผ่คืนเป็นที่สนุกสนาน
ขนม ชนิดต่างๆ ทยอยกันทำเสร็จออกมา สีสันดูน่ากิน
วชรวรรษยืนดมกลิ่นขนมด้วยความชื่นใจ ยื่นมือไปจะหยิบ กลับโดนใบไผ่ตีเข้าให้
วชรวรรษสะดุ้งหันไปมองใบไผ่ที่ถลึงตาใส่ วชรวรรษยิ้มเจื่อน พอใบไผ่คล้อยหลัง
วชรวรรษรีบเอาขนมขึ้นมากินทั้งคำด้วยความเอร็ดอร่อย ก่อนจะหันไปเอามือแตะปากตัวเอง
ไม่ให้เกดกับทองหยอดบอกใบไผ่ ในที่สุดขนมก็ทำเสร็จส่งให้ลูกค้าได้ทันเวลา
"ไผ่ต้องขอโทษอีกครั้งนะคะ วันหลังจะไม่ให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก"
"ไว้มาคราวหน้าผมจะลดให้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยครับ" ใบไผ่หันขวับไปมองวชรวรรษ
ลูกค้ายิ้มชอบใจเดินออกไป "นายหมาวัด นายเป็นเจ้าของร้านรึไง
ลดแบบนั้นร้านฉันจะไปกำไรมาจากไหน" เกดกับทองหยอดหัวเราะใบไผ่กับวชรวรรษ
ใบไผ่ชะงักแก้เก้อ "เกดกับหยอดถ้าไม่มีอะไรทำ ก็กลับบ้านได้แล้ว"
"แล้วใครจะช่วยพี่ไผ่เก็บร้านล่ะคะ" "ไม่เป็นไร พี่เก็บเอง
สองคนเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว กลับเถอะ" เกดกับทองหยอดเดินออกไป วชรวรรษยืนนิ่ง
"ยืนเฉยทำไม เก็บร้าน ให้สะอาดด้วยล่ะ" ใบไผ่ส่งไม้กวาดให้วชรวรรษ
"ครับครับได้ครับลูกพี่" วชรวรรษทำความสะอาดร้านจนหมดสภาพ
ทิ้งตัวนั่งลงด้วยความหอบเหนื่อย
มองไปเห็นใบไผ่ยังคงเก็บร้านเช็ดกระจกไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย
"ไม่นึกเลยว่าทำร้านขายขนมมันจะเหนื่อยขนาดนี้" "ก็ใช่น่ะสิ
มันไม่ง่ายเหมือนเปิดบ่อนหรอกนะ งานสุจริตถึงจะได้เงินไม่เยอะแต่มันก็น่าภูมิใจ
แล้วนี่หิวรึเปล่า" วชรวรรษหน้าบาน "เธอจะทำอาหารให้ฉันกินเหรอ
นี่ฉันหูฝาดไปรึเปล่า" "ถ้าพูดมากก็ไม่ต้องกิน"
วชรวรรษทำท่ารูดซิบปากแล้วนั่งเจี๋ยมเจี้ยม สักพักใบไผ่เอาข้าวผัดร้อนๆ
ออกมาวางตรงหน้าวชรวรรษ วชรวรรษสูดกลิ่นเข้าเต็มปอด "ฮ้า ชื่นใจ นี่ใบไผ่
ฉันทั้งนวดขนม ทั้งถูพื้น ทั้งเช็ดโต๊ะมาทั้งวันจนเมื่อยมือไปหมดแล้ว
เธอป้อนฉันหน่อยสิ" "เกินไป ตอนนี้นายเป็นลูกจ้างฉัน
แค่ข้าวผัดจานเดียวก็คุ้มค่าจ้างนายแล้วนายหมาวัด" "โห เคี่ยว แบบนี้ฟ้องกรมแรงงาน
ใช้งานผมจนมือสั่นแบบนี้แล้วยังไม่เห็นใจอีก" "เวอร์แล้ว ทีจับปืนจับมีดล่ะได้
ทำงานร้านขนมแค่เนี้ย ทำบ่น" "แต่ผมยังมีงานอีกอย่างนะ
ลืมรึเปล่าว่าผมรับงานเป็นแฟนคุณด้วย ที่รักจ๋า ป้อนสิ อ้ำๆๆเร็วที่รัก หิวแล้ว"
"นี่คุณย่าไม่ได้อยู่แถวนี้นายไม่ต้องมาทำเล่นละครตบตาใคร"
"แล้วถ้าคุณย่าคุณโผล่มาล่ะ" "คุณย่าจะมาโผล่ในนี้ได้ยังไงกัน" ใบ ไผ่พูดไม่ทันจบ
เสียงรถก็มาจอดที่หน้าร้าน ใบไผ่กับวชรวรรษมองไป
พอเห็นคนที่ลงจากรถเป็นย่าใหญ่ก็ตกใจหันมามองหน้ากัน เมื่อลงจากรถ
ย่าใหญ่เดินดูสภาพรอบๆ ร้าน ส่วนใบไผ่กับวชรวรรษมองอย่างแปลกใจ
"คุณย่ามาที่นี่มีธุระอะไรเหรอคะ" "ฉันมีธุระกับเธอ แล้วก็ไอ้หมอนี่"
"มีธุระกับผมเหรอครับ" "นายวชรวรรษ วชิรธาน
คนอย่างเธอไม่เหมาะสมกับหลานสาวฉันเลยสักนิด" วชรวรรษแปลกใจ
ใบไผ่สงสัยว่าที่ย่าใหญ่พูดหมายถึงอะไร "
หล่อนนึกยังไงถึงไปคว้าผู้ชายคนนี้มาเป็นแฟน
ถ้าใครรู้เข้ามีหวังตระกูลฉันพังย่อยยับที่หลานสาวมาเป็นแฟนกับมาเฟียเจ้า
พ่ออ่างอบนวด ฉันสืบเรื่องของเธอมาหมดแล้วนายวชรวรรษ
คนสกปรกอย่างเธอถอยไปให้ห่างจากหลานสาวฉันเลย" "คุณวัชรเขาล้างมือแล้วนะคะคุณย่า"
"มันก็แค่คราบสกปรกภายนอกเท่านั้นแหละ
แต่ไอ้ความเลวข้างในที่มันโสโครกเน่าเหม็นยังไงใครรู้เข้าก็ไม่มีทางปิดได้มิดหรอก"
" ผมยอมรับครับว่าอดีตผมเคยเป็นมาเฟียทำธุรกิจผิดกฎหมายมาเยอะ
แต่ตอนนี้ผมหันหลังให้กับวงการแล้วจริงๆ คุณย่ากรุณาให้โอกาสผม
เหมือนอย่างที่ใบไผ่ให้โอกาสผมเถอะนะครับ" "คนอย่างเธอไม่ต้องมาถามหาโอกาสกับฉัน!!"
"แต่คุณย่าเป็นผู้ใหญ่น่าจะใจกว้างนะครับ" ย่าใหญ่ชะงักกำมือแน่น " คุณย่าคะ
คนสำนึกผิด เราควรให้อภัยไม่ใช่เหรอคะ
คุณย่าให้โอกาสคุณวัชรเถอะนะคะไผ่ขอร้องล่ะค่ะคุณย่า
ไผ่ขอเลือกทางเดินชีวิตของไผ่เอง ถ้าผู้ชายคนนี้จะทำให้ไผ่ผิดหวัง
ไผ่ก็จะไม่เสียใจค่ะ" คำพูดใบไผ่ทำให้ย่าใหญ่พูดไม่ออก
"ฉันมาเตือนหล่อนด้วยความหวังดี แต่ถ้าหล่อนยังยืนกราน ก็จำคำพูดหล่อนไว้
สักวันไอ้หมอนี่จะนำหายนะมาสู่ครอบครัวของเธอ" ย่าใหญ่เดินออกไปด้วยความเจ็บใจ
วชรวรรษหันมามองใบไผ่รู้สึกดี จากนั้นวชรวรรษก็พาใบไผ่มาส่งที่หน้าบ้าน
"ฉันส่งเธอแค่นี้นะ ดึกแล้วเธอจะได้พักผ่อน" ใบไผ่พยักหน้า กำลังจะเดินเข้าไป
วชรวรรษนึกได้ "เดี๋ยวใบไผ่ ขอบคุณมากที่ช่วยพูดกับคุณย่าให้ฉัน" "ฉันไม่ได้ช่วยนาย
ฉันต้องช่วยตัวเองไม่ให้ถูกย่าใหญ่จับคลุมถุงชน" วชรวรรษหน้าเศร้า
"ถ้าอย่างนั้นละครรักหลอกๆ ของเราก็ถึงตอนจบแล้วสิ" "ใช่ มันจบแล้ว"
"แต่ถ้าฉันอยากเป็นแฟนเธอขึ้นมาจริงๆ ล่ะใบไผ่" ใบไผ่อึ้ง แต่ทำเป็นไม่พอใจ "
ถ้าเป็นเพราะไอ้นายทองเอกอะไรนั่น มันไม่ใช่ผู้ชายที่ดีสำหรับเธอหรอก
วันนี้ฉันอยู่กับเธอทั้งวัน ฉันไม่เห็นมันจะโทรมา หรือโผล่หัวมาเลย
เนี่ยเหรอผู้ชายที่บอกว่ารักเธอ เขาไม่เห็นช่วยเธอแก้ปัญหาอะไรเลยด้วยซ้ำ" "ก็เขา
เขาไม่ว่าง" " ที่ไม่ว่างก็เพราะไปหาคุณแพนน่ะสิ ฉันจะบอกให้นะ ผู้ชายถ้าเขารักจริง
ยุ่งยังไงเขาก็ต้องโทรหา ต้องหาทางมาเจอหน้า ผมไม่อยากพูดให้คุณเสียใจ
แต่ไม่อยากให้คุณถูกผู้ชายคนนั้นหลอก" "นายไม่ต้องมาใส่ไฟ
ทองเอกเขาไม่ได้มีอะไรกับคุณแพน ต่อไปอย่าพูดถึงเขาเสียๆ หายๆอีก
ฉันจะเข้าบ้านแล้ว" ใบไผ่หันหลัง วชรวรรษรีบพูด "ใบไผ่ ฉัน ฉัน"
วชรวรรษอยากจะบอกว่ารักแต่กลับนิ่งไป ใบไผ่หันกลับมามองแต่เห็นวชรวรรษเงียบ
"หลับฝันดีนะ" พูดเสร็จวชรวรษเดินออกไป ใบไผ่ถอนหายใจกับผู้ชายปากแข็ง
แต่ไม่ทันอึดใจวชรวรรษกลับวิ่งกลับเข้ามาแล้วดึงใบไผ่มากอดแน่น "นายวัชร
นายจะทำอะไร" "ผมรักคุณ" ใบ ไผ่อึ้ง
ถึงแม้จะเคยได้ยินมาก่อนแล้วแต่ก็ไม่เท่ากับที่เขาพูดต่อหน้า
วชรวรรษบรรจงประทับริมฝีปากเข้าที่ริมฝีปากของใบไผ่อย่างแผ่วเบายิ่งทำ ให้
ใบไผ่หัวใจเต้นแรงทำอะไรไม่ถูก "แล้วคุณล่ะ รักผมบ้างมั้ย" ใบ ไผ่ไม่ตอบ
ผลักวชรวรรษแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านปิดประตู วชรวรรษได้แต่ยืนมอง ใจอยากได้คำตอบ
ใบไผ่หัวใจเต้นแรงอยู่ในห้องนอนทำตัวไม่ถูก เดินไปเดินมาเหมือนคนคุมสติตัวเองไม่ได้
ใบไผ่เดินไปที่หน้าต่างเห็นวชรวรรษยังยืนอยู่หน้าบ้าน
เธอไม่รู้จะทำอย่างไรจะเดินออกไปบอกเขาว่ารู้สึกอย่างไร หรือจะปล่อยให้เขากลับไป
ใบไผ่ยืนตัดสินใจอยู่ครู่ วชรวรรษก็ถอดใจหันหลังเดินกลับไป
ใบไผ่รู้สึกใจเต้นแรงนั่งลงกับเตียงมือแตะที่ริมฝีปากจบตอน 18
แม่ค้าขนมหวาน 19
นาท กับแก้วขวัญนั่งกินมะม่วงด้วยกันใต้ต้นมะม่วงอย่างมีความสุข
แล้วนาทก็สารภาพรักกับแก้วขวัญว่าทั้งสี่ห้องหัวใจของเขามีแก้วขวัญเพียงคน เดียว
แก้วขวัญอายจัดหน้าแดง เอามะม่วงยัดปากนาท นาทเคี้ยวอมยิ้ม
พลางกุมมือแก้วขวัญทั้งสองข้าง "คุณแก้วยอดดวงใจของผม แต่งงานกับผมนะครับ"
แก้วขวัญตีนาทรัว "บ้า บ้า บ้า บ้า คนบ้า!!" "อุ๊ย เจ็บ แต่ก็รัก
ตกลงคุณแก้วจะแต่งงานกับผมหรือเปล่าครับ ว่าไงครับคุณแก้ว"
แก้วขวัญยืนบิดด้วยความเขิน ทันใดนั้นแก้วขวัญก็เงยหน้าขึ้นมามองนาท
"คุณนาทได้กลิ่นอะไรมั้ยคะ กลิ่นหอมๆ" "ช่างกลิ่นหอมๆ มันก่อนเถอะครับ
ผมอยากรู้ว่าคุณแก้วจะแต่งงานกับผมมั้ย" แก้วขวัญไม่สนใจรีบลุกเดินออกไปตามกลิ่น
"คุณแก้ว คุณแก้วจะไปไหน คุณแก้ว!!" นาทนอนละเมอเรียกหาแก้วขวัญเสียงหลง
ยื่นมือควานหา แล้วลืมตาตื่น สะดุ้งอยู่บนเตียง "อ้าวเฮ้ย ฝันไปเหรอวะ โธ่เอ๊ย
คุณแก้วเกือบจะตกลงแต่งงานกับเราอยู่แล้วเชียว"
นาททั้งเซ็งทั้งเสียดายจะลุกจากที่นอนพลันได้กลิ่นอาหารลอยมา
"ใครลุกมาทำกับแต่เช้าวะ หอมชะมัด" นาทเดินมาเจอกริช อุบล
และเข่งแอบอยู่ตรงหน้าครัว
นาทแปลกใจมองเข้าไปในครัวเห็นใบไผ่กำลังทำอาหารอย่างขะมักเขม้น "อ้าว ไอ้ไผ่นี่เอง
มิน่ากลิ่นกับข้าวถึงได้หอมน่ากินจนปลุกให้ตื่น
แล้วนี่มันจะเตรียมกับข้าวไปทำบุญเหรอพี่อุบล" "วันนี้วันพระที่ไหนล่ะ"
"อ้าวแล้วมันเป็นอะไรของมันถึงได้ลุกมาทำกับข้าวแต่เช้า" " เอ็งไม่คุ้นๆ เหรอไง หา
ไอ้นาท ไอ้เหตุการณ์แบบนี้
ข้าว่ามันคลับคล้ายคลับคลาเหมือนตอนที่มันลุกมาทำอาหารรสจัดไปถวายวัด
จนทำให้กุฏิแทบแตก ยังจำกันได้มั้ย" กริชถามขึ้น ทุกคนนิ่งคิดตาม อุบลบเห็นจริง
"เออใช่จริงด้วย ตอนนั้นไอ้ไผ่มันมีท่าทางแปลกๆ ก็เลยทำอาหารรสชาติเพี้ยนๆ
หรือว่าไอ้ไผ่มันเป็นอะไรไปอีก" วชรวรรษถือถาดข้าวต้มออกมาให้วรรษา ป้าแหวว
และธราทิตย์ ซึ่งนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร "หน้าตาน่าทานจังเลยนะคะคุณวัชร"
"ถ้าน่าทานก็ทานให้หมดนะครับป้าแหวว" "แล้วนี่ถ้าผมขอต่อชามที่สอง
คุณวัชรจะมีให้อีกมั้ยครับ" "มีอีกตั้งหม้อ" วชรวรรษชวนวิชญ์กับทศให้นั่งกินด้วยกัน
เมื่อข้าวต้มเข้าปาก ทุกคนก็ชะงักตาโต "ไม่น่าเชื่อ
รสชาติเหมือนทานในร้านอาหารเลยค่ะคุณวัชร" ป้าแหววชม ธราทิตย์ยิ้มกรุ้มมกริ่ม
"ท่าทางจะได้ครูดีจริงๆ นะครับเนี่ย" "ไม่ได้สิ ขืนทำไม่อร่อย
จะไปเป็นผู้ช่วยแม่ครัวมือหนึ่งได้ยังไง จริงมั้ย" วชรวรรษยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
ทุกคนยิ้มด้วย วรรษาเหลือบมองพี่ชายด้วยความสงสัย ธราทิตย์สังเกตเห็นอาการของวรรษา
"คุณฝน ไม่อร่อยเหรอ ถ้าคุณไม่ชอบ ผมขอนะ" "ตะกละ ที่ฉันไม่กิน
ไม่ได้แปลว่าไม่อร่อย แต่ฉันกำลังสงสัย" ธราทิตย์แปลกใจ
วรรษาไม่รอช้าเดินไปหาวชรวรรษบอกว่าเธออยากคุยด้วย "มีอะไรยัยฝน"
"บอกฝนมาเดี๋ยวนี้นะ เมื่อคืนพี่วัชรไปหาพี่ไผ่มามันต้องมีอะไรดีแน่ๆ เลยใช่มั้ยคะ"
วชรวรรษชะงักยิ้มเขินๆ "ยุ่งเรื่องผู้ใหญ่น่า
สงสัยพี่ต้องอบรมมารยาทให้เราแล้วมั้ง" "ไม่ต้องมาหาเรื่องอ้างเอาสีข้างเข้าถูเลย
ฝนไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ" "ใช่ครับ
ถึงอายุจะไม่ขึ้นเลขสามแต่ก็ถึงวัยที่น่าจะแต่งงานได้แล้ว" ธราทิตย์สอดขึ้น " บ้า!!
ใครให้นายมาวิพากษ์วิจารณ์อายุฉัน พี่วัชร ว่าไงคะ
เมื่อคืนนี้ต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับพี่กับพี่ไผ่แน่ๆ
ไม่อย่างนั้นพี่ไม่มีทางทำข้าวต้มได้อร่อยอย่างกับเหลามาเองหรอก"
วชรวรรษยังยิ้มไม่ยอมตอบ ธราทิตย์ตกใจ "คุณวัชร นี่อย่าบอกนะว่าคุณ
คุณปล้ำเพื่อนผม" "เฮ้ย ฉันเปล่านะ ฉันไม่ได้ปล้ำเพื่อนนาย
ฉันแค่บอกรักใบไผ่เขาไปแล้วก็แค่นั้น" "หา!!!" ทั้งธราทิตย์และวรรษาต่างตกใจ
"พี่วัชรบอกรักพี่ไผ่ไปแล้ว" วชรวรรษปิดปากวรรษาแน่น "จะเสียงดังไปทำไม
เดี๋ยวก็ได้ยินกันทั้งบ้านหรอก" "ทำไมต้องเงียบกลัวอายใครด้วยล่ะพี่
เรื่องแบบนี้มันก็ตื่นเต้นดีใจสิ" "คุณวัชรบอกรักไอ้ไผ่ไป แล้วไอ้ไผ่มันว่ายังไง
มันรับรักคุณวัชรรึเปล่าครับ" "ฉันไม่รู้" "อ้าว แล้วทำไมพี่วัชรไม่ถามล่ะ"
"ถามแล้ว แต่ใบไผ่ไม่บอกพี่" "โธ่เอ๊ย เรื่องแค่นี้เอง พี่วัชรก็ต้องตื๊อสิ"
"นั่นมันอาจใช้กับผู้หญิงคนอื่นได้นะครับคุณฝน แต่สำหรับไอ้ไผ่ ผมว่าถ้าตื๊อมากๆ
อาจโดนกระทืบได้นะครับ" "นั่นสิ พี่ไม่อยากให้เขาเกลียดหน้าพี่นะฝน" "อืม
งั้นฝนจะจัดการช่วยพี่วัชรเรื่องนี้เองค่ะ
เป็นผู้หญิงด้วยกันยังไงก็น่าได้อะไรมาบ้าง" กริช อุบล นาท
เข่งมองอาหารเต็มโต๊ะที่ใบไผ่ทำเสร็จแล้วอึ้ง ก่อนจะหันไปมองใบไผ่
"แน่ใจเหรอไผ่ว่าทั้งหมดเนี่ย ทำให้พวกลุงกับป้ากิน" อุบลถามขึ้น
"ก็เมื่อคืนนี้ไผ่นอนไม่หลับ ไม่รู้จะทำอะไรเลยลุกขึ้นมาทำกับข้าว
เผลอไปหน่อยก็เลยเยอะอย่างที่เห็นนี่แหละ" กริช อุบล
นาทหันมามองหน้ากันด้วยความสงสัย แต่เข่งไม่รอตักคำโตเข้าปาก
ทันใดนั้นเข่งชะงักตาเหลือกหน้าแหยพยายามกลืนลงคอ
บอกว่าอาหารพวกนี้ไม่ใช่ฝีมือใบไผ่ "เฮ้ย เอ็งพูดอะไรของเอ็ง หา ไอ้เข่ง ก็เห็นๆ
อยู่ว่าไอ้ไผ่มันเป็นคนทำเองทั้งหมด" "ถ้าอานาทไม่เชื่อ ก็ลองกินดูเองเถอะจ้ะ" กริช
อุบล นาทสงสัยตักอาหารขึ้นมากิน แล้วก็ตกใจรีบคายทิ้งกันเป็นแถว เพราะหวานมาก
ใบไผ่ตกใจลองตักชิม "ไม่เห็นจะหวานตรงไหน รสชาติก็อร่อยเหมือนเดิม
น่าจะเติมน้ำตาลลงไปอีกด้วยซ้ำ" ทุกคนมองหน้ากันตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ระหว่างนั้นวรรษากับธราทิตย์เดินเข้ามา "โอ้โห ล้อมวงกำลังจะกินข้าวกันเหรอเนี่ย
ลาภปากผมแล้วสิ" "น้องฝน ไอ้มาร์ค มาก็ดีแล้ว ช่วยมาชิมอาหารนี่หน่อยสิ
ทุกคนบอกว่าพี่ทำหวานเกินไป" วรรษากับธราทิตย์เข้ามาชิมแล้วก็นิ่งเป็นหิน "เป็นไง
ไม่หวานเลยใช่มั้ย บอกแล้วว่าต้องเติมน้ำตาลอีก" "ไอ้ไผ่ นี่มันต้มข่า
หรือว่าสาคูกันแน่วะเนี่ย" "ใช่ค่ะพี่ไผ่
ฝนว่ารสชาติมันเหมือนขนมมากกว่าจะเป็นอาหารคาวนะคะ" " จริงเหรอ ไม่นี่
จานนี้ก็รสชาติปกติ นี่ก็เหมือนกันอันนี้ก็ด้วย ไม่มีจานไหนหวานจนเลี่ยนสักจาน เอ๊ะ
หรือใครเอาน้ำตาลใส่ลงไปในกระปุกเกลือ"
"จะมีใครเขาเข้าไปยุ่งกับครัวของเอ็งล่ะไอ้ไผ่ ถามจริงๆ เถอะ
นี่เอ็งไม่สบายรึเปล่าเนี่ย หรือว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเอ็ง" "เปล่านี่ป้า
ไม่มีอะไร สงสัยไผ่คงสับสนใส่น้ำตาลแทนเกลือ
ถ้าทุกคนกินไม่ได้งั้นก็ไม่ต้องกินหรอก" ใบไผ่รีบเก็บอาหารออกไป
ทุกคนมองหน้ากันยังไม่เข้าใจ แต่วรรษายิ้ม
"ฝนว่าอาการแบบนี้ฝนรู้ค่ะว่าพี่ไผ่เป็นอะไร"
วรรษาบอกทุกคนเรื่องที่วชรวรรษบอกรักใบไผ่เมื่อคืนนี้ ทุกคนต่างตกใจ
เข่งฟูมฟายรับไม่ได้ แต่ไม่มีใครสนใจ "แล้วไอ้ไผ่มันบอกพ่อวัชรว่ายังไง" นาทถามขึ้น
"ไม่ได้บอกครับ คุณวัชรเขาอยากรู้ ผมกับฝนก็เลยมาที่นี่ เผื่อจะได้อะไรกลับไปบ้าง"
"แต่ตอนนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ค่ะ พี่ไผ่ทำอาหารหวานซะขนาดนี้
นี่แหละค่ะคำตอบของผู้หญิงที่โดนบอกรัก"
ใบไผ่กำลังล้างจานอยู่ถึงกับตกใจเมื่อรู้จากวรรษาว่าวชรวรรษเล่าให้วรรษาฟังเรื่องบอกรักใบไผ่
" ค่ะ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่คะพี่ไผ่ พี่วัชรเขาชอบพี่ไผ่จริงๆ
แล้วตอนนี้เขาก็กลุ้มใจมาก เพราะเขาอยากรู้ว่าพอเขาเป็นฝ่ายบอกไปแล้ว
พี่จะรู้สึกยังไงกับเขา" "นั่นสิวะไอ้ไผ่ รถไฟขบวนสุดท้ายมันไม่ได้มากันบ่อยๆ
นะเว้ย อายุก็ปูนนี้แล้ว" ใบไผ่โมโหกระชากคอเสื้อธราทิตย์
"อยากเก็บปากไว้กินของอร่อยมั้ยไอ้มาร์ค" "เฮ้ยๆๆ ใจเย็นๆ แหมพูดแค่นี้ทำโมโห
ท่าทางจะรักเขาเหมือนกันล่ะสิท่า" ใบไผ่สุดทนชกหน้าธราทิตย์เปรี้ยง
ธราทิตย์หงายหลัง "เฮ้ย ไอ้ไผ่ ทำไมต้องต่อยด้วยวะเจ็บนะเนี่ย"
"ถ้ายังไม่หยุดพูดเรื่องนี้อีก จะแถมกระทืบให้อีกที" "พี่ไผ่คะ แต่ว่า" "ฝน
ต่อไปนี้อย่าเอาเรื่องนี้มาพูดกับพี่อีก" ใบไผ่เดินออกไป 00000000000000000 คืนนั้น
ใบไผ่เอาจานผัดไทยมาวางตรงหน้าวชรวรรษสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น
วชรวรรษสูดกลิ่นผัดไทยตรงหน้าเข้าปอดเต็มแรง "หอมจริงๆ
ผัดไทยสูตรโบราณฝีมือของใบไผ่ ไม่เสียแรงที่หิ้วท้องรอมาทั้งวัน"
วชรวรรษตักกินเข้าปากคำโต สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุขเหลือล้น "อืม สุดยอด อร่อยล้ำ
นี่แหละเวลาที่มีความสุขมากที่สุด" "นายไม่รู้สึกว่ารสชาติมันหวานไปเหรอ" "หวานเหรอ
ไม่นี่ ไม่รู้สึกเลย ฉันว่ารสชาติกำลังดี กลมกล่อม ได้ทั้งสามรส เปรี้ยว หวาน เค็ม
สุดยอด" "เหรอ" "นี่ใบไผ่ บอกหน่อยได้มั้ยว่าสูตรพิเศษของเธอใส่อะไรลงไปบ้าง ว่างๆ
ฉันจะได้ลองไปฝึกทำบ้าง" "ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลย นายกับฉันยังมีคดีกันอยู่
นายจำเป็นต้องเล่าเรื่องทุกอย่างให้น้องสาวนายฟังเหรอ" "เรื่องอะไร"
ใบไผ่โมโหดึงจานผัดไทยคืน "ถ้าไม่รู้ก็ไม่ต้องกิน" วชรวรรษตกใจดึงจานกลับ "ใจเย็นๆ
สิใบไผ่ ฉันขอโทษ ฉันเห็นว่ายัยฝนสนิทกับเธอ
ก็เลยเล่าให้ฟังเผื่อว่าจะได้รู้คำตอบจากเธอ" "ทำไมนายต้องอยากรู้ด้วย" "อ้าว
ก็ฉันบอกความรู้สึกของฉันให้เธอฟังไปหมดแล้ว มันก็ต้องแลกเปลี่ยนกันบ้างสิ
บอกฉันมาเถอะนะใบไผ่ เธอจะทรมานฉันไปถึงไหน" " ฉันรู้สึกยังไงกับนาย
ทำไมฉันต้องบอกให้รู้ด้วย ในเมื่อผัดไทยที่นายกินเข้าไป นายรู้ว่ารสชาติยังไง
แต่ก็ไม่จำเป็นที่นายจะต้องรู้ว่ามันปรุงด้วยอะไรบ้าง" ใบไผ่พูดเสร็จก็เดินออกไป
วชรวรรษมองใบไผ่อย่างไม่เข้าใจ ภายในห้องทำ งานของเสี่ยทำนุ ลูกน้องเดินเข้ามา
บอกว่าหามือปืนดีๆ ตามที่สั่งได้แล้ว
เสี่ยทำนุจึงสั่งให้ลูกน้องตามประกบมือปืนคนนี้ไว้
หากเกิดอะไรผิดพลาดก็ให้ปิดปากได้ทันที ลูกน้องรับคำแล้วเดินออกไป
เสี่ยทำนุมองอย่างร้ายกาจ "ไอ้วชรวรรษ คราวนี้แกเสร็จฉันแน่" วชร
วรรษมาปรึกษากริชกับนาทซึ่งกำลังนั่งเล่นหมากรุกอยู่
ถึงเรื่องที่ใบไผ่พูดทิ้งท้ายให้เขาคิดกริชบอกว่าที่ใบไผ่พูดอย่างนั้นแปล
เป็นอย่างอื่นไปไมได้ นอกจากแปลว่าใบไผ่ตอบรักวชรวรรษแล้ว วชรวรรษหน้าบาน
"จริงเหรอครับ งั้นผมก็รุกฆาตใบไผ่ได้แล้วใช่มั้ยครับ" "เฮ้ย
เอ็งจะถึงฆาตด้วยฝ่ามือข้าซะก่อนน่ะสิ" วชรวรรษยิ้มแหยๆ ระหว่างนั้นอุบลเดินเข้ามา
"ไอ้นาท เอ็งยังไม่ออกไปส่งทุเรียนอีกเหรอ สายป่านนี้แล้ว งานการไม่ทำ มัวแต่อู้
แบบนี้ผู้หญิงที่ไหนจะเอาเอ็งทำผัว หา" "พี่อุบล ทำไมต้องแช่งกันด้วย ไปก็ได้
พ่อวัชร ไปกับอามั้ย
อามีเรื่องจะปรึกษาหน่อยเรื่องที่พ่อวัชรประสบความสำเร็จแล้วนี่แหละ" นาท
ขับรถเข้ามาจอดบริเวณตลาดส่งผลไม้ ลงจากรถพร้อมกับวชรวรรษ
ชายแปลกหน้าคนหนึ่งมองตามวชรวรรษไม่วางตา และตามวชรวรรษกับนาทไปที่ร้านกาแฟ
"ถ้าอานาทจะปรึกษาอะไรผม ก็พูดมาเถอะครับ" นาทชะงักวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ ยิ้มหน้าแดง
" โธ่พ่อวัชร มันเขินนะ อาไม่ใจกล้าหน้าด้านกล้าลุยเหมือนอย่างพ่อวัชร เอ๊ย
อาหมายถึงพ่อวัชรเป็นผู้ชายที่ทั้งหล่อ ทั้งรวย เป็นชายในฝันของสาวๆ
จะทำอะไรทีมันก็มีแต่คนนิยมชมชอบ" วชรวรรษยิ้มรู้ทัน
"อาจะปรึกษาผมเรื่องความรักของอากับน้าแก้วใช่มั้ยครับ" นาทสำลักกาแฟพรวด
เช็ดแทบไม่ทัน ยิ้มแหยๆ "แหมพ่อวัชร ตรงประเด็น ยิงกลางหัวใจเลย" วชรวรรษยิ้มๆ
นาทกระแอมแล้วทำกระซิบกระซาบ "คืองี้ อาเห็นพ่อวัชรลีลาดี ฝีปากกล้า ใจห้าวหาญ
อาเลยอยากขอให้พ่อวัชรช่วยเป็นที่ปรึกษาหัวใจ คือ อาจะขอคุณแก้วแต่งงาน"
"ก็ดีสิครับ" " มันดีอยู่แล้ว แต่อาไม่รู้จะพูดยังไง ไอ้อามันก็คนบ้านนอก เชย
พูดไม่เก่ง
อาเลยอยากรู้ว่าพ่อวัชรทำยังไงถึงทำให้ผู้หญิงที่ใจแข็งเป็นหินผาอย่างไอ้
ไผ่มันอ่อนยวบยาบลงได้" นาทหยิบจดหมายออกมาจากกระเป๋าส่งให้วชรวรรษ "
อาเขียนจดหมายมาแล้ว พ่อวัชรช่วยอ่านให้อาทีนะ คำไหนเลี่ยน
คำไหนฟังแล้วมันจั๊กเดียม พ่อวัชรตัดออก แล้วเสริมเติมแต่งได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ
นี่ปากกา อาขอไปเคลียร์บิลก่อน แล้วเดี๋ยวอากลับมา" นาทบีบไหล่วชรวรรษ
เดินผ่านมือปืนหน้าเหี้ยมที่นั่งมองวชรวรรษอยู่อีกโต๊ะ ภายในร้านเสื้อ
แก้วขวัญกินขนมไปด้วยคุยกับใบไผ่ไปด้วย " น้าว่านะ
ถ้าไผ่แต่งกับคุณวัชรเขาตอนนี้ก็ดี จะได้มีลูกทันใช้ น้าอยากอุ้มหลานแล้ว
ลูกไผ่กับพ่อวัชรต้องออกมาหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มแน่ๆ เลย" "น้าแก้ว
นี่ไปรู้เรื่องกับพวกที่สวนมาด้วยใช่มั้ยเนี่ย" "แหม ญาติๆ เราก็สนิทรักใคร่กัน
เรื่องของหลานสุดที่รักทำไมเขาจะไม่เล่าให้ฟังกันล่ะ" "แต่ไผ่ว่าเรื่องน้ำมันแพง
ข้าวขึ้นราคา เศรษฐกิจโลก ยังน่าสนมากกว่า ทำไมน้าแก้วต้องมายุ่งเรื่องของไผ่ด้วย"
"ทำไมล่ะไผ่ มีผู้ชายมาฝากรัก มันน่าตื่นเต้นจะตาย" "เลิกพูดเลยน้าแก้ว
ยุ่งแต่กับเรื่องของไผ่ แล้วเรื่องน้าแก้วกับอานาทล่ะ" "โอ๊ย
เรื่องนั้นไม่ต้องพูดเลย
ถ้าตานั่นยอมเปลี่ยนตัวเองได้สักครึ่งของคุณวัชรล่ะก็บางทีน้าอาจจะยอม" "อ๊ะๆๆ
น้าแก้ว ที่แท้ก็มีใจให้อาของไผ่แล้วเหรอเนี่ย
แบบนี้ต้องรีบบอกอานาทให้เร่งทำคะแนน" ใบไผ่จะเดินออกไป แก้วขวัญรั้งแขนใบไผ่เอาไว้
"ไม่ได้นะ ห้ามบอก ขืนบอกไป ได้ใจกันพอดี"
มือปืนมองวชรวรรษซึ่งกำลังก้มหน้าอ่านจดหมายของนาทไปพลางอมยิ้มไป
มือปืนหยิบปืนออกมาเล็งยิงวชรวรรษ นาทเดินกลับมาเห็นพอดี ตกใจ "พ่อวัชร ระวัง!!"
วชร วรรษหันไปเห็นมือปืน มือปืนยิงเปรี้ยง
วชรวรรษกระโดดหลบพร้อมเอาจดหมายเก็บใส่กระเป๋ามาด้วย คนทั้งร้านแตกตื่น
นาทรีบหลบใต้โต๊ะ วชรวรรษวิ่งหนีออกไป มือปืนไล่ตาม นาทมองตามด้วยความเป็นห่วง
มือปืนไล่ยิงวชรวรรษมาตามทาง วชรวรรษวิ่งหลบหลีกมาจนถึงทางตัน
คิดว่าตัวเองแย่แน่มือปืนขึ้นไกปืน จ่อที่วชรวรรษ แล้วยิงเปรี้ยง
ทันใดนั้นนาทพุ่งเข้ามาผลักวชรวรรษให้พ้นทาง เลยถูกยิงเข้าที่หัวไหล่ "อานาท!!"
วชรวรรษรีบเข้ามาดูนาท หันไปมองมือปืนด้วยความโกรธแค้น
มือปืนกำลังจะยิงวชรวรรษอีกครั้ง วชรวรรษจ้องไม่กลัว
แต่โชคดีที่ปืนกระสุนขัดลำกล้อง มือปืนชะงัก ระหว่างนั้นตำรวจสายตรวจผ่านมา
มือปืนเลยรีบวิ่งหนีออกไป ตำรวจวิ่งเข้ามา วชรวรรษขอให้เรียกรถพยาบาลให้
มือปืนวิ่งออกมาเจอลูกน้องเสี่ยทำนุขับรถปาดหน้า มือปืนชะงัก
ลูกน้องเปิดประตูลงมายิงมือปืนตามคาที่ นาทถูกเข็นมาตามทางในโรงพยาบาล
วชรวรรษตามมาติดๆ มองนาทด้วยความเป็นห่วงสุดๆ "พ่อวัชร จด จดหมายอายังอยู่รึเปล่า"
"อยู่ครับอา" "พ่อวัชรอ่านรึยัง" "ผมอ่านแล้วครับ"
"พ่อวัชรว่าคุณแก้วจะยอมแต่งงานกับอามั้ย" วชรวรรษยังไม่ทันตอบ
พยาบาลรีบเข็นนาทเข้าไปในห้องผ่าตัด นาทยังมองวชรวรรษไม่วางตา วชรวรรษหน้าเสีย
เป็นห่วงอานาทมาก แก้วขวัญกำลังดูขนมที่หน้าตู้กระจก ใบไผ่เดินตามเซ้าซี้ถาม
"ว่าไงล่ะน้าแก้ว ทำไมน้าแก้วถึงไม่ยอมให้ไผ่ไปบอกอานาท ปูนนี้แล้ว
ไผ่ว่าไม่แปลกหรอกที่ผู้หญิงจะบอกรักผู้ชายก่อน" แก้วขวัญหันมาตีแขน
"ยัยไผ่หลอกด่าน้าเหรอ" "ล้อเล่นน่า ก็อยากสนับสนุนนี่ ถึงอานาทจะดูเชย
แต่จะหาผู้ชายที่ไหนที่รักน้าแก้วมาตลอดได้แบบนี้" "แต่ยังไงน้าก็เป็นผู้หญิงนะ
ต้องให้อาของเรามาบอกรักน้าก่อน น้าถึงจะตอบรับ" "แสดงว่าถ้าอานาทบอกรักน้าแก้ว
น้าแก้วจะยอมแต่งงานกับอานาทใช่มั้ยจ๊ะ" แก้วขวัญเขิน พลันเสียงมือถือดังขึ้น
ใบไผ่หยิบขึ้นมากดรับ "มีอะไรนายหมาวัด ว่าไงนะ!!"
ใบไผ่กับแก้วขวัญหน้าตาตื่นวิ่งมาหาวชรวรรษที่ยืนรออยู่หน้าห้องผ่าตัด
"เกิดอะไรนขึ้น อานาทถูกยิงได้ยังไง" วชรวรรษรู้สึกผิดมาก "มีคนมาลอบยิงผม
แต่อานาทเอาตัวรับกระสุนแทน" " คุณนาท คนบ้า ทำไมถึงได้โง่แบบนี้
ทำตัวเป็นฮีโร่นึกว่าเท่ห์มากเหรอไง จะตายไม่รู้ตัว คนบ้า คนโง่"
แก้วขวัญร้องไห้ไม่หยุด ใบไผ่เข้ามากอดแก้วขวัญไว้ "น้าแก้วครับ อานาทไม่ตายง่ายๆ
หรอกครับ เพราะอานาทมีบางอย่างจะพูดกับน้าแก้ว" วชรวรรษหยิบจดหมายยื่นให้
แก้วขวัญรับมาอ่าน " ถึงคุณแก้วยอดรักของผม ผมรู้ตัวดีว่าผมเป็นผู้ชายไม่เอาไหน
ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ความ เป็นไอ้หนุ่มบ้านนอก แสนเชย จนคุณแก้วรับไม่ได้
แต่ตลอดยี่สิบกว่าปีที่รู้จักกัน ไม่มีวันไหนเลยที่ความรักของผมจะลดน้อยลง"
แก้วขวัญขวัญอ่านไปก็ชะงักหันไปมองใบไผ่กับวชรวรรษแล้วก้มหน้าอ่านต่อน้ำตาเริ่มซึม
" ความรักของผมมันกลับเพิ่มพูนมากขึ้น จนล้นออกมานอกอก ด้วยทั้งชีวิต
ทั้งวิญญาณของผู้ชายคนนี้ ขอมอบให้ผู้หญิงที่ชื่อแก้วขวัญ เพียงคนเดียว คูณแก้วครับ
ถึงแม้ผมจะดูไร้ค่า ไม่มีราคา แต่ผมให้สัญญาว่าผมจะปกป้อง และดูแล
คุณแก้วตราบจนชีวิตของผม แต่งงานกับผมนะครับ รักคุณแก้วเสมอ...นาทคนซื่อ"
หยาดน้ำตาหยดลงบนจดหมาย แก้วขวัญกำจดหมายแน่น ร้องไห้ไม่หยุด
ใบไผ่น้ำตาคลอสงสารน้าสาว ระหว่างนั้นหมอเดินออกมา
บอกว่านาทปลอดภัยแล้วแต่ต้องพักอีกหลายวันกว่าจะฟื้น 000000000000 ใบ
ไผ่พาแก้วขวัญเข้ามาในห้อง นาทหลับอยู่
แก้วขวัญเดินไปเกาะที่ขอบเตียงจับมือนาทขึ้นมา
ใบไผ่ปล่อยให้แก้วขวัญอยู่กับนาทตามลำพัง
ส่วนตัวเองก็เดินออกไปนอกห้องเห็นวชรวรรษกำลังยืนคุยกับตำรวจอยู่
"เราพบศพมือปืนที่ยิงคุณนาทไม่ห่างจากจุดที่เกิดเหตุเท่าไหร่
คุณพอจะรู้มั้ยครับว่าคุณนาทมีปัญหากับใคร" "ไม่ใช่อานาทหรอกครับที่มีปัญหา
มือปืนนั่นตั้งใจมาฆ่าผม แต่อานาทรับเคราะห์แทน"
"แล้วคุณรู้รึเปล่าว่าใครเป็นคนจ้างให้มันมาทำร้ายคุณ" "ผมไม่รู้ครับ"
"ถ้าคุณนึกอะไรออก โทรบอกผมทันทีนะครับ" ตำรวจเดินออกไป วชรวรรษหันมาเจอใบไผ่
"อานาทไม่เป็นอะไรแล้วใช่มั้ย" "มีน้าแก้วอยู่ด้วย คงเป็นกำลังใจให้อย่างดี
ว่าแต่อานาทไปอยู่ในที่เกิดเหตุกับนายได้ยังไง" "ใบไผ่ ฉันขอโทษ
เพราะว่าฉันมันเป็นตัวอันตราย อานาทถึงต้องมาบาดเจ็บ ฝากขอโทษอานาทให้ด้วยนะ"
วชรวรรษมองใบไผ่อย่างรู้สึกผิดก่อนจะเดินออกไป
ใบไผ่ครุ่นคิดเป็นห่วงความรู้สึกของชายหนุ่มอย่างมาก ภายในห้อง แก้วขวัญนั่งข้างๆ
นาท จับมือนาทขึ้นมากุมแน่น น้ำตาไหลอาบแก้ม " คุณนาท ฉันอ่านจดหมายของคุณแล้วนะ
คุณนี่มันเชยไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ สำนวนทั้งเน่า ทั้งโบราณคร่ำครึ
แต่ไอ้ความเชยของคุณนี่แหละที่ทำให้ฉันหลงเสน่ห์คุณ
ที่คุณถามฉันว่าฉันจะแต่งงานกับคุณรึเปล่า ฉันมีคำตอบให้คุณแล้วค่ะ"
แก้วขวัญเข้าไปกระซิบที่ข้างหู "ฉันจะแต่งงานกับคุณค่ะคุณนาท"
แก้วขวัญซบหน้าลงกับมือนาทแล้วร้องไห้ ระหว่างนั้นเองเสียงนาทก็ดังขึ้นเบาๆ
"ยอมแต่งกับผมจริงเหรอครับ" "จริงสิคะ" แก้วขวัญตกใจเงยหน้าขึ้นมาเห็นนาทหลับตา
แก้วขวัญไม่แน่ใจ "เราหูฝาดไปเหรอเนี่ย" "คุณแก้วหูไม่ฝาดหรอกครับ"
แก้วขวัญตกใจเห็นนาทลืมตาแล้วยิ้มให้ "คุณนาท
ไหนหมอบอกว่าคุณต้องนอนพักอีกหลายวันกว่าจะฟื้นไง" "ผมแค่โดนเฉียดๆ ไปเองครับ
ยังห่างไกลหัวใจอีกเยอะ หมอเขาก็ใจดี ยอมช่วยให้ผมได้รู้ใจคุณ"
นาทยักคิ้วให้แก้วขวัญ แก้วขวัญทั้งโมโหทั้งเขิน ตีนาท "ตาบ้า!!" นาทสะดุ้งโดนแผล
"โอ๊ย ถึงเจ็บแต่ก็รักไม่เปลี่ยนนะครับ" แก้วขวัญยิ้มเขินอาย
นาทจับมือแก้วขวัญขึ้นมา "ตกลงคุณแก้วตกลงแต่งงานกับผมแล้วจริงๆ นะครับ"
แก้วขวัญพยักหน้าเขินๆ นาทดีใจลุกขึ้นเฮ "ไชโยโห่ฮิ้ว ไอ้นาทจะได้เมียแล้วโว้ย"
นาทโผกอดแก้วขวัญแน่นแล้วเจ็บแผลเอง "สมน้ำหน้า เจ็บตรงไหน" นาทจับปากตัวเอง
"ตรงนี้ครับ" แก้วขวัญหยิกปากนาทแล้วขยี้ๆๆ "โอ๊ย คุณแก้ว ผมเจ็บ
งานนี้ต้องขอบคุณคุณวัชรเขาหน่อยแล้ว เอ่อ แล้วนี่คุณวัชรไปไหนครับ"
วชรวรรษกลับมาบ้าน เปิดลิ้นชักหยิบปืนออกมาด้วยความเคียดแค้น
วิชญ์กับทศเดินเข้ามาหา "ว่าไง" " ไอ้มือปืนที่ตายมันเป็นมือปืนไร้สังกัดครับนาย
ผมก็เลยเช็คดูกับพวกซุ้มมือปืนที่พอจะรู้จัก
มีคนเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้านี้มีคนเห็นมันเข้าไปในบ่อนเสี่ยทำนุ
ได้ข่าวว่ามันติดหนี้บ่อนเสี่ยด้วย" ทศรายงาน "ฉันผิดเองที่ใจดีปล่อยให้มันรอด
มันถึงได้กลับมาแว้งกัดฉันอีก" วชรวรรษเอาปืนเก็บในอกเสื้อกำลังจะเดินออกไป
วรรษาเดินเข้ามา "พี่วัชรจะไปไหน" "หลีกไปฝน" "ฝนรู้เรื่องจากที่บ้านสวนแล้ว
ฝนไม่ให้พี่วัชรกลับไปเดินทางเก่าอีก" "แต่อานาทรับกระสุนแทนพี่
พี่ปล่อยให้เรื่องนี้จบแบบนี้ไม่ได้" " ถ้าพี่วัชรไปแก้แค้น เรื่องมันก็ไม่มีวันจบ
ฝนขอร้อง พี่วัชรอย่าไปเลยนะ พี่วัชรอุตส่าห์กลับเนื้อกลับตัวได้แล้ว
พี่วัชรจะทำให้พี่ไผ่ผิดหวังเหรอ" "วิชญ์ดูแลคุณฝนให้ดี" วชรวรรษกับทศเดินออกไป
วรรษาจะตาม วิชญ์เข้ามาขวาง แล้วลากวรรษาเข้าไปในห้อง
วชรวรรษกับทศเดินออกมาเจอใบไผ่ "ใบไผ่ เธอมาที่นี่ทำไม ทำไมไม่อยู่ดูแลอานาท"
"นายรู้ว่าฝีมือใครเลยคิดจะไปแก้แค้นให้อานาทใช่มั้ย" "เธอไม่ต้องมาห้าม
ฉันต้องรับผิดชอบที่ทำให้อานาทบาดเจ็บ" " ฉันไม่ได้มาห้ามนาย อานาทเป็นอาของฉัน
ฉันไม่ต้องพึ่งให้นายเป็นคนจัดการ แต่ฉันจะไปจัดการมันด้วยตัวฉันเอง
บอกมาว่ามันเป็นใคร ว่าไงล่ะ บอกฉันมาว่ามันเป็นใคร ศัตรูพวกไหนของนาย
ฉันจะไปจัดการมันให้อานาทเอง" "ใบไผ่ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ"
วชรวรรษเข้าไปจับแขนใบไผ่แล้วพาเดินออกไป "นายไม่ต้องมาห้ามฉัน
ฉันต้องปกป้องครอบครัวฉัน ฉันไม่ยอมให้คนในครอบครัวฉันโดนทำร้ายฟรีๆ อย่างนี้แน่"
"ใบไผ่ ฟังผมก่อนได้มั้ย" "ก็บอกมาสิ ว่าไอ้พวกนั้นมันเป็นใคร" "ฉันบอกเธอไม่ได้"
"ทำไม นายคิดว่าฉันสู้พวกนั้นไม่ได้เหรอ ลุงสอนมวยให้ฉัน อานาทก็สอนให้ฉันยิงปืน
ต่อให้พวกมันมีเป็นขโยงฉันก็ไม่กลัวหรอก" " ฉันรู้ว่าเธอกล้า ไม่กลัวตาย
แต่คนแรกที่เธอควรจะไปจัดการกับพวกมันคือฉัน เพราะถ้าไม่ใช่ฉันมันเป็นตัวอันตราย
คนในครอบครัวเธอก็คงไม่ต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ ย่าใหญ่ของเธอพูดถูก
สักวันฉันจะนำความเดือดร้อนมาให้ครอบครัวของเธออย่างไม่น่าให้อภัย" "
แต่เรื่องนี้ฉันไม่ได้โทษนาย ฉันไม่ได้ว่านายผิด
และไม่เคยคิดว่านายจะเอาความเดือดร้อนมาให้ฉัน ทุกคนที่บ้านฉัน
พวกเขาเห็นนายเป็นคนในครอบครัวไปแล้วนายวชรวรรษ"
วชรวรรษนิ่งเงียบไปด้วยความซึ้งใจก่อนจะดึงใบไผ่มากอดแน่น ใบไผ่อึ้ง "ขอบคุณนะใบไผ่
ผมดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพวกคุณ" ใบ ไผ่โดนวชรวรรษกอดก็เริ่มเย็นลง
มือของเธอเริ่มที่จะกอดตอบรับเขา
แต่ไม่ทันไรวชรวรรษก็ใช้ด้ามปืนทุบไปที่ท้ายทอยใบไผ่ทีเดียวใบไผ่สลบเหมือด
วชรวรรษประคองใบไผ่ไว้ในอ้อมกอด มองด้วยความเป็นห่วง "ผมขอโทษนะใบไผ่
เพราะอย่างนี้ไงผมถึงต้องปกป้องคนที่ผมรัก" วชรวรรษอุ้มใบไผ่กลับมาหาทศ
"เกิดอะไรขึ้นครับนาย คุณไผ่เป็นอะไรครับ" "สลบไป ฝากดูแลใบไผ่แทนฉันด้วย"
วชรวรรษส่งใบไผ่ให้ทศอุ้ม "นายรอผมก่อนสิครับ" "ไม่ต้อง ฉันจัดการเอง" "แต่นายครับ
หน้าที่ผมคือต้องปกป้องชีวิตนายนะครับ" "นายก็กำลังทำอยู่ไง
ยายฝนกับใบไผ่คือชีวิตของฉัน ฉันไม่ใช่มาเฟียอีกแล้วทศ ไม่ต้องตาม"
วชรวรรษขึ้นรถขับออกไป ทศมองอย่างเป็นห่วงจบตอน 19
แม่ค้าขนมหวาน 20
นรารีเปิดกล่องกำมะหยี่เห็นสร้อยเพชรเม็ดเป้ง
แปลกใจเงยหน้ามองเสี่ยทำนุซึ่งนั่งยิ้มมองนรารีอย่างมีความหมาย
"ถูกใจมั้ยจ๊ะหนูแพน" นรารีหน้าเชิดหยิ่ง ปิดกล่อง ดันคืนเสี่ยทำนุ
"แพนว่าที่เสี่ยมาถึงนี่ คงไม่ได้แค่อยากเอาสร้อยเพชรราคาแพงมาให้แพนเฉยๆ หรอกมั้ง"
"หนูแพนนี่ทั้งสวยทั้งฉลาด เอาเป็นว่าสร้อยเส้นนี้เป็นของขวัญปลอบใจ"
นรารีหันขวับมองไม่พอใจ เสี่ยทำนุลุกขึ้นมานั่งข้างนรารี นรารีเขยิบหนี
"เสี่ยสงสารแล้วก็เห็นใจ คนอย่างไอ้วชรวรรษมันตาบอดชอบของต่ำ
ของสูงของงามอยู่ตรงหน้าแท้ๆ กลับไม่เอา" เสี่ยทำนุลูบไล้แขนนรารี
นรารีตกใจรีบปัดมือเสี่ยทำนุทิ้งอย่างรังเกียจ "เอามือสกปรกๆ ของแกออกไปจากตัวฉัน
แก่คราวพ่อแล้วยังไม่เจียม" เสี่ยทำนุฉุนจับแขนนรารีดึงเข้ามาใกล้มากๆ
นรารีทำหน้าแหยง " ถึงฉันแก่ แต่ฉันก็ให้ความสุขเธอได้ไม่แพ้ไอ้พวกหนุ่มๆ มันหรอก
ทำไม หรือว่าเธอรักไอ้วชรวรรษเข้าให้จริงๆ
ถ้ารู้แบบนี้ฉันคงไม่ยอมให้พ่อเธอใช้เธอเป็นแผนล่อไอ้วัชรให้มาติดกับหรอก"
"ฉันจะรักใครมันก็เรื่องของฉัน แต่ไม่มีทางเป็นแก ไอ้แก่ลามก
แล้วถ้าแกยังขืนมาตอแยฉันอีก ฉันจะฟ้องพ่อ" นรา รีผลักเสี่ยทำนุแล้วเดินออกไป
เสี่ยทำนุกัดกรามแน่นโมโห ระหว่างนั้นพยุทธ์เดินเข้ามา
เสี่ยทำนุรีบตีหน้าให้เป็นปกติแล้วบอกว่าเขาส่งมือปืนไปยิงวชรวรรษ พยุทธ์ตกใจ
ว่าเสี่ยทำนุทำอะไรไม่ปรึกษาเขา ระหว่างนั้นลูกน้องทำนุเดินเข้ามาสีหน้าไม่ดี
บอกว่าวชรวรรษรอดไปได้เพราะมีคนมารับกระสุนแทน เสี่ยทำนุโมโห
กลัวว่าวชรวรรษจะตามมาแก้แค้น ทันใดนั้นเสียงมือถือเสี่ยทำนุดังขึ้น
เสี่ยทำนุตกใจหยิบมือถือออกมาดู หน้าถอดสี "ไอ้วชรวรรษ!!!" เสี่ย
ทำนุหันไปมองพยุทธ์หวาดกลัวไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
ในขณะที่วชรวรรษรอโทรศัพท์ปลายสายให้รับ
เท้าของเขาเหยียบยอดอกลูกน้องเสี่ยทำนุเอาไว้ ลูกน้องหน้าตายับเยินตื่นกลัว
เสียงโทรศัพท์ยังดังเสี่ยทำนุหันไปมองพยุทธ์ไม่กล้ารับ
พยุทธ์ครุ่นคิดอยู่ครู่อย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะกระซิบเสี่ยทำนุบอกให้ทำอะไร บางอย่าง
เสี่ยทำนุฟังแล้วถึงกับชะงัก "ทำตามที่ฉันบอกแล้วมันจะติดกับดักของเราเอง"
พยุทธ์หันไปกดรับสายให้ เสี่ยทำนุหน้าลังเลอยู่อีกครู่ก่อนจะรับมาคุย
เสียงวชรวรรษกรอกมาตามสาย "ไอ้เสี่ยทำนุ ไอ้ขี้ขลาด
คนอย่างแกมันก็ดีแต่ใช้วิธีของหมาลอบกัด" "ใครกันแน่ที่ขี้ขลาด
สันดานตัวเองเป็นมาเฟียแต่ดีแต่หลบอยู่ใต้กระโปรงผู้หญิง ฉันเสียใจแทนพ่อของแกจริงๆ
ที่มีลูกไม่เอาไหน" วชรวรรษกำมือถือแน่นแค้น "แกไม่มีสิทธิ์พูดถึงพ่อฉัน"
"ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ ฉันกับพ่อแกเป็นเพื่อนกันมานาน พ่อแกฝากฝังให้ฉันดูแลแก
จริงๆแกต้องเรียกฉันว่าพ่อด้วยซ้ำ ไอ้ลูกชาย" วชรวรรษยิ่งเจ็บใจที่ถูกกระตุ้น
เลยเพิ่มแรงเหยียบยอดอกลูกน้องแรงขึ้นด้วยความโกรธ "ไอ้ทำนุ!!" " นี่มันยังแค่เบาะๆ
คราวต่อไป ดูแลคนรอบข้างแกให้ดีด้วย ระวังเอาไว้ให้มากๆ ใครที่มีเรื่องกับฉัน
มันต้องถูกถอนรากถอนโคน แต่ถ้าแกอยากเปลี่ยนใจมาขอร้องฉันให้ช่วยใจดีให้ล่ะก็
เอาน้องสาวแกมาสิ ฉันจะหางานในซ่องให้ทำ ฮ่าๆๆ" เสี่ยทำนุหัวเราะด้วยความสะใจ
วชรวรรษขบกรามด้วยความโกรธ "ได้ ในเมื่อแกคิดจะพรากทุกอย่างไปจากฉัน
ฉันก็จะพรากทุกอย่างไปจากแก" วชรวรรษกดวางสายอัดลูกน้องเสี่ยติดกำแพง
ฝ่ายเสี่ยทำนุวางสายหันมามองพยุทธ์ พยุทธ์มั่นใจว่าวชรวรรษไม่รอดแน่ "หึ
นี่แหละไอ้วชรวรษ มันรักคนรอบตัวมันยิ่งกว่าอะไร
ฉันถึงบอกให้แกกระตุ้นให้มันโกรธมากๆ ไง" "แต่เล่นเกมนี้ฉันจะไม่คุ้มนะ"
"เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย ปล่อยให้มันทำไป
เดี๋ยวมันก็รู้ว่ามันต้องเจอกับอะไร" ใบ ไผ่ฟื้นขึ้นมาภายในบ้านวชรวรรษ
เห็นวรรษาอยู่ใกล้ๆ ก็ถามหาวชรวรรษ วรรษาบอกให้ถามกับทศและวิชญ์
ทั้งสองคนลำบากใจไม่อยากตอบ ใบไผ่กระชากคอเสื้อทศกับวิชญ์ถามย้ำอีกครั้ง
ทั้งสองขอร้องให้ใบไผ่ใจเย็นๆ "ฉันขอร้องล่ะ บอกฉันมาว่านายวัชรไปไหน
ฉันไม่อยากเห็นเขาเป็นอะไร บอกฉันมา บอกสิ!!" ใบไผ่จ้องหน้าวิชญ์กับทศเอาเรื่อง วชร
วรรษเดินมาด้านหลังโกดังของเสี่ยทำนุ ถือถังน้ำมันก๊าดมาด้วยความโกรธมาก
ในหัวมีแต่เรื่องที่นาทถูกยิง และเสียงย่าใหญ่ที่ย้ำว่าเขาจะนำความหายนะมาให้ใบไผ่
อีกทั้งเสียงของเสี่ยทำนุที่จะทำลายคนรอบข้างเขา วชรวรรษโกรธสุดขีด เทน้ำมันราด
ลูกน้องเสี่ยทำนุแอบดูอยู่ วชรวรรษจุดไฟ
พลันก็นึกถึงคำขอร้องของวรรษาที่อยากเห็นเขากลับตัวเป็นคนดี
และจะต้องไม่ทำให้ใบไผ่ผิดหวัง สติแว่บกลับเข้ามา วชรวรรษตัดสินใจดับไฟ
แต่สายไปแล้ว ลูกน้องเสี่ยทำนุหันไปพยักหน้า ตำรวจหลายสิบนายก็ออกจากที่กำบังตัว
"หยุด นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ" วชร วรรษตกใจ ค่อยๆ ยกมือขึ้น ตำรวจเข้ารวบตัววชรวรรษไป
ใขณะนั้นใบไผ่ วรรษา ทศ วิชญ์มาถึงหน้าโกดัง
ทศกับวิชญ์เห็นตำรวจล็อคแขนวชรวรรษใส่กุญแจมือเดินออกมา "นาย!!" ใบ ไผ่
วรรษาหันไปเห็นวชรวรรษ วชรวรรษตกใจ วรรษาวิ่งเข้าไปหาพี่ชายแต่ถูกตำรวจกันไว้
ตำรวจพาวชรวรรษขึ้นรถออกไป วรรษาร้องไห้โฮ ใบไผ่เข้ามาโอบวรรษาปลอบ
ในขณะที่ตัวเองก็เป็นห่วงวชรวรรษเหลือเกิน แก้วขวัญวางสายโทรศัพท์ แล้วหันมาบอกนาท
กริช และอุบลว่าติดต่อใบไผ่ไม่ได้ ทุกคนแปลกใจว่าทั้งใบไผ่และวชรวรรษหายไปไหน
ทันใดนั้นธราทิตย์เดินเข้ามาหน้าตาย่ำแย่ บอกว่าวชรวรรษถูกตำรวจจับ
วชรวรรษเกาะลูกกรงอยู่ที่โรงพัก ระหว่างนั้นตำรวจพาใบไผ่เดินเข้ามา สองคนสบตากัน
"เธอมาทำไม" "ฉันมาทำไมเหรอ ก็มาด่านายไง ทำไมนายถึงโง่แบบนี้นายวชรวรรษ
ทำอะไรไม่รู้จักคิด รู้ตัวบ้างมั้ย ยิ่งทำ ทุกอย่างมันยิ่งแย่" "ใบไผ่ ฉัน" "
ไม่ต้องพูด ฟังอย่างเดียว ถ้านายตัวคนเดียว ฉันจะไม่สนสักนิดว่านายทำอะไร
แต่นี่นายยังมีน้องสาวอยู่อีกทั้งคน ถ้านายเป็นอะไร แล้วฝนจะอยู่ได้ยังไง
แล้วฉันอีกคนล่ะ ถ้านายต้องติดคุกฉันจะทำยังไง ใครจะมายืนให้ฉันด่าอีก
เจ้าพ่อหน้าโง่ งี่เง่าที่สุด" ใบไผ่ด่าวชรวรรษไปก็น้ำตาคลอเพราะจริงๆ
แล้วเป็นห่วงวชรวรรษมาก วชรวรรษยื่นมือออกมาจากลูกกรงปาดน้ำตาให้
ทั้งสองสบตากันอย่างห่วงใย ใบไผ่รู้ตัวรีบปัดมือของวชรวรรษ
แล้วปาดน้ำตาตัวเองเช็ดให้แห้งพยายามกลบเกลื่อนว่าตัวเองเข้มแข็ง "ที่ฉันพูด
ฉันไม่ได้หมายความอย่างที่นายเข้าใจหรอกนะ ฉัน…" วชร วรรษเอามือแตะปากใบไผ่
"เธอไม่ต้องพูดแล้วแต่ฟังฉัน แค่เธอมายืนตรงหน้าฉัน ฉันก็ดีใจมากแล้ว ไม่ต้องห่วง
คนอย่างฉันไม่ยอมติดคุกหรอก เพราะว่าฉันยังไม่ได้ฟังคำตอบคำนั้นจากเธอ"
วชรวรรษมองใบไผ่สายตาเต็ม เปี่ยมไปด้วยความรัก
ยื่นมือออกมาจับมือใบไผ่ดึงใบไผ่เข้ามาจนติดกับลูกกรงโดยที่ใบไผ่ไม่ทันตั้ง ตัว
ใบไผ่นิ่ง ใจสั่น วชรวรรษจ้องหน้าเหมือนจะจูบผ่านลูกกรง
ตำรวจเดินเข้ามาบอกว่าหมดเวลาเยี่ยมแล้ว ใบไผ่รีบผละออกห่างวชรวรรษ
มองชายหนุ่มอย่างเป็นห่วงก่อนจะหันหลังเดินออกไป วชรวรรษถอนหายใจเฮือกใหญ่
ทรุดลง000000000000000000000
นรารีอ่านข่าวที่วชรวรรษถูกจับแล้วโยนหนังสือพิมพ์มาตรงหน้าพยุทธ์
รู้ดีว่าเป็นฝีมือพ่อ "คุณวัชรติดคุกแล้วแบบนี้ แล้วพ่อจะเอาไงต่อ"
"ก็ถึงเวลาที่แกต้องกลับไปแสดงบทบาทต่อแล้วไง" วชร วรรษนั่งกลัดกลุ้มในห้องขัง
นรารีตีหน้าเศร้าเข้ามาเยี่ยม บอกว่าพยุทธ์ให้มาบอกว่ามีอะไรให้ช่วยก็ไม่ต้องเกรงใจ
และพยุทธ์ก็มีปัญหากับเสี่ยทำนุอยู่ ตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐานเล่นงานเสี่ยทำนุ
ถ้าวชรวรรษร่วมมือกับพยุทธ์เสี่ยทำนุไม่รอดแน่ "ผมฝากไปขอบคุณคุณพยุทธ์ด้วย
แต่ผมขอจัดการแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อนดีกว่าครับ คงไม่กล้าไปรบกวนคุณพยุทธ์อีก"
นรารีตีหน้าเห็นใจ ระหว่างนั้นวรรษาเข้ามาเยี่ยมพี่ชาย เห็นนรารีก็เลือดขึ้นหน้า
ตรงปรี่เข้ามาผลักนรารีให้ออกห่างวชรวรรษ นรารีตกใจ "คุณมาทำไมอีกคุณแพน
จะตามมาเยาะเย้ยพี่วัชรเหรอ" "ฉันมาเพราะเจตนาดีอยากช่วยคุณวัชรนะ"
"เก็บความหวังดีของคุณไว้เถอะ พี่วัชรไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ"
นรารีทำเป็นไม่สนใจวรรษาหันไปทางวชรวรรษ " ไม่เป็นไรค่ะคุณวัชร
แพนกับคุณพ่อไม่สนใจหรอกว่าใครจะเข้าใจยังไง
เรื่องที่เราคุยกันคุณวัชรเก็บไปคิดดูให้ดีนะคะเพราะยังไงแพนกับคุณพ่อก็ยัง
เห็นคุณวัชรเป็นเพื่อน" นรารีเดินออกไป วรรษาเบ้หน้าไล่หลัง วชรวรรษรีบเตือนน้องสาว
ว่าอย่าทำอย่างนี้อีก "ก็ฝนไม่ชอบเขานี่คะ เกลียดมากๆ ด้วย
แล้วพี่วัชรเป็นยังไงบ้าง เมื่อคืนนอนหลับรึเปล่า" "พี่ไม่เป็นไร ฝนไม่ต้องห่วง
พี่ชายฝนคนนี้อึดยิ่งกว่ารถไถนาอีก แล้วใบไผ่ล่ะ เขาเป็นอะไรรึเปล่า" "
ฝนโทรคุยกับป้าอุบล ป้าบอกว่าเมื่อคืนนี้พี่ไผ่ลุกขึ้นมาทำขนมทั้งคืน
ไม่ได้นอนเลยค่ะ พี่ไผ่เขาคงเป็นห่วงพี่จนนอนไม่ได้ต้องลุกขึ้นมาทำขนม"
"เขาอาจจะนอนไม่หลับเพราะเรื่องอื่นก็ได้" "ไม่หรอกค่ะพี่วัชร
ผู้หญิงด้วยกันฝนดูออก พี่ไผ่เขาเป็นห่วงพี่จริงๆ นะ" "ผู้ชายอย่างพี่กี่ครั้งๆ
ถ้าไม่ทำให้ฝนกับเขาเดือดร้อน ก็ทำให้ไม่สบายใจกัน พี่มันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ" "
ไม่หรอกค่ะพี่วัชร ฝนว่าพี่ไผ่ไม่ได้อยากรักคนเก่งแต่พี่ไผ่อยากรักคนดีมากกว่าค่ะ
พี่วัชรไม่ต้วงห่วงคนอื่นนะ ฝนกับพี่ไผ่จะเข้มแข็งแล้วหาทางช่วยพี่วัชรเอง"
วชรวรรษจับมือน้องสาว ยิ้มดีใจ "ขอบใจมากนะฝน พี่ดีใจนะที่น้องของพี่เข้มแข็ง" ใบ
ไผ่ นาท แก้วขวัญ กริช และอุบล
คุยกันอยู่ที่โรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วงวชรวรรษเพราะยังทางช่วยให้วชรวรรษ
หลุดคดีไม่ได้ ระหว่างนั้นย่าใหญ่เดินเข้ามาได้ยิน "หึ
ฉันบอกแล้วไงว่าไอ้หมอนั่นมันต้องเอาหายนะมาให้พวกเธอ" ทุก
คนหันไปเห็นย่าใหญ่เดินเข้ามาก็ตกใจ ย่าใหญ่บอกว่าเธอจะพาใบไผไปทำบุญ
พอเรื่องของวชวรรษเงียบไป ก็จะให้ใบไผ่เริ่มต้นชีวิตใหญ่กับคนที่เธอเลือกให้
ย่าใหญ่กลับออกไป ใบไผ่รีบวิ่งตามย่าใหญ่ไปติดๆ "ไผ่ขอโทษนะคะคุณย่า
แต่ไผ่คงเลิกคบกับผู้ชายคนนั้นให้คุณย่าไม่ได้หรอกค่ะ" "ทำไม!!" "เพราะว่าไผ่
ไผ่รักเขาค่ะคุณย่า" ย่าใหญ่ตกใจ แก้วขวัญตามออกมาได้ยินพอดีเลยหาที่หลบเพื่อแอบฟัง
"นี่หล่อนเป็นบ้าไปแล้วเหรอใบไผ่ มันเลวขนาดนี้ หล่อนยังไปรักมันอีกเหรอ
ถ้าหล่อนอยู่กับมัน ชีวิตหล่อนจะเจอแต่คำว่าล่มจม" " ถ้าเจอจริงๆ ก็ไม่เป็นไรค่ะ
ถึงเขาจะเลวยังไง ไผ่ก็พร้อมจะให้โอกาสเขา วันนี้เขาเลว ไผ่ก็จะเตือนเขา
ถ้าพรุ่งนี้เขาเลวอีก ไผ่ก็จะเตือนเขาอีก ไผ่จะเตือนจนกว่าเขาจะดีขึ้น
ทั้งชีวิตไผ่มีเท่าไหร่ ไผ่ก็จะให้เขาค่ะคุณย่า" "นี่หล่อน"
"คุณย่าเป็นต้นตำรับสูตรขนมของ พวกเรา เคล็ดลับที่คุณย่าให้พวกเราสืบทอดต่อๆ
กันมาคือต้องใส่ใจลงไปในขนมที่เราทำให้มากที่สุด
ตอนนี้ไผ่กับคุณวัชรกำลังช่วยกันปรุงแต่งขนมที่อร่อยที่สุดอยู่ค่ะ
ถ้าไผ่จะขอให้คุณย่าไว้ใจเราอีกสักครั้ง ไผ่สัญญาค่ะว่าไผ่จะเอาขนมที่อร่อยที่สุด
ที่เป็นฝีมือของไผ่กับคุณวัชรไปให้ย่าใหญ่ชิม ไว้ใจเราอีกสักครั้งเถอะนะคะคุณย่า"
"หล่อนรับปากฉันเองนะว่ามันจะ เป็นขนมที่อร่อยที่สุด
ถ้าฉันชิมแล้วรสชาติของพวกหล่อนไม่ได้เรื่อง ฉันหวังว่าหล่อนคงจำคำพูดของหล่อนได้"
ย่าใหญ่เดินออกไป ใบไผ่ถอนหายใจโล่งอก
แก้วขวัญยิ้มดีใจที่ได้ยินใบไผ่เผยความในใจของตัวเองออกมา
นาทกับแก้วขวัญมาเยี่ยมวชรวรรษที่โรงพัก แขนของนาทยังมีที่คล้องไหล่ป้องกันแผลอยู่
วชรวรรษเห็นนาทออกจากโรงพยาบาลได้แล้วก็สบายใจ
"เอ่อนี่แล้วเมื่อไหร่พ่อวัชรจะได้ออกมาสักที" " ผมไม่รู้ครับ
ความจริงติดคุกอยู่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ทุกคนจะได้ไม่ต้องเจอปัญหาเพราะผม
มันจริงอย่างที่คุณย่าใหญ่เคยพูดครับ ผมจะนำความเดือดร้อนมาให้ทุกคน
ผมมันเป็นตัวซวยของแท้" "อย่าพูดแบบนี้สิคะ พวกเราไม่มีใครโทษคุณวัชรเลยสักคน"
"ที่อาบาดเจ็บก็เพราะอาดันหาเรื่องไปรับกระสุนเอง พ่อวัชรไม่ได้ผลักอาออกไปซะหน่อย"
"คุณวัชรต้องสู้นะคะ ต้องหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้
ไม่อย่างนั้นใบไผ่หลานน้าคงอกหักดังเป๊าะแน่ค่ะ" "น้าแก้วว่าอะไรนะครับ" "
ไผ่บอกกับคุณย่าว่าไผ่รักคุณค่ะ และไผ่ก็พร้อมที่จะให้โอกาสคุณด้วยนะคะ
ตอนนี้ไผ่คงอยากให้คุณออกจากคุกเพื่อที่จะได้ไปช่วยกันทำขนมที่อร่อยที่สุด อยู่ "
วชรวรรษดีใจมาก
แต่พอทั้งสองกลับไปเขากลับเครียดคิดถึงคำพูดของแก้วขวัญที่บอกว่าใบไผ่รัก
และพร้อมจะให้โอกาสเขา วชรวรรษนิ่งคิด
ตัดสินใจอยู่ครู่ก่อนจะหันไปขอยืมโทรศัพท์จากตำรวจที่ยืนเฝ้าอยู่ มาโทรหาพยุทธ์
และในเช้าวันต่อมาพยุทธ์ก็มาพบวชรวรรษพร้อมทนาย
"คุณไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นนะคุณวัชร ถ้าคุณตกลงตามที่คุยกับผมเมื่อคืน
ผมจะทำให้คุณหลุดจากคดีนี้เอง" "ผมเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น" "ดี งั้นเรามาคุยกันเลย"
พยุทธหันไปพยักหน้ากับทนาย "เท่าที่ผมศึกษารูปคดี บวกกับข้อมูลที่คุณพยุทธ์มีอยู่
ผมพบช่องโหว่ซึ่งจะทำให้คุณพ้นข้อกล่าวหาได้ครับ" วชรวรรษโล่งใจ
พยุทธ์มองวชรวรรษแววตาร้ายกาจ ใบ ไผ่กำลังทำขนม แต่เหม่อลอยคิดถึงแต่วชรวรรษ
ระหว่างนั้นเกดวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาบอกว่าลูกค้าบ่นว่าขนมจืดมาก
ไม่ทันขาดคำทองหยอดหิ้วถุงขนมเข้ามา บอกว่าลูกค้าเอาขนมมาคืนเพราะขมมาก
ใบไผ่แปลกใจลองชิมขนมดูบอกว่าไม่เห็นผิดปกติอะไร "พี่ไผ่
เกดว่าไม่ใช่ขนมแล้วค่ะที่ไม่ปกติ แต่เป็นพี่ไผ่เองต่างหากที่กำลังไม่ปกติ"
ใบไผ่ชะงักหน้าแย่ อุบลเดินเข้ามาเห็น "ไอ้ไผ่นี่มันเกิดอะไรขึ้น
ทำไมข้างนอกลูกค้าถึงโวยวายลั่นร้านแบบนั้นเนี่ย" คืนนั้นใบไผ่กลับมาที่บ้าน
ถอนหายใจเศร้าคิดถึงปัญหาเรื่องการเสียรสชาติของตัวเองอุบลเดินมายืนข้างๆ
"ป้าถามจริงๆ เถอะ เอ็งเป็นอย่างนี้มานานเท่าไหร่แล้ว" "เป็นอะไรป้า"
"ก็ไอ้ลิ้นที่มันเสียการรับรู้รสชาติของเอ็งยังไงล่ะ"
ใบไผ่หน้าถอดสีแต่พยายามทำเป็นปกติ "ไม่รับรู้รสอะไรล่ะป้า วันนี้ไผ่ทำขนมผิดสูตร
ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย" " อย่างเอ็งเนี่ยนะจะทำขนมผิดสูตร อมพระมาพูดข้าก็ไม่เชื่อ
ปกติข้าเห็นเอ็งหลับตาทำยังได้เลย แล้วอยู่ดีๆ เอ็งจะลืมสูตรขนมได้ยังไง
บอกป้ามาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเอ็ง" ใบไผ่หลบตา "ไผ่ไม่รู้
เดี๋ยวมันก็คงหายเองมั้งป้า ป้าไม่ต้องห่วงไผ่หรอก ไผ่ไม่เป็นอะไร"
"ที่เอ็งเป็นแบบนี้ มันเป็นเพราะพ่อวัชรใช่มั้ย ใจเอ็งมัวแต่คิดถึงเขา เป็นห่วงเขา
จนทำให้การรับรู้รสชาติของเอ็งมันเสียไปหมด"
"ป้าอย่าดึงไผ่กับไอ้หมอนั่นมาเกี่ยวกันได้มั้ย" " ไผ่เอ๊ย
ความรักมันก็เหมือนอาหารที่หล่อเลี้ยงหัวใจ
ลิ้นเป็นส่วนที่สัมผัสอาหารเพื่อให้รู้รส หัวใจก็ทำหน้าที่เดียวกัน ถ้าไม่เชื่อ
เอ็งก็ลองดูแล้วกัน" ใบไผ่ครุ่นคิดสงสัยตัวเอง เธอเปิดตู้กับข้าว
หยิบจานอาหารออกมาวาง ตักกิน ชะงักเพราะไม่รู้รสอะไรเลย ใบไผ่หยิบน้ำปลามาเหยาะๆ
ใส่ แล้วกินอีก แต่ก็เหมือนเดิม ใบไผ่หน้าเสีย คว้าน้ำตาลมาเทใส่ลงไปหลายช้อน คลุกๆ
ให้เข้ากัน ก่อนจะตักกิน ก็ไม่รู้สึกอะไรอีก ใบไผ่ถึงอึ้งไปด้วยความกลัดกลุ้ม
วชรวรรษกลับมาบ้านในตอนเช้า วรรษาและป้าแหววเตรียมทำอาหารไปเยี่ยมวชรวรรษที่โรงพัก
ต่างแปลกใจและดีใจมากที่เห็นวชรวรรษ
"นี่คุณวัชรมาได้ยังไงคะหรือว่าคุณวัชรแหกคุกมา" "ครับ
กับข้าวในคุกไม่อร่อยผมถึงต้องแหกคุกหนีมา จุ๊ๆๆ เบาๆ
นะครับเดี๋ยวตำรวจตามมาจับผมอีก" ป้าแหววตีแขน "คุณวัชรเนี่ย กวนได้แบบนี้
แสดงว่าคุณวัชรหาทางหลุดจากคดีมาได้แล้วใช่มั้ยคะเนี่ย"
"ใครเป็นคนช่วยพี่วัชรออกมาคะ"
"พี่จ้างทนายฝีมือคนหนึ่งให้เขาช่วยทำให้พี่หลุดออกมาได้" "ฝนดีใจที่สุดเลยค่ะ
พี่วัชรรู้มั้ยคะพอบ้านไม่มีพี่วัชร มันเงี้ยบเงียบค่ะ" "นี่หาว่าพี่เสียงดังเหรอ"
วรรษาแกล้งตะโกนเสียงดังเอง "ใช่สิคะ พี่วัชรเสียงดังจะตายไป" วชรวรรษดึงวรรษามากอด
"กล้าว่าพี่เหรอยัยฝน" "นี่ไง เห็นมั้ยคะป้า พี่วัชรเสียงดังอีกแล้ว เอ้อ จริงสิ
แล้วนี่พี่ไผ่รู้รึยังว่าพี่วัชรออกมาได้แล้ว" ภาย ในครัวของร้านขนมหวาน
ใบไผ่มองของบนโต๊ะแล้วลงมือทำขนมอย่างตั้งใจ
เพื่อพิสูจน์ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเธอ ขนมถูกจัดใส่จานอย่างสวยงาม น่ารับประทาน
แต่ใบไผ่ยังมองขนมด้วยความกังวลใจไม่แน่ใจว่าจะมีปัญหาเหมือนเดิมอีกหรือไม่
จึงยกมาให้เข่งลองชิม เข่งชิมแล้วรีบคายทิ้ง บอกว่าเค็มมาก ใบไผ่สงสัย
หยิบขนมอีกจานให้เข่งกิน เข่งรับมากินเข้าปากแล้วพยายามกระเดือกลงคอ
เพราะอาหารรสชาติแย่มาก "เอ๊ะ ไผ่ของเข่งไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนี่น่า
มันเป็นเพราะอะไรกันน้า อ๋อ เข่งรู้แล้ว
ที่ไผ่เป็นแบบนี้เพราะไอ้เจ้าพ่อนั่นใช่มั้ย" ใบไผ่หน้าถอดสี
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขา" "
ก็ถ้าไม่ใช่เพราะมันเอาแต่ปัญหากับเรื่องปวดหัวมาให้ไผ่ตลอด
ไผ่จะไม่มีสมาธิแบบนี้เหรอ มันต้องหาทางแก้นะไผ่ แล้วเข่งก็มีทางแก้ให้ไผ่แล้ว
ถ้าลิ้นของไผ่ไม่รับรส เข่งจะเคลียร์ให้เองจ้ะ" เข่งแลบลิ้นออกมา
ก่อนจะทำปากจู๋ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ใบไผ่ประหนึ่งว่าจะจูบ
ทันใดนั้นวชรวรรษเข้ามากระชากคอเสื้อเข่งแล้วโยนออกไป เข่งหงายหลังชนโต๊ะโครม
ใบไผ่เห็นวชรวรรษก็ตกใจ เข่งชี้หน้าวชรวรรษโวยวายเอาเรื่องว่าวชรวรรษแหกคุกมา
จึงรีบโทรแจ้งตำรวจ วชรวรรษคว้ามือถือเข่งมาแกะแบตเตอรี่ออกแล้วปาทิ้งถังขยะ
ตีหน้าโหดใส่เข่ง เข่งรีบไปคุ้ยหามือถือ วชรวรรษหันมามองใบไผ่
"ตกลงนายออกมาจากคุกได้ยังไง" "ตำรวจเขาเห็นใจฉัน กลัวแฟนจะเป็นแม่สายบัวรอเก้อ
เขาก็เลยใจดีปล่อยฉันออกมา" เข่งได้ยินเลยโมโห
เข้าไปยืนแทรกกลางระหว่างใบไผ่กับวชรวรรษ "เฮ้ยๆๆ พูดจาให้มันดีๆ
ใครแฟนแกกันแน่ไอ้เจ้าพ่อ" วชรวรรษกับใบไผ่ทนไม่ไหวกันมาทางเข่งแล้วพูดพร้อมกัน
"เงียบ!!!" เข่งชะงักทำปากสั่นจะร้องไห้ "ไผ่ ไผ่ตวาดเข่งทำไม"
วชรวรรษรำคาญเอาขนมยัดปาก
เข่งขนมติดคอพูดไม่ออกดิ้นไปมาพล่านร้านเพราะหาน้ำมาดื่มไม่ได้
"วันนี้เธอปิดร้านทำไม หรือว่าเกิดอะไรขึ้น"
เข่งได้น้ำมาดื่มแล้วรีบเข้ามาแทรกกลางต่อ "
ไผ่เขาต้องปิดร้านไม่รับลูกค้าก็เพราะแกไง เพราะตั้งแต่แกเข้ามาในชีวิตของไผ่
แกก็ทำให้ไผ่เดือดร้อนตลอด
จนตอนนี้ไผ่กลายเป็นคนที่ทำขนมได้แย่ที่สุดในโลกแล้วรู้มั้ย ไอ้ตัวซวย!!"
วชรวรรษหันขวับมามองเข่งหน้าโหด เข่งรีบกระโดดหลบหลังใบไผ่ด้วยความกลัว
วชรวรรษหันมามองใบไผ่ "จริงเหรอใบไผ่" "ไม่เชื่อ ก็กินนี่ดู" เข่งหยิบขนมให้วชรวรรษ
วชรวรรษรับมากินพอรับรู้ถึงรสชาติแล้วก็ตกใจหันไปมองใบไผ่อย่างแปลกใจ
ใบไผ่รู้ทันทีว่ารวรรษกินไม่ได้ "ถ้าไม่อร่อยก็ไม่ต้องกิน!!"
ใบไผ่รีบเอาขนมทิ้งถังขยะแล้วก็เดินเข้าไปในครัว วชรวรรษมองใบไผ่อย่างเป็นห่วง
เข่งมายืนประจันหน้ากับวชรวรรษ "ไง จ๋อย อึ้ง เห็นมั้ย
แกทำให้ไผ่สูญเสียความสามารถที่ใบไผ่ภาคภูมิใจมาตลอดชีวิต" "แกจะเอายังไงกับฉัน"
"ฉันต้องถามแกมากกว่าว่าแกจะเอายังไงกับใบไผ่" "ถ้าอยากรู้ก็ออกไปคุยกันข้างนอก"
วชร วรรษเดินไปเปิดประตู ผายมือให้เข่งออกไปก่อน เข่งเดินอาดๆ ออกไป
ทันทีที่เข่งออกไป วชรวรรษก็รีบปิดประตูล็อคทันที เข่งตกใจรีบทุบประตู "เฮ้ย
ไอ้เจ้าพ่อหน้าโหด แกหลอกฉันเหรอวะ เฮ้ย เปิดประตู ไผ่ ไผจ๋า ช่วยเข่งด้วย" วชร
วรรษไม่สนใจเข่งรีบตามใบไผ่เข้าไปในครัว ใบไผ่ยืนมองขนมที่เหลืออยู่ด้วยความเศร้า
วชรวรรษเข้ามามองใบไผ่ด้วยความเห็นใจ พยายามปรับหน้ายิ้ม แล้วเดินมาหา "ใบไผ่
เรามาทำขนมกันเถอะ" ใบไผ่เงียบไม่พูด วชรวรรษเดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่
"ถ้าเธอไม่อยากทำก็ไม่เป็นไร ฉันทำให้เธอกินเอง วันนี้จะทำอะไรดี
ขนมถ้วยฟูก็แล้วกัน ฉันเคยเห็นป้าแหววทำ น่าจะพอจำได้"
วชรวรรษหยิบไข่มาตอกแต่ตอกแรงไปหน่อย ไข่เลยเละ ใบไผ่หันไปมอง วชรวรรษยิ้มแหยๆ
"เอาฟองใหม่นะ" วชร วรรษตอกไข่หลายใบใส่ลงไปในชาม หยิบถุงแป้งมาฉีก
แต่แรงเกินไปจนแป้งฟุ้งไปทั่ว วชรวรรษหยิบสีผสมอาหารออกมา เปิดฝา เทลงไปทั้งขวด
แล้วตกใจ ใบไผ่ทนดูไม่ได้ "ขืนให้นายทำต่อ ร้านฉันเจ๊งพอดี ฉันทำเอง" วชรวรรษยิ้ม
"งั้นให้ฉันเป็นลูกมือเธอนะ" ใบ ไผ่กับวชรวรรษช่วยกันทำขนมหลายอย่าง ทั้งนวดแป้ง
ปั้นแป้ง หยอดแป้งลงในแม่พิมพ์ เอาขนมเข้าตู้อบ เอาสีมาผสมแป้งจนเกิดเป็นสีต่างๆ
มากมายดูสวยงาม วชรวรรษเหลือบมองใบไผ่ อมยิ้มมีความสุขที่ได้เห็นใบไผ่ทำ
แล้วขนมก็เสร็จเรียบร้อยวางเต็มโต๊ะ "หน้าตาน่ากินทุกอย่างเลย" วชรวรรษชื่นชม
"อาจจะสวยแค่ภายนอกก็ได้" "ไม่หรอก ฉันเชื่อว่าคราวนี้มันต้องอร่อย"
วชรวรรษหยิบขนมขึ้นมากิน ทันทีที่ขนมเข้าปากก็หลับตาพริ้ม ใบไผ่มองลุ้น
วชรวรรษเคี้ยวช้าๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมา ยกนิ้วโป้งให้ใบไผ่ "สุดยอด!!" "จริงเหรอ
นายไม่ต้องมาพยายามโกหกเพื่อทำให้ฉันสบายใจหรอกนะนายหมาวัด"
"ถ้าไม่เชื่อรสสัมผัสของผม คุณลองเอาไปให้คนอื่นชิมดูสิ" เข่ง
ยังหาทางแงะประตูเข้าร้านไม่ได้จนเริ่มท้อ ระหว่างนั้นนาท แก้วขวัญ อุบล
กริชเดินเข้ามาเห็นแต่ด้านหลังเข่งตกใจนึกว่าขโมย นาทเข้าไปล็อคคอเข่งออกมา
เข่งร้องโวยวาย แล้วทุกคนค่อยเห็นว่าเป็นเข่ง "อ้าว ไอ้เข่ง แล้วเอ็งมาทำลับๆ
ล่อๆอะไรที่หน้าร้าน ทำไมไม่เข้าไป" นาทถาม "พูดแล้วมันเจ็บใจ
ไอ้เจ้าพ่อนั่นมันขังไผ่อยู่ในนั้นกับมันสองต่อสอง
ไม่รู้ป่านนี้มันจะปู้ยี่ปู้ยำไผ่ของเข่งไปถึงไหนแล้ว ฮือๆ" "ว่าไงนะนายเข่ง
คุณวัชรออกมาจากคุกแล้วเหรอ" "ก็ใช่น่ะสิครับน้าแก้ว มันมาถึงก็ใส่เข่งใหญ่
แล้วนี่มันยังขังตัวเองกับไผ่อีก พวกเราต้องรีบช่วยไผ่นะครับ" อุบลไม่สนใจเข่ง
"ขอบคุณคุณพระคุณเจ้าที่ทำให้คนดีๆ อย่างพ่อวัชรรอดออกมาได้" "นี่ทุกคนเป็นอะไร
ไผ่ของทุกคนถูกไอ้คนเลวมันจับตัวอยู่นะครับ" พูด ไม่ทันขาดคำ
วชรวรรษเปิดประตูร้านออกมา แก้วขวัญ นาท อุบล กริชเดินชนเข่งคนละทีสองที
ทำเอาเข่งมึนเซ ทุกคนเข้าไปหาวชรวรรษแย่งกันถามด้วยความเป็นห่วง "ใจเย็นๆ
ก่อนครับทุกคน ผมจะตอบคำถามทุกคนแน่ครับ แต่ตอนนี้ผมต้องการความช่วยเหลือ" ขนม
วางเต็มโต๊ะดูน่ากิน ใบไผ่ยืนมองทุกคนซึ่งที่กำลังกินด้วยอาการลุ้น ใจเต้น
ทันทีที่ขนมเข้าปาก ทุกคนถึงกับตาโต ตะลึงอึ้ง แล้วยิ้มออกมา "ไอ้ไผ่
ป้าดีใจกับเอ็งด้วยนะ ฝีมือเอ็งกลับมาแล้ว" "จริงเหรอป้า" อุบลพยัก หน้า
ใบไผ่หันไปมองคนอื่น แก้วขวัญ นาท และลุงกริชก็พยักหน้ารับ ใบไผ่ยิ้มดีใจน้ำตาจะไหล
หันไปมองวชรวรรษ สองคนยิ้มให้กัน เข่งแอบมุดเข้ามาหยิบขนมเข้าปากแล้วก็พบว่า "เฮ้ย
อร่อยเหมือนเดิมจริงๆ ด้วย อิมพอสสิเบิ้ล เป็นไปได้ไงวะเนี่ย
ไผ่อยู่คนเดียวทำขนมไม่อร่อย แต่พอไอ้เจ้าพ่อมา ไผ่กลับ..."
เข่งเงยหน้าหันไปมองใบไผ่กับวชรวรรษที่กำลังยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ใบ
ไผ่มองขนมที่ยังเหลืออยู่บนโต๊ะแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก กลับมามีความสุขอีกครั้ง
ก่อนจะเอาขนมเข้าปาก ลิ้มลองทุกรสชาติด้วยความสุขใจ อุบลเดินเข้ามาหา
"ทีนี้เอ็งเชื่อป้าหรือยังที่ป้าบอกเอ็งไปวันนั้น
ลิ้นเอ็งไม่รับรสชาติเพราะหัวใจเอ็งมันขาดรสชาติไปยังไงล่ะ" ใบไผ่หันมามองอุบล
อุบลยิ้มให้ ระหว่างนั้นวชรวรรษเดินเอาจานเข้ามาเก็บ " ป้ากลับก่อนนะไผ่
ตอนแรกว่าจะให้ไอ้พวกนั้นมาช่วยเอ็ง แต่ตอนนี้คงไม่ต้องแล้ว
มีผู้ช่วยมือดีอยู่ทั้งคน ป้าก็หมดห่วง ฝากดูแลไอ้ไผ่มันด้วยนะพ่อวัชร"
"คุณป้าพูดเหมือนยกไผ่ให้ผมแล้วเลยนะครับ" ใบไผ่ตีแขนวชรวรรษ "นายหมาวัด!!"
อุบลยิ้มกรุ้มกริ่ม "อันนี้ก็ต้องถามเจ้าตัวเขาดูว่าเขายอมให้พ่อวัชรดูแลรึเปล่า
ป้าไปดีกว่า ไม่อยากอยู่เป็นส่วนเกิน" อุบลเดินออกไป วชรวรรษหันไปมองใบไผ่
"ตกลงยอมให้ฉันดูแลชีวิตเธอรึเปล่า" ใบไผ่หยิบไม้นวดแป้งขึ้นมาชี้หน้า "พูดอะไร"
วชร วรรษดึงไม้ออกจากมือใบไผ่มาวาง "แหมใจเย็นๆ สิจ๊ะ ปัญหาของเธอ
ฉันช่วยแก้ให้แล้ว แล้วปัญหาที่มันคาใจฉันอยู่ เธอจะช่วยฉันได้รึยัง"
"นายมีปัญหาคาใจอะไรอีก" "ก็ปัญหาที่ฉันอยากรู้ว่าเธอคิดยังไงกับฉันไงใบไผ่
บอกฉันมาสักทีสิ" ใบไผ่หน้าแดงเรื่อ "คิดยังไงเหรอ
ฉันกำลังคิดว่าฉันต้องให้เงินเดือนนายเท่าไหร่ดีถึงจะเหมาะสมกับค่าจ้างคนงานในร้านขนมหวานของฉัน"
"ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น เดี๋ยวก่อน เธอพูดแบบนี้
แปลว่าเธอรับฉันเข้าทำงานแล้วใช่มั้ย" "ฉันไม่ชอบพูดอะไรรอบสอง" "ไชโย!!"
วชรวรรษกระโดดกอดใบไผ่แน่น ใบไผ่ตกใจ "ไอ้หมาวัด ปล่อยฉันนะ"
ใบไผ่กระทืบเท้าวชรวรรษ วชรวรรษสะดุ้งเจ็บแต่ก็มีความสุข ใบไผ่หันหน้าหนี
แล้วก็แอบยิ้มไม่ให้วชรวรรษเห็น000000000000000
วันถัดมาวชรวรรษยื่นเช็คสองใบให้ทศกับวิชญ์ ทั้งสองมองอย่างแปลกใจ "
ฉันตกลงขายกิจการทุกอย่างในมือฉันไปแล้ว นี่เป็นเงินที่พวกแกสองคนสมควรได้
แกสองคนจะได้เอาไปตั้งตัว เพราะต่อไปฉันไม่จำเป็นต้องมีลูกน้องมาคอยปกป้องอีกแล้ว"
"แต่นายครับ จะให้ผมสองคนทิ้งนายได้ยังไง" วิชญ์ถามอย่างเป็นห่วง "
ขอบใจมากที่แกสองคนยังหวังดีกับฉัน ทั้งๆ ที่พวกแกก็ลำบากเพราะฉันมาตลอด
แต่ต่อไปนี้ฉันไม่ใช่เจ้าพ่อ ฉันเป็นแค่ลูกจ้างในร้านขนมธรรมดา
เพราะฉะนั้นคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับฉันอีกแล้ว" "นายครับ
แต่ผมพวกถือปืนคอยปกป้องนายมาตลอด ถ้านายไม่ต้องการพวกผมแล้ว
พวกผมจะไปทำอะไรล่ะครับ" ทศถาม "ไปเป็นคนดีไง เงินพวกนั้นจะทำให้ชีวิตพวกแกไม่ลำบาก
รับปากกับฉันนะว่าพวกแกจะไม่หวนกลับมาเส้นทางเก่า" "ครับนาย" "ขอบใจ
ขอบใจแกสองคนมากที่อยู่ข้างฉันมาตลอด ฉันต้องไปทำงานแล้ว
เป็นคนดีให้ได้แล้วพวกแกจะพบความสุขเหมือนฉัน" วชร วรรษมาทำงานที่ร้านใบไผ่
ใส่ชุดพนักงานร้านขนมหวานยืนต้อนรับลูกค้าอยู่ตรงตู้ขนมอย่างขะมักเขม้น
สักครู่ใบไผ่ก็เรียกให้ออกไปขนของหน้าร้าน จากนั้นก็ให้เอาขนมไปเสิร์ฟลูกค้า
วชรวรรษวิ่งวุ่น ใบไผ่อมยิ้มสะใจที่ได้ใช้งานวชรวรรษ ใบไผ่ทำขนมอยู่
วชรวรรษแบกถุงแป้งเข้ามาเก็บ ใบไผ่สั่งแล้วหันไปปอกเผือก แต่กลับโดนมีดบาด สะดุ้ง
วชรวรรษตกใจรีบเข้ามาดู "ใบไผ่เป็นอะไร เลือดออกนี่"
วชรวรรษเอานิ้วใบไผ่ขึ้นมาดูดเลือดให้ ใบไผ่ตกใจรีบดึงมือออก "ไม่ต้อง ฉันทำเอง
นายออกไปทำงานได้แล้ว" ใบไผ่รีบหันหลังเพราะอาย วชรวรรษยิ้มแล้วออกไป
พอคล้อยหลังใบไผ่หันไปมอง ก้มมองนิ้วตัวเองรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ทศ
กับวิชญ์พากันมาดื่มเหล้าในบาร์
ทศตั้งข้อสังเกตว่าทุกอย่างมันง่ายเกินไปกับการที่วชรวรรษวางมือในครั้งนี้
ระหว่างนั้นเสี่ยทำนุเดินเข้ามาในผับมากับลูกน้อง ทศเห็นตกใจ
เสี่ยทำนุเดินเข้ามาทักทาย "ไอ้เสี่ยทำนุ นี่แกไม่ได้ถูกตำรวจจับไปแล้วเหรอ" "
ไปเอาข่าวแบบนั้นมาจากไหน จากเจ้านายของแกเหรอ หึๆๆๆ
ฉันว่าพวกแกฟังเจ้านายมากเกินไป
เหมือนพวกหมาที่เอาแต่คอยรับชิ้นเนื้ออย่างเดียวว่ะ" วิชญ์มองอย่างเจ็บใจ
"เสี่ยมาทำอะไรที่นี่" "ฉันต้องถามแกสองคนมากกว่าว่าแกมาทำอะไรที่นี่
ไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้ที่นี่มันเป็นของฉันแล้ว" "เป็นไปไม่ได้
คุณพยุทธ์ขายที่นี่ให้นายทุนคนอื่นไป มันจะเป็นของเสี่ยได้ยังไง หรือว่า..."
วิชญ์เริ่มคิดได้ "ฉลาดขึ้นแล้วสิ จริงๆ
นายแกต้องมากราบตีนฉันด้วยซ้ำที่ยังใจดีปล่อยให้มันออกมาเป็นพ่อค้าขายขนม
น่ารักดีนะ เหมาะกับมันดี" "แก ที่แท้แกกับไอ้พยุทธ์ก็ร่วมมือกันมาตลอด" ทศ
ไม่พอใจหยิบขวดเหล้าปาลงพื้นเหมือนเป็นการประกาศศึก เสี่ยทำนุโมโห
สั่งลูกน้องจัดการ ทศกับวิชญ์รับมือไม่ไหวถูกรุมจนสะบักสะบอม ทศได้แผลที่หน้าผาก
ตามเนื้อตัวฟกช้ำ แต่วิชญ์ขาหัก ทศแค้นอยากจะส่งข่าวบอกวชรวรรษว่าถูกหลอก
"อย่านะไอ้ทศ แกไม่เห็นเหรอว่านายกลับตัวแล้ว
ถ้านายรู้ว่าโดนไอ้พยุทธ์กับเสี่ยทำนุร่วมมือกันหลอกหักหลังนาย
นายต้องกลับไปเดินทางเก่าอีก" "งั้นฉันจะไปจัดการมันเอ" "อย่านะไอ้ทศ
แกคนเดียวทำอะไรพวกมันไม่ได้หรอก" " ได้สิวะ
ในเมื่อนายเลือกทางที่จะเป็นคนดีแล้วแต่ยังถูกกลั่นแกล้ง
มันก็ต้องมีสักคนที่ต้องเดินทางเลวเพื่อปกป้องนาย" ทศเดินลิ่วๆ ออกไป
วิชญ์พยายามจะตามแต่ลุกไม่ไหว

ไม่มีความคิดเห็น: