วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2552

แม่ค้าขนมหวาน 10-11

ใบไผ่ในคราบของทองเอกยังคงเต้นกับนรารีท่าทางพลิ้วไหว
ใบไผ่จงใจนำนรารีเต้นเย้ยวชรวรรษซึ่งนั่งมองอยู่อย่างไม่พอใจ เมื่อเสียงเพลงจบลง
ใบไผ่ผละออกจากนรารีแล้วโค้งให้ "คุณนรารีเต้นรำเก่งมากเลยครับ"
"คุณทองเอกต่างหากล่ะคะที่นำแพนดี เออ ถ้าคุณทองเอกยังไม่รีบไปไหน
ไปนั่งคุยกันต่อที่โต๊ะมั้ยคะ" "ด้วยความยินดีอย่างยิ่งเลยครับ
แต่น่าเสียดายผมต้องไปทำธุระต่อ" "อะไรกันคะ
ค่ำขนาดนี้คุณทองเอกยังต้องทำงานอีกเหรอคะ เอ
หรือว่าคุณทองเอกต้องกลับก่อนเที่ยงคืนเหมือนซินเดอเรลล่า" "ก็ทำนองนั้นแหละครับ
ผมดีใจนะครับที่ได้รู้จักกับผู้หญิงที่ทั้งสวย แล้วก็ฉลาดอย่างคุณแพน"
"คุณทองเอกชมแพนเกินไป แพนเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ เท่านั้นเองนะคะ"
"สำหรับคนอื่นคุณแพนอาจจะเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ แต่สำหรับผม
ผมว่าคุณมีค่ามากกว่านั้นครับ" นรารีอึ้งไปกับคำพูดของใบไผ่ ใบไผ่รีบตัดบท
"ผมว่าคืนนี้คงหมดเวลาของผมแล้ว" ใบไผ่เหลือบไปทางด้านหลังนรารี
นรารีหันไปเห็นวชรวรรษมองอยู่ "ผมกลับก่อนนะครับคุณแพน"
"แล้วเราจะได้เจอกันอีกมั้ยคะ" "ได้เจอกันอีกแน่นอนครับ ผมจะเป็นฝ่ายไปหาคุณเอง"
ใบไผ่ยิ้มหล่อให้นรารีแล้วก็เดินออกไป ทิ้งความฉงนสงสัยให้กับนรารี
ระหว่างนั้นพยุทธ์เดินเข้ามา "ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แล้วทำไมลูกถึงไปเต้นรำกับเขา"
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะพ่อ อย่าหงุดหงิดเลยนะคะ แพนเมื่อยแล้ว ขอไปนั่งพักก่อน"
นรารีเดินออกไปผ่านหน้าวชรวรรษแบบไม่ใยดี
วชรวรรษนิ่งเงียบหันไปมองทองเอกด้วยความสงสัย ใบไผ่เดินยิ้มกริ่มออกมาหน้าโรงแรม
แล้วชะงักกึกที่เจอทศกับวิชญ์ยืนขวางทางอยู่ "แกรู้หรือเปล่าว่าคุณแพนเป็นใคร"
วิชญ์ถามตะคอก "คุณแพนก็คือคุณแพน พวกแกโง่หรือเปล่าที่ไม่รู้จักเธอ"
ทศขยับจะเอาเรื่อง วิชญ์รีบห้าม แล้วบอกว่านรารีเป็นแฟนของวชรวรรษ วชิรธาน
อย่ามายุ่งกับนรารีอีก ใบไผ่บอกว่านรารีจะเป็นแฟนกับใครก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ
"แกแน่มากนะ มาท้าทายกับคุณวชรวรรษ ถ้าไม่อยากโดนอุ้มหายไปล่ะก็ ไสหัวไปให้ไกลๆ"
วิชญ์ขู่ "อ๋อ รู้แล้ว ที่แท้ก็เป็นมาเฟียนี่เอง แล้วไง
เขาไม่ได้มีกฎหมายห้ามไม่ให้จีบแฟนมาเฟียไม่ใช่เหรอ" "ไอ้เวรเอ๊ย
สงสัยจะไม่เคยเจ็บตัว" ทศคำราม "ใช่ ฉันไม่เคยเจ็บตัว
แล้วก็ไม่มีใครมาทำให้ฉันเจ็บได้ด้วย ไปบอกนายของพวกแก แทนที่จะระวังฉัน
ระวังตัวเองจะดีกว่า ผู้หญิงเขาชอบผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษ
ไม่ใช่เอะอะก็ใช้แต่กำลังมากกว่าสมอง เข้าใจ๊"
ใบไผ่ผลักสองคนแล้วก็เดินผ่าตรงกลางออกไป ทศกับวิชญ์มองตามด้วยความแค้นใจ
วชรวรรษเดินมาส่งนรารีกับพยุทธ์ที่รถ แต่นรารีไม่สนใจแม้จะหันไปมองด้วยหางตา
"คุณแพนครับ" "พอเถอะค่ะคุณวัชร แพนไม่อยากฟังคำแก้ตัวของคุณอีก
ถึงเราจะมีกำหนดวันหมั้นเอาไว้แล้ว แต่ถ้าคุณยังขืนทำตัวอย่างนี้
แพนก็คงต้องทำให้คุณเห็นว่าแพนมีค่า" วชรวรรษนิ่งงันพูดไม่ออก นรารีขึ้นรถปิดประตู
วชรวรรษหันไปมองพยุทธ์ "คุณพยุทธ์ ผมขอโทษนะครับ"
"คุณคิดว่าผมควรจะยกโทษให้คุณมั้ย" "ผมรู้ครับคุณไม่พอใจผม
แต่ยังไงคุณก็เป็นพ่อของคุณแพนผู้หญิงที่ผมรัก เรื่องของคุณก็เหมือนเรื่องของผม
ผมจะจัดการเรื่องเสี่ยทำนุให้คุณเอง คุณไม่ต้องห่วงนะครับ" วชรวรรษกลับมาถึงบ้าน
ทศกับวิชญ์ตามมาติดๆ "นายครับ ไอ้คนที่เต้นรำกับคุณแพน
ท่าทางมันไม่น่าไว้ใจเลยนะครับ พวกผมสองคนไปคุยกับมันดีๆ
แต่มันกลับพูดจายียวนกวนประสาท ไม่กลัวนายแม้แต่นิดเดียว"
วชรวรรษหันไปมองทศกับวิชญ์ไม่พอใจ "ใครสั่งให้แกไปพูดกับมัน"
"ผมเห็นมันไม่น่าไว้ใจ" วิชญ์รีบบอก "แต่แกสองคนทำแบบนี้ เหมือนฉันกลัวมัน"
ทศกับวิชญ์ก้มหน้าจ๋อย รีบขอโทษนาย "ผู้ชายตัวเล็กๆ
หุ่นบอบบางอย่างกับผู้หญิงแบบนั้นมันจะทำอะไรฉันได้
วันหลังแกสองคนไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้ กลับไปได้แล้วไป" ใบไผ่มาหาแก้วขวัญ มีความสุข
สะใจที่ได้แกล้งวชรวรรษ "เป็นนายทองเอกมันก็ดีเหมือนกันนะน้า เอ
หรือว่าไผ่จะเป็นแบบนี้ไปตลอดดี" "ว้าย ไม่ได้นะ เดี๋ยวป้าอุบลมาทึ้งหัวน้าตาย
ที่น้าช่วยเราก็เพราะน้ารับปากกับแม่ของเราเอาไว้ว่าจะดูแลหลานสาวคนเดียว
แต่นี่น้าเริ่มจะคิดว่าน้าคิดผิดไปแล้ว" "น้าคิดไม่ผิดหรอกจ้ะ
น้าแก้วน่ะคิดถูกต้องที่สุดแล้ว" แก้วขวัญมองใบไผ่ส่ายหัวด้วยความเอือมระอา
"น้าล่ะนอนตากระตุกมาสองสามวัน กลัวจริงๆ ว่าคุณวัชรจะจับเราได้" "ไม่มีทางหรอกน้า
ไผ่เนียนออกจะตาย" "จ้า แม่เนียน เนียนให้มันตลอดรอดฝั่งก็แล้วกันนะ" ระหว่างนั้น
นาทยืนตรงหน้าร้านเสื้อของแก้วขวัญ เช็คความหล่ออีกครั้ง
ก่อนจะเอาพวงมาลัยออกมาหอมชื่นใจ "คุณแก้วครับ มาลัยนี้มอบให้เจ้า
ส่วนดวงใจของกระผมยกให้คุณแก้วเป็นแม่คุณแม่ทูนหัวของผมคนเดียวเลยนะครับ"
นาทยิ้มกริ่มมีความสุขกำลังจะเดินเข้าไปในร้านก็ชะงักที่เห็นแก้วขวัญนั่งอยู่กับใบไผ่
แต่ไม่เห็นหน้า เห็นแต่ข้างหลัง ทำให้เข้าใจว่าแก้วขวัญอยู่กับผู้ชาย
เป็นเวลาเดียวกับที่แก้วขวัญบอกให้ใบไผ่ไปเปลี่ยนชุดหนุ่มหล่อออก
ทั้งสองจึงพากันเข้าไปในห้องลองเสื้อ นาทกำพวงมาลัยแน่นเละคามือ
เกาะกระจกเอาหน้าแนบมองภาพตรงหน้าด้วยความเจ็บปวด
เพราะเข้าใจว่าแก้วขวัญเข้าห้องไปทำอะไรกับผู้ชาย นาทปาพวงมาลัยลงพื้นอย่างแรง
ก่อนจะร้องไห้ด้วยความฟูมฟายด้วยความเสียใจ "คุณแก้ว ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้ ทำไม
ทำไม ฮือๆ โฮๆ คุณแก้ว ยอดขวัญ ยอดดวงใจของผม ใจมันเจ็บ ใจมันปวด ใจมันร้าว"
นาททรุดเข่าลงนั่งกับพื้นก้มหน้าร้องไห้ไม่หยุด "ก็คนมันรัก จะทำยังไงก็รัก
จะเจ็บยังไงก็รัก แต่ในเมื่อเรารักคุณแก้ว
แล้วทำไมเราต้องยอมปล่อยให้คุณแก้วไปมีความสุขกับคนอื่น คุณแก้วต้องเป็นของเรา
เป็นของเราคนเดียวเท่านั้น ถ้าใครแตะต้องคุณแก้ว มันต้องตาย"
นาทคิดได้ดังนั้นก็ตรงไปเปิดท้ายรถหยิบไม้ตะพดพรวดพราดเข้าไปในร้านเสื้อ
เงื้อตะพดจะฟาดใบไผ่ที่ออกมาจากห้องลองเสื้อ แต่ใบไผ่รับได้ทัน
จับไม้ดึงมาแล้วหันไปจะฟาดนาทแทน นาทตกใจ "เฮ้ย ไอ้ไผ่ อย่า อาเอง" ใบไผ่ชะงักค้าง
มองนาทงงๆ แก้วขวัญเดินออกมางงเช่นกัน
นาทไม่สนใจถามหาหนุ่มหน้าละอ่อนที่เข้าไปกับแก้ว
ใบไผ่กับแก้วขวัญชะงักกึกหันมามองหน้ากันเข้าใจทันทีว่านาทเห็นอะไร
แต่ไม่มีใครยอมบอกความจริง นาทจึงเดินลุยเข้าไปในห้อง "ออกมาสิวะ
อย่าเป็นเต่าหดหัวอยู่แต่ในกะลา ออกมา ออกมาสู้กันแบบลูกผู้ชาย
เอาให้มันรู้ดำรู้แดงรู้เขียวกันไปเลย ออกมา" "หยุดโวยวายได้แล้ว
ไม่มีผู้ชายอะไรทั้งนั้น" แก้วขวัญตะคอก "คุณแก้วเอามันไปซ่อนไว้ที่ไหน
ในตู้นี้ใช่มั้ย" นาทเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า แต่ไม่มี จึงเดินหาไปทั่วห้อง
ทั้งรื้อทั้งค้นจนห้องรก แต่ไม่เจอ จนแก้วขวัญทนไม่ไหว บอกให้หยุด แต่นาทไม่หยุด
แก้วขวัญจึงขู่ว่าต่อไปไม่ต้องมาให้เธอเห็นหน้าอีก นาทจ๋อยสนิทตัวลีบทันที
แก้วขวัญเอือมระอาบอกให้ใบไผ่รีบพานาทกลับไป "คุณแก้ว
ขอให้คุณรู้ไว้นะครับว่าผมรักคุณทั้งหัวใจ
และผมจะไม่มีวันยอมให้ใครได้หัวใจคุณไปนอกจากผม" แก้วขวัญทำหน้าเลี่ยน
ใบไผ่รีบดึงนาทออกไป นาทเอื้อมมือไปหาแก้วขวัญ ทุกข์ระทม
แก้วขวัญส่ายหัวด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ รถพยุทธ์วิ่งไปตามถนน
พยุทธ์นั่งอยู่กับเลขาฯในรถ สักครู่ต้องจอดรถเพราะมีป้ายซ่อมถนนขวางอยู่
ทันใดนั้นมีมอเตอร์ไซค์มาประกบข้างๆ รถพยุทธ์ มือปืนชักปืนออกมา
เลขาฯรีบพาพยุทธ์หนีลงจากรถ มือปืนวิ่งตามไป วชรวรรษมาง้อนรารีที่บ้าน
ระหว่างนั้นสาวใช้วิ่งหน้าตื่นมาบอกข่าวร้ายของพยุทธ์
นรารีกับวชรวรรษรีบตามไปที่โรงพยาบาล เลขาฯบอกว่าพยุทธ์ถูกมือปืนไล่ยิง
นรารีตกใจรีบโผเข้ากอดพ่อ พยุทธ์บอกว่าเขาไม่เป็นอะไรมาก เพราะโชคดีมีคนผ่านทางมา
พลางบอกว่าเขาจำได้ว่ามือปืนเป็นคนของเสี่ยทำนุ
วชรวรรษกลับมาบ้านด้วยความเครียดเรื่องเสี่ยทำนุ
ทศกับวิชญ์บอกว่าเขาจะไปจัดการเสี่ยทำนุให้เอง
แต่วชรวรรษบอกว่าเรื่องนี้เขาจะจัดการเอง "แต่นายวางมือแล้วไม่ใช่เหรอครับ
มันจะกระทบถึงภาพลักษณ์ที่นายสร้างมานะครับ" วิชญ์ท้วง "ถ้าแลกกับสิ่งที่ฉันต้องการ
ฉันว่ามันคุ้มกัน" วชรวรรษเปิดลิ้นชักเอาปืนออกมา "สั่งคนของเราให้เตรียมพร้อม"
ป้าแหววกำลังทานขนมที่วรรษาทำมาากร้านใบไผ่อยู่ในสวน ชมว่าอร่อยมาก
วรรษาบอกว่าใบไผ่เป็นคนสอนให้ "คุณไผ่ อ๋อคุณใบไผ่ที่คุณฝนพูดถึงอยู่บ่อยๆ
ใช่มั้ยคะ ป้าชักอยากจะเจอตัวจริงซะแล้วสิ
ดูคุณไผ่ของคุณฝนทำอะไรก็ดีไปหมดทุกอย่าง" "ถ้าป้าได้เจอพี่ไผ่
ฝนรับรองค่ะว่าป้าแหววต้องรักพี่ไผ่เหมือนฝนอีกคนแน่ๆ" "คนอะไรจะดีขนาดนั้นคะ"
"พี่ไผ่เป็นคนดีจริงๆ นะคะป้า ทำขนมก็อร่อย นิสัยดี มีน้ำใจ ไม่เคยซ้ำเติมใคร
และที่สำคัญน่ารักกว่าพี่แพนเป็นล้านเท่า" ป้าแหววหัวเราะกับท่าทางของวรรษา
ทันใดนั้นก็มีรถตู้แล่นมาจอดที่หน้าบ้าน วรรษากับป้าแหววมองด้วยความแปลกใจ
ไม่นานก็เห็นวิชญ์เดินลงมากับลูกน้องเข้ามาในบ้าน
วรรษารู้ทันทีว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่ๆ
แล้วก็เป็นจริงเมื่อวชรวรรษเดินลงมากับทศสมทบกับลูกน้อง "พี่วัชร พี่จะไปไหนคะ"
"พี่ก็ไปทำงานสิฝน" "ฝนไม่ใช่เด็กอมมือนะคะพี่วัชร
ยกโขยงไปซะขนาดนี้คงไม่ใช่ไปทำงานหรอกมั้งคะ พี่วัชรกำลังจะยกพวกไปตีใคร
ไหนพี่ว่าล้างมือแล้วไง" "ฝนไม่ต้องยุ่งกับเรื่องของพี่ พี่ต้องไปทำธุระ"
"คราวที่แล้วที่ฝนเห็นแบบนี้มีคนตายเป็นสิบ พี่กำลังจะไปไหนกันแน่"
"ไม่เกี่ยวกับเรา" วชรวรรษเดินออกไป ทศ ลูกน้องรีบเดินตาม วรรษาหันไปจับแขนวิชญ์
คาดคั้นจนรู้ว่าวชรวรรษจะไปจัดการกับเสี่ยทำนุ วรรษาหน้าเสียเป็นห่วงพี่ชาย
วชรวรรษมาที่โกดังท่าเรือ
ลอบทำร้ายลูกน้องของเสี่ยทำนุจนหมดแล้วจับตัวเสี่ยทำนุไปที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง
ขู่ให้เลิกยุ่งกับคนรอบข้างของเขา
ไม่อย่างนั้นเขาจะจัดการกับเสี่ยทำนุอย่างมาเฟียถ้าจำเป็น
จากนั้นก็สั่งให้ลูกน้องให้พาเสี่ยทำนุไปส่ง
วิชญ์เห็นแขนของวชรวรรษที่โดนเสี่ยทำนุเอาที่ตัดซองจดหมายแทงตอนต่อสู้กัน
มีเลือดซึมออกมา บอกให้วชรวรรษไปโรงพยาบาลแต่วชรวรรษปฏิเสธบอกว่าแผลเล็กน้อย
วรรษามาหาใบไผ่ที่ร้าน
เล่าเรื่องที่วชรวรรษยกพวกไปจัดการเสี่ยทำนุให้ฟังด้วยความเป็นห่วงพี่ชาย
โดยมีธราทิตย์นั่งฟังอยู่ด้วย "ที่ฝนมาเล่าให้พี่ฟัง เพราะฝนห่วงพี่ชายใช่มั้ย"
วรรษาปากแข็ง "ไม่ใช่นะพี่ไผ่
ฝนเล่าเพื่อให้พี่รู้ว่าพี่วัชรไม่มีทางวางมือได้ตามที่พูด
ยังไงพี่วัชรก็ยังใช้วิธีของมาเฟียอยู่ดี" "แล้วนี่เขาออกไปนานหรือยัง"
"ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ ยังไม่โทรกลับมาหาฝนเลย ปกติต้องโทรมาเช็คฝนทุกชั่วโมง"
ใบไผ่มีแววตาเป็นกังวลจนธราทิตย์เห็น "ที่แกถามเนี่ย
เพราะแกห่วงเขาเหมือนกันใช่มั้ย" "ห่วงว่าจะไม่ตายน่ะสิ" วรรษาชะงัก
ใบไผ่รู้ตัวว่าปากเสีย "เอ่อ พี่ขอโทษนะน้องฝน พี่ไม่ได้ตั้งใจ" "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
พี่ชายฝนเขาไม่ใช่คนดีจริงๆ" ใบไผ่กับธราทิตย์หันมามองหน้ากัน
"พี่ไผ่รู้มั้ยคะว่าจริงๆ ที่พี่วัชรแต่งงานกับพี่แพน
ไม่ใช่เพราะเขารักพี่แพนหรอกค่ะ แต่เขาคิดจะใช้ชื่อเสียงของพ่อพี่แพน
ทำให้ตัวเองสะอาด เขาถึงจำเป็นต้องเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยง
ยกพวกไปแก้แค้นให้ว่าที่พ่อตา พี่ไผ่ว่าพี่วัชรทำแบบนี้
เขายังจะเป็นคนดีอีกรึเปล่าล่ะคะ"
ใบไผ่เก็บเรื่องที่วรรษาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับวชรวรรษมาเล่าให้แก้วขวัญฟัง
"รู้อย่างนี้แล้วเรายังจะไปยุ่งกับเขาอีกเหรอ" แก้วขวัญถามขึ้น "รู้อย่างนี้
ยิ่งต้องยุ่งเลยล่ะน้าแก้ว เขาทำไม่ถูกต้อง เห็นผู้หญิงเป็นเครื่องมือ ไม่จริงใจ
ยังไงไผ่ก็ต้องทำให้ผู้ชายอย่างไอ้เจ้าพ่อบ้านั่นสำนึกให้ได้" "เฮ้อ
แต่ก่อนที่เขาจะสำนึก น้ากลัวว่าเขาจะนึกขึ้นมาได้ซะก่อนว่านายทองเอกเป็นเราน่ะสิ"
"ไม่มีทางหรอกน้าแก้ว ไผ่ซะอย่าง ไม่มีพลาด ฮึ ผู้ชายสันดานอย่างนายนี่
ต้องเจอไอ้ไผ่" ใบไผ่ามุ่งมั่น จนแก้วขวัญหนักใจ นรารีโทรหาวชรวรรษแต่ติดต่อไม่ได้
นรารีวางสายหัวเสีย สักครู่ใบไผ่ในคราบทองเอกก็มาหานรารีที่บ้าน
พร้อมกระเช้าผลไม้เพื่อมาเยี่ยมอาการป่วยของพยุทธ์ "ขอบคุณมากนะคะ
คุณทองเอกรู้ได้ยังไงคะว่าคุณพ่อของแพนถูกทำร้าย"
"ผมรู้เรื่องของคุณแพนทุกอย่างแหละครับ คุณพ่อของคุณแพนสบายดีขึ้นหรือยังครับ"
"ความจริงคุณพ่อไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่ถลอกนิดหน่อย"
ใบไผ่กุมมือนรารีไว้หลวมๆ "ถ้าคุณแพน มีอะไรให้ผมช่วย บอกผมได้เลยนะครับ
ผมเต็มใจช่วยคุณแพนทุกอย่าง" นรารีดึงมือออกอย่างมีมารยาท
"แต่เราเพิ่งรู้จักกันนะคะ ทำไมคุณถึงดูไว้ใจแพน" "คุณแพนอาจจะเพิ่งรู้จักผม
แต่ผมรู้จักคุณแพนมานานแล้วครับ คุณแพนชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ไปเที่ยวที่ไหน
หรือมีงานอดิเรกอะไร ผมรู้หมดแหละครับ" "คุณทองเอก" "ครั้งแรกที่ผมเห็นคุณแพน
มันทำให้ผมประทับใจคุณแพนจนลืมไม่ได้มาจนทุกวันนี้" นรารีอึ้งทำหน้าไม่ถูก
เขินกับสายตาที่ใบไผ่มองมา "แต่แพนมีคู่หมั้นแล้วนะคะ" "ใครเหรอครับ
คู่หมั้นของคุณ" เสียงวชรวรรษดังขึ้นทางด้านหลัง "ผมเอง"
นรารีกับใบไผ่หันไปเห็นวชรวรรษเดินหน้าไม่พอใจเข้ามา "คุณวัชร เอ่อ
คุณวัชรมาก็ดีแล้ว แพนจะได้แนะนำให้คุณรู้จักเพื่อนของแพน นี่คุณทองเอกค่ะ
คุณทองเอกเป็นวิศวกร" ใบไผ่ยื่นมือออกไป "สวัสดีครับ" "ขอโทษนะครับ ผมเป็นคนไทย"
"เอ่อ แล้วนี่คุณวชรวรรษ วชิรธาน คู่หมั้นแพนเองค่ะ" "อ๋อ คุณนั่นเอง
คุณวชรวรรษที่เป็นเจ้าพ่อ คราวที่แล้วลูกน้องคุณเกือบทำร้ายผม" วชรวรรษชะงัก
นรารีมองวชรวรรษด้วยความตกใจ "คุณวัชร นี่คุณส่งคนไปทำร้ายคุณทองเอกเหรอคะ"
"ไม่ใช่นะครับคุณแพน ลูกน้องผมเขาเข้าใจผิด" "ถ้าเป็นการเข้าใจผิด ก็ไม่เป็นไรครับ
ผมไม่โกรธ" ใบไผ่ตบแขนวชรวรรษข้างที่เจ็บ "โอ๊ย!!" วชรวรรษจับแขนตัวเอง
นรารีกับใบไผ่ตกใจ "คุณวัชร แขนคุณไปโดนอะไรมาคะ" "เอ่อ คือผมเดินไม่ระวังน่ะครับ
ก็เลยไปกระแทกกับขอบตู้เข้า" ใบไผ่แทรกขึ้น "แน่ใจเหรอครับว่ากระแทกขอบตู้
ไม่ได้ไปตีรันฟันแทงกับใครมา" ใบไผ่มองวชรวรรษจับผิด วชรวรรษมองใบไผ่เอะใจ
ใบไผ่รีบเปลี่ยนเรื่อง "ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่า
แล้วไว้วันหลังผมจะมาหาคุณแพนอีกนะครับ" ใบไผ่ยิ้มให้นรารีกำลังจะเดินออกไป
วชรวรรษหันไปมองตามแล้วพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ "เดี๋ยวก่อนครับคุณทองเอก
ผมต้องขอโทษแทนลูกน้องผมด้วยนะครับที่เกือบทำร้ายคุณ
แต่ว่าผมคงห้ามพวกเขาได้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว โชคดีนะครับคุณทองเอก"
ใบไผ่ยิ้มให้วชรวรรษ สองคนมองหน้ากันท้าทาย
ใบไผ่หันหลังเดินออกไปเปลี่ยนเป็นยิ้มร้าย วชรวรรษหันมามองนรารี นรารีหน้างอ
"ทำไมคุณเสียมารยาทกับเพื่อนแพนแบบนี้คะ
คุณไปพูดขู่เขาทำไม""ผมไม่ได้ขู่เขานะครับคุณแพน ผมพูดปกติ"
"เนี่ยเหรอคะวิธีการพูดปกติของคุณ
แพนชักไม่แน่ใจแล้วว่าคุณจะเลิกเป็นมาเฟียได้จริงหรือเปล่า"
นรารีสะบัดหน้าเดินหนีไป วชรวรรษกลับมาที่บ้านให้วิชญ์ทำแผลให้ พลางบ่นเรื่องทองเอก
"ไอ้ทองเอกอะไรนั่นมันดูไม่น่าไว้ใจอย่างที่พวกแกบอกจริงๆ
คำพูดของมันวันนี้เหมือนรู้ว่าฉันไปทำอะไร โอ๊ย เบาๆ หน่อยสิเว้ย" "ขอโทษครับนาย
แล้วนายจะให้ผมจัดการกับมันยังไงดีครับ"
"แกไปสืบมาก็แล้วกันว่าไอ้ทองเอกเนี่ยมันเป็นใคร"
วรรษาเดินเข้ามาด้วยความเป็นห่วงพี่ชาย แต่ไม่ยอมแสดงออก
เธอเข้ามาเอาสำลีชุบทิงเจอร์บี้ไปตรงแผลวชรวรรษ "โอ๊ย ฝน พี่เจ็บนะ" "เจ็บสิดี
พี่จะได้จำ แล้วก็ไม่ต้องไปทำแบบนั้นอีก" "เราห่วงพี่ด้วยเหรอ" "ใครว่าฝนห่วง
พี่จะเป็นจะตายยังไง ฝนก็ไม่สนใจหรอก" วรรษาบี้ๆๆ ไปที่แผลอีก วชรวรรษรีบผละออกห่าง
"พอได้แล้วฝน แผลไม่หายกันพอดี" "พี่วัชรไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลย
ถ้าอยากล้างมือจริงๆ ก็ไม่เห็นต้องไปแต่งงานกับพี่แพน
พี่วัชรน่าจะเลือกผู้หญิงที่ดีกว่านี้ อย่างพี่ไผ่"
วชรวรรษสำลักน้ำพรวดออกมาก่อนจะหันไปมองวรรษา "ฝน ทำแบบนั้นฟ้าผ่าพี่ตาย
พี่ไผ่ของเรา ผู้หญิงก็ไม่ใช่ ผู้ชายก็ไม่เชิง" "โธ่พี่วัชร
พี่วัชรก็ให้โอกาสพี่ไผ่เขาหน่อยสิคะ พี่วัชรยังไม่เห็นอีกด้านของพี่ไผ่เขาเลยนะคะ
พี่ไผ่เขาเป็นคนดีจริงๆ ฝนรับประกันเลยว่าพี่ไผ่เป็นผู้หญิงร้อยเปอร์เซนต์"
"พอได้แล้ว พี่กับเขาไม่มีทางเป็นไปได้หรอก" วันต่อมา
วิชญ์มารายงานวชรวรรษว่าเขาตรวจสอบประวัติของทองเอกแล้ว พบว่าทองเอกไม่มีตัวตน
คิดว่าน่าจะเตือนนรารีให้ระวังตัว "ขืนพูดไปตอนนี้ คุณแพนคงโกรธฉัน
เราต้องหาหลักฐานให้ได้มากกว่านี้ก่อน ไม่แน่ไอ้นี่มันอาจะเป็นสิบแปดมงกุฎ
หรือไม่มันอาจจะเป็นคนของเสี่ยทำนุ มันถึงรู้ความเคลื่อนไหวของเราทุกอย่าง
แกเฉยไว้ก่อนก็แล้วกัน อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น ฉันต้องจับมันให้ได้คาหนังคาเขา"
พยุทธ์บอกกับนรารีว่าวชรวรรษตามไปจัดการเสี่ยทำนุให้ นรารีซึ้งใจวชรวรรษ
รีบมาหาชายหนุ่มที่บ้าน "แพนขอโทษนะคะที่มองคุณผิดไป"
"ผมเองต่างหากล่ะครับที่ต้องขอโทษคุณแพนที่เมื่อวานผมทำตัวไม่ดีต่อหน้าคุณทองเอกเพื่อนของคุณ"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แล้วนี่คุณยังเจ็บแผลอยู่หรือเปล่า" "ไม่แล้วล่ะครับ
ผมหายเจ็บเป็นปลิดทิ้งตั้งแต่เห็นคุณแพนมาหาผมแล้ว" นรารียิ้มเขินอาย วชรวรรษโล่งใจ
"เออคุณแพนครับ ผมอยากเชิญคุณทองเอกมาทานอาหารด้วยกัน
อยากขอโทษเขาเพราะยังไงเพื่อนของคุณแพนก็คือเพื่อนของผม
จะได้ทำความรู้จักกันเอาไว้"
นรารีโทรศัพท์มาหาใบไผ่บอกว่าวชรวรรษอยากเลี้ยงอาหารทองเอกเป็นการขอโทษ ใบไผ่ตอบรับ
แล้วรีบมาปรึกษาแก้วขวัญ "ไผ่ว่าต้องเป็นแผนของมันแน่ๆ" "ไผ่เอ๊ย
น้าว่าไผ่อย่าไปเลยนะ สงสัยคุณวัชรคงจะรู้แล้วแน่ๆ ว่าเป็นเรา"
"มันยังไม่รู้หรอกน้า ถ้ามันรู้ ป่านนี้มันมาเล่นงานไผ่แล้ว
แต่นี่แสดงว่ามันกำลังสงสัย มันก็เลยอยากนัดไผ่ไปเจอเพื่อหยั่งเชิง
คิดว่าแผนแค่นี้จะจัดการไผ่ได้เหรอไง" "แต่คุณวัชรเขาไม่ได้โง่นะไผ่"
"เดี๋ยวน้าก็รู้ว่าใครโง่กว่ากัน" ใบไผ่ยิ้มเจ้าเล่ห์จบตอน 10
แม่ค้าขนมหวาน 11
อุบลเพิ่งทำขนมกระเช้าสีดาเสร็จ วรรษาเดินเข้ามาเห็นพอดี
อุบลจึงชวนให้ลองชิมขนม วรรษาชิมแล้วทำตาโตเพราะอร่อยมาก
ระหว่างนั้นนาทเดินหน้าละห้อยเข้ามาปรึกษาอุบลว่าวันนั้นเขาเข้าใจแก้วขวัญผิดอยากจะซื้อกระเช้าผลไม้ไปขอโทษ
วรรษาแนะว่ากระเช้าผลไม้ดูธรรมดาไป น่าจะเอาขนมกระเช้าสีดาไปฝาก
นาทเห็นว่าเข้าท่าดี เขาจึงจัดแจงแต่งคำกลอนแนบไปกับขนมด้วย
ธราทิตย์ขับรถสปอร์ตหรูเข้ามาจอดที่หน้าร้านแก้วขวัญ ใบไผ่กับแก้วขวัญเดินออกมา
ธราทิตย์ถามว่าใบไผ่จะยืมรถเขาไปทำอะไร ใบไผ่ไม่ยอมบอก
แย่งกุญแจรถมาจากธราทิตย์หน้าตาเฉย
"ไอ้มาเฟีย!!"
"หุบปากแกเลยนะไอ้มาร์ค
ฉันเกลียดคำว่ามาเฟีย"
ธราทิตย์สะดุ้งโหยง
ใบไผ่เดินไปตบที่รถพิจารณาเห็นว่าใช้ได้
จึงจัดการเรียกรถแท็กซี่ไล่ให้ธราทิตย์รีบกลับไป พอแท็กซี่ขับออกไป
แก้วขวัญถามอย่างแปลกใจ
"ต้องขนาดนี้เลยเหรอไผ่"
"นอกจากรูปจะงามแล้ว
แพคเกจที่ห่อหุ้มมันก็ต้องดูดีด้วยสิน้าแก้ว มันถึงจะเนียนเป็นหน้าขนม"
ใบไผ่ยิ้มร้ายเดินเข้าไปในร้าน แก้วขวัญถอนหายใจเป็นห่วง
"ตกลงฉันคิดผิดคิดถูกเนี่ยที่ช่วยมัน"
ใบไผ่เปลี่ยนเครื่องแต่กายเพื่อเป็นนายทองเอก
แก้วขวัญช่วยแต่งตัวให้หลานสาวจนหล่อได้อย่างใจ
นาทเดินถือกล่องขนมกระเช้าสีดาแววตาเต็มไปด้วยความหวังเดินมาถึงหน้าร้านแล้วก็ชะงักกึกที่เห็นรถสปอร์ตจอดอยู่
นาทถลาเข้าไปดูที่รถด้วยความตกตะลึง
"โอ้โฮ รถใครวะเนี่ย เฮ้ย
หรือว่าจะเป็นของไอ้ละอ่อนนั่น หนอย นี่มันกล้ามาแหยมหัวใจของข้าอีกเหรอวะ"
นาทหันขวับไปมองในร้านด้วยสายตาอิจฉาและโมโห
เขาเปิดประตูร้านเข้ามาอย่างแรงเห็นแก้วขวัญกำลังจัดเนคไทให้ทองเอกอยู่
นาทเลือดขึ้นหน้าวางกระเช้าสีดาลงบนโต๊ะ
"ไอ้หน้าอ่อน
ถอยห่างจากคุณแก้วของฉันเดี๋ยวนี้"
ใบไผ่กับแก้วขวัญอึ้งตกใจ
นาทปรี่เข้ามากระชากคอเสื้อใบไผ่แล้วเงื้อหมัด แก้วขวัญตกใจร้องเสียงหลง
"คุณจะทำอะไรของคุณ คุณนาท"
"ผมจะอัดไอ้เด็กเมื่อวานซืนที่มันมายุ่งย่ามกับคุณแก้วของผม"
"คุณบ้าไปแล้วเหรอไง นี่มัน..."
ใบไผ่รีบผลักนาทออกไปเพราะกลัวแก้วขวัญบอกความจริง
"เฮ้ย
แก่แล้วไม่อยากอยู่เลี้ยงหลานที่บ้านหรือไงวะ"
แก้วขวัญตกใจจะเรียกชื่อใบไผ่
ใบไผ่ขยิบตาให้แก้วขวัญรู้ตัว
"ถอยไปครับคุณแก้ว
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมจัดการไอ้ลุงเชยนี่เอง"
ใบไผ่ขยิบตาสองสามครั้ง
แก้วขวัญเออออเข้าใจเลยรีบถอย
"ระวังตัวด้วยนะคะ"
นาทฟังแล้วก็ยิ่งหึงกำมือแน่นด้วยความแค้น
"ฮึ้ย เป็นห่วงเป็นใยกัน
ทีกับผมล่ะไล่เอาไล่เอา ทีกับไอ้ละอ่อนนี่ล่ะหวานหยาดเยิ้มหยดย้อย
มันทนไม่ไหวแล้วเว้ย ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้เอาเลือดออกจากปากของแก ฉันก็ไม่ใช่ไอ้นาท
หมัดเทวดา"
นาทชูหมัดจะต่อยใบไผ่ ใบไผ่สวนกลับจนนาทหน้าหงาย
ใบไผ่ตกใจรู้ว่าแรงเกินไป
"คุณเป็นยังไงบ้างครับ ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ"
"อย่าคิดว่าทำฉันเลือดไหล แล้วฉันจะกลัวแกไอ้หน้าอ่อน
แกคิดผิดแล้วที่สะเออะมาชอบคนแก่"
"อ้าว คุณนาท ทำไมมาด่ากันอย่างนี้ล่ะ"
แก้วขวัญหน้าตึง
"เอ๊ย ผมไม่ได้หมายความว่าคุณแก้วแก่นะครับ
คือผมหมายความว่าคุณแก้วแก่กว่ามัน
แต่ถึงคุณแก้วจะแก่ยังไงแต่ก็ยังสวยในสายตาของผมเสมอนะครับ"
"หยุดพล่ามได้แล้ว
ออกไปจากร้านฉันเดี๋ยวนี้คุณนาท"
"ไม่ จนกว่าผมกับมันจะตายกันไปข้างหนึ่ง"
นาทพุ่งเข้ามาหาใบไผ่ แก้วขวัญทนไม่ไหวคว้านิตยสารเล่มหนาๆ
ขึ้นมาตีหัวนาทเต็มแรง นาทเป็นลมล้มตึง หมดสติ
แก้วขวัญบอกว่าเธอจะจัดการกับนาทเองให้ใบไผ่รีบไป นาทยังสลบไม่ฟื้น
แก้วขวัญย่อตัวลงมาดูข้างๆ เอายาดมให้ดม แต่นาทก็ยังนิ่ง
"ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่ฟื้นอีก คุณนาทคะ คุณนาท"
แก้วขวัญเอามือไปอังตรงจมูก ทันใดนั้นนาทก็จับมือแก้วขวัญหมับ แก้วขวัญตกใจ
นาทเอามือแก้วขวัญมาทาบตรงหัวใจ พูดทั้งหลับตา
"ถ้าคุณแก้วอยากให้ผมฟื้น
คุณแก้วต้องเอามือน้อยๆ
มาแตะที่หัวใจเพื่อให้ความอุ่นจากมือคุณแก้วมาทำให้ผมตื่นนะครับ คุณแก้ว"
แก้วขวัญดึงมือออกแล้วเอายาดมยัดจมูกนาทก่อนจะลุกเดินหนี
นาทตกใจดึงยาดมออกรีบตามไปขวางหน้าแก้วขวัญ
"โธ่คุณแก้ว
คนที่คุณแก้วควรโกรธคือไอ้หน้าอ่อนนั่นนะครับ
ผมดูหน้ามันก็รู้แล้วว่ามันไม่จริงใจกับคุณแก้ว มันคิดจะหลอกคุณแก้วนะครับ"
"ไอ้หน้าอ่อนที่คุณเรียกเขาชื่อคุณทองเอก กรุณาพูดจาให้มันสุภาพหน่อย"
"จะทองม้วนทองพับอะไรผมไม่สน ผมเกลียดขี้หน้ามัน"
"หยุดได้แล้ว
คุณไม่มีสิทธิ์เกลียดเขา"
"ทำไมครับ ผู้ชายมาดแมนกล้ามเป็นมัดๆ
อย่างผมมันไม่เร้าใจเท่ากับไอ้หน้าอ่อนเหมือนตุ๊ดเหมือนแต๋วเหรอครับคุณแก้ว
คุณแก้วถึงไปเข้าข้างมัน"
"ตาบ้า หยุดพูดจาน่าเกลียดแบบนั้นซะที
คุณทองเอกเขาเป็นแฟนของฉัน"
"คุณแก้ว"
"ใช่ ได้ยินไม่ผิดหรอกคุณนาท
คุณทองเอกเป็นแฟนฉัน ได้ยินชัดมั้ยคะคุณนาท เราคบกันมาพักหนึ่งแล้ว
เพราะฉันรู้สึกว่าคบกับเด็กแล้วมันทำให้ฉันกระชุ่มกระชวยขึ้นมาเป็นกอง"
"ไม่จริง"
"จริง แล้วก็อย่างที่คุณเห็นนั่นแหละค่ะ เราสองคนสนิทกันมาก
เพราะฉะนั้นกรุณาเลิกมาตอแยฉันสักที"
"ไม่ โธ่ ไม่ ไม่จริง"
นาทน้ำตาคลอเสียใจหันหลังวิ่งออกไป แก้วขวัญถอนหายใจเหนื่อยหน่าย
แล้วเหลือบไปเห็นกระเช้าสีดา เดินไปดูเห็นการ์ด หยิบขึ้นมาอ่านคำกลอน
แก้วขวัญมองไปที่หน้าร้านไม่เห็นนาท เธอเริ่มรู้สึกผิด
0000000000000000
วรรษาเดินถือถุงขนมเข้ามาในบ้าน ชะงักกึกเห็นวิชญ์กำลังคุยโทรศัพท์
แอบฟังจนรู้ว่าวชรวรรษใช้ให้ลูกน้องไปสิบประวัติคนๆ หนึ่ง จึงเค้นถามวิชญ์
แต่วิชญ์ไม่ยอมบอก วรรษาจึงใช้ขนมจากร้านใบไผ่ล่อ วิชญ์อยากลิ้มรถขนมจึงยอมบอก
"คือ มีผู้ชายมาจีบคุณนรารีน่ะครับ หักหน้านายครับ
นายก็เลยอยากให้ผมสืบดูว่ามันเป็นใคร"
"เรื่องของผู้หญิงคนนั้นอีกแล้วเหรอ"
นรารีเดินออกจากในบ้านในชุดสวย เจอวชรวรรษนั่งรออยู่เห็นเข้าไม่พอใจ
"แค่ไปทานข้าวกับคนเพิ่งรู้จักกัน คุณแพนต้องแต่งตัวสวยขนาดนี้เลยเหรอครับ"
"ทำไมคะ คุณหึงฉันเหรอคุณวัชร อย่าลืมนะคะที่คุณนัดทานข้าวกับคุณทองเอก
เพราะคุณต้องการแสดงความเป็นสุภาพบุรุษให้แพนเห็น"
"ผมไม่ลืมหรอกครับ
คุณแพนก็รู้ว่าผมเป็นคนพูดคำไหนก็คำนั้น
ถ้าคุณแพนไม่เชื่อจับชีพจรผมดูก็ได้นะครับว่ามันเต้นแรงหรือเปล่า"
วชรวรรษยิ้มเจ้าชู้เอามือนรารีจับไปที่ชีพจรตรงกกหู ระหว่างนั้นพยุทธ์เดินออกมา
"ลูกสาวพ่อแต่งตัวซะสวย จะออกไปไหนกันเหรอ"
"แพนนัดเพื่อนทานข้าวเอาไว้น่ะค่ะ แพนเลยชวนคุณวัชรไปทานข้าวด้วยกัน"
"จะไปกันตอนนี้เลยเหรอ แล้วพ่อจะทำยังไงล่ะเนี่ย"
"คุณพ่อมีอะไรกับแพนหรือเปล่าคะ"
"ลูกจำคุณอาชัชเพื่อนของพ่อได้มั้ย
เขาเพิ่งกลับมาจากลอนดอน บ่นอยากเจอแพนมาหลายวันแล้ว วันนี้เขาว่าง
พ่อเลยนัดเจอกับเขา ว่าจะพาลูกไปอวดซะหน่อย"
"เหรอคะ แต่แพน"
"แพนเลื่อนนัดเพื่อนไปก่อนได้มั้ย พ่อปัดคุณอามาหลายครั้งแล้ว
ครั้งนี้พ่อไม่อยากผิดคำพูด ลูกไปกับพ่อนะ"
"งั้นเดี๋ยวแพนโทรเลื่อนนัดกับคุณทองเอกเขาดีกว่า"
วชรวรรษรีบเสนอ
"ไม่เป็นไรหรอกครับคุณแพน เดี๋ยวผมโทรไปเลื่อนเขาให้เอง
คุณแพนรีบไปกับคุณพ่อเถอะครับ"
"ขอบคุณค่ะคุณวัชร
งั้นแพนขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะคะพ่อ"
นรารีเดินกลับขึ้นออกไป
พยุทธ์หันมาทางวชรวรรษ
"ขอบคุณมากนะครับคุณพยุทธ์"
"ไม่ต้องขอบคุณ
ผมทำเพื่อลูกสาวผม ไม่อยากให้ถูกคนอื่นนินทาว่าเป็นผู้หญิงเจ้าชู้ คุณต่างหาก
ผมไว้ใจคุณมาตลอด ยังไงก็อย่าให้เสียความรู้สึกดีๆ ไปอีก"
ใบไผ่เลี้ยวรถเข้ามาจอดหน้าร้านอาหารอย่างแรง
วิชญ์กับทศเดินเข้ามาหาใบไผ่ในคราบทองเอก ใบไผ่ไม่สนใจเดินผ่านวิชญ์กับทศไป
แต่ก็ชะงักที่เห็นความว่างเปล่าในร้าน
"อะไรกัน แค่ทานข้าวกัน
ถึงกับต้องยกพวกมาปิดร้านเลยเหรอ สมกับเป็นมาเฟียเลยนะ"
"นายรอคุณอยู่ในร้านแล้ว" ทศบอกเสียงขึง
ใบไผ่มองทศกับวิชญ์อย่างไม่สะทกสะท้านก่อนจะผลักสองคนให้พ้นทางแล้วเดินเข้าไป
เจอวชรวรรษนั่งไขว้ห้าง แขนพาดกับเก้าอี้ตัวข้างๆ สีหน้าเย้ยหยัน
"ตรงเวลานี่ดีครับคุณทองเอก"
"คุณแพนอยู่ไหน"
"แฟนผมไม่ว่าง
เขาติดธุระ"
"งั้นผมกลับ"
ใบไผ่หันหลังจะเดินออกไป
แต่ทศกับวิชญ์เข้ามาจับไหล่กดให้นั่งลงที่โต๊ะ วชรวรรษมองใบไผ่อย่างเหนือกว่า
ใบไผ่กลืนน้ำลายแอบหวั่นใจ แต่ทำเป็นนิ่ง วชรวรรษตบโต๊ะเสียงดังปัง
พร้อมชี้หน้าใบไผ่
"บอกฉันมาว่าแกเป็นใคร เสี่ยทำนุส่งแกมาใช่มั้ย"
"ทำนุทำนบบ้าอะไร ผมไม่รู้เรื่อง"
"ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อ
ถ้าเป็นคนอื่นเห็นฉันปิดร้านรอต้อนรับแบบนี้ มันวิ่งหัวหดกลับไปแล้ว แต่แก
ท่าทางที่ไม่มีความกลัวเลยสักนิดแบบนี้ ไม่ธรรมดาแน่ ต้องการอะไรจากฉัน หา"
ใบไผ่ยิ้มเยาะชอบใจที่วชรวรรษดูเธอไม่ออกเลยจริงๆ "อยากรู้ใช่มั้ย ก็ได้
สิ่งที่ผมต้องการก็คือ คุณแพน"
"ฉันกับคุณแพนกำลังจะหมั้น
แล้วก็จะแต่งงานกันในไม่ช้า เพราะฉะนั้นแกไม่มีสิทธิ์"
"กำลังจะหมั้นแต่ก็ยังไม่ได้หมั้นไม่ใช่เหรอครับ
เพราะฉะนั้นก็ไม่มีกฎห้ามอะไรที่จะห้ามยุ่งกับผู้หญิงที่ยังไม่ได้ถูกตีตราจอง"
"แก"
"หึ เพราะคุณแพนเป็นผู้หญิงที่น่าสงสาร
ผมถึงต้องการช่วยเธอจากผู้ชายที่เลวๆ
ที่หวังใช้เธอเป็นเครื่องมือฟอกตัวเองให้สะอาดจากคำว่าเจ้าพ่อมาเฟียออกไปจากตัว"
วชรวรรษมองใบไผ่อย่างตกใจ
"ทำไมครับ
ตกใจที่ผมรู้ความลับของคุณเหรอครับคุณวชรวรรษ"
"ท่าทางฉันจะประมาทผู้ชายหน้าเหมือนแต๋วอย่างแกไม่ได้"
"ถูกต้องครับ
ผมรู้เรื่องของคุณทุกอย่าง พ่อแม่คุณเป็นใคร คุณมีพี่น้องกี่คน
ได้ข่าวว่าน้องสาวคุณสวยด้วยไม่ใช่เหรอ"
วชรวรรษโกรธผลุดลุกขึ้นยืน
ลูกน้องขยับตัวเข้ามาแต่ใบไผ่ยังนั่งนิ่งดื่มน้ำอย่างใจเย็น
"ที่หลอกผมมาที่นี่
เพราะคิดจะใช้วิธีปิดประตูตีแมวกับผมใช่มั้ย มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก
เพราะว่าผมไม่ใช่แมว แต่ถ้าคุณจะทำอะไรผม ผมก็พร้อมยอมเอาชีวิตเข้าแลก
เพื่อคุณแพนจะได้รู้ว่าผู้ชายที่เธอรักยังเป็นผู้ชายเลวๆ อยู่"
ใบไผ่ลุกขึ้นยืนมองวชรวรรษท้าทาย
"ผมหมดธุระที่จะคุยกับคุณแล้ว ผมขอตัวนะ"
ใบไผ่จะออกไป แต่เจอทศ วิชญ์กับลูกน้องมาขวาง
"ฉันชอบแกจริงๆ ว่ะ
ไอ้น้องชาย ท่าทางของแก
มันทำให้ฉันรู้สึกว่านานแล้วที่ฉันไม่เคยเจอคนที่เหมาะจะเป็นคู่ปรับกับฉัน"
วชรวรรษยิ้ม
"ขอบใจที่ชม แต่ผมไม่มีเวลาว่างพอมานับญาติกับคุณ เอางี้
ส่งมือดีที่สุดของคุณออกมา ตัวตัวกับผม ผมจะล้มคนของคุณภายในสามนาที"
ทุกคนหัวเราะ ใบไผ่เหล่มอง แล้วเลือกทศออกมาประลองฝีมือกับเธอ
"ผมเลือกไอ้หมอนี่ ว่าไงครับท่านเจ้าพ่อ แมนๆ แฟรงค์ๆ กันไปเลย
ถ้าผมแพ้ผมจะยอมไปจากคุณแพน แต่ถ้าผมชนะ ผมก็ยังอยู่ในเกมนี้ต่อ"
วชรวรรษไม่ทันจะตอบ ทศกถอดเสื้อสูทก้าวออกมาข้างหน้า
"ผมซิวเองครับนาย
แค่นับหนึ่งถึงสิบ ไอ้ก้างนี่ก็น็อคคามือผมแล้ว"
ทศตั้งการ์ดฟุตเวิร์คไปมารอบๆ
ใบไผ่ ใบไผ่ฟุตเวิร์คหลบได้สวยงาม
แล้วเปลี่ยนจังหวะเป็นฝ่ายรุกฟุตเวิร์คต่อยไปที่หน้าทศเบาๆ ทศโกรธ พุ่งเข้าไปจะชก
ใบไผ่หลบหวืด เสยคางทศอย่างแรง ใบไผ่สะบัดมือด้วยความเจ็บ
"โอ้โห
หน้าแข็งอย่างกับครกหิน ว่างๆ ไปหาหมอรักษาหน้าให้นิ่มบ้างนะ"
ทศเซวิชญ์เข้าประคอง ทศสะบัดหัวด้วยความมึนและเจ็บใจ เดินเข้ามาหาใบไผ่
ต่อยหมัดรัว ใบไผ่หลบได้ทุกหมัด ก่อนจะคว้าถาดเหล็กขึ้นมาตีหัวทศจนสลบไปกับพื้น
วิชญ์กับลูกน้องไม่พอใจ จะเข้ามารุมใบไผ่
"หยุด!!" วชรวรรษร้องห้าม
วิชญ์กับลูกน้องชะงัก
"แกชนะ แกกับฉันจะได้แข่งกันอย่างลูกผู้ชาย"
ใบไผ่ยิ้ม เดินไปหยิบสูทกับเนคไทขึ้นมาพาดบ่า หันมาทางวชรวรรษอีกครั้ง
"จำไว้นะคุณวชรวรรษ ไม่ว่าผู้ชายจะเป็นอะไรต่อให้เคยเลวมาแค่ไหน
แต่ถ้าเลือกจะเป็นคนดีเพื่อเธอแล้ว แค่นั้นผู้หญิงก็รักหมดใจ และการเป็นคนดี
มันต้องเป็นจากข้างใน"
วชรวรรษอึ้งไปกับคำพูดของใบไผ่ ใบไผ่เดินออกไป
ปิดประตูรถได้ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่รอดมาได้อย่างหวุดหวิด
ธราทิตย์นั่งมองรอบๆ
ตัวด้วยความหวาดระแวง วรรษาเอาแก้วน้ำมาวางตรงหน้าเสียงดัง "คุณฝน ผมตกใจหมดเลย"
"ทำเป็นขวัญอ่อนไปได้"
"ผมนึกว่าพี่ชายคุณมาน่ะสิ
เรียกผมให้มาหาถึงรังเจ้าพ่อ ผมอาจตายได้นะคุณ"
"พี่วัชรไม่อยู่
คุณไม่ต้องกลัวหรอก ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วย"
ธราทิตย์ยิ้มกรุ้มกริ่ม
"ช่วยให้ผมเป็นแฟนกับคุณน่ะเหรอ ได้เลย"
"ใช่"
"ถามจริงสิครับเจ้าหญิง"
"จริง แต่ไม่ใช่นายเป็นแฟนกับฉัน
ฉันอยากให้พี่ไผ่เป็นแฟนกับพี่ชายของฉันต่างหากล่ะ"
ธราทิตย์นิ่งไปครู่ก่อนจะปล่อยก๊ากดัง
"นี่คุณมาร์ค ฉันไม่ตลก
ฉันซีเรียสนะ"
ธราทิตย์หุบยิ้ม "พูดอะไรที่มันเป็นไปได้หน่อยสิครับเจ้าหญิง
ผมว่าส่งไอ้ไผ่ไปเกิดใหม่จะง่ายกว่าการทำให้ไอ้ไผ่ยอมญาติดีกับพี่ชายคุณนะ"
"ต่อให้ยากแค่ไหน ก็ต้องทำให้ได้
ฉันไม่อยากให้พี่วัชรทำบาปกับผู้หญิงอื่นมากไปกว่านี้ พี่วัชรไม่คิดจะรักพี่แพน
แล้วคนอย่างพี่แพนก็เปลี่ยนแปลงพี่วัชรไม่ได้ และคนเดียวที่ทำได้
คือพี่ไผ่เท่านั้น"
"ให้ไอ้ไผ่มันเปลี่ยนตัวมันเองมันยังทำไม่ได้เลยครับ
ผมว่าคุณเลิกคิดเหอะ เรื่องแบบนี้ผมไม่เห็นหนทางเลยจริงๆ"
"ทุกอย่างมันต้องเป็นไปได้สิคะ มันต้องมีทาง ถ้าคุณกับฉันร่วมมือกัน
ฉันรู้จักพี่ชายฉันดี ผู้หญิงที่จะเอาเขาอยู่หมัดได้ มีแต่ผู้ชาย เอ๊ย
ผู้หญิงอย่างพี่ไผ่เท่านั้น"
ใบไผ่ขับรถเข้ามาจอดหน้าร้านขนมหวาน
เจอธราทิตย์ที่ยืนรออยู่ ธราทิตย์รีบไปสำรวจรถดูแล้วไม่เป็นอะไรก็โล่งใจ
ระหว่างนั้นเสียงมือถือของใบไผ่ดังขึ้น
ใบไผ่หยิบขึ้นมาเห็นชื่อก็ชะงักเดินเลี่ยงไปคุยทำให้ธราทิตย์สงสัยไปแอบฟัง
"สวัสดีครับคุณแพน วันนี้เรียบร้อยดีครับ เราเข้ากันได้ดีครับ
ยังไงโอกาสหน้าผมขอนัดคุณแพนทานข้าวอีกครั้งนะครับ กู๊ดไนท์นะครับคุณแพน"
ใบไผ่วางสายหันไปเจอธราทิตย์จ้องอยู่ก็สะดุ้งตกใจ
"ไอ้มาร์ค
มายืนทำอะไรตรงนี้"
"ฉันต่างหากที่ต้องถามแก ทำไมต้องดัดเสียงแล้วพูดครับด้วยวะ
แกคุยกับใคร"
"แกเป็นแม่ฉันเหรอไอ้มาร์ค ถามจุกจิกจู้จี้อยู่ได้"
"ไอ้ไผ่
สารภาพมาว่าแกเอารถฉันไปโฉบสาวเที่ยวใช่มั้ยวะ"
"เออใช่
ฉันเอารถแกพาสาวไปเที่ยว ไปกินข้าว ไปดูหนัง พอใจมั้ย"
"นี่ ตก
ตกลงแกจะเอาดีทางนี้จริงๆ เหรอวะเพื่อน"
"นี่แกเข้าใจว่าไงเนี่ย
คิดว่าฉันจะเป็นพวกทอมเหรอ"
"ก็แล้วมีใครเข้าใจว่าแกเป็นผู้หญิงมั่งมั้ยล่ะไอ้ไผ่"
ใบไผ่ชะงักจะโกรธแต่ก็ดีที่ปล่อยให้เพื่อนเข้าใจไปแบบนี้
"เออ
ถ้าฉันจะชอบผู้หญิงจริงๆ แล้วแกจะทำไม"
"เฮ้ยไอ้ไผ่ แกประสาทกลับหรือเปล่า
ถึงทุกวันนี้ผู้ชายมันจะมีน้อยกว่าผู้หญิงแต่ฉันก็ไม่อยากให้แกมาเป็นเหมือนพวกฉันนะเว้ย
ของๆ แกมันยังใช้การได้ อย่าให้มันเสียของเลยว่ะ เสียดาย"
ใบไผ่ง้างหมัดจะชกธราทิตย์รีบหลบวืด
"ก็เพราะมีแต่ผู้ชายปากสุนัขแบบนี้น่ะสิ แต่ละตัวมีดีสักคนมั้ย ทั้งไอ้เม่น
ไอ้วี แล้วก็แก"
"อ้าว"
"ไม่ต้องพูดแล้ว ขี้เกียจฟัง
ถ้าไม่มีอะไรแกก็กลับไปได้แล้ว"
00000000000000
คืนนั้น
ธราทิตย์เดินครุ่นคิดอยู่ครู่ก่อนตัดสินใจโทรศัพท์หาวรรษาอย่างร้อนใจ
บอกว่าเขายอมร่วมมือกับวรรษาทำให้ใบไผ่เป็นแฟนกับวชรวรรษ
เพื่อป้องกันไม่ให้ใบไผ่ชอบเพศเดียวกัน
วชรวรรษกินหมี่กรอบของป้าแหววแล้วรู้สึกพะอืดพะออม กินไม่ได้อีกตามเคย
วรรษาเดินถือจานขนมเข้ามาหาพี่ชาย
"เป็นไงคะพี่วัชร คิดไปเล่นงานคนอื่น
แต่กลับโดนเล่นซะเอง สิ้นลายเจ้าพ่อหมดเลยน่ะสิคะ"
"ไปบังคับให้พวกมันพูดเหรอ"
"ฝนเป็นห่วงพี่วัชรนะคะถึงถาม ทานขนมสิคะ"
"เราจะมาไม้ไหนกับพี่"
"ไม่มีไม้ไหนหรอกค่ะ ฝนสงสารพี่วัชรต่างหาก ไอ้นั่นก็กินไม่ลง
ไอ้นี่ก็กินไม่ได้ ธรรมดาก็เป็นคนกินยากอยู่แล้ว วันนี้ฝนไปร้านขนมหวานของพี่ไผ่มา
เลยซื้อขนมมาฝากพี่วัชรค่ะ"
วชรวรรษมองขนมตรงหน้า วรรษามองวชรวรรษหยั่งเชิง
"เครียดๆ แบบนี้ไม่ทานอะไรเลยเดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะนะคะ ขนมหวานของพี่ไผ่เนี่ย
อร่อยสุดๆ ถ้าพี่วัชรทานอะไรไม่ได้ ลองไปที่ร้านพี่ไผ่ดูสิคะ
อย่างน้อยขนมร้านนี้ก็คงทำให้พี่อิ่มท้องขึ้นมาบ้าง"
ใบไผ่กลับมาที่ร้านเอาผ้าพันแผลมาพันมือที่ต่อยหน้าทศ
เกดกับทองหยอดเอากล่องขนมมาวางตรงหน้าใบไผ่
บอกว่าสามทุ่มธราทิตย์จะมารับขนมที่สั่งไว้
"ไอ้มาร์คมันเป็นอะไรของมัน
แล้วทำไมเมื่อกี๊มันไม่เอาไปเลย"
"เอ่อ พี่ไผ่ครับ
ผมกับพี่เกดขอกลับก่อนได้มั้ยครับ พอดีต้องไปทำธุระ"
"กลับไปเถอะ
เดี๋ยวพี่ปิดร้านเอง"
เกดกับทองหยอดเดินออกไป ใบไผ่ลุกขึ้นยืน
เสียงเปิดประตูดังขึ้น ใบไผ่หันมาตกใจที่เห็นวชรวรรษ
"ร้านยังไม่ปิดใช่มั้ย"
"นายมาทำไม จะมาหาเรื่องอะไรฉันอีก"
"ฉันไม่ได้มาหาเรื่อง แต่ฉันมาหาของกิน
ฉันหิวน่ะ"
"นี่เพี้ยนไปหรือเปล่า หิวก็ไปกินที่อื่น ที่นี่ไม่ต้อนรับนาย"
"ฉันหิวจริงๆ ไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าแล้ว"
"ร้านอื่นก็มีออกเยอะแยะ
ทำไมนายต้องมาร้านฉันด้วย"
"ก็เพราะว่าฉันกินอาหารที่ไหนไม่ได้
นอกจากฝีมือเธอน่ะสิ บ้าเอ๊ย" วชรวรรษบ่นกับตัวเอง
"นี่ เสียใจด้วยนะ
จะมาขอข้าวคนอื่นกินยังมาทำเต๊ะจุ๊ย ฉันไม่ทำให้นายกิน ปล่อยให้หิวตายไปเลย"
"ฉันไม่ได้มาวางท่า แต่ฉันจะมาเป็นลูกค้าจะคิดราคาอาหารจานล่ะพัน ฉันก็ยอม
ตอนนี้ฉันหิวจริงๆ"
"หิวจริงเหรอคุณเจ้าพ่อ"
วชรวรรษพยักหน้ารับไม่พอ
เสียงท้องร้องของเขายังดังออกมาให้ได้ยินอีก แต่ใบไผ่ก็ยังไม่ยอมทำให้
แถมกินขนมยั่วชายหนุ่มอีก
"อื้ม หวาน หอม อร่อยจริงจริ๊ง ขนมร้านนี้
แต่ถ้าเค็มกว่านี้อีกสักนิดก็คงจะดี"
วชรวรรษมองขนมจนน้ำลายแทบหก
ใบไผ่ปิดกล่องขนมดูเวลา
"ได้เวลาปิดร้านแล้ว นายกลับไปซะ"
"ใบไผ่
ฉันขอให้เรื่องบาดหมางของเราหยุดแค่ตรงนี้ได้มั้ยคือ ฉันหิว ฉันขอร้องล่ะ
ทำอะไรให้ฉันกินสักนิดก็ยังดี"
"นายพูดไม่รู้เรื่องเหรอ ฉันบอกว่าไม่ทำไง"
"ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อกวนประสาทเธอนะ เธอก็เห็นว่าฉันมาที่นี่คนเดียว
ฉันมาเพื่อต้องการกินอาหารฝีมือเธอจริงๆ"
"นายบ้าหรือเปล่า แม่ครัวที่บ้านก็มี
เงินก็มี ไปกินที่โรงแรมหรูๆ ก็ได้"
"ฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมฉันถึงกินฝีมือคนอื่นไม่ได้
นอกจากฝีมือของเธอ เธอใส่อะไรลงไปในอาหารของเธอเหรอใบไผ่ บอกฉันมาสิ
ฉันจะได้ไปบอกแม่ครัวที่บ้านให้เขาทำอย่างที่เธอทำบ้าง
จะได้ไม่ต้องมาเพื่อให้เธอเกลียดขี้หน้าฉันแบบนี้"
"ฉันเองก็ทำไม่ต่างจากคนอื่น"
"แต่ทำไมอาหารที่เธอทำถึงไม่เหมือนใคร"
"พอซะทีนายวชรวรรษ จะกินอะไร ไม่ต้องยิ้ม
ฉันจะไปดูว่ามีอะไรเหลือพอให้นายกินได้บ้าง น่ารำคาญชะมัด จะคิดจานละพันห้าเลย"
ใบไผ่เดินบ่นเข้าไปในครัว วชรวรรษยิ้มดีใจก่อนจะเดินตาม
วชรวรรษเปิดตู้เย็นเห็นแต่ไข่กับหมูกับผักไม่กี่อย่าง
"เหลือแต่ไข่กับหมู
จะทำอะไรได้"
"แค่ไข่กับหมูก็หรูแล้ว นายกินไข่ยัดไส้เป็นมั้ย"
"ตอนนี้อะไรก็กินได้ทั้งนั้น"
"งั้นนายก็ออกไปนั่งรอข้างนอกไป"
"ไม่เป็นไร ฉันช่วยทำด้วยดีกว่า"
"ตามใจ แต่อย่าทำให้ยุ่งก็แล้วกัน"
ใบไผ่หยิบของออกมาส่งหมูให้วชรวรรษ
"นายเอาหมูไปสับก็แล้วกัน"
วชรวรรษเห็นมือใบไผ่ "มือไปโดนอะไรมา"
ใบไผ่ชะงักหน้าเจื่อน "เอ่อ
ไม่มีอะไร อุบัติเหตุเล็กน้อย รับไปสิ"
วชรวรรษรับหมูมาจากใบไผ่
ใบไผ่รีบหันไปถอนหายใจโล่งอก วชรวรรษสับหมูอย่างแรงและเร็ว
"นี่
ใครสอนให้นายสับหมูแรงๆ แบบนั้น"
"มันจะได้เละไง"
"โอ๊ย
ฉันคิดถูกหรือเปล่าที่ให้นายช่วย วันๆ คงจะจับแต่ปืนใช่มั้ย ไม่ต้องทำแล้ว ปอกแครอท
แล้วก็หั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าให้เท่าๆ กันทุกอันเข้าใจมั้ย"
วชรวรรษรับแครอทมาปอกเปลือกมองใบไผ่ที่สับหมูท่าทางคล่องแคล่ว
"เดี๋ยวพอทำเสร็จ ทุกอย่างก็ต้องไปคลุกอยู่ในท้องไม่ใช่เหรอ
ไม่เห็นต้องทำให้มันสวยเลย"
"ก็เพราะคิดแต่แบบนี้ไง ถึงได้เป็นได้แต่เจ้าพ่อ
ทำอาหารมันต้องด้วยใจ เราต้องใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน ไม่แค่เฉพาะอาหารนะ
ไม่ว่าจะทำอะไร ถ้าเราทำด้วยใจ รับรองออกมาดีแน่"
"แปลกนะวันนี้มีคนพูดกับผมคล้ายๆ แบบนี้เหมือนกัน"
ใบไผ่ชะงักทำเป็นไม่สนใจ
"เหรอ แต่ฉันว่าตอนนี้นายเลิกพูดมากได้แล้ว รีบๆ ทำเข้า"
เวลาผ่านไปสักพัก
ไข่ยัดไส้หอมกรุ่น ควันฉุย ตั้งอยู่ตรงหน้าวชรวรรษซึ่งสูดกลิ่นอาหารเข้าเต็มปอด
วชรวรรษตักไข่ใส่จานข้าวแล้วกินคำโต ค่อยๆ เคี้ยวอย่างลิ้มรสชาติ สีหน้ามีความสุข
"อืม อร่อยมาก"
"อย่าเวอร์ได้มั้ย แค่ไข่ยัดไส้ทำหน้าอย่างกับกินหูฉลาม"
วชรวรรษไม่พูด ตักกินไม่หยุด "นี่ เดี๋ยวก็จุกตายหรอก"
วชรวรรษไม่สนใจสลัดคราบเจ้าพ่อหายไปจนหมดสิ้น
ใบไผ่อมยิ้มมีความสุขที่เห็นวชรวรรษทานด้วยความอร่อย จึงลุกไปหยิบน้ำมาให้
วชรวรรษรวบช้อน
"ขอบคุณมากนะใบไผ่"
"แค่ไข่ยัดไส้จานเดียว
กินข้าวซะเกือบหมดหม้อ ฉันเชื่อแล้วว่านายตายอดตายอยากมาจริงๆ ถามจริงเหอะ
นายกินฝีมือของคนอื่นไม่ได้จริงๆ เหรอ"
วชรวรรษพยักหน้ารับ
"ฉันกินได้แต่ฝีมือของแม่ แต่หลังจากที่แม่เสีย ฉันก็ไม่เคยกินอะไรอร่อยอีกเลย"
"หึ รู้มั้ย ฉันว่าไอ้โรคแบบนี้ เขาเรียกว่าเวรกรรมมากกว่า"
"คงใช่
มันคงเป็นกรรม เพราะฉันไม่ใช่คนดี เธอรู้มั้ยวันหนึ่งมียี่สิบสี่ชั่วโมง
แค่นอนก็ปาเข้าไปแปดชั่วโมงแล้ว ส่วนอีกสิบหกชั่วโมงที่เหลือ
เราต้องกินอาหารสามมื้อ แต่ฉันกลับกินอะไรไม่ได้เลย กรรมจริงๆ
ที่ทำให้ชีวิตฉันไม่ได้มีความสุขเหมือนคนอื่น"
ใบไผ่นิ่งเงียบมองวชรวรรษแล้วก็สงสาร "แล้วนี่นายอิ่มหรือยัง"
"มันยังเหลือเศษๆ ฉันขอข้าวมาคลุกกินกับตรงนี้อีกได้มั้ย" วชรวรรษยิ้มหน้าเป็น
ใบไผ่เห็นแล้วก็อดยิ้มออกมาด้วยไม่ได้
บริเวณหน้าร้านขนมหวาน
ธราทิตย์กับวรรษาแอบดูวชรวรรษกับใบไผ่
"เฮ้อ นึกว่าระเบิดจะลงซะแล้ว"
"ฉันมองอะไรไม่เคยพลาดหรอก อีกไม่นานพี่ไผ่ต้องใจอ่อน"
"ร่อนส่วนผสมให้คนอื่นให้รักกัน
แล้วคุณไม่คิดจะร่อนส่วนผสมให้เรารักกันบ้างเหรอ"
ธราทิตย์จับมือวรรษา
วรรษาหยิกให้ ธราทิตย์รีบปล่อยมือ "ทะลึ่ง"
"ทะลึ่งที่ไหน ผมแค่จับมือเอง
นี่คุณ เราไปหาอะไรกินกันบ้างดีมั้ย ผมอยากกินนม"
"ไอ้บ้า!!"
"ผมหมายถึงนมสดกับขนมปังสังขยา คุณคิดอะไรเนี่ย"
"บ้า!" วรรษาเดินฉับๆ
ออกไป ธราทิตย์มองแล้วอมยิ้ม
บริเวณตรอกซอยเปลี่ยว
เสี่ยทำนุพร้อมลูกน้องลากพอลเพื่อนของวรรษามาซ้อมจนน่วม
เพราะพอลไม่ยอมใช้หนี้พนันบอล
"ฉันมีงานให้แกทำ แกทำให้ฉันได้มั้ย"
"ได้ครับเสี่ย เสี่ยจะให้ผมทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่อย่าเอาชีวิตผมไปก็พอ"
ธราทิตย์กับวรรษากำลังกินขนมปังกับนมสด วรรษาดื่มนม คราบนมติดปาก
ธราทิตย์มองเอ็นดูเอามือเช็ดคราบที่ปากวรรษาให้ วรรษาชะงักรีบผละออก
"คุณทำอะไร"
"ปากคุณเลอะ ผมเลยเช็ดให้ ไม่ได้จะแต๊ะอั๋งหรอกน่า"
วรรษาเห็นคนมองมาที่เธอกับธราทิตย์เป็นตาเดียว
"ฉันคิดถูกหรือเปล่าที่มากับคุณ ไม่ใช่พรุ่งนี้มีภาพฉันกับคุณขึ้นหน้าหนึ่งนะ"
"ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีน่ะสิ"
"ดียังไง"
"เอ้า
คนจะได้รู้ว่าผมมีคนที่ชอบอยู่แล้ว"
ธราทิตย์มองวรรษาตาเป็นประกาย
วรรษาเอาขนมปังยัดปากธราทิตย์
"กินเข้าไปเถอะ พูดมาก"
ธราทิตย์เคี้ยวตุ้ยๆ
"นี่คุณ ถ้าหากแผนเราสำเร็จ ไอ้ไผ่กับพี่ชายคุณเกิดลงเอยกันได้จริงๆ
ผมว่าคุณก็น่าจะลองพิจารณาเพื่อนของพี่สะใภ้บ้างนะ"
"เชอะ ไม่เอาหรอก
ฉันอยากได้แฟน ไม่ได้อยากได้พ่อ"
ธราทิตย์แทบสำลัก วรรษาหัวเราะ
พลันเสียงมือถือดังขึ้น วรรษากดรับ
"ฮัลโหล เกิดอะไรขึ้น!!"
วรรษารีบมาที่โรงพยาบาล พอลนอนอยู่บนเตียงตามหน้ามีรอยฟกช้ำ
พอลหันไปเห็นวรรษาก็ดีใจ ธราทิตย์ตามมายืนดูห่างๆ
"นี่เธอไปมีเรื่องกับใครมาอีก
หา"
"เอ่อ คือ"
"ว่าไง เล่ามาสิ"
"เพื่อนเราเขาจะเอารูปที่เรากับฝนถ่ายด้วยกันไปลงเน็ต
เราไม่ยอมก็เลยมีเรื่องกับพวกมัน เราขอโทษนะฝนแค่นี้เราก็ผิดกับฝนมากพอแล้ว
เราไม่อยากทำให้ฝนต้องเสียใจอีก"
พอลจับมือวรรษาแน่น วรรษามองพอลสงสาร
พอลมองธราทิตย์ แล้วรีบปล่อยมือวรรษา
"เราไม่เป็นไรแล้ว ฝนกลับไปเถอะ
เดี๋ยวแฟนฝนจะเข้าใจผิด"
วรรษาบอกให้ธราทิตย์กลับไปก่อน
เพราะเธอจะอยู่เป็นเพื่อนพอล
"คุณยังไว้ใจไอ้หมอนั่นอีกเหรอ
ผมว่าผมอยู่เป็นเพื่อนดีกว่า"
"ขอบคุณ ฉันไว้ใจเขา
ฉันเชื่อว่าเขาสำนึกผิดแล้วจริงๆ"
ตอนเช้าวชรวรรษเดินลงมาเจอวรรษาถือดอกไม้รออยู่
"ฝน ใครให้ดอกไม้"
"ไม่มีใครให้ฝนหรอก ฝนเอามาให้พี่วัชรต่างหากค่ะ
ไม่ต้องทำหน้าสงสัยเป็นตาแก่หรอก เมื่อคืนพี่วัชรไปกินข้าวร้านพี่ไผ่มาไม่ใช่เหรอ
รบกวนร้านเขาดึกๆ ดื่นๆ พี่วัชรก็ควรจะมีดอกไม้ไปขอบคุณเขาหน่อย"
"อ๋อ
นี่เราสะกดรอยตามพี่ไปงั้นเหรอ"
"เปล่านะ ฝนกับพี่ไผ่เราสนิทกัน ทำไมฝนจะไม่รู้
รับไปสิคะ แล้วก็รีบเอาไปให้พี่ไผ่"
วชรวรรษถือดอกไม้งงๆ
ระหว่างนั้นนรารีเดินถือถุงของเข้ามา
"มอร์นิ่งค่ะคุณวัชรขา
อ้าวน้องฝนอยู่ด้วยเหรอจ๊ะ โทษทีนะพี่มองไม่เห็น"
วรรษาไม่พอใจ นรารีเห็นดอกไม้
"ตายแล้วดอกไม้สวยจังเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณวัชร"
นรารีเอาดอกไม้มาดม
วชรวรรษหน้าเหวอ วรรษายิ้มมุมปาก ดึงดอกไม้คืน
"ดอกไม้ช่อนี้ไม่ใช่ของพี่แพน
พี่วัชรกำลังจะเอาไปให้พี่ไผ่ค่ะ"
นรารีชะงักตาโตหันขวับไปมองวชรวรรษ
วชรวรรษยังไม่ทันพูด วรรษาก็พูดต่อ
"เมื่อคืนพี่วัชรกับพี่ไผ่ไปดินเนอร์กันมา
สวีทน่าดู จนพี่วัชรต้องเอาดอกไม้ไปให้พี่ไผ่เป็นการขอบคุณ ได้ฟังอย่างนี้แล้ว
ใครกันน้าที่ไม่มีตัวตน ฝนไปเรียนก่อนนะคะพี่วัชร"
วรรษาเดินออกไป
นรารีหันไปมองวชรวรรษด้วยความโกรธ วชรวรรษได้แต่ยิ้มแหยๆ
นรารีวางอาหารตรงหน้าวชรวรรษอย่างแรง วชรวรรษสะดุ้งเห็นอาหารหลายชนิดบนโต๊ะ
นรารีนั่งลงจ้องหน้าดุ
"ทานสิคะคุณวัชร
ดูสิว่ามันจะกินไม่ได้จนต้องไปหากินที่อื่น"
วชรวรรษหน้าเสียเหลือบมองป้าแหวว
"เอ่อ แต่ว่าตอนนี้ผมยังไม่หิวน่ะครับคุณแพน"
"ไม่ได้ค่ะ ไม่หิวก็ต้องทาน
คุณวัชรต้องฝึกให้ชินเข้าไว้ เพราะหลังจากที่เราแต่งงานกัน
แพนจะทำอาหารให้คุณทานทุกวัน ทุกมื้อ คุณจะได้ไม่ต้องไปทานอาหารฝีมือคนอื่น
ใช่มั้ยคะป้าแหวว"
"เอ่อ แต่ถ้าคุณวัชรทานไม่ลงก็ไม่เป็นไรนะคะ"
"ป้าแหวว!!"
วชรวรรษกลืนน้ำลายมองหน้าตาอาหารตรงหน้าด้วยความสยอง
แล้วก็ตัดสินใจกินเข้าไป ทันทีที่อาหารเข้าปาก วชรวรรษก็ลุกพรวดไปอาเจียนทันที
นรารีอึ้ง
"ป้าบอกคุณแล้วว่าคุณวัชรมีปัญหาเรื่องการกินจริงๆ ถ้าไม่อร่อย
คุณวัชรทานไม่ได้หรอกค่ะ รวมไปถึงของใช้ส่วนตัวด้วย ถ้าไม่ดีจริง
คุณวัชรเขาก็ไม่เอาเหมือนกัน"
นรารีมองป้าแหววรู้ว่าโดนแขวะ
คว้ากระเป๋าเดินออกไปด้วยความโมโห ป้าแหววยิ้มสบายใจ วชรวรรษเดินออกมา
"คุณแพนล่ะป้า"
"ควันออกหู กลับไปแล้วค่ะ"

ไม่มีความคิดเห็น: