วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2552

บริษัทบำบัดแค้น 4

นงไฉนกำลังทาโลชั่นอยู่หน้ากระจกในห้องนอน
ชาคริตอยู่ในชุดนอนนั่งอยู่บนเตียง
"เอ เจ้านั่นไม่น่าทำอย่างนี้กับคุณ
มันรู้รึเปล่าว่าคุณเป็นใคร"
"รู้ซีคะ
ดูเหมือนจะรู้ตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกด้วยซ้ำ"
"สมกับที่คนเขาลือกันว่าเจ้าคนนี้เคยเป็นโรคจิตมาก่อน"
"เหรอคะ"
"ไม่งั้นไม่ทำสปาบำบัดคนบ้าแบบนี้หรอกครับ ไม่ต้องห่วงนะคุณนง
เดี๋ยวผมจะส่งคนไปยึดกล้องมันมา มันไม่มีสิทธิ์มาถ่ายรูปคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต"
"ท่าทางคุณจะไม่ชอบนายจอมคนนี้เอามากๆ"
"ใช่
ไม่ชอบตั้งแต่มันมาตั้งสปาแย่งลูกค้าของเราแล้ว แล้วที่ไม่ชอบอีกอย่าง
เขาลือกันว่ามันหล่อ แล้วมันหล่อจริงไหม"
"ก็หน้าตาดีค่ะ" นงไฉนยิ้ม
"ยิ่งเกลียดใหญ่ ไม่อยากให้เมียไปชมผู้ชายคนอื่น นอกจากสามีคนนี้คนเดียว"
ชาคริตเข้ามากอดนงไฉน แล้วจูบไซร้ที่ไรผม นงไฉนหัวเราะ
เวลาเดียวกันโชค
แหวน และจอมก็นั่งทานข้าวด้วยกัน โชคดีใจที่กิจการของเพื่อนไปรุ่ง
แหวนบอกว่าจอมไม่ได้หวังแค่เรื่องรายได้ เพราะยังคิดเรื่องแก้แค้นอีก โชคถึงกับตกใจ
จอมบอกว่ายังไงก็ไม่ยอมปล่อยให้นงไฉนมีความสุขไปอย่างนี้
โชคลองถามว่าจอมจำวันที่เกิดเหตุการณ์ที่ริมผาได้ไหม
จอมบอกว่านับจากฟื้นขึ้นหลังสองวันผ่านไปก็ค่อยๆ จำทุกอย่างได้
แต่สิ่งเดียวที่ตัวเองจำไม่ได้ก็คือภาพเบลอๆ ในมือถือ แหวนถามว่ามือถืออะไร
จอมพยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออกอีก กระทั่งเทวัญตัดสินใจทำศัลยกรรมใบหน้า
จนมาซื้อกิจการและเปลี่ยนชื่อเป็นจอม
"แล้วแกก็มาซื้อสปาที่นี่
เพื่อจะมาอยู่ใกล้กับโรงแรมสิริน นี่แผนแกทั้งนั้น"
"ใช่"
"แล้วก็เรียกแหวนมาใช้งาน
บังคับให้แหวนเปลี่ยนนามสกุลมาใช้นามสกุลของแม่ด้วยอีกต่างหาก
ตกลงพี่จะทำอะไรกับยายคุณนายนั่น บอกมาตามตรงดีกว่า"
"พี่ไม่ทำอะไรเกินกว่าเหตุหรอก"
"ฉันวางใจแกไม่ได้หรอกว่ะ
คราวที่แล้วแกลักพาตัวเขาออกมาจากงานแต่ง แกคิดจะฆ่าเขาใช่ไหม"
"ตอนนี้ฉันไม่คิดจะฆ่าใครทั้งนั้น แค่ทำให้กิจการของพวกมันล้มละลายไปก็พอ
มันเลือดเย็นกว่ากันเยอะ"
"งั้นแกอยากทำอะไรก็ทำไป ฉันไม่ยุ่งด้วย"
"เหมือนกันค่ะ แหวนก็ไม่ขอยุ่งด้วย"
"ก็ตามใจ แต่แหวน เธอต้องอยู่ช่วยพี่"
"เพื่ออะไร"
"ในฐานะน้อง เธอต้องช่วยพี่"
"ไอ้เทพ
นี่แสดงว่าแกยังเป็นบ้าอยู่ใช่ไหม"
"มีใครบ้างในสังคมทุกวันนี้ที่เป็นปรกติ
ไม่มีหรอกว่ะ มันก็บ้าด้วยกันทั้งนั้น"
"บ้ากับโรคจิต มันไม่เหมือนกันนะโว้ย"
"ฉันจะไปพักผ่อนแล้ว อ้อ แล้วต่อไปนี้ ฉันคือนายจอม อารักษ์ ไม่ใช่นายเทพ
หรือเทวัญ นรลักษณ์อีกต่อไป กรุณาสื่อสารให้ ถูกต้องด้วย" จอมออกไป
"เอาไงดีคะพี่โชค ถ้าเราไม่ช่วย พี่เทพยิ่งเตลิดไปใหญ่นะคะ"
"หรือว่าจับมันส่งโรงพยาบาลอีกที เฮ้อ เอาอย่างนี้ ถ้ามันทำอะไรเกินกว่าเหตุ
รีบรายงานพี่เลย"
"ค่ะ"
ที่ห้องนอน นงไฉนนอนตะแคงอยู่บนเตียง ตาลุกโพลง
รู้สึกถึงร่างของชาคริตเข้ามานอนข้างๆ แขนชาคริตโอบกอดนงไฉนรอบเอว
นงไฉนมีอาการเกร็งและแข็งขืนขึ้นทันที ชาคริตระดมจูบที่ข้างแก้ม ซอกคอ
นงไฉนหลับตานิ่ง มือของชาคริตเลื่อนมาจากเอว นงไฉนปัดมือของชาคริตออกอย่างเร็ว
แล้วลุกขึ้นนั่งหันหลังให้ชาคริต กอดตัวเองสั่นสะท้าน ชาคริตนอนหงายแผ่ไป
เอามือเท้าหน้าผากอย่างหมดอารมณ์
"อีกแล้วเหรอ"
"ฉันขอโทษ ฉันไม่พร้อม"
"พูดแบบนี้อีกแล้ว เราแต่งงานกันมาครึ่งปีแล้ว
คุณไม่ให้แม้แต่แตะเนื้อต้องตัวคุณ แล้วเมื่อไหร่คุณจะพร้อม"
"ฉันไม่รู้"
นงไฉนสะอื้น
"แล้วอย่างนี้เราจะแต่งงานกันไปทำไม" ชาคริตสะบัดลุกจากเตียงไป
"คุณจะไปไหน"
"ไปนอนข้างนอก" ชาคริตออกไป นงไฉนเช็ดน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลพราก
วันรุ่งขึ้นนงไฉนมาเดินช็อปปิ้งที่ห้องเสื้อสุดหรู และก็เกิดเจอกับสลิลเข้า
นงไฉนจะออกจากร้าน สลิลเข้ามายึดแขนไว้
"คุยกันให้รู้เรื่องก่อน"
"ปล่อยมือฉัน คุณต้องการอะไร"
"เรื่องเดิม ฉันเพิ่งกลับมาจากอังกฤษ
แล้วต้องการให้พ่อเด็กมันรับผิดชอบลูกมันบ้าง ฉันไม่มีเงินเหลือแล้วตอนนี้"
"ฉันจะบอกคุณชาคริตให้ แต่ขอความกรุณาอย่ามารบกวนฉันอีก"
"แหม หวงผัวจริงนะ
ที่จริง ฉันเจรจากับเธอดีกว่า เพราะไอ้นั่นมันไม่รับสายฉันแล้ว"
"ก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ จะเจรจาอะไร"
"ถ้าเธอจ่ายให้ฉันสักหน่อย
ฉันรับรองจะอยู่ห่างจากเธอและผัวเธอให้มากที่สุด"
"ต้องการเท่าไหร่"
"เอาสักสองล้านเป็นไง รวยอย่างเธอไม่สะดุ้งอยู่แล้วนี่"
"ไม่ตกลง"
"งั้นก็ช่วยไม่ได้ ที่ฉันต้องรังควาญเธอต่อไป อย่าลืมนะพิธีแต่งสองครั้ง
ฉันล้มมาได้ทั้งสองครั้ง คงไม่อยากเห็นภาพบาดตาอย่างในมือถือนั่นอีกใช่ไหม"
นัยน์ตานงไฉนกระตุกขึ้น ความทรงจำถูกสะกิดขึ้นมา
"มะ มือถืออะไร ฉะ
ฉันไม่รู้เรื่อง"
"แหม คงได้ยาดี ลบความทรงจำไปเลยนะ เอ๊ะ
หรือว่าแกล้งทำจำไม่ได้"
"ฉันจำไม่ได้"
"ฉันจะเตือนเธอไว้
ว่าผัวฉันไม่เคยรักใคร นอกจากตัวมันเอง มันมีผู้หญิงเยอะแยะระหว่างที่มันมีเธอ
มันเล่นชู้ลับหลังเธอมาตลอด"
"หยุดพูด ไม่จริง" นงไฉนจะเดินหนี
สลิลกระชากแล้วตวาด
"โธ่ ก็เห็นภาพจากมือถือนั่นแล้วไม่ใช่เหรอนังโง่
แล้วเลิกคิดเสียทีว่าหล่อนประสาทคิดมากไปเอง มันเป็นความจริงทั้งนั้นละ"
"ความจริงอะไร"
"ความจริงที่มันมั่วผู้หญิงไม่เลือกไง ตอนที่มันอยู่กับฉัน
มันก็มั่วแบบนี้ เลิกโง่เสียที มันไม่เคยรักหล่อน จำไว้ มันไม่เคยรักหล่อน
มันแกล้งหลอกหล่อนเพื่อฐานะของมัน"
"ปล่อย"
"แกอยากรู้เรื่องทั้งหมดไหม
ตั้งแต่ที่ฉันอยู่กินกับมัน มันทำลายอะไรในชีวิตฉันบ้าง"
"เธอนั่นแหละที่ทำลายเขา เธอนั่นแหละที่คบชู้"
"ฉันไม่ได้อยากคบชู้หรอกนะ
มันทำให้ฉันเป็นแบบนี้"
"ฉันไม่อยากฟัง ไม่ต้องมาเล่า"
"หล่อนต้องฟัง"
"คุณสลิล หยุดที" อานนท์กระชากร่างสลิลออกจากนงไฉน
คนในร้านเริ่มเข้ามามุงกัน นงไฉนวิ่งกระเจิงฝ่ากลุ่มคนออกไป
"อย่ามายุ่งกับครอบครัวพี่นงนะ ไม่งั้นจะโดนตำรวจลากคอคุณเข้าคุก"
"ไม่กลัวโว้ย ยังไงฉันก็ต้องได้เงินค่าเลี้ยงลูก
ไม่ให้ก็จะรังควาญอย่างนี้ไปจนกว่าจะตายกันไปข้าง"
นงไฉนวิ่งมาหยุดที่มุมสงบมุมหนึ่ง หอบหายใจ น้ำตาไหลพรากออกมา
ภาพแว่บปรากฏขึ้นเป็นภาพมือถือชายหญิงกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน เสียงออเซาะของผู้หญิง
เสียงหัวเราะของผู้ชาย
นงไฉนเริ่มลำดับภาพ ฝนตกปรอย ผ่านหน้ารถ ละที่ปัดน้ำฝน
ภาพเทวัญเดินฝ่าฝนออกไป และร่างเทวัญก็ถูกรถชน รถเซพุ่งเข้ามาหารถของเธอ เสียงนงไฉน
กรีดร้อง นงไฉนร้องไห้ อานนท์เดินมาเบื้องหลัง
"พี่นงครับ
ผมขู่ยายสลิลไปแล้วว่าอย่ามายุ่งกับพี่อีก"
"นนท์
วันแต่งงานวันนั้นเกิดอะไรขึ้น"
"วันแต่งงานไหนครับ"
"พิธีแต่งครั้งที่สอง
ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เขาถูกรถชน"
"ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น
เราพบพี่นงสลบอยู่ในรถ รถถูกชนด้านหน้า ไม่รู้ว่าพี่ขับรถไปที่นั่นทำไม"
"ผู้ชายคนนั้นบังคับพี่ แล้ว เขาเป็นใคร หรือว่าเขาคือนายเทวัญ"
"พี่นงครับ
พี่นงหายป่วยแล้วนะครับ ลืมเรื่องทั้งหมดเสีย นายเทวัญไม่มีตัวตนหรอกนะครับ
พี่คิดไปเองทั้งนั้น"
"พี่คิดไปเองใช่ไหม พี่คิดไปเอง"
"ใช่ครับพี่"
"แล้วถ้าพี่คิดไปเอง ยายสลิล ทำไมบอกพี่ว่าคุณคริตหลอกลวงพี่
เขามีผู้หญิงอื่นมาตลอด พี่ไม่ได้คิดไปเอง ทำไมเขาพูดอย่างนั้น"
"อย่าไปฟังผู้หญิงคนนี้ซีครับ เขาแกล้งทำให้พี่ประสาท"
"นนท์
โทรหาคุณคริตหน่อย พี่อยากคุยกับเขา"
นงไฉนมุ่งมั่น
อานนท์กดโทรศัพท์หาแต่ชาคริตไม่รับสาย

ไม่มีความคิดเห็น: