วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2552

แม่ค้าขนมหวาน 7

นาท
กริชและอุบลต่างนั่งไม่ติดเพราะใบไผ่หายไป ไม่รู้ไปทำอะไร
นาทบอกว่าคงไม่ฆ่าตัวตายแน่แต่อาจจะฆ่าคนอื่นตาย
ระหว่างนั้นใบไผ่ก็เดินหน้าโหดเข้ามา กริช นาท อุบลเห็นก็ดีใจรีบกรูกันไปเข้าหา
ถามว่าใบไผ่ไปไหนมา
"ไผ่ไปหาไอ้บ้านั่นมา"
"เฮ้ย
แล้วเอ็งทำอะไรมันเหรอเปล่า หา ไอ้ไผ่" นาทใจไม่ดี
"ทำ"
อุบลตบอกผาง
"โอ้แม่เจ้า ลูกไปทำอะไรเขา หา ไผ่ บอกมา"
"ไผ่ยิงมันมา"
"หา!!"
สามคนอุทานพร้อมกัน
"ตายๆๆๆ ไอ้ไผ่ลูกนะลูก"
"โธ่เอ๊ย
ป้าอย่าตีโพยตีพายไปหน่อยเลย มันโดนลูกปืนไปแค่นั้นไม่ตายหรอก ไผ่เสียดายด้วยซ้ำ
นี่ถ้าไผ่ใช้ปืนตัวเองล่ะ โดนแสกหน้าไม่ยิงมันพลาดหรอก ยิ่งคิดแล้วยิ่งหงุดหงิด
โอ๊ย ไอ้บ้าเอ๊ย"
ใบไผ่หิ้วของพะรุงพะรังเข้ามาในร้าน
ไม่พอใจที่เข่งขนลูกน้องมาช่วยทำความสะอาดร้านมากมายเพื่อเอาใจเธอ
ระหว่างนั้นวชรวรรษเดินเข้ามา ทองหยอดร้องบอกว่าลูกค้ามา
ใบไผ่หันไปจะจ๊ะจ๋ากับลูกค้าแต่พอเห็นหน้ากลับตกใจแทน
"นี่ คุณ"
"ทำไม
เห็นฉันแล้วต้องตกใจขนาดนี้เลยเหรอ คนอย่างฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก คุณมณีรัตนา"
"แก จะมาแก้แค้นฉันเหรอ"
"หึ โทษทีนะ ฉันไม่ใช่เธอ
จะได้เป็นไอ้พวกชอบจองเวรจองกรรมไม่เลิก ฉันมาซื้อขนม"
"ฉันไม่ขาย"
"นึกว่าจะห่ามจะห้าวแบบผู้ชาย ที่ไหนได้ก็นิสัยผู้หญิง
เรื่องเล็กเรื่องน้อยก็ชอบทำให้เป็นเรื่องใหญ่
นิสัยแบบนี้เดี๋ยวลูกค้าก็ไม่กล้าเข้าร้านเธออีกหรอก"
ใบไผ่ชะงัก
มองหน้าวชรวรรษอย่างเจ็บใจ วชรวรรษอมยิ้มแล้วเดินไปหน้าตู้โชว์ขนมเจอเข่งขวางทาง
ทำมาดกวนใส่ วชรวรรษดันเข่งออกไป
"ไผ่ ไม่เห็นต้องขายของให้มันเลย
ให้เข่งเคลียร์เลยมั้ย"
"ไม่ต้อง แกอยู่เฉยๆ เหอะ"
ใบไผ่เดินไปหาวชรวรรษ
วชรวรรษเลือกขนมกวาดตามองจนมาหยุดที่หน้าขนมจ่ามงกุฎเห็นคำกลอน
"งามจริงจ่ามงกุฎ ใส่ชื่อดุจมงกุฎทอง เรียมร่ำคำนึงปอง สะอิ้งน้องนั้นเคยแล
ไอเดียคุณดีคุณไผ่ ใช้คำกลอนมาช่วยอธิบายชื่อขนม
ดึงดูดเรื่องรสชาติไม่พอยังหวานเพราะเสนาะหูอีกต่างหาก
นี่ถ้าเจ้าของร้านพูดจาหวานหูด้วยก็คงจะดี"
"จะซื้อขนมก็รีบซื้อ
ฉันไม่ได้เปิดร้านมานั่งต่อปากต่อคำกับใคร"
"ถ้างั้น วันนี้ผมเหมาหมดตู้นี่เลย"
"เหมาหมดนี่เลยคะคุณวัชร" เกดดีใจ
"ครับ มีอยู่ในร้านเท่าไหร่ผมเอาหมด
ใกล้เวลาพักเที่ยงลูกน้องผมพอดี ของอร่อยแบบนี้พวกนั้นคงชอบ
วันหลังจะได้แวะมาเป็นลูกค้าประจำ ที่นี่จะได้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า"
ใบไผ่หมั่นไส้แต่ไม่อยากต่อปากต่อคำเพราะเห็นเป็นลูกค้า
"จัดการใส่กล่องให้เขาด้วยเกด ลดให้ 10 เปอร์เซ็นต์ สำหรับลูกค้าใหญ่"
สั่งเสร็จใบไผ่ก็เรียกเข่งไปคุยหลังร้าน
"เข่ง
แกรู้ใช่มั้ยว่าร้านนี้มีความหมายกับฉันมาก มันเป็นความฝันของฉัน
เงินเก็บทั้งชีวิตของฉันก็เพื่อร้านนี้"
"จ้ะๆ เข่งรู้จ้ะ"
"แต่ตอนนี้แกเห็นมั้ยว่าฉันกำลังถูกไอ้เจ้าพ่อนั่นคุกคาม
ที่จริงแล้วมันไม่ได้หวังดีกับฉัน มันต้องการทำให้ร้านฉันพัง แล้วถ้าร้านนี้พัง
ฉันคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้"
เข่งฟังแล้วก็สงสารใบไผ่จับใจ
"เข่งรู้
เข่งเห็นกับตาแล้วล่ะจ้ะ และเข่งก็เข้าใจไผ่ ร้านนี้เป็นชีวิตของไผ่
ไผ่ไม่ต้องห่วงเลย เข่งจะไม่ยอมให้ใครมาย่ำยีไผ่
เพราะนั่นเท่ากับมันย่ำยีหัวใจของเข่งด้วย"
ใบไผ่ฟังแล้วก็พะอืดพะอม
แต่จำต้องทนไว้
"ไผ่ไม่ต้องห่วง งานนี้เข่งจะเคลียร์ให้ไผ่เอง" เข่งเดินออกไป
ใบไผ่ยิ้มเจ้าเล่ห์ที่หลอกใช้เข่งให้แก้แค้นแทนได้
000000000000
ระหว่างที่วรชรวรรษไปที่ร้านขนมหวานเขาก็ปล่อยให้นรารีอยู่กับวรรษาสองคน
นรารีรู้ว่าวรรษาไม่ชอบเธอ จึงแกล้งยั่วด้วยการบอกเรื่องที่เธอจะแต่งงานกับวชรวรรษ
วรรษาอึ้ง เสียใจ ความโกรธและน้อยใจพี่ชาย
วชรวรรษนั่งกอดอกอยู่ในรถ
ยิ้มสะใจอยที่ได้เล่นงานใบไผ่ โดยมีทศขับรถให้เพื่อจะเดินทางไปเช็คสต็อคสินค้า
ระหว่างนั้น เข่งขับรถตามรถของวชรวรรษไปเรื่อยๆ เมื่อวชรวรรษมาถึงโกดัง
คนงานก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาบอกว่าไฟไหม้โกดัง และเห็นว่ามีคนวางเพลิงวิ่งออกไป
วชรวรรษแค้นใจสั่งให้วิชญ์ดูแลเรื่องการดับไฟ ส่วนเขากับทศจะตามคนร้ายไป
มือเพลิงรีบวิ่งตาเหลือกมาขึ้นมอเตอร์ไซค์
แล้วก็รีบขับออกไปโดยไม่ได้ดูว่ามีรถเข่งสวนเข้ามา
ทำให้ต้องหักหลบรถล้มกลิ้งทั้งคนทั้งรถ เข่งจอดรถรีบลงมาดูรถอย่างหัวเสีย
ก่อนจะเข้าไปเอาเรื่องกับมือเพลิง แต่ก็ต้องหน้าเจื่อนเมื่อถูกมือเพลิงเอาปืนขู่
มือเพลิงหันไปเห็นวชรวรรษกับทศเข้ามาใกล้จึงยิงใส่ทศกับวชรวรรษ สองคนกระโดดหลบ
เข่งสะดุ้งโหยงรีบวิ่งไปหลบที่รถ นั่งยองๆ เอามือปิดหู
วชรวรรษกับทศยิงสวนกลับ
มือเพลิงยิงตอบโต้ เข่งอยู่ท่ามกลางดงกระสุนและการดวลปืน มือปืนรีบวิ่งหนีไป
วชรวรรษกับทศรีบตาม แต่อยู่ๆ มือเพลิงก็หายไป วชรวรรษกับทศแยกกันหา
มือเพลิงแอบอยู่เล็งปืนไปที่วชรวรรษ
ทศหันไปเห็นรีบกระโจนไปขวางทางปืนให้วชรวรรษจนโดนยิงที่หัวไหล่ วชรวรรษตกใจ
มือปืนกำลังจะเข้ามายิงวชรวรรษ แต่กระสุนหมด
วชรวรรษโกรธจัดผลั้งสติยิงใส่มือปืนไม่ยั้ง ทุกอย่างสงบนิ่ง
วชรวรรษเดินเข้าไปในพงหญ้าเห็นมือเพลิงนอนจมกองเลือดหายใจรวยริน
วชรวรรษรีบพาทศและมือปเพลิงมารักษาที่โรงพยาบาล
ไม่นานวิชญ์มารายงานว่าดับไฟเรียบร้อยแล้ว สินค้าเสียหายไม่มากนัก
ส่วนคนงานไม่มีใครบาดเจ็บ ส่วนมือเพลิง
วิชญ์จำได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่ลอบทำร้ายวชรวรรษครั้งก่อน
เข่งกลับมาเล่าเรื่องที่เขาเห็นวชรวรรษกระหน่ำยิงวัยรุ่นให้ใบไผ่ฟัง
ระหว่างนั้นนาทกับแก้วขวัญเดินมาด้วยกัน
"แล้วนี่ไผ่คุยอะไรกับเข่งอยู่เหรอ
น้ามาขัดจังหวะหรือเปล่า"
"ไม่หรอกครับ
เข่งกับไผ่กำลังคุยเรื่องไอ้เจ้าพ่อเลือดเย็นนั่นอยู่"
"เหรอจ๊ะ
แหมมาได้จังหวะ"
"ได้จังหวะยังไงเหรอน้าแก้ว"
แก้วขวัญอึกอักไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร นาทสะกิดให้พูดไปเลย
"น้าแก้วกับอานาทมีอะไรจะพูดกับไผ่เหรอ ถ้าเป็นเรื่องไอ้หมอนั่น
ไม่ต้องพูดเลยนะ เสียอารมณ์"
"งั้นน้าก็คงต้องให้ไผ่เสียอารมณ์
ได้ข่าวว่าไปยิงเขามาเหรอ"
"ใช่ เสียดายด้วยซ้ำที่มันไม่ตาย"
"ไผ่
น้าว่าไผ่ทำรุนแรงเกินไปนะ เล่นบุกไปเอาเรื่องเขาแบบนั้น ดีที่เขาไม่ตาย
เพราะถ้าเขาตายขึ้นมา ไผ่หมดอนาคตเลยนะ"
"มันไม่รุนแรงไปหรอกน้าแก้ว
แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ
ถ้าเทียบกับการที่มันมาทำให้วันเปิดร้านของไผ่ฟังไม่เป็นท่า"
"ไผ่
อย่าเพิ่งโมโหสิ ใจเย็นๆ น้าพยายามคุยกับไผ่ด้วยเหตุผลนะ"
"น้าไม่ต้องมาพูดเลย
น้าเข้าข้างมันมากกว่าหลานตัวเอง"
"ไม่ใช่นะไผ่ คุณพูดอะไรบ้างสิ
ยืนทื่อเป็นเสาหินอยู่ได้" แก้วขวัญหันไปดุนาท
"ใช่ น้าแก้วพูดถูก
อาว่าไผ่น่าจะ"
"หยุดพูดเลยอานาท ไอ้เข่ง
เล่าให้น้ากับอาฉันฟังสิว่าวันนี้แกไปเห็นอะไรมา"
"ได้เลยจ้ะไผ่จ๋า อานาท
น้าแก้วครับ วันนี้เข่งเห็นไอ้เจ้าพ่อนั่นมันยิงคน ยิงกันกลางเมืองเลยนะครับ
เลือดสาดยิ่งกว่าในหนัง ตำรงตำรวจมันไม่สนใจเลย"
"หึ
ทีนี้เห็นเหรอยังว่าคนดีของน้าที่จริงแล้วเป็นยังไง ต่อหน้ามันก็ทำเป็นดี
แต่ลับหลังยังไงมันก็เจ้าพ่อเลือดเย็น ไผ่ว่าพวกน้าเลิกเห็นกงจักรเป็นดอกบัวได้แล้ว
ผู้ชายพรรณนั้นมันก็เป็นได้แค่คนเลว"
วชรวรรษนั่งหน้าเครียดกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ไม่นานวิชญ์เข้ามารายงานว่าทศปลอดภัยแล้ว
"แล้วไอ้มือปืนนั่นล่ะ"
"ปลอดภัยแล้วเหมือนกันครับ แต่ว่ามันเสียเลือดมาก คงยังไม่ฟื้นในเร็ววันนี้"
วชรวรรษโล่งใจที่มือปืนไม่ได้ตาย ระหว่างนั้นวรรษาเดินเข้ามาแขวะทันที
"แผลเก่ายังไม่ทันหาย ก็มีแผลใหม่มาเพิ่มแล้วเหรอพี่วัชร"
"วิชญ์
แกกลับบ้านได้แล้ว"
วิชญ์เดินออกไป วรรษาใส่ทันที จริงๆ แล้วเธอเป็นห่วงวชรวรรษ
แต่ทำฟอร์มไม่พอใจ
"ไหนพี่ว่าจะล้างมือไงคะ แต่ทำไมถึงยังมีเรื่องบ้าๆ
เกิดขึ้นอีก คราวนี้ถึงกับทำให้ทศต้องเกือบตาย"
"พี่ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเกิดขึ้นนะฝน"
"พี่ก็อ้างแต่คำนี้ทุกที ไม่ตั้งใจ
ไม่รู้ คาดไม่ถึง ฮึ ทั้งๆ ที่พี่กำลังจะแต่งงานกับพี่แพน พี่ กำลังจะมีครอบครัว
แต่พี่ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ฝนชักไม่แน่ใจแล้วที่พี่บอกว่าจะล้างมือ
พี่กำลังหลอกตัวเอง แล้วก็หลอกคุณแพนด้วยหรือเปล่า"
"พี่ไม่ได้คิดหลอกใคร
พี่อยากออกจากวงการนี้จริงๆ และที่พี่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อเรา"
"ไม่ต้องเอาฝนไปเกี่ยวด้วย เพราะพี่ไม่เคยทำอะไรเพื่อใครเลย ขนาดพี่จะแต่งงาน
พี่ยังไม่ถามฝนสักคำ"
"พี่พยายามจะบอกฝน แต่ฝนไม่ฟังพี่เอง"
วรรษาหน้าเจื่อนเพราะเป็นความจริง "ใช่ค่ะ ฝนผิดเอง
ผิดที่ไม่รู้จักทำตัวเป็นน้องสาวที่แสนดี ก็ใครจะไปสู้คุณแพนได้ล่ะคะ"
"ฝนไม่ชอบคุณแพนเหรอ คุณแพนเขาเป็นคนดีนะ แล้วเขาก็จะช่วยพี่ดูฝน"
"ไม่ต้องพูดแล้ว ฝนรู้แล้วว่าพี่วัชรเอือมระอาฝน เบื่อฝน รำคาญฝน
คุณแพนบอกฝนหมดแล้ว ไม่ต้องให้ใครมาดูแลฝนหรอก ฝนไม่ใช่เด็กๆ
พี่เอาเวลาไปดูแลเมียพี่เหอะ แล้วก็อย่าให้เขามายุ่งกับฝน"
ธราทิตย์กำลังนอนหลับอยู่ เสียงมือถือดังขึ้น
"ฮัลโหล เธอเองเหรอ เจ้าหญิง
ไม่ใช่สิ คุณหนูอารมณ์ร้ายตัวแสบ วันนี้มีอะไรจะมาแกล้งผมอีกเหรอครับ อะไรนะ
จะโดดน้ำฆ่าตัวตาย"
ธราทิตย์ตาเหลือกรีบตามไปที่ริมน้ำ เห็นวรรษานั่งอยู่
"ไหนว่าจะโดดน้ำฆ่าตัวตายไง"
"ถ้าไม่พูดแบบนี้ นายก็ไม่ออกมาหาฉันสิ"
"เจ้าเล่ห์นักนะ แล้วเรียกฉันออกมามีอะไร อีหรอบนี้ ทะเลาะกับพี่ชายมาล่ะสิ"
วรรษายังเงียบ หันไปมองหน้าธราทิตย์ ธราทิตย์งง
"ถามแล้วยังมองหน้าอีก
กวนฉันเหรอ"
"นายว่า ฉันสวยมั้ย"
ธราทิตย์อึ้งกับคำถาม "ก็สวยสิ"
"แล้วนายว่าฉันหุ่นดีหรือเปล่า"
"ก็ดี"
"แล้วนายว่าฉันมีตรงไหนบกพร่องหรือเปล่า"
"อืมม์ ไม่มีนะ"
"งั้นถ้านายเป็นแฟนฉัน นายจะทิ้งฉันมั้ย"
"ทิ้ง!" วรรษาชะงักอึ้ง
"เพราะคุณกวนประสาท ดื้อด้าน เอาแต่ใจตัวเอง"
วรรษานิ่ง
น้ำตาคลอแล้วก็ร้องไห้ออกมา ธราทิตย์ตกใจ
"เฮ้ย ร้องไห้ทำไม ผมพูดเล่น
ใครจะไปกล้าทิ้งคุณเล่า คุณออกจะสวยขนาดนี้"
"ไม่ต้องมาพูดเอาใจฉันเลยตาบ้า
ฉันเกลียดนาย"
วรรษาเดินหนี ธราทิตย์รีบไปฉุดแขนวรรษาไว้
"ปล่อยฉันนะ
ไหนว่าจะทิ้งฉันไง แล้วมาดึงฉันไว้ทำไม"
"อย่างอนได้มั้ย งอนมากๆ
เดี๋ยวหน้าแก่นะ"
ธราทิตย์ทำเสียงแก่ วรรษาชะงัก ธราทิตย์ยิ้ม
"ผมแค่ล้อคุณเล่นเท่านั้น คุณนี่มันหลอกง่ายจริงๆ เอาล่ะ
เพื่อเป็นการไถ่โทษในความปากเสียของผม ผมจะพาคุณไปที่นึง"
"ไปไหน"
"ไปในที่ที่มีอาหารอร่อยๆ น่ะสิ"
"ฉันไม่หิว ไม่อยากกินอะไร"
"ไม่หิวก็ไปเถอะน่า ที่นี่ใครไปท้องอิ่มๆ รับรอง ท้องร้องหิวแน่"
00000000000000000
ธราทิตย์พาวรรษามาที่บ้านใบไผ่
ขณะนั้นใบไผ่กำลังเก็บบัวที่ริมบึง ธราทิตย์มาตะโกนเรียก
ใบไผ่หันไปเห็นธราทิตย์กับวรรษาก็แปลกใจ วรรษาก้มหน้าไม่กล้าสู้หน้าใบไผ่
"สวัสดีจ๊ะน้องฝน"
"เอ่อ สวัสดีค่ะพี่ไผ่"
"สวัสดีจ้ะ
ทำไมมาด้วยกันได้"
"ฉันพาน้องเขามากินข้าว"
"เหรอ ดีสิ
ฉันกำลังมาเอาไหลบัวไปแกงอยู่พอดี"
ธราทิตย์มองๆ
วรรษาแล้วก็เขยิบเข้าไปกระซิบใบไผ่
"แกช่วยฉันทีเถอะ เด็กมีปัญหามาอีกแล้ว"
"ปัญหาอะไร"
ธราทิตย์ไม่ตอบ ดึงเอาใบบัวดอกบัวมาจากมือใบไผ่
"เดี๋ยวฉันเอาไหลบัวเข้าไปให้ก่อนนะ ป้าเขารอทำกับข้าวอยู่ ไปนะ"
ธราทิตย์รีบเดินไป ปล่อยให้วรรษาอยู่กับใบไผ่สองคน วรรษาทำตัวไม่ถูก
แล้วก็ตัดสินใจยกมือไหว้ใบไผ่
"พี่ไผ่ฝนขอโทษนะคะ ที่ทำให้พี่ไผ่เดือดร้อน
ทำให้วันเปิดร้านของพี่พังไม่เป็นท่า"
"พี่ไม่โกรธฝนหรอก ฝนไม่ได้ทำอะไรผิดนี่"
"พี่ไผ่ไม่โกรธฝนจริงๆ เหรอคะ"
"จ้ะ แต่จะให้พี่โกรธก็ได้นะ"
"ไม่ค่ะ
ไม่โกรธดีกว่า"
ใบไผ่ยิ้มมองวรรษาเอ็นดู "แล้วนี่เป็นอะไร
ถ้าให้พี่เดาคงถูกพี่ชายเรากวนประสาทมาอีกแล้วล่ะสิ"
"ทำนองนั้นแหละค่ะ
พี่ชายฝนไม่เคยทำอะไรดีหรอกค่ะ วันๆ ทำแต่เรื่องแย่ๆ เห็นแก่ตัว
ชอบบังคับให้ฝนทำโน่นทำนี่ ดีแต่ด่า ไม่เคยถามเหตุผล เอะอะอะไรก็อ้างแต่ความจำเป็น
จนฝนไม่อยากจะเชื่อพี่วัชรอีกแล้วล่ะค่ะ"
ใบไผ่ปล่อยให้วรรษาระบายอารมณ์จนพอใจ
วรรษานึกได้ว่าพูดมากไปหันไปมองใบไผ่
"ฝน ฝนเคยพายเรือมั้ย" วรรษาส่ายหน้า
"งั้นเดี๋ยวพี่สอน พี่จะตัดดอกบัวที่กลางสระเอาไปไหว้พระ มาสิ"
ใบไผ่จูงมือฝนเดินไปเรือริมสระ
ใบไผ่ทำอาหารเต็มโต๊ะ
อาหารทุกอย่างล้วนเป็นอาหารที่วรรษาไม่เคยทานเช่นน้ำพริกปลาร้า แกงสายบัว
ทุกคนจึงชวนให้วรรษาลองชิม
วรรษามองทุกคนที่ยิ้มแย้มมีความสุขทำให้เธอรู้สึกตัวเองมีคุณค่าอีกครั้ง
วรรษาวางตัวสบายมากขึ้น เธอทานข้าวด้วยความเอร็ดอร่อย
จากนั้นใบไผ่ก็ชวนวรรษาไปทำขนม วรรษาพยายามหัดจนทำได้คล่องขึ้น
วรรษาตื่นเต้นมาก ทำตามที่ใบไผ่บอกทุกขั้นตอน จากนั้นก็เทแป้งใส่ลงในแม่พิมพ์
แต่แป้งเหลือ วรรษาเหลือบไปเห็นแม่พิมพ์รูปสัตว์
"ทำไมพี่ไผ่ไม่ลองใส่แม่พิมพ์รูปอื่นบ้างคะ อย่างรูปสัตว์พวกนี้
ฝนว่ามันน่าจะออกมาน่ารักนะคะ เผื่อขนมไทยของพี่ไผ่จะได้ขายเด็กๆ ได้ด้วย"
"อื้ม ความคิดเข้าท่าดีนี่เรา ไอ้มาร์คดูน้องเขาสิ ฉลาดกว่าแกตั้งเยอะ"
"เฮ้ย อะไรวะ อยู่ดีดีก็มาด่ากันเอง"
ใบไผ่กับวรรษายิ้มๆ
ใบไผ่เอาแป้งเทลงแม่พิมพ์รูปสัตว์ ก่อนจะเอาเข้าตู้อบ แล้วก็ยืนมอง
"เอาขนมเข้าตู้อบแล้ว พี่ไผ่ต้องไปยืนเฝ้าแบบนั้นด้วยเหรอคะ"
"จ้ะ การทำขนม
เราต้องใส่ใจทุกขั้นตอน และนี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เพราะถ้านานไปมันก็จะไหม้
เร็วไปมันก็ไม่สุก เราต้องดูแลมันอย่างใกล้ชิด นี่ถ้าขนมมันเป็นคน
มันก็คงเบื่อที่พี่ไปยุ่งกับมันอยู่ได้ แต่เพราะเราทำแบบนี้ ขนมมันถึงออกมาหน้าตาดี
รสชาติอร่อย ใครได้กินก็ต้องชม"
วรรษาชะงักกับคำพูดของใบไผ่
รู้ว่าใบไผ่กำลังสอนเธอเรื่องพี่ชาย ใบไผ่หันมาทำเป็นไม่รู้เรื่อง
"เดี๋ยวพอขนมเสร็จแล้ว ฝนกลับไปบ้านด้วยนะ จะได้ภูมิใจว่าเป็นฝีมือของเราเอง"
"ค่ะ" วรรษาฟังใบไผ่แล้วก็คิดตาม
เกือบเที่ยงคืน
วชรวรรษยืนรอวรรษาด้วยความเป็นห่วง โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้
ไม่นานวชรวรรษก็เห็นธราทิตย์มาส่งวรรษาที่หน้าบ้าน วชรวรรษฉุนรีบเดินออกไป
"แกยังกล้ามายุ่งกับน้องสาวฉันอีกเหรอ"
วชรวรรษจะเข้ามาเอาเรื่อง
วรรษารีบเข้ามาขวาง
"อย่านะพี่วัชร พี่จะสร้างศัตรูไปถึงไหน
คราวที่แล้วเขาไม่เอาเรื่องพี่ก็ดีเท่าไหร่แล้ว พี่น่าจะขอบคุณมาร์คเขาด้วยซ้ำ"
"ฝนจะให้พี่ขอบคุณมันเหรอ ไม่มีทาง"
"คุณมาร์ค คุณกลับไปได้แล้วล่ะ"
วรรษาค้อนพี่ชายแล้ก็เดินเข้าไปในบ้าน วชรวรรษรีบตามเข้าไป
"ฝนไปไหนกับมันมา"
"ไปในที่ที่เขาทำให้ฝนมีความสุข"
"ฝน
ทำไมเราถึงไม่เชื่อฟังพี่ รู้มั้ยว่าไอ้หมอนี่มันไว้ใจไม่ได้
คนในวงการนี้ไม่มีใครจริงใจ มันเห็นเธอเป็นแค่ของเล่น พอเบื่อแล้วมันก็ทิ้ง
มันคิดจะหลอกฝนนะ"
"พี่พูดจบรึยัง"
วชรวรรษเงียบ
วรรษาหยิบขนมหน้านวลออกมาให้วชรวรรษ
"วันนี้ฝนไปทำขนมกับพี่ไผ่มา"
วรรษาพูดจบก็เดินไป ทิ้งให้วชรวรรษมองขนมด้วยความอึ้ง
00000000000000
เช้าวันรุ่งขึ้น วชรวรรษรีบไปหาใบไผ่ที่ร้านขนมหวาน
"ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ"
"ฉันไม่ว่าง"
"ฉันขอเวลาคุยกับเธอแค่ครึ่งชั่วโมง"
"จะกี่นาที กี่วินาที ฉันก็ไม่ว่าง
นายกลับออกไปได้แล้ว"
"เธอรู้มั้ยเวลาที่ฉันเจรจาธุรกิจไม่สำเร็จ ฉันทำยังไง"
"ทำไม จะอุ้มฆ่าเหรอ กลัวตายล่ะ"
"ใช่ ฉันจะใช้วิธีนั้นกับเธอ"
ใบไผ่ชะงักแต่ทำเป็นไม่กลัว "หึๆ ไม่ต้องมาขู่เลย อยากจะฆ่าฉันก็ฆ่าเลยสิ
คนอย่างนายมันก็ดีแต่ใช้วิธีสกปรก"
"คุณมณีรัตนาท้าทายกระผมขนาดนี้
กระผมคงต้องอุ้มจริงๆ"
"เอาดิ ไม่กลัวหรอก"
วชรวรรษอุ้มใบไผ่ขึ้นมาเลย
ใบไผ่ตกใจ คนทั้งร้านก็ตกใจด้วย
"เฮ้ย ไอ้บ้า ปล่อยฉันนะ"
วชรวรรษไม่สนใจอุ้มใบไผ่ออกไปทันที
"นายจะพาฉันไปไหน
ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ"
"ไม่ต้องกลัวผมอุ้มไปฆ่าหรอก ผมแค่อุ้มไปคุยเฉยๆ"
วชรวรรษพาใบไผ่มาที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ผลักใบไผ่จนหลังไปติดต้นไม้
ใบไผ่หัวเสียไม่พอใจอย่างแรง
"ไอ้คนป่าเถื่อน"
"ถ้าเธอยังไม่หยุดด่าฉัน
ฉันจะจูบเธอเดี๋ยวนี้"
ใบไผ่ตกใจรีบปิดปาก ถอยออกห่าง
"มีอะไรก็ว่ามา
ก่อนที่ฉันจะเรียกตำรวจมาจับนายฐานลักพาตัว"
"ใบไผ่
ทำไมเธอถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้ ถ้าเธอไม่พอใจฉัน โกรธเกลียดฉัน
เธอก็มาแก้แค้นที่ฉันนี่ อย่าใช้น้องสาวฉันเป็นเครื่องมือ"
"นายพูดอะไรของนาย"
"เธอรู้เห็นเป็นใจให้เพื่อนเธอมาหลอกน้องสาวฉันใช่มั้ย"
"นี่
นายคิดว่าคนอื่นเขาจะเลวเหมือนนายทุกคนเหรอไง คนอย่างฉันไม่เคยใช้วิธีสกปรก
แล้วเพื่อนฉันก็เป็นคนดี ดีกว่านายเป็นล้านเท่าน่าสงสารน้องฝนจริงๆ
ที่มีพี่ชายไม่เอาไหน ไร้เหตุผล ขาดสติ ชอบใช้กำลัง แล้วก็เอาเปรียบคนอื่นอย่างนาย"
"พอได้แล้ว ฉันปล่อยให้เธอด่าฉันมานานแล้ว
วันนี้เธอต้องได้รับบทเรียนราคาแพงจากฉัน"
ใบไผ่มองวชรวรรษไม่ไว้ใจ
วชรวรรษจับไหล่ ใบไผ่สวนกลับฮุคหมัดเข้าที่ท้องวชรวรรษทันที ทำเอาวชรวรรษจุก
"สมน้ำหน้าไอ้หมาวัด คิดว่าฉันจะยอมให้นายแต๊ะอั๋งฉันอีกเหรอ"
ใบไผ่เดินหนี
วชรวรรษโกรธมากเข้าไปจับไหล่ใบไผ่ให้หันมา ใบไผ่หันไปจะชก
วชรวรรษรวบมือดันใบไผ่เข้าต้นไม้ พยายามจะถาโถมเข้าหาใบไผ่
แต่ใบไผ่เอามือยันตัววชรวรรษเอาไว้
"ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต"
ขณะนั้นนรารีมาดูสถานที่ภายในสวนสาธารณะเพื่อจะใช้เป็นสถานที่จัดงานหมั้น
เจ้าหน้าที่จัดงานเหลือบไปเห็นวชรวรรษกับใบไผ่ท่าทางเหมือนกำลังจูบกัน
เพราะใบไผ่เอนหัวหลบวชรวรรษซ้ายทีขวาที เจ้าหล่อนตกใจ
"ว้ายตายแล้ว
บัดสีบัดเถลิง"
"มีอะไรเหรอคะ"
"คุณนรารีดูนั่นสิ"
"คุณพระช่วย
กลางวันแสกๆ ยังทำกันได้"
"ก็อย่างที่ดิฉันบอกยังไงล่ะคะ ที่โรแมนติค ใครๆ
ก็อยากพลอดรักกัน"
นรารียิ้ม หันไปเห็นใบไผ่ผลักวชรวรรษ แล้วก็ตบหน้าเพี้ยะ
นรารีตาเหลือกตกใจเห็นหน้าวชรวรรษเต็มๆ วชรวรรษหันมามองใบไผ่ไม่พอใจ
"ทำเป็นหวงตัวไปได้ คุณทั้งโดนผมทั้งจูบทั้งจับไปแล้ว แค่นี้ทำสะดีดสะดิ้ง"
"ไอ้บ้า" ใบไผ่กระทืบเท้าวชรวรรษอย่างแรง
"โอ๊ย!!" ใบไผ่จ้ำเดินหนี
วชรวรรษรีบเดินตามใบไผ่ไป นรารีมองใบไผ่กับวชรวรรษ กำมือแน่นด้วยความโกรธ
วชรวรรษกะเผลกๆ ตามมาดึงใบไผ่ ใบไผ่เงื้อหมัดจะต่อย วชรวรรษตกใจรีบปล่อย
"เอาล่ะๆ ฉันขอสงบศึกกับเธอชั่วคราว เรามาตกลงกันดีๆ
เธอต้องเลิกให้เพื่อนเธอมายุ่งกับน้องสาวฉัน แล้วเธออยากได้อะไรก็บอกมา"
"ฉันไม่มีวันตกลงกับคนเลวๆ อย่างนาย"
"ฉันรักน้องสาวฉันนะใบไผ่
ถ้ามีใครทำให้น้องสาวฉันเสียใจ ฉันไม่เอามันไว้แน่"
"ถ้างั้นนายก็ต้องรีบกลับไปเอาปืนยิงหัวตัวเองเพราะนายนั่นแหละที่ทำให้น้องนายเสียใจมากที่สุด"
ใบไผ่เดินไปที่แท็กซี่ วชรวรรษมองอย่างหัวเสียก่อนจะไปที่รถแล้วขับออกไป
นรารีเดินออกมามองด้วยแค้นใจและสงสัยว่าใบไผ่คือใคร

ไม่มีความคิดเห็น: