วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2552

บริษัทบำบัดแค้น 3

รีสอร์ทภูดาว อานนท์กำลังเดินเล่นอยู่บนเนินเขา
นงไฉนและพิมพานั่งจิบเครื่องดื่มใต้ร่มเงาร่มรื่น
"อากาศดีมากเลยค่ะคุณแม่
ที่นี่สวยเหลือเกิน"
"บอกแล้วไงว่าหนูจะต้องชอบ
สิ้นอาทิตย์นี้นายคริดเขาก็จะแวะมาพักด้วย"
อานนท์ส่องกล้องมองข้ามทิวเขาไป
เห็นคนงานของรีสอร์ทใส่หมวก ปิดหน้าสองนายกำลังกวาดใบไม้แห้งอยู่ อานนท์เข้ามาถาม
คือธงและเทวัญ เทวัญ
ปิดหน้าครึ่งหนึ่ง แล้วเอาผ้าขาวม้าพันหน้าและหมวกครอบ
จนไม่เห็นหน้าและรอยแผล
"นาย นายสองคนน่ะ"
ธงออกเสียงสำเนียงดอย
"มีอารายนะ"


"ถ้าข้ามไปที่เขานั่นไกลไหม"
"ก็เห็นอยู่นี่นา ว่าไม่ใกล้ไม่ไกล"
อานนท์งงๆ
กับการเล่นคำ "แต่ที่นั่นมีวัดพระสิงห์ใช่ไหม"
"ไม่รู้ เพิ่งลงจากดอยเต่า"
อานนท์หน้าเหวอไป "อ้าว"
เทวัญรีบตอบแทน "ใช่ครับ ไปสักสองกิโลก็ถึง"
"อ้อ คนที่นี่ซี" อานนท์มองเทวัญ
"ครับ คุณจะไปเที่ยววัดเหรอครับ"
"ใช่
แต่กลัวหลง"
"ไปเมื่อไหร่ละครับ"
"คงพรุ่งนี้ สายๆ"
"คนขึ้นเยอะครับ
หลวงพ่อท่านศักดิ์สิทธิ์" เทวัญบอก อานนท์พยักหน้า
ธงพูดขึ้นว่า
"ต้องอธิษฐานดีๆ นะ บาปหนักจะเป็นเบา ที่เบาก็ยืนทำได้ ที่หนักก็ต้องนั่งยองๆ ทำนะ"
เทวัญรีบดึงธงแยกมา อานนท์มองตามขำๆ "ท่าจะไม่เต็ม"
วันรุ่งขึ้น
อานนท์พานงไฉนมาที่วัดพระสิงห์ สองพี่น้องนั่งไหว้พระประธานในโบสถ์
หลวงพ่อเทศน์และรดน้ำมนต์ให้ นงไฉนสีหน้าแช่มชื่น
นงไฉนและอานนท์เดินเล่นด้วยกันมาถึงหอไตร
"วัดนี่เก่าดีจริงๆ
น่าจะสมัยอยุธยาตอนต้นเลยนะครับ ผมขอถ่ายรูปหอไตรหน่อยนะครับ"
"จ๊ะ" นงไฉนแยกมา
นงไฉนเดินตรงไปที่ศาลา
แล้วชะงักไปทันทีเมื่อเห็นร่างคุ้นเคยยืนทะมึนอยู่กลางแดด แสงยอนเข้าตาทำให้
นงไฉนเห็นหน้าไม่ถนัด เธอก้าวไปอีกหนึ่งก้าว แล้วตะลึงนิ่งไปเพราะร่างเทวัญ
ยืนแสยะยิ้มด้วยใบหน้าปีศาจเช่นเดิม ในชุดเก่าคนไข้ที่ขาดรุ่งริ่ง
นงไฉนจะตะโกนเรียกอานนท์ แต่อานนท์พ้นสายตาไปเสียแล้ว
นงไฉนหันกลับมาร่างของเทวัญหายไป นงไฉนงุนงง เธอตัดสินใจตรงไปที่ศาลาทันที
เพื่อพิสูจน์
นงไฉนขึ้นมาบนศาลา มองกวาดไปทั่วไม่มีใครอยู่บนศาลาเลย
มีเพียงพวงหรีดเก่าๆ และขาตั้งรูป ที่หันด้านหลังมา นงไฉนเดินไปที่กลางศาลา
ไม่เห็นใคร
เธอหันมามองรูปที่ตั้งอยู่แล้วผงะไป
คือรูปนรีและโก้ถ่ายด้วยกันขยายใหญ่ นงไฉนส่ายหน้า ไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เธอเบือนหน้าไปทางอื่น แล้วหันกลับมา รูปถ่ายก็ยังอยู่ที่เดิม นงไฉนค่อยๆ
เดินตรงไปที่รูป เอามือแตะที่กระจกรูป มันคือของจริงสัมผัสได้ นงไฉนจะเก็บรูปนั้น
แต่แล้วมือแข็งแกร่งของเทวัญ จับมือเธอไว้แน่น
"นาย"
"ว่าไงคุณนาย
บอกแล้วอย่าอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวผีพี่เทวัญ จะมาหา"
"ไม่ นายไม่ใช่ภาพจริง
นายเป็นแค่ภาพที่ฉันฝันไปเอง"
"งั้นเหรอ จับตัวฉันให้ทั่วซี
แล้วคุณนายก็จะรู้ว่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าคุณนายนี่น่ะ มันของจริงของแท้
เต็มไปด้วยเลือดเนื้อ วิญญาณของความเป็นชาย"
"ไม่ นายหลอกฉันอีกไม่ได้แล้ว
ฉันคิดไปเอง ฉันสร้างนายขึ้นมาในจินตนาการ เดี๋ยวพอฉันตื่น นายก็จะหายไป"
"หมอคนไหนมันบอกมาล่ะ อย่าเชื่อหมอให้มากนัก เชื่อรสสัมผัสของคุณนายเองดีกว่า"
เทวัญเอามือนงไฉน มาไล้ที่ริมฝีปากตัวเอง นงไฉนปัดมือออกอย่างรังเกียจ
"ปล่อยนะ นายทำร้ายฉันอีกไม่ได้แล้ว เพราะฉันไม่ได้บ้า"
"อ๊ะ
พอออกจากโรงพยาบาลมาได้ ก็คิดเลยเหรอว่าตัวเองไม่บ้า อย่าแน่ใจนักเลยคุณนาย
เพราะโรคบ้าน่ะมันไม่ได้รักษาหายกันง่ายๆ มาว่าเรื่องของเราดีกว่านี่เห็นไหมรูปนี้
ลูกเมียฉันที่ต้องตายเพราะคุณนาย
ตอนนี้วิญญาณทั้งสองคนกำลังกวักมือเรียกคุณนายจากปากเหวนรกนั่นแล้ว
เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีๆ"
"ไม่ ปล่อยฉัน" นงไฉนตบหน้าเทวัญแล้วดิ้นหลุด
นงไฉนวิ่งกระเจิงลงจากศาลา เทวัญไล่ตามหัวเราะร่า
นงไฉนวิ่งกระเจิงเข้าไปในสวนป่า และวิ่งมาจนมุมที่สระน้ำกลางสวน เทวัญตามมายิ้มร่า
"จะหนีไปไหนพ้น ขนาดคุณนายหนีมาหาความสุขส่วนตัวที่รีสอร์ทสวรรค์นี่
ฉันยังตามมาได้ ในโรงพยาบาล ที่บ้านฉันก็ตามไปแล้ว เพราะนี่ ฉันอยู่ในนี้ของคุณนาย"
เทวัญเคาะที่หัวของนงไฉน
"คุณนายไม่มีวันสลัดฉันทิ้งไปได้ง่ายๆ
เพราะฉันเหมือนตัวพยาธิที่มันเจาะเข้าเนื้อสมองคุณนาย จนสมองคุณนายเริ่มตายทีละนิด"
นงไฉนปิดหูตัวเอง "ไม่จริง ฉันไม่ฟังแก ฉันไม่ฟังแก แกไม่มีตัวตน แกไม่มีจริง
แกคือภาพลวงตา"
นงไฉนปิดหูตัวเองหันหลังให้เทวัญ
เทวัญเข้ามาจับไหล่นงไฉนให้หันมา
"ไม่มีตัวตนงั้นเหรอ
งั้นลองสัมผัสแบบนี้ดูหน่อยเป็นไง"
เทวัญกระชากร่างนงไฉนเข้ามากอดไว้
แล้วไซร้ข้างแก้ม นงไฉนดันร่างออก ตบหน้าเทวัญฉาดใหญ่
"เป็นผีแล้วยังฉวยโอกาสกับคนอีกเหรอ"
เทวัญลูบหน้านัยน์ตาลุกโชนขึ้นอีก
ยิ้มแสยะ "ยังฤทธิ์เยอะ"
"ฉันเลิกโทษตัวเองอีกแล้ว
อุบัติเหตุครอบครัวนายไม่ใช่ความผิดฉัน ฉันไม่ได้บ้าไปเอง
วันแต่งงานนั่นมีคนแกล้งฉันต่างหาก"
"ใคร ใครที่ไหนมาแกล้งคุณนาย"
"เมียเก่าคุณชาคริต เอาภาพในมือถือนั่นมาให้ฉันดู ทำให้ฉันคลั่งขึ้นมา
เมียนายบังเอิญเข้าทางมาพอดี มันเลยเกิดเรื่องขึ้น"
"พูดอะไรเนี่ย
แล้วเธอเอาปืนมาไล่ยิงเมียฉันทำไม"
"ฉันแค่ยิงขู่เท่านั้นเอง
ความผิดอยู่ที่ยายสลิลนั่นแหละ ไม่ใช่ความผิดของฉัน ฉันถูกแกล้ง ถูกจัดฉากทุกอย่าง
เมียเก่าคุณคริตคือต้นเหตุทั้งหมด"
"อย่ามาสร้างเรื่องโยนความผิดให้คนอื่น
เธอนั่นแหละนังฆาตกร"
นงไฉนระล่ำระลัก "ไม่ ไม่ใช่ฉัน"
"เธอนั่นแหละฆาตกร"
"ปล่อยฉัน ไม่งั้นฉันร้องจริง ๆ นะ"
เทวัญปล้ำกอดนงไฉนไว้
"เธอมันโรคจิตอยู่แล้ว หึงไอ้คู่หมั้นนั่นจนหน้ามืดตามัว
แล้วใส่ความเมียฉันว่าเล่นชู้กับผัวเธอ รักมัน หึงมันจนเป็นบ้า"
"ปล่อย
กรี๊ดดดด"
"อย่าร้องนะ คลั่งรักนักใช่ไหม ฉันจะช่วยคุณนายให้สมอยาก"
เทวัญรั้งร่างนงไฉนเข้าประชิด แล้วประทับจูบอีกครั้ง คราวนี้นุ่มนวลและเนิ่นนาน
นงไฉนพยายามดันร่างเทวัญออก แต่แล้วก็หมดแรง หลับตานิ่ง แล้วทรุดลง เทวัญประคองไว้
เงยหน้าขึ้นมาเพราะเสียงเรียก
"พี่เทพคะ"
เทวัญมองตรงไป
ร่างของนรีในชุดขาวกำลังยิ้มให้เธอกำลังท้องอ่อนๆ
"ไปไหว้พระกันเถอะค่ะพี่เทพ
ให้พระท่านคุ้มครองเราสองคนและลูกเราด้วย" นรีจับที่ท้องตัวเอง
เทวัญปล่อยร่างของ นงไฉนทรุดลงกับพื้น นรีหายไปเสียแล้ว เสียงอานนท์แว่วมา
"พี่นงครับ พี่นง"
เทวัญรีบหลบไป อานนท์วิ่งมาถึงประคองร่างนงไฉน
"พี่นงครับ"
นงไฉนค่อยๆ ลืมตา แล้วสะดุ้งเฮือก "นนท์ มันอยู่ไหน
มันทำร้ายพี่อีกแล้ว"
"ใครครับพี่นง ใครทำร้ายพี่ อย่าบอกนะว่า"
"ใช่
นายเทวัญ ปีศาจนายเทวัญ" อานนท์อึ้ง "ช่วยพี่ด้วย มันตามมาหลอกหลอนพี่
มันตามพี่ไปทุกที่ ช่วยพี่ด้วย"
เทวัญเดินงงๆ มาหยุดที่หน้าอุโบสถ
เห็นธงและลุงคำรออยู่ที่หน้าอุโบสถ ทั้งสองรีบเดินมาหาเทวัญ
"คุณเทพ
ใส่วิกผมน่าเกลียดนี่อีกแล้ว ผ้าพันแผลล่ะครับ เอามาปิดหน้าหน่อยเถอะ"
ลุงคำถอดวิกผมออกส่งให้ธง เทวัญดึงผ้าพันแผลที่เก็บไว้ส่งให้สีหน้าเลื่อนลอย
"นายธง ช่วยปิดหน้าคุณเทพที" ธงและลุงช่วยกันปิดหน้า
เทวัญยืนซึม "ลุง
ผมอยากเข้าไปไหว้พระ"
"ครับ ตั้งแต่มาก็ยังไม่เห็นไปไหว้พระเสียที"
เวลานั้นที่มุมหนึ่งของวัด นงไฉนมือยังสั่นเทา อานนท์พยายามปลอบ
"งั้นเราลองสืบหานายเทวัญให้เจอดีไหมครับ"
"เพื่ออะไร"
"จะได้พิสูจน์ไงครับ ว่านายเทวัญมีตัวตนจริง ๆ รึเปล่าถ้าจริง
ก็แสดงว่านายนี่ตามมาแกล้งหลอกพี่แน่ๆ"
"แล้วถ้าเขาไม่ได้อยู่เมืองไทยแล้ว"
อานนท์ไม่อยากพูด "ก็ แสดงว่าพี่ จินตนาการไปเอง"
"นั่นแหละที่พี่กลัวที่สุด แสดงว่าพี่ยังไม่หายจากอาการประสาท นนท์
พี่จะกลายเป็นบ้าอีกแล้วใช่ไหม"
"อย่าใช้คำนี้ซีครับ
พี่แค่กลัวและเกิดความรู้สึกผิดเท่านั้นเอง ตอนนี้พี่ก็รู้แล้วว่ายายสลิลคือตัวการ
พี่ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น เลิกโทษตัวเอง ทำใจให้เข้มแข็ง แล้วพี่จะรู้สึกดีขึ้น"
"ขอบใจจ๊ะนนท์" นงไฉนยิ้มเศร้า ๆ
ในอุโบสถเทวัญไหว้พระพร้อมกับลุงคำและธง
ชาวบ้านกลุ่มใหญ่ และคนในเมืองกำลังกราบไหว้
เทวัญมองตรงไปมุมห้องแล้วก็เห็นร่างของนรีในชุดขาวนั่งอยู่ หันมายิ้มกับเขา
"นรีอธิษฐานว่าให้ลูกเราเป็นผู้ชายนะคะ พี่ละคะ อยากได้ลูกชายลูกหญิง"
เทวัญเดินเข้าไปหานรี แล้วเข้าสวมกอด เสียงกรี๊ดลั่น
ร่างหญิงชาวบ้านกลางคนร้องเอะอะ ผลัก เทวัญเซไป เทวัญยังพยายามเรียกนรี
ทำให้โดนกระชากคอเสื้อ ลุงคำกับธงรีบเข้ามาขอโทษและพาเทวัญออกไป
0000000000000
สโมสรรีสอร์ทภูดาว อานนท์พานงไฉนเข้ามาในสโมสร นงไฉนแต่งชุดสวย
"แปลกจังไหนว่าวันนี้เราจะไปกินข้าวกันที่โรงแรมในเมืองไม่ใช่เหรอ
แล้วไปรอพบคุณคริตบินมาจากกรุงเทพ"
"ผมเปลี่ยนใจแล้วน่ะครับ
เพราะวันนี้ที่สโมสรของรีสอร์ทมีงานเลี้ยงต้อนรับคนสำคัญพอดี"
"คนสำคัญ ใครกัน"
"ทางนี้ครับพี่"
อานนท์พานงไฉนมากลางสวน ที่ตกแต่งเป็นปาร์ตี้ค็อคเทลเล็กๆ
น่ารัก แขกในงานคือ เดชชาติ ลาวัลย์ พนักงานระดับสูงของโรงแรม และกลุ่มลูกค้า
ชาคริต พิมพา ถวัลย์ ยืนคุยอยู่กลางกลุ่ม ทุกคนหันมาหานงไฉน แล้วปรบมือพร้อมกัน
นงไฉนดีใจ "อุ๊ย คุณคริต"
ชาคริตเดินมาหานงไฉน หอมแก้มซ้ายขวา
พิมพาและถวัลย์ เข้ามาร่วมด้วย
"เซอร์ไพรส์ฉันเหรอคะ"
"ครับ
ทุกคนมากันพร้อมหน้าเลย"
"เนื่องในโอกาสอะไรคะเนี่ย สวัสดีค่ะ คุณพ่อ คุณเดช
คุณวัลย์"
"สวัสดีครับคุณนง/ คิดถึงคุณนงมาก ๆ เลยค่ะ"
"เอ้า นายคริต
เฉลยเลย" ถวัลย์ว่า
"คุณพ่อในฐานะประธาน ช่วยพูดให้ผมหน่อยเถอะครับ"
"ได้
ได้ ที่พวกเราจัดงานให้ลูกในวันนี้เป็นความประสงค์ของนายคริตเขา
ที่จะประกาศจัดงานแต่งงานให้หนูอีกครั้งหนึ่ง"
ทั้งหมดเฮขึ้นทันที
พร้อมปรบมือเสียงลั่น นงไฉนปิดปากด้วยความปิติ ชาคริตดึงนงไฉนเข้ามากอดไว้ ลาวัลย์
เดชชาติเริ่มแจกการ์ดแต่งงานให้แขกในงาน ท่ามกลางความปลื้มปิติ
เบื้องหลังของงานนี้ ร่างของเทวัญและธงในชุดคนสวนยืนอยู่
เทวัญปิดหน้ามิดชิดเหมือนเดิม เทวัญมองมาที่ทั้งคู่อย่างแค้นใจ
ชาคริตถามหญิงสาวว่า "ไงครับ ข้อเสนอของผม"
"ค่ะ
เป็นข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้เลยค่ะ"
ทุกคนปรบมือเชียร์อีกครั้ง
ชาคริตดึงนงไฉนมากอดไว้ ให้ช่างภาพช่วยกันถ่ายรูป
เดชชาติ
ลาวัลย์กำลังแสดงความยินดีกับนงไฉน ที่มุมบุฟเฟ่ต์ และบอกให้เธอกลับมาทำงานเร็วๆ
แต่พอนงไฉนแยกไป เดชชาติและลาวัลย์ เปลี่ยนท่าทีทันที
"เอาไงวะแก
อีบ้ามันจะกลับมาทำงานอีกแล้ว"
"เซ็งเป็ดน่ะซี
ต้องคอยห้ามไม่ให้มันไปไล่ตบคนสวยๆ ที่เข้ามาทำงานทุกคน คนสวยต้องออกไปเพราะมัน
เสียดายโค-ตะ-ระ"
อานนท์ที่ผ่านมาทางนั้นพอดี หยุดฟังเบื้องหลัง
"ใช่
แล้วตอนมันอาละวาด อยากตบมันซักฉาดสองฉาด แต่ก็ทำไม่ได้เพราะเราเป็นผู้ดี"
"เฮ้ย แต่แปลกอย่างหนึ่งนะ"
ลาวัลย์รีบถาม "อะไร"
"ไม่เห็นนังบ้ามันไล่ตบแกบ้างเลยว่ะ แสดงว่าอะไรรู้ไหม"
"เพราะฉันเป็นผู้ดีจริงๆ ใชไหม"
"เปล่า เพราะแกไม่สวยไง ฮ่ะฮ่ะ"
ลาวัลย์โมโหทำท่าจะสาดน้ำใส่เดชชาติ อานนท์แสดงตัวทันที ลาวัลย์รีบเปลี่ยนท่าที
"อุ๊ย คุณอานนท์" เดชชาติหันไปเหล่อานนท์
"กำลังนินทาเจ้านายอยู่หรือครับ"
เดชชาติทำหน้าเฉย "นินทาเจ้านาย เจ้านายไหน แล้วนินทาอะไร"
"ก็นังบ้าที่คุณพูดถึง คือใครละครับ"
"เรากำลังพูดถึงเพื่อนของเราต่างหาก
ใช่ไหมแก นังซิ้มบ้าไง"
"เออ ใช่ ใช่ นังซิ้มเพื่อนเราสมัยเรียน มันเป็นบ้า
ผัวทิ้ง"
"แล้วมีพฤติกรรมชอบทำร้ายผู้หญิงสวยด้วยเหรอครับ"
"ช่าย
มันเกลียดคนที่สวยกว่ามันน่ะ ไง มีอะไรข้องใจอีกไหม"
อานนท์มองทั้งคู่
ที่หันมามองกันอย่างไม่สะทกสะท้าน
"งั้นก็ระวังคำพูดกันหน่อยนะครับ
นี่งานจัดให้เป็นเกียรติให้พี่นงกับคุณคริต ไม่ใช่สะพานปลาแถวโรงแรม"
อานนท์แยกไป เดชชาติก็นินทาอานนท์
นงไฉนเข้ามาคุยกับ ถวัลย์ พิมพา และ
ชาคริต ขณะที่เทวัญและธงกำลังกวาดสนามอยู่ห่างๆ
แล้วทันใดร่างของสลิลในชุดดำกรายเข้ามารับการ์ดจาก
พนักงาน ใส่แว่นดำอำพรางหน้า
เดินเข้ามากลางวง เทวัญมองสลิล
"จะรีบแต่งกันไปทำไมละคะคุณ ชาคริต
ในเมื่อคุณยังตกลงเรื่องลูกนัทของเราไม่ได้เลย"
ทุกคนเงียบงันไป เดชชาติ
ลาวัลย์ อานนท์ หันมามอง
"ใครเชิญเธอเข้ามา" พิมพาถามอย่างไม่พอใจ
"ไม่ต้องมีใครเชิญหรอกค่ะ"
"งั้นออกไปเดี๋ยวนี้"
"ก็ตกลงกันก่อนเรื่องลูก คุณนงไฉนคะ คงจะไม่เสียมารยาทเกินไปนะคะ
ที่จะต้องเจรจาเรื่องของฉันกับว่าที่เจ้าบ่าวของคุณให้เสร็จสิ้นก่อนที่จะเข้าวิวาห์หนสอง"
ถวัลย์มองชาคริต "เอ นี่มันยังไม่จบสิ้นกันอีกเหรอ"
ชาคริตรีบบอก
"มันจบแล้วครับคุณพ่อ สำหรับผู้หญิงคนนี้ ผมไม่มีภาระผูกพันอะไรแล้ว"
สลิลมองอย่างท้าทาย "งั้นเหรอ มันไม่จบหรอกค่ะ เพราะนายนัทต้องมีพ่อ"
"ผลทางการแพทย์สรุปแล้วว่าเด็กไม่ใช่ลูกนายคริต"
"อย่าด่วนสรุปนักเลยค่ะ
เงินน่ะซื้อความจริงได้ทั้งนั้น คุณจ่ายหมอไปเท่าไหร่ละคะ คุณนงคะ
ในเมื่อภรรยาเก่ากับอดีตสามียังตกลงกันไม่ได้
คุณก็ไม่ควรเข้ามาสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นอีก
ไม่งั้นฉันไม่รับประกันว่างานวิวาห์ของคุณจะล่มหนสองอีกรึเปล่า
แล้วเจ้าสาวต้องเข้าบำบัดจิตในโรงพยาบาลบ้าอีกหนไหม"
ชาคริตสั่งให้เรียกรปภ.
อานนท์รีบออกไป นงไฉนมองสลิลนิ่ง
"เธอข่มขู่ฉันมาแล้วหนหนึ่งใช่ไหม"
"อ้อ
จำได้" สลิลมอง
"มือถือนั่น เธอเอามาให้ฉันดู"
"จำแม่นนี่
จำได้ใช่ไหมว่าเห็นภาพอะไรเข้า"
ชาคริตตวาดลั่น "ออกไปเดี๋ยวนี้นะ"
นงไฉนห้ามไว้ "ไม่ต้องไล่หรอกค่ะ"
นงไฉนเดินเข้ามาหาสลิลด้วยสายตาเย็นชา
"ฉันจำไม่ได้หรอกว่าเห็นภาพอะไร รู้แต่ว่า นี่คือสิ่งที่เธอควรจะได้รับ"
นงไฉนตบหน้าสลิลฉาดใหญ่ ท่ามกลางอาการตะลึงของคนทั้งงาน
เทวัญและธงมองเหตุการณ์นิ่ง
"แก อี" สลิลจะเข้าทำร้ายนงไฉน ชาคริตเข้าขวาง
ยึดร่างสลิลไว้ เดชชาติเข้าช่วย "ปล่อยฉันนะ ปล่อย"
"หยุดทำอะไรบ้าๆ ได้แล้ว"
อานนท์เข้ามาพร้อม รปภ.เข้ามายึดร่างสลิลไว้
"อย่านึกว่าสงครามนี่มันจะจบง่ายๆ ฉันไม่ยอมแพ้หรอก"
"ก็อย่านึกว่าคราวนี้ฉันจะเป็นเหยื่อเธออีก เธอทำร้ายฉันไม่ได้อีกแล้ว"
สลิลมองนงไฉน ที่แสดงความเด็ดเดี่ยวออกมาอย่างประหลาดใจ ก่อนจะถูกลากออกไป
"ขอโทษทุกคนนะครับ ไม่มีอะไรแล้ว เรามาสนุกกับงานกันต่อดีกว่า"
"คุณนง
เป็นยังไงบ้าง เข้าไปพักข้างในก่อนไหม"
"ไม่ค่ะ ถ้าฉันเข้าไปพัก
ก็แสดงว่าฉันแพ้"
"ผมไม่อยากเชื่อว่าคุณเข้มแข็งถึงขนาดนี้"
ชาคริตมองอย่างทึ่งๆ
"ฉันไม่มีวันยอมแพ้อีกแล้วละค่ะ"
นงไฉนหันมายิ้มกับทุกคน แล้วเริ่มทักทายแขกเหรื่อต่อ
เทวัญมองอยู่ยิ้มหยันในชัยชนะเล็กๆ ของนงไฉน ธงเดินกลับมาพร้อมกับการ์ดแต่งงาน
เทวัญรับมาเปิดดูในการ์ด ที่ระบุวันเวลาและสถานที่คือโรงแรมสิริน
อานนท์หาข้อมูลภาพครอบครัวเทวัญและนำมาให้นงไฉนดู
"พี่ครับ นาย
เทวัญกับนรีเคยมาที่วัดนี้ด้วย" นงไฉนมองรูปเทวัญประคองนรีอยู่หน้าโบสถ์นิ่ง
โชคเห็นเทวัญยังหมกมุ่นกับเรื่องแก้แค้นและเหมือนอาการทางจิตกำเริบ
จึงตัดสินใจให้เจ้าหน้าที่มาพาธงกลับไปรักษาตัว และวางแผนจะให้เทวัญกลับไปด้วย
เทวัญโกรธมากคิดว่าตัวเองไม่เหลือใครอีกแล้ว
เทวัญยอมจำนนว่าง่ายด้วยการไม่โต้เถียงอะไร แต่ตกดึกก็หนีออกมา
ลุงคำที่เป็นคนดูแลตกใจมากรีบโทรบอกโชค และบอกว่าในห้องเทวัญ
มีการ์ดแต่งงานของนงไฉนถูกกรีดเอาไว้ โชครู้ทันทีรีบโทรไปที่โรงแรม
เทวัญปลอมตัวเข้ามาเป็นพนักงานในโรงแรม ขณะเดียวกันงานแต่งก็เกิดปัญหาอีก
เมื่อลลิลพานัทลูกชายเข้ามาป่วนในงาน
จนชาคริตต้องพานงไฉนไปนั่งพักที่ห้องแต่งตัวก่อน
ระหว่างที่นั่งพักนั่นเอง
ลลิลก็โทรเข้ามาป่วนนงไฉนอีก นงไฉนเริ่มจะออกอาการ และปามือถือตกไป
พิมพากับถมยาต้องขอให้นงไฉนทานยาอีกครั้ง ระหว่างนั้นนงไฉนบอกว่าอยากกินนมอุ่นๆ
ถมยากับพิมพาออกไปปล่อยให้นงไฉนได้พัก
นงไฉนนึกถึงมือถือก็ควานหา
จนไปเจอมือถือที่ใต้ตู้ หยิบขึ้นมาดูปรากฏว่าไม่ใช่มือถือเครื่องตัวเอง
นงไฉนเปิดมือถือเห็นภาพในจอแล้วก็เริ่มมือสั่นนงไฉนตัดสินใจกลับเข้ามาที่งานอีก
บรรยากาศในงานนักร้องกำลังร้องเพลงอยู่บนเวที นงไฉนกับชาคริตต้อนรับแขกอยู่
นงไฉนสีหน้าเรียบเฉยและนัยน์ตาเหม่อลอย รับเครื่องดื่มจากพนักงานเสิร์ฟมาดื่มรวด
จนพิมพา ชาคริต ถวัลย์ อานนท์ หันมามอง
"คุณนง ดื่มมากไปรึเปล่าครับ
เดี๋ยวเมานะ"
"ฉันอยากเมา" นงไฉนเสียงกร้าว
"คุณนง ยังไม่หายโกรธผมอีกเหรอ"
นงไฉนมองชาคริตเหมือนจะถามคำถามบางอย่าง สายตานั้นคับแค้น แต่แล้วสะบัดไปทันที
ตรงไปที่มุมเครื่องดื่ม แล้วรับแก้วมาดื่มรวดอีก โดยไม่แคร์สายตาแขกเหรื่อ
อานนท์มองอย่างกังวล รีบตรงไปหานงไฉน
"พอแล้วครับ พี่นง แขกมองมาแล้ว
มีปัญหาอะไรรึเปล่า"
"ไม่มี นนท์ พี่อยากออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อย
ขับรถให้พี่ได้ไหม"
"อย่าเพิ่งออกจากงานเลยครับ ทนอีกนิดเดียว"
นงไฉนก้มหน้านิ่งเหมือนจะร้องไห้ อานนท์ใช้ร่างบังสายตาแขก
เทวัญแอบมองอยู่ตาลุกวาว
"พี่นง อย่าร้องไห้ตอนนี้นะครับ
เดี๋ยวแขกจะใจเสียกันหมด"
"ได้ พี่ไม่ร้องหรอก คิดอีกที พี่น่าจะดีใจด้วยซ้ำ"
"ดีใจเรื่องอะไรครับ"
"ตอนนี้ทุกอย่างมันเฉลยตัวมันออกมาแล้ว
พี่ไม่ได้เสียสติอย่างที่คิด มันมีสาเหตุของมัน"
"ผมไม่เข้าใจ"
"นนท์
บอกป้าถมยาให้เอากระเป๋าพี่มาหน่อย"
"ครับ ครับ" อานนท์แยกไป
ชาคริตมองตามแล้วเดินไปหานงไฉน "คุณนง เป็นอะไรครับ"
"มึนหัวนิดหน่อยค่ะ
ขอตัวไปเติมเมคอัพหน่อยนะคะ เลอะหมดแล้ว"
นงไฉนเข้ามาในห้องน้ำ
ที่ตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงาม แล้วเปิดกระเป๋า หยิบกุญแจรถออกมา
แล้วเปิดประตูห้องน้ำอีกด้านที่ทะลุห้องสวีทออกไป
นงไฉนรีบออกมาตามทางเดินเปลี่ยว มาถึงหน้าลิฟท์ เทวัญตามมาเงียบๆ แอบดูห่างๆ
เห็น นงไฉนถือกุญแจรถ ลิฟท์เปิดนงไฉนเข้าลิฟท์ เทวัญรีบวิ่งมาดู ลิฟท์ลงไปชั้นล่าง
เทวัญคะเนว่าต้องใช้ใต้ดินที่จอดรถ เทวัญวิ่งไปทางบันไดหนีไฟทันที
นงไฉนแล่นรถจะขึ้นทางออก เทวัญวิ่งมาขวางรถ นงไฉนเบรกลั่น
เทวัญวิ่งมาเปิดประตูเข้ามานั่งข้างพร้อมมีดในมือ
"นาย"
"ขับไป
อย่าเล่นตุกติกนะ ขับไปซี"
รถแล่นออกจากโรงแรม สู่ถนนด้านนอก ไม่มีใครเห็น
ฝนตกปรอยๆในรถเทวัญดึงผ้าปิดหน้าออกรวมทั้งวิก นงไฉนเหลือบมองด้วยอาการหวาดหวั่น
"นายตามฉันมาที่นี่เหรอ"
"ใช่ เหตุการณ์เหมือนวันนั้นเลยใช่ไหม
วันที่เธอไล่ยิงเมียฉันออกมาจากโรงแรมน่ะ"
"นายไม่มีตัวตน ฉันคิดไปเอง"
"เลิกเพ้อได้แล้ว ฉันนี่ละตัวตนแท้จริง ไม่ใช่ผีสางที่ไหน
ฉันแค่แกล้งหลอกเธอเล่นเท่านั้นเอง"
"ทุกอย่างเป็นจริง
ฉันไม่ได้สร้างภาพขึ้นเอง"
"ใช่ มันจริงทั้งนั้น
แล้วเดี๋ยวฉันจะพาเธอไปสัมผัสความจริงที่เธอไม่ได้รับรู้อีกเรื่อง"
"อะไร"
"ก็ที่เหวนรก ที่ลูกเมียฉันต้องไปตายไง ขับไป
เดี๋ยวเธอจะได้เห็นจุดที่นรีกับลูกโก้ ต้องตายอยู่ในไฟที่มันลุกท่วมรถ
เธอจะได้สัมผัสของจริง ไฟจริงๆ เสียที"
นงไฉนจอดรถที่ริมผา
ที่เทวัญเคยขับรถตกไหล่ทางครั้งก่อน ฝนยังโปรยปราย
"ตรงนี้เหรอ"
"ใช่
ตรงนี้แหละ รถของโรงแรมเธอสวนมา ฉันต้องหักหลบแล้วก็ไถลลงไปตามเนินนั่น
โชคดีที่ฉันกระเด็นออกมาได้ แต่เมียกับลูกไม่รอด ที่จริงไม่ใช่โชคดีหรอก
มันโชคร้ายต่างหากที่ฉันรอดมาได้ด้วยสภาพอย่างนี้
ต้องทุกข์ทรมานกับการสูญเสียแบบนี้"
เทวัญดึงมือของนงไฉน
มาจับที่ใบหน้าที่ยับย่นเพราะไฟ
"เชื่อรึยังล่ะว่าฉันน่ะ ของจริง ตัวจริง
ในขณะที่ตัวต้นเหตุอย่างคุณนาย กลับลอยนวล ไม่รู้ไม่เห็นกับการตาย
แถมยังแกล้งเป็นป่วย หลบเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลบ้าหวังว่าจะพ้นคดี"
"เปล่านะ
ฉันป่วยจริงๆ"
"ไม่ต้องมาเถียง เรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลน่ะ ไม่ต้องกลัว
ฉันจะไม่เอาเรื่องคุณนายหรอก เพราะยังไงคุณนายก็ต้องใช้เส้นสายหลุดคดีจนได้
ฉันจะให้คุณนายใช้กรรมด้วยศาลเตี้ยของฉันนี่แหละ"
"นายจะทำอะไร"
"มานี่"
เทวัญหยิบกุญแจรถของนงไฉนมาเก็บไว้ลงจากรถ ฝ่าฝนแล้วอ้อมมาข้างรถ
กระชากร่างนงไฉนออกมา แล้วดึงมาที่ไหล่ถนน มองไปเบื้องล่าง ร่างของทั้งคู่เปียกโชก
เทวัญบังคับให้นงไฉนมองลงไป
"ดูซี นั่นไง รอยไหม้ยังเห็นชัดอยู่เลย
นั่นแหละนรีกับลูกโก้ไปตายตรงนั้น ไหม้เกรียมอยู่กับซากรถ"
"จะให้ฉันชดใช้ยังไง
บอกมาเลย"
"ด้วยชีวิตคุณนาย"
"ก็ได้ มันจะได้จบสิ้นกันเสียที
ฉันเองก็ทรมานมามากแล้ว"
"ใจแข็งดีจริงๆ น่านับถือ แต่ไม่ต้องกลัวหรอกนะ
ฉันจะไม่ให้ คุณนายตายคนเดียว ฉันจะไปเป็นเพื่อนคุณนายด้วย
เราจะทะยานลงไปข้างล่างนั่นด้วยกัน
แต่อย่านึกนะว่าวิญญาณคุณนายจะได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี คลั่งรักอย่างคุณนาย
หึงหวงจนหน้ามืดตามัวโทษเมียฉันเล่นชู้กับผัวคุณนาย
แบบนี้เขาว่าต้องปีนต้นงิ้วกันสนุกไปเลย ฮ่าฮ่า"
เทวัญกระชากร่างนงไฉนกลับเข้าไปในรถ ให้นงไฉนเข้านั่งที่นั่ง
เทวัญประจำที่คนขับ
ในรถนงไฉน นั่งซึมนิ่งไป เทวัญสตาร์ทรถ
รถถอยหลังออกไปจนไกลได้จังหวะที่จะพุ่งทะยาน นงไฉนยังนิ่งคิด
"ลาโลกใบนี้ได้แล้วคุณนาย และสวัสดีนรกข้างหน้านั่น ฮ่ะฮ่ะ"
"คลั่งรักงั้นเหรอ ฉันไม่ได้คลั่งรัก ฉันไม่ได้กล่าวโทษใครผิดๆ
โดยเฉพาะเมียคุณ"
"บ่นอะไร สวดมนต์ซะซี เผื่อกรรมมันจะลดน้อยลงบ้าง
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด ฮ่ะฮ่ะ"
"ฉันไม่ได้กล่าวโทษเมียคุณผิดๆ"
"ไปด้วยกันนะคุณนาย นรี โก้
พ่อจะไปหาลูกเดี๋ยวนี้แล้ว รอพ่อด้วย"
รถกำลังแล่นทะยานจะพุ่งผ่านหน้าผา จู่ๆ
นงไฉนก็บอกว่าเดี๋ยวรถเบรกเอี๊ยด ฉิวเฉียวไหล่ทาง
"อะไร
ไม่ต้องมาห้ามนะนังคุณนาย"
"ไม่ได้ห้าม แต่ก่อนตาย นายควรจะได้เห็นภาพนี้"
นงไฉนหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าที่ตัวเองเจอตกอยู่ใต้ตู้ในห้องพักช่วงสงบสติอารมณ์ส่งให้เทวัญ
เทวัญรับมือถือมากดดูใบหน้าของตนและลูกโก้ปรากฏขึ้น
"มือถือของนรี
ที่เธอขโมยไปใช่ไหม"
"เปล่า คุณสลิลให้ฉันไว้ ดูภาพที่บันทึกไว้ซี"
เทวัญกดดูภาพ แล้วนิ่งอึ้งไป เสียงหัวเราะ เสียงพูดคุยของชายหญิงดังขึ้น
เทวัญเหมือนถูกสะกด มองภาพนั้นแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
นัยน์ตาของเทวัญระริกด้วยความตกใจ
รถที่จอดนิ่งอยู่ท่ามกลางสายฝน ประตูรถค่อยๆ
เปิดออก เทวัญก้าวลงจากรถ โดยยังถือมือถืออยู่ เดินนิ่งออกจากรถไปกลางถนน
แล้วตะโกนก้องออกมาโหยหวน ทรุดลงนั่งกลางถนน นงไฉนที่มองผ่านกระจกรถมาที่ เทวัญ
นงไฉนนิ่งงันไป เทวัญ ที่นั่งคุกเข่าร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กลางถนน
"ไม่จริง
ไม่ใช่เรื่องจริง มันไม่จริง"
เทวัญยันร่างลุกขึ้น
แล้วเซซังเดินไปตามถนนห่างจากตัวรถไปเรื่อย นงไฉนร้องถามว่าจะไปไหน เทวัญก็ไม่ตอบ
จังหวะนั้นเองลุงคำรีบขับรถมาโดยมีโชคนั่งมาด้วย
ตกใจมากเมื่อเห็นภาพเทวัญเดินอยู่กลางถนนจึงรีบหักรถหลบแต่ไม่พ้น
รถพุ่งเข้าชนร่างเทวัญ กระเด็นมากระแทกกระจกรถ แล้วกลิ้งหล่นไปทางหนึ่ง
รถแฉลบลื่นกระเด็นไปทางรถของนงไฉน
นงไฉนอยู่ในรถร้องกรี๊ด เบือนหน้าหนี
รถกระแทกเข้าหน้ารถนงไฉนอย่างแรงรถสองคันประสานงากันอยู่
เสียงเตือนภัยลั่นไปทั้งถนน โชคและลุงคำสะบัดหน้าไล่ความมึนงง
โชคลงจากรถวิ่งฝ่าฝนไปที่ร่างที่นอนฟุบอยู่ข้างทาง
"เจ้าเทพ" โชคค่อยๆ
พลิกร่างดู
เทวัญหมดสติไปแล้ว ลุงคำลงจากรถ รีบวิ่งไปที่รถของนงไฉน
พบว่านงไฉนนอนหมดสติไปเช่นกัน ที่หัวมีบาดแผลเล็กๆ เลือดซึม
ทั้งคู่รีบพาเทวัญออกไปจากตรงนั้น
ทิ้งช่วงไม่นานรถโรงแรมก็มาถึงที่เกิดเหตุ
ชาคริตเห็นนงไฉนหมดสติตกใจมากรีบอุ้มออกมาทันที ส่วนมือถือของนรีนั้นแหลกละเอียด
อยู่บนพงหญ้า ไม่มีใครสังเกตเห็นอีก
วันรุ่งขึ้นนงไฉนฟื้นขึ้นมาท่ามกลางความดีใจของทุกคน
นงไฉนบอกทุกคนว่าตัวเองจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้อีก
ก่อนจะบอกกับถวัลย์ว่าอยากจะกลับไปทำงานอย่างเต็มตัว
เวลาผ่านไปหลายวัน
อานนท์มีโอกาสได้เจอกับแหวนโดยบังเอิญ เพราะอานนท์ขับรถเกือบชนแหวน
ทั้งคู่เลยมีปากเสียงกันเล็กน้อย แล้วก็ไม่วายต้องมาเจอกันอีก
เมื่ออานนท์พานงไฉนมาที่สปาอารักษ์ ซึ่งแหวนมาทำงานที่นี่เป็นวันแรก
และที่สปาอารักษ์ นงไฉนได้เจอกับจอม จอมแอบถ่ายภาพนงไฉนตอนเดินเล่น
โดยอ้างว่าเป็นแขก
แต่พอตอนกลับเพิ่งมารู้ความจริงว่าจอมเป็นเจ้าของที่นี่ก็หัวเสียก่อนออกไป
สองพี่น้องกลับไปแล้ว แหวนถอนหายใจหันมามองหน้าพี่ชาย
เทวัญพูดกับน้องสาวอย่างมุ่งมั่นว่า
ตัวเองตัดสินใจมาซื้อกิจการสปาที่นี่เพราะต้องการจะแก้แค้น และต่อไปนี้จะไม่มี
เทวัญหรือเทพอีกต่อไป จะมีแต่จอม อารักษ์ เท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น: