วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2552

แม่ค้าขนมหวาน 8

วชรวรรษกำลังดื่มกาแฟ นรารีนั่งอยู่ด้วยหน้านิ่ง ทั้งๆ
ที่ในใจคุกรุ่น คิดจะจับผิดวชรวรรษ ถามว่าเมื่อวานเขาไปไหนมา
วชรวรรษโกหกว่าเขาติดประชุมทั้งวัน นรารียิ่งโมโหเพราะรู้ว่าโกหก
"น่าเสียดายนะคะ แพนไปดูที่จัดงานหมั้นของเรามา
อยากให้คุณวัชรมาด้วยจะได้เห็นด้วยตาตัวเอง"
"คุณแพนไปดูที่ไหนมาครับ"
"ที่สวนสาธารณะแถวสุขุมวิทน่ะค่ะ"
วชรวรรษถึงกับผงะหน้าซีด
คิดว่าอาจจะเป็นที่เดียวกับที่เขาพาใบไผ่ไปคุย รีบหยั่งเชิงถาม
"แล้วมันอยู่ตรงไหนเหรอครับ"
"มันก็มีอยู่ที่เดียวแหละค่ะ คุณวัชรคุ้นๆ
มั้ยคะ"
วชรวรรษเงียบ คิดหาทางออกยังไม่ยอมรับ
"ไม่คุ้นเลยครับ"
นรารีสุดจะทนตบโต๊ะดังปัง วชรวรรษสะดุ้งโหยง
"แพนไปเอาผลไม้มาทานดีกว่า
เผื่อความหวานของผลไม้จะทำให้แพนสดชื่นมากกว่านี้"
นรารีกัดฟันเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงเข้ามาในครัว สับๆๆ
จนแอปเปิ้ลเป็นฝอยด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน แล้วก็เหลือบไปเห็นวรรษายืนมองอยู่
นรารีตกใจพยายามเก็บอาการว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร
วรรษามองอย่างรู้ทันว่าทะเลาะกับวชรวรรษมา แต่นรารีไม่ตอบ
ถือจานแอปเปิลที่ถูกสับจนเป็นชิ้นเล็กๆ ไปตรงหน้าวชรวรรษ
"นะนี่นี่มันอะไรกันครับ"
"มันคือความเสียใจของแพนยังไงล่ะคะ
คุณวัชรคิดจะโกหกแพนไปถึงไหน"
"ผมไปโกหกอะไรคุณแพนเหรอครับ"
"จนป่านนี้คุณวัชรยังไม่ยอมพูดความจริงกับแพนอีกเหรอ เมื่อวานในสวนสาธารณะนั่น
แพนเห็นคุณวัชรกับผู้หญิงคนอื่นกำลัง อ๊าย ทุเรศที่สุด
คุณวัชรทำกับแพนแบบนี้ได้ยังไง ทั้งๆ ที่เรากำลังจะหมั้นกัน
แต่คุณกลับไปพลอดรักกับใครก็ไม่รู้ บัดสีบัดเถลิง กลางวันแสกๆ คุณวัชรยังทำได้"
"ใช่ครับ ผมทำแบบนั้นจริง"
"คุณวัชร!!"
"แต่มันจำเป็นนะครับ"
"คุณวัชรจะบอกแพนว่ามันทนไม่ไหวเลยต้องทำกันตรงนั้นเลยน่ะเหรอคะ"
"ไปกันใหญ่แล้วครับคุณแพน คุณแพนฟังผมนะครับ ที่ผมต้องทำแบบนั้น
เพราะผู้หญิงคนนั้นตื้อผมไม่เลิก เขาหลงรักผมครับคุณแพน
ผมพยายามบอกเขาว่าผมกำลังจะแต่งงาน แต่เธอก็ไม่สนใจ บอกว่ายอมเป็นกิ๊กกับผมก็ได้
แต่ผมทำไม่ได้หรอกครับ ถ้าผมทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าผมดูถูกคุณแพน
ผมทำลายความรักที่คุณแพนมีให้ผมไม่ได้เด็ดขาด คุณแพนเชื่อใจผมเถอะครับ
ผมอยากแต่งงานกับคุณแพน อยากสร้างครอบครัวกับคุณแพนจริงๆ"
"คุณก็ยังโกหกแพนอยู่ดี แพนเห็นคุณจูบผู้หญิงคนนั้น
คุณต่างหากที่ตื้อผู้หญิงคนนั้นไม่เลิก"
นรารีสะบัดหน้าเดินออกไปหน้าบ้านเจอวรรษายืนอยู่
"เห็นฤทธิ์เดชพี่ชายของฝนเหรอยังคะ นี่แค่เบาะๆ นะคะ
เรื่องอย่างว่าของพี่วัชรวิปริตยิ่งกว่านี้อีก พี่วัชรชอบแบบสามคนขึ้นไปค่ะ
แล้วบางทีก็ใช้อุปกรณ์ด้วย จริงๆ นะคะ พี่วัชรเขาชอบหลอกสาวๆ
ด้วยการทำตัวเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาว สุภาพ อ่อนหวาน โรแมนติค แบบนี้แหละค่ะ
แต่ยังมีความลับของพี่วัชรอีกเยอะที่พี่แพนไม่รู้ ถ้าแค่นี้พี่แพนยังทนไม่ได้
ฝนว่าถอนตัวตอนนี้ก็ยังทันนะคะ ถ้าพี่แพนยังไม่ได้โดนพี่วัชรเจาะไข่แดง"
วรรษาทำหน้าตาย นรารียิ่งหัวเสียขึ้นรถขับออกไป
วรรษาหันไปมองตามหัวเราะสะใจพอหันไปก็ผงะที่เห็นวชรวรรษยืนอยู่
วรรษาทำไม่มองรีบเดินหนี
"หยุดนะ ฝนไปพูดกับคุณแพนแบบนั้นทำไม
ชอบสร้างเรื่องให้คนทะเลาะกันเหรอ"
"ก็เหมือนพี่ไงคะ ชอบสร้างเรื่อง ชอบโกหก
มันก็เป็นธรรมดาไม่ใช่เหรอคะที่น้องสาวจะเหมือนพี่ชาย"
"ฝน!!"
"คนอย่างพี่ไม่มีทางจะมีใครมาจริงใจด้วยหรอกค่ะ มีเมียเมียก็หนี
อย่าหวังเลยว่าจะมีผู้หญิงคนไหนมารักพี่จริง"
ใบไผ่เอาน้ำมันก๊าดราดเสื้อวชรวรรษ แล้วจุดไฟเผา
"ไปตายซะไอ้ผู้ชายเฮงซวย!!"
ระหว่างนั้นเม่นวิ่งหน้าตื่นเข้ามาบอกใบไผ่ว่าธราทิตย์กำลังมีเรื่อง
ใบไผ่รีบตามไปช่วย บู๊ปะทะกับนักเลงอย่างไม่เกรงกลัว จนพวกนักเลงต่างหนีไป
เม่นจึงต่อว่าธราทิตย์ว่าเป็นเพราะหน้าหล่อๆ ของธราทิตย์ทำให้มีสาวๆ
มาห้อมล้อมถึงได้นำความซวยมาให้ ใบไผ่ฟังที่เม่นคุยกับธราทิตย์อย่างครุ่นคิด
แล้วก็คิดออก
"เม่น แกพามาร์คกลับบ้านไปก่อน ฉันจะไปทำธุระ เดี๋ยวตามไป"
วชรวรรษกำลังเซ็นต์เอกสาร พลางถามวิชญ์ว่ามือปืนอาการเป็นอย่างไรบ้าง
วิชญ์บอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว และทันทีที่ฟื้น
เขาจะเค้นถามให้ได้ว่าใครส่งมาทำร้ายวชรวรรษ วชรวรรษก้มหน้าทำงานต่อ
วิชญ์มองวชรวรรษอย่างลังเลว่าวชรวัชรไม่ไปง้อนรารีหรือ
วชรวรรษจึงบอกให้วิชญ์จัดการให้ วิชญ์จึงโทรศัพท์ไปนัดนรารี
และจัดช่อดอกไม้ให้กับวชรวรรษเพื่อไปง้อหญิงสาว จากนั้นก็พาไปที่ร้านอาหารที่นัดไว้
พร้อมกับจัดนักดนตรีเตรียมไว้ แต่วชรวรรษเห็นว่าเรื่องดนตรีมากเกินไป
เขาจะจัดการด้วยวิธีของเขาเอง
ระหว่างนั้นใบไผ่แอบสะกดรอยตามวชรวรรษมาจนถึงร้านอาหาร เธอพรวดพราดเข้าไปทันที
วิชญ์เห็นใบไผ่ก็รีบตามเข้าไป ใบไผ่เดินมาถึงโต๊ะของวชรวรรษด้วบสีหน้าเอาเรื่อง
"ไอ้หมาวัด!!"
วชรวรรษสำลักน้ำพรวดหันไปเห็นใบไผ่ ตกใจ
นักดนตรีคิดว่าเป็นสาวที่ลูกค้านัดไว้ จึงเริ่มบรรเลงเพลง ใบไผ่เข้ามายืนประจันหน้า
วิชญ์รีบตามมา วชรวรรษยกมือไล่วิชญ์ออกไป
"เธอมาที่นี่ได้ไง"
"ฉันไปได้ทุกที่ที่นายไปนั่นแหละ"
"นี่สะกดรอยตามฉันมาเหรอ อ๋อๆๆ หรือว่า
ติดใจรสเสน่หาของฉันเมื่อวานนี้ ก็เลยเอาตัวมาเสนอเองซะเลย"
"ไอ้บ้า
อย่ามาทำลามกกับฉันนะ ที่ฉันมาวันนี้เพราะจะสะสางสิ่งที่นายทำกับเพื่อนฉัน"
"แล้วที่คุณยิงผมไป ยังไม่ได้สะสางอีกเหรอไง"
นักดนตรีฟังอยู่ตกใจเลยเริ่มบรรเลงเพลงดุเดือดมากขึ้นจากเพลงหวานๆ
เป็นจังหวะกระชากกระชั้น คนในร้านหันมามองด้วยความสนใจ
"นั่นมันเรื่องเก่า
แต่ฉันไม่คิดว่านายจะแก้แค้นคนอื่นโดยใช้วิธีสกปรกๆ หมาหมู่อีก"
"เธอพูดอะไรของเธอ"
"ไม่ต้องทำไม่รู้เรื่อง คนอย่างนายชอบใช้วิธีรุนแรง
เป็นไอ้พวกหมาลอบกัด ชอบฟัด ชอบแทงคนที่ไม่มีทางสู้
นายน่าจะเอาผ้าถุงแม่มาใส่มากกว่าไอ้ชุดดีๆ ที่ใส่อยู่นี่ด้วยซ้ำ"
"ฉันว่าเธอพูดจาไม่รู้เรื่องแล้วนะ ใบไผ่"
"รู้เรื่องสิ ทำไมจะไม่รู้เรื่อง
ทุกคนฟังนะคะ ผู้ชายที่คุณเห็นตรงนี้ เขาเป็นผู้ร้าย เป็นเจ้าพ่อมาเฟีย
สันดานเสียชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่า"
"หยุดเพ้อเจ้อเดี๋ยวนี้นะใบไผ่"
"ถ้าใครทำไม่ถูกใจเขา เขาก็จะส่งคนไปทำร้าย ส่งคนไปเก็บ นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ
โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย"
"ใบไผ่ !!"
"ทุกคนจำหน้าเขาเอาไว้ให้ดีๆ นะคะ
หน้าแบบนี้ มันไม่ใช่ผู้ชาย มันเป็นตุ๊ด"
วชรวรรษโกรธมาก มองใบไผ่ด้วยความแค้น
ฉุนขาด แล้วอุดปากใบไผ่แน่น ใบไผ่ตาเหลือก ศอกเข้าที่ท้องวชรวรรษ แล้วชกเปรี้ยง
คนในร้านฮือฮา วชรวรรษปาดเลือดที่มุมปาก ทั้งสองคนมองกันอย่างกินเลือดกินเนื้อ
นรารีดูเวลาด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องได้ใจ กำลังจะเดินเข้าไปในร้าน
ก็เจอวิชญ์ยืนอยู่ วิชญ์ตกใจที่เห็นนรารีมาบอกว่าอย่าเพิ่งเข้าไป
วชรวรรษกำลังมีปัญหา แต่นรารีไม่เชื่อบอกว่าเธอจะเข้าไปช่วยวชรวรรษ
ขณะนั้นวชรวรรษจ้องใบไผ่ท้าทาย ใบไผ่จ้องกลับไม่กลัว
"เป็นอะไร มองอยู่ได้
แน่จริงก็เข้ามาเลย"
ใบไผ่ตั้งการ์ดพร้อมขยับเท้าฟุตเวิร์คไปมาตรงหน้าวชรวรรษ
"เธอมันบ้าไปแล้วใบไผ่ ไปโดนหมาบ้ามันกัดที่ตรงไหนมา หา"
"อย่ามาหาเรื่องด่าคนอื่น ถ้านายไม่ทำอะไร นายก็ระวังตัวไว้ก็แล้วกัน"
"ทำไม คิดจะยิงฉันอีกเหรอ ขอโทษนะที่วันนี้ฉันไม่ได้พกปืนมาด้วย"
วชรวรรษยิ้ม เข้าใจว่าใบไผ่ไม่กล้าทำอะไรแล้ว แต่เปล่า
ใบไผ่หยิบขวดไวน์บนโต๊ะขึ้นมาฟาดกับขอบโต๊ะแตกเพล้ง จนกลายเป็นปากฉลาม
ยื่นไปตรงหน้าวชรวรรษมองด้วยความแค้น วชรวรรษตกใจ
"ครั้งที่แล้วฉันใจดีเกินไป
แต่ครั้งนี้ฉันไม่ปล่อยให้นายรอดแน่"
ใบไผ่เข้ามาจะแทง
วชรวรรษจับข้อมือใบไผ่แล้วบิดไปทางด้านหลัง ขวดไวน์ร่วงจากมือ
วชรวรรษดึงใบไผ่มากอดแน่น
"ดูสิว่าจะทำอะไรฉันได้อีก"
คนในร้านอมยิ้มแล้วปรบมือเฮ นักดนตรีบรรเลงเพลงต่อ ใบไผ่หัวเสีย
พลันเสียงนรารีดังขึ้น "กรี๊ด!!"
ทุกอย่างเงียบกริบ
ใบไผ่กับวชรวรรษหันไปเห็นนรารียืนอยู่ วชรวรรษตกใจ นรารีเข้ามาดึงใบไผ่
ตบหน้าใบไผ่อย่างแรง วชรวรรษถึงกับอึ้ง
"คุณแพน!"
ใบไผ่มองนรารีไม่พอใจ
นรารีใส่ทันทีโดยที่จำใบไผ่ไม่ได้ว่าเคยเจอกันมาก่อน
"นังหน้าด้าน
มั่วกันในสวนยังไม่พอ ยังตามมายั่วคู่หมั้นฉันถึงที่อีก"
ใบไผ่ตกใจหันไปมองวชรวรรษ "คู่หมั้น"
"หึ ผู้ชายในโลกนี้ไม่มีแล้วเหรอไง
ถึงต้องมาแย่งแฟนฉัน ต่ำ ไม่มีสมอง บ้าผู้ชาย
เธอกับคุณวัชรนอนกันมาอีกครั้งแล้วล่ะ"
ใบไผ่เลือดขึ้นหน้าหยิบแก้วน้ำสาดหน้านรารี นรารีอึ้ง "กรี๊ด"
"ฉันจะบอกให้นะว่าผู้ชายชั่วๆ แบบนี้ฉันไม่เอามาช่วยแพร่พันธุ์หรอก
คุณคิดถูกแล้วที่เป็นแฟนกับเขา เพราะชายโฉดหญิงเลวมันเหมาะสมกันดี"
นรารีแทบคลั่งจะเข้ามาตบใบไผ่ แต่โดนใบไผ่สวนกลับชกเปรี้ยง
"อ๊าย แก
แกอย่าอยู่เลย"
นรารีกับใบไผ่จะพุ่งเข้ามาตบกัน วิชญ์เข้าไปดึงนรารี
วชรวรรษเข้าไปดึงใบไผ่ แล้วรีบบอกนรารี
"เดี๋ยวผมให้วิชญ์ไปส่งคุณที่บ้านนะครับ
ผมขอจัดการผู้หญิงคนนี้ก่อน"
"คุณวัชร คุณจะพามันไปไหน"
วชรวรรษผลักใบไผ่ออกมานอกร้าน ใบไผ่ไม่กลัว
"คิดว่าพาฉันออกมาแล้วจะหยุดฉันได้เหรอ แฟนนายจะต้องชดใช้"
"หยุดเดี๋ยวนี้นะยัยทอม เลิกบ้าสักที"
"ไม่ ถ้าใครทำฉันโดยไม่มีเหตุผล
มันจะต้องได้รับคืนเป็นร้อยเท่า"
ใบไผ่เดินชนไหล่วชรวรรษ
วชรวรรษหันไปมองตามด้วยความเหนื่อยใจ พลันเสียงมือถือใบไผ่ดังขึ้น
ธราทิตย์โทรมาถามว่าใบไผ่อยู่ไหน
"ฉันกำลังแก้แค้นให้แกอยู่น่ะสิ"
"แกหมายความว่าไงวะไอ้ไผ่"
"ฉันกำลังเล่นงานไอ้คนที่ส่งพวกไปทำร้ายแกไง"
"หา!! นี่แกอยู่พัทยาเหรอ"
"พัทยาอะไรของแก ฉันจะไปที่นั่นทำไม"
"ก็ไอ้พวกที่มาเล่นงานฉันมันเป็นคนของเจ้าถิ่นที่พัทยา
มันเข้าใจว่าฉันหลอกน้องสาวมัน แต่จริงๆ แล้วคนที่หลอกน้องสาวมัน
เป็นเพื่อนที่อยู่ในก๊วนเดียวกับฉัน มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด"
ใบไผ่อึ้ง
มองวชรวรรษตกใจ วชรวรรษทำหน้ากวน ใบไผ่รีบหันหลังคุยไม่กล้าสบตาวชรวรรษ
"ไอ้บ้า
ทำไมเพิ่งโทรมาบอกตอนนี้วะ คอยดูนะ ฉันจะกลับไปคิดบัญชีกับแก ไอ้มาร์ค
ไอ้เพื่อนเฮงซวย"
ใบไผ่วางสายหันไปมองวชรวรรษหน้าเสีย
"คงหายบ้าได้แล้วสินะ"
"แล้วไง ถึงยังไงฉันก็ไม่ขอโทษนายหรอกนะ
เพราะนายมันเลวอยู่แล้ว การกระทำของฉัน ต้องมีแต่คนแซ่ซ้องสรรเสริญ
กรมตำรวจต้องมอบโล่ห์ให้ฉันด้วยซ้ำ"
วชรวรรษฟังแล้วขัดหูกระชากไหล่ใบไผ่เข้ามา
ใบไผ่ตกใจ
"นายจะทำอะไรฉัน"
"ฉันทำแน่
เธอจะต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำกับฉันทั้งหมด สักวันฉันจะทำให้เธอเป็นของฉันให้ได้"
ใบไผ่ผลักวชรวรรษออกไปด้วยความโมโห
"ไอ้ทุเรศ มีคู่หมั้นอยู่แล้ว
ยังกล้าพูดแบบนี้อีก"
"แล้วทำไมฉันจะพูดไม่ได้ หมั้นหมายความว่ายังไม่ได้แต่ง
แต่ถึงแต่ง ผู้ชายมีเมียน้อยก็ไม่เสียหาย"
"ไอ้"
"ฉันให้เธอเป็นเมียน้อยอันดับหนึ่งเลยก็ได้เอ้า"
"นายนี่มันเลวยิ่งกว่าหมาวัดอีก ไอ้บ้า"
ใบไผ่กลับมาเอาเรื่องธราทิตย์
แก้วขวัญเห็นแล้วก็ระอาในความใจร้อน และการทำตัวห้าวเหมือนผู้ชายของใบไผ่
คิดว่าชาตินี้เธอคงไม่ได้อุ้มเหลน
"เลิกพูดเรื่องนี้เถอะน้า ไผ่เซ็ง เบื่อ
แล้วก็เกลียดผู้ชาย"
"เอ้า อะไรของไผ่เนี่ย
เมื่อกี๊เพิ่งบอกเองว่าตัวเองเป็นผู้หญิง"
"ก็ใช่ไงน้า แต่ชาตินี้
อย่ามาต้องแต่งงานกับคนที่เหมือนไอ้เจ้าพ่อบ้านั่นเลย"
"ทำไม เขาทำอะไรเอ็ง"
นาทรีบถาม
"มีอย่างที่ไหนพูดออกมาได้ว่าสักวันไผ่จะต้องเป็นของมัน
แค่คิดก็อ้วกแล้ว"
นาทกับแก้วขวัญถึงกับอึ้งหน้าตาเบิกบานขึ้นมาทันที
"จริงเหรอไผ่ คุณวัชรเขาบอกกับไผ่แบบนั้นเหรอ"
"ดูน้าแก้วกับอานาทไม่โกรธเลยนะ"
นาทรีบแก้ตัว "เอ่อ เขา
เขาก็พูดเกินไปหน่อย ความจริงเอ็งกับเขาน่าจะตบจะแต่งกันก่อน แล้วค่อยคิดเรื่องนี้"
"อันนี้ฉันเห็นด้วย"
"น้าแก้ว อานาท ไผ่ไม่พูดด้วยแล้ว"
ใบไผ่เดินงอนออกไป แก้วขวัญกับนาทหันมามองหน้ากันอย่างครุ่นคิด
"คุณแก้วคิดเหมือนกับผมมั้ยครับ
ผมว่าไอ้ไผ่กับพ่อวัชรมันต้องมีสายใยบางเฉียบที่คล้องเกี่ยวกันอยู่แน่ๆ เลยครับ"
เสี่ยทำนุซึ่งเป็นคนสั่งการให้นักเลงไปลอบทำร้ายวชรวรรษ
สั่งให้ลูกน้องไปลอบฆ่ามือปืนที่นอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล
พวกของวชรวรรษรู้ข่าวก็เครียด ไม่รู้ว่าใครเป็นคนสั่งเก็บ ระหว่างนั้น
เสี่ยทำนุมาหาวชรวรรษ และเกลี้ยกล่อมให้วชรวรรษขายกิจการให้
ทำให้วชรวรรษและลูกน้องรู้ได้ทันทีว่าคนที่ลอบทำร้ายวชรวรรษน่าจะเป็นเสี่ยทำนุ
นรารีเรียกเจ้าหน้าที่ที่รับจัดงานหมั้นมาคุยเรื่องรายละเอียด
เจ้าหน้าที่เสนอขนมไทยร้านขนมหวานสำหรับงานค็อกเทล บอกว่าขนมร้านนี้อร่อยมาก
ถ้านรารีไม่เชื่อก็ให้ลองไปชิมขนมที่ร้านนั้นดูก่อน
วรรษามาหาใบไผ่ที่ร้านขนมหวาน ใบไผ่จึงชวนให้ช่วยกันทำขนมหลายอย่าง
วรรษาบอกว่าเธอชอบทำขนม เพราะการทำขนมทำให้เธอมีเวลาคิดอะไรได้หลายๆ เรื่อง
นรารีมาที่ร้านขนมหวาน เลือกขนมหลายอย่าง และเมื่อลองชิมก็รู้สึกนุ่มละมุนลิ้น
คิดจะใช้ขนมที่ร้านนี้ในงานหมั้นของเธอ จึงบอกให้เกดไปตามเจ้าของร้านมาคุยด้วย
ใบไผ่ตื่นเต้นรีบออกไปที่หน้าร้าน นารีหันมาเห็นต่างคนต่างตกใจ
วรรษาเองก็ตกใจไปด้วย
"นี่แกจะตามจองล้างจองผลาญฉันไปถึงไหน"
"ฉันต้องถามคุณมากกว่าว่าคุณมาร้านฉันทำไม"
"แกเป็นเจ้าของที่นี่เหรอ"
"ใช่!!"
"แล้วขนมพวกนี้แกเป็นคนทำเองด้วยเหรอ"
"ใช่!"
"งั้นที่ฉันบอกว่าขนมอร่อย ดูดี มีคลาส ฉันขอถอนคำพูดทั้งหมด
ขนมของเธอทั้งรสชาติห่วย โลคลาส ไร้รสนิยม เชย โบราณ"
ใบไผ่ยิ่งฟังก็ยิ่งโกรธที่นรารีมาดูถูกขนมไทย
"แล้วดูสิเนี่ย ขนมถ้วยฟู
ก็ฟูเหมือนหัวเธอไม่มีผิด ทองหยิบ มิน่าถึงได้ชอบหยิบของคนอื่น จ่ามงกฎ
ก็คงไม่แคล้วเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ ชอบหลอกผู้ชายหล่อๆ รวยๆ"
ยังไม่ทันที่ใบไผ่จะพูดอะไร วรรษาก็พรวดเข้ามาเพราะทนไม่ไหว
"พูดพอได้แล้วพี่แพน!"
"น้องฝน น้องฝนมาที่นี่ได้ยังไง"
"พี่ไม่ต้องสนหรอกว่าฝนมาที่นี่ได้ยังไง
พี่กลับออกไปได้แล้วก่อนที่ฝนจะตามตำรวจมาพาพี่ออกไป"
นรารีมองหน้าใบไผ่
"ฉันมองแกต่ำไปจริงๆ นี่แกเข้าทางน้องฝนให้เป็นพวกด้วยอีกคนเหรอ เลว เลวที่สุด"
"ไม่มีใครมาบังคับใจฝนได้หรอกนะคะ พี่ไผ่เป็นคนดี
นั่นแหละค่ะคือสิ่งที่ทำให้ฝนเชื่อและเคารพพี่ไผ่"
นรารีชะงัก ปากอ้าตาค้าง
แทบจะกรี๊ดออกมา
"ถ้าพี่แพนยังเสียมารยาทกับพี่ไผ่อยู่ ฝนจะฟ้องพี่วัชร
และฝนเชื่อว่าคราวนี้ พี่วัชรจะต้องเข้าข้างฝน"
นรารีโกรธจนตัวสั่น
คว้ากระเป๋าแล้วจ้ำเดินออกไป ใบไผ่โกรธมาก คิดว่าวชรวรรษกับนรารีจะต้องชดใช้
ใบไผ่จึงไปขอร้องแก้วขวัญว่าถ้านรารีไปออกงานที่ไหนให้บอกเธอด้วย
เรื่องอื่นเธอจะจัดการเอง
"เฮ้อ ก็ได้ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น
ไผ่ต้องรับผิดชอบเองนะ"
"จ้า" ใบไผ่ยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ

ไม่มีความคิดเห็น: