วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2552

แม่ค้าขนมหวาน 6

วชรวรรษมาเคาะประตูเรียกวรรษาอีก
แต่แปลกใจที่วรรษาเงียบไป จึงรีบเอากุญแจมาไขประตู
พอเปิดเข้าไปถึงกับผงะที่ไม่เห็นวรรษาอยู่ในห้อง
เวลาเดียวกันนั้น วรรษาค่อยๆ
เปิดเปลือกตาที่ยังคงหนักอึ้งจากอาการเมาเมื่อคืนขึ้นมาแล้วก็เห็นว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ไม่ใช่ห้องของเธอ
สายตาเหลือบไปเห็นโบรชัวร์วันเปิดร้านขนมหวานวางอยู่บนโต๊ะ
วรรษาหยิบขึ้นมามองด้วยความสงสัย แล้วเห็นเสื้อผ้าตัวเองแขวนอยู่
วรรษาแทบช็อคก้มมองตัวเองเห็นว่าใส่ชุดคนอื่น และชุดนั้นคือชุดนอนผู้ชาย
วรรษาเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้ากลับมาใส่ชุดตัวเอง กล้าๆ กลัวๆ เดินออกมาจากห้องนอน
ระหว่างนั้นใบไผ่ถือชามข้าวต้มเข้ามามา
วรรษาเห็นใบไผ่ก็ตกใจจำได้ว่าเคยเจอกันวรรษาจ้องหน้าใบไผ่อย่างเอาเรื่อง
เพราะเข้าใจว่าใบไผ่เป็นผู้ชาย และเมื่อคืนเธอคงเสียตัวให้กับใบไผ่ไปแล้ว
ยังไม่ทันที่ใบไผ่จะวางชามข้าวต้ม วรรษาก็เดินเข้ามาตบหน้าใบไผ่
"ผู้ชายสารเลว"
"เฮ้ย นี่มันเรื่องอะไรกัน"
"ยังมีหน้ามาถามอีก กินกับปากอยากอยู่กับท้อง
ฉันหลงไว้ใจว่าคุณเป็นสุภาพบุรุษ ที่แท้คุณมันก็ชอบฉวยโอกาสเหมือนผู้ชายคนอื่น"
"เดี๋ยวๆ เธอต้องเข้าใจผิดแน่ๆ"
"เข้าใจผิดอะไร ไม่ต้องมาแก้ตัว
คุณคงทำอย่างนี้กับผู้หญิงมาหลายคนแล้วใช่มั้ย คงทำเป็นขบวนการล่ะสิท่า เลวที่สุด"
วรรษาเข้าไปตบหน้าใบไผ่อีก
"คุณจะต้องเสียใจที่ทำกับฉันแบบนี้
ถ้าพี่ชายฉันรู้เข้า พวกคุณตายแน่ คนชั่ว!! "
วรรษาวิ่งน้ำตาซึมเสียใจร้องไห้กลับไปที่บ้าน
ขณะนั้นวชรวรรษกำลังบ่นเป็นห่วงน้องสาว
พอเห็นวรรษากลับมาก็เดินเข้าไปหาวรรษาด้วยความโมโห
"ยัยฝนหายไปไหนมา"
วรรษาไม่ตอบเดินเลยวชรวรรษไป ยิ่งทำให้วชรวรรษไม่พอใจเดินตามไปพูดให้รู้เรื่อง
เพราะเห็นท่าทางของน้องสาวแล้วคิดว่าต้องมีเรื่องมาแน่
วรรษาเข้ามาในห้องทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง น้ำตาเอ่อ
"นายไผ่ คนบ้า
ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง"
วรรษาเช็ดน้ำตาพยายามลบความเสียใจแต่ระหว่างนั้นวชรวรรษเปิดประตูเข้ามา
วรรษาตกใจรีบปาดน้ำตา แต่วชรวรรษก็เห็นจนได้
"ฝนโดนรังแกมาใช่มั้ย"
วรรษาชะงักหน้าถอดสีจนวชรวรรษจับได้เลยยิ่งโกรธไม่พอใจ
"มันเป็นใคร
ไอ้หน้าตัวเมียนั่นเป็นใคร บอกพี่มา พี่จะไปจัดการมัน"
"พี่วัชรเลิกบ้าซะทีได้มั้ย ไม่มีใครทำอะไรฝน"
"ฝนหายไปทั้งคืนแล้วกลับมาร้องห่มร้องไห้แบบนี้จะให้พี่เข้าใจว่ายังไง
ไม่ต้องกลัว มันเป็นใคร บอกพี่มา"
วรรษายังเงียบไม่ยอมสบตาพี่ชายและไม่ยอมเปิดปากพูด
ระหว่างนั้นทศมาเรียกวชรวรรษบอกว่าพยุทธ์พ่อของนรารีโทรศัพท์มาบอกว่านรารีกำลังมีปัญหา
วชรวรรษไปหาพยุทธ์ที่บ้าน และได้รับรู้ว่านรารีหายตัวไป
วชรวรรษรับปากว่าจะตามหานรารีให้เจอ
พยุทธ์มองวชรวรรษอย่างไม่พอใจที่ทำให้ลูกสาวของเขาเสียใจ
วชรวรรษสั่งให้คนตามหาจนรู้ว่านรารีหลบไปอยู่ที่โรงแรมหรูบนหาดส่วนตัวแห่งหนึ่ง
เขาจึงตามไปที่นั่นเพื่อปรับความเข้าใจกับเธอและตัดสินใจขอนรารีแต่งงาน
ทำให้นรารีซึ่งกำลังเล่นตัวอยู่หายงอนเป็นปลิดทิ้ง
ใบไผ่เขียนคำกลอนลงในการ์ดสีหวานแผ่นเล็ก
เพื่อใช้บรรยายลักษณะของขนมไทยที่เธอจะขายในวันเปิดร้าน แก้วขวัญเดินเข้ามาพอดี
"แค่ชื่อขนมแล้วทำไมต้องแต่งเป็นกลอนด้วยล่ะ"
"ก็ขนมไทยนี่น้าแก้ว
นอกจากจะสวยด้วยรูป รสแล้ว มันก็ต้องหวานหูไปด้วยถึงจะครบเครื่องขนมไทย
เวลาลูกค้ามาเห็น ลูกค้าจะได้เพลิดเพลินกับการเลือกขนม
แล้วก็จะได้รู้ด้วยว่ามันเป็นขนมอะไร"
แก้วขวัญชื่นชมในตัวหลานสาว
แล้วถามว่าถ้าเป็นกล้วยฉาบ ใบไผ่จะแต่งกลอนว่าอย่างไร
สักครู่ใบไผ่เขียนคำกลอนกล้วยฉาบเสร็จ
"กล้วยเอย เจ้ารูปบาง
ประดุจนางถูกเคล้าคลอ หวานหวาน มาพะนอ ฉาบผิวเจ้าวาววับวาม "
"ไม่น่าเชื่อเลยว่าหลานไผ่ของน้าจะเป็นสาวหวานมากๆ มิน่าเขาถึงว่าคนมีความรัก
มักจะเจ้าบทเจ้ากลอน เห็นอะไรก็เกี่ยวโยงกับหัวใจได้หมด"
"น้าแก้วพูดอะไร"
"ไม่ต้องคิดปิดน้าเลย น้ารู้เรื่องหมดแล้ว"
"ยิ่งพูดไผ่ก็ยิ่งงง"
"ทำเป็นไก๋ ลุงกับป้าเล่าให้น้าฟังเรื่องที่คุณวชรวรรษมาหาไผ่ถึงที่บ้าน
แถมยังวางมวยกับเข่ง โดยมีไผ่เป็นเดิมพัน โรแมนติคชะมัด น่าอิจฉาจริงๆ
ทำไมไม่มีหนุ่มหล่อมาทำโรแมนซ์กับน้าแบบนี้บ้างนะ"
"หยุดพูดเลยนะน้าแก้ว
มันไม่ใช่อย่างที่น้าแก้วหรือใครๆ เข้าใจ ไผ่ไม่ได้นึกชอบอะไรไอ้หมอนั่น
เกลียดขี้หน้าด้วยซ้ำ"
"แต่โบราณเขาว่ายิ่งเกลียดอะไรก็จะได้อย่างนั้นนะจ๊ะ"
"ไร้สาระ อย่างไผ่จะมีแต่ยิ่งเกลียดขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีวันญาติดีกับมันแน่
น้าแก้วเลิกพูดถึงมันได้แล้ว พูดถึงไอ้บ้านั่นแล้วอารมณ์เสีย เดี๋ยวจะพาลเซ็ง"
"โธ่ น้าถามจริงๆ เถอะ เราไปหว่านเสน่ห์ หรือทำอะไรให้คุณวัชรเขาทาน
เขาถึงตามเราขนาดนี้"
"น้าแก้ว ไผ่บอกแล้วไงว่าอย่าพูดถึงไอ้หมอนั่น
อย่าเอาสิ่งอัปมงคลมาพูดในร้านของไผ่ ร้านของไผ่กำลังจะเปิด
น้าแก้วต้องพูดแต่สิ่งดีๆ เท่านั้น
ไม่งั้นน้าจะไม่ได้กินทั้งขนมทั้งกับข้าวฝีมือไผ่อีกตลอดชีวิต"
"อ่ะๆ
ไม่พูดแล้วก็ได้ ว่าแต่ไผ่ไม่คิดจะชวนคุณวัชรมาวันเปิดร้านด้วยเหรอ"
"ไม่
แล้วอย่าให้ไผ่รู้นะว่าใครไปบอกไอ้บ้านั่น ไผ่จะเอาให้ตายเลย"
ใบไผ่หงุดหงิดเดินออกไป แก้วขวัญมองตามหลานสาว อมยิ้มรู้ทัน
"ยัยไผ่นะยัยไผ่ ทำปากแข็ง"
วชรวรรษยืนยันกับพยุทธ์ว่าเขาต้องการจะแต่งงานกับนรารีและเขาจะพยายามล้างภาพพจน์มาเฟียที่เป็นอยู่ให้หมด
พยุทธ์จึงให้โอกาสวชรวรรษอีกครั้ง แต่บอกว่าเขาขอให้แค่หมั้นกันไว้ก่อน
ส่วนเรื่องแต่งงานต้องขอให้วชรวรรษพิสูจน์ตัวเองให้ได้เสียก่อน
วชรวรรษกลับมาบ้านพยายามจะบอกวรรษาเรื่องเขากับนรารี
แต่วรรษาไม่อยากฟังเรื่องที่เกี่ยวกับนรารี
ระหว่างนั้นวิชญ์เข้ามารายงานว่าเมื่อคืนวรรษาอยู่กับธราทิตย์ ซึ่งเป็นนายแบบ
วชรวรรษมองรูปธราทิตย์ด้วยความโกรธแค้น
วรรษาเดินเข้ามานั่งในห้องด้วยอาการเหม่อลอยเพราะคิดถึงใบไผ่
ก่อนจะหันไปหยิบโบรชัวร์ร้านขนมหวานของใบไผ่ขึ้นมามองด้วยความคิดถึง
"ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ นิสัยเสีย ฉวยโอกาส เอาเปรียบ ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ
แต่โรแมนติกจัง ผู้ชายขายขนมหวาน"
วรรษายิ้มปลื้ม
ล้มตัวลงนอนมองโบรชัวร์อีกครั้ง แล้วก็เห็นวันว่าพรุ่งนี้เป็นวันเปิดร้าน
เช้าอันสดใสเป็นฤกษ์ดีสำหรับวันเปิดร้านของใบไผ่
บรรดาญาติต่างมาช่วยกันจัดขนมสำหรับวันดีๆ แบบนี้ ธราทิตย์กับแก้วขวัญก็มาด้วย
นาทดีใจมากที่เห็นแก้วขวัญ ใบไผ่ถามถึงวีกับเม่น
"เม่นกับวีบอกว่าบ่ายๆ
จะตามมาแล้วก็ยังฝากฉันมาบอกแกอีกด้วยว่าให้เตรียมอาหารคาวหวานให้พร้อมพวกมันจะมาถล่ม"
"งั้นรีบโทรไปบอกมันเลย ไม่ต้องมาแล้ว ร้านนี้เปิดรับเพื่อนตายไม่ใช่เพื่อนกิน"
"ล้อเล่นน่าไอ้ไผ่ ทำฉุนเฉียว วันนี้เจ้าของร้านต้องยิ้มทำหน้าหวานๆ เข้าไว้
ลูกค้ามาเขาจะได้ชื่นใจ เผื่อไอ้เจ้าพ่อนั่นโผล่เข้ามา เขาจะได้มาขอแกแต่งงานไง"
ทุกคนหัวเราะตามธราทิตย์ ใบไผ่ฉุนไม่พอใจ
"เฮ้ย ตบปากตัวเองเลยไอ้มาร์ค
ถ้าพูดถึงไอ้บ้านั่นขึ้นมาอีกล่ะก็ ฉันจะไล่แกออกไปจากร้าน"
ใบไผ่หงุดหงิดอารมณ์เสียเดินออกมาหลังร้านอย่างเซ็งๆ
"ไอ้เจ้าพ่อบ้า
หลอกหลอนไม่เลิก อย่าให้เจอหน้าอีกนะ แม่จะเล่นงานให้น่วมเลย"
วรรษามาหาซื้อดอกไม้ไปงานวันเปิดร้านของใบไผ่
แต่วรชวรรษมาดักไว้คิดว่าวรรษาจะไปนัดพับกับธราทิตย์ ถามว่าวรรษานัดกันที่ไหน
แต่วรรษาไม่ตอบ วชรวรรษกระชากระเป๋าถือวรรษามาแล้วก็ค้น
แล้วก็เจอโบรชัวร์ร้านขนมหวาน วชรวรรษชะงักจำได้ว่าเป็นร้านของใบไผ่
"พี่วัชร
อย่านะ พี่อย่ายุ่งกับเขานะ อย่าทำร้ายเขานะ"
"มันจะไปที่ร้านนี้เหรอ"
"เปล่าเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น"
วชรวรรษมองวรรษารู้ว่าวรรษาพยายามปกป้องแต่สายไปแล้ว
เขาสั่งให้ทศกับวิชญ์พาวรรษาไปขึ้นรถตู้พากลับไป
ส่วนเขามุ่งหน้าไปที่ร้านของใบไผ่ด้วยความเจ็บใจ
บรรยากาศของการเปิดร้านสนุกสนาน ทุกคนเข้ามายินดีกับหลานสาว
ใบไผ่ต้อนทุกคนเข้าไปด้านใน กำลังจะหันหลังเดินไป เสียงวชรวรรษดังขึ้น
"จะเปิดร้านทั้งที ไม่บอกผมเลยนะครับ คุณมณีรัตนา"
"นายวชรวรรษ นายมาทำไม
กลับไปเดี๋ยวนี้เลยนะ"
"ผมเป็นลูกค้า คุณไม่มีสิทธิ์ไล่ผม"
"ร้านฉันไม่ต้อนรับเจ้าพ่อ นายไม่มีวันได้เป็นลูกค้าของฉันหรอก"
"ไม่เป็นลูกค้าก็ได้ วันนี้ผมมีเรื่องต้องจัดการ ขอตัว"
วชรวรรษพูดจบก็พุ่งเข้าไปในร้าน มองหาธราทิตย์ ใบไผ่ตามเข้ามาติดๆ
"ฉันบอกให้นายออกไปจากร้านฉัน ไม่ได้ยินเหรอไง"
แขกทุกคนเริ่มหันมามองว่าเกิดอะไรขึ้น วชรวรรษไม่สนใจฟังใบไผ่
แล้วเขาก็เห็นธราทิตย์ วชรวรรษไม่รอช้าตรงเข้าไปต่อยเปรี้ยง ทุกคนในร้านตกอกตกใจ
ใบไผ่เลือดขึ้นหน้ารีบเข้าไปขวาง
"นายทำอะไร นายต่อยเพื่อนฉันทำไม"
"ผมขอโทษนะคุณไผ่ แล้วยังไงผมจะชดใช้ค่าเสียหายให้
แต่วันนี้ผมต้องขอคิดบัญชีกับไอ้หมอนี่ก่อน"
วชรวรรษเข้าไปต่อยธราทิตย์อีก
"หยุดนะไอ้เจ้าพ่อบ้าเลือด ฉันบอกให้หยุด"
ใบไผ่ตะโกนบอก แต่วชรวรรษไม่หยุด
กริชได้สติเตือนให้วชรวรรษใจเย็นๆ
"มันเย็นไม่ไหวแล้วล่ะครับคุณลุง
ไอ้หมอนี่มันรังแกน้องสาวผม ผมไม่มีวันยอมปล่อยให้มันลอยนวลอยู่อย่างนี้แน่"
ธราทิตย์ชะงักกับคำว่า น้องสาว ใบไผ่หันไปมองธราทิตย์
วชรวรรษกำลังจะเข้าถึงธราทิตย์ ใบไผ่เข้ามาขวางเงื้อมือขึ้นมาตรงหน้าวชรวรรษ
"ถ้านายยังไม่เลิกบ้า นายได้โดนฉันชกหน้าแน่"
วชรวรรษไม่สนใจจะเข้าไป
ใบไผ่ชกหน้าวชรวรรษทีเดียวเข้าเบ้าตา ทุกคนตกใจ ลูกน้องจะหยิบปืน วชรวรรษห้าม
ลูกค้าในร้านเริ่มแตกตื่น จูงมือกันหนีออก
"นายจะหยุดได้เหรอยัง"
"ยัง!!"
ใบไผ่ชกหน้าวชรวรรษอีกจนลือดกลบปาก วชรวรรษไม่สนใจจะเดินเข้าไป ใบไผ่ฉุนขาด
คว้าถาดขนมขึ้นมาตีหัววชรวรรษอย่างแรง
"โอ๊ย!! เธอตีฉันทำไม"
ใบไผ่ตีถาดใส่หัววชรวรรษไม่หยุด วชรวรรษร้องลั่น แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้าม
วชรวรรษสุดจะทนจับมือใบไผ่หมับ ใบไผ่ตกใจ
"นี่ปล่อยฉันนะ"
วชรวรรษบิดข้อมือใบไผ่ทำให้ถาดหล่น ทันใดนั้นเสียงวรรษาก็ดังขึ้น
"พี่วัชรหยุดนะ!!"
"ฝน!!"
"หยุดทำร้ายเขาได้แล้ว"
วชรวรรษยังไม่รู้เรื่อง เข้าใจว่าวรรษาพูดถึงธราทิตย์ที่ยืนอยู่ด้านหลังใบไผ่
"มันย่ำยีฝนขนาดนี้ ฝนยังไปปกป้องมันอีกเหรอ"
"เขาอาจจะเป็นผู้ชายแย่ๆ
ที่เอาเปรียบฝน แต่ฝนก็ชอบเขา"
วรรษาพูดหนักแน่นแล้วเข้าไปเกาะแขนใบไผ่
ทำเอาวชรวรรษอึ้ง และทุกคนก็ตกใจไปด้วย
"ฝนชอบเขา พี่ได้ยินมั้ย ฝนชอบเขา
พี่อย่ายุ่งกับเขาเด็ดขาด"
"ฝน ที่ฝนหายไปเมื่อคืน เพราะฝนไปอยู่กับคนนี้เหรอ"
"ใช่ และถ้าพี่ยังขืนทำร้ายเขาอีก ฝนจะแต่งงานกับเขา"
ทุกคนยิ่งงงหนัก
กริชกับอุบลจึงบอกวรรษาว่าใบไผ่เป็นผู้หญิง
วรรษาไม่เชื่อเพราะมั่นใจว่าตัวเองมีอะไรกับใบไผ่เมื่อคืน
ใบไผ่จึงต้องยืนยันว่าเธอเป็นผู้หญิง
"ไม่จริง แล้วที่เราจูบกันล่ะ" ทุกคนช็อค
"ไอ้ไผ่ นี่เอ็งคิดเดินทางนี้จริงๆ แล้วเหรอ" นาทเสียใจ
"พอ หยุดเลย
มันไม่ใช่ ไผ่เป็นผู้หญิงร้อยเปอร์เซนต์ หมดเรื่องกันแล้วใช่มั้ย น้อง
พี่เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย คงเข้าใจแล้วนะว่าความจริงมันคืออะไร คราวนี้
ก็มาถึงเรื่องนายกับฉันสักที"
ใบไผ่มองวชรวรรษด้วยความแค้นก่อนจะกระชากคอเสื้อชายหนุ่มออกมาหน้าร้าน
"กลับไป แล้วก็ไม่ต้องมาเหยียบที่ร้านฉันอีก"
"ไผ่ คือฉัน…"
"กลับไป
!!"
วชรวรรษยืนนิ่งมองใบไผ่รู้สึกผิด หน้าร้านมีกลุ่มลูกค้ามุงอยู่
บ่นว่าถ้ารู้ว่าร้านนี้มีมาเฟียมากมายก็คงไม่มา
คำพูดของลูกค้าทำให้ใบไผ่โกรธแค้นหันไปจ้องวชรวรรษอย่างกินเลือดกินเนื้อ
"เพราะนาย นายคนเดียว ทุกอย่างถึงพังหมด"
ใบไผ่โกรธจนน้ำตาคลอ
วชรวรรษเห็นน้ำตาของใบไผ่ก็ถึงกับอึ้ง
เข่งแอบมาคุยกับนาทเป็นห่วงว่าเห็นน้ำตาใบไผ่คราวนี้ อาจจะเป็นลางร้ายสำหรับวชรวรรษ
เพราะเขาจำได้ว่าเมื่อสมัย 10 ขวบ เขาเคยแกล้งใบไผ่จนร้องไห้
รุ่งเช้าใบไผ่เอาไม้หน้าสามมาตีเขาเกือบตาย นาทฟังแล้วใจคอไม่ดี
คืนนั้น
ใบไผ่บุกมาที่ผับของวชรวรรษ วชรวรรษเห็นใบไผ่ก็ดีใจ รีบลุกเดินมาหา
"ฉันดีใจนะที่เธอมา ฉันขอโทษที่วันนี้ฉันทำให้ร้านของเธอวุ่นวาย"
"ไม่ต้องมาขอโทษ ที่ฉันมาหานาย เพราะฉันจะมาสะสาง"
วชรวรรษเห็นท่าทางใบไผ่ก็รู้สึกถึงสิ่งไม่ดีขึ้นมาทันที วชรวรรษหน้าถอดสี
ใบไผ่พูดไปก็เดินเข้าหาวชรวรรษไปด้วย
"นายทำให้คนอื่นเข้าใจร้านฉันผิดจนร้านฉันไม่มีลูกค้าเข้า
นายทำให้ร้านฉันพังพินาศ นายทำให้วันเปิดร้านวันแรกของฉันย่อยยับไม่มีชิ้นดี
เพราะนาย นายคนเดียว นายมันเป็นตัวซวย ตัวอับโชค ตัวอัปมงคล"
ใบไผ่เดินหน้าต้อนจนวชรวรรษถอยวนไปจนชิดกับโต๊ะ
"แล้วเธอจะเอายังไง
ค่าเสียหายทั้งหมดฉันจะชดใช้ให้"
"ฉันไม่ได้อยากได้เงิน
สิ่งที่นายต้องชดใช้ฉันก็คือ นายต้องตาย!!!"
วชรวรรษชะงักกึก
ใบไผ่เดินไปล็อคประตูห้องหันหน้ามาจ้องวชรวรรษกินเลือดกินเนื้อ
วชรวรรษเห็นใบไผ่โกรธมากเลยใช้วิธีลูกผู้ชายหยิบปืนวางไว้บนโต๊ะ
"ก็ได้
ถ้าคุณแค้นผม เกลียดขี้หน้าผมจนอยากให้ผมตายก็เอาเลย ถ้ามันจะชดใช้ให้คุณหายโกรธผม"
ใบไผ่มองวชรวรรษแล้วเข้าไปหยิบปืนขึ้นมา วชรวรรษชะงักหน้าเสีย
"นายดูถูกฉันเกินไปแล้ว คิดว่าฉันไม่กล้ายิงนายเหรอ รู้ไว้ด้วยนะว่าตอนสามขวบ
ฉันใช้หนังยางยิงนก พอเจ็ดขวบฉันใช้หน้าไม้ยิงกระรอก แล้วพอสิบขวบฉันใช้ปืนยิงหนูนา
นายประเมินคนอย่างฉันผิดไปแล้ว นายวชรวรรษ"
วิชญ์กับทศตามวชรวรรษมาหน้าห้อง
เห็นห้องล็อคก็ใจไม่ดี ระหว่างนั้นนรารีเดินมา ถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ยังไม่ทันที่สองคนนั้นจะตอบ เสียงปืนก็ดังขึ้น นรารีรีบบอกให้ไขประตูห้องเข้าไป
วชรวรรษหน้าซีด ตื่นตะลึง ทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้มองแขนตัวเองที่โดนยิง
แล้วมองใบไผ่อย่างไม่เชื่อสายตา
"จำไว้นะนายวชรวรรษ
น้ำตาฉันไม่ได้หมายถึงความอ่อนแอ"
วิชญ์ ทศ นรารีเปิดประตูเข้ามา
นรารีเห็นวชรวรรษก็ตกใจ รีบโผเข้ามาหา ทศกับวิชญ์เอาปืนจ่อไปที่ใบไผ่
แต่วชรวรรษสั่งห้ามไม่ให้ทำร้ายใบไผ่ นรารีบอกให้ทศโทรแจ้งตำรวจแต่วชรวรรษห้ามไว้
บอกว่าเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด
"จำคำพูดของฉันเอาไว้นะนายวชรวรรษ"
ใบไผ่วางปืนแล้วก็เดินออกไป

ไม่มีความคิดเห็น: